ตอนที่ 37 : จัดอันดับ
สวัสดีครับ ผมชื่อ (น้ำ)ชา หรือธนาชา ธนกฤษ อายุ 18 ปี เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่คุณอาจจะเดินผ่านผมไป หากเราเดินสวนกันบนท้องถนน แต่จริงๆแล้วผมก็มีดีนะ ผมมักถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ตั้งแต่อายุยังได้แค่สิบขวบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ที่ใครๆต่างก็ยกย่องให้ผมเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งของผู้ที่จะมีสิทธิได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้นำเชียร์หรือเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยมัณฑณาประจำปีนี้ คู่คี่มากับ ไอ้ต้อม เพื่อนสนิทตัวแสบของผม
การเดินทางเพื่อเข้าสู่การเป็นหนึ่งในสิบสองคนสุดท้ายของเชียร์ลีดเดอร์แห่งมหาวิทยาลัยอันมีชื่อเสียงด้านกิจกรรมเชียร์ เริ่มต้นมาจากอดีตสุดแสนประทับใจของผม จากเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนที่เด็กชายคนหนึ่งช่วยชีวิตผมไว้จากการจมน้ำ จุดสำคัญนั้นก็ได้เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ผมพยายามทำตามเค้าทุกอย่าง เล่นกีฬาเหมือนเค้า เล่นดนตรีเหมือนเค้า ทำกิจกรรมเหมือนๆกับเค้า ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ผมได้เข้าใกล้เค้าทีละน้อยๆ
จนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ผมคว้าโอกาสในการเข้าคัดเลือกให้ขึ้นไปเป็นผู้นำเชียร์บนหอคอยแห่งเกียรติยศ เช่นเดียวกับเค้าคนนั้น คนที่วันนี้ผมสามารถเรียกชื่อเค้าได้อย่างเต็มปากแล้วว่า 'พี่ตอง' นายนาวาพล ขัตติยชาติ อายุ 19 ปี นิสิตชั้นปีที่ 2 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้นำเชียร์ที่โด่งเด่นที่สุดของรุ่น ด้วยเสน่ห์ของหนุ่มนัยตาอบอุ่นภายใต้ทรงผมสกินเฮดสุดเท่ ที่ไม่ว่าสาวแท้สาวเทียมที่ไหนได้เห็น เป็นต้องตาลุกวาว
แต่ใครจะไปเชื่อละว่า วันนี้ความสัมพันธ์ของผมกับพี่เค้าจะลึกซึ้งกันไปถึงไหนต่อไป แม้ว่าหลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดว่าเราเป็นแค่คู่จิ้น(ฟินจิกหมอน)บนโลกของสื่อ ผมต้องยอมรับตามตรงนะว่าตัวผมเองก็ไม่ได้มีแผนไว้สำหรับการต้องมาเป็นแฟนแบบจริงๆจังๆกับพี่เค้าเหมือนกัน รู้แค่ว่ามัน.... ตกหลุมรักไปแล้ว ไปตกหลุมรักเมื่อไหร่น่ะเหรอ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็นตอนที่ได้เริ่มพูดคุยกันจริงจังเมื่่อตอนเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน หรืออาจจะเป็นตอนที่ผมเจอพี่เค้าที่สนามแข่งบ่อยๆ หรือไม่แน่นะ อาจจะเป็นตั้งแต่แรกเมื่อแปดปีที่แล้วก็ได้
พวกคุณคงจะสงสัยกันละซิว่าผมเอาเรื่องของตัวเองกลับมาเล่าอีกทำไม ทั้งๆที่เรื่องราวก่อนหน้านี้ก็บอกเรื่องพวกนี้ไว้หมดแล้ว แล้วก็... ผมยังจะมีอะไรเล่าต่อไปอีกหลังจากบทสรุปความรักที่น่าจะลงตัวดีอยู่แล้ว ก็เพราะว่า.... สำหรับผมแล้ว เส้นทางความฝันกับเส้นทางความรักมันแยกออกจากกันไม่ได้ พี่ตองเคยพูดกับผมไว้ว่า พี่เค้าไม่อยากเป็นเจ้าชายที่รอความรักจากผมอยู่บนหอคอยอย่างโดดเดี่ยว ผมก็เลยอยากไปอยู่ข้างๆพี่เค้าให้ได้จริงๆ ได้ทั้งทำตามความฝันและได้ทั้งอยู่กับคนที่เราหลงรัก (แหวะ พูดเองยังจะอ้วกเองเลย) แล้วก็ที่สำคัญนะ ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก การได้เป็นคู่กันแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องมาให้ปวดหัว พระพุทธเจ้ายังมีมารคอยตามผจญทุกชาติ แล้วคนธรรมดาอย่างผมกับพี่ตองจะไปรอดเหรอ
และนี่คือการเดินทางครั้งสำคัญสู่การเป็นผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนาประจำปีการศึกษานี้ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ผมและ.... กดไลค์กดแชร์ที่รูปของผมด้วยนะครับ....
