“จะกลับบ้านเลยใช่มั้ย?” เสียงห้าวทุ้มถามขึ้นเรียบ ๆ
“อะ...อื้อ” คัตซึฮิโกะพยักหน้ารับ
“งั้น...” ร่างสูงยกมือขึ้นเกาจมูกนิด ๆ แล้วเสมองไปทางอื่น “เอ้า นี่”
เซย์ริวยื่นดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่พรวดไปตรงหน้าคัตซึฮิโกะ เล่นเอาชายหนุ่มมึนงงไปชั่วขณะ
“อะ...อะไร?”
“จะอะไรเล่า ก็...ก็ของขวัญที่ออกโรง’ บาลไง” เสียงนั้นเกือบตะคอก แต่อาการหลบตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั้นบอกชัดว่าเซย์ริวกำลังเขินอาย
คัตซึฮิโกะมองดอกไม้ตรงหน้าอย่างลังเลใจอยู่ชั่วครู่ ถ้าเป็นของขวัญก็ควรจะรับไว้โดยมารยาทสินะ แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากรับของจากเซย์ริวอยู่ดี เขาไม่มีวันยอมยกโทษให้กับเรื่องที่เซย์ริวทำกับเขาเป็นแน่ แม้จะยอมอยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อนก็ใช่ว่าการทำดีด้วยเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้เขายอมลงให้อีกได้
“เอาไปให้ – ฮิ – โร – กิ – ของคุณเถอะ ผมไม่ต้องการหรอก” คัตซึฮิโกะพูด แล้วก็เดินหนีไปอย่างไม่ใยดี
มือแกร่งคว้าแขนของชายหนุ่มได้แล้วกระชากกลับเต็มแรง พร้อมกับเงื้อมืออีกข้างเหมือนจะตบ...คัตซึฮิโกะรู้อยู่แล้วว่าการกระทำของเขาจะทำให้เซย์ริวโกรธแค่ไหน และก็รู้ด้วยว่าอาจจะโดนทำร้ายอีกก็ได้ แต่เขาก็ทำ...เพื่อว่าถ้าถูกทำร้ายอีกครั้ง เขาจะได้ย้ำกับตัวเองได้ชัด ๆ ว่า เขาจะไม่มีวันยอมให้อภัยคนโหดร้ายคนนี้อีกเด็ดขาด
หากมือนั้นไม่ได้ฟาดลงมา...ร่างเพรียวถูกกระชากดึงไปกอดไว้กับอกกว้าง แนบชิดเสียจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นระรัวเร็ว มือใหญ่ลูบลงบนผมนุ่มช้า ๆ ...
“อย่า...” เสียงห้าวกระซิบแห้งเหือด “อย่าบังคับฉันอีกเลย คาซึโกะ...อย่าให้ฉันต้องทำกับแกอีก...”
นับตั้งแต่วินาทีที่เห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของคัตซึฮิโกะ นั่นเป็นครั้งแรกที่เซย์ริวรู้สึกได้ถึงรสชาติขมปร่าของการสูญเสียมาแผ่ซ่านอยู่ที่ปลายลิ้น...และไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมสูญเสียคัตซึฮิโกะไปเป็นอันขาด!
เพราะอย่างงั้นเขาถึงยอมอดทน ไม่ทำอะไรอย่างที่เคยทำมาตลอด ไม่แตะต้องคัตซึฮิโกะ ไม่ทำอะไรรุนแรงกับคัตซึฮิโกะ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คัตซึฮิโกะคนเดิมกลับมา...แต่ดูเหมือนว่าคัตซึฮิโกะพยายามบีบคั้นเขาเหลือเกิน เมื่อกี้นี้ก็เกือบไปแล้ว...ถ้าเขาหยุดตัวเองไม่ได้ จะเป็นยังไงกันนะ
คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง ซบนิ่งอยู่กับอกของร่างสูง ตกใจกับน้ำเสียงของคำพูดนั้นพอ ๆ กับตกใจที่ตัวเองไม่โดนตบ...เขาบังคับเซย์ริวอย่างนั้นหรือ?...คงจะจริง ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เซย์ริวลงมือกับเขา เพื่อว่าเขาจะได้รู้สึกอย่างแน่นอนเสียทีว่าเขาควรจะเกลียดคน ๆ นี้ให้หมดทั้งหัวใจ เรื่องที่เขาเคยพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ เขาก็กลับยั่วยุกระตุ้นอีกฝ่าย แต่เซย์ริวก็ไม่เคยทำอะไรเขา ทั้งที่เมื่อก่อนนี้แม้แต่คำพูดที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดสะกิดอารมณ์ ร่างสูงก็ยังเอาไปเป็นอารมณ์แล้วมาทำร้ายเขาได้ แต่คราวนี้ทั้งที่เขาจงใจยั่วยุ...แต่เซย์ริวกลับไม่แตะต้องเขาเลย คนอย่างเซย์ริวต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนกัน...
