- ดื่มครั้งที่ 31 -
ช่วงสายของวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ปราศจากการเรียนการสอนของนักศึกษาปีสามคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาคคอมพิวเตอร์กราฟิก ผมนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเนื่องจากอากาศในวันนี้ยังคงความเย็นเหลืออยู่ เพราะเมื่อคืนฝนหลงฤดูเทลงมาอย่างหนัก ความสัมพันธ์ของผมกับพี่จีบผ่านมาเป็นปีแล้ว ความรักยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่มีเปลี่ยนแปลง และดูเหมือนว่าพี่จีบจะเอาใจผมมากขึ้นด้วยหลังจากที่เราเป็นของกันและกัน คิดแล้วก็เขินไปอีกชีวิต
"คิส"
เสียงเรียกที่แสนคุ้นหูดังขึ้นจากด้านนอกห้องนอน ผมเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรงไปหมด เพราะเมื่อคืนพี่จีบดันจัดหนักในรอบอาทิตย์น่ะสิ โหย ใจคอจะไม่ให้ผมหนีเที่ยวสุดสัปดาห์ได้เลยใช่ไหมเนี่ย
"อือ"
ผมครางเบาๆออกมาก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหัว ยังไม่อยากตื่นเลย ไม่มีแรงจะขยับตัวไปไหนด้วยซ้ำ ระบมไปหมด ต้องโทษพี่จีบเลยนะ เจ้าคนหื่นกาม!
"คิสครับ ตื่นได้แล้ว"
ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาหากัน ผมยิ่งขดตัวแน่นขึ้นและจับผ้าห่มไว้มั่นป้องกันการดึง แต่พี่จีบทำเพียงแค่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้วขยับเข้ามากอดทั้งอย่างนั้น
"อือ ไม่เอา ออกไปเลยนะ"
ผมบ่นเสียงอู้อี้แล้วดิ้นขลุกขลักไปมา ยังงอนเรื่องเมื่อคืนอยู่เลย บอกว่าให้แค่รอบเดียวแต่นี่ล่อไปสามรอบ หึ ไม่เอาให้ตายคาเตียงไปเลยล่ะ
"ยังงอนอยู่อีกเหรอคนดี"
เสียงทุ้มนุ่มถามกลับมา อ้อมแขนแกร่งกระชับกอดกันแน่นขึ้นอย่างออดอ้อน ผมอยากจะงอนเขาได้สักหนึ่งวันเผื่อความหื่นที่มีจะลดลงบ้าง แต่แค่ครึ่งชั่วโมงผมยังทำไม่ได้เลย ก็ใช้การง้อแบบนี้เนี่ย ให้ใจแข็งยังไงไหวล่ะ
"พอเลยพี่จีบ ขยับออกไปเลย ผมจะลุกแล้ว"
ยังคงแสร้งทำเสียงแข็งทั้งๆที่กลั้นยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว พี่จีบคลายกอดกันผมเลยขยับตัวโผล่หัวออกมาเจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องมองกันอยู่ ดวงตาคมฉายแววอ่อนโยนทุกครั้งที่มองมา ริมฝีปากหยักเคลื่อนมาประทับรอยจูบลงบนหน้าผากอย่างนุ่มนวล ฮึ่ย เขินเว้ย
"ขอโทษนะครับที่เอาแต่ใจไปหน่อย"
แต๊ะอั๋งกันเสร็จยังขอโทษด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นยิ้มเอาไว้ ก็ไม่อยากให้พี่จีบได้ใจนี่หว่า เดี๋ยวจะเคยตีวหาว่าผมเป็นคนง้อง่ายอีก
"อือ หิวแล้วอ่ะ"
ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนจะใช้มือเกาหัวแกรกๆ ไม่ได้สระผมมาสองวันเพราะความซกมกของตัวเองล้วนๆ แต่พี่จีบก็ไม่ได้บ่นสักคำด้วย สงสัยมันยังไม่ส่งกลิ่นเท่าไหร่
"เตรียมข้าวต้มซีฟู้ดร้อนๆไว้ให้แล้ว รีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันเลย"
พี่จีบเอื้อมมือมาตีก้นกันก่อนจะลุกเดินออกไปด้านนอก ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะไปทำตามคำสั่งของพ่อทูนหัวให้เรียบร้อยแล้วเดินไปนั่งทำหน้าอึนที่โต๊ะอาหาร เขาตักข้าวต้มมาเสิร์ฟให้ถึงที่แถมโรยขิง ผักชี พริกไทยให้กันอีกด้วย จะมีใครน่ารักไปกว่าแฟนผมอีกน้า มีความสุขสุดๆไปเลยนะเนี่ย
"กินเยอะๆ บำรุงร่างกาย"
พี่จีบตักกุ้งตัวโตจากถ้วยของตัวเองมาให้กัน ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะตักข้าวต้มพูนช้อนมาเป่าแล้วงับเข้าปาก อืม... ฝีมือพี่จีบไม่เคยตกจริงๆนะ อร่อยเสมอ ถ้าไม่ติดว่าเรียนจบแล้วเขาต้องเข้าทำงานบริษัทนำเข้าและส่งออกเมล็ดกาแฟของที่บ้านนะ ผมจะยุให้เปิดร้านอาหารซะเลย
"ใช้แรงงานผมแล้วมาเอาใจทีหลังเหรอ"
ผมว่าเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะใช้มือดึงหางกุ้งออกจากปาก ทิชชู่ส่งตรงมาให้กันแทบจะในทันที โอย ดูแลดีขนาดนี้จะไม่รักยังไงไหวล่ะ
"ใครเรียกว่าใช้แรงงานวะ เรียกว่ามอบความเสียวซ่านให้ดีกว่า"
พูดจบแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้กันอย่างอารมณ์ดี ผมนี่สำลักข้าวต้มอย่างแรงกับประโยคที่ได้ยิน โอ้ย แฟนใครวะ ทำไมหน้าด้านขนาดนี้ ตอบ!
