KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56  (อ่าน 77086 ครั้ง)

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
«ตอบ #180 เมื่อ29-06-2013 11:06:33 »

โฮ๊ะๆๆๆ คัตจังเอาคืนได้แสบสันต์จริงๆ จับบิดเลย 555555

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
«ตอบ #181 เมื่อ29-06-2013 14:50:44 »




     แหม. . . เป็นการลงโทษที่ช่างน่ากลัวจริงๆ
     คราวหน้าเซริวจะเล่นอะไรก็ต้องคิดหนักๆหน่อยๆแล้ว
     แต่ดูคาซึโกะจะทำใจเรื่องน้องชายได้เร็วจังเลยนะ



ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
«ตอบ #182 เมื่อ29-06-2013 18:26:58 »

บิดเลยหรอ  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
«ตอบ #183 เมื่อ29-06-2013 23:51:10 »

เรื่องนี้มัน dark มากกกกก -*-

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
«ตอบ #184 เมื่อ30-06-2013 00:54:28 »

เหย้ดดดดด  กว่าจะตามอ่านทัน  เศร้าจนน้ำตาคลอ แต่ก็หนุกแต๊...

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #185 เมื่อ05-07-2013 19:54:55 »

สวัสดีศุกร์แรกของเดือนครับ
โอ๊ะ เดือนนี้มีหยุดยาวด้วยนี่นา...
(ดีใจไปงั้นเอง ทำงานอิสะอย่างนี้ วันหยุดสำคัญเสียที่ไหน)

KOUSOKU 20

“จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ตัวไอ้คนที่มันแทงผมอีกเรอะ  คุณตำรวจ!”  เสียงโวยวายจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพิเศษของโรงพยาบาลดังลั่น ๆ ไปทั้งห้อง

“เอ้อ...ข้อมูลที่เรามีมันน้อยเกินไปครับ  ก็เลยยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่พบ”  ฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตอบอ้อมแอ้ม

“ชิ!  ผู้กระทำผิด  อย่างมันน่ะเรียกฆาตกรแล้ว”  คนเจ็บยังไม่เลิกหงุดหงิด  “มันฆ่าบอดี้การ์ดมือดีของผมไปสองคนนะ  คุณตำรวจ  แล้วยังแทงผมเจ็บปางตายขนาดนี้ด้วย  นี่ถ้าไอ้พวกลูกน้องของผมมันไปไม่ทัน  ป่านนี้ผมไม่มาอยู่ตรงนี้แล้ว  ไอ้บ้ามันนั่นเป็นตัวอันตราย  ถ้ามันไปลงมือทำอะไรใครอีกจะว่าไง  พวกคุณมันทำงานกันยังไง  ป่านนี้ถึงยังจับตัวมันไม่ได้!!”

นายตำรวจระดับสารวัตรได้แต่ยืนเงียบ  เขารู้สึกลำบากใจในการเผชิญหน้ากับผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้เช่นกัน  แต่จะทำอย่างไรได้  ในเมื่อเบื้องบนสั่งการลงมาที่เขาให้จัดการเรื่องคดีของคนผู้นี้ให้เรียบร้อย

คิตะโนะ  โยสึดะ  เป็นผู้มีอิทธิพลในย่านนี้  เขามีธุรกิจมากมายอยู่ในมือ  ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย  และทั้งที่ทางตำรวจก็รู้ดีเรื่องธุรกิจบางอย่างของคิตะโนะ  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  เส้นสายด้านนักการเมืองเรียกได้ว่าเส้นก๋วยจั๊บ  มีข่าวลือกันว่าเขารู้จักสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ  หากแม้ผู้ชายคนนี้จะต้องการเป็นใหญ่ทางสายการเมืองหรือในด้านธุรกิจก็คงเป็นได้  แต่ด้วยนิสัยและบุคลิกบางอย่างในตัวเอง  ทำให้คิตะโนะเลือกที่จะทำตัวเป็นมาเฟียอยู่แค่ในย่านนี้เท่านั้น

เรื่องนิสัยเสียของคิตะโนะที่ทำให้เขาไม่อาจขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตมากกว่านี้เป็นที่รู้กันดีในวงการ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเพศ  เขาเป็นผู้มักมากในกามารมณ์  เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า  ถ้าถูกใจใครก็จะฉุดคร่ามาเสพสมโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่  รสนิยมทางเพศของคิตะโนะเรียกได้ว่าวิปริต  เขาชื่นชอบการใช้ความรุนแรงและการลงมือทรมานคู่นอนด้วยวิธีสารพัด  และเมื่อเชยชิมจนเป็นที่พอใจแล้ว  คน ๆ นั้นมักจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย  ที่สำคัญ...คิตะโนะโปรดปรานเด็กผู้ชาย

“ผมจะไม่ให้เวลาคุณอีกแล้วนะ  คุณตำรวจ”  คิตะโนะข่มขู่  “ผมให้เวลาคุณมามากพอแล้ว  อีกไม่กี่วันผมจะได้ออกจากโรงพยาบาล  ถ้าถึงวันนั้นแล้วคดีนี้ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน  อนาคตของคุณดับแน่”

นายตำรวจลอบถอนใจอย่างอึดอัด  เขารู้ว่าคิตะโนะไม่ได้ขู่...มันสามารถทำได้จริง  ไม่ใช่แค่ทำลายอาชีพการงานของเขาเท่านั้น  แต่มันยังสามารถทำลายได้กระทั่งชีวิตและครอบครัวของเขาเลยทีเดียว

“ผมจะรีบจัดการให้ครับ”

“ดี  ผมหวังว่าจะได้เห็นหน้าไอ้ฆาตกรนั่น...ไม่สิ  ผมหวังว่าจะได้เห็นไอ้ฆาตกรนั่นมันเป็นศพก่อนที่ผมจะออกจากโรงพยาบาลนะ”  เจ้าเสี่ยใหญ่พูดพลางยกยิ้มที่มุมปาก

สารวัตรไอดะโค้งให้คิตะโนะตามมารยาทแล้วรีบเดินออกจากห้อง  เขารู้สึกสะอิดสะเอียนกับรอยยิ้มนั้นเต็มทน  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะระเบิดสมองไอ้อ้วนนั้นเสียยิ่งกว่าคนที่มันเรียกกว่าฆาตกร  ติดแค่ว่าในห้องนั้นมีลูกน้องฝีมือดีของมันเฝ้าอยู่ถึง  5  คน

“ชิ...ยังมีหน้ามาเรียกคนอื่นว่าฆาตกร  ไม่มองดูตัวเองบ้างเลย”  สารวัตรไอดะเข่นเขี้ยวแล้วควักแผ่นกระดาษยับ ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

บนกระดาษแผ่นนั้นเป็นภาพสเก็ตช์ของผู้ต้องหาในคดีนี้  รูปหน้าค่อนข้างเรียวยาว  ผมสีน้ำตาล  และแววตาดุดัน...ท่านสารวัตรคุ้นตาชายหนุ่มในภาพเป็นอย่างดี  เมื่อสมัยยังรุ่น ๆ ชายหนุ่มคนนี้เคยเดินขึ้น ๆ ลง ๆ สถานีตำรวจเป็นประจำจากคดีทะเลาะวิวาทและลักทรัพย์  ถือเป็นเจ้าวายร้ายประจำถิ่นนี้  แต่เขาไม่ได้เห็นหน้าเจ้าหมอนี่มาหลายปีแล้ว  แม้จะคิดว่ามันคงเที่ยวก่อคดีไปเรื่อย ๆ  แต่ด้วยความช่ำชองในการเอาตัวรอดที่เพิ่มขึ้นตามวัยทำให้มันรอดมือเขาไปได้ทุกครั้ง  คดีลูกสมุนแก๊งวายร้ายที่ฆ่ากันเองในโรงพยาบาลเมื่อปลายปีก่อน  เขาคิดว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ  แต่ไม่หลักฐานใด ๆ สาวไปถึงตัวมันได้  จนทุกวันนี้มันก็ยังลอยนวลอยู่ที่ไหนสักแห่งใต้จมูกเขานี่เอง...เจ้าเซย์ริว!

นายตำรวจขยับกระดาษในมือยกขึ้นส่องกับแสงไฟเล็กน้อย  เซย์ริวไม่เคยทิ้งหลักฐานอะไรให้สาวไปถึงตัวเองได้  แล้วทำไมคดีนี้ถึงได้กระทำการโจ่งแจ้งนัก...ไม่ได้มีการวางแผน  ไม่อาจควบคุมสถานการณ์...มันปล่อยให้เหยื่อที่เห็นหน้ามันรอดตายมาได้  เซย์ริวทำพลาดครั้งใหญ่ทีเดียว

เมื่อครั้งที่ตำรวจสเก็ตช์ภาพผู้ต้องหาจากคำให้การของคิตะโนะ  แค่เห็นแวบแรกสารวัตรไอดะก็จำได้ทันทีว่าคนในภาพคือใคร  และรู้ด้วยว่าจะไปควานหาตัวได้ที่ไหน  เขามุ่งไปหามาซาฮิเดะ...เจ้าหมอเถื่อนในโลกมืดที่เป็นเหมือนผู้ปกครองของเซย์ริว  เขาคุ้นเคยกับมาซาฮิเดะมานาน  แม้จะไม่เป็นการส่วนตัวและไม่เป็นมิตรต่อกันเท่าไรนัก  แต่หลายครั้งที่คนในโลกของมาซาฮิเดะไปก่อคดีใหญ่โต  มาซาฮิเดะสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเขาได้เสมอโดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิด  ทั้งนี้เพราะมาซาฮิเดะถือว่าใครลงมือทำอะไร  คน ๆ นั้นก็ต้องหาทางปกป้องตัวเองจากผลของการกระทำนั้นด้วยมือของตัวเอง...อาจเพราะถูกคนแบบนี้เลี้ยงดูมา  เซย์ริวจึงได้ปกป้องตัวเองมาได้จนถึงทุกวันนี้

“คุณก็รู้ว่าเซย์ริวไม่ได้อยู่กับผมมาหลายปีแล้ว”  มาซาฮิเดะพูดในวันนั้น

“ใช่  แต่คุณคงรู้ใช่มั้ยว่าเจ้านั่นอยู่ที่ไหน”

“ไอดะ...ไอ้หมอนั่นมันไปทำความผิดอะไรไว้  คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะ”  หมอเถื่อนโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วถามพร้อมรอยยิ้ม  มันดูเหมือนรอยยิ้มเรื่อย ๆ ที่ไม่มีอะไร  แต่สารวัตรไอดะก็ไม่เคยชอบมัน

“เฮ่อ...คุณต้องรู้ให้ได้ทุกคดีใช่มั้ย  มาซาฮิเดะ”  ไอดะยอมจำนน  มาซาฮิเดะจะต้องได้รู้ข้อมูลมากพอจึงจะยอมแลกเปลี่ยนข้อมูลให้ตำรวจ  สารวัตรหยิบภาพสเก็ตช์ออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้

“มันไปแทงขาใหญ่เข้า  แล้วแทงดันไม่ตาย  แถมยังฆ่ามือดีของเขาไปอีกสอง...ตอนนี้ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของเจ้าลูกชายคุณไว้ในมือแล้ว”

“จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่ามันไม่ใช่ลูกชายผม”  มาซาฮิเดะยังยิ้มเรื่อย ๆ  แต่ไอดะก็สังเกตเห็นร่องรอยความกังวลที่ปรากฏขึ้นบาง ๆ  “มันแทงใครเข้าเรอะ?”

“คิตะโนะ  โยสึดะ”

“อย่างงั้นเลย...”  แน่นอนว่ามาซาฮิเดะย่อมรู้จักชื่อเสียงของคิตะโนะเป็นอย่างดี

“คุณคิดเหมือนผมใช่มั้ย  มาซาฮิเดะ  มันน่าแปลก...เซย์ริวไม่น่าจะปล่อยให้รอดมาได้”

“ใช่...น่าแปลก”  หมอมาสะหยิบภาพสเก็ตช์ขึ้นมาพิจารณาดู  “ทางนั้นก็ใช่ย่อยนะ  จำรายละเอียดได้แม่น...ภาพนี่เหมือนทีเดียว”

“คงแค้นจัดหละมั้ง  ว่าแต่คุณจะบอกผมได้หรือยังว่า  เจ้าเด็กบ้านั่นอยู่ไหน”  สารวัตรไอดะเข้าประเด็น

“คราวนี้ผมคงช่วยคุณได้ไม่มาก  ไอดะ”  มาซาฮิเดะพูดพลางส่งรูปคืนให้  “ผมยอมรับว่าผมมีอคติกับเรื่องของเซย์ริว  ผมเลือกที่จะบอกหรือไม่บอกคุณเกี่ยวกับหมอนั่นก็ได้ใช่มั้ย”

“ใช่  คุณเลือกได้  ยังไงเด็กนั่น...คุณก็เลี้ยงมันมากับมือนี่นะ”  ไอดะค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องนี้เหมือนกัน  แม้จะไม่ใช่สายเลือด  แต่มาซาฮิเดะเป็นคนเก็บเซย์ริวมาดูแลตั้งแต่อายุยังน้อย  แม้จะดูห่างเหินกันบ้าง  แต่ก็เกือบจะเป็นเหมือนลูกชาย

“ตอนนี้เจ้าหมอนั่นอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง  มันไม่ได้มาเตร่อยู่แถวนี้หลายเดือนแล้ว  ที่แน่นอนก็คือมันไม่ได้อยู่ที่บ้านมัน  แต่จะอยู่กับใครที่ไหนนั่น  ผมไม่รู้จริง ๆ”  มาซาฮิเดะบอก

ความเงียบเข้าครอบคลุมคนทั้งสองอยู่ชั่วขณะ  นี่เป็นข้อมูลที่น้อยที่สุดเท่าที่มาซาฮิเดะเคยให้กับไอดะ...เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขารู้แล้วว่าทำไมเซย์ริวถึงลงมือได้ไม่เด็ดขาดเหมือนอย่างเคย  คิตะโนะชอบเด็กผู้ชาย  ชอบลงมือฉุดคร่าไปข่มขืน  และผู้ชายที่คิตะโนะจ้องจะฉุดจนทำให้เซย์ริวฟิวส์ขาดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคัตซึฮิโกะ!

คัตซึฮิโกะจะต้องอยู่ด้วยในตอนที่เซย์ริวแทงคิตะโนะ  เซย์ริวจะต้องคอยกังวลกับความปลอดภัยคัตซึฮิโกะจนหมดความเฉียบขาด  จะต้องรีบพาคัตซึฮิโกะหนีจนไม่มีเวลาดูว่าคิตะโนะตายหรือยัง...เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นจริง ๆ

“ไม่มีใครจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยเหรอ”

“หาฮิโรกิให้เจอสิ  เจ้านั่นอาจจะบอกอะไรได้มากกว่านี้”

สารวัตรไอดะถอนใจ  เขาไม่มีทางได้ข้อมูลอะไรจากมาซาฮิเดะมากไปกว่านี้  เขาขยับตัวลุกยืน

“โอเค  ผมจะไปหาฮิโรกิให้เจอ”

“แต่ฟังไว้อย่างนะ  ไอดะ  อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าใกล้ฮิโรกิ  เจ้านั่นรักและเคารพเซย์ริวเหมือนพี่ชาย  คุณอาจไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยก็ได้  ซ้ำร้าย...ข้อมูลที่ได้อาจเป็นของปลอม”  มาซาฮิเดะเตือน

ใช่...ข้อมูลปลอม  สารวัตรไอดะหาตัวฮิโรกิจนเจอ  แต่เพียงแค่เอ่ยชื่อเซย์ริว  ฮิโรกิก็ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว  ไม่ว่าจะทั้งขู่ทั้งปลอบหรือหลอกล่อยังไง  เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ยอมปริปาก  จนเขาต้องขู่ว่าจะจับจิอากิส่งกลับประเทศ  ฮิโรกิถึงได้ยอมให้ข้อมูล...แต่กว่าจะรู้ว่าข้อมูลที่ฮิโรกิให้มาไม่เป็นความจริง  เขาก็เสียเวลาไปอีกเป็นเดือน  จนป่านนี้เขายังควานไม่เจอเซย์ริว

“เอาภาพสเก็ตช์ผู้ต้องหาลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและกระจายข่าวทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ชุมชนด้วย”  สารวัตรไอดะสั่งการกับลูกน้อง  “ล่าตัวมันมาให้ได้”

นายตำรวจยืนมองลูกน้องที่กุลีกุจอไปทำงานแล้วก็ทอดถอนใจ  คิตะโนะทำเรื่องให้มันใหญ่จนเกินเหตุเพื่อสร้างภาพความสำคัญให้กับตนเอง  เรื่องแค่นี้ลำพังแค่เครือข่ายลูกสมุนของคิตะโนะเองก็มีปัญญาทำ  แต่มันต้องการให้ตำรวจลงมือเพื่อแสดงว่ามันมีอำนาจเหนือตำรวจ

แต่พูดก็พูดเถอะ  คำให้การของคิตะโนะก็ใช่ว่าจะเป็นของจริง  มันบอกว่ามันเข้าไปหาเก็บหนี้จากลูกหนี้ในซอยนั้น  แล้วเซย์ริวเข้ามาปล้นชิงทรัพย์มัน...ถ้าแค่ปล้นชิงทรัพย์...เซย์ริวไม่เคยเล็งเหยื่อชิ้นใหญ่เกินตัว  ไม่มีความจำเป็นจะต้องเล็งคนที่มีบอดี้การ์ดมาด้วยถึงสองคนให้เหนื่อยแรง  ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนมากกว่าหนึ่ง  และไม่จำเป็นจะต้องปล่อยให้คิตะโนะรอดชีวิตมา...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ คืออะไร...


คิตะโนะจ้องมองกระดาษสองแผ่นในมือ  เขาขยำรูปของไอ้คนที่สร้างบาดแผลให้เขาปาลงถังขยะ...ไอ้เวรตะไลนี่มันต้องตายให้สมแค้น  ไอ้พวกตำรวจงี่เง่ามันมัวทำอะไรกันอยู่  จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ที่ไหน...เสี่ยใหญ่กัดฟันกรอดแล้วเบือนสายตามาจับที่กระดาษอีกแผ่น

...นี่สิ...ของดี...

นอกจากภาพผู้ต้องหาแล้ว  คิตะโนะยังบอกให้ตำรวจสเก็ตช์ภาพอีกภาพให้ด้วย...ชายหนุ่มผมดำผู้มีดวงตาเศร้านิด ๆ ...เขาเกือบจะได้มาเป็นของเขาแล้วถ้าไอ้บ้านั่นมันไม่มาขวางไว้

จนถึงตอนนี้เสี่ยใหญ่ยังจำได้ถึงใบหน้า  เรือนร่าง  และกิริยาท่าทาง  สภาพบอบช้ำของคน ๆ นั้นหลังจากโดนคนของเขาซ้อมเอากระตุ้นอารมณ์ดีทีเดียว  เขานึกวาดภาพใครคนนั้นอยู่ในเครื่องพันธนาการที่เขาเลือกมาให้เป็นพิเศษ...ปลอกคอหนังสีดำน่าจะขับผิวขาว ๆ นั่นให้นวลผ่องมากขึ้น  จะใส่ขลุมปากให้ด้วยจะได้ไม่ร้องจนเสียงแหบแห้ง  ล่ามโซ่ให้ยืนเกาะเสาเหล็กไว้คงทำให้เด็กนั่นเหมือนกับกำลังเต้นรูดเสาอยู่เมื่อเขาฟาดด้วยแส้...แล้วยังไงต่อดีนะ...ขึงไว้กับเตียงแล้วให้ยากระตุ้นดีไหม  ล่ามทิ้งไว้ให้ทุรนทุรายตลอดทั้งคืนจนเจียนบ้า  จนต้องยอมให้เขาทำอะไรก็ได้เพื่อปลดปล่อยให้...ใช่  เขาจะยังไม่รีบร้อนทำรุนแรงมากนัก  จะเลี้ยงไว้เอ็นดูเล่นเหมือนสุนัขตัวโปรด  จะเล่นสนุกด้วยทุกคืน...ทุกคืน  จนคุ้มกับที่เขาต้องเจ็บตัวเพราะไปแตะต้องมันเข้า

...จริงสิ...แล้วทำไมไอ้บ้านั่นมันถึงมาช่วยไว้  จะว่าเป็นเพื่อนก็ไม่น่าใช่  มันสองคนไม่มีอะไรเข้ากันได้สักอย่าง...

คิตะโนะเหลือบมองไปที่ก้อนกระดาษในถังขยะแล้วกลับมามองที่ภาพในมือ

...หรือว่า...ไอ้หนุ่มนี่จะเป็นคนของมัน...

ถ้าอย่างนั้นก็สนุก...ถ้าตำรวจจับเป็นไอ้โย่งนั่นมาได้  ก็จับมันล่ามไว้ให้มันดูคนของมันถูกเล่นสนุกทุกวันทุกคืนน่าจะดี  ให้มันได้เห็นคนของมันถูกข่มขืนต่อหน้าต่อตาทุกวันโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้...ให้มันคลั่งแค้นจนอ้วกเป็นเลือด!

“หึ ๆ ๆ”  คิตะโนะหัวเราะออกมาเบา ๆ  แล้วส่งภาพสเก็ตช์ในมือให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

“พวกแกตามดูพวกตำรวจไป  ไอ้คนที่แทงกูจะจับเป็นหรือตายก็ได้  แต่ไอ้เด็กนี่...เอามันมาให้กูเป็น ๆ!”
//////////

เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้วที่นัตสึเอาแต่นอนอยู่บนเตียงเหมือนคนป่วยหนัก  เขาไม่อยากจะรับรู้รับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว  ไม่ยอมแม้กระทั่งให้เพื่อนหรือแฟนสาวเข้ามาเยี่ยม  เขากำลังสับสนมากเกินไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น


“คัตจัง...ขอร้องหละ  ไปอยู่ที่บ้านด้วยกันเถอะ”  นัตสึกระซิบเบา ๆ ขณะที่นั่งพิงไหล่คัตซึฮิโกะอยู่ในรถไฟฟ้า  อาการไข้กำลังเล่นงานเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

ผู้เป็นพี่ชายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากบีบมือร้อนผ่าวนั้นเบา ๆ  นัตสึรู้ดีว่านั่งคือการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่คัตซึฮิโกะพึงจะทำ...ทั้งที่เป็นคนที่อ่อนโยน  แต่คนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะรู้ว่าคัตซึฮิโกะดื้อดึงแค่ไหน  หากตัดสินใจในเรื่องใดไปแล้ว  ไม่ว่าใครจะพูดยังไงคัตซึฮิโกะก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจง่าย ๆ  ถ้าโดนรบเร้าเอามากเข้าคัตซึฮิโกะก็จะนิ่งเงียบไป  โดยที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความคิด

เด็กหนุ่มได้แต่หลับตาลงและพยายามกลั้นน้ำตา...เย็นชาเหลือเกิน  เกิดอะไรขึ้นพับพี่ชายที่แสนใจดีของเขา  ถึงที่ผ่านมาคัตซึฮิโกะจะเป็นคนเงียบ ๆ  แต่ก็ไม่ได้เย็นชาถึงเพียงนี้  คัตซึฮิโกะจะคอยปลอบโยนและให้กำลังใจเขาทุกครั้งที่มีปัญหา  คัตซึฮิโกะจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น...แต่ครั้งนี้...คือการลงโทษอย่างนั้นหรือ  เพราะเขาทำผิดที่ก้าวล้ำเส้นไป  คัตซึฮิโกะถึงได้เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่มันทำกับเขาอย่างนั้นหรือ...