ร่างเพรียวค่อย ๆ ดันอกกว้างออกห่าง มองหน้าร่างสูงโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก่อนที่จะผละไปหยิบดอกไม้ที่ตอนนี้หล่นอยู่กับพื้นถนน
“หึ...แกไม่ต้องการมันนี่ จะเก็บมาทำไมล่ะ”
“ทิ้งไว้แบบนี้สงสารดอกไม้มันนะ...”
เซย์ริวไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่หันกลับแล้วออกเดินไปตามถนนมุ่งหน้ากลับสู่ “บ้าน” ของคัตซึฮิโกะ ขายาว ๆ ก้าวอย่างรวดเร็วตามนิสัย แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งถี่ตามมาข้างหลัง ชายหนุ่มก็ผ่อนฝีเท้าลงเพื่อให้คนที่วิ่งตามตามทัน
คัตซึฮิโกะหอบน้อย ๆ เมื่อต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเซย์ริวมาค่อนข้างไกล แต่แม้ว่าร่างสูงจะผ่อนฝีเท้าให้ เขาก็ตัดสินใจที่จะเดินตามอยู่ข้างหลัง
ร่างเพรียวมองตามหลังคนที่เดินอยู่ข้างหน้า แผ่นหลังกว้างนั้นหยัดตรงและท่วงท่าเดินสง่างามนั้นบ่งบอกถึงความทรนงในตัวเองอย่างสูง...ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่คัตซึฮิโกะได้มองแผ่นหลังนี้จนคุ้นตา...
“ทำไมถึงเป็นดอกลิลลี่สีขาวล่ะ?” คัตซึฮิโกะเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ และได้รับคำตอบสวนกลับมารวดเร็วราวกับไม่ต้องเสียเวลาคิด
“เพราะมันเหมาะกับแกยังไงล่ะ”
คัตซึฮิโกะเพียงแต่อมยิ้ม ร่างสูงปรายตามองรอยยิ้มนั้นแล้วก็ยิ้มนิด ๆ เช่นกัน
ดอกลิลลี่สีขาว...เทวดาสีขาว...ทำอย่างไรปีกคู่นั้นถึงจะไม่แปดเปื้อนนะ...
//////////
กลิ่นกายที่ระคนมากับกลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อน ๆ เรือนผมนุ่มมือ ผิวกายขาวนวลเนียน น้ำเสียงแหบพร่าครางกระเส่าแผ่วเบาเมื่อถูกสัมผัส ลมหายใจหอบถี่สะท้อนอยู่ข้างหู และเมื่อกายแกร่งบดเบียดเข้าแนบชิด...
“อ๊ะ...อย่า...ไม่!!!!”
...
ร่างสูงลืมตาโพลงขึ้นมาในความมืด อาการสะดุ้งตื่นของเขาทำให้คนในอ้อมกอดขยับตัวนิด ๆ พร้อมกับครางเบา ๆ อย่างรำคาญ เซย์ริวงุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะนึกออกว่าเมื่อครู่นี้คือความฝัน...หากคัตซึฮิโกะตัวจริงก็อยู่ในอ้อมแขนเช่นกัน
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงต้นขาของร่างเพรียวกำลังเสียดสีอยู่กับความแข็งขึงที่ส่วนกลางกายของเขา เซย์ริวรีบผละออกห่างแล้วลุกขึ้นนั่ง
มือแกร่งยกขึ้นลูบหน้า...นี่มันผิดปกติแล้ว เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่อยู่กับคัตซึฮิโกะมา...เขากำลังฝืนตัวเองมากเกินไปอย่างนั้นหรือ...