"แค่กๆ หยุดพูดไปเลยนะเว้ย"
ผมไอโขลกออกมาแล้วรีบหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอย่างรวดเร็ว รู้สึกเจ็บคอไปหมดจนต้องจ้องตัวต้นเหตุเขม็งก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ พี่จีบหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างสนุกสนานแต่ก็เอื้อมมือมาลูบหัวกันแบบละมุนละม่อมอีก ฮึ่ย
"โอ๋ๆนะเมีย มาให้จูบหน่อย"
ไม่ว่าเปล่าแต่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกเราแตะกัน ผมกำลังจะผละตัวหนีแต่มือหนากับรั้งต้นคอเอาไว้อย่างรู้ทัน เกลียดชะมัดเลย
"ไม่เอา เหม็นกลิ่นผักชีจะตาย"
ผมย่นจมูกใส่แล้วพยายามใช้สองมือผลักอกของเขาให้ถอยห่างออกไป แต่มันไม่ได้ผลเมื่อริมฝีปากหยักกดจูบลงมาจนได้ ก็ว่าจะไม่เคลิ้ม... แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้อีกคนรุกล้ำเข้ามาอย่างใจอ่อน เพราะรักหรอกน่าถึงยอมขนาดนี้
"อือ"
ผมครางเสียงแผ่วในลำคอเมื่อริมฝีปากถูกครอบครองและดูดดึงจนเกิดเสียงน่าอาย รู้สึกร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมาซะอย่างนั้น ในใจนึกกลัวว่ามื้อเช้าของพี่จีบจะกลายเป็นตัวของผมเอง แต่ยังไม่อยากหยุดเลยไง ปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน กำลังเพลิน
"เป็นอาหารเช้าให้พี่ไหม"
พี่จีบผละจูบออกแล้วถามกันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ผมเม้มปากแน่นก่อนจะกำมือทุบลงบนอกแกร่งแล้วขยับตัวหนีทันที นี่ยังระบมไม่หายมาถามกันแบบนี้อีก วันหยุดไม่ต้องนอนเป็นผักเหี่ยวอยู่แค่บนเตียงหรือไง
"ยังไม่พออีกหรือไง เลิกหื่นสักวันเถอะพี่จีบ"
ผมว่าก่อนจะตักข้าวต้มใส่ปากอีกครั้ง เนี่ย ข้าวก็เพิ่งกินไปได้สองสามคำ จะเอาแรงที่ไหนไปทำกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียงเล่าพ่อคุณ ปล่อยผมให้มีความสุขกับมื้ออาหารธรรมดาๆบ้างเถอะ
"ล้อเล่นน่า จริงจังไปได้"
พี่จีบหัวเราะออกมาเบาๆแล้วทิ้งตัวลงนั่งกินข้าวเช้าจ่อไปเงียบๆ หลังจากจัดการเรียบร้อยผมก็เป็นคนเก็บจานไปล้าง ทีแรกพี่จีบขัดไว้เพราะเห็นว่ายังระบมตรงส่วนนั้น แต่เรื่องแค่นี้คนอย่างนายอินธิพัฒน์ทนได้อยู่แล้ว
"คิส ไปทะเลกัน"
ผมที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาออกแบบคาแรกเตอร์งานสร้างการ์ตูน 3D อยู่เงยหน้าขึ้นมองพี่จีบแทบจะในทันที หัวคิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิงแล้วถามกลับไปเสียงเครียด
"อะไรนะ อยู่ๆมาชวนผมทะเลาะ"
พูดจบก็เบะปากใส่ไปหนึ่งที พี่จีบถึงกับชะงักแล้วหลุดหัวเราะก๊ากออกมาจนผมทำตัวไม่ถูก อะไรวะ ทำอะไรผิด ก็ได้ยินว่าชวนทะเลาะ แล้วตอนนี้มาหัวเราะใส่กันซะอย่างนั้น ตามไม่ทันเว้ย
"ใครชวนมึงทะเลาะเนี่ย พี่ชวนไปทะเลเว้ย ทะเลน่ะ"