นัตสึได้แค่เดินตามหลังคัตซึฮิโกะไปช้า ๆ  ยังดีที่มืออุ่นเอื้อมมาจับจูงมือของเขาไว้...ไม่ต่างอะไรกับในวัยเยาว์  ในวันที่ทำความผิด  หลังจากดุว่าและทำโทษแล้ว  คัตซึฮิโกะมักจะจูงมือนัตสึกลับบ้านเสมอ...แต่ความรู้สึกในวันนี้มันเปลี่ยนไป  นัตสึไม่อาจเป็นน้องชายตัวน้อยให้คัตซึฮิโกะได้อีกแล้ว  และเขาก็ไม่ได้ต้องการพี่ชายอีกต่อไป  เขาต้องการรู้สึกกับคัตซึฮิโกะให้ได้มากกว่านี้...ให้ได้เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้

หวัดหน้าร้อนอย่างเฉียบพลันเป็นข้ออ้างที่คัตซึฮิโกะใช้บอกกับแม่ของนัตสึก่อนที่จะพานัตสึขึ้นห้องไปนอนพัก  เขาตระเตรียมเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่มเหมือนที่เคยทำมาทุกครั้ง  ร่องรอยบนตัวของนัตสึจะให้ใครเห็นไม่ได้  โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อมือที่แม้จะไม่ใหญ่นักแต่ตอนนี้ก็บวมช้ำด้วยอาการอักเสบ

“ถึงมันจะเป็นหน้าร้อน  แต่นายควรจะใส่เสื้อแขนยาวไว้ดีกว่านะ  อยู่ในห้องแอร์แบบนี้คงไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ”  คัตซึฮิโกะว่าพลางหยิบเสื้อนอนแขนยาวไปสวมให้

นัตสึไม่ได้ว่าอะไร  เขาเอนตัวพิงหมอนอย่างอ่อนล้า  มืออุ่นของผู้เป็นพี่ชายแตะลงเบา ๆ ที่หน้าผาก

“ไข้ขึ้นสูงนะ...แต่ไม่เป็นไรหรอก  กินข้าวแล้วก็กินยาซะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้น”  รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากทำให้นัตสึรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ  “คุณแม่น่าจะทำข้าวเย็นไว้แล้ว  เดี๋ยวพี่ลงไปเอามาให้แล้วกัน”

นัตสึเฝ้ามองคัตซึฮิโกะที่กุลีกุจอดูแลเขาแล้วก็สะท้อนใจ...คัตซึฮิโกะไม่เคยเปลี่ยนไป  เขาเองใช่ไหมที่เป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงไปเอง  ที่คัตซึฮิโกะทำ...คัตซึฮิโกะยอมทุกอย่างให้เขา  ก็เป็นแค่การตามใจเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น...ใช่  เขารู้  รู้มาตลอดแม้แต่ตอนที่นอนกกกอดคัตซึฮิโกะไว้ในอก  คัตซึฮิโกะไม่เคยเป็นอะไรกับเขามากไปกว่าพี่ชาย  เขารู้แต่ไม่อยากยอมรับ  เขาเฝ้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าคัตซึฮิโกะจะต้องมีความผูกพันลึก ๆ ในใจต่อเขาเหมือนกับที่เขามีให้คัตซึฮิโกะ...เมื่อคัตซึฮิโกะลุกจากเตียงไปโดยไม่ลา  เขาถึงพยายามตะเกียกตะกายไขว่คว้าสายใยที่เขาเชื่อว่ามันมี  คัตซึฮิโกะจะต้องมีใจให้เขาแต่ติดที่มัน!  มันจะต้องข่มขู่บังคับให้คัตซึฮิโกะไม่กล้าแยกตัวออกจากมัน  เขาถึงได้ไปเพื่อตัดสิ่งที่พันธนาการคัตซึฮิโกะเอาไว้กับมันให้ขาด...แต่มันไม่ใช่...

“กินอีกหน่อยสิ  นัตสึ  เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำเองนะ”  คัตซึฮิโกะพยายามคะยั้นคะยอให้ผู้เป็นน้องกินข้าวต้มที่แม่ทำให้หลังจากที่แตะต้องไปเพียงเล็กน้อย

นัตสึส่ายหน้า  เขาคลื่นไส้จนกินอะไรไม่ไหว

คัตซึฮิโกะไม่ได้พยายามฝืนใจมากไปกว่านั้น  เขาส่งยาแก้ไข้และแก้อักเสบให้พร้อมกับน้ำแก้วใหญ่ซึ่งเด็กหนุ่มก็รับไปกินอย่างว่าง่าย

“นั่งพักซะก่อน  ถ้าลงนอนเลยเดี๋ยวจะสำลักข้าวได้”  ชายหนุ่มจัดหมอนพิงหัวนอนให้นัตสึได้นั่งเอน ๆ พอสบาย

ท่ามกลางความเงียบที่ล่วงผ่านไป  คัตซึฮิโกะได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนป่วยพลางลูบผมอย่างเบามือ

“คัตจัง...”  นัตสึกระซิบขึ้นแผ่วเบา  “ทำไมพี่ถึงไม่พูดอะไรเลย...”

“จะให้พี่พูดอะไรล่ะ?”

“อะไรก็ได้...คัตจัง...ฉัน...ฉันทำผิดเหรอ...นี่เป็นการลงโทษเหรอ...”

“เปล่า...ไม่ใช่  ฉันไม่ได้คิดว่านายทำอะไรผิดหรอกนะ  นัตสึ”  คัตซึฮิโกะส่ายหน้าช้า ๆ

“แล้วทำไม...”

“ถ้าจะมีคนผิด  คนที่ผิดคงเป็นฉัน  ที่ตามใจนายมาตลอด  จนนายเข้าใจผิดคิดอะไรไปใหญ่โต...นัตสึ...พี่เป็นได้แค่พี่ของนาย  ไม่มากไปกว่านั้น  และไม่น้อยไปกว่านั้น”  น้ำเสียงที่อ่อนโยนและรอยยิ้มจาง ๆ ทำให้น้ำตาที่อุตส่าห์ทนกลั้นเอาไว้ไหลรินออกมาเงียบ ๆ

“พี่ไม่ได้รักฉัน...แล้วพี่รักมันเหรอ?”

คัตซึฮิโกะนิ่งไปชั่วอึดใจ  แต่สำหรับนัตสึแล้ว  ชั่วอึดใจนั้นมันยาวนานเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #186 เมื่อ05-07-2013 19:59:19 »

“เปล่า...พี่ไม่ได้รักเซย์ริว  ไม่เคยรักแม้แต่นิดเดียว”

“ไม่จริง!”

“จริงที่สุด  เป็นใคร...ก็คงรักคนที่ทำแบบนั้นกับตัวเองไม่ลงใช่มั้ยล่ะ”

“แล้วทำไมพี่ถึงอยู่กับมัน  ทำไมพี่ไม่ยอมหนีจากมันมา  ทำไมพี่ไม่ยอมมาอยู่กับฉัน”  นัตสึถามทั้งสะอื้น

“พี่ก็ไม่รู้...นัตสึ  แต่พี่รู้ว่าพี่ไม่มีอะไรต้องหนีจากเซย์ริวมา  เราที่เป็นแบบนั้นมันดีอยู่แล้ว  ถ้าสมมุติว่าพี่มาอยู่กับนาย  นายก็คงคิดไปอีกว่าพี่รู้สึกกับนายเกินกว่าความเป็นพี่น้อง  และนายจะต้องอยากแตะต้องพี่  ซึ่งเรื่องนั้นมันผิด  คิดดู...ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่รู้เข้าจะเป็นยังไง”  คัตซึฮิโกะอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ถ้าแบบนั้น...ทำไมพี่ถึงยอม...”

“เพราะ...มันเป็นการตามใจ...ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย...”

นัตสึได้แต่หลับตาลงอย่างยอมจำนน  น้ำตาที่เหมือนจะเหือดแห้งไปแล้วพรั่งพรูออกมา  สายใยที่เขาเชื่อมาตลอดว่ามันมี...ไม่เคยมี  หรือถ้าจะมี...คัตซึฮิโกะกลับมีให้กับมันคนนั้น  คัตซึฮิโกะไม่ได้ถูกมันพันธนาการเอาไว้  แต่คัตซึฮิโกะเองนั่นแหละที่ยอมติดอยู่ในหยากใยดักเหยื่อของมัน

“แล้วพี่...ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงที่มันทำกับฉันแบบนี้”  นัตสึรวบรวมกำลังใจถามออกไปเป็นคำสุดท้าย  เผื่อว่า...คัตซึฮิโกะจะมีความรู้สึกอะไรที่เป็นพิเศษบ้าง...

“พี่โกรธ...นัตสึ  แต่เป็นความโกรธที่ธรรมดามาก  พี่โกรธที่เซย์ริวมาทำร้ายน้องของพี่  แต่พี่ไม่ได้หึงหวง  หรือโกรธแค้นอะไรมากมายไปกว่านั้น...ทั้งนายทั้งเซย์ริวไม่ได้มีค่าพอจะให้พี่มาหึงหวงหรือมีความรู้สึกอะไรเกินเลยไปกว่านั้น  ทั้งเซย์ริวก็ไม่ได้หักหลังอะไรพี่  เพราะเซย์ริวเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว...เขาจะไปที่ไหนไปทำอะไรกับใครมันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่  แต่ครั้งนี้พี่โกรธ  เพราะคนที่เขาทำร้ายเป็นน้องชายของพี่...เท่านั้นเอง  นัตสึ”

คำตอบนั้นตัดทุกสิ่งสะบั้นลง...ไม่มีค่าพอ...เพราะเป็นน้องชาย...คัตซึฮิโกะไม่มีเยื่อใยใด ๆ กับเขาเลยจริง ๆ ...นัตสึได้แต่ซบหน้าสะอื้นฮัก  คัตซึฮิโกะเองก็เพียงแค่ลูบผมของนัตสึอย่างอ่อนโยนเหมือนจะปลอบประโลม

เวลาผ่านไปนานเท่านาน  นัตสึนึกอยากจะหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้ชั่วนิรันดร์  เขาง่วงงุนมากขึ้นเพราะฤทธิ์ยา  ร่างกายหนักอึ้งเหมือนเป็นเหล็กทั้งตัว  อยากจะลืมตาขึ้นมามองหน้าคัตซึฮิโกะ  อยากจะพูดคุยอีก...แต่ก็ทำไม่ได้

“อ้าว...นัตสึหลับแล้วเหรอจ๊ะ?”  คุณแม่เปิดประตูเข้ามาถามไถ่อาการ

“ครับ...เพิ่งหลับไปเมื่อสักครู่นี้เอง”  คัตซึฮิโกะหันไปตอบ

“แย่จริงเชียว  เด็กคนนี้นี่  ทำความเดือดร้อนให้คัตซึฮิโกะอยู่เรื่อย”  คุณแม่บ่นอย่างไม่จริงจังอะไรนัก

“ไม่หรอกครับ  ผมทำให้นัตสึแบบนี้ทุกครั้งอยู่แล้ว”  ชายหนุ่มบีบมืออุ่นร้อนเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือออกช้า ๆ  “ถ้างั้น...ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ”

“ไม่อยู่ทานข้าวเย็นก่อนเหรอจ๊ะ?”

“ผมนัดเพื่อนเอาไว้น่ะครับ”

‘…ไม่...คัตจัง...อย่าไป...’

นัตสึอยากจะกรีดร้องแบบนั้น  อยากจะไขว่คว้ามือของพี่ชายเอาไว้ไม่ให้ไปไหน  มันคนนั้นไม่ใช่เพื่อน  มันเป็นวายร้าย...มันจะทำลายชีวิตพี่ทั้งชีวิต

แต่ด้วยฤทธิ์ยาที่เหนือกว่ากำลังสมองของนัตสึ  เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้ผู้เป็นพี่ชายจากไปทั้งแบบนั้น  สัมผัสสุดท้ายคือมืออุ่นปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มให้อย่างนุ่มนวล...


“นัตสึ  ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอลูก  หยุดเรียนมาอาทิตย์กว่าแล้วนะ”  คุณแม่เคาะห้องของเขาในตอนสาย ๆ

ใช่...เขาควรจะต้องไปเรียนเสียที  เขาหยุดเรียนมานานเกินไปแล้ว  บาดแผลและร่องรอยบนร่างกายหายสนิทนานแล้ว  มีเพียงจิตใจของเขาเท่านั้นที่ยังคงเจ็บปวดและเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้องและนอนซมอยู่ตลอดอาทิตย์

เด็กหนุ่มรวบรวมกำลังใจลุกขึ้น...เขายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ  เขาต้องเรียน  ต้องมีสังคมกับเพื่อน  เขายังมีแฟนสาวที่รักเขา...เขาจะมาทำตัวจมอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ไม่ได้  แม้บาดแผลมันจะไม่หาย  แต่เขาต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้  เขาจะต้องมีชีวิตอยู่...เหมือนที่พี่ชายของเขาเคยทำได้มาแล้ว!

นัตสึอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่าง  โชคดีที่วันนี้มีเรียนตอนบ่าย  วิชาที่ขาดเรียนไปเขาค่อยไปตามเก็บเล็คเชอร์เอาจากเพื่อน ๆ ยังทัน  อย่างน้อยเวลาเรียนของเขาคงยังเหลือพอสำหรับทุกวิชา  เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยขาดหรือโดดเรียนพร่ำเพรื่อ

“ทำเป็นป่วยการเมืองเกินมาอีกสองสามวันเผื่อจะออเซาะพี่เขาหละสิ  เราน่ะ”  คุณแม่พูดแซวทันทีที่นัตสึเยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องครัว

นัตสึเพียงแต่ยิ้ม ๆ ไม่ตอบอะไร  ขนมปังปิ้งกับกาแฟร้อนเตรียมรอไว้แล้วบนโต๊ะ  เด็กหนุ่มตรงเข้าไปจัดการทันทีพลางคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู  เขากวาดสายตาไล่ไปตามพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง  โดยปกติแล้วหนักสือพิมพ์ท้องถิ่นแบบนี้มักไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดความสนใจของเขามากนัก  แต่วันนี้ต่างออกไป...สายตาของเด็กหนุ่มไปสะดุดเข้ากับกรอบข่าวเล็ก ๆ กรอบหนึ่ง

“จากคดีคนร้ายใช้อาวุธมีดจ้วงแทงนายคิตะโนะ  โยสึดะ  วัย  43  ปี  เพื่อชิงทรัพย์จนบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับลงมือฆ่าลูกน้องของนายคิตะโนะไปสองศพ  ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว  ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของคนร้ายมาแล้วค่ะ”  โทรทัศน์ท้องถิ่นช่องรายการข่าวรายงานข่าวตรงกับกรอบข่าวที่นัตสึกำลังให้ความสนใจอยู่พอดี  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นดู...

“...ถ้าผู้ใดพบเห็นหรือสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายในภาพได้  กรุณาแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้าน  หรือติดต่อหมายเลข...”

นัตสึตกตะลึงไปชั่วขณะกับภาพที่ปรากฏในจอโทรทัศน์...ใบหน้าเดียวกันนี้ที่เขาจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต...เจ้าแมลงร้ายที่คอยเกาะติดพี่ชายสุดที่รักของเขา!!
//////////

คัตซึฮิโกะยกกระถางต้นไม้กระถางสุดท้ายออกไปตั้งหน้าร้าน  วันนี้อากาศดีทีเดียว  ลมเย็นที่พัดมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ไม่รู้สึกร้อนเกินไปนัก  แม้แสงแดดจะแจ่มจ้าแต่ก็มีเมฆค่อนข้างมาก  ฤดูมรสุมคงใกล้เข้ามาแล้ว

“วันนี้มีออร์เดอร์จัดดอกไม้เข้ามาหรือยังครับ  คุณป้า”  คัตซึฮิโกะถามพลางเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่

“ก็มีช่อดอกไม้ช่อนึงจ้ะ  รับตอนบ่าย ๆ  เห็นขอมาว่าให้เป็นดอกทานตะวันดอกใหญ่ดอกนึงด้วย  เขาว่าจะเอาไปแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ได้ลูกหละมั้ง”  คุณป้าบอกพร้อมกับใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดไปตามโต๊ะ

“ดอกทานตะวัน...ดีนะฮะ  จะได้เป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเหมือนกินพระอาทิตย์เข้าไปทั้งดวง”  ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินไปดูตู้แช่ดอกไม้  โชคดีที่มีดอกทานตะวันสวย ๆ อยู่อีกหลายดอก...จะว่าไป  เด็กที่ร่าเริงแบบนั้นเขาน่าจะเคยเห็นนะ...อ้อ  เจ้านัตสึไงล่ะ

“ซาโนะคุง  ทานมื้อเช้ามาหรือยัง  มาทานขนมกับป้ามั้ย?”  คุณป้าที่เพิ่งจัดเก็บโต๊ะและชั้นวางของจนเรียบร้อยถามขึ้น

“ขอแค่กาแฟสักแก้วก็พอครับ”

“จ้ะ  กาแฟนะ”  หญิงวัยกลางคนเดินไปหยิบซองกาแฟสำเร็จรูปมาชงให้พลางเปิดโทรทัศน์ดู

“...ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว  ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของคนร้ายมาแล้วค่ะ”

เมื่อเธอหันไปมองโทรทัศน์ตามเสียการรายงานข่าว  เธอก็ต้องตกใจจนแทบทำแก้วกาแฟหลุดจากมือ

“ซาโนะคุง  มานี่เร็ว!!”  เธอร้องเรียกลูกจ้างหนุ่มสุดเสียง

“ครับ!  มีอะไรครับ!?”  คัตซึฮิโกะรีบเผ่นพรวดเข้ามาทันที

“นั่น...ดูนั่น...”  คุณป้าชี้ไปที่จอโทรทัศน์

“...ถ้าผู้ใดพบเห็นหรือสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายในภาพได้  กรุณาแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้าน...”

ภาพสเก็ตช์คนร้ายคดีทำร้ายร่างกายและฆาตกรรมสองศพปรากฏขึ้นตรงหน้า  คัตซึฮิโกะสะท้านเยือกไปทั้งร่าง...เซย์ริว!!

ในความเงียบเท่าเข็มตกได้ยิน  มีเพียงเสียงผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวอื่นต่อไปอีก  แต่ในร้านขายดอกไม้แห่งนั้นเงียบงัน  จนกระทั่งผู้เป็นเจ้าของร้านเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่น ๆ

“ซาโนะคุง...นี่มันอะไรกัน...”

ไม่มีคำตอบสำหรับช่วงเวลานั้น  คัตซึฮิโกะได้แต่กำมือแน่นจนเล็บจิกกับเนื้อ  ริมฝีปากสั่นระริก...เรื่องในวันนั้น...ไอ้เสี่ยนั่นมันไม่ตายงั้นหรือ...

คุณป้าเจ้าของร้านมองหน้าลูกจ้างของเธอที่ตอนนี้ซีดเผือดราวกับใบหน้าคนตาย  ฝ่ายนั้นตกใจยิ่งกว่าเธอหลายเท่านัก  เธอรีบควบคุมสติ...นี่อาจเป็นเรื่องบังเอิญ  คนในข่าวอาจจะแค่มีใบหน้าเหมือนกันเท่านั้น  หรือตำรวจอาจจะสเก็ตช์ภาพผิด...เธอแตะลงที่แขนของคัตซึฮิโกะอย่างแผ่วเบา

“ไม่เป็นไรนะ  ซาโนะคุง...ใจเย็น ๆ “

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับเก้าอี้อย่างสิ้นเรี่ยวแรง  ทุกอย่างกะทันหันเกินไป  เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและควรทำอย่างไรต่อไป...ในข่าวไม่มีภาพของเขา  แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่ไอ้เสี่ยนั่นจะจำหน้าเขาไม่ได้  ในเมื่อมันจำหน้าเซย์ริวได้ชัดเจนขนาดนี้  แล้วเพราะอะไรถึงไม่มีภาพเขา...หรือว่ามันต้องการเก็บเขาไว้เพื่อจุดประสงค์อื่น...

“ซาโนะคุง...”

“ขะ...ขอโทษครับ  คุณป้า...ผม...”  ชายหนุ่มยกมือที่สั่นเทาขึ้นลูบหน้า  เขาต้องตั้งสติ  เขาต้องบอกตัวเองให้ได้ว่าเขาต้องทำอะไรต่อไป

“นั่นเซย์ริวคุงจริง ๆ เหรอจ๊ะ”  เสียงคุณป้าถามมาอย่างอ่อนโยน  เธอยังอยากจะมองในแง่ดี

คัตซึฮิโกะสูดลมหายใจลึก

“ครับ...นั่นเซย์ริว...”  เขาพยายามเค้นเสียงแหบแห้งออกมา  “แต่เพื่อช่วยผม...ทำเพื่อช่วยชีวิตผม...”

ผู้เป็นเจ้าของร้านลูบหลังลูบไหล่คัตซึฮิโกะอย่างปรานี  ทำให้ชายหนุ่มผ่อนคลายลงได้บ้าง

“ถึงหมอนั่น  จะเลวโดยสันดาน...แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้น  ครั้งนี้ที่เขาทำเพื่อปกป้องผม...ไม่...ไม่ใช่แค่เขา...ผมเอง  ผมเองครับคุณป้า...หนึ่งในสองศพนั่นเป็นฝีมือผมเอง...”

ใช่...เขาทุบมันตายกับมือ  ถ้าไอ้เสี่ยนั่นรู้ว่าใครเป็นคนทำ  มันต้องรู้ว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด  แต่ที่ในข่าวไม่มีภาพของเขา  เป็นเพราะมันต้องการจะเก็บเขาเอาไว้  จะเพื่ออะไรก็ช่าง  นั่นไม่ใช่เรื่องดี...แล้วจะทำอย่างไรต่อ  เซย์ริวรู้เรื่องนี้หรือยัง...

“ซาโนะคุง  โทรศัพท์สิ”

“หา?”  คัตซึฮิโกะอุทานด้วยความตกใจ  “คุณป้าจะให้พวกผมมอบตัวเหรอครับ?”

คุณป้าส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ไม่ใช่...โทรไปหาเซย์ริวคุงซะ  บอกให้เขารู้  จะได้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวยังไงและจะทำอะไรต่อไป”

คัตซึฮิโกะจ้องตาผู้เป็นายจ้างอย่างตกตะลึง  เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากใครในโลกนี้...ในสถานการณ์เช่นนี้

“เร็วเข้า  อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย  รีบโทรซะ”  คุณป้ายื่นโทรศัพท์ให้

คัตซึฮิโกะนิ่งไปนิดหนึ่ง...เขาก็อยากโทร  แต่เซย์ริวไม่มีโทรศัพท์มือถือ  และที่สำคัญก็คือเซย์ริวไม่ได้กลับมาที่ห้องของเขาสองคืนแล้ว  ตอนนี้เซย์ริวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้  วิธีที่จะหาตัวเซย์ริวเจอก็คือ...

ชายหนุ่มกุมมือคุณป้าแล้วบีบแน่นอย่างซาบซึ้งในน้ำใจที่เธอมีให้  เขายกมือนั้นขึ้นแตะหน้าผาก

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับคุณป้า  แต่ผมรู้แล้วว่าผมจะตามหาเซย์ริวได้ที่ไหน...ผมต้องไปเดี๋ยวนี้...”

คุณป้าลูบผมลูกจ้างหนุ่มแผ่วเบา

“ไปเถอะจ้ะ  ถึงคราวที่เธอต้องปกป้องเขาบ้างแล้วหละ”

คัตซึฮิโกะยิ้มกว้าง  เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเข้าไปเก็บข้าวของสองสามชิ้นของเขาลงกระเป๋าเป้  ก่อนกลับออกมากอดคุณป้าเอาไว้แน่น ๆ อีกครั้ง

“คุณป้าครับ  ดอกทานตะวัน...จัดช่อให้สวยเลยนะครับ  อวยพรให้เด็กคนนั้น  อย่าให้เขาต้องเป็นเหมือนอย่างพวกผม”

“ป้าจะจัดให้สวยเลยจ้ะ  เชื่อมือเถอะ  อ้อ...นี่...”  เธอหันไปหยิบดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่ส่งให้คัตซึฮิโกะ  “นี่อวยพรสำหรับเธอ”

คัตซึฮิโกะรับดอกไม้นั้นมาพร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตา

“ขอบคุณครับ  คุณป้า  ผมลาหละครับ”

คุณป้าเจ้าของร้านยืนมองคัตซึฮิโกะวิ่งไปตามทางเดินจนลับตา  พร้อมกับเฝ้าภาวนาให้ได้พบกับชายหนุ่มคนนี้อีกครั้ง  โดยที่เธอไม่มีวันรู้เลยว่า  ไม่ไกลไปจากร้านของเธอมากนัก  เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งกำลังใช้โทรศัพท์

“ครับ...สถานีตำรวจเหรอครับ  ผมมีเบาะแสของคนร้ายที่ออกข่าวเมื่อเช้าจะแจ้งครับ...”
//////////

หญิงสาวตัวเล็ก ๆ เดินทอดน่องผ่านย่านชุมชนที่ผู้คนเริ่มบางตาลงบ้างจากช่วงเวลาเร่งด่วน  จิอากิเพิ่งจะลุกออกมาจากเตียงในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งหลังจากที่ลูกค้าของเธอจ้างเหมาเธอตลอดทั้งคืน  และเธอก็ปรนเปรอให้เต็มที่  แลกกับเงินก้อนโตที่เขามอบให้  เธอบิดตัวอย่างเมื่อยขบพลางคิดว่าจะกลับไปนอนต่อที่ห้องเช่า

ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นรายงานข่าวจากจอโทรทัศน์ที่วางเรียงกันเป็นพรืดอยู่ในตู้โชว์ของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า  เธอยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วจ้องมันอีกอย่างไม่เชื่อสายตา

“ตายแล้ว!  เซย์ริว!!”