"ยี๋!!!!! ไม่เอาอ่ะ มึงอย่าโพสเชียวนะ" ผมรีบปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองได้อ่านทันที
"ทำไมวะ นี่กูคิดให้มึงทั้งคืนเลยนะ น้ำขิงก็ช่วยด้วย" ไอ้ต้อมมันยังมีท่าทางยืนยันอย่างมั่นอกมั่นใจว่าข้อความที่มันคิดขึ้นมาให้ผมนั้น เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบสุดๆ "ดูเป็นคำพูดของมึงเอง ใช้ภาษาก็ดี แถมยังเรียกคะแนนได้ชัวร์ๆ สาวกวายต้องคลั่งแน่นอน"
"ภาษาดี? มึงกล้าพูดนะ ชมตัวเองนี่ก็ข้อนึง ไปประกาศบอกชาวบ้านชาวช่องเรื่องกูกับพี่ตองนี่ก็อีกข้อนึง แถมยัง.... หึยยย ไม่เอาอ่ะ จั๊กจี๋สุดๆ ลบๆๆๆ กูคิดเองดีกว่า"
"เห้ย! นี่กูคิดทั้งคืนจริงๆนะเว้ย แล้วมึงลบไปจะเอาอะไรไปโพสวะ คนอื่นๆเค้าก็มีข้อความแบบนี้กันทั้งนั้น ถ้ามึงไม่ทำอะไรสักอย่าง จะไปสู้คนอื่นเค้าได้ไงวะ หรือมึงจะเลิกล้ม ไม่อยากเป็นลีดมอแล้วจริงๆ ทำไม? ได้เป็นศรีภรรยาของพี่ตองแล้วจะลืมความตั้งใจตัวเองว่างั้น"
แป๊ะ
"พูดมาก" เอาไปแดกหนึ่งที ข้อหาแซวกู "ศรีภรรยาอะไรของมึง ก็บอกว่ากูจะคิดเอง เอามานี่" ผมดึงแท็บเล็ตมาจากมือของมัน
"อือหือ ไอ้ชาเย็น นี่กูเข้ามหาลัยแล้วนะมึง แฟนสุดน่ารักก็มีแล้ว เมื่อไหร่มึงจะเลิกตบเกรียนกูซะทีวะ ใครมาเห็นเข้าจะเสียลุคกูหมด"
"ต่อให้มึงจบมามีงานทำแล้ว มึงก็อย่าหวังจะรอดเงื้อมมือกูไปได้เลย ตราบใดที่มึงยังกล้าเหิมเกริมกับกูอยู่"
"เดี๋ยวเหอะมึง กูจะบอกให้พี่ตองเอาคืนมึงให้สาสม"
"นี่มึงยังจะ..."
"เออๆๆๆๆ กูยอมแล้ว กูยอมแล้ว.... แต่ว่ามึงจะคิดข้อความเองจริงดิ พรุ่งนี้ก็ต้องส่งแล้วนะมึง ที่กูช่วยเนียเพราะเห็นว่าช่วงนี้มึงยุ่ง ทั้งซ้อม ทั้งเรียน ทั้งช่วยงานที่โรงพยาบาล แล้วไหนจะเรื่องติวให้พี่ตองกับพวกเพื่อนๆพี่เค้าอีกอ่ะ เออ ว่าแต่ มึงยังสอนพวกวิศวะปีสองอยู่อีกเหรอวะ ไหนน้ำขิงบอกกูว่า แค่รอบเก็บคะแนนสิ้นเดือนที่แล้วไง"
"ไม่รู้ว่ะ กูเริ่มแล้วอ่ะ ไม่อยากหยุดกลางคัน พวกพี่เค้าอาจจะสอบผ่านครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าครั้งต่อไปจะสอบผ่านอีก เท่าที่กูคำนวณดู พวกพี่เค้ายังไม่พ้นขีดอันตรายว่ะ ขออีกซักเดือนนึงละกัน เอาให้แน่ใจว่าเกรดออกมาน่าพอใจชัวร์ๆ กูก็ปล่อยแล้วล่ะ"
"แม่พระสุดๆ ไอ้ชาเย็นเพื่อนกู ทั้งเก่งทั้งแสนดีแบบนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมสยบแบดบอยสาวล้นเมืองอย่างเจ้าชายตองได้อยู่หมัด"
"ไอ้..."