พี่จีบกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดงแต่สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาอีก ผมได้แต่นั่งเกาแก้มแก้เขิน ยิ้มแห้งๆส่งไปให้กัน หน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บเลยกู ฮือ
"ขอโทษที ได้ยินไม่ชัดอ่า"
"ตกลงจะไปหรือไม่ไป"
"ไปเมื่อไหร่"
"ตอนนี้ล่ะ"
"เฮ้ย กะทันหันไปป่ะวะพี่"
ผมเบิกตากว้างเมื่อทุกอย่างมันรวดเร็วแบบนี้ แต่ใจนี่ลอยไปอยู่ที่ทะเลเรียบร้อยแล้วเว้ย ไม่ได้ไปตั้งนาน เอะอะๆขึ้นเหนือตลอด
"จะไปไหมล่ะ พัทยาใกล้ๆ วันอาทิตย์ค่อยกลับ"
พี่จีบดึงผมขึ้นมาจากพื้นแล้วบังคับให้นั่งลงบนตักกัน คางมนเกยอยู่ที่หัวไหล่ ลมหายใจร้อนๆกระทบกับซอกคอทำให้รู้สึกสยิวยังไงชอบกล ขนลุกไปหมดแล้ว จะกี่ครั้งก็ไม่ชินสักทีกับการใกล้ชิดกันแบบนี้
"กะ ก็ได้ แล้วจะไปกันแค่สองคนเหรอ"
ผมถามกลับแล้วพยายามย่นคอหนีเพราะพี่จีบแกล้งใช้จมูกไล้ไปตามซอกคอ ฮื้อ ไม่เอาแบบนี้นะ เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปไหนกันพอดี พี่แค่แกล้งแต่ผมจะหื่นจริงแล้วนะเว้ย คนบ้า!
"จะชวนใครก็เอาสิ ไม่สนใจอยู่แล้ว ยังไงพี่ก็หาทางลวนลามคิสได้"
พูดจบก็ใช้ปากงับซอกคอกันเบาๆจนผมสะดุ้งเฮือก หน้าร้อนวูบวาบกับสัมผัสแนบชิดแบบนั้น ยิ่งคำพูดกระซิบข้างหูเมื่อครู่นั่นอีก นี่กำลังบังคับให้ผมยอมเสียตัวให้อีกครั้งใช่ไหม ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ
"เลิกคิดเรื่องลามกก่อนดิ"
ผมหมุนตัวนั่งคร่อมตักแล้วเผชิญหน้ากัน แขนยกขึ้นคล้องรอบคออีกคนไว้หลวมๆก่อนจะก้มหน้างับคอพี่จีบคืน ปากบอกให้หยุดแต่ผมกลับแสดงออกตรงข้าม มันคือการเอาคืนนั่นเอง ไม่ต้องตกใจหรอกนะ หึหึ
"งั้นก็เลิกยั่วก่อนสิ เดี๋ยวทริปก็โดนพับเก็บกันพอดี"
พูดห้ามกันแต่มือหนากลับยกขึ้นบีบคลึงสะโพกอย่างเมามัน นี่มันคู่รักซึนเดเระแห่งปีชัดๆ ผมตีมือพี่จีบก่อนจะจับเอาไว้แน่นไม่ยอมให้ลวนลามต่อได้อีก แล้วโน้มหน้าลงไปขโมยจูบเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืน
"โทรไปชวนไอ้ออยกับภีมก่อนนะ"
ผมยกยิ้มกวนๆใส่พี่จีบแล้วคว้าเอาโทรศัพท์กลับเข้าห้องนอน ระหว่างรอต่อสายก็รื้อเสื้อผ้าที่ต้องการมายัดใส่กระเป๋า พี่จีบก็เดินตามมาทำอย่างเดียวกันไปเงียบๆ ไม่นานนักไอ้ออยสาวสวยประจำกลุ่มก็รับสาย
'ฮัลโหล ~'
เสียงสดใสยิ่งกว่ายืนบนไหล่เขาดังแทรกเข้ามา แต่ฟังแทบไม่รู้เรื่องเหมือนเพื่อนตัวดีกำลังอยู่ในที่คนพลุกพล่าน
"มึงอยู่ไหนอ่ะออย"
ผมหนีบโทรศัพท์ไว้กับหัวไหล่ก่อนจะหยิบของที่จำเป็นยัดใส่กระเป๋าต่อ พี่จีบคงเห็นความลำบากเลยแย่งทุกอย่างไปทำซะเอง ผมกล่าวขอบคุณเขาแบบไร้เสียงแล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งลงปลายเตียงเพื่อจะคุยโทรศัพท์ได้สะดวก
'อยู่พารากอน มึงมีอะไรหรือเปล่า'
"ว่าจะชวนไปทะเลอ่ะ"
'ไปวันไหน'
"วันนี้"
'ไอ้เชี่ย ไม่บอกกูพรุ่งนี้เลยล่ะคะเพื่อน กูไม่ว่างเว้ย กำลังจะดูหนังกับพี่!'