เร็วเท่าความคิด  เธอรีบวิ่งกลับบ้าน  ฮิโรกิกับเซย์ริวจะต้องรู้เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด!
//////////

มาซาฮิเดะโยนหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะโดยแรงจนเกือบจะเป็นอาการขว้าง  เขาถอดเสื้อกาวน์พาดกับพนักเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องอย่างเร่งร้อน

“โทชิ!  ฉันจะออกไปข้างนอก”

“อ้าว  แล้วคนไข้รอเย็บแผลนั่นล่ะครับ?”

“เธอเย็บไปแล้วกัน  ทำได้นี่  ฉันไม่มีเวลามากขนาดจะมายุ่งกับแผลเล็ก ๆ แบบนั้นหรอกนะ”  มาซาฮิเดะเอ็ดเอาพร้อมกับก้าวลงบันไดเร็ว ๆ

สารวัตรไอดะที่ไม่ได้ข้อมูลไปจากเขาและคงไม่ได้ข้อมูลจากฮิโรกิ  เริ่มใช้วิธีหว่านแหเพื่อควานหาตัวเซย์ริวแล้ว  ไม่ใช่ความผิดของไอดะ  ทางนั้นเองก็คงโดนกดดันจากเบื้องบนอีกต่อหนึ่ง  หรือไม่บางทีก็โดนกดดันจากตัวคิตะโนะเองนั่นแหละ

เท่าที่รู้จักกัน  สารวัตรไอดะเป็นคนดี  เป็นตำรวจที่ดี  แต่มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องส่งเด็กที่เขาอุปการะอยู่ให้ตำรวจที่ดีเพื่อส่งต่อไปให้ไอ้คนชั่วที่ใครต่อใครก็รู้กันว่าชั่วด้วย  เซย์ริวต้องหนี!

มาซาฮิเดะชะงักเท้าเมื่อลงมาถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล  ร่างสูง ๆ ของใครคนหนึ่งยืนรอเขาอยู่แล้ว

“มาที่นี่ทำไม!?  ทำไมแกไม่รีบไป!!”

ชายหนุ่มยักคิ้วนิด ๆ อย่างไม่ใส่ใจกับเสียงตวาดของคนเป็นหมอ  ในมือของเขามีกระเป๋าเป้ใบเขื่องอยู่  เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วควักเอาเงินออกมาปึกใหญ่

“นี่ค่ารักษาของคาซึโกะ  มันยังไม่ครบ  แต่ฉันให้หมอไว้แค่นี้ก่อน”

มาซาฮิเดะจ้องหน้าเซย์ริวอย่างงุนงงไปชั่วขณะ

“มาที่นี่เพื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้น่ะรึ?”

“ไม่ไร้สาระหรอก  เพราะฉันกำลังจะขอ...ขอร้องหมอ  ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของฉัน”  เซย์ริวจ้องหน้าหมอมาสะนิ่ง  ดวงตาคู่นั้นไม่มีแววหวั่นไหว

“แกจะขออะไร”

“ให้ความคุ้มครองคาซึโกะ  ถ้าเป็นหมอต้องทำได้แน่  อย่าให้มือของไอ้สัตว์นั่นเอื้อมมาถึงคาซึโกะได้  ให้มันอยู่ในความดูแลของหมอ  ฉันขอแค่นี้”  ชายหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น

“ทั้งที่ยังจ่ายค่ารักษาไม่ครบน่ะเรอะ”  มาซาฮิเดะแค่นยิ้ม  พลอยให้เซย์ริวยิ้มน้อย ๆ ออกมาด้วย

“ฉันจะส่งให้อีก  หมอจะได้เงินครบแน่  ไม่ต้องห่วงหรอก”  ร่างสูงยื่นเงินในมือให้  “นี่สองล้าน  ยังขาดอีกสองล้าน  ไม่นาน...ฉันจะหามาจ่ายให้ครบ”

มาซาฮิเดะผลักมือที่ยื่นเงินให้เขากลับไป

“ไม่ต้อง...เก็บมันไว้ซะ  แกต้องใช้มันในการเดินทางครั้งนี้  เรื่องจ่ายให้ฉันน่ะ  เมื่อไรก็ได้  ฉันมีเวลารอแกได้ทั้งชีวิต  หรือถ้าฉันเป็นอะไรไปก่อน  โทชิก็ยังรอแกได้”

“แต่ว่า...นี่...”

“หรือถ้าแกหามาให้ฉันไม่ได้จริง ๆ  ซาโนะคุงก็ต้องหามาจนได้  แต่ถ้าแกต้องการจ่ายเงินให้เขาทั้งหมดเพื่อแสดงความรับผิดชอบโง่ ๆ ตามที่ฉันเคยสั่งไว้  ค่อยเอามาจ่ายอีกสองล้านทีหลัง  เงินสองล้านนี้ฉันรับไว้แล้ว  และยกให้แกแล้ว  ตอนนี้  รีบไปซะ”  มาซาฮิเดะยืนกอดอกพร้อมกับยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก  ท่าทางถือดีเหมือนที่เซย์ริวเคยเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย  “ฉันสัญญา  ฉันจะให้ความคุ้มครองเด็กนั่นไม่ให้ใครมาแตะต้องได้เด็ดขาด”

คำสุดท้ายนั้นหนักแน่น  และเมื่อหมอมาสะพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้นั่นหมายความว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล

เซย์ริวเหยียดยิ้ม  ยัดเงินใส่กระเป๋าแล้วหันหลังกลับ  ก่อนที่จะเดินออกจากโรงพยาบาลไปโดยไม่หันมามอง

“ขอบคุณมาก  พ่อ”

มาซาฮิเดะยกมือขึ้นแคะหู

“อย่าเสือกมาทำซึ้งเอาป่านนี้เลยวะ  เอาตัวรอดกลับมาจ่ายหนี้ให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยพูด”


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #187 เมื่อ05-07-2013 22:05:08 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!~~
หนีไปน้าาาาาาา
*พรากกกกกก*

ตื่นเต้นนนนนนนนนนนนน

เซย์ริวทำซึ้งเป็นด้วยแหะะะะ

:pig4:

ออฟไลน์ zizits

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #188 เมื่อ05-07-2013 22:48:53 »

แอบสารเซริวและแอบคิดไปต่างๆนานา แง้
เซย์ริวหนีไปตั้งตัวใหม่สักปีนึง แล้วกลับมาเป็นเศรษฐีทีเถอะน้า 5555

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #189 เมื่อ05-07-2013 23:02:05 »

ไอ้แก่หื่น น่าจะตายๆไปซะ นิสัยไม่ดีสุดๆ :angry2:
เซย์ริวรีบกลับมาปกป้องคัตจังด้วยนะ กลัวว่าคัตจังจะโดนฉุดไปทำมิดีมิร้าย แค่ความคิดมันก็น่าขยะแขยงเต็มทนแล้ว :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
« ตอบ #189 เมื่อ: 05-07-2013 23:02:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #190 เมื่อ05-07-2013 23:12:51 »

มีแววว่าจะมาม่าต่อปายยย

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #191 เมื่อ06-07-2013 06:14:35 »

นัตสึทำอะไรลงไปรู้หรือเปล่า สู้ๆกันนั

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #192 เมื่อ06-07-2013 10:56:56 »

งื้อออออออออออ เซย์ริวพาคัตจังไปด้วยเถอะ หนีไปอยู่ด้วยกัน ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ไกลๆ ที่ๆไม่มีใครรู้จัก อย่าทิ้งคัตจังไว้คนเดียวเลยนะ ฮือๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
«ตอบ #193 เมื่อ06-07-2013 17:54:54 »

ไอ้แก่บ้าตัณหานั่นนนนน :katai4:
ลุ้นกันต่อไป :m31:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 21: 12/7/56
«ตอบ #194 เมื่อ12-07-2013 12:34:14 »

สวัสดีวันศุกร์ครับ
อาทิตย์ที่ผ่านมาสบายดีกันหรือเปล่าครับ บ้านผมฝนตก หลับสบายทุกวันเลย

KOUSOKU 21

“ครับ...ผมเจอมันที่ห้องพี่ชายผมบ่อย ๆ ครับ...เปล่าครับ  ไม่ใช่เพื่อนครับ...มันก็คุกคามพี่ชายผมเหมือนกัน...”


ร่างสูงก้าวเร็ว ๆ ผ่านซอกซอยที่คุ้นเคย  เขาพยายามหลีกเลี่ยงถนนใหญ่เพื่อความปลอดภัยของตนเอง  จุดหมายข้างหน้าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเขาจะไปที่ไหน  เพียงแต่ยังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะไปที่นั่นทำไม  ยังเช้าขนาดนี้เจ้าของห้องคงอยู่ที่ร้านดอกไม้...แต่สองเท้าก็ยังพาเขาตรงไปยังห้องเช่าเล็ก ๆ แห่งนั้น  ถึงแม้จะไม่มีใครอยู่  แต่เขาก็อยากไปที่นั่น...เพื่ออะไร...เพื่อ...
มือแกร่งหยิบลูกกุญแจจากที่ซ่อนมาไขลูกบิดประตูพลางนึกแปลกใจว่าทำไมคัตซึฮิโกะถึงออกจากห้องไปโดยไม่คล้องแม่กุญแจ  แต่ยังไม่ทันจะได้บิดลูกกุญแจ  ลูกบิดก็ถูกบิดเปิดจากด้านใน

“เซย์ริว!  ทำไมมาช้านัก!?”  คัตซึฮิโกะแหวเอาทันทีที่โผล่ออกมาเห็น  แล้วก็ดึงร่างสูงเข้าห้องก่อนปิดประตูล็อก

“ผมตกใจแทบแย่  รู้มั้ย!  มาดักรอคุณอยู่ตั้งนาน  นึกว่าเตลิดเปิดเปิงหรือโดนซิวไปแล้วซะอีก”  คัตซึฮิโกะบ่นพลางยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด

“นี่แกไม่ได้ไปทำงาน?”  หางเสียงขึ้นสูงแสดงความประหลาดใจ

“ไปมาแล้ว  กลับมาแล้ว  แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถามเรื่องแบบนี้นะ  คุณจะทำยังไงต่อ?”  ชายหนุ่มถามด้วยอาการร้อนรนมากขึ้น

เซย์ริวมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกอันบอกไม่ถูก  มือใหญ่ยกขึ้นแตะข้างแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ

“อะไร...?”

ถามยังไม่ทันขาดคำ  ร่างเพรียวก็ถูกรวบเข้าในอ้อมแขนแกร่ง  ริมฝีปากร้อนบดลงมาอย่างหนักหน่วง  คัตซึฮิโกะสะดุ้งพลางยกมือขึ้นดันอกร่างสูง  แต่อาการขัดขืนนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วแวบ  มือเรียวเริ่มเกาะยึดอกเสื้อของร่างสูงแล้วตอบสนองจูบนั้นอย่างนุ่มนวลกระทั่งมันถูกถอนออก

“ฉันจะออกนอกประเทศ”  เซย์ริวกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

คัตซึฮิโกะผละออกห่างแล้วจ้องมองร่างสูง  สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มเป็นกังวล

“ไปไหน?”  ชายหนุ่มถามอย่างรวดเร็ว

“ยังไม่รู้  แต่ต้องไป”  คำตอบห้วนสั้น  หากไม่เด็ดขาดเหมือนที่เคยเป็น

ดวงตาคู่สวยที่จับจ้องมายังใบหน้าของเซย์ริวไหวระริก...ทุกอย่างกะทันหันเกินไป...มือหยาบกร้านเกลี่ยเรือนผมนิ่มอย่างเบามือ

“ดีแล้ว  ที่ได้เห็นหน้าแกเป็นครั้งสุดท้าย”  รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเซย์ริวเป็นรอยยิ้มแบบที่คัตซึฮิโกะไม่เคยได้เห็นมาก่อน
“ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้แล้ว”

พูดจบ  อาชญากรหนุ่มก็ดึงมือกลับอย่างรวดเร็วเหมือนจะตัดใจ  เขาหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไร

แต่ฉับพลัน  มือเรียวก็คว้าดึงเสื้อของเขาไว้

“อย่ามาทิ้งกันแบบนี้นะ!!”

คัตซึฮิโกะออกแรงดึงกระชากไหล่ให้ร่างสูงต้องหันกลับมา

“ผมจะไปด้วย!!”


เซย์ริวนิ่งงันไปชั่วขณะจิต  แต่ยังไม่ทันที่สมองจะเข้าใจว่าคัตซึฮิโกะพูดอะไร  คัตซึฮิโกะก็ใส่ต่อมาอีกชุดใหญ่

“คิดจะมาก็มา  คิดจะไปก็ไปงั้นเรอะ  จะเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปหน่อยแล้ว  คุณรู้มั้ยว่าคุณเข้ามาทำให้ชีวิตผมวุ่นวายแค่ไหน  แล้วอยู่ ๆ จะไปง่าย ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ  ผมไม่ยอมหรอกนะ  ผมจะไปกับคุณด้วย!”

“จะไปด้วยทำบ้าอะไร  เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก!”  เซย์ริวตะโกนใส่หน้าพร้อมสะบัดมือคัตซึฮิโกะออก

“เกี่ยวเซ่!  คุณคิดรึไงว่าไอ้เสี่ยนั่นมันจะจำคุณได้คนเดียว  มันเห็นหน้าผมชัดกว่าคุณอีกนะ  มันต้องรู้  มันไม่จ้องเล่นงานคุณคนเดียวแน่!”  คัตซึฮิโกะขึ้นเสียงอย่างไม่ยอมแพ้

“ฉันฝากแกไว้กับหมอมาสะแล้ว  แกจะปลอดภัยที่สุดภายใต้ความคุ้มครองของหมอ”

“ผมไม่ได้ต้องการความคุ้มครอง  ผมจะไปกับคุณ  ถึงมันจะเสี่ยงแค่ไหน  ผมก็จะไปกับคุณ!”

“จะไปขวางมือขวางตีนฉันทำไมเล่า  แกจะคอยถ่วงฉันไปตลอดทางรึไง!?”

“ตัวถ่วง?”  คัตซึฮิโกะทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนจะเยาะหยัน  “คุณนั่นแหละ  ตัวถ่วง  ไอ้คนเฮงซวย!  คุณเข้ามาถ่วงชีวิตผมลงเหวไปแค่ไหนแล้ว  ผมอยู่ของผมดี ๆ ก็เข้ามาทำทุกอย่างฉิบหายหมด  เงินหาย  งานหด  เกือบจะอดตายอยู่แล้ว  ไหนยังต้องมาทำมาหากินเลี้ยงคุณอีก  แล้วอยู่ ๆ ก็จะไปโดยไม่ชดใช้หนี้บุญคุณอะไรเลยรึไง  จะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย?  แล้วที่บอกเอาไว้...คนที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงคนเดียวในโลก  นั่นก็เป็นคำตอแหลเหมือนคำพูดอื่น ๆ ของคุณหรือไง?  รับผิดชอบสิ  เซย์ริว  สาบานต่อหน้าแผลนี่ว่าคุณจะรับผิดชอบชีวิตผมจนถึงที่สุด  จนกว่าคุณจะทำลายมันลงด้วยมือของคุณเอง!!”

คัตซึฮิโกะดึงผ้ารัดข้อมือออกแล้วยื่นมือไปตรงหน้าเซย์ริว  รอยแผลเป็นจากเหตุการณ์เมื่อเกือบครึ่งปีก่อนยังปรากฏชัดอยู่ที่ข้อมือข้างซ้ายของคัตซึฮิโกะ  ดวงตาที่จ้องมองเซย์ริวเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว  ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น  บ่งบอกถึงการตัดสินใจอย่างไม่ลังเล

“รับผิดชอบสิ  เซย์ริว”


ร่างสูงมองคนตรงหน้าอย่างหลากใจ  คนคนนี้ราวกับไม่ใช่คัตซึฮิโกะที่เขาเคยรู้จัก  แววตาคู่นั้นเขาไม่เคยเห็น  คัตซึฮิโกะของเขาเต็มไปด้วยความลังเล  ขลาดอาย  และอ่อนไหว...คัตซึฮิโกะที่แข็งกร้าวคนนี้เป็นใครกัน

“...แก...เข้มแข็งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”

ริมฝีปากที่เม้มแน่นค่อย ๆ คลี่ออกจนเป็นรอยยิ้ม

“คุณเห็นผมอ่อนแอนักหรือ  เซย์ริว?”  น้ำเสียงนั้นกลับอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น  “ผมที่อยู่คนเดียวมา  7  ปี  อ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“แต่ตอนที่ฉันเจอแก...”

คัตซึฮิโกะส่ายหน้าอย่างแช่มช้า

“นั่นแค่โอกาสหนึ่งในชีวิตเท่านั้นเอง  เซย์ริว  มันต้องมีบ้างไม่ใช่เหรอ  ช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิตน่ะ  วันที่รู้สึกไร้ค่าเหมือนทั้งโลกหันหลังให้เรา  มันต้องเกิดขึ้นบ้างในบางเวลาของชีวิต  คุณแค่ก้าวเข้ามาในช่วงนั้นของชีวิตผมเท่านั้นเอง...ผมน่ะนะ  เซย์ริว  ผมต้องดูแลน้อง  ดูแลตัวเอง  รับผิดชอบหน้าที่การงานของตัวเองให้ดีที่สุด  ทุกวันมันยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาจะเศร้าหรืออ่อนแอหรอกนะ  ผมท้อ  ผมเหนื่อย  แต่ผมไม่เคยแพ้  ครั้งเดียวที่ผมล้มแล้วรู้สึกว่าไม่อาจลุกขึ้นได้อีก  เกิดขึ้นเพราะคุณ...คุณทำลายทุกอย่างที่เป็นความเชื่อมั่นในชีวิตของผม  คุณทำลายชีวิตผมลงได้อย่างที่คุณพูดไว้เมื่อพบกันครั้งแรก  แต่ในตอนที่โลกทั้งโลกของผมมืดมิด  คุณเองที่เป็นคนพาผมกลับมา  เลือดของคุณ...ความเอาแต่ใจของคุณ  ฉุดรั้งผมไว้ที่นี่  แล้วผมก็คิด...ทุกครั้งที่มองแผลนี้ผมก็คิด  ผมได้ชีวิตของผมคืนมาแล้ว  ผมจะไม่ยอมเสียไปอีก  ไม่ว่าจะเพราะใครหรือเพราะอะไร  ผมได้ก้าวข้ามช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาแล้ว  ผมหลุดพ้นจากก้นบึ้งของความสิ้นหวังที่ผมผลักตัวเองลงไปด้วยความอ่อนแอของผมเองแล้ว  ผมจะไม่กลับไปที่จุดนั้นอีก  ผมจะใช้ชีวิตอย่างที่ผมอยากเป็น  ผมจะเข้มแข็ง!”

ประโยคสุดท้ายหนักแน่นราวกับจะจารไว้บนแผ่นหิน  ดวงตาที่จ้องตรงมาไม่มีแววหวั่นไหว

เซย์ริวเองเสียอีกที่วาบไหวอยู่ในอก  เมื่อมือเรียวเอื้อมมาเกาะกุมมือซ้ายของเขาไว้

“คุณผูกมัดผมไว้ด้วยแผลนี่  ผมก็จะผูกมัดคุณไว้ด้วยสร้อยเส้นนี้เหมือนกัน”

อาชญากรหนุ่มเหลือบมองข้อมือซ้าย  สร้อยเงินเส้นเขื่องสวมติดอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ต้นฤดูหนาวโดยที่เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันจนเกือบจะลืมไปแล้ว...ใช่...คัตซึฮิโกะเป็นคนซื้อให้  ในวันเกิดของเขา

“หึ...ฉันไม่ทำอะไรงี่เง่าอย่างเรื่องสบถสาบานอะไรนั่นหรอก  แต่ฉันไม่เคยผิดคำพูดของฉัน”  ร่างสูงจับมือคัตซึฮิโกะขึ้นมาจูบหนัก ๆ ที่รอยแผลนั้น

“ชีวิตของแก...ฉันจะเป็นคนทำลายด้วยมือของฉันเอง”
//////////

ท็อปบู้ทหลายคู่ย่ำหนัก ๆ มาตามทางเดินของแมนชั่นเก่า ๆ แห่งนั้น  ตำรวจนายหนึ่งเคาะประตูห้องแรง ๆ

“คุณซาโนะครับ  นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ขอความร่วมมือในการตรวจค้นด้วยครับ”  เขาบอกกับคนที่น่าจะอยู่ในห้อง  ในขณะที่ตำรวจนายอื่นอยู่ในลักษณะเตรียมพร้อม  เพราะไม่แน่ว่าเจ้าฆาตกรสองศพนั่นจะอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่

แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้อง

ตำรวจคนเดิมหันไปมองหน้าคนอื่น ๆ เหมือนจะขอความเห็น  แล้วก็หันกลับไปมองสำรวจประตูอีกครั้ง  ที่สายยูไม่ได้คล้องแม่กุญแจ  มีเพียงลูกบิดประตูเท่านั้นที่ล็อกเอาไว้

“คุณซาโนะครับ”  เขาเรียกพลางเคาะประตูแรงขึ้น  แต่ทุกอย่างยังคงเงียบ

“เอายังไงดี  หรือว่าไม่ใช่ที่นี่”

“ป้ายชื่อติดอยู่นั่น  จะไม่ใช่ได้ยังไง  อาจจะออกไปทำงานก็ได้”  อีกคนหนึ่งแย้ง

“แล้ว...ที่ทำงานเขาอยู่ไหน?”

“ไม่รู้สิ  ผู้แจ้งเหตุไม่ได้บอกมาด้วย”

“กลับก่อนแล้วค่อยมาทีหลังดีมั้ย?”

“เข้าไปค้นเถอะ  เผื่อว่าไอ้คนร้ายมันจะแอบกบดานเงียบอยู่ในห้องล่ะ  ถ้าเราไปก็เข้าทางมันเลยนะ”  ตำรวจร่างสูงใหญ่ออกความเห็น  เป็นเหตุให้ทุกคนนึกคล้อยตามไปด้วย  เขาเป็นลูกต้องของคิตะโนะที่ลอบปลอมตัวมา  เป้าหมายสำคัญของเขาคือเจ้าของห้องนี้  ส่วนไอ้ฆาตกรตัวแสบนั่นเป็นเพียงเป้าหมายรอง

“งั้นลองเข้าไปดูก็ได้  ใครมาสะเดาะกุญแจซิ”

ประตูห้องถูกไขเข้าไปไม่ยากนัก  แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งตัวจริงและตัวตัวปลอมพบแต่ห้องว่าง ๆ ที่ไม่มีคนอยู่  สภาพห้องดูเป็นปกติทั่วไปเหมือนกับว่าเจ้าของห้องได้ออกไปทำงานเมื่อเช้าและทิ้งห้องไว้ในสภาพนี้

จากการตรวจค้นอย่างถี่ถ้วน  ไม่พบอะไรที่จะสาวไปถึงตัวฆาตกรที่ถูกออกหมายจับได้  มีเพียงข้าวของเครื่องใช้บางอย่างที่บ่งบอกว่าเจ้าของห้องนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว  แต่หลักฐานนั้นก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดจะระบุได้ว่าคนร่วมห้องเป็นหญิงหรือชาย  และอยู่ด้วยกันประจำหรือแค่มาพักด้วยชั่วครั้งชั่วคราว

การตรวจค้นครั้งนี้เรียกได้ว่าคว้าน้ำเหลว  ตำรวจไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าของห้อง  มีที่เกือบจะเป็นประโยชน์เมื่อมีคนค้นเจอนามบัตรบอกตำแหน่งพนักงานฝ่ายศิลป์ของบริษัทแห่งหนึ่ง  แต่เมื่อโทรติดต่อไปที่บริษัทก็พบว่า  ซาโนะ  คัตซึฮิโกะได้ลาออกจากที่นั่นหลายเดือนแล้ว  ผู้รับโทรศัพท์ก็ไม่ทราบว่าเขาได้งานใหม่ที่ไหน  และประจวบเหมาะกับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ  บรรดาตำรวจจึงได้แต่ถอนกำลังกลับไปอย่างผิดหวัง


คล้อยหลังตำรวจไปไม่นาน  นัตสึก็แอบขึ้นมาที่ห้องของคัตซึฮิโกะ  เขาหยิบเอากุญแจจากที่ซ่อนที่คัตซึฮิโกะเคยบอกเขาไว้แล้วไขห้องเข้าไป

หลังจากโทรแจ้งกับตำรวจแล้ว  นัตสึก็รีบมาที่ห้องของคัตซึฮิโกะ  ใจจริงเขาอยากไปหาคัตซึฮิโกะที่ที่ทำงาน  แต่เขาไม่รู้ว่าคัตซึฮิโกะทำงานที่ไหนแน่  การควานหาตัวคัตซึฮิโกะย่อมเสียเวลากว่าการมาดักเจอที่ห้อง  เขาจึงมาที่นี่  แต่พวกตำรวจมาถึงก่อนหน้าเขานิดเดียวเท่านั้น

เด็กหนุ่มนึกภาวนาให้คัตซึฮิโกะอยู่ที่ห้อง  ไม่ว่าความผิดที่เซย์ริวกระทำมันจะมีส่วนโยงใยมาถึงคัตซึฮิโกะหรือไม่  แต่การอยู่ในความดูแลของตำรวจจะปลอดภัยต่อคัตซึฮิโกะมากกว่าในความคิดของนัตสึ...แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่อยู่ที่ห้อง

นัตสึเข้าไปในห้องพร้อมกับตัดสินใจจะอยู่รอจนกว่าคัตซึฮิโกะจะกลับมา  สภาพห้องมีร่องรอยการรื้อค้นปรากฏอยู่เล็กน้อย  แต่ข้าวของส่วนใหญ่อยู่ในสภาพเกือบเหมือนเดิม  พวกตำรวจพรางร่องรอยไว้ได้แนบเนียนทีเดียว  อาจเพราะการตรวจค้นครั้งนี้ทำไปโดยพลการก็ได้

เด็กหนุ่มทำท่าจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วก็เปลี่ยนใจไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือแทน  บนเตียงเล็ก ๆ นั้นมีความทรงจำอันอัปยศของเขาอยู่  แม้เวลาจะผ่านมาพอสมควรแล้ว  แต่บางครั้งมันก็ยังเฝ้าหลอกหลอนเขา

นัตสึพยายามบังคับตัวเองไม่ให้มองไปที่เตียงนั้น  แต่ยิ่งพยายามเท่าไร  เขาก็พบว่าเขามองไปที่นั่นบ่อยกว่าที่อื่น

ความเจ็บปวดแล่นปลาบขึ้นมาจากส่วนลึกในใจและแผ่ขยายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว  เด็กหนุ่มยกสองมือขึ้นกอดตัวเองแน่น  เหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านขมับ  รู้สึกเกร็งเครียดและอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...แค่กลับมาอยู่ในสถานที่ที่เกิดเรื่องเลวร้ายนั่นก็ทำให้เขาแทบทนไม่ได้ขนาดนี้  แล้วคัตซึฮิโกะล่ะ...คัตซึฮิโกะพยายามฆ่าตัวตายที่นี่...แล้วคัตซึฮิโกะทนอยู่ที่นี่ต่อมาได้อย่างไร

คิดแบบนั้นแล้วสายตาก็กวาดไล่ไปที่พื้น...ตรงนั้น...บนพื้นห้องข้างเตียง  ยังมีคราบสีน้ำตาลแดงจับอยู่จาง ๆ ...คัตซึฮิโกะกรีดข้อมือที่นี่!