"กูชมมึงอยู่นะเพื่อน กูชมๆ แต่มึงก็อย่าหักโหมเกินไปละกัน เดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวป่วยขึ้นมา กูไม่ค่อยมีเวลาดูแลมึงเหมือนแต่ก่อนแล้ว"
"เพราะมึงเอาเวลาไปกกอยู่กับลูกพี่ลูกน้องกูอะนะ"
"แน่น๊อน แฟนกูน่ารักนี่หว่า... ชิบหายละ นี่กี่โมงแล้ววะ กูลืมไปเลยว่าน้ำขิงรออยู่"
"มึงจะบ้ารึไง นี่มันยังไม่ถึงเวลากิจกรรมห้องเชียร์เลย มึงเห็นไหมเนีย เราสองคนก็รออยู่หอประชุมกันแค่สองคน มึงนี่ก็ช่างบ้าเนาะ เร่งกูแดกข้าวอยู่ได้ พวกลีดมอเค้านัดตั้งบ่ายโมงครึ่ง อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเริ่ม ไม่ต้องพูดถึงเวลาเลิกเลย มึงได้ซ้อมอีกยาวแน่"
"อ้าวเหรอ กูห่างน้ำขิงแค่หนึ่งนาทีก็รู้สึกเหมือนหนึ่งปี มึงไม่เป็นแบบกูบ้างเหรอ"
"จะอ้วกก็เสียดายข้าว"
"อิจฉาอะดิมึงอ่ะ พี่ตองคงไม่หวานเท่ากูหรอก กูรู้" มึงแน่ใจได้ไง "แต่ที่กูพามึงมาเร็วก็เพราะว่า เราจะได้เป็นจุดเด่นให้พวกพี่เค้าเห็นไง ว่าเรามีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา แถมยังหน้าตาดีขั้นเทพ ที่สำคัญเลยก็คือ พี่ตองจะได้มองเห็นมึงเป็นคนแรก เพราะพี่เค้าต้องมาทำงานเป็นพี่ลีดเต็มตัวแล้วก็เลยไปรับมึงเพื่อเจอหน้าเป็นคนแรกไม่ได้ นี่กูทำเพื่อมึงอยู่นะเพื่อน"
"กูควรจะซาบซึ้งไหม... แล้วก็อีกอย่างนะ มึงอ่านกติกามาไม่ครบหรือไง ในไลค์กลุ่มเค้าก็ประกาศไว้ รอบแรกอ่ะให้บุคคลทั่วไปเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่พวกพี่ๆเค้า ต่อให้มึงมาตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ช่วยอะไรหรอก"
"มึงนี่มันฉลาดไม่หมดจริงๆ พวกพี่ลีดนี่แหละที่จะเป็นฐานเสียงที่ดีให้พวกเราได้เว้ย ถ้าพวกพี่เค้าชอบเรา คนอื่นๆมีเหรอวะที่จะไม่ชอบ"
"ทฤษฎีอะไรของมึงวะ"
"มึงเชื่อกูเหอะน่า"
"นายๆ"
ใครเรียกหว่า?
อ้าว มีคนเข้ามาแล้วเหรอ นึกว่าจะมีแค่ไอ้ต้อมคนเดียวที่ประสาทแดกมาก่อนเวลาขนาดนี้
"นายคือน้ำชาคณะวิทย์ใช่ป่ะ?"
"เอ่อ..." ตอนนี้ทั้งมหาลัยจะเรียกกูด้วยชื่อนี้จริงๆใช่ไหม "ใช่ แต่เรียกเราว่า ชา เฉยๆดีกว่านะ ให้พวกผู้หญิงเรียกเต็มก็พอแล้ว ผู้ชายด้วยกันมาเรียกแบบนี้ รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้"
"ไม่เห็นเป็นไรนิ อ่อ เราชื่อข้าวเจ้านะ อยู่คณะสังคม เรียกเราว่า... ก็เรียกว่า ข้าวเจ้า นี่แหละ"
"ย.. ยินดีที่ได้รู้จัก"
โอ้ มาย ก็อดดด
ในโลกนี้มีผู้ชายที่กล้าเรียกชื่อแทนตัวเองด้วยคำสองพยางค์อยู่ด้วยเหรอ ผมนี่อึ้งไปเลย แต่ก็พอจะรับได้ เพราะเค้าก็เป็นคนหน้าตาดี ขาวตี๋และมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอด ใช้ชื่อไหนก็คงไม่น่าเกียจ แถมยังดูอัธยาศัยดีด้วย
หลังจากรออยู่บนหอประชุมประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มมีเด็กปีหนึ่งเข้ามากันมากขึ้น บางคนผมพอจะจำหน้าได้จากที่เคยเห็นเมื่อตอนวันปั๊มตราประทับลีดมหาลัย บางคนก็จำได้เพราะเคยเห็นในทีวี แต่ที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ... หน้าตา
จะมีสถานที่ไหนในประเทศนี้ที่บรรจุรวมคนหน้าตาดีไว้ด้วยกันได้เยอะขนาดนี้อีกไหม
"น้องๆคะ ได้เวลารวมตัวแล้วค่ะ"
ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้ว
พวกรุ่นพี่ลีดมหาลัยเข้ามาในหอประชุมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งผมเองก็รู้จักหน้าค่าตาดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเค้าเป็นที่หลงไหลของคนทั่วไป ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องๆผู้เข้าคัดเลือกลีดเหล่านี้ ที่ต่างพากันแอบกรี๊ดกร๊าดกันไปทั่ว
แล้วนั่นพี่บุ๋นไปทำอะไรมาวะ ทำไมมีผ้าก็อตพันแผลที่แขนทั้งสองข้างเลย พี่ท๊อปก็มาที่นี่ด้วย ไหนบอกว่าไปดูงานที่ส่วนสแตนไงวะ อะไรเนีย งงไปหมด
เอ่อ..... พี่ตองเดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับเสียงฮือฮาที่มากกว่าคนอื่นๆ แต่ว่าที่ช็อคสุดๆนั่นก็คือ....