เซย์ริวลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย ในหัวมีแต่เรื่องของคัตซึฮิโกะ...แววตา...สีหน้า...น้ำเสียง...ทุกอย่างของคัตซึฮิโกะ...เขาต้องการทุกอย่างนั้น!
แต่อาชญากรหนุ่มก็รู้ดีว่าตอนนี้จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เขาเคยลองแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งที่ถูกสัมผัสคัตซึฮิโกะกรีดร้องราวกับคนบ้าจนเขาไม่กล้าจะแตะต้องมากไปกว่านั้น ทุกวันนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือนอนกอดคัตซึฮิโกะเอาไว้ในยามค่ำคืน ซึ่งนั่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวที่คัตซึฮิโกะไม่ปฏิเสธ
...แต่ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป...เขาต้องคลั่งตายแน่...
มือใหญ่กอบกุมแก่นกายของตัวเองแล้วขยับกระชากรูดหนักหน่วง ดวงตาคมหลับแน่น กลิ่นกายของคนในความฝันยังติดอยู่ที่ปลายจมูก ที่ข้างหูหลอนถึงเสียงกระซิบแผ่วกระเส่าที่เคยพร่ำเรียกชื่อเขา เรียวเล็บที่เคยจิกกรีดลงกับแผ่นหลัง ร่างกายที่เคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อนตอบสนองทุกการเคลื่อนไหวของเขา...ช่างน่าสมเพท! ใครคนนั้นอยู่ห่างไปแค่เอื้อม ได้กอดได้สัมผัสทุกค่ำคืนเสียด้วยซ้ำ...แต่กลับแตะต้องตามที่ใจปรารถนาไม่ได้!
ชายหนุ่มขบฟันกรอดเมื่ออารมณ์เร่าร้อนพลุ่งพล่านถึงขีด เสียงของคัตซึฮิโกะในจินตนาการหวีดก้องอยู่ในสมอง...
“อึ่ก...คาซึโกะ...คาซึโกะ...”
ร่างสูงขยับมืออีกไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยความปรารถนาทั้งหมดให้พวยพุ่งออกมา
ลมหายใจหอบเหนื่อยดูอ่อนล้ากว่าเคย เมื่อเห็นมือที่เปรอะเปื้อนคราบไคลของตัวเองแล้วก็ยิ่งรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
เซย์ริวล้างหน้าล้างมือแล้วเดินกลับมาที่เตียง คัตซึฮิโกะยังคงนอนหลับสนิท ดวงตาที่มีขนตายาวเป็นแพปิดพริ้มไม่รับรู้ความเป็นไปภายนอก...ทั้ง ๆ ที่ใครอีกคนกำลังต้องการเขาจนเจียนบ้า
ร่างสูงนั่งลงที่ข้างเตียงแล้วเกลี่ยผมนิ่มแผ่วเบา
“คาซึโกะ...”
ตั้งแต่เกิดมา เซย์ริวไม่เคยต้องการใครแบบนี้มาก่อน เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม แต่ผู้ชายคนนี้เท่านั้นที่เขาไม่ต้องการปล่อยให้หลุดมือไป...นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน...ไม่ใช่คืนฤดูใบไม้ร่วงที่แสนหนาวเหน็บ...แต่นานกว่านั้น...ที่ซอกตึกแห่งนั้น กลางฤดูร้อน...
“อือ...” ร่างเพรียวขยับตัวนิด ๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงการสัมผัส ริมฝีปากสีจัดขมุบขมิบนิดหน่อยเหมือนจะละเมอ
อาชญากรหนุ่มยิ้มนิด ๆ กับกิริยานั้น...ในเวลาแบบนี้ที่คัตซึฮิโกะยังคงเป็นคัตซึฮิโกะคนเดิม คัตซึฮิโกะที่ไม่มีแววตาเย็นชาเหมือนกับเขา...ใบหน้าคมโน้มลงไปใกล้อย่างห้ามใจไม่อยู่ ริมฝีปากร้อนแตะลงกับเรียวปากนุ่มอย่างแผ่วเบา แต่ก่อนที่จะรุกล้ำไปมากกว่านี้ คนที่นอนนิ่งอยู่ก็ขยับหนีพร้อมกับส่งเสียงประท้วง
“...ไม่...ไม่เอานะ...”