นัตสึทรุดตัวลงกับพื้น  ใช้มือลูบไปตามคราบเลือดของคัตซึฮิโกะ...คัตซึฮิโกะผ่านเรื่องเจ็บปวดมามากมายขนาดไหนแล้วนะ  ตลอดเวลาเหล่านั้นเขาไม่เคยอยู่เคียงข้างคัตซึฮิโกะเลย  คัตซึฮิโกะฟันฝ่าเรื่องราวเหล่านั้นมาด้วยตัวคนเดียวเสมอ...แล้วมันคนนั้น  มันอยู่เคียงข้างคัตซึฮิโกะอย่างนั้นหรือ?

พลันเด็กหนุ่มก็เห็นความผิดปกติบางอย่างที่เตียงนอนของคัตซึฮิโกะ  ข้างใต้ที่นอนนั้นเป็นลิ้นชักใหญ่ที่คัตซึฮิโกะใช้เก็บเสื้อผ้าและของใช้บางอย่าง  ตอนนี้มีชายผ้าขนหนูแลบออกมาจากลิ้นชักนั้น  นัตสึขมวดคิ้ว  โดยปกติคัตซึฮิโกะเป็นคนมีระเบียบ  เรื่องจะให้ข้าวของรกหรือกระจัดกระจายนั้นเป็นไปไม่ได้เลย  หรือวันนี้จะรีบร้อนออกไปทำงานจนรื้อลิ้นชักกระจายได้

เขาค่อย ๆ เปิดลิ้นชักนั้นอย่างระมัดระวัง  แล้วก็เบิกตากว้าง...ที่นั่นไม่เพียงแต่รก  หากกระจุยเละเทะเพราะผ่านการรื้อค้น
คิ้วเรียวขมวดมุ่น  จะว่าตำรวจพวกนั้นเป็นคนรื้อก็ไม่น่าจะใช่  เพราะร่องรอยอื่น ๆ ในห้องก็ถูกเก็บจนเรียบร้อย  พวกนั้นคงไม่เลินเล่อทิ้งหลักฐานการรื้อค้นเอาไว้แบบนี้หรอก

นัตสึตรวจดูลิ้นชักใส่เสื้อผ้าของคัตซึฮิโกะอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ใจหายวาบ  เอกสารสำคัญและสิ่งมีค่าหายไปพร้อมกับเสื้อผ้าหลายชุด...คัตซึฮิโกะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว!!


“มันเอาตัวพี่ผมไปแล้วครับ...ครับ...ไม่ทราบครับ...กรุณาช่วยด้วยเถอะครับ!!”


ในตอนนั้นที่รถไฟเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ  ยังไม่มีใครรู้ว่าปลายทางของการเดินทางอยู่ที่ไหน  แต่ท่ามกลางผู้คนมากมาย  คัตซึฮิโกะก็เอนกายพิงซบไหล่ของร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  สัมภาระที่วางอยู่ใกล้ตัวมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าคนละใบ  จากวันพรุ่งนี้ไปชีวิตจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้  แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มหลับสนิทอย่างวางใจที่สุด  เมื่อมีคนที่เขาเชื่อมั่นอยู่เคียงข้าง  มือที่เกาะกุมมือของเขาอยู่มั่นคงไม่หวั่นไหว...จะที่ไหนก็ได้  จะเมื่อไรก็ได้  จนกว่าชีวิตของเขาจะถูกทำลายลงด้วยมือคู่นั้น...เขาจะไปกับเซย์ริว
//////////


ปล. เฮ้ย!! ทำไมบทนี้มีแค่เน้!!!!
เดี๋ยวเอาไปอีกตอน

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 21: 12/7/56
«ตอบ #195 เมื่อ12-07-2013 12:40:36 »

ตอนที่แล้วอยากสั้นนัก เอาไปอีกตอนโลด!!

KOUSOKU 22

“สัตว์เอ๊ย!  ปล่อยให้มันหนีไปได้ยังไงวะ!  พวกมึงทำงานกันประสาอะไร  ขนาดกูให้ประกบติดไอ้พวกตำรวจนั่นแล้ว  มึงยังปล่อยให้มันรอดมือไปได้อีกงั้นเรอะ!!”

เสี่ยใหญ่แผดเสียงลั่นห้องพลางฉวยเอาหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงในห้องพักฟื้นขว้างใส่ลูกน้อง  ใครหลบได้ก็โชคดีไป  ใครหลบไม่ได้ก็เจ็บตัวกันตามระเบียบ

“แต่...แต่ตอนนี้เราก็กำลังตามข้อมูลที่แน่นอนอยู่ครับ  จากทางตำรวจเองก็รู้แล้วว่าพวกมันจับรถไฟไปไหน”  หนึ่งในทีมติดตามระล่ำระลักบอก

“ไม่ใช่แค่รู้โว้ย!  พวกมึงต้องเอาตัวมันมาให้กูให้ได้เร็วที่สุด”  คิตะโนะชี้กราดไปยังกลุ่มลูกน้อง  “ถ้ากูออกจากโรง’ บาลแล้วพวกมึงยังไม่ได้ตัวมันมาให้กูหละก็...มึงต่อโลงรอไว้ได้เลย”

บรรดาลิ่วล้อได้แต่เหลือบตามองกันอย่างหนักใจ  บ้างก็กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ  พวกเขารู้ดี...คิตะโนะเป็นพวกพูดจริงทำจริง  และหลายครั้งที่พวกเขาเองที่แหละที่เป็นคนไปล่าคนที่ขัดขวางเส้นทางของคิตะโนะมาให้ผู้เป็นนาย  คราวนี้ก็เหมือนกับทุกครั้ง  ผิดกันแต่ว่าไม่มีโอกาสให้พลาดได้...พวกเขาไม่อยากเป็นฝ่ายถูกล่าเองนักหรอก

“ไป!  อย่ามาให้กูเห็นหน้าจนกว่าจะได้ตัวไอ้เด็กนั่น  แต่คอยรายงานให้กูรู้เป็นระยะด้วย  ไปได้แล้ว!”

พวกคนโฉดรีบออกไปจากห้องพักของเจ้านายอย่างรวดเร็ว  ไม่มีใครอยากอยู่สู้หน้าคิตะโนะที่กำลังอารมณ์เสียนานนัก  เหลือเพียงบอดี้การ์ดสองคนที่แม้จะรู้สึกอย่างไรก็ต้องอยู่เคียงข้างคิตะโนะตามหน้าที่

เสี่ยใหญ่หยิบเอาภาพสเก็ตช์ของชายหนุ่มขึ้นมาดูอีก  เขายิ้มอย่างพึงใจก่อนจะบอกกับบอดี้การ์ดทั้งสอง

“ออกไปเฝ้าข้างนอกไป  ฉันอยากอยู่คนเดียว”

เมื่อเหลืออยู่คนเดียวในห้องตามลำพังแล้ว  คิตะโนะก็ปล่อยอารมณ์ให้เพริดไปกับจินตนาการฟุ้งซ่าน  เขาครุ่นคิดถึงการเล่นสนุกกับชายหนุ่มในภาพครั้งแล้วครั้งเล่า  เฝ้าหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกที่ทั้งพึงใจทั้งอาฆาตแค้น...ถ้าไม่ไปยุ่งกับมันก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้  ถ้าไม่เจอมันก็คงไม่ต้องโชคร้ายแบบนี้  ถ้าไม่เจอมันก็คงไม่หลงใหลมากขนาดนี้...

มืออวบอูมสอดเข้าไปใต้ชุดคลุมของโรงพยาบาลแล้วเกาะกุมเข้าที่ก้อนเนื้อนุ่มที่เริ่มแข็งตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ  ทันทีที่จับต้องมันเต็มไม้เต็มมือ  พลันจินตนาการก็คิดไปภาพถึงเรียวปากอิ่มของใครคนนั้นอมครอบท่อนเนื้อของเขาเพราะถูกบังคับให้ทำ  ใบหน้าสวย ๆ เปื้อนไปด้วยน้ำตา...ใช่...เด็กนั่นต้องอมให้เขาจนกว่าเขาจะเสร็จสม...ไม่สิ  ให้อมสักครึ่งทางแล้วไปหาความสำราญจากเรือนร่างนั้นด้วยวิธีอื่นต่อน่าจะดีกว่า

เสี่ยใหญ่ขยับมือรูดขึ้นลงเร็วขึ้น  ในหัวเริ่มฟุ้งซ่านไปด้วยความคิดที่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มคนนั้น...สายโซ่จะถูกล่ามตรึงสองขาของมันเอาไว้  เครื่องพันธนาการจะมัดขึงให้สองขาอ้ากว้างอย่างไม่มีทางปฏิเสธ  สายหนังผูกมัดข้อมือทั้งสองข้างไพล่หลังให้หมดทางช่วยเหลือตัวเอง...

“อึ่ก...แฮ่ก...ดี...แบบนั้น...”  คิตะโนะครางกระเส่ากับให้กับจินตนาการของตัวเอง

จะใช้ยาปลุกเซ็กซ์ด้วยดีไหมนะ...ต้องดีแน่  ใช้ยาแบบสอดทางประตูหลังสอดเข้าไปแล้วเอาเจ้าของเล่นใส่กระตุ้นไว้จนยาออกฤทธิ์...ให้ทุรนทุราย  ให้ทรมานจนต้องออกปากขอร้องให้เขาใส่เข้าไปในตัวแทนที่จะเป็นของเล่น

แต่ทำไมนะ...แม้ในจินตนาการของเขา  ถึงจะถูกทรมานขนาดไหน  แววตาของคนคนนั้นก็ไม่เปลี่ยนแปลง...จนถึงตอนนี้  คิตะโนะก็ยังจำได้ถึงแววตาแข็งกร้าวที่ไม่ยอมจำนนแม้จะถูกซ้อมจนสะบักสะบอมของชายหนุ่ม...เหมือนสัตว์ป่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง  ถ้าเป็นคนอื่นคงเอ่ยปากอ้อนวอนให้เขาปรานีตั้งแต่โดนเล่นงานไปไม่เท่าไรแล้ว  แต่คนที่ไม่ยอมแพ้แบบนี้มันก็ดี  จะได้สนุกกับการหาวิธีเอาชนะไปได้นาน ๆ  ดูซิว่าจะต้องทรมานถึงระดับไหนมันถึงจะยอมแพ้  กับไอ้คนที่แทงเขานั่นก็ด้วย  อยากรู้นักว่ามันจะปกป้องคนของมันได้ยังไงถ้ามันอยู่ในการคุมขังของเขา...เพราะว่าเอาชนะได้ยาก  จึงอยากได้มา...เพราะไม่เคยพบ  จึงอยากครอบครอง...
คิตะโนะปล่อยให้จินตนาการของตนหลั่งไหลจนกระทั่งพรั่งพรูทุกความรู้สึกออกมา...ท่ามกลางเสียงหอบหนัก ๆ ของตัวเอง  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือยังไม่พอ...เขาต้องการมากกว่านี้  สัมผัสที่ไม่ใช่จินตนาการ  เขาต้องการครอบครองคน ๆ นั้นเดี๋ยวนี้!
//////////

คัตซึฮิโกะลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกหนาวจนทนไม่ได้  ทั้งที่ยังอยู่ในฤดูร้อนแต่ลมมรสุมก็เริ่มพัดเอาความเย็นยะเยือกของสายฝนมา  ชายหนุ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วก็พบตัวเองนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวในสถานีรถไฟ  โดยมีเซย์ริวนั่งพิงเก้าอี้หลับอยู่กับพื้น

คัตซึฮิโกะขยี้ตาพลางนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น...พวกเขาขึ้นรถไฟมาเรื่อย ๆ เปลี่ยนรถขบวนแล้วขบวนเล่าโดยไม่ได้สนใจเส้นทาง  ตลอดเวลาพวกเขาพูดคุยกันน้อยมาก  ทุกครั้งที่เหลือบไปมองเซย์ริวก็จะพบว่าฝ่ายนั้นนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนิ่งเงียบ  มีเพียงร่องรอยของความกังวลจับอยู่จาง ๆ บนใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไร  แม้จะไม่ต้องพูด  แต่คัตซึฮิโกะก็รู้ว่าเซย์ริวกำลังคิดอะไร

...พวกเขาจะทำยังไงต่อ...

คำถามนี้ปรากฏขึ้นซ้ำซากในสมอง  แม้หลายครั้งที่จะตอบกับตัวเองว่าจะหนีออกนอกประเทศไปตั้งหลักที่อื่น  แต่คำตอบนั้นก็แค่ทำให้ความกังวลใจลดลงได้เพียงชั่วคราว  ทุกอย่างมันคลุมเครือราวกับอยู่ในม่านหมอก...คิดดูก็แปลก  ทั้งที่กังวลมากขึ้นขนาดนี้  แต่ตอนที่ตัดสินใจจะติดตามเซย์ริวมานั้น  เขาไม่ได้คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย  เขาคิดเพียงว่าจะปล่อยให้เซย์ริวไปคนเดียวไม่ได้...ไม่ใช่ไม่ยอมให้เซย์ริวปล่อยมือจากเขา  แต่เขาเองต่างหากที่ไม่ยอมปล่อยมือเซย์ริว  เวลาล่วงเลยมาจนขนาดนี้แล้ว  ความสัมพันธ์ที่ดูจะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนของพวกเขาดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว  การที่เขาไม่เคยขัดขวางเรื่องที่เซย์ริวทำผิดกฎหมายและการที่เขาช่วยเซย์ริวเอาไว้ด้วยการฆ่าคน  แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัย  แต่ก็ถือได้ว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

คัตซึฮิโกะถอนใจเบา ๆ  นึกถึงคำถามที่เขาถามเซย์ริวระหว่างการเดินทาง


“นี่...พวกเราจะไปที่ไหนเหรอ?”

“ก็ออกนอกประเทศไง”  เซย์ริวตอบมาเบา ๆ

“แล้ว...จะไปยังไง?”

“เรือลำไหนสักลำที่จะเดินทางออกนอกประเทศ  ก็ซ่อนตัวไปในนั้น”  ชายหนุ่มพูดอย่างไม่คิดมาก

“แล้ว...ถ้าถูกจับได้จะทำยังไง?”

“ถามว่าจะเป็นยังไงน่าจะง่ายกว่ามั้ง...”  ร่างสูงเว้นวรรคไปนิดหนึ่ง  “อย่างดีที่สุดก็อยู่ในคุกมันไปตลอดชีวิต  อย่างเลวที่สุดก็ตาย”

คำตอบไม่ยินดียินร้ายทำให้คัตซึฮิโกะนิ่งเงียบไป  เขายอมรับว่าตัวเองไม่หนักแน่นเท่าอีกฝ่าย  อาจเพราะผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาน้อยกว่าเซย์ริวจึงรู้สึกเป็นกังวลมาก  ชีวิตที่ผ่านมาของเขาถือได้ว่าธรรมดาไม่เคยมีเรื่องอะไรต้องเสี่ยงหนักหนา  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวออกมาจากชีวิตเดิม ๆ  ไกลถึงขนาดนี้และคงไม่สามารถกลับไปได้อีก  แต่จะบอกว่าอยากกลับไปที่จุดเดิมก็คงไม่ใช่...เพียงแต่รู้สึกว่าตัดใจไม่ได้มากกว่า

แรงบีบเบา ๆ จากมืออุ่นร้อนดึงคัตซึฮิโกะออกจากภวังค์

“จนป่านนี้ยังจะคิดอะไรอีกเหรอ”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ตอบ  เขาเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ  ฝ่ามือชื้นเหงื่อนิด ๆ ที่เกาะกุมมือของเขาทำให้เขารู้ว่าเซย์ริวเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าเขาเช่นกัน...ในตอนนี้  ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดอะไรให้ยุ่งยากวุ่นวายอีกแล้ว  พวกเขามีแต่ต้องลุยไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น


“ตื่นเร็วจังนะ”  เสียงห้าวต่ำดังขึ้นเบา ๆ ทำให้คัตซึฮิโกะก้มลงมอง

“เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เอง  มันหนาวน่ะ”

ร่างสูงเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มแล้วหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ที่คลุมร่างของเขายื่นให้

“เอาไปห่มเพิ่มซะสิ  ยังเช้ามืดอยู่เลย  นอนต่อได้อีกหน่อย”

“ผมไม่ง่วงแล้วหละ  ถ้าคุณยังง่วงก็นอนต่อไปเถอะ”  คัตซึฮิโกะบอก

ความเงียบเกิดขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง  ตอนแรกคัตซึฮิโกะคิดว่าเซย์ริวกลับไปหลับต่อตามเดิม  แต่แล้วร่างสูงก็เหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบแล้วลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า

“พื้นมันแข็ง  นอนไม่สบาย  ถ้าไม่นอนแล้วก็ไปกันดีกว่า”

“อืม”  คัตซึฮิโกะจับชายเสื้อขึ้นเช็ดหน้า  “ไปไหนดีล่ะ?”

“ไปไหนก็ได้...จุดสุดท้ายคือท่าเรือ  หาเรือสักลำ...”

“ว่าแต่...ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนน่ะ...?”  คัตซึฮิโกะพูดขึ้นเบา ๆ พลางเงยหน้ามองป้ายสถานีรถไฟที่ไม่คุ้นตา  เมื่อวานนี้พวกเขาเปลี่ยนรถไฟหลายสายและมาถึงที่นี่เอาตอนดึก  จากนั้นก็ลงนอนกันเลย

“ที่ไหนก็ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า”  เซย์ริวพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“อืม  แถวสถานีน่าจะมีร้านสะดวกซื้อบ้างหละนะ”  คัตซึฮิโกะลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วตรวจดูกระเป๋าสตางค์  เขากวาดเงินมาหมดบ้านรวมทั้งส่วนที่เก็บไว้จ่ายให้หมอมาซาฮิเดะด้วย  เพราะอย่างงั้น  ตลอดการเดินทางนี้เขาคงจะต้องหวงกระเป๋าใบนี้เท่าชีวิตเลยทีเดียว

เดินไปไม่ไกลก็ถึงร้านสะดวกซื้อ  คัตซึฮิโกะเป็นคนไปซื้อของกินมาจำนวนหนึ่งเพราะในตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยน่าจะได้เห็นหน้าตาเซย์ริวจากในสื่อใดสื่อหนึ่งแล้ว  แม้ว่าเมื่อวานจะเป็นการออกข่าวในท้องถิ่น  แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าในวันนี้ข่าวของพวกเขามันกระจายไปถึงไหนแล้ว

หลังจากมื้อเช้าที่ซื้อมากินกันพอให้หนักท้อง  ชายหนุ่มทั้งสองก็ออกเดินสำรวจเมือง  ที่นั่นเป็นเมืองใหญ่พอสมควรทีเดียว  แต่ที่พวกเขาอยากรู้ก็คือ  เมืองนี้ติดทะเลและมีท่าเรือหรือไม่  แต่กลิ่นเค็ม ๆ ของทะเลที่ลอยอวลมากับสายลมทำให้พอมีความหวังบ้าง
แต่หลังจากที่เดินเปะปะไปตามป้ายบอกทางได้ไม่ไกลนัก  ท้องฟ้าที่มืดครึ้มไปด้วยเมฆสีเทา ๆ ก็กลั่นตัวลงมาเป็นหยดน้ำ  เซย์ริวลากคัตซึฮิโกะวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้าไปใต้เครื่องเล่นเด็กในสวนสาธารณะซึ่งใช้เป็นที่หลบฝนได้เป็นอย่างดี  แต่กระนั้นทั้งคู่ก็เปียกในระดับหนึ่ง

“แย่ชะมัด  คิดว่าจะได้สำรวจเมืองให้แน่ใจเสียหน่อย”  เซย์ริวบ่นพลางยกมือขึ้นขยี้ผมไล่ความเปียกชื้น  “พายุเริ่มเข้าฝั่งแล้ว  ถ้าช้ากว่านี้จะลำบาก”

คัตซึฮิโกะได้แต่ฟังอยู่เงียบ ๆ  เขาก็รู้ดีเท่า ๆ เซย์ริว  การหลบหนีครั้งนี้จะลำบากมากทีเดียวถ้าพวกเขายังเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  เพราะในช่วงนี้ของทุกปีจะเป็นหน้ามรสุม  ทั้งฝนและพายุจะเริ่มต้นพัดเข้าฝั่ง  ฝนจะกระหน่ำตกชนิดไม่ลืมหูลืมตา  จนบางทีเรืออาจจะออกทะเลไม่ได้

“เปลี่ยนใจยังทันนะ  คาซึโกะ”  เสียงห้าวต่ำดึงคัตซึฮิโกะออกจากห้วงความคิด

ชายหนุ่มถอนใจพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ

“บอกกี่หนแล้วว่าผมไม่เปลี่ยนใจ”

เซย์ริวไม่ได้ว่าอะไรนอกจากทอดสายตาเหม่อมองสายฝน

“ผม...เป็นภาระขนาดนั้นเลยเหรอ  เซย์ริว?”

ศีรษะที่มีผมยาวจนปรกบ่าส่ายช้า ๆ  ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ

“เปล่า  ไม่ได้เป็นภาระอะไรหรอก  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมแกจะต้องเอาตัวเองมาลำบากกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของแกด้วย”

“ผมก็ไม่เข้าใจพอ ๆ กับคุณแหละ  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”  คัตซึฮิโกะว่าพลางขยับตัวลึกเข้าไปในโพรงไม่ให้โดนละอองฝน  “แต่ผมเองก็ฆ่าคนไปคนนึงแล้ว  ผมทำความผิดร่วมกับคุณ  เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด...จะให้ผมยกความผิดทั้งหมดให้คุณแล้วเอาตัวรอดสบายอยู่คนเดียวน่ะ  ผมทำไม่ได้หรอก”

“คิดมากไปแล้ว”  ร่างสูงพูดแล้วเข้ามานั่งใกล้ ๆ  “แต่แกก็เป็นพวกคิดมากแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นะ”

“ผมไม่ใช่พวกไม่คิดอะไรเลยแบบคุณหนิ...พูดยังกะรู้จักกันมานานงั้นแหละ”  คัตซึฮิโกะย้อนเข้าให้

“จะสองปีแล้ว”  เซย์ริวพึมพำเบา ๆ

“อะไรนะ?”