พี่แอม
วันนี้โจทก์เก่าของผมโผล่เข้ามาในหอประชุม เป็นการพบกันอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์ต่อปากต่อคำกันอย่างไม่ไว้หน้า แต่พี่เค้าดูจะไม่แสดงความเป็นนางพญาอย่างที่เคย ดูแปลกตาไปเลย
"ไม่ช้านะคะน้องๆ เร็วกว่านี้ค่ะ" พี่หนิงนั่นเองที่เป็นคนตะโกนจนลั่นหอประชุม เด็กปีหนึ่งที่อ้อยสร้อยต่างรีบไปรวมกันที่ด้านหน้า "จัดแถวตามคณะนะคะ มีป้ายตั้งไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ทำเวลาหน่อยค่ะ พี่ๆทีมงานกำลังจะมาถึงแล้ว"
แต่ยังไม่ทันได้พูดจน บุคคลทรงอิทธิพลก็เข้ามาในห้อง ทำเอาเหล่าพี่ผู้นำเชียร์ที่ว่าเปรียบดังหงษ์ ยังต้องหลบถอยกันไปเป็นแถบ
พี่ชมพู่ เจ้าแม่ของตึกลีดมหาลัย
พี่หนุง แมคอัพและสไตล์ลิสขี้หงุดหงิด
พี่นิค ช่างภาพมืออาชีพ
และอีกสามคนที่ผมไม่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่ก็รู้ในทันทีว่าเป็นกลุ่มคนที่สามารถจัดการคนเป็นร้อยๆให้อยู่หมัดได้ในการกระพริบตาแค่ครั้งเดียว
"เอาการ์ดขึ้น"
หือ!?!?!?!?!?
อะไรผักกาดๆนะ นี่กูได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ
"ชั้นบอกให้เอาการ์ดขึ้นไม่ได้ยินหรือไง" พี่ชมพู่สั่งอีกครั้ง เด็กๆทุกคนตกใจและทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยบรรยากาศอันเงียบกริบ ประหนึ่งไม่มีใครอยู่ในหอประชุมเลย "เชื่องช้า ขาดวินัย แล้วนั่นท่ายืนการ์ดอะไรของเธอ แม่สาวผมสั้น!!! ปวกเปียก เป็นถึงตัวแทนของคณะ ซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ ทำไมถึงไม่รู้ว่าการเป็นผู้นำเชียร์ต้องวางตัวยังไง.... อะไรคือความหมายของการเป็นผู้นำเชียร์? เธอหน่ะ ตอบมาซิ"
พี่ชมพู่ยิงคำถามแบบไม่ตั้งตัว ไปยังผู้หญิงคนเดิมที่ถูกตำหนิไปไปมื่อกี๊นี้
"คือ... ผ...ผู้ควบคุมการ..."
"เหรอ เธอจะบอกว่าเป็นคนกำกับสแตนรึไง แบบนั้นไม่ต้องใช้ลีดก็ได้ พี่เชียร์ที่ซ้อมสแตนก็ทำได้ ตอบป่วยๆ ไม่มีแอดติจูดเลย จดชื่อแม่คนนี้ไว้ซิ ให้ไปยืนท้ายแถวโน่น" ชิบหายละไง พี่ชมพู่เวอร์ชั่นโหดสัดรัชเซีย สั่งผู้ช่วยให้มาลงชื่อคนที่ตนเองไม่ชอบใจไว้ "เธอล่ะ ว่าไง"
"ครับ?"