หากเซย์ริวไม่หยุด เขาตวัดแขนโอบร่างเพรียวไว้พร้อมกับบดริมฝีปากแนบแน่นมากขึ้น ก่อนที่จะใช้เรียวลิ้นซอกซอนเปิดทางเพื่อรุกเข้าไปลิ้มรสหวานหวามที่กระหายอยาก
คัตซึฮิโกะรู้สึกตัวได้สติก็เมื่อตกอยู่ในวงแขนแกร่งอย่างไม่มีทางหนี เขาได้แต่ผลักไสร่างสูงอย่างไม่ยินยอม แต่ถึงตอนนี้เซย์ริวก็ทาบทับอยู่เหนือร่างของเขาแล้ว ริมฝีปากขยับเพื่อเปล่งเสียงกรีดร้องแต่ก็ไม่มีผล ทุกถ้อยคำถูกปิดกั้นไว้ด้วยกลีบปากนุ่มจึงได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ
เซย์ริวไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เขาลูบไล้ฝ่ามือร้อนเปะปะไปตามเรือนร่างที่อยู่ข้างใต้ สอดมือเข้าไปในเสื้อยืดตัวหลวมที่คัตซึฮิโกะใส่นอน ตรงเข้าหยอกล้อและขยี้คลึงยอดอกสีเข้มเป็นการกระตุ้น
“ยะ...ไม่...”
ร่างเพรียวพยายามหยุดการรุกรานนั้น แต่ดูเหมือนร่างสูงกำลังคลั่งไปเสียแล้ว ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความดุดันและเรียกร้อง เซย์ริวพยายามเต็มที่ที่จะปลุกเร้าให้คัตซึฮิโกะรู้สึกคล้อยตามไปกับเขา...หากคัตซึฮิโกะกำลังตื่นกลัว
ในตอนแรกคัตซึฮิโกะคิดเพียงว่าตัวเองกำลังฝัน แต่เมื่อทุกสัมผัสค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นเขาถึงได้รู้ว่าไม่ใช่ ริมฝีปากร้อนของร่างสูงยังคงประทับแนบแน่นทำให้ไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้ มือใหญ่เริ่มรุกรานลงต่ำ คัตซึฮิโกะผวาเกร็งไปทั้งร่าง...เขาไม่ต้องการ...
อาชญากรหนุ่มสะดุ้งถอนริมฝีปากออกเมื่อถูกขบกัดจนเลือดออก คัตซึฮิโกะอาศัยจังหวะที่เซย์ริวชะงักไปผลักเต็มแรงแล้วเผ่นลงจากเตียง เมื่อเซย์ริวตั้งตัวได้ คนที่เขาพยายามครอบครองอยู่เมื่อครู่ก็วิ่งหนีออกไปอยู่ที่ระเบียงหลังห้องแล้ว
ร่างเพรียวยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่ตรงนั้น มือหนึ่งยึดลูกกรงระเบียงแน่น แววตาที่จับจ้องมายังร่างสูงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น คัตซึฮิโกะในตอนนี้เหมือนสัตว์ป่าที่กำลังหวาดกลัวถึงขีดสุดและถ้าหากต้อนให้จนมุมมากกว่านี้ก็อาจจะเลือกทางตายเป็นทางหนี
ตอนนั้นเองที่เซย์ริวได้สติ เขาจ้องมองมือที่เกาะลูกกรงของคัตซึฮิโกะ ถ้าเขาเข้าใกล้กว่านี้อีกเพียงเล็กน้อยคัตซึฮิโกะคงกระโดดลงไปแน่...ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่ริมฝีปาก เขาโดนคัตซึฮิโกะแว้งกัดเอาอีกแล้ว แต่เป็นการแว้งกัดที่เกิดขึ้นเพราะเขาไล่ต้อนคัตซึฮิโกะเอง แววตาที่จ้องมองเขามีแต่ความหวาดกลัว...เขาไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนั้น
เซย์ริวไม่ได้พูดอะไรอีก เขาคว้าเสื้อแจ็กเก็ตที่พาดไว้กับเก้าอี้มาสวมแล้วออกจากห้องไปเงียบ ๆ
เมื่อร่างสูงออกไปแล้ว คัตซึฮิโกะถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงนั่งอยู่ตรงนั้น เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมามันก็สงบเรียบร้อยดีมาตลอด เขาไม่ได้ปากร้ายกับเซย์ริวอีกและเซย์ริวก็ไม่ได้แตะต้องเขามากไปกว่านอนกอด...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น...แววตาของเซย์ริวเมื่อตอนอยู่บนเตียงนั้นมันเหมือนกับเมื่อวันแรกที่พวกเขาพบกัน ฆาตกรที่ข่มขืนเขาอย่างโหดร้าย...แววตาของเซย์ริวในคืนนี้เป็นแบบนั้น
คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นกอดร่างที่สั่นเทาของตัวเอง...ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นอีกแล้วหรือ ที่ผ่านมาไม่มีความหมายอะไรเลยอย่างนั้นหรือ เซย์ริวไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยนับจากวันนั้น...เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ...