“ฉันอยู่กับแกมาเกือบสองปีแล้ว”

อาชญากรหนุ่มบอกพร้อมกับเหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งห่างออกไปแค่เอื้อม  ในความมืดสลัวของอุโมงค์ใต้เครื่องเล่น  เขาเห็นอีกฝ่ายมองตอบมาด้วยแววตาที่แฝงความประหม่านิด ๆ เอาไว้

“แค่เกือบสองปีเองเหรอ  นึกว่าสักสองชาติได้  ขนาดตายไปรอบนึงแล้วยังต้องกลับมาทนอยู่กับคุณอีก”  ร่างเพรียวค่อนแคะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก

“ถ้าบอกว่าต้องทน  แล้วตามมาทำไม”

“ไม่รู้”  คำตอบสั้นห้วน  แล้วคนพูดก็เสมองไปทางอื่น

เซย์ริวทอดสายตามองคนข้าง ๆ ที่เหม่อมองสายฝนเงียบ ๆ  ไม่ว่าเมื่อไรคัตซึฮิโกะก็เก็บความรู้สึกไม่เก่งเอาเสียเลย  แต่เขาก็พอจะเข้าใจ  เพราะถ้าหากถามเขาว่าทำไมถึงยอมพาคัตซึฮิโกะมาด้วย  คำตอบก็คงเป็น  “ไม่รู้”  เช่นเดียวกัน

มือแกร่งเอื้อมไปโอบไหล่เล็กดึงเข้ามาใกล้ตัว  ใบหน้าคมโน้มเข้ามาจูบแตะริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา

“ไม่รู้ก็ช่างเถอะ  ไม่ต้องเก็บเอาไปคิดก็ได้”  ร่างสูงเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังจากถอนจูบ

คนตัวเล็กกว่าได้แต่ก้มหน้างุด  สองแก้มซับสีเลือดจนแดงระเรื่อ  พยายามขืนตัวออกห่าง  แต่คนที่แข็งแรงกว่าไม่ยอมปล่อย  จึงจำยอมซุกนิ่งอยู่กับอกกว้าง  มีเพียงเสียงงึมงำลอดไรฟันออกมา

“ใครจะบ้าเอาเรื่องคุณมาคิดเล่า”

เซย์ริวเพียงแต่ทำเสียงอยู่ในลำคอเหมือนจะหัวเราะแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก

อากาศฉ่ำฝนเย็นสบายบวกกับความอ่อนเพลียเพราะนอนไม่เต็มที่  ทำให้คัตซึฮิโกะผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นโดยมีอกอุ่นของเซย์ริวแทนหมอน  เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้  เขาถึงได้ตื่นขึ้นเพราะมีคนเขย่าตัวปลุก

“ฝนซาแล้ว  ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

ร่างเพรียวขยี้ตาด้วยความมึนงงเล็กน้อย  ก่อนจะนึกออกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน

“ตื่นนานแล้วเหรอ?”

“เปล่า  ตื่นก่อนแกสักห้านาทีนี่แหละ”  เซย์ริวบอกแล้วมองออกไปข้างนอก  “ฝนหยุดพอดี  หายงัวเงียหรือยัง  จะได้ออกไปเดินสำรวจต่อ”

“อือ  ไปสิ”  คัตซึฮิโกะตอบแล้วก็หยิบกระเป๋ากับข้าวของขึ้น


ฝนยังคงตกสลับหยุดเป็นระยะ ๆ  ลมเริ่มพัดเข้ามาแรงขึ้นตามลำดับ  เป็นเวลาสองวันแล้วที่คัตซึฮิโกะกับเซย์ริวเดินหลงวนเวียนอยู่ในเมืองแห่งนี้  พวกเขาต้องคอยหลบเลี่ยงตำรวจและสถานที่ที่พวกเขาคาดว่าจะมีคนจำพวกเขาได้  ตอนนี้หนังสือพิมพ์ลงภาพสเก็ตช์ของเซย์ริวเป็นประกาศจับทุกฉบับ  ทั้งกรอบเล็กกรอบใหญ่  นั่นทำให้พวกเขารู้ว่าอิทธิพลของเจ้าเสี่ยบ้ากามนั้นมีมากเพียงใด  ในตอนกลางคืนทั้งสองอาศัยนอนตามสวนสาธารณะที่มีเครื่องเล่นเด็กที่พอจะกันฝนกันน้ำค้างได้บ้าง  ในช่วงกลางคืนฝนตกพรำ ๆ แทบทุกคืนและเกือบตลอดทั้งคืน  อากาศค่อย ๆ เย็นลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเดินอย่างไม่รู้ทิศทางไปเรื่อย ๆ  อาศัยเพียงป้ายบอกทางที่มีอยู่เป็นระยะแต่ก็ยังไม่ถึงทะเลเสียที  อากาศยังคงมืดครึ้มแต่อบอ้าวด้วยไอฝน  คัตซึฮิโกะต้องดื่มน้ำเป็นระยะ  ด้วยสภาพร่างกายแล้วเขาอึดน้อยกว่าเซย์ริวเยอะ  เพิ่งมาเห็นความแตกต่างชัดเจนก็ตอนนี้เอง  เพราะร่างสูงยังคงเดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าเหน็ดเหนื่อยหรือต้องการน้ำแต่อย่างใด

‘…คนอะไร  ทั้งอึดทั้งถึก  ร่างกายมันสร้างด้วยอะไรฟะ  สมแล้วที่คุณหมอบอกว่าอึดยังกะแรด…’

คัตซึฮิโกะนึกนินทาคนที่เดินอยู่ข้างหน้าในใจ  และโดยไม่ทันระวังตัวก็ชนโครมให้เข้ากับแผ่นหลังกว้างที่อยู่ ๆ ก็หยุดกะทันหัน

“โอ๊ย!  หยุดเดินทำไมเล่า”  คนตัวเล็กกว่าโวย

“ชู่ว...”  เซย์ริวยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากพร้อมกับปาดแขนมากันคัตซึฮิโกะไว้ด้านหลังโดยไม่หันมามอง

เพียงเท่านี้คัตซึฮิโกะก็สำเนียกถึงสถานการณ์ไม่ปลอดภัยได้ทันที

“อะไรเหรอ?”  คำถามนั้นดังเท่าเสียงกระซิบ

“ตำรวจ”

คำตอบห้วนสั้นทำเอาหัวใจของคัตซึฮิโกะกระตุกวูบ  ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีภาพประกาศในหมายจับ  แต่เขาก็รู้สึกเย็นตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ  มือเรียวเอื้อมไปเกาะยึดเสื้อของคนข้างหน้าไว้แน่น

“ทำไงดี...”

“ไม่เป็นไร...ใจเย็น ๆ “  เซย์ริวหยิบเอาหมวกที่เสียบอยู่ในกระเป๋าขึ้นมาสวมแล้วดึงลงมาบังใบหน้า  “เดินผ่านมันไปเฉย ๆ แบบนั้นแหละ  อย่าทำให้มีพิรุธล่ะ”

คัตซึฮิโกะกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ  นอกจากสภาพร่างกายจะแกร่งกว่าเขาแล้ว  สภาพจิตใจของเซย์ริวก็เข้มแข็งกว่าเขาหลายเท่านัก  ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าเซย์ริวสามารถใจเย็นกับสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร  หรือเพราะผ่านเรื่องแบบนี้มาจนโชกโชนจึงปรับตัวได้ดี

ร่างเพรียวได้แต่พยายามเดินตามเซย์ริวไปอย่างระวังตัวไม่ให้มีพิรุธมากที่สุด  นายตำรวจสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ตรงหน้าป้อมตำรวจไม่ได้มีท่าทีสนใจพวกเขาเลยสักนิด  แต่คัตซึฮิโกะกลับรู้สึกว่าเหงื่อออกจนมือชื้นไปหมด  เขาพยายามหลบตาไม่มองไปทางป้อมพลางลอบสังเกตเซย์ริว...อาชญากรหนุ่มนิ่งมาก  แถมยังผิวปากเบา ๆ ราวกับสบายอารมณ์เสียเหลือเกิน...เทรนึกกลัวใจหมอนี่ขึ้นมาทันที

ตำรวจทั้งสองไม่มีท่าว่าจะสนใจพวกเขาจนเดินผ่านมาแล้ว  แต่เมื่อคัตซึฮิโกะกำลังจะถอนใจด้วยความโล่งอก  เสียงทักก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เฮ้  สองคนนั้นน่ะ  หยุดก่อนซิ”

คัตซึฮิโกะสะดุ้งหยุดยืนตัวแข็ง...ตำรวจจำเซย์ริวได้อย่างงั้นเหรอ...!?

เซย์ริวหันไปมองตำรวจทั้งสองอย่างเฉยเมย

“มีอะไรเหรอครับ?”

“ของหล่นแน่ะ”  หนึ่งในสองหยิบเอาห่อขนมปังมายื่นให้  “เดินใจลอยหละสิ”

ร่างสูงยื่นมือไปรับพร้อมกับกล่าวขอบคุณ  ทว่า...

“เอ๊ะ...เธอนี่  หน้าตาคุ้น ๆ นะ”

เสี้ยววินาทีที่ความทรงจำของนายตำรวจทำงาน  เซย์ริวสะบัดมือออกแล้วกระชากคัตซึฮิโกะเต็มแรง

“วิ่ง!!”

“เฮ้ย!  ไอ้ผู้ร้ายฆ่าคนนี่!!  หยุดนะ!!!!”


คัตซึฮิโกะถูกเรี่ยวแรงที่เหนือกว่าฉุดกระชากให้วิ่งตามไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้  จะวิ่งมาไกลแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้  รู้แต่หัวใจของเขาเต้นระรัวเร็วแรงจนนับจังหวะไม่ได้  อากาศข้นหนักบาดลึกเข้าไปในปอดตามจังหวะการหายใจ  สองขาก้าวสลับกันไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะเกี่ยวกันล้ม  แต่เสียงเอะอะโวยวายที่แว่วดังตามหลังมาทำให้บอกกับตัวเองว่าหยุดวิ่งไม่ได้  และโดยเฉพาะความรู้สึกที่บอกว่ามีตำรวจมาสมทบในการไล่ล่าพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายคน

แล้วทันใดนั้น  คัตซึฮิโกะก็สะดุดขาตัวเองล้มลง

“คาซึโกะ!?”

“ฮึ...ไม่...ไม่เป็นไร  แค่เหนื่อยนิดหน่อย  ไปต่อเถอะ”  คัตซึฮิโกะพยายามฝืนลุกขึ้นยืน

“อืม  แข็งใจอีกนิดนะ...”  ยังไม่ทันขาดคำ  ร่างสูงก็กวาดตาไปเห็นว่าตำรวจได้มาดักทางหนีอันเป็นปากซอยแคบ ๆ ไว้แล้ว

คัตซึฮิโกะตัดสินใจในชั่ววินาที  เขาสะกิดเซย์ริวชี้ไปที่กำแพงบ้านหลังหนึ่งใกล้ ๆ นั้น

“แยกกันหนีเถอะ  ผมไปด้วยเป็นภาระคุณเปล่า ๆ “  คัตซึฮิโกะบอกอย่างรวดเร็ว

เซย์ริวไม่เสียเวลาคิดอีก  เขาฉวยกระเป๋าที่คัตซึฮิโกะสะพายอยู่วางลงพื้นแล้วก้มตัวลง

“เหยียบไหล่ฉันแล้วปีนข้ามไปเร็ว”  เขาบอกด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

คัตซึฮิโกะก้าวขาปีนขึ้นเหยียบไหล่ของร่างสูงแล้วรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายปีนข้ามกำแพงบ้านนั้นไป

เซย์ริวไม่เสียเวลาดูผลลัพธ์ว่าคัตซึฮิโกะจะข้ามไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่  พวกตำรวจวิ่งไล่ต้อนเข้ามาทั้งทางปากซอยและท้ายซอย  เขาคว้ากระเป๋าแล้วหันหลังกลับวิ่งสวนฝ่าตำรวจสามนายออกไปทางเดิมที่เข้ามาเมื่อกี้  มีตรอกซอยเล็ก ๆ มากมายตามทางที่พวกเขาวิ่งผ่านมา  บางทีซอยพวกนั้นอาจจะเหมือนแถวถิ่นที่อยู่ของเขาก็ได้  ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็ง่ายสำหรับเขา  เพราะเขารู้ดีว่าพวกตำรวจจะไม่อยากเข้าไปยุ่งในโลกมืดแบบนั้น...ไม่อยากจะกล้ำกรายเข้าไปด้วยซ้ำ  เพื่อป้องกันปัญหาการกระทบกระทั่งกับพวกขาใหญ่เจ้าถิ่น

อาชญากรหนุ่มเลี้ยวแวบเข้าตรอกเล็ก ๆ ที่ดูสกปรกแห่งหนึ่ง  มันมีทางเลี้ยวซอกแซกมากมายเหมือนเขาวงกต  ชายหนุ่มวิ่งเลี้ยวซ้ายวนขวาเหมือนอยู่แถวบ้านตัวเองทั้งที่ไม่รู้ทาง  รู้แต่เพียงว่าเสียงของพวกตำรวจที่ไล่ตามมาได้ห่างออกไปทุกที  เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินนั้น  ดูเหมือนว่าพวกเจ้าถิ่นจะออกมาขวางพวกตำรวจเอาไว้เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นพวกเดียวกันที่ถูกตำรวจไล่ตาม  เซย์ริวนึกขอบคุณเจ้าพวกนั้นอยู่ในใจแล้วก็วิ่งต่อไป

กว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว  ชายหนุ่มก็มาถึงถนนโล่ง ๆ แห่งหนึ่งในละแวกที่พักอาศัย  เขาเหลียวมองไปรอบ ๆ ตัวและพบแต่ความว่างเปล่า  มีเพียงเสียงพูดคุยเบา ๆ จากผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้าน  ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำลงแตะขอบฟ้า  เปล่งแสงสีแดงจัดย้อมกลุ่มเมฆหนาที่ลอยอยู่ต่ำ ๆ จนดูเหมือนเปลวเพลิงที่โหมไหม้อยู่บนท้องฟ้า

เซย์ริวลากสองเท้าที่เหนื่อยล้าไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้จนมาโผล่ที่ริมแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านเมือง  เป็นแม่น้ำสายเดียวกันกับที่เขาและคัตซึฮิโกะเดินผ่านข้ามไปข้ามมาตลอดสองสามวันนี้  แล้ว...ตอนนี้คัตซึฮิโกะอยู่ที่ไหน...

หลายชั่วโมงแล้วที่เขาพลัดกับคัตซึฮิโกะ  ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจะหลงทางไปทางไหน  เรื่องถูกตำรวจจับตัวได้นั้นไม่น่าห่วง  เพราะข่าวที่ออกมามีเพียงภาพของเขาเท่านั้นไม่มีภาพของคัตซึฮิโกะรวมอยู่ด้วยเลย  แต่คัตซึฮิโกะจะได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า  ตอนที่ข้ามกำแพงนั่นไปปลอดภัยดีไหม  แล้วตอนนี้จะอยู่ตรงส่วนไหนของเมืองนี้  กำลังหลงทางเคว้งคว้างอยู่เหมือนเขาหรือเปล่า  หรือเข้าไปในตรอกมืดนั่นแล้วโดนใครดักเอาไว้หรือไม่...

ความคิดด้านร้ายมากมายประดังประเดกันเข้ามาในหัว  เซย์ริวได้แต่ยืนนิ่ง  เขาไม่ควรปล่อยให้คัตซึฮิโกะแยกไปตามลำพังเลย  ในเวลาปกติคัตซึฮิโกะก็เอาตัวรอดได้ไม่ดีเท่าเขาอยู่แล้ว  แล้วในเวลาคับขันเช่นนี้  ไม่รู้ว่าคัตซึฮิโกะจะช่วยเหลือตัวเองได้หรือเปล่า  จะว่ากันตามจริงแล้ว...เขาไม่ควรยอมให้คัตซึฮิโกะมากับเขาด้วยเลย  เพราะอะไรเขาถึงใจอ่อนนะ...

ในวันนั้นเขาคิดแค่เพียงว่าจะไปเพื่อพบหน้าคัตซึฮิโกะอีกสักครั้งก่อนที่จะหนีมาเท่านั้นเอง  และคิดว่าคงไม่ได้พบคัตซึฮิโกะด้วยซ้ำ  แต่ก็อยากไปเพื่อเก็บความรู้สึกบางอย่างที่อบอวลอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ แห่งนั้นให้มันติดมากับความทรงจำ  เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเห็นที่นั่นอีกหรือไม่  แต่เมื่อพบคัตซึฮิโกะที่นั่น  เมื่อได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้น...ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่เขาได้พบกับหมอมาสะและฮิโรกิก็เกิดขึ้นในใจ  เขารู้ตัวแล้วว่าเขาไม่สามารถปล่อยมือจากคน ๆ นั้นได้...แล้วทำไมในตอนนั้นเขาถึงได้ปล่อยคัตซึฮิโกะไป...ทำไมเขาถึงได้ปล่อยมือคัตซึฮิโกะคนที่ยอมติดตามเขามาตกระกำลำบากกับเขาทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิดไปได้  ทำไมเขาถึงไม่คิดว่าคนอย่างคัตซึฮิโกะจะเอาตัวรอดได้อย่างไรถ้าไม่มีเขา  ทำไมเขาถึงไม่คิดว่าคัตซึฮิโกะต้องการเขา  คัตซึฮิโกะต้องมีเขาอยู่ด้วย...คัตซึฮิโกะอยู่ในความรับผิดชอบของเขา...เขาปล่อยมือคัตซึฮิโกะไปได้ยังไง

สายฝนค่อย ๆ โปรยปรายลงมา  ก้อนอะไรร้อน ๆ ตื้อขึ้นมาในลำคอจนหายใจไม่ออก  ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว...เซย์ริวบอกกับตัวเองว่ามันเป็นเพราะเขากำลังร้อนใจด้วยความเป็นห่วงคัตซึฮิโกะ  แต่เจ้าก้อนร้อน ๆ นั่นก็ลอดริมฝีปากออกมาเป็นเสียงสะอื้นฮัก  ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง...เปล่า  เขาไม่ได้ร้องไห้  คนอย่างเขาไม่มีวันร้องไห้...แต่ตอนนี้...คัตซึฮิโกะอยู่ที่ไหน...

“เซย์ริว!!!!”

เสียงเรียกร้อนรนดังขึ้นเหมือนกับฝันไป  ร่างสูงหันขวับไปตามเสียงนั้น

ภาพที่เห็นตรงหน้าพร่ามัวด้วยความมืดสลัวของแสงสุดท้ายและม่านฝน  ร่างเพรียวที่คุ้นตากำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเขาพร้อมกับส่งเสียงเรียก

“เซย์ริว!  เป็นอะไรหรือเปล่า  คุณปลอดภัยใช่มั้ย?”

เร็วกว่าความคิด  หัวใจบอกให้อาชญากรหนุ่มเข้าไปคว้าร่างนั้นมากอดไว้แน่นและอย่าได้ปล่อยมือไปอีก!

“เซย์...เป็นอะไรไป?”  คัตซึฮิโกะถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจการกระทำของร่างสูง

ไม่มีคำตอบจากเซย์ริวนอกจากอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น  คัตซึฮิโกะรู้สึกได้ว่าอ้อมแขนนั้นสั่นน้อย ๆ และลมหายใจของร่างสูงก็ขาดห้วงเป็นระยะ  เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นที่ข้างหูแผ่วเบา

“อย่า...อย่าไปไหนอีกนะ...อย่าหายไปไหนอีก”

ดวงตาคู่สวยหรี่ซึมลง  สองแขนยกขึ้นโอบกอดร่างสูงตอบ  แล้วกระซิบอย่างอ่อนโยน

“ไม่ไปไหนหรอก...จะไม่ทิ้งคุณไว้อีกแล้วหละ”

อ้อมกอดนั้นสั่นสะท้านกว่าเดิม  คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับไหล่กว้างที่ตอนนี้ดูราวกับว่ามันหดลงจนเหลือเล็กนิดเดียว  ร่างในอ้อมแขนของเขาดูเหมือนกับเด็กน้อยที่หลงทาง  ในตอนนี้คัตซึฮิโกะรู้ได้ชัดแล้ว  ไม่ใช่แค่เขาที่ขาดเซย์ริวไม่ได้...แต่เซย์ริวเองก็ขาดเขาไม่ได้เช่นกัน  ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมาได้เติมความรู้สึกบางอย่างที่ขาดหายไปให้กันและกันจนเต็มอย่างที่ไม่มีใครหรืออะไรจะมาแทนที่ได้

ค่ำคืนนั้น  ทั้งสองนั่งเบียดกันอยู่ในห้องน้ำสาธารณะเก่า ๆ ในสวนมืด ๆ  มือใหญ่เกาะกุมมือของร่างเพรียวที่อิงซบไหล่ของเขาไว้แน่น...จะไม่มีวันปล่อยไปอีก
//////////


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
«ตอบ #196 เมื่อ12-07-2013 14:59:12 »

โอ้ยยย สงสารรรร ;____;//

เพราะไอ้วิตถารนั่นแท้ๆ

:pig4:
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ สนุกมากเลยยย~

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
«ตอบ #197 เมื่อ12-07-2013 18:04:51 »

มันหวานนะ คือต่างคนต่างรู้ใจตัวเองแล้ว
รอแค่ตาแก่บ้ากามนั่นมันตายเท่านั้นแหละ :katai4:
โหดจริงเรา :laugh:

ออฟไลน์ Fellina

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
«ตอบ #198 เมื่อ12-07-2013 21:17:47 »

ตอนนี้ให้ความรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ
หวังอยากให้นัตสึเข้าใจ และมีความสุขกับชีวิตนะคะ
รู้ว่าชีวิตไม่มีอะไรง่าย และไม่มีทางมีความสุขด้วยกันทั้งหมด
แต่นี่เป็นนิยาย เลยหวังว่าทุกคนในเรื่องจะมึความสุขนะคะ :)

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
«ตอบ #199 เมื่อ13-07-2013 11:08:10 »

จริงนะ อยากให้ตาแก่บ้ากามนั่นตายอ่ะ ไม่ก็ให้ตำรวจรู้ความจริงก็ได้ว่า 2 คนนั้นไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียวซะหน่อย

ขอให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันอย่างปลอดภัยด้วยเถิ้ดดดดดดดดดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
« ตอบ #199 เมื่อ: 13-07-2013 11:08:10 »





Chelylie

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
«ตอบ #200 เมื่อ13-07-2013 11:21:01 »

ชอบบบ! เอาใจช่วยสองคนนี้นะคะ ในที่สุดก็รู้ใจตัวเองกันแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
«ตอบ #201 เมื่อ14-07-2013 16:43:11 »

มันหวาน มันซึ้ง มันตื้นตัน



ฮือ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
«ตอบ #202 เมื่อ19-07-2013 12:20:54 »

สวัสดีวันศุกร์ครับ
เมื่อวันพุธไปงานเสวนาสาววายของชมรมวรรณศิลป์ที่จุฬาฯมาละครับ
สนุกและได้ความรู้มากเลย เด็กสมัยนี้นี่เก่งนะครับ

KOUSOKU 23

“มีรายงานว่าเห็นสองคนนั่นครั้งสุดท้ายที่เมือง  N  ครับ”

สารวัตรไอดะเคี้ยวก้นกรองบุหรี่ขณะที่ฟังรายงานข่าวจากลูกน้อง  เขาพยักหน้ารับทราบข้อมูลแล้วบอกให้ลูกน้องออกไปได้

ซาโนะ  คัตซึฮิโกะ  ถูกแจ้งไว้ในฐานะผู้เสียหาย  แต่เพราะเขาหายตัวไปพร้อมกับเซย์ริวและมีคนพบทั้งสองอยู่ด้วยกันในเมืองที่ห่างไกลออกไป  ทำให้คัตซึฮิโกะตกอยู่ในข่ายต้องสงสัยทันที  แม้ว่าทางตำรวจจะยังไม่พบว่าทั้งสองจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันก็ตาม  จะไปถามมาซาฮิเดะ  ทางนั้นก็ปิดปากเงียบ...ไอ้เรื่องที่เกี่ยวกับ  “ลูกชายสุดที่รัก”  ไม่มีกระเด็นออกมามากกว่าข้อมูลที่เคยให้เลยแม้แต่นิดเดียว  แม้แต่ทางฮิโรกิเองก็เงียบเฉย  ไม่ว่าจะขู่จะปลอบยังไงเด็กนั่นก็ไม่สนใจอีกแล้ว  ซ้ำยังป้ายยาสายสืบที่เขาส่งไปเสียอีกด้วย