"ก็คำถามเดิมไง ไม่มีไหวพริบเลย นี่ก็จดชื่อไว้อีกคน"
เห้ย!!!! นี่พี่แกไม่สนใจอะไรเลยเหรอ ผมจำได้นะว่านั่นคือรองเดือนมหาลัยจากคณะแพทย์ ความหล่อไม่ทำให้รังสีนางพญาลดถอยลงไปเลย
"เธอ" พี่ชมพู่เรียกอีกคน
"จิตวิญญาณครับ ผู้นำเชียร์คือความภูมิใจในฐานะคนที่เป็นตัวแทน"
"...." ว้าว คนที่ตอบทำให้พี่ชมพู่อึ้งไปนิดหน่อย แล้วคนๆนั้นก็คือ ข้าวเจ้า ฉลาดเหมือนกันแฮะ "ตอบตามตำรา แต่ก็ถือว่าพอได้ แล้วเธอล่ะ ข่าวว่าเป็นคนทำให้คณะวิทย์ได้ธงทองไปไม่ใช่เหรอ ไหนบอกมาซิ ความหมายของผู้นำเชียร์"
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยย
ความซวยมาเยือนกูจนได้ นี่ผมเองพี่ชมพู่ ขนาดผมพี่ก็ไม่เว้นเลยเหรอ
แล้วอะไรคือธงทองวะ... อ้อ ธงเกียรติยศแหงเลย แล้วกูจะตอบว่าไงดี? สมองกูจงคิดเดี๋ยวนี้....
"ต้องหล่อครับ" เอาอันนี้แหละวะ "ต้องเท่ สุภาพ และไม่อ่อนแอครับ"
"........" นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเห็นพี่ชมพู่มองผมด้วยสายตาแบบนี้ นับจากวันที่ผมถูกพี่เค้าสอนเมื่อตอนก่อนจะเปิดเทอม ส่วนพี่ตองยิ้มมุมปากเล็กน้อยมาให้ผม "หัวหมอนะ บังอาจจำคำของชั้นมาพูด" นี่คือกูชมใช่เปล่าวะ "จำไว้ให้ดีนะ พวกเธอทุกคนในนี้ อาจจะเป็นใครก็ได้ที่จะมาเป็นตัวแทนของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนา ถ้าเธอยังไม่รู้ตัวเองต้องหล่อ ต้องสวย ต้องสุภาพเรียบร้อย และมีความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งต่อหน้าสาธารณะชน พวกเธอก็ขาดคุณสมบัติอย่างแรง... แต่ก็เอาเถอะ ยังไงซะปีนี้พวกชั้นก็ยังไม่มีสิทธิคัดเลือกพวกเธอในรอบแรก เพราะฉะนั้นก็สบายใจได้ แต่ก็อย่าได้วางใจไป เพราะถึงยังไงแล้ว พวกชั้นทั้งหกคนก็ยังมีบทบาทในการจัดอันดับให้พวกเธออยู่"
อันดับอะไรวะ
"จากนี้ไปอีกสามวัน จะเป็นวันทดสอบความสามารถของพวกเธอในฐานะเชียร์ลีดเดอร์ พวกปีสองจะทำการสอนพวกเธอทุกคนในเพลง Love Leader แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น"
เดี๋ยววววววววววววววววว
ผมไม่ได้ตกใจในระยะเวลาการซ้อมอันน้อยนิดนะ (เอาจริงๆก็ตกใจนิดนึงแหละ) แต่ที่ช็อคคือ..... ชื่อเพลงอะไรนะ?
ทำไมมีลางสังหรณ์แปลกๆวะ
"หน้าที่ในการซ้อมเป็นของตัวพวกเธอเองที่จะต้องรับผิดชอบ" พี่ชมพู่ยังคงว่าต่อ "แล้วพวกชั้นหกคนนี่แหละที่จะตัดสินอันดับให้พวกเธอ อันดับนี้มีผลอย่างมากในตำแหน่งยืนของทุกคนในวันเสาร์อาทิตย์นี้ ชั้นเหนื่อยที่จะพูดแล้ว ไหน.. เธอ... ชื่ออะไรนะ? ช่างมันเถอะ มาเล่าต่อซิ ให้ชั้นแหกปากอยู่ได้"
"ค...ค่ะ" พี่หนิงรีบเดินออกมาสองสามก้าว "คืออย่างนี้นะคะน้องๆ ในวันเสาร์อาทิตย์นี้เราจะมีการถ่ายทำโชว์จากพวกน้องๆทุกคนในเพลง Love Leader ที่ได้พี่ตองช่วยแต่งเนื้อร้องและทำนองให้...."