//////////
เซย์ริวก้าวเท้าฝ่าแสงสลัวของเมืองยามค่ำคืนมุ่งหน้าไปอย่างไร้จุดหมาย เขารู้ว่าเพิ่งทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อครู่นี้ถ้าหากเข้าไปพยายามดึงคัตซึฮิโกะกลับเข้ามาในห้อง เขาแน่ใจว่าคัตซึฮิโกะจะต้องกระโดดลงไปแน่นอน
ความรู้สึกเร่าร้อนที่เกิดขึ้นนั้นมอดดับไปหมดแล้ว ร่างสูงจึงไม่รู้ว่าควรจะไปทำอะไรที่ไหนดี เขาไม่ได้อยากดื่มหรือไปหาซื้อบริการทางเพศจากใคร...ในค่ำคืนแบบนี้ เวลาที่เหลืออยู่ช่างไร้ความหมายเหลือเกิน
รู้สึกตัวอีกครั้ง เซย์ริวก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องเช่าเก่า ๆ ของตัวเอง ชายหนุ่มถอนใจปนหัวเราะ...อย่างนี้จะเรียกกว่ากลับมาตายรังได้หรือเปล่านะ...เขาควานหากุญแจในที่ซ่อนแล้วไขเปิดเข้าไป
ห้องมันก็รกเท่ากับตอนที่เขาแวะมาครั้งก่อน แต่ครั้งนี้ผ้าห่มของเขากลับกองอยู่กลางห้อง เซย์ริวจำได้ว่าตอนที่มาคราวที่แล้วเขาไม่ได้แวะมานอน เมื่อมือใหญ่เอื้อมไปกดสวิตช์เปิดไฟกลางห้อง กองผ้าห่มนั้นก็ขยับขยุกขยิก
“อือ...ใครอ้ะ?”
หัวทุย ๆ กับใบหน้าคุ้นตาโผล่ออกมาจากผ้าห่ม คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างนึกรำคาญคนที่มาขัดจังหวะการนอน
“แกมาทำอะไรในห้องฉัน ฮิโรกิ?” ร่างสูงกอดอกแล้วถามห้วน ๆ
“ก็...มานอนน่ะสิ” ฮิโรกิฉีกยิ้มหวานให้เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นเจ้าของห้องที่ตนมาแอบสิงอยู่
“แน่ใจนะว่าแค่นอน หวังว่าแกคงไม่...” เซย์ริวสอดมือเข้าไปที่หลังตู้ซึ่งเขามักจะใช้เป็นที่เก็บซ่อนเงินเสมอ
“ปล๊าว!! ฉันไม่ได้มาแอบเม้มตังค์แกนะ” ฮิโรกิปฏิเสธเสียงหลงพร้อมกับโบกมือไม้ให้วุ่นวาย “ฉันแค่มานอนจริง ๆ ทะเลาะกับยัยจิอากิน่ะ คราวนี้แพ้เลยต้องระเห็จมานอนนี่”
เจ้าของห้องยังไม่ว่าอะไร เขาดึงถุงใส่เงินออกมานับเงินจนเรียบร้อยแล้วจึงหันไปมองสีหน้ายิ้มกะเรี่ยกะราดเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิดของฮิโรกิ
“พรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนที่ซ่อนเงิน” เซย์ริวพูดลอย ๆ แต่ก็จงใจจะให้ไอ้ตัวแสบรู้ว่าเขารู้ว่าเงินเก็บอยู่ไม่ครบ “ว่าแต่มันเรื่องอะไรถึงมานอนห้องฉัน?”