ไอดะพยายามทำงานอย่างใจเย็นไปทีละขั้นตอน  แต่คิตะโนะไม่ยอมให้เขาใจเย็นได้อย่างนั้น  มันเรียกเขาเข้าไปพบแทบทุกวันจนเขาชักสงสัยว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้มันร้อนรนอยากปิดคดีเร็วขนาดนั้น...ไม่สิ  มันไม่ได้อยากปิดคดี  มันแค่อยากได้ตัวสองคนนั้นเท่านั้น...  จุดประสงค์ของมันคืออะไร...ฆ่าเซย์ริว  เอาตัวเซย์ริวมาทรมานเพื่อแก้แค้น...หรืออย่างอื่น

“...หรือว่าจะเป็น...”  ไอดะเอื้อมมือไปคุ้ยกองเอกสารตรงหน้า

นี่ไง...ถ้าดูจากสันดานวิปลาสของคิตะโนะแล้ว  ไม่ผิดแน่...จุดประสงค์หลักของคิตะโนะจะต้องเป็นชายหนุ่มผมดำในภาพถ่ายนี้แน่

ไอดะรื้อค้นเอกสารจนได้รูปของคัตซึฮิโกะอีกหลายรูป  เขาหยิบพวกมันขึ้นมาเรียงเหนือกองกระดาษรก ๆ แล้วพิจารณาดูช้า ๆ ...ภาพถ่ายเหล่านั้นเป็นภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดที่เมือง  N  เขาสังเกตเห็นคัตซึฮิโกะอยู่กับเซย์ริวตลอดเวลา  และไม่ใช่สภาพของคนที่โดนลักพาตัวแน่นอน...เขาเริ่มลำดับความคิดในสมองช้า ๆ  หากเขาเข้าใจไม่ผิด  คัตซึฮิโกะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าการโดนเซย์ริวลักพาตัวไป

สารวัตรวัยกลางคนยกมุมปากขึ้นเหยียดยิ้ม  ตอนนี้เขาพอจะคาดเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้แล้ว  ทั้งเรื่องที่คิตะโนะโดนแทง  เรื่องที่เซย์ริวทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการปล่อยให้เหยื่อรอดตายทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน  และเรื่องที่ซาโนะ  คัตซึฮิโกะหายตัวไปพร้อมกับเซย์ริว

“นี่กูกำลังทำงานเพื่อสนองไอ้หมูตอนตัณหากลับนั่นหรือวะเนี่ย”  ไอดะพึมพำกับตัวเองพลางพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างกึ่งฉุนกึ่งขำ  “ไปยุ่งกับของ ๆ เด็กจนโดนมันเล่นงานเอาแล้วยังไม่เข็ด  ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย”

ผู้รับผิดชอบคดีกวาดเอกสารทั้งหมดไปกองรวม ๆ กันแล้วหยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวมพลางนึกในใจ...ถ้าไม่ติดด้วยภาระหน้าที่  เขาคิดว่าตอนนี้เขาอยู่ข้างเซย์ริวมากกว่าไอ้อ้วนนั่น
//////////

สายฝนยังคงพร่างพรมลงมาตลอดหลายวัน  ทำให้เซย์ริวยังไม่สามารถพาคัตซึฮิโกะไปไหนได้ไกล  พวกเขาไม่อยากขึ้นรถไฟเพื่อไปที่อื่นต่ออย่างไร้จุดหมาย  ค่ารถไฟถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น  พวกเขาจะต้องมีเงินเหลือมากพอที่จะไปตั้งตัวในประเทศที่พวกเขาจะเดินทางไปถึง  เมืองนี้เป็นเมืองริมทะเลอยู่แล้ว  และตอนนี้พวกเขาก็หาทางไปยังทะเลพบแล้วแม้จะยังไม่พบท่าเรือก็ตาม  แต่จากการที่คัตซึฮิโกะสอบถามคนแถวนี้ทำให้รู้แน่นอนว่าที่นี่มีท่าเรือ  ถ้าขึ้นรถไฟไปก็ออกนอกเมืองไปไม่ไกลนัก  หากสำหรับการเดินด้วยเท้าโดยไม่รู้ทางแล้ว...ต้องใช้เวลาหลายวัน

“เมื่อไรมันจะหยุดตกเสียทีวะ”  เซย์ริวอดที่จะหัวเสียไม่ได้  หลายวันที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าแห้ง ๆ เลยเพราะฝนตกเกือบตลอดเวลา  และยิ่งต้องตะลอน ๆ คลำทิศทางไปท่าเรือด้วยแล้ว  เรื่องจะไม่โดนฝนไม่ต้องพูดถึง

คัตซึฮิโกะไม่ได้พูดอะไร  ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งที่ถ้าจะพูดกันตามตรงแล้วมันไม่สามารถป้องกันฝนที่จู่ ๆ ก็กระหน่ำลงมาอย่างหนักนี่ได้เลย  ชายหนุ่มเริ่มอ่อนแรงลงทุกที  พวกเขาควรจะหาทางไปท่าเรือได้เร็วกว่านี้ถ้าหากคนแถวนี้ไม่เอาแต่พูดภาษาถิ่นที่เขาฟังไม่ค่อยเข้าใจ

“ฝนเริ่มลงหนักแล้ว”  เซย์ริวพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ คัตซึฮิโกะ  “ข่าวบอกว่าอีกไม่นานพายุจะเข้า  เราต้องหาทางไปท่าเรือให้เจอก่อนจะถึงตอนนั้น”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ  เขาทอดสายตาเหม่อมองดูสายฝนที่หนาเม็ดมากขึ้น...ความจริงฝนหนัก ๆ แบบนี้มันก็ดี  เพราะมันทำให้ผู้คนไม่ออกมาเดินตามถนนและโอกาสที่จะมีใครมาพบพวกเขาก็น้อยลงด้วย

ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ  ความอ่อนเพลียจะเข้าจู่โจมเขาทุกครั้งที่เผลอตัว  ทั้งอาหารและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้เขาอ่อนล้าลงตามลำดับ  แต่ใจก็ยังไม่ได้คิดถอย...เขาไม่เคยนึกเสียใจที่ตามเซย์ริวมาจนถึงที่นี่  เขาตัดสินใจแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม  ถ้าเซย์ริวจะไป  เขาจะไปด้วย

คัตซึฮิโกะเอนกายซบอิงไหล่หนาที่อยู่ข้าง ๆ  อากาศรอบตัวหนาวเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  รู้สึกราวกับความมืดเข้าครอบคลุมอย่างรวดเร็ว  เขาปิดเปลือกตาลงช้า ๆ...ก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวด้วยการเขย่าปลุก

“คาซึโกะ!  แกเป็นอะไร?”

“ผม...”  คัตซึฮิโกะจ้องคนตรงหน้าตาปริบ ๆ  สีหน้าตื่นตกใจของเซย์ริวทำให้เขาตกใจไปด้วย  “เปล่านี่  ผมไม่ได้เป็นอะไร...”

“เมื่อกี้แกวูบจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว  จะบอกว่าไม่เป็นไรได้ไง”  ร่างสูงจับสองไหล่บางไว้แน่น

“แต่...แต่ผมไม่เป็นไรจริง ๆ นะ”  คัตซึฮิโกะพยายามกลบเกลื่อน...เขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองวูบไปจนกระทั่งโดนเซย์ริวเขย่าอย่างแรง

ดวงตาคมจ้องมาอย่างคาดคั้น  มือใหญ่ลูบเกลี่ยเส้นผมเปียกชื้นออกจากดวงหน้าขาวซีด

“ตัวแกร้อนจี๋เลย  คาซึโกะ  แกไม่สบายแล้ว”

“ไม่นี่...ผม...”  แม้จะพยายามปกปิด  แต่คัตซึฮิโกะก็รู้ว่าคงไม่สามารถปิดบังอะไรได้อีกแล้ว  เขารู้สึกไม่สบายมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแต่ก็พยายามฝืนทนเอาไว้  เขาไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงของเซย์ริว

“ทำไมไม่บอก?”  น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอาทร

“ก็...ไม่คิดว่าจะเป็นไรมาก”  คัตซึฮิโกะตอบอ้อมแอ้ม

“ไอ้บ้า  แกไม่ใช่คนถึกนะเฟ้ย  อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยแกก็ป่วยแล้ว  ตั้งแต่เจอแกมานี่แกป่วยตั้งไม่รู้กี่หนแล้ว  ยังทำเก่งอยู่ได้”  เซย์ริวว่ายาว

คัตซึฮิโกะนึกอยากจะสวนกลับไปว่าหลายครั้งที่ป่วยนั่นเป็นเพราะถูกเซย์ริวทำร้ายเอาหรอก  แต่ก็เหนื่อยเกินจะต่อล้อต่อเถียง  ได้แต่ก้มหน้านิ่งฟังอีกฝ่ายบ่นไปเรื่อย ๆ

“อย่างนี้คงต้องหาที่พักดี ๆ แล้วหละ”  เซย์ริวตัดสินใจในที่สุด

“เอ๊ะ!  ไม่ได้นะ”  คัตซึฮิโกะขัดขึ้นทันที

“ทำไมจะไม่ได้”

“ก็...พวกเรากำลังโดนประกาศจับอยู่  แล้วจะเข้าพักตามที่พักน่ะมัน...มันเสี่ยงเกินไปไม่ใช่เหรอ?”

“ที่แกว่ามามันก็ถูก  แต่แกกำลังไม่สบาย  ไม่ต้องคิดอะไรให้มากแล้ว  เราจะพักแค่คืนเดียวแล้วรีบออกทันทีไม่ว่าแกจะอาการดีขึ้นหรือไม่ก็ตาม  แบบนี้แหละ”  ร่างสูงไม่เปิดโอกาสให้คัตซึฮิโกะแย้งหรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ อีก  เขาฉวยกระเป๋าขึ้นสะพายบนไหล่แล้วประคองคัตซึฮิโกะให้ลุกขึ้นยืน

“ไหวมั้ย?”

ทั้งที่หวิดจะหน้ามืดด้วยพิษไข้แล้ว  แต่คัตซึฮิโกะก็กัดฟันพยักหน้าตอบอย่างใจสู้  เซย์ริวจึงเอาเสื้อแจ็กเก็ตของเขาคลุมให้แล้วพาออกวิ่งไปยังโรงแรมใกล้ ๆ ที่เพิ่งเดินผ่านกันมาเมื่อครู่

คัตซึฮิโกะเป็นคนรวบรวมกำลังไปติดต่อขอเช็คอินโดยให้เซย์ริวพยายามเอาหมวกหลุบลงมาปิดหน้าไว้ให้มากที่สุด  เพราะไม่แน่ใจว่าโรงแรมเล็ก ๆ แบบนี้จะมีกล้องวงจรปิดอยู่บ้างหรือเปล่า  พวกเขาพยายามระวังเรื่องนี้กันมาตลอด  หลังจากรับกุญแจมาแล้วก็รีบขึ้นไปยังห้องพักทันที

ห้องพักในโรงแรมเล็กยิ่งกว่าห้องของคัตซึฮิโกะเสียอีก  มันมีแค่ห้องน้ำเล็ก ๆ  เตียงควีนไซส์  กับโต๊ะเครื่องแป้งตัวหนึ่ง  นอกจากนั้นแล้วมีที่ว่างที่พอวางกระเป๋าลงไปแล้วก็แทบจะไม่เหลือที่ให้เดิน

เซย์ริวรุนหลังคัตซึฮิโกะเข้าไปในห้องน้ำ

“รีบอาบน้ำอุ่น ๆ ซะ  จะได้ดีขึ้น”  เขาสั่ง  ใจจริงอยากเข้าไปดูแลด้วยซ้ำ  แต่ติดที่ว่าห้องน้ำมันเล็กเสียจนกระทั่งเข้าไปแค่คนเดียวก็เต็มแล้ว  “แล้วไม่ต้องล็อกประตู  หน้ามืดเมื่อไรร้องเรียกฉันดัง ๆ”

คัตซึฮิโกะยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้ารับคำแม้จะค้านอยู่ในใจว่า  ถ้าหน้ามืดขึ้นมามันจะไปมีแรงร้องดัง ๆ ได้ยังไง...ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าเปียก ๆ ออกแล้วก้าวลงไปยืนในอ่างอาบน้ำ  นึกอยากจะแช่น้ำร้อน ๆ ให้สบายหลังจากที่แทบจะไม่ได้อาบน้ำเลยมาหลายวัน  แต่ก็หนาวสั่นเสียจนไม่อยากเสียเวลารอให้น้ำมันเต็มอ่าง  จึงเปิดฝักบัวอาบทั้งอย่างนั้น

เมื่อส่งคัตซึฮิโกะเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อยแล้ว  ร่างสูงก็โยนกระเป๋ากองไว้ที่มุมหนึ่งของห้องแล้วจัดการผลัดเสื้อผ้าของตนออกเพื่อสวมยูกาตะที่ทางโรงแรมมีไว้ให้  ดวงตาคมกวาดสำรวจไปทั่ว ๆ ห้องอย่างนึกระแวง  แต่เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงรอให้คัตซึฮิโกะอาบน้ำเสร็จ

ร่างเพรียวใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เรียบร้อย  เขารับชุดยูกาตะจากเซย์ริวมาสวมแล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมที่เพิ่งสระมา

“ปล่อยให้หัวชื้นแบบนี้อีกแล้ว”  เซย์ริวบ่น

“มันไม่มีปัญญาจะทำให้แห้งนี่”  คัตซึฮิโกะเถียง  “โรงแรมเล็กแค่นี้จะไปมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรมากมายนัก  ไม่ต้องไปนึกไดร์เป่าผมหรอกแค่มียูกาตะให้นี่ก็ดีแล้ว”

“แต่มันจะทำให้แกไม่สบายมากขึ้น”  ว่าแล้วอาชญากรหนุ่มก็ฉวยผ้าขนหนูในมือคัตซึฮิโกะมาแล้วขยี้แรง ๆ บนผมเปียกหมาด ๆ นั้น

คัตซึฮิโกะนั่งนิ่ง ๆ ให้เจ้าคนที่นึกจะเรื่องมากขึ้นมาทำตามใจชอบ  ก็น่าแปลกที่อยู่ ๆ เซย์ริวจะกลายเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการแทนที่จะเป็นเขา  ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วคนที่ปล่อยปละละเลยตัวเองมากที่สุดคือเซย์ริวนั่นแหละ

“นี่...พอเถอะ  มันคงจะแห้งแล้วหละ  ผมอยากนอนแล้วด้วย”  คัตซึฮิโกะบอกเบา ๆ

ร่างสูงหยุดมือแล้วก็ลุกไปอาบน้ำโดยไม่ได้ว่าอะไร

ร่างเพรียวซุกกายขดเข้าใต้ผ้านวมนุ่ม  แม้ที่นอนมันจะแข็งไปบ้าง  แต่เพราะนอนกลางดินกินกลางทรายมาหลายวันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าที่นอนนี้นุ่มที่สุดในโลก  ไออุ่นจากร่างกายตัวเองกระจายไปทั่วโปงผ้าทำให้รู้สึกทั้งดีและไม่ดีไปพร้อม ๆ กัน...มันก็อุ่นสบายดีอยู่หรอก  แต่ไอ้อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เกิดขึ้นนี่ไม่ดีเลย  แค่ได้นอนสบายหน่อย  อาการไข้ที่เก็บไว้หลายวันก็กำเริบทันทีเลยอย่างนั้นหรือ...คัตซึฮิโกะหลับตาลงเบา ๆ พร้อมกับรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทั้งที่อยู่ใต้ผ้าห่ม

จนเมื่อมือเย็น ๆ แตะลงที่หน้าผากคัตซึฮิโกะจึงได้ปรือตาขึ้นมอง

“ตัวร้อนจี๋เลย  เดี๋ยวฉันไปซื้อยามาให้ดีกว่า”  เซย์ริวบอกพลางเกลี่ยปอยผมสีดำออกจากหน้าผากร้อน ๆ นั้น

พูดจบร่างสูงก็ผละออกห่างแต่มือเรียวคว้าข้อมือของเขาไว้

“อย่าไปเลย...มันไม่ปลอดภัยนะ”  น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยหลุดออกจากปากของคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  “ผมไม่เป็นไรหรอก  ไม่ต้องไปก็ได้”

เซย์ริวลังเลใจอยู่นิดหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างกายคัตซึฮิโกะ  เขาเห็นคนป่วยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง  ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยพิษไข้และริมฝีปากก็เป็นสีแดงจัด  หากลมหายใจกลับสะท้านเยือกเป็นบางครั้งราวกับหนาวจัด

อาชญากรหนุ่มตัดสินใจซุกเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันนั้นแล้วรั้งร่างเพรียวมากอดไว้  ซึ่งคนที่ถูกกอดไม่ได้ปฏิเสธ  ทั้งยังตอบรับด้วยการเบียดกายเข้าหาและซุกลงกับอกกว้าง  ร่างเพรียวที่สั่นน้อย ๆ อยู่เกือบตลอดเวลาค่อย ๆ ผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้รับไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย

เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความรู้สึก  คัตซึฮิโกะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วผ่อนลมหายใจยาวด้วยท่าทางสบายมากขึ้น  เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อตอนหัวค่ำมาก  และเพียงขยับตัวเบา ๆ อ้อมแขนที่โอบกอดเขาก็ขยับรั้งร่างของเขาเข้าไปหาตัว  มือใหญ่ลูบไล้ที่เส้นผมหมาดแผ่วเบา

“นอนต่อเถอะ  ยังมีไข้อยู่เลย”  เสียงห้าวทุ้มกระซิบเบา ๆ

“อืม...”  ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเลื่อนแขนไปโอบพาดช่วงเอวของร่างสูงไว้

ในความมืดที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน  คัตซึฮิโกะไม่ได้หลับลงอีก  หากนอนฟังเสียงแผ่ว ๆ ของหัวใจที่แว่วมาจากแผ่นอกที่ซุกซบอยู่...เมื่อไรกันนะ  ที่เขาคุ้นเคยกับแผ่นอกกว้างนี้...และเมื่อไรกันที่ความแค้นเคืองต่อหลายสิ่งที่ถูกกระทำได้เบาบางลง...เขาให้อภัยเซย์ริวแล้วอย่างนั้นหรือ...มุมปากหยักยกยิ้มบาง ๆ พร้อมกับให้คำตอบแก่ตัวเอง  ไม่หรอก  เขาไม่เคยให้อภัย...ไม่มีวันยกโทษให้  สิ่งที่เซย์ริวทำกับเขาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้งชีวิต  ทุกอย่างไม่มีวันหวนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนที่จะได้พบกันอีกแล้ว  เพราะอย่างนั้นเซย์ริวต้องรับผิดชอบชีวิตของเขาทั้งหมด...จากนี้  และตลอดไป

“นอนไม่หลับ?”  คำถามเบา ๆ ดังขึ้นมาในความมืด

“อือ  ผมนอนพอแล้วมั้ง”  คัตซึฮิโกะกระซิบตอบ

“แกน่าจะนอนเยอะกว่านี้  พรุ่งนี้ต้องออกไปกรำฝนอีก  แกต้องรักษาตัวเองให้หายดีก่อนจะเดินทางไกล”

“แล้ว...ถ้าไม่หายล่ะ?”

ไม่มีคำตอบของคำถามนั้นนอกจากความเงียบยาวนาน  แล้วร่างสูงก็ถอนใจหนัก ๆ

“คาซึโกะ...แกกลับบ้านไปเถอะ”

คัตซึฮิโกะลืมตากว้าง  เพ่งผ่านความมืดจ้องไปยังใบหน้าของเซย์ริว  พวกเขาเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันมานานแล้ว...แล้วจะมาพูดเอาอะไรตอนนี้

“ไม่!  คุณพูดอะไรน่ะ  เราตกลงกันแล้วไม่ใช่รึไง  คุณไปไหน  ผมจะก็ไปด้วย”

“แต่มันเรื่องอะไรที่แกต้องมาตกระกำลำบากกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของแกด้วย”  วงแขนแกร่งคลายออก  “นี่มันเรื่องที่ฉันก่อ  ฉันต้องจัดการเรื่องของฉันเองทั้งหมด  แต่ทำไมแกจะต้องเอาตัวเข้ามายุ่งด้วย  ฉันไม่เข้าใจเลย”

“ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นมันเกิดเพราะผมน่ะสิ  และความผิดที่เขาคิดว่าคุณก่อน่ะ  มันเป็นความผิดของผมครึ่งหนึ่งไม่ใช่หรือไง  คุณคิดจะแบกรับทั้งหมดเอาไว้งั้นเหรอ”  คัตซึฮิโกะเถียงทั้งที่น้ำเสียงยังแหบแห้ง

“ฉันรับมันไว้ได้  แต่พูดตามตรง...ฉันไม่มั่นใจที่จะรับผิดชอบชีวิตของแก”  หางเสียงของเซย์ริวทอดอ่อนลง  “ฉันดูแลตัวเองมาตลอด  แต่นั่นก็แค่ตัวเองตามลำพัง  ถ้าจะให้มารับผิดชอบชีวิตใครต่อใครด้วย...ฉัน...คงทำไม่ได้”

“แล้วคุณเข้ามายุ่งกับชีวิตผมทำไม!?”  ชายหนุ่มเกือบจะขึ้นเสียง  สะบัดตัวออกจากวงแขนของเซย์ริวอย่างรวดเร็ว  แต่ร่างสูงคว้าแขนเอาไว้

“คาซึโกะ  ถ้าแกกลัวว่ากลับไปแล้วจะถูกไอ้สัตว์นั่นตามล่า  ก็ไปอยู่กับหมอมาสะ  ฉันรับรองว่าแกจะต้องปลอดภัย”  อาชญากรหนุ่มพยายามโน้มน้าว

“ไม่!  ถ้าผมจะกลับไป  ผมก็อยู่ของผมได้  ไม่ต้องไปพึ่งพาคุณหมอหรอก!  ไอ้เสี่ยนั่นมันจะทำอะไรก็ช่างหัวมัน  ผมไม่แคร์อะไรทั้งนั้น”  คัตซึฮิโกะแหวเข้าใส่พลางบิดดึงข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม

“แต่ฉันแคร์!”

“ถ้าแคร์  แล้วไล่ผมกลับทำไม?”

เซย์ริวนิ่งอั้นไป  จนต่อคำถาม...เขาไม่เคยตอบคำถามแบบนี้ของคัตซึฮิโกะได้เลย  มันเป็นอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้...หลายครั้งที่ดูเหมือนคำตอบมารออยู่ที่ริมฝีปาก  แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น  แล้วมันก็วับหายไปก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรออกไป

“ได้...ถ้าอยากให้ผมกลับไปขนาดนั้น  ผมจะกลับ”  คัตซึฮิโกะกระแทกเสียงแล้วก้าวพรวดพราดลงจากเตียง

“คาซึโกะ!  เดี๋ยว...”  ร่างสูงคว้าดึงข้อมือคัตซึฮิโกะกระชากกลับอย่างแรง  จนร่างเพรียวเสียหลักถลาล้มลงบนเตียง

“ทำบ้าอะ...”

คำสุดท้ายถูกบังคับให้กลืนกลับไปในลำคอเมื่อเซย์ริวกางแขนท้าวคร่อมร่างแล้วก้มลงจูบอย่างหนักหน่วง  คัตซึฮิโกะดิ้นรนผลักไสจนหมดแรง  ปล่อยให้คนเอาแต่ใจลิ้มรสหวานลึกล้ำจากริมฝีปากของเขาตามใจชอบ  หากด้วยความโกรธจึงไม่ยอมตอบสนอง
เซย์ริวตวัดเรียวลิ้นอ้อยอิ่งอยู่เป็นครู่  จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ยอมโอนอ่อนตามเป็นแน่จึงถอนริมฝีปากออก

“พอใจแล้วใช่มั้ย?”  ดวงตาคู่สวยตวัดมองอย่างตัดพ้อ  “พอใจแล้วก็ปล่อย  ผมจะได้เก็บเสื้อผ้ากลับเสียที”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
«ตอบ #203 เมื่อ19-07-2013 12:24:29 »

แต่นอกจากจะไม่ปล่อยแล้ว  ร่างสูงยังทิ้งน้ำหนักตัวลงทาบทับกกกอดร่างเพรียวเอาไว้กับอก

“เอ๊ะ!  บอกให้ปล่อย  ปล่อยเซ่!”  คัตซึฮิโกะยกสองมือขึ้นผลักอกเซย์ริวสุดกำลัง  แต่ด้วยเรี่ยวแรงของคนที่ยังมีไข้รุม ๆ อยู่ไม่ทำให้อีกฝ่ายสะทกสะเทือนได้เลย

“ไม่ปล่อย...”  เซย์ริวกอดรวบคนตัวเล็กกว่าไว้เต็มอ้อมแขน  “จะไม่ปล่อยอีกแล้ว...”