มันโวยกลับมาเสียงดังจนผมต้องย้ายโทรศัพท์ออกจากหูแล้วทำปากขมุบขมิบใส่ พี่จีบหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางของผมก่อนจะหันกลับไปจัดของต่อ
"ก็พี่จีบชวนกะทันหันอ่ะมึง"
ผมพูดเสียงอ่อยกลับไป ดูท่าทางมีหวังจะได้ไปด้วยกันแบบสองต่อสองแน่ๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป แต่ผมไม่เคยไปทะเลกับเพื่อนไง ถึงจะเคยแต่มันก็นานมาแล้วจนลืมบรรยากาศแบบนั้น
'เชิญไปสวีทกับผัวสองคนเถอะค่ะเพื่อน ถ่ายรูปมาฝากเยอะๆละกัน'
มันบอกน้ำเสียงประชดจนผมนึกหมั่นไส้ แล้วอะไรคือการบอกให้ผมไปสวีทกับผัวสองคน ใช้คำพูดไม่สมกับความเป็นกุลสตรีเลยไหมล่ะ ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ จริงๆแล้วผมพาลไปอย่างนั้นล่ะ เพราะเขิน ฮือ
"รูปทะเลอ่ะนะ"
ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เผื่อไอ้ออยมันติสท์แตกให้ถ่ายรูปฝรั่งแก้ผ้าเดินชายหาดไปให้มันอีก
'เปล่า รูปมึงกับพี่จีบอ่ะ กูจะส่งให้แอดมินเพจคนดังมหา'ลัย'
แสงมันระริกระรี้ชอบกลจนผมอ้าปากพะงาบๆ จะเอาไปให้แอดมินเพจคนดังฯทำไมวะ ยังไม่อยากโดนแฟนคลับมันกระหน่ำด่านะเว้ย รู้อะไรไหม ทุกวันนี้พอโดนแอบถ่ายรูปไปลงเพจ มีทั้งคนชอบ คนด่า คนหมั่นไส้ แต่ปลงแล้ว เพราะพี่จีบก็ไปไล่ออกความคิดเห็นมันซะทุกรูปเหมือนกัน หึหึ เอาสิ คนของผมก็ต้องปกป้องผมเป็นธรรมดา
"ส่งให้ทำเชี่ยอะไรเนี่ย ไม่เอา!"
'น่าๆ เขาเป็นแฟนคลับจีบคิสน่ะ รับรองว่าไม่เอาไปลงเพจหรอก เก็บไว้ฟินส่วนตัวอะไรงี้'
" โอย รูปเดียวพอ!"
ก็ยังจะใจอ่อนให้เขาหนอคนเรา เพลียใจกับตัวเองจริงๆเลย ไม่ใช่ว่าอยากอวดความรักของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ แค่ทำให้แอดมินเขามีความสุขก็เท่านั้นเอง จริงๆนะ คิสเป็นคนใสใสใครๆก็รู้ ไม่ได้ประกาศความเป็นเจ้าของพี่จีบเล้ย
'ถ้ารูปเดียวขอแบบจูบดูดดื่มนะ'
ไอ้ออยหัวเราะเสียงใสกับคำของตัวเอง ผมนั่งอ้าปากพะงาบๆแก้มร้อนวูบทันที ใครมันจะไปถ่ายรูปแบบนั้นแล้วส่งให้คนอื่นดูกันเล่า ประสาท!