“ก็...บอกแล้วไงว่าทะเลาะแพ้ยัยบ้านั่น เลยโดนเฉดหัวออกจากห้องมาน่ะ”
“ฉันว่าพวกแกทะเลาะกันแล้วหาทางออกไม่ได้ แกเลยงอนจิอากิแล้วหนีออกจากบ้านมามากกว่า” ร่างสูงยังคงพูดเรียบ ๆ แต่ฮิโรกิเบิกตากว้าง
“ทำไมแกรู้อ้ะ?”
เซย์ริวถอนใจเบื่อ ๆ ถอดแจ็กเก็ตโยนสุมไปแถว ๆ กองผ้าที่ไม่ได้ซักมานานนับเดือน
“ฉันเห็นพวกแกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นี่กะว่าเขาจะตามหาแล้วมาง้อสินะ แต่พอดีเขายังหาไม่เจอเพราะดันมาหมกอยู่ที่นี่...กี่วันแล้วล่ะ สามวัน?”
“พอเลย ๆ เงียบปากไปเลย ฉันเบื่อคนรู้ทันอย่างแกเป็นบ้า” ฮิโรกิว่าพลางทำหน้ามุ่ยเอาหมอนใกล้มือโยนใส่ “เพิ่งคืนที่สองเท่านั้นเฟ้ย แล้วที่ไม่ไปนอนบ้านคนอื่นเพราะมันเรียกร้องจะเปิดซิงแบ็ค เวอร์จิ้นฉัน ฉันเลยจับมอมยาฉกตังค์แล้วเผ่นมานี่”
ร่างสูงกุมขมับฟังไอ้ตัวเล็กของเขาอธิบายเป็นฉาก ๆ แล้วแบมือยื่นไปตรงหน้าฮิโรกิที่ทำหน้างง ๆ
“อะไร?”
“ค่าเช่าห้อง...ได้เงินมาด้วยไม่ใช่เรอะ จ่ายมาซะดี ๆ ” นิ้วเรียวยาวกระดิกเป็นเชิงบอกให้ส่งเงินมา
“เฮ้ย! ใจร้าย แค่อาศัยนอนเอง เนี่ย เก็บห้องให้ด้วยนะ ห้องน้ำก็ล้างแล้ว ขยะก็เอาไปทิ้งให้ ยังจะมาเก็บเงินอีกเหรอ?” ร่างบางลำเลิกบุญคุณ “นี่อุตส่าห์มาเฝ้าห้องให้ด้วยนะ เห็นหายไปไม่กลับเป็นเดือน ๆ กลัวจะมีคนมางัดเอาตังค์ไปนะเนี่ย”
ก่อนที่ฮิโรกิจะพูดมากไปกว่านี้ มือใหญ่ ๆ ก็แปะเข้าที่หน้าเต็มรัก
“พอ ๆ ๆ หยุดพูดได้แล้ว น่ารำคาญจริง แกนี่”
เจ้าตัวเล็กยิ้มเผล่
“ว่าแต่...ลมอะไรพัดมาล่ะ ถึงได้กลับมาถึงนี่ได้ นึกว่าหลงคัตซึฮิโกะจังจนโงหัวไม่ขึ้น บ้านช่องไม่กลับเสียอีก”
ร่างสูงเพียงแค่ยักไหล่ไม่ตอบอะไร ฮิโรกิเลยได้โอกาสแหย่ต่อ
“เอ๋...หรือว่าเป็นแบบฉัน ทะเลาะกันแล้วงอนหนีออกจากบ้านมา รอให้คัตซึฮิโกะจังมาง้อ”