นั่นไง กูว่าแล้วววววววววววววววววว
ซื้อหวยทำไมไม่แม่นแบบนี้บ้าง
"....เพื่อใช้ในการลงโปรโมทให้กับน้องๆเอง.... ปีนี้ เราจะมีการใช้กติกาพิเศษเล็กน้อยเพื่อคัดเลือกน้องๆ อย่างที่แจ้งในไลน์กลุ่มคร่าวๆแล้วเนาะ คลิปวิดีโอนี้จะถูกปล่อย ในวันจันทร์พร้อมกับภาพโปรโมทของตัวแทนลีดเดอร์ทุกคณะ แต่พี่คงไม่สามารถให้น้องๆทุกคนมายืนในตำแหน่งหน้าสุดได้นะ เรามีกันเป็นร้อยๆ ดังนั้น พวกน้องจึงต้องแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาให้เห็นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งแถวหน้า ผ่านการทดสอบในเพลงที่พวกพี่จะสอนในวันนี้ ที่สำคัญไม่ใช่แค่เรื่องของตำแหน่งยืนเท่านั้น แต่ลำดับของการอัพโหลดภาพโปรโมทเพื่อนับคะแนนของแต่ละคนก็จะวัดจากการจัดอันดับครั้งนี้ด้วย จากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์เราก็จะมาประกาศผลผู้เข้ารอบกัน จะมีแค่ยี่สิบสี่คนเท่านั้นนะคะ"
"คราวนี้ก็เข้าใจแล้วนะว่ามันสำคัญยังไง" พี่ชมพู่จอมโหดกลับมาอีกครั้ง "ถ้าคิดจะเป็นลีดของมหาลัยนี้ เธอก็ต้องสู้ จากคนเป็นร้อยทำยังไงเธอถึงจะโดดเด่นและเป็นที่จดจำ ตำแหน่งแถวหน้ากับรูปที่ปรากฎมาเป็นคนแรกๆ ไม่ใช่อะไรที่จะมามองข้ามกันได้ การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆพวกเธอทุกคนคงได้เรียนรู้จากการเป็นลีดของคณะมาแล้ว ไหนว่าต่อซิ"
"อ๋อ ค่ะ!" พี่หนิงสะดุ้งนิดหน่อย "ส่วนการทดสอบและประกาศอันดับจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ ที่นี่ ระหว่างนี้น้องๆก็จะต้องผลัดเปลี่ยนกันไปถ่ายภาพโปรโมทของตัวเองที่ห้องข้างๆนะคะ พี่นิคจะดูแลอยู่ที่นั่น แล้วก็อย่าลืมแคปชั่นที่พี่สั่งให้ส่งพรุ่งนี้ด้วยนะคะ จะยาวแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้าพรุ่งนี้ใครส่งช้า พี่จะไม่ลงให้นะ รับผิดชอบกันเอาเองนะคะ.... พี่ชมพู่มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกไหมคะ"
"ไม่มีแล้ว รู้แค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือก็ไปคิดกันเอาเองก็แล้วกัน... อ้อ พวกเธอทุกคนได้เข้าไปในตึกลีดมหาลัยกันแล้วใช่ไหม นั่นน่ะคือความใจดีของชั้น แต่จงรู้ไว้เสมอว่า ถ้าเธอต้องการจะเข้าไปในนั้นอีกครั้งนึง ต้องในฐานะของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนาเท่านั้นสั่งน้องให้เอาการ์ดลงได้"
"น้องๆเอาการ์ดลงได้แล้วค่ะ" พี่หนิงสั่งต่อ
ผมตั้งใจฟังจนลืมไปเลยว่าตัวเองยืนการ์ดอยู่ ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยกายเลย แต่เหนื่อยใจมากกว่า ต้องต่อสู้กับคนเป็นร้อยๆ เพื่อตำแหน่งยืนด้านหน้า ตอนนี้แหละที่ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมตอนนั้นพี่ตองถึงพยายามทวงคืนตำแหน่ง Center มาให้ผม
เหล่าผู้มีอำนาจทั้งหกเดินออกจากหอประชุมไปทันที มาดั่งพายุและไปพร้อมทิ้งหายนะไว้
"เดี๋ยวพวกพี่จะเริ่มสอนเลยนะคะ" พี่หนิงเริ่มกระบวนการทันที "เราจะฉายภาพโปรเจ็คเตอร์วนซ้ำไปเรื่อยๆ น้องๆก็ซ้อมตามท่าเต้นที่เห็นได้เลยนะ จะฟังเพลงก่อนหรือจะซ้อมเลยก็ตามใจ แล้วเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงพี่จะค่อยๆเรียกทีละคณะขึ้นมาเก็บรายละเอียดบนเวที... แต่หลังจากจบเพลงรอบแรกแล้ว ให้น้องลีดคณะวิทย์ไปที่ห้องถ่ายภาพก่อนเลยนะคะ เสร็จแล้วค่อยกลับมาซ้อมต่อ"
ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเมื่อเสียงและภาพจากเพลง Love Leader เริ่มขึ้น
ทุกคนมองที่โปรเจ็คเตอร์เป็นตาเดียว บางคนทำท่าทางตาม เป็นเพลงจังหวะสบายๆที่ค่อนข้างจะมีรายละเอียดของท่าอยู่ไม่น้อย แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวที่สุด ก็เนื้อเพลงนี่ซิ ทำไมมันฟังเหมือน.... ชีวิตของกูเลยวะ
--------------------------
…..LOVE LEADER…..
Hoo… Haa… My Laeder…
จากวันที่เธอได้เดินผ่านไปก่อน จากวันที่เธอไม่มองกลับหลัง
ฉันเฝ้าตามเป็นเงาอยู่ไม่ไกล
เธออาจไม่เคยรู้ว่าฉันอยู่ ไม่เคยรู้มีคนตามไป
ไม่เป็นไร...ไม่หวังให้หันมา
กี่ทางที่อาจจะล้ม มันคง...เป็นทางที่เคยพบเจอ
แค่มีร่องรอยของเธอ ก็พร้อมจะเจอทุกปัญหา
หากเธอได้รู้เมื่อไหร่... คงคิดว่าเพี้ยนสินะ
แต่ไม่ว่ายังไง ไม่หนีจากหลังเธอ
My Love Leader เธอคือผู้นำของหัวใจ
จะออกวิ่งตามไป ไม่ยอม ไม่เหนื่อยล้า
My Love Leader เธอพาความรักของฉันมา
มาตามหา คนกุมชะตาของหัวใจ
มันคือแสงที่ฉันตามไป มันคือทางที่ไม่เข้าใจ
แต่ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนจะไปพบเธอ
อาจจะบ้าที่ไม่ยอมกลับหลัง ทั้งที่อาจจะพังเพราะเธอไม่สนบ้างเลย
แต่ก็ไม่รู้! แค่ยิ้มเฉยๆ ให้กันก็พอ
เธอยังมีแรงเดินอยู่ใช่ไหม
สุดปลายทางยังมีต่อหรือเปล่า
ฉันยังตามเป็นเงาอยู่ไม่ห่าง
เธออาจไม่เคยรู้ว่าฉันอยู่ ไม่เคยรู้มีคนตามไป
ไม่เป็นไร...ไม่หวังให้หันมา
กี่ทางที่อาจจะล้ม มันคง...เป็นทางที่เคยพบเจอ
แค่มีร่องรอยของเธอ ก็พร้อมจะเจอทุกปัญหา
หากเธอได้รู้เมื่อไหร่... คงคิดว่าเพี้ยนสินะ
แต่ไม่ว่ายังไง ไม่หนีจากหลังเธอ
My Love Leader เธอคือผู้นำของหัวใจ
จะออกวิ่งตามไป ไม่ยอม ไม่เหนื่อยล้า
My Love Leader เธอพาความรักของฉันมา
มาตามหา คนกุมชะตาของหัวใจ
ภาพฝันของทุกคืนวัน คือฝันฉันและเธอ
ได้เคียงข้าง ได้กุมมือเธอเพียงสักครั้ง
ไม่ต้องวิ่งตามหลังเธอ อยากมีซักครั้งจัง
จะเก็บภาพลงฝังให้ลึกสุดหัวใจ
My Love Leader เธอคือผู้นำของหัวใจ
จะออกวิ่งตามไป ไม่ยอม ไม่เหนื่อยล้า
My Love Leader เธอพาความรักของฉันมา
มาตามหา คนกุมชะตาของหัวใจ
You are my Leader always…..
(สามารถฟังเพลงนี้ได้ใน
https://www.youtube.com/watch?v=hu9cBhh-Oc0 )
--------------------------------
"...!!!!!!!!!!!!"
ช็อคไปเลยกู
นี่ไอ้พี่ตองบ้ามันเอาชีวิตกูมาตีแผ่แบบนี้เลยเหรอ
ฮืออออ..... กูร้องไห้ตอนนี้ได้ไหมเนี่ย
แล้วมันเอาเวลาที่ไหนไปทำวะ
"พวกเรารีบไปถ่ายรูปกันเถอะ" ผมชวนเพื่อนๆ ไม่อยู่ตรงนี้ดีกว่า
"คิดถึงจัง"
จู่ๆไอ้พี่ตองก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ นี่มันผ่านความวุ่นวายถึงตัวผมเร็วขนาดนี้เลยเหรอ
"ไม่ไปคุมปีหนึ่งซ้อมเหรอ" ผมต้องหาเรื่องพูดแก้เขิน ก็ใครมันจะไม่เขินบ้างล่ะ
"ไปคุมที่ห้องถ่ายภาพ ก็คุมน้องเหมือนกัน แถมได้อยู่กับชาด้วย"
นั่นไง ดูมัน ไม่ต้องมาทำยิ้มกริ่มเลยนะ จะด่ามันว่าบังอาจเอาเรื่องของผมมาแต่งเป็นเพลงตรงนี้ก็ไม่ได้ นี่กูจะต้องโดนมันหยอดไปอีกนานแค่ไหนเนีย
"ไม่ต้องเลย ไปดูคนอื่นโน่น เดี๋ยวเค้าจะหาว่าไม่ดูแลน้อง"
"เปล่าครับ พี่ต้องไปดูแลที่ห้องโน้นอยู่แล้ว หน้าที่ของพี่วันนี้"
สรุปคือ... เออ จะทำไรก็ทำเถอะ มึงทำซะขนาดนี้แล้ว กูยอมแพ้ก็ได้วะ
"แล้ว... ชาชอบเพลงที่พี่แต่งไหมครับ"
ไอ้บ้า กูไม่ตอบหรอก
ไปดีกว่า...
"พี่ตองครับ พี่ตอง"
ผมอุตส่าว่าจะออกจากหอประชุมให้เร็วแล้วนะ แต่ก็มาสะดุดกับเสียงเรียกไอ้พี่ตองของใครบางคน
"พี่แต่งเพลงเพราะมากเลยครับ"
หึ? นั่นมันข้าวเจ้านี่หว่า
"อ...อ๋อ ขอบคุณครับ พี่ก็แต่งไปตามประสบการณ์ชีวิตของคนรอบๆตัวนั่นแหละครับ"
"นึกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากผมซะอีก ตรงกับชีวิตของผมเลย"
"ครับ?"
อะไรนะ?
นี่มึง ไอ้ข้าวเจ้า พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ....
"คือผมหมายถึง... ผมก็กำลังตามหลังใครบางคนอยู่เหมือนกัน" นี่มึงจะพูดอะไรกันแน่ "ฮ่าๆๆ ผมตามหลังพี่มาไงครับ เพราะว่าผมมีของจะให้ นี่ครับ ขนมตาลร้านโปรดที่พี่ชอบกินตอนมัธยม"
"ห๊ะ!?... คือ.. เอ่อ..."
"ทำไมเหรอครับ พี่ไม่ชอบเหรอ ผมนึกว่าพี่ชอบขนมไทยที่ทำมาจากใบตองซะอีก"
"งั้นก็ขอบคุณนะครับ แต่วันหลังไม่ต้องก็ได้นะน้อง พี่เกรงใจ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจ ผมรู้ว่าพี่คงชินแล้วแหละที่มีแฟนคลับเอาของมาให้แบบนี้ ผมชื่อข้าวเจ้านะพี่ ถ้าวันหลังพี่อยากได้.."
"พี่ตอง!! พี่นิคเรียกแล้วครับ"
นี่กูทำบ้าอะไรของกูเนียยยยยยยยย
ไปพูดแทรกบทสนทนาของเค้าสองคนทำไม สมองกูนี่ก็ห้ามปากไม่ทันเลย
"อ... อ๋อ เอ่อ... พี่ขอตัวก่อนนะครับ"
ผมรีบออกเดินไปต่อ ไม่อยู่ต่อหรอกหลังจากทำเรื่องน่าอายออกไป
"ไหนครับ พี่นิคเรียกพี่แล้วเหรอ ไม่เห็นพี่นิคแถวนี้เลย"
"....." ยังจะมาพูดอีกนะ กูจะโกรธหรือกูจะอายดีวะ
"หึงเหรอคร้าบบบบ"
"พูดบ้าไรเนีย" นี่มันที่สาธารณะนะ ดีนะที่เดินรั้งท้ายแถวออกมา "จะทำอะไรก็ทำเหอะ"
"จริงอ่ะ อะนี่ กินไหมครับ ขนมตาล พี่จำได้ ห่อแบบนี้ ร้านป้าแก้วแถวๆโรงเรียนเก่าแน่นอน อร่อยแบบขนมไทยแท้ๆ"
"ไม่กินเว้ย" มึงยังจะกล้ามาชวนกูกินอีกนะ เดี๋ยวก็โบกให้หรอก คืนนี้เตรียมนอนนอกห้องได้เลย
"อ้าว ไหนบอกไม่หึงไง"
"ไม่ได้หึง ไม่ชอบกิน"
"หว้า... ไม่มีใครกิน งั้น... เอาไปทิ้งดีกว่า"
"เห้ยยย เดี๋ยวๆๆ" นี่ก็ไวเหลือเกิน จะโยนลงถังขยะจริงๆด้วย "ของเค้าอุตส่าให้มา จะมาทิ้งเพราะชาได้ไงเล่า เก็บไว้กินเหอะ แต่... ไม่ต้องมาชวนชากินด้วยนะ"
"ฮั่นแน่ หึงจริงๆด้วย" นี่คือมึงจะทดสอบกูใช่ไหม โอ๊ย ไม่รู้ด้วยแล้ว จะทิ้งจะอะไรก็เลยของมึงเถอะ "เดี๋ยวซิครับ อะนี่ไง พี่ทิ้งแล้ว"
เชี่ยยยยยยยย
ทิ้งจริงด้วย!
ต่อหน้าต่อตากูเลย
"ทำบ้าไรเนี่ย ถ้าเค้ามาเห็นว่าพี่ทิ้งของของเค้าจะเป็นยังไง"
"เค้าก็อาจจะโกรธพี่ก็ได้" ยังจะมายิ้มหน้าระรื่นอีก "แต่ว่า......
.......พี่แคร์คนนี้มากกว่า"