"ไม่เว้ย แค่นี้นะ คุยกับมึงแล้วปวดหัว"
ผมกดวางสายทันทีแล้วนั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว พี่จีบเดินมาแล้วหย่อนตัวลงข้างๆแล้วใช้มือดึงแก้มกันเบาๆอยากหยอกล้อ
"เป็นอะไรหืม หน้ายับย่นเหมือนหมาปั๊กเลยนะ"
พี่จีบว่าก่อนจะยกยิ้มกวนๆให้กัน ผมเหลือกตามองด้วยความหงุดหงิดก่อนจะใช้หัวแข็งๆชนปลายคางอย่างหมั่นไส้ เรื่องอะไรมาว่าผมเหมือนหมาปั๊กกันล่ะ
"โอยคิส เดี๋ยวคางแตก"
พี่จีบยกมือขึ้นลูบคางตัวเองไปมาแล้วส่งสายตาดุๆให้กัน ผมแลบลิ้นใส่ก่อนจะขยับหนีแขนยาวๆที่พยายามจะล็อคคอ อย่างหวังว่าจะชนะผมได้อีกนะ ครั้งนี้ไม่มีทางแน่นอน
"ว่าผมเป็นหมาก่อนทำไมล่ะ"
"ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้งอนจังวะ หรือว่าท้อง"
"ฮึ่ย จะบ้าเหรอ ผมท้องไม่ได้!"
"ใจเย็นน่า ล้อเล่น จะโทรไปชวนใครอีกไหม"
พี่จีบถามก่อนจะดึงผมเข้าไปนั่งตักอีกแล้ว แต่ขี้เกียจขัดขืนเลยไม่ดิ้นหนีไปไหน ปล่อยให้เข้ากอดรอบเอวเอาไว้หลวมๆ
"ขอโทรชวนภีมก่อน ออยมันไม่ว่างอ่ะ"
ผมตอบกลับไปแล้วยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมากดต่อสายหาไอ้ภีม รอเสียงสัญญาณจนแทบสายจะตัดแล้วจึงมีเสียงคนงัวเงียพูดแทรกขึ้นมา
'อือ ใครครับ'
เสียงงัวเงียจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ ให้เดาคนปลายสายคงยังไม่ตื่นเป็นแน่
"ไอ้ภีมไปไหนอ่ะ"
ผมถามกลับไปทันทีเพราะรู้ว่าเป็นพี่ชายของตัวเองรับสายไม่ผิดแน่ แต่ไอ้พี่ดีพนี่สิท่าทางจะไม่รู้ว่าใครโทรไปด้วยซ้ำ
'มึงเป็นใคร มาถึงก็ถามหาแฟนกู'
เอ่อ... ผมเอ๋อแดกไปชั่วขณะก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆแล้วหลุดหัวเราะออกมา อยากรู้ว่าตอนนี้พี่ชายงัวเงียหรือเมากันแน่ ถึงขนาดจำเสียงผมไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย
"พี่ดีพ ผมคิสไง เมาเหรอวะ!"
ผมโวยกลับไปเสียงไม่ดังนัก พี่จีบคงพอจะเดาได้ว่าผมคุยอะไรกันอยู่เลยหลุดหัวเราะออกมาบ้าง แถมมือที่เคยโอบเอวกันไว้หลวมๆเริ่มเลื้อยไปตามขาอ่อนจนผมต้องตะปบเอาไว้ก่อนที่มันจะย้ายเข้าไปอยู่ในขากางเกง
'หา อ๋อ โทษที กูยังแฮงก์อยู่ เมื่อคืนภีมมอมเหล้ากู'
"หา มอมเหล้า นี่พี่เสร็จไอ้ภีมแล้วเหรอ"
ผมถามออกไปด้วยความตกใจ ร้อยวันพันปีไอ้ภีมเคยทำแบบนั้นซะที่ไหนสงสัยจะเอาจริงด้วยการชิงเป็นผัวพี่ดีพซะก่อนที่มันจะตกเป็นเมียแน่ๆ โอย แต่ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้อ่ะ
'เสร็จพ่อง! กูแค่หื่นใส่มันเฉยๆ มันเลยหลอกให้กูกินเหล้าให้เมาแล้วหลับนี่ไง'
เสียงพี่ดีพติดหงุดหงิดจนผมเริ่มกลัว สงสัยจะหัวเสียน่าดูที่พลาดโอกาสปล้ำให้ภีมครั้งแล้วครั้งเล่า พูดไปพูดว่าก็สงสารพี่ชายตัวเองอยู่เหมือนกัน ตอนแรกๆที่เขารู้ว่าผมกับพี่จีบทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาคู่มันไปแล้ว โดนโกรธไปเกือบหนึ่งอาทิตย์แหนะ
"เออๆ ว่าจะชวนไปทะเลอ่ะ ไปด้วยกันป่ะ"
'วันไหน'
ทำไมต้องถามคำถามเดียวกันวะ ไม่พ้นโดนด่าอีกแน่ๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบออกไปไม่เต็มเสียงนัก ไอ้คนที่กอดกันอยู่ก็หายใจรดต้นคออยู่ได้ ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย
"วันนี้อ่ะ พี่จีบเพิ่งชวน"
'เหี้ย ชวนปุ๊ปจะไปปั๊ป ไม่ว่าง มีนัดกินข้าวกับพ่อแม่ไอ้ภีมว่ะ'
เหี้ยเต็มสองหูจนต้องเบะปากมองบนกันเลยทีเดียว แต่ก็ดีหน่อยที่ไม่โดนเทศน์จนหูชา
"อ๋อ จะไปขอลูกชายเขาหรือไง"
ได้ทีขอแซวหน่อยเถอะ สนิทสนมกันจนน่าหมั่นไส้เลยทีเดียว
'หึ ให้กูได้มันเป็นเมียก่อนเถอะน้องชาย โอ้ย ภีมหยิกตูดกูทำไมเนี่ย!'
ได้ยินเสียงโวยวายลอดออกมาทำให้ผมหัวเราะทันที เดาว่าภีมคงเดินกลับมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วบังเอิญได้ยินประโยคเมื่อครู่เข้าให้แน่ๆ
'แค่นี้นะมึง โอ้ยภีม พอแล้วกูเจ็บ!'
แล้วสายก็ตัดไปดื้อๆทำให้ผมนั่งหัวเราะจนตัวสั่นอยู่แบบนั้น สรุปก็เป็นทริปสองต่อสองกับพี่จีบอีกสินะ เพราะรู้มาว่าพี่คินกับพี่แก๊ปนัดกันไปย้อนวัยที่สวนสนุก
ผมลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วขนกระเป๋าลงไปขึ้นรถ BMW เคลื่อนตัวไปช้าๆตามเส้นทางมุ่งสู่พัทยา ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงในการเดินทาง ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของพี่จีบก็ยื่นมาตรงหน้า ผมรับไว้ด้วยความงุนงงแล้วถามกลับไปว่าให้ทำอะไร
"ส่งมาทำไมครับ"
"โทรจองบ้านพักหน่อย"
"อ๋อ... โอเค"
ผมก้มลงมองหน้าจอก็เจอเข้ากับชื่อโรงแรมที่พัก จากนั้นก็กดโทรออกทำเรื่องจองบ้านพักแบบบังกะโลหนึ่งหลังเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ผมวางเครื่องมือสื่อสารลงเมื่อทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยก่อนจะขอนอนพักเพราะยังรู้สึกเพลียๆ จนมาตื่นอีกครั้งก็ตอนพี่จีบปลุกกันนั่นล่ะถึงรู้ว่ามาถึงแล้ว
เราขนของลงจากรถไปที่ล็อบบี้เพื่อรับกุญแจบ้าน หลังจากนั้นก็เอาของไปเก็บไว้และชวนกันมาเดินเล่นริมชายหาด เสียงคลื่นกระทบฝั่งฟังแล้วคล้ายกับเสียงดนตรีที่คอยขลับกล่อมนักท่องเที่ยวให้ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยลง เท้าเปลือยเปล่าย่ำลงบนผืนทรายขาวเนียนละเอียดมันเปียกชื้นแต่ก็ให้ความรู้สึกดี สายลมอ่อนๆพัดกระทบใบหน้ากันให้ความรู้สึกสดชื่น ติดตรงที่ลมทะเลมันเหนียวตัวนี่ล่ะนะ
"เอารองเท้ามานี่ เดี๋ยวถือให้"
พี่จีบแบมือข้างที่ว่างมาตรงหน้า ผมเลิกคิ้วมองก่อนจะส่ายหัวไปมา เรื่องอะไรที่จะใช้แฟนถือของต่ำให้กันเล่า สู้เอามือที่ว่างจับกันไว้ไม่ดีกว่าเหรอ
"ไม่เอา ผมถือเองได้น่า"
ผมบอกก่อนจะปัดมือพี่จีบทิ้งอย่างไม่จริงจังนัก เจ้าตัวไหวไหล่แล้วยอมปล่อยเลยตามเลย เราเดินไปตามชายหาดเงียบๆ แต่แล้วก็มีสาวน้อยสามคนเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา หึ... มาหาพี่จีบแน่ๆ ให้ตายเถอะชีวิต มีแฟนหล่อนี่มันเป็นปัญหาใหญ่โดยแท้จริงสินะ
"เอ่อ... ขอเวลาสักครู่ได้ไหมคะ"
คนที่ดูหน้าตาน่ารักที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น ผมกับพี่จีบมองหน้ากันแว๊บหนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
"ได้สิ มีอะไร"
พี่จีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกไป ส่วนผมยืนเงียบอยู่ข้างๆกันเพื่อรอดูว่าพวกเธอจะทำอะไรต่อ
"ชื่ออะไรเหรอคะ"
เธอถามด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็มีอาการไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ไม่ชัดเจนเท่ากับคนถาม ผมขมวดคิ้วแน่นเพราะเดาได้ว่าไม่ช้าก็เร็วพี่จีบต้องโดนขอเบอร์แน่ๆ ฮึ่ม
"ถามผมหรือถามคนข้างๆ"
โอ้โห... แฟนผมก็ถามอะไรโง่ๆเนอะ ทั้งที่สายตาเขาจับจ้องพี่เป็นประกายระยิบระยับขนาดนั้น แต่การทำเป็นซื่อก็ช่วยยืดเวลาในการตอบคำถามไปได้เยอะเหมือนกัน
"เอ่อ ทะ ทั้งสองคนค่ะ"
"อ๋อ ผมชื่อจีบ ส่วนนี่คิส"
พี่จีบแนะนำตัวให้เสร็จสรรพก่อนจะคลี่ยิ้มบางซึ่งผมก็ทำตาม มันเป็นมารยาททางสังคมน่ะนะ พวกเธอพยักหน้าหงึกหงักรับรู้แต่ไม่แนะนำตัวกลับมา ประหลาดจริงๆ
"เอ่อ... อายุเท่าไหร่คะ"
นี่สอบถามไปทำทะเบียนราษฎร์หรือเปล่าครับคุณ
"ถามทำไมครับ"
คราวนี้เป็นผมเองที่ถามสวนกลับไปเพราะรู้สึกว่าพวกเธอเริ่มก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันมากขึ้น จะบอกว่าผมหวงอีกคนก็ได้ อะไรที่มาทำนองนี้คือตั้งใจจะมาจีบกันทั้งนั้นล่ะ
"อ่า... คือ จะได้เรียกถูกไงคะ"
"ถ้าไม่มีธุระอะไรผมขอตัวนะครับ"
พี่จีบพูดแทรกขึ้นมาแล้วคว้ามือของผมไปจับเอาไว้แน่น พวกเธอดูจะตกตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ไม่น้อยแต่ไม่ได้ถามอะไรออกมาทั้งๆที่แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นมากขนาดนั้น
"คือว่า ขอเบอร์จีบได้ไหมคะ"
ในที่สุดสิ่งที่ผมคิดก็เกิดขึ้น เฮ้อ ผมแกะมือพี่จีบออกแล้วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมเลื่อนมองกันแล้วหันกลับไปมองพวกเธออีกหน
"ผมให้ไม่ได้หรอกครับ"
"ทำไมเหรอคะ"
"เดี๋ยวแฟนจะงอนน่ะครับ"
"อ่า... มีแฟนแล้วเหรอคะ เสียดายจัง"
เธอว่าเสียงอ่อยอย่างน่าสงสาร อาการร่าเริงเหมือนตอนแรกหายไปทันที ดวงตากลมใสนั่นสั่นระริกและเต็มไปด้วยความผิดหวัง
"อืม... ขอตัวนะครับ"
พี่จีบว่าก่อนจะคว้ามือผมไปจับแล้วประสานกันแน่น พวกเราเดินออกมาจากตรงนั้นและได้ยินเสียงพวกเธอไล่หลังมาทำนองว่า 'ฉันบอกแล้วว่าเขาเป็นแฟนกัน ทำไมแกไม่เชื่อ' และ 'ใครจะไปรู้อ่ะ ก็ดูแมนทั้งคู่นี่หว่า' และ 'กรี๊ด เขาน่ารักกันจังเลยแก' จากที่จะโกรธเพราะโดนนินทากลับกลายเป็นว่าเขินไปซะอย่างนั้น
"คิส ไม่งอนเนอะ"
พี่จีบแกว่งมือข้างที่จับกันไว้เบาๆ ผมเงยมองคนข้างๆแล้วส่ายหน้าไปมาเป็นการบอกว่าไม่ได้งอน มีหึงบ้างเล็กน้อยแต่พี่จีบก็ปฏิเสธออกไปชัดเจนแล้วจะเหลืออะไรให้รู้สึกไม่พอใจกันล่ะจริงไหม
"ให้งอนเรื่องอะไรล่ะ พี่เล่นปฏิเสธไปตรงๆแบบนั้น"
ผมว่าก่อนจะแกล้งบีบมือกันแน่นๆ พี่จีบหันมายิ้มละมุนให้กันแล้วดึงมือให้ผมหยุดเดินก่อนจะบังคับให้หันหน้าเข้าหาทะเลยามเย็น พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ทำให้แสงสีส้มกระจายไปทั่วบริเวณ ดูแล้วร้อนแรงแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เหมือนกับคนข้างๆล่ะมั้ง
"น่ารักใช่ไหมล่ะ"
พี่จีบพูดติดตลกก่อนคลายมือที่เกาะกุมกันออกแล้วเปลี่ยนมากอดไหล่แทน ดวงตาคมก้มลงมาจ้องมองกัน ผมย่นจมูกใส่แล้วแกล้งเอาหัวชนอกกว้างด้วยความมันเขี้ยว
"คนอะไรหลงตัวเองเป็นบ้า"
ผมว่าเสียงอ้อมแอ้มเมื่อโดนมือใหญ่กดหัวในแนบลงกับอกเพื่อฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงเป็นจังหวะเดียวกัน หัวใจของกันและกัน
"คิสก็หลงพี่ไม่แพ้กันหรอก"
ผมเถียงไม่ออกเลยได้แค่แกล้งอ้าปากงับอกแกร่งเล่น ตอนนี้ความเขินมันมีมากกว่าที่จะแคร์สายตาใครๆ จะมีคนอื่นมองการกระทำของเราผมก็ไม่สนใจแล้ว ละทิ้งเรื่องคนอื่นแล้วมองแค่ตัวเรากับคนที่เรารักในตอนนี้ก็พอ
"ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้น่า ผมภูมิต้านทานต่ำพี่ก็รู้"
"รู้ไง ก็อยากให้เขิน น่ารักดี"
ไม่รู้ว่าคู่อื่นเขายังจีบกันแบบนี้หรือเปล่าหลังจากที่เป็นแฟนกันแล้ว แต่ผมกับพี่จีบยังหมั่นจะหยอดกันไปกันมาเพื่อเพิ่มความหวานเหมือนมันแรกที่จีบกันอยู่ มันทำให้อบอุ่นใจนะ ไม่เชื่อลองทำดูสิ
"พี่แม่งโรคจิตอ่ะ"
ผมผละตัวออกจากอกแกร่งแล้วใช้มือทั้งสองข้างดึงแก้มพี่จีบด้วยความมันเขี้ยว เขายิ้มและไม่บ่นสักคำว่าเจ็บ แถมยังเลื่อนหน้าผากเข้ามาแตะกันด้วยซ้ำ การกระทำทุกอย่างชะงักลงเมื่อสายตาประสานกัน
"ทำไมนิสัยเสียวะ"
อยู่ๆพี่จีบก็ย่นคิ้วแล้วว่ากันแบบนั้น ผมเบิกตาโตด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าไปแสดงนิสัยเสียๆตอนไหน ประมวลผลอย่างรวดเร็วก็ไม่พบอะไร
"หือ พี่จีบพูดอะไรวะ ผมไม่เข้าใจ"
ผมขมวดคิ้วแน่นเพราะเริ่มเครียดก่อนจะผละตัวออกห่าง แต่พี่จีบกลับใช้มือรั้งท้ายทอยกะนเอาไว้และบังคับให้ประสานสายตากันเหมือนเดิม ดวงตาคมไม่ได้ฉายแววดุดันหรือตัดพ้อแต่อย่างใด มันฉายแววความอ่อนโยนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักจนผมรู้สึกขัดเขินยังไงชอบกล
"นิสัยเสียที่ทำให้พี่หลงหัวปักหัวปำไง ไม่รู้ตัวเหรอ"
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้กัน คำหวานที่ผ่านหูไปเมื่อครู่ทำให้ผมสะดุดลมหายใจของตัวเองไปหนึ่งจังหวะเต็มๆ ใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมา แก้มต้องแดงมากแน่ๆ บ้าเอ้ย
"ฮื้อ พี่ก็นิสัยเสียเหมือนกันเหอะ ทำให้ผมเขินตัวจะแตกขนาดนี้"
ว่าแล้วก็เขย่งเท้าจูบปิดริมฝีปากหยักซะเลย พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วไม่ต้องกังวลว่าใครจะเห็นหรอก ถึงจะเห็นก็ไม่แคร์อะไรแล้ว คนรักเขาจะบอกรักกันช่วยหยวนๆทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วยเถอะนะ ไม่อยากจะอวดเลยว่าการมาทะเลครั้งนี้มีความสุขมากจริงๆ สุขเพราะได้มากับคนรัก สุขเพราะได้รับความรักมากมาย สุขเพราะการดูแลเอาใจใส่ และสุขที่ได้มีกันและกัน
'ผมอาจจะดูโลภมากไปหน่อย แต่อยากขอให้เรามีกันและกันแบบนี้... ตลอดไป'------------------------------------------------------------------
น้ำทะเลที่ว่าเค็มนักหนายังยอมแพ้ให้กับความหวานของจีบคิสเลยครับคุณ 5555555555
หวานจนน่าอิจฉา อยากได้ผู้ชายแบบพี่จีบมาครอบครองจริงๆวุ้ย แย่งของคิสได้ไหมเนี่ย
ดื่มครั้งที่ 32 พี่จีบของเราจะลากสังขารไปฝึกงานแล้วหนา คึคึ
อ่านให้สนุกน้า