“ก็คุณไล่ผมกลับ  ผมก็จะกลับนี่ไง  ทีแบบนี้จะมาพูดอะไรอีกเล่า”  คัตซึฮิโกะยังอาละวาดเท่าที่เรี่ยวแรงจะอำนวย

“ไม่...ไม่ต้องกลับแล้ว  ขอโทษ...”

ถ้อยคำสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน  หากเสียงที่กระซิบอยู่ที่ข้างหูนั้นกลับดูเหมือนจะก้องไปจนถึงหัวใจของคัตซึฮิโกะ

...ขอโทษ...

เป็นคำที่คัตซึฮิโกะไม่เคยแม้แต่จะหวังว่าจะได้ยินจากเซย์ริวในชั่วชีวิตนี้

และเพียงคำ ๆ เดียวนั้น  ทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ พรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ  สองแขนที่เคยผลักไสยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้างแล้วขยุ้มกำเนื้อผ้าของยูกาตะไว้แน่น  ซบหน้าลงกับอกอุ่นแล้วสะอื้นฮัก...ทั้งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก  แต่ทำไม...ด้วยคำเพียงคำเดียว...น้ำตาถึงไหลไม่หยุด

มือใหญ่เชยปลายคางมนช้อนให้แหงนเงยขึ้นแล้วบรรจงจูบซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา  เกลี่ยนิ้วกร้านไล้ไปตามข้างแก้มก่อนจะเลื่อนริมฝีปากระเรื่อยไปยังซอกคอที่กรุ่นกลิ่นสบู่จาง ๆ  ขบเม้มฝากร่องรอยสีแดงเข้มประทับไว้เหมือนจะตีตราแสดงความเป็นเจ้าของ...ใช่...คัตซึฮิโกะเป็นของเขา...เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น  จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปอีก

คัตซึฮิโกะยังคงสะอื้นเบา ๆ ด้วยความรู้สึกอันบอกไม่ถูก  เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องร้องไห้  แต่รู้สึกตื้ออยู่ในอกจนต้องระบายออกมาด้วยน้ำตา  ถูกหละ...การกระทำของเซย์ริวอ่อนโยนมาก  แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุ...คำพูดเพียงคำเดียวนั้นต่างหากที่กระทบจิตใจของเขาอย่างรุนแรง...เพียงเท่านี้  ความรู้สึกเคียดแค้นที่ฝังอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจมาตลอด  แทบจะเลือนหายไปในทันที

“คาซึโกะ...ทำไมแกต้องร้องไห้ด้วย?”  เสียงห้าวกระซิบแผ่วเบาถามถึงสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจมาตลอด...เขาไม่เคยเข้าใจความหมายของน้ำตาของคัตซึฮิโกะ

“ไม่รู้...ผมไม่รู้...”  คัตซึฮิโกะตอบพลางยกมือขึ้นปิดหน้า  หากมือแกร่งจับมือนั้นออก

“ไม่ต้องร้องแล้ว...อย่าร้องไห้อีกเลย”  เซย์ริวจูบซับน้ำตาให้ครั้งแล้วครั้งเล่า  กระชับร่างเพรียวแนบกับอกแน่น

เมื่อเสียงสะอื้นจางลง  ริมฝีปากร้อนก็เคลื่อนมาบดคลึงที่ริมฝีปากอิ่มซึ่งตอนนี้แดงจัดเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก  ความนุ่มนวลนั้นคลึงเคล้าอย่างอ่อนหวานก่อนจะบดเบียดหนักหน่วงขึ้น...อย่างแช่มช้า...และอ่อนโยน...รสละมุนถูกลิ้มชิมอย่างช้า ๆ ทีละน้อย...ทีละน้อย...จนคัตซึฮิโกะเริ่มเคลิบเคลิ้มจึงเผยอริมฝีปากน้อย ๆ เหมือนเป็นการเชิญชวนให้อีกฝ่ายเข้าไปลิ้มรสความหวานที่ลึกล้ำยิ่งกว่าภายใน

เซย์ริวไม่ปฏิเสธการเชื้อเชิญนั้น  เรียวลิ้นค่อย ๆ สอดเข้าไปควานหาความหวานจากลิ้นนุ่มที่รอจะตอบสนองอยู่แล้ว  โพรงปากของคัตซึฮิโกะยังอุ่นร้อนด้วยพิษไข้  หากความร้อนนั้นกลับให้รสสัมผัสที่ซ่านสยิวอย่างประหลาด  ร่างสูงเกี่ยวกวัดลิ้นร้อนรุกไล่รัดพันพัวกับลิ้นของอีกฝ่ายที่พยายามจะตอบรับเต็มที่  ตวัดรุกต้อนจนมือเรียวจิกดึงเสื้อยูกาตะพลางส่งเสียงประท้วงในลำคออย่างล้าแรง  อาชญากรหนุ่มจึงได้ค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกแต่ก็ยังเคล้าคลอไม่ยอมห่าง

คัตซึฮิโกะหลับตาพริ้มพลางระบายลมหายใจยาว ๆ  รู้สึกได้ถึงริมฝีปากและลิ้นร้อนที่และเล็มไปตามผิวกายของเขาต่ำลงไปจนถึงแผ่นอก  ชายหนุ่มสะท้านน้อย ๆ เมื่อสาบเสื้อยูกาตะถูกแหวกเปิดออก  ด้วยอารมณ์ที่ยังว้าวุ่นอยู่ภายในทำให้ไม่กล้าลืมตา  แต่ยิ่งหลับตา...ความรู้สึกสัมผัสก็ยิ่งชัดเจน

ความร้อนผะผ่าวของลมหายใจรดรินอยู่ที่ผิวละเอียดเนียน  ความเปียกชื้นของปลายลิ้นแตะลงเบา ๆ ที่ส่วนปลายยอดอกสีเข้มก่อนจะตวัดเลียแล้วครอบครองด้วยปาก...คัตซึฮิโกะผวาเยือกพร้อมกับร้องครางเบา ๆ  ทุกอย่างชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึก  และยิ่งเมื่อปลายนิ้วหยาบกร้านแตะสะกิดหยอกล้อยอดอกอีกข้าง  มันก็หดตัวแข็งเป็นไตสนองตอบการหยอกล้อนั้นอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบ  แต่ดูเหมือนฝ่ายรุกรานจะชอบใจ  เพราะปากและลิ้นเปลี่ยนเป้าหมายการครอบครองมาที่ยอดอกด้านนี้ทันที  ฟันเรียบขบกัดและดูดดึงเบา ๆ เรียกเสียงครางกระเส่า

“อะ...อื๊อ...”

“ชอบเหรอ?”  เซย์ริวถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลย

“ไม่...ทำไมผมต้องชอบด้วยเล่า”  คัตซึฮิโกะแหวเอาเบา ๆ ทั้งที่ยังถอนสะอื้นด้วยความเสียวซ่าน

“แกก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละ  ไม่เคยยอมรับอะไรง่าย ๆ เลย”  ร่างสูงพูดพลางทอดถอนใจแต่ดูเหมือนพยายามกลั้นยิ้มไว้มากกว่า  และก็ซ่อนรอยยิ้มนั้นด้วยการก้มลงไปสนใจกับแผ่นอกขาวเนียนต่อ  มือก็ขยับดึงสาบเสื้อยูกาตะออกอีกจนเผยให้เห็นไหล่ลาด

เซย์ริวละริมฝีปากจากเม็ดสีชมพูเข้มที่ครอบครองอยู่ไปประทับที่ลาดไหล่ขาวแล้วขบเม้ม  ทำเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกิดเป็นรอยจูบที่เรียงตัวกันเหมือนกลีบดอกไม้

คัตซึฮิโกะเหลือบตามองร่องรอยนั้น  ...เซย์ริวก็มีอารมณ์ศิลปินกับคนอื่นเขาเหมือนกันหรือนี่...  แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ  ลิ้นร้อนก็ฉกวูบเข้าที่ร่องสะดือเล่นเอาผวาขึ้นทั้งตัว

“อ๊า...”

“ร้องแบบนี้แปลว่าไม่ชอบ”  เซย์ริวพูดเหมือนจะพึมพำกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่จะให้อีกฝ่ายได้ยิน  ได้ผล...

“รู้ว่าผมไม่ชอบก็อย่าทำเซ่”  คัตซึฮิโกะแหวมาทันที

“แต่แกก็รู้ว่าฉันชอบทำอะไรที่แกไม่ชอบเสมอแหละ”  เรียวลิ้นตวัดลากไล้ต่ำลงมาแล้วจูบหนัก ๆ เข้าที่สะดือ  เอวบางเดาะขึ้นรับสัมผัสนั้นทันทีพร้อมกับเสียงครางเครือ

ร่างสูงยันกายขึ้นจากการทาบทับ  กวาดสายตามองร่างที่เกือบจะเปลือยท่อนบนด้วยความพึงใจ...เรือนผมดำขลับที่ยังเปียกชื้นปรกระดวงหน้า  เมื่อรวมกับดวงตาคู่สวยหรี่ปรอยปรือทำให้ดูเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก  ริมฝีปากอิ่มแดงเผยอหอบน้อย ๆ  ผิวกายขาวต้องแสงสลัวจากภายนอกเป็นสีระเรื่อ...ตุ๊กตาตัวสวยที่สุดของเขา  ของเล่นชิ้นที่รักที่สุด...อาชญกรหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายยังเป็นไข้  แต่ก็รู้อีกว่าฝ่ายนั้นไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเขา  หากไม่รุนแรงเกินไปนัก  เขาเชื่อว่าคัตซึฮิโกะจะรับได้ทั้งหมด

คัตซึฮิโกะขยับตัวอย่างประหม่าเมื่อมือใหญ่แหวกชายยูกาตะออกช้า ๆ  ต้นขาขาวกระทบอากาศเย็นทำให้รู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง...แต่มันจะเป็นเพราะอากาศหรืออารมณ์หวามไหวที่เกิดขึ้นนั้น  ตัวเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัด  แต่เมื่อมือหยาบลูบสอดเข้าไปสัมผัสเนื้อเนียน  ความคิดทั้งมวลก็กระจัดกระจาย  ฝ่ามืออุ่นร้อนประคองจับสองขาของเขาแยกออก  ชายหนุ่มฝืนเกร็งนิดหนึ่งด้วยความเขินอาย  แต่แล้วก็ปล่อยตัวเองให้โอนอ่อนไปตามการกระทำของร่างสูง

เซย์ริวจ้องมองส่วนอ่อนไหวที่มีชายเสื้อยูกาตะปิดอยู่อย่างหมิ่นเหม่  มันช่างเย้ายวนและเชิญชวนเสียยิ่งกว่าการเปิดเผยให้เห็นทั้งหมด  วูบหนึ่งของความทรงจำ  เขานึกไปถึงเมื่อตอนที่พบกันใหม่ ๆ ...วันนั้นที่คัตซึฮิโกะเองก็เป็นไข้  แต่เพราะเรือนร่างที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวปิดบังเพียงบางส่วนนั้นเองที่ทำให้เขาไม่อาจอดกลั้นต่อเพลิงปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมาได้...ตอนนี้ก็เช่นกัน  ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอก่อนจะโน้มตัวลงไปเพื่อค้นหา...

ริมฝีปากร้อนประทับแนบลงกับเนื้ออ่อนที่โคนขา  คัตซึฮิโกะผวากระตุกทั้งร่าง...ความรู้สึกมันราวกับโดนเหล็กเผาไฟนาบ  ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกสัมผัสเช่นนี้  แต่วันนี้กลับแปลกออกไป  อาจเพราะพิษไข้ทำให้สติของเขาค่อนข้างล่องลอย  ทุกสัมผัสที่ถูกประทับลงบนร่างกายจึงถูกส่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกโดยตรงอย่างชัดเจนยิ่ง...ความเปียกชื้นอันเกิดจากเรียวลิ้นร้อนลากจากโคนขาด้านในบริเวณใกล้หัวเข่าสู่ส่วนที่สูงกว่า  กล้ามเนื้อส่วนนั้นเกร็งตัวเพื่อรอรับสัมผัสที่...มาก...ยิ่งกว่า  หากร่างสูงกลับถอนปากออกแล้วไปทำอย่างเดียวกันกับขาอีกข้าง  คัตซึฮิโกะสะท้านเยือก  กระตุกร่างราวกับสำลักลมหายใจ  นิ้วเรียวจิกทึ้งผ้าปูที่นอนเมื่ออาชญากรหนุ่มขบเม้มหนัก ๆ เข้าที่โคนขาเพื่อประทับรอยตีตรา

ทุกจังหวะของกล้ามเนื้อที่กระตุกเกร็งนั้น  สามารถรับรู้ได้ผ่านฝ่ามือใหญ่ที่ยังประคองยึดเรียวขาขาวให้แยกห่างกันไว้  เซย์ริวขยับขาข้างหนึ่งของคัตซึฮิโกะให้งอเข่าและแยกกว้างออกอีกเพื่อเขาจะได้กระทำการได้สะดวกขึ้น  ริมฝีปากและลิ้นร้อนขยับขึ้นสูง  ตวัดเลียเร็ว ๆ แต่หนักหน่วงเข้าที่จุดอ่อนไหวที่สุดของร่างบาง  เรียกเสียงร้องหวีดหวานได้อย่างที่อยากฟัง  แม้จะเป็นการสัมผัสอย่างตรงจุดเป็นครั้งแรก  แต่ร่างบอบบางนั้นก็ตื่นตัวขึ้นมากว่าครึ่งแล้ว  มันเบียดดันเนื้อผ้าฝ้ายบางของยูกาตะจนปูดโป่งออกมา  ตรงส่วนปลายยอดฉ่ำชุ่มไปด้วยหยาดน้ำเหนียว ๆ

ร่างสูงไล้เลียแก่นกลางกายนั้นตลอดความยาวโดยที่ยังไม่แกะผ้าคาดเอวของชุดยูกาตะออกให้  เขาตวัดลิ้นชิมแก่นเนื้อนุ่มจนรู้ได้ว่ามันแข็งขึงอย่างเต็มที่จึงได้ครอบปากลงที่ส่วนปลายยอดแล้วดูดหนัก ๆ  เสียงครางหวานปนหอบแว่วมาให้ได้ยิน  มือที่สั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ เอื้อมมาสางไล้เส้นผมสีน้ำตาลยาวหนาแล้วจิกดึงเบา ๆ  เซย์ริวรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร  เขาครอบครองส่วนกลางกายนั้นมากขึ้น  เปิดลำคอรับมันเข้าไปจนสุดลำ  ขยับโพรงปากร้อนดูดเบา ๆ  และทุกครั้งที่เขารุกเร้า  มือเรียวก็จับศีรษะของเขากดเข้าหาตัวพลางขยับสะโพกอย่างเร่าร้อน

“อ๊ะ...อา...เซย์...ตรงนั้น...อือ...”  คัตซึฮิโกะส่งเสียงคร่ำครวญแทบไม่เป็นภาษา  เขาโยกสะโพกขึ้นลงรับกับทุกจังหวะที่เซย์ริวกระทำ

อาชญากรหนุ่มลิ้มชิมรสชาติหอมหวานของท่อนเนื้อเครียดแข็งทว่านุ่มนวลอย่างเพลิดเพลินจนมันชุ่มโชก  มือใหญ่เข้ามาช่วยครอบครองและขยับรูดเร่งเร้าความปรารถนาให้  เสียงครวญครางปานจะขาดใจเร้าอารมณ์ดิบของเขามากเสียจนอยากจะครอบครองทั้งหมดของเรือนร่างนี้เสียเดี๋ยวนี้  แต่ก็พยายามยับยั้งเอาไว้ด้วยรู้ว่าเขาจะตักตวงความหฤหรรษ์จากร่างนี้ได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายพร้อมที่สุด...คืนนี้คัตซึฮิโกะเป็นไข้  หากจะให้เสร็จสมถึงสองรอบคงเป็นการฝืนให้บอบช้ำจนเกินไป...คิดเช่นนั้นแล้วร่างสูงก็ถอนริมฝีปากออก

“อึ๊...อืม...”  สิ่งที่สร้างความเสียวซ่านผละออกไปอย่างกะทันหันทำให้คัตซึฮิโกะอดส่งเสียงท้วงไม่ได้

“อย่าโลภมากสิ...ใจเย็น ๆ “  เซย์ริวกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู  ในขณะที่มืออุ่นร้อนยังนวดคลึงแก่นกายให้

“ว่าใครโลภกัน...”  คัตซึฮิโกะเถียงเสียงกระเส่า  อารมณ์ของเขากระเจิดกระเจิงเสียจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

“หึ...ไม่ก็ไม่...”  ร่างสูงเคล้าคลอริมฝีปากบดคลึงกับริมฝีปากแดงระเรื่อที่นุ่มนวลราวกับกลีบดอกไม้  ประทับจูบดื่มด่ำ  เกี่ยวกวัดเรียวลิ้นรัดพันหลอกล่อให้ลุ่มหลง

โคนขาแกร่งแทรกลงตรงที่ว่างที่หว่างขาขาว  ขยับแยกมันออกพร้อมกับที่มือใหญ่ที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับร่างบางเลื่อนลงสู่ส่วนลี้ลับที่อยู่ต่ำกว่า  ซึ่งคัตซึฮิโกะก็ขยับขาแยกกว้างอย่างรู้งาน

ปลายนิ้วกร้านขยับคลึงที่ปากทางเหมือนจะหยั่งเชิง...มันเปียกชุ่มเพียงพอทีเดียวจากการครอบครองด้วยปากเมื่อครู่  ทำให้ปลายนิ้วกลางสอดผลุบหายเข้าไปอย่างไม่ฝืดฝืน

“อ๊ะ...อือ...”  คัตซึฮิโกะขยับเกร็ง  ตอดรัดนิ้วนั้นเล็กน้อย

เรียวนิ้วขยับลึกเข้าไปร่าง  ผนังนุ่มอุ่นร้อนที่โอบรัดมันอยู่รอบด้านกระตุกตอดทุกครั้งที่มันขยับ...กระทั่งสุดความยาว  นิ้วนั้นก็กวาดควานไปรอบ ๆ เพื่อขยับขยายช่องทางแคบเล็กนั้นให้พร้อมรับสิ่งที่ใหญ่โตกว่ามันมาก...ไม่เพียงแต่ขยับขยาย  แต่มันยังสะกิดตรงนั้นตรงนี้ไปเรื่อย  มันรู้ดีอยู่แล้วว่าจุดไหนที่หากแตะต้องแล้วจะสร้างความรู้สึกดีให้กับเจ้าของช่องทางนี้ได้มากที่สุด  แต่ก่อนจะให้สิ่งที่ดีที่สุด...มันก็อยากแกล้งให้ต้องการจนเจียนคลั่งบ้าง

“อา...เซย์ริว...ฮึก...”  ร่างเพรียวครางกระเส่าทั้งที่ริมฝีปากยังบดเคลียอยู่ไม่ห่างกัน  สองมือขยับไต่ขึ้นโอบกอดผู้ที่กำลังรุกรานเขาไว้แน่น

เมื่อได้อย่างที่ต้องการแล้ว  นิ้วหยาบกร้านก็แตะหมับเข้าที่จุดกระสันแล้วขยี้คลึง

“อ๊า...อา...”

พร้อมกับเสียงหวีดครางด้วยความเสียวซ่านผนังนุ่มรอบด้านก็บีบรัดเรียวนิ้วนั้นแน่น  อาชญากรหนุ่มสะกิดขยี้จุดนั้นซ้ำอีกสองสามครั้งแล้วจึงสอดอีกนิ้วตามเข้าไป  ความรุมร้อนในช่องทางนั้นตอดตุบรัดนิ้วทั้งสองเป็นจังหวะ  ยิ่งเมื่อมันไปสะกิดโดนจุดกระสันก็ยิ่งตอดรัดแน่น  เซย์ริวถอนใจพรู  อาการเหล่านั้นกระตุ้นความต้องการของเขาเสียจนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ชายหนุ่มผละจูบออกจากริมฝีปากที่ลิ้มรสอยู่  ขยับเข้ามานั่งแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาของร่างกึ่งเปลือย  กวาดสายตามองปราดไปทั่วร่างแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างปรารถนา  เขายกแยกเรียวขาขาวทั้งสองออกกว้างแล้วจรดแก่นกายแข็งขืนราวกับท่อนไม้ของเขาเข้าที่ช่องทางที่ได้ทำการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว  ขยับกดท่อนเนื้อร้อนนั้นเข้าหา  เคลื่อนกายให้มันจมลึกเข้าไปสู่ความหอมหวานอันเร้นลับ

“อา...อ๊า...เซย์...”  ร่างเพรียวกรีดเสียงครางด้วยความเจ็บเสียด  แม้จะถูกเตรียมพรอ้มเอาไว้อย่างดีแล้ว  แต่ขนาดของสิ่งที่กำลังรุนล้ำก็ทำให้เจ็บได้ทุกครั้งที่มันเริ่มต้นแทรกเข้ามาในร่างของเขา  หากตัวเองก็รู้ดีว่าต้องการมันมากแค่ไหน  สิ่งเดียวที่ทำได้คือพยายามผ่อนคลายและแยกขาออกอีกเพื่อเปิดรับมันให้มากที่สุด

เซย์ริวกดกายเข้าหาอย่างเชื่องช้า  ทว่าต่อเนื่องและหนักหน่วง  เบียดแก่นเนื้อแทรกเข้าไประหว่างผนังร้อนนุ่มที่ขยายตัวโอบรัดจนสุดความยาว  ฝังกายเข้าไปจนถึงจุดลึกสุดแล้วกลั้นใจหยุดนิ่งเอาไว้...เขาไม่กล้าหักหาญขยับกายในตอนที่คัตซึฮิโกะยังครางเครือสะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจอยู่อย่างนี้

แต่คัตซึฮิโกะยกเรียวแขนขาวทั้งสองเอื้อมมือมาทางร่างสูง  อ้าแขนออกเหมือนจะโอบกอด...เพื่อบอกว่าเขาพร้อมรับทั้งหมดของเซย์ริวแล้ว

อาชญากรหนุ่มยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม  เขาโน้มกายลงไปหาอ้อมแขนซึ่งโอบกอดเขาไว้ทันที  จัดเรียวขาขาวให้เกี่ยวรอบเอวของเขาแล้วเริ่มต้นส่ายสะโพกเข้าหาเบา ๆ

“อา...เซย์...เซย์ริว...อ๊า...”

คัตซึฮิโกะจิกเล็บดึงยูกาตะของร่างสูงเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจนเสื้อคลุมนั้นเลื่อนหลุด  ร่างสูงจึงสลัดมันออกจากร่างท่อนบน  แล้วคว้าร่างเพรียวมากอดรัดไว้แน่นซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็กอดตอบแน่นไม่แพ้กันทั้งยังฝังรอยเล็บจิกข่วนไปบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามได้รูป  ผิวกายชื้นเหงื่อบดเบียดแนบชิดราวกับจะหลอมรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียว  เสียงหอบหายใจและเสียงครางดังปะปนกันไปจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร

และในวูบจังหวะหนึ่ง...ความรู้สึกบางอย่างก็ผลักดันให้เกิดคำถามหนึ่งขึ้น

“คาซึโกะ...แก...รักฉันหรือเปล่า?”  เซย์ริวกระซิบถามเบา ๆ

ทั้งที่สติและความรู้สึกกำลังเลือนรางและกระเจิดกระเจิงเต็มที  แต่คัตซึฮิโกะกลับได้ยินและเข้าใจคำถาม

“ไม่...”  ชายหนุ่มพยายามเค้นเสียงตอบแผ่วเบา  “ผม...ไม่เคย...รักคุณเลย”

ร่างสูงหัวเราะน้อย ๆ

“ดี...เพราะฉันก็ไม่เคยรักแกเหมือนกัน”

ขาดคำ  อาชญากรหนุ่มก็กระทั้นกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว  คัตซึฮิโกะหวีดร้องด้วยจังหวะที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้เขาตั้งรับไม่ทัน  สิ่งที่อยู่ร่างของเขามันคับแน่นไปหมด...มันเร่งเร้า  หนักแน่น  และกระชั้นถี่  ร่างเพรียวใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ขยับสะโพกรับกับจังหวะของร่างสูงได้  อุ้งมือใหญ่ตรงเข้าเกาะกุมแก่นกายของคัตซึฮิโกะ  ขยับชักรูดนำพาให้อารมณ์กระเจิงยิ่งขึ้น  ความร้อนที่เกิดขึ้น ณ จุดที่เสียดสีกันแผ่ลามไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วจนเหมือนกับว่าเลือดในกายจะเดือดพล่านไปด้วยไฟราคะ

ถูกหละ...เขาทั้งสองไม่ได้ผูกพันกันด้วยความรัก  ทั้งหมดเริ่มต้นที่ความใคร่...เริ่มต้นด้วยตัณหาและราคะ...มันไม่ได้อ่อนหวาน  ไม่ได้สวยงาม  พวกเขาเพียงแค่ต้องการกันและกันเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายซึ่งกันและกัน  ความสัมพันธ์นี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากวันที่มันเริ่มต้น  สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงความเข้าใจระหว่างกันเท่านั้น  สิ่งนั้นผูกมัดพวกเขาเอาไว้ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้...วันที่ต่างก็ผ่านเรื่องราวมากมายมาจนกลายเป็นความสัมพันธ์แบบพิเศษที่ถูกสร้างมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ...อาจไม่มีใครเข้าใจนอกจากพวกเขา...แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“อึ๊...เซย์...จะ...ไม่ไหว...”  คัตซึฮิโกะครางกระเส่าฟังแทบไม่เป็นภาษากับความเร่าร้อนที่เซย์ริวประเคนเข้ามาในร่างของเขา  สองขากอดกวัดรอบเอวแกร่งโอบรัดแน่น

ร่างสูงขยับสะโพกเร็วขึ้นเรื่อย ๆ  ขยับฝังกายเข้าลึกสุดขอบ  กระชากกระชั้นลากพาอารมณ์และความรู้สึกให้ไหลไปตามกระแสธารแห่งความต้องการ  พาทั้งตัวเองและอีกฝ่ายตะเกียกตะกายไปให้ถึงที่สุดของความปรารถนาลี้ลับแห่งห้วงอารมณ์  ส่วนที่ฝังร่างอยู่ในความนุ่มนวลรับรู้ได้ถึงการบีบรัดแน่นที่กระชั้นถี่ขึ้นทุกที  และตัวมันก็ร้อนรุ่มราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุ

“อะ…อา…ไม่…ไม่ไหวแล้ว…ไม่ไหวแล้ว…เซย์…เซย์…”  คัตซึฮิโกะร้องออกมาพร้อมกับเกี่ยวขาแน่นและบีบรัดรุนแรง

แล้วเซย์ริวก็อัดกระแทกเข้าไปครั้งสุดท้าย  สูบฉีดความเร่าร้อนพวยพุ่งเข้าไปในร่างเพรียว

“อ๊า!!!!”  ชายหนุ่มกรีดร้องลั่นเมื่อความสุขสมเดินทางมาจนถึงที่สุด  ปลายเล็บจิกแผ่นหลังกว้างแล้วข่วนเป็นทางยาว  ปลดปล่อยหยาดอารมณ์ให้หลั่งรินออกมาอย่างเต็มกลั้น

ทั้งสองร่างเกร็งกระตุกเข้าหากันสองสามครั้ง  แล้วเซย์ริวก็ทรุดร่างลงกับร่างบางที่นอนหายใจหอบถี่ราวกับจะขาดใจอยู่ใต้ร่างของเขา  โลกทั้งโลกหมุนคว้าง  ในหูได้ยินเพียงแต่เสียงหายใจของพวกเขาปะปนกันไปในความเงียบ

ครู่ใหญ่  อาชญากรหนุ่มจึงจูบเบา ๆ ที่ขมับชื้นเหงื่อแล้วค่อย ๆ ถอนกายออก

“อือ...”  คัตซึฮิโกะครางแผ่ว ๆ  เมื่อครู่เขารู้สึกสบายจนแทบจะเคลิ้มหลับไปแล้ว

“ไหวนะ  คาซึโกะ”  เซย์ริวถามพลางลูบไล้ใบหน้ามนเบา ๆ

ร่างเพรียวพยักหน้าแทนคำตอบ

“แย่หน่อยนะ  อุตส่าห์อาบน้ำแล้ว”  ร่างสูงพูดพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ อย่างยียวนตามนิสัย  เหลือบมองคราบน้ำที่เปรอะเปื้อนอยู่บนเรียวขาและซอกเร้นลับของคัตซึฮิโกะ  “เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้ละกัน”

คัตซึฮิโกะหมดแรงจะต่อล้อต่อเถียงอะไรทั้งสิ้น  ได้แต่นอนนิ่งให้เซย์ริวจัดการเอาตามใจชอบจนสะอาดเรียบร้อย  เขาเคลิ้ม ๆ ไปครู่หนึ่ง  มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งที่อบอุ่น

“นอนซะ  หลับให้สบาย”  มือใหญ่ลูบผมนิ่มอย่างเบามือ

แล้วคัตซึฮิโกะก็หลับสนิทไปในไม่กี่อึดใจนั้นเอง
//////////


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
ปล. ฉากแง่งอนกันเนี่ย...เขียนเองก๊าวเองครับ น้ำเน่าดี ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
«ตอบ #204 เมื่อ19-07-2013 12:57:00 »

ชอบน่ารักทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
«ตอบ #205 เมื่อ19-07-2013 18:07:19 »

พ่อแง่แม่งอน น่ารักกกก :-[

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
«ตอบ #206 เมื่อ19-07-2013 19:47:11 »

ถึงจะลำบากขนาดไหน แต่ก็จะสู้ไปด้วยกันสินะ สองหนุ่มสู้ๆ เป็นกำลังใจให้ ไหนๆก็ผูกพันกันขนาดนี้แล้วอะ :z1:
ไม่เรียกว่ารักแล้วจะเรียกว่าอะไรดีนะ ความสัมพันธ์แบบนี้ แต่มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นดีนะคะ ที่ข้างๆยังมีกันและกันตลอด :o8:

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
«ตอบ #207 เมื่อ20-07-2013 05:16:09 »

โอ้ววว~ 
พักความเคีียดด้วยฉากหวาน(?)เบาๆ

ขอให้รอดๆๆๆๆๆ นะๆๆ

:pig4:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
«ตอบ #208 เมื่อ20-07-2013 09:46:42 »

จิกหมอนนนนนนนนนนนนนนนนน อรั๊ยๆๆๆๆๆ ตอนนี้หวานไม่ไหวจะทน

ยิ่งฉากพ่อแง่แม่งอนนะ น่ารักสุดๆอ่ะ  >/////<

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 24 : 26/7/56
«ตอบ #209 เมื่อ26-07-2013 20:54:10 »

สวัสดีวันศุกร์ครับ
เกือบลืมลงแน่ะ แหะๆ

KOUSOKU 24

“มันนานเกินไปแล้วนะ  สารวัตร!  จะต้องให้ผมรออีกนานแค่ไหนกัน  ป่านนี้ไอ้สัตว์นั่นมันไม่หนีไปถึงไหน ๆ แล้วเรอะ  มัวแต่อืดอาดอะไรอยู่ได้”  คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงตวาดลั่นห้องพักของโรงพยาบาลอย่างหัวเสีย  แต่คนถูกพาลได้แต่ยืนทำหน้านิ่ง ๆ

มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่สารวัตรไอดะถูกเรียกมาพบด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้  เรียกได้ว่าแทบจะวันเว้นวันจนเขาชาชิน  เรื่องที่โดนด่าก็เรื่องเดิม ๆ  จะมีก็แต่ความหงุดหงิดรำคาญที่พอกพูนขึ้นทุกวัน...นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าที่และครอบครัวหละก็  ไอ้อ้วนนี่ได้ตายอีกรอบแล้ว

คิตะโนะเองก็หงุดหงิดมากขึ้นทุกทีที่ทางตำรวจยังไม่สามารถล่าตัวคนที่ทำร้ายเขาได้  เขาใช้ทั้งเส้นสายและบารมีส่วนตัวในการเสาะหาตัวไอ้มือมีดนั่นมาลงโทษให้ได้...และแน่นอน...รวมไปถึงคนที่ไอ้มือมีดนั่นพาไปด้วย

ครั้งก่อนที่เขาให้ลูกน้องแทรกซึมไปกับกลุ่มตำรวจ  เขาได้กำชับให้พวกมันพาตัวซาโนะ  คัตซึฮิโกะฮิโกะมาให้เขาทันทีที่พบตัว  แต่ปรากฏว่าชายหนุ่มคนนั้นได้หายตัวไปพร้อม ๆ กับเจ้าฆาตกรนั่น...แค่นั้นก็โกรธมากพออยู่แล้ว  ยิ่งรู้ว่าทางตำรวจได้ข้อมูลแล้วว่าสองคนนั้นอยู่ที่ไหน  แต่ยังตามจับตัวมาไม่ได้  เขาก็ยิ่งงุ่นง่าน  เขาพยายามใช้อำนาจมืดที่ตัวเองมีส่งคนลงพื้นที่ออกไปติดตามทั้งสองคนนั่น  แต่ด้วยสภาพอากาศไม่เป็นใจหรืออะไรบางอย่าง  ทำให้คนของเขายังหาตัวบุคคลที่เขาต้องการไม่พบ...เมื่อยังทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้  เสี่ยใหญ่ก็ได้แต่เรียกสารวัตรผู้รับผิดชอบคดีมาด่า

“ทางเราก็เร่งมือกันเต็มที่แล้วครับ  แต่ที่ยังไม่ได้ตัวอาจเพราะผู้ต้องหาถนัดในการหลบหนีก็ได้”  สารวัตรไอดะบอกเนือย ๆ ...ไม่อยากจะบอกเลยว่าเขาประวิงเวลายืดเรื่องเอาไว้โดยการไม่ส่งคนลงพื้นที่มาสองสามวันแล้ว

“มันจะถนัดหรือไม่ถนัดก็ช่าง  แต่มันเป็นหน้าที่ของพวกคุณที่ต้องไปลากตัวมันมาให้ได้!!”  คิตะโนะตะโกนลั่น

“พวกเรากำลังพยายามอยู่ครับ”  น้ำเสียงตอบดูเยือกเย็น  แต่ท่านสารวัตรก็แอบหักข้อนิ้วระบายอารมณ์...อยากจะตั๊นหน้าไอ้นี่ให้จมูกหักเหลือเกิน...

“สารวัตร...ผมเคยเตือนคุณไปแล้วนะ”  เสี่ยใหญ่เริ่มใช้น้ำเสียงข่มขู่  “ถ้าผมออกจากโรง’ บาลแล้วคุณยังไม่ได้ตัวมันมาให้ผม...คุณเน่าแน่”

สารวัตรไอดะคอแข็งขึ้นมาทันที  ลำพังตัวเขาเองไม่มีอะไรต้องไปกลัวคำขู่นี้หรอก  เพราะเขาพอจะรู้ทางหนีทีไล่ดี...แต่เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด  การที่คิตะโนะจะทำลายใครสักคน  มักจะใช้วิธีขุดรากถอนโคนเสมอ...เขายังไม่อยากเอาครอบครัวมาเสี่ยงกับไอ้บ้าตัณหากลับคนนี้

ยังไม่ทันที่นายตำรวจจะตอบอะไร  เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

“เข้ามา”

นายตำรวจชั้นผู้น้อยเข้ามาในห้องแล้วทำท่าระวังตรงทำความเคารพผู้เป็นนาย

“มีอะไรว่ามา”  ไอดะสั่งเรียบ ๆ

“เมื่อครู่มีรายงานจากเมือง N ว่าผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีการจับกุมได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งพร้อมกับซาโนะ  คัตซึฮิโกะฮิโกะครับ”

ทั้งไอดะและคิตะโนะเบิกตากว้าง...หากแววตาของคิตะโนะวาวโรจน์ด้วยความยินดี

“เอาหละ...สารวัตร  ผมรอมานานแล้ว  คราวนี้คงได้ตัวเสียทีนะ”  พูดจบก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้รีบออกไปได้แล้ว

สารวัตรไอดะกัดกรามแน่น  เขาสะบัดหน้าแล้วก้าวยาว ๆ ออกจากห้องพักนั้นอย่างรวดเร็วพลางนึกในใจ...ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยนะ  ไอ้ลูกชายบ้าของหมอเถื่อนมันคิดอะไรถึงได้เข้าพักโรงแรมทั้งที่โดนตามล่าตัวอยู่...

สมองของไอดะทำงานรวดเร็ว  เขาจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้...แต่เขาจะต้องทำทุกอย่างที่จะป้องกันไม่ให้เด็กสองคนนั้นตกไปอยู่ในมือคิตะโนะ

“เรียกระดมพล  ปิดล้อมโรงแรมนั้น  เอาตัวมาให้ได้ในเช้าพรุ่งนี้  อ้อ...แจ้งให้ญาติของซาโนะทราบด้วย”

“ครับผม!”  ตำรวจชั้นผู้น้อยรับคำแล้วรีบไปถ่ายทอดคำสั่งต่อไป

สารวัตรไอดะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเรียกหาหมายเลขซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะใช้งาน  เสียงสัญญาณจากปลายสายดังอยู่หลายครั้ง  ยังไม่ดึกเท่าไรนักแต่เจ้าของหมายเลขอาจจะยังไม่ว่างก็เป็นได้

“โมชิ  โมชิ”  เสียงจากปลายสายตอบรับในที่สุด

“คุณมาซาฮิเดะ  ผมไอดะนะ”

“โอ้...นรกขุมไหนดลใจให้คุณโทรมาหาล่ะเนี่ย”  น้ำเสียงเรียบเรื่อยจนออกจะขี้เกียจ  แต่ดูเหมือนจะขำกับสำนวนกวนอารมณ์ของตัวเอง

“นรกขุมที่ชื่อเซย์ริวน่ะสิ”  ไอดะย้อนกลับไม่แพ้กัน  “ลูกน้องเพิ่งมาบอกเมื่อกี้”

“ว่าไง”  เสียงของมาซาฮิเดะเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“ไอ้เด็กโง่นั่นมันเข้าพักในโรงแรม  ถูกกล้องวงจรปิดจับได้  นี่กำลังส่งคนไปปิดล้อม”

“ส่งไปทำซากอะไรวะ”

“ตามหน้าที่...ช่วยไม่ได้นี่นะ”

หมอเถื่อนนิ่งเงียบไปนิดหนึ่ง  แม้จะเข้าข้างคนของตัวเองมากแค่ไหน  แต่เขาก็รู้ว่าความรู้สึกส่วนตัวคืออะไรและหน้าที่คืออะไร...ในการทำงาน  ทั้งสองสิ่งต้องแยกจากกันเด็ดขาด

“แล้ว...คุณโทรมาบอกผมทำไม”

“เผื่อไว้  เผื่อว่าคุณหรือพวกเด็ก ๆ ของคุณมันจะไปทัน”

“อืม...ขอบคุณ”

มาซาฮิเดะวางหูโทรศัพท์จากคู่ปรับผู้หวังดีแล้วเปิดสมุดจดเบอร์โทรศัพท์  เขาต้องโทรหาฮิโรกิ  แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเบอร์ที่มีอยู่จะยังเป็นเบอร์ที่ใช้การได้หรือเปล่า  เจ้าพวกเด็กบ้ามันเปลี่ยนมือถือกันบ่อยพอ ๆ กับเปลี่ยนคู่นอน

ฮิโรกิเผ่นออกจากบ้านทันทีหลังจากวางสายจากมาซาฮิเดะ  ประตูห้องเช่าเก่า ๆ ที่ไม่ไกลจากบ้านของเขานักถูกทุบจนแทบพังคามือ

“อะไรวะ!?”  เจ้าของห้องเปิดประตูรับอย่างหัวเสีย  ดูจากเสื้อผ้าที่ยังไม่เรียบร้อยดีบ่งบอกว่าเพิ่งจะอาบน้ำยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จ

“เร็น  ช่วยฉันหน่อย  ฉันต้องไปเมือง N เดี๋ยวนี้”  ฮิโรกิระล่ำระลัก

“หา?  อะไรของนาย  เมือง N มันไม่ใช่ใกล้ ๆ นะเฟ้ย  แล้วจะไปยังไง?”  เร็นยังงุนงงนิดหน่อย  แต่เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของฮิโรกิก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น

“เซย์ริวกำลังจะโดนล้อมจับ  ฉันต้องไปช่วยมัน”

ชื่อของเซย์ริวทำเอาเร็นชะงัก เรื่องที่เซย์ริวกำลังหลบหนีคดีฆ่าคนตายไปพร้อมกับ  “ของเล่น”  คนโปรดเป็นที่รู้ทั่วกันในสังคมด้านมืดของพวกเขา  ต่างก็ได้แต่คิดกันไปเงียบ ๆ  และแม้ว่าจะชังน้ำหน้าเซย์ริวกันมากแค่ไหน  แต่ส่วนใหญ่ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ได้ยินข่าวว่าเจ้าวายร้ายนั่นถูกจับได้...คนเคยเห็นหน้ากันมานาน  แม้จะเป็นไอ้ตัวแสบที่เที่ยวก่อเรื่องไปทั่ว  แต่มันก็เป็นสีสันหนึ่งในโลกใบนี้

“โอเค”  เร็นเอ่ยในที่สุด  “ขอเวลานิดเดียว  เคียวจังคงช่วยได้  เดี๋ยวขอให้เอารถออกหน่อย”

“ขอบใจมาก  เร็น”  ฮิโรกิยิ้มออกมาได้ทันที

แน่นอนว่าเคียวไม่ได้มีรถเป็นของตัวเอง  แต่ฝีมือด้านการสะเดาะกุญแจรถเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งในละแวกนั้น  เขาใช้เวลาไม่นานในการเปิดประตูและเอารถเก๋งคันหนึ่งออกจากลานจอดรถและพาเร็นกับฮิโรกิมุ่งหน้าสู่เมือง N


นัตสึรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อได้รับโทรศัพท์จากทางตำรวจโทรมาแจ้งว่าพบตัวพี่ชายของเขาแล้ว...พร้อมกับมัน!

เมือง N อยู่ค่อนข้างไกล  แต่ก็ไม่ไกลเกินไปนักสำหรับตัวเขาในตอนนี้  เพราะเพียงแค่ได้ยินข่าวจากตำรวจ  หัวใจของเขาก็โลดแล่นไปจนถึงที่นั่นแล้ว

เขาเอารถของที่บ้านออกมาโดยไม่ฟังคำทัดทานของพ่อกับแม่  เขามีใบขับขี่นานแล้ว  เคยใช้รถบ่อยแล้ว  แม้จะยังไม่เคยขับรถทางไกล  แต่เรื่องพวกนั้นมันไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับเวลานี้  เขาต้องการพบคัตซึฮิโกะเดี๋ยวนี้  เขาจะต้องพาคัตซึฮิโกะกลับมา  มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่คัตซึฮิโกะจะต้องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับไอ้คนเฮงซวยนั่น  คัตซึฮิโกะจะมีเหตุผลอะไรก็ช่าง  เขาจะต้องพาคัตซึฮิโกะกลับมาให้ได้
//////////

เซย์ริวลืมตาขึ้นมาในความมืด  เขานอนไวเป็นนิสัยอยู่แล้ว  ดังนั้นเมื่อมีเสียงผิดปกติดังขึ้นในยามวิกาลเช่นนี้จึงทำให้ประสาททั้งหมดตื่นตัวทันที  เขาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง  ปลายเข็มที่แต้มพรายน้ำบอกเวลาเกือบตีสี่

ชายหนุ่มเงี่ยหูฟังอยู่ชั่วครู่  ภายในห้องเงียบสงัด  มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนในอ้อมกอดเท่านั้น  แต่ที่ข้างนอก...เสียงฝีเท้าจำนวนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนถนนข้างโรงแรม  มีเพียงพูดคุยกันเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ระวังตัวอยู่ได้ยิน  หนึ่งในเสียงพูดนั้นเป็นการออกคำสั่ง  เสียงท็อปบูทกระทบพื้นแบบนี้เป็นเสียงที่เขาหัดฟังมาตั้งแต่เริ่มออกปล้นจี้เล็ก ๆ น้อย ๆ  ต่อให้อยู่ในที่พลุกพล่านก็แยกออก

ไม่ผิดแน่...เซย์ริวบอกกับตัวเอง...ตำรวจกำลังย่องเข้ามาปิดล้อมโรงแรมนี้

“คาซึโกะ...”  ร่างสูงกระซิบเรียกผู้ที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ

“หือ...”  คัตซึฮิโกะครางเบา ๆ อย่างรำคาญ

“คาซึโกะ  ตื่น  ตำรวจมาล้อมเราไว้หมดแล้ว”  เซย์ริวยังคงกระซิบเบา ๆ อย่างใจเย็น

แต่คนที่เพิ่งถูกปลุกลืมตาโพลง  หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง  พอกำลังจะอ้าปากถามอะไร  มือแกร่งก็ตะปบปิดปากเขาไว้แน่น

“เงียบไว้  ลุกขึ้นแต่งตัวให้เร็วที่สุด  เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้  ก่อนที่พวกมันจะขึ้นมา”

แม้จะยังตกใจแต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครพูดซ้ำ  คัตซึฮิโกะลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว  ทั้งสองแต่งตัวในความมืดอย่างทุลักทุเลพอสมควร  อาชญากรหนุ่มเปิดกระเป๋าหยิบเพียงเงินทั้งหมดและมีดคู่มือ  เขาตัดสินใจทิ้งกระเป๋าเพื่อความคล่องตัว

เพียงไม่กี่นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย

“จะไปทางไหน?”  คัตซึฮิโกะถามขึ้น

เซย์ริวเดินไปชะโงกที่หน้าต่าง  โชคดีที่ห้องพักของพวกเขาอยู่แค่ชั้นสองและอยู่ด้านติดถนนพอดี  แสงไฟทางเท้าส่องให้เห็นคนสามสี่คนเดินเฝ้าระวังอยู่...จัดการเก็บซะคงไม่ยาก

“ปีนลงทางนี้  ฉันจะจัดการไอ้พวกนั้นเอง”  พูดจบก็พลันนึกขึ้นมาได้...ลำพังเขาน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้ว  แต่คัตซึฮิโกะยังเป็นไข้

ร่างสูงกลอกตาอย่างนึกลังเล

“เป็นอะไรไป  รีบไปสิ”  คัตซึฮิโกะเร่ง

“คาซึโกะ...”  มือใหญ่เอื้อมไปบีบไหล่บางแน่น  “คือ...”

ยังไม่ทันได้พูดอะไร  คัตซึฮิโกะก็สวนกลับมาทันที

“คุณบอกแล้วนะว่าคุณจะไม่ปล่อยมือจากผมอีก”

เซย์ริวกลืนน้ำลายลงคอย่างยากเย็น  จ้องคนตรงหน้าเขม็ง...แล้วก็ได้พบแววตาที่เด็ดเดี่ยวจ้องตอบกลับมา

“ดี”  อาชญากรหนุ่มเหยียดมุมปากเหมือนจะเย้ยหยันความลังเลของตัวเอง  “งั้นก็ไป”

ร่างสูงเปิดหน้าต่างออกแล้วเหนี่ยวตัวโหนท่อน้ำฝนแล้วปีนลงไปอย่างรวดเร็ว  คนที่อยู่ข้างล่างเพิ่งจะไหวตัวเมื่อชายหนุ่มลงถึงพื้นแล้ว

“เฮ้ย!  นั่น”

หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าใส่แล้วก็ทรุดลงไปกองกับพื้น  เลือดทะลักออกมาแดงฉาน  เซย์ริวไม่ได้เล็งส่วนสำคัญ  เขาไม่ได้อยากจะฆ่าคนให้มีคดีติดตัวเพิ่มขึ้นมากนัก  เพียงแต่ต้องการสกัดการจับกุมให้เฉียบขาดที่สุด  อีกสองที่ตรงเข้ามาร่วงลงไปเพราะคมมีดและหมัดหนัก ๆ ที่สอยเข้าเต็มปลายคาง   เหลืออีกเพียงหนึ่งที่ยืนละล้าละลัง  จะเข้ามาชาร์จก็ไม่กล้า  ด้วยเห็นเพื่อน ๆ ลงไปกองกับพื้นแทบจะในพริบตาเดียว  ทั้งยังตื่นกลัวเกินกว่าจะชักปืนออกมา

“ไปให้พ้น”  เซย์ริวบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ  ตำรวจหนุ่มรีบวิ่งไปทางหน้าโรงแรมเพื่อไปตามคนอื่นมาสมทบ

“คาซึโกะ  เร็ว!”  ร่างสูงหันขึ้นไปบอกกับคนที่ยังอยู่ในห้อง

คัตซึฮิโกะมองลงไปเบื้องล่างอย่างลังเลใจ  มันสูงเอาการทีเดียวสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นอะไรผาดโผนมาก่อนเลยในชีวิตอย่างเขา  เมื่อกี้ที่ดูเซย์ริวปีนลงไปก็เหมือนง่าย ๆ  แต่เอาเข้าจริงแล้วท่อน้ำฝนมันอยู่ไกลกว่าที่คิด  หากคว้าพลาดคงต้องหล่นลงไปเจ็บตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

“เร็วเซ่!”  เซย์ริวเร่งมาอีก

คัตซึฮิโกะกัดริมฝีปากพยายามจะสลัดความกลัวออกไป  แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงฝีเท้าจำนวนมากตรงมาที่หน้าห้อง...ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด