20
ฝ่ามือร้อนลูบเข้าสาบเสื้อ ไล่มือไปสัมผัสตามเนื้อท้อง กดแรงบีบเค้น ขย้ำเนื้อจนขึ้นสี มันไม่หยุดแค่ที่เดียว แต่กลับทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไล่ควาญหาส่วนที่พอดีมือก่อนออกแรงบีบอีก ทั้งหน้าท้อง สะโพก เอว ลามไปจนถึงต้นขา จนแผ่นหลัง ปลุกปั้นอารมณ์ให้ร้อนแทบแผดเผา หลอมละลายไปกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น
ริมฝีปากถูกบังคับให้ห้ามส่งเสียงจากการประกบจูบของอีกฝ่าย มีแต่ต้องไหลตามอารมณ์ ตวัดลิ้นเกี่ยวชิมน้ำหวานในโพรงปากอีกฝ่าย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หาทางถอนตัวไม่เจอ
พอเป็นไอ้ฉางแล้ว...ผมไม่เคยขัดขืนมันได้เลยสักครั้ง
ราวกับถูกดึงไปอีกมิติ ลอยละล่อง เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้
ฝ่ามือทั้งสองคล้ายลูบวนสะเปะสะปะ จนกระทั่งมันล้วงเข้าไปในกางเกงวอร์มใส่นอนของผม กระตุกจนขอบกางเกงหล่นไปอยู่ส่วนขา ไม่รอช้า มันเลื่อนมือมาขย้ำ บีบเค้นพื้นที่หวงห้าม จากรุนแรงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ฝ่ามือร้อนเปลี่ยนเป็นลูบไล้ตามส่วนต่างๆ แทน
เมื่อมันลูบจนพอใจแล้ว ส่วนกลางลำตัวที่ถูกปลุกก็ถูกมันกุมเข้าเต็มฝ่ามือ จังหวะเดียวกับที่คนบนร่างถอนจูบออก ผมส่งเสียงน่าอายออกมาดังลั่น หอบตัวโยน รู้แค่ไม่สามารถต้านทานแรงอารมณ์ตอนนี้ได้อีกต่อไป...
ผมพลาดตอนไหนกันนะ...
...นึกถึงก่อนหน้านี้...ทั้งที่ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนทุกวันแท้ๆ ทำไมมันมาจบแบบนี้ได้ล่ะวะ…
“...ฉางตื่น”
“...อือ...”
“มีเรียนไม่ใช่หรือไง”
“อื้อ...ขอบคุณนะ” ผมตื่นก่อนมันมาได้สักพัก เพราะมีเรียนช่วงเช้า พอทำธุระเสร็จก็นึกได้ว่าฉางก็มีเรียนเหมือนกันจึงเรียกปลุก ตัวขี้เกียจขยับสองสามทีก่อนลุกขึ้นมาอ้าปากหาว ผมมองนาฬิกา...ยังมีเวลาเหลือเฟือ ดังนั้นผมจะไม่เร่งมัน
เช้าวันนี้ผมไปมหาลัยพร้อมไอ้ฉาง ไอ้เขียนรู้ก็มีท่าทีแปลกใจ แต่เพราะผมบอกว่ามันเป็นเมทผมแล้ว ทั้งยังมีเรียนเวลาเดียวกัน เลยติดรถมาด้วย ไม่เห็นแปลกตรงไหน พยายามกล่อมซี้สนิทแทบตายให้รับรู้ว่าฉางมันไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่ไอ้เขียนอคติ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่
เขียนแค่เงียบ ก่อนเปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องอื่น
ทั้งวันผมปฏิบัติตัวเหมือนที่ผ่านมา นั่งเข้าฟังเลคเชอร์ ทำงานส่ง กินข้าว ทำแล็ป อาจารย์สั่งงานอีกครั้ง ชีวิตวนเป็นลูปน่าเบื่อได้อย่างยอดเยี่ยม
จนกระทั่งกลับถึงหอ มีไอ้ฉางนั่งกระดิกหางรอไปกินข้าวเย็นด้วยกันตามที่นัดไว้ ร้านอาหารที่เลือกไม่ใช่ที่ไหนไกล นอกจากร้านข้าวแถวปากซอยที่ประหยัดและอร่อย ไม่ต้องออกไปไหนไกลด้วย ไอ้ฉางเองก็ไม่มีปัญหาอะไร มันเอาแต่กินไปจ้องหน้าผมไปเหมือนทุกที
กลับขึ้นห้องอีกครั้ง ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไป อ่านหนังสือการ์ตูนฆ่าเวลาบ้าง ส่วนไอ้ฉางก็จมอยู่ในแล็ปท็อป นั่งทำงานยิกๆ ของมันตามปกติ พอถึงเวลาเข้านอน ผมก็เข้านอนตามปกติ
จะมีเรื่องตกใจของวันก่อนเข้านอนก็คือไอ้ฉางบอกกับผมว่าเอาเรื่องของเราไปบอกพ่อแม่แล้ว
“หา”
“อื้ม บอกไปแล้วนะว่าคบกับข้าวอยู่”
“แล้ว...เอ่อ...เขาว่าอะไรไหม”
“ไม่รู้สิ ผมแค่บอก ไม่ได้ต้องการความเห็น”
จบเพียงแค่นั้น ไอ้ฉางไม่มีอะไรจะเล่าต่อเพราะเหตุการณ์มีแค่นั้นจริงๆ ตอนที่มันกลับไปเอาแมวฉางก็เจอกับแม่พอดี แม่เลยถามว่ามีแฟนรึเปล่า เห็นช่วงนี้มันติดนอนข้างนอก มันเลยบอกไปว่าคบกับผมที่เป็นผู้ชายอยู่ พร้อมเอาแมวออกบ้านไปแล้วก็จบ...
เมื่อมันไม่มีอะไรจะพูดต่อผมก็ไม่บังคับ ทำตัวเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยของผมต่อไป คิดว่าแม่มันรู้แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาก็ช่วยให้สบายใจขึ้นนิดหน่อย...ล่ะมั้ง
มันมีอะไรผิดพลาดไปตรงไหนหรือ...ชีวิตประจำวันตามปกติของผมถูกไอ้ฉางทำให้บิดเบี้ยวตอนไหน
กว่าจะรู้ตัวก็ตอนสะลึมสะลือใกล้หลับ สัมผัสได้ถึงฝ่ามือของอีกฝ่ายที่จากตอนแรกแค่กอดก่าย แต่กลับค่อยๆ ลูบเข้าสาบเสื้อ เมื่อไม่ได้ออกเสียงห้ามมันก็ยิ่งได้ใจ ลูบวนเล่นกับยอดอก บีบเค้นส่วนสะโพก ครั้นจะร้องห้ามกลับไม่ทันการเสียแล้ว เมื่อมันก้มลงมาประกบปากรู้ทัน
มีสติอีกทีก็ตอนที่อารมณ์ก็เตลิดไปไกลแล้ว…
มันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไงกันนะ
“ฉาง!”
ผมร้องลั่น เมื่อส่วนอ่อนไหวรับรู้ได้ถึงสัมผัสประหลาด แม้จะเคยมั่นใจว่าตัวเองเจนจัดพอสมควรจนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับช่วงล่าง แต่พออีกฝ่ายเป็นไอ้ฉาง ผมเขินอายไปหมดเหมือนสาวน้อยเพิ่งริรัก อันที่จริง ผมตกใจมากกว่า...มันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนและผมไม่คิดว่ามันจะกล้าทำ
ผมพยายามผงกหัวมาดูว่าสัมผัสประหลาดกับสิ่งที่คิดเป็นจริงไหม และก็ได้คำตอบ...เมื่อเห็นสายตาเจ้าเล่ห์เหลือบขึ้นมาสบตาผมอย่างรู้ทัน เจ้าตัวแทรกใบหน้าอยู่ระหว่างขาผมอย่างน่าอาย แลบลิ้นเลียส่วนปลายอย่างหยอกล้อ ก่อนก้มกดริมฝีปากลงไปครอบครองมันเต็มโพรงปาก
สองมือของตัวเองพยายามไล่จับเส้นผมสีดำสนิท หมายจะดันให้ออก แต่อีกครั้งที่ผมหลงไปกับสัมผัสมัวเมาที่มันมอบให้ นิ้วมือทั้งสิบแปรเป็นจิกลงเส้นผมดำหวังคลายอารมณ์
น่าอาย...น่าอายเป็นบ้า...
ไม่ใช่ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ แต่เพราะไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน...ความร้อนรุ่มจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้นี่คืออะไร ผ่านหญิงมาหลายมือ ไม่เคยมีใครทำให้ผมสติแตกได้เท่ามันเลยสักครั้ง
ผมบิดตัว เชิดหน้าขึ้นพร้อมแอ่นสะโพกตอบรับสัมผัสที่ฉางปรนเปรอมอบให้ ริมฝีปากมันที่ดูดเลีย ชโลมแก่นกายจนเปียกแฉะ ทั้งน้ำลายทั้งน้ำอะไรๆ ปนกันมั่วอยู่อย่างนั้น มันไม่ยอมหยุด ละเลงปลายลิ้นเล่นกับส่วนปลาย เสียงลิ้นกระทบผิวเนื้อสลับกับเสียงหอบกระเส่าของตัวเองดังครอบครองห้องนอน
สองมือเปลี่ยนเป็นจิกผ้าปูแทน อีกมือปิดใบหน้าที่ร้อนเห่อของตัวเอง ยังคงแอ่นสะโพกเด้งรับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างควบคุมไม่ได้ ปลายนิ้วเท้าจิกลงเข้ากับเตียงนุ่ม อารมณ์กระสันทวีคูณยิ่งขึ้น จวบจนปลดปล่อยน้ำกามออกมาในที่สุด
หัวผมมึนตึ๊บ คล้ายกับมีแสงสปอร์ตไลท์ส่องวาบกลางหัว ภาพปรากฏเป็นสีขาวโพลน ก่อนอารมณ์จะสงบ... ผมนอนครางหอบเป็นผักอยู่ใต้ร่างมัน
เมื่อคิดว่าสิ้นสุดกิจกรรมกามๆ แล้วจึงพลิกตัวหนีสายตาที่จดจ้องคล้ายจะแผดเผาให้ตายทั้งเป็นของมัน แต่ไอ้ฉางกลับไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น เมื่อมันพลิกตัวผมกลับมาบรรจงมอบจูบรสเดิมให้อีกครั้ง...
ก่อนปลุกอารมณ์ให้เตลิดขึ้นมาใหม่อย่างง่ายดาย
“ฉาง...”
ผมร้องขัด ส่งเสียงอ้อนวอน คล้ายเป็นเด็กอ่อนเพิ่งหัดทำรัก ใช่ว่าจะไม่เคยทำกิจกรรมเข้าจังหวะแบบนี้กับใคร แต่เพราะกับคนอย่างฉาง...เจ้าของอารมณ์ผมที่สูงกว่าทุกคนที่ผ่านมารวมกัน ทำให้ผมเหนื่อยล้าหมดแรงเสียแล้ว
“ข้าว”
มันร้องชื่อผมกลับ ส่งเสียงหงอยคล้ายอ้อนวอน ไม่รอให้ผมคิดคำตอบ มันก้มจูบปิดปากราวกับไม่ต้องการได้ยินคำพูดใดจากปากผม ร่ายคำสาปทำให้ผมกลายเป็นใบ้อย่างช้าๆ อีกครั้ง
อารมณ์ที่ยังไม่สงบดีถูกปลุกปั่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมปล่อยให้มันไล่ขบชิมเนื้อตามซอกคอหรือแผงอก หลับตาบิดตัวเร่า ราวกับยอมจำนนในรสสัมผัส ฉางกัดผมจนเกิดรอยก่อนมันจะแลบลิ้นเลียคล้ายกับจะเลียแผลให้เพื่อขอโทษที่ทำให้เจ็บตัวอย่างนั้น มันทำเช่นนี้กับทุกที่ที่มันลงฟัน
“เป็นหมา...หรือไง”
ผมรวบรวมสติ หอบเอาแรงที่เหลืออยู่กลั่นออกมาเป็นคำพูดแซะถาม แต่กลับไม่ได้ยินเสียงใดเอ่ยกลับมา คนบนร่างทำเพียงขยับตัวเข้ามาจูบลงที่แก้มผมเป็นคำตอบ
คำตอบที่ไม่ได้ทำให้รู้ความหมายอยู่ดี
จนต้องสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงส่วนร้อนที่กลางลำตัวของอีกคน...ไอร้อนที่แผ่เข้ามา ไอร้อนที่ไม่ใช่ของผม...ผมขยับสะโพกหนีเมื่อรู้ว่าส่วนที่แนบกับส่วนอ่อนไหวผมคืออะไร...
ที่ผ่านมา...ไม่เคยมีครั้งไหนที่มันแสดงออกมาอย่างนี้... มีแค่ผมที่ถูกมันทำให้เสร็จ เรื่องราวหลังจากนั้น...ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่ามันจัดการกับตัวเองอย่างไร ไม่เคยรู้ว่ามัน...ต้องอดทนขนาดไหน
เทียบจากความร้อนและความแข็งขืนจากส่วนนั้นแล้ว...คิดว่าต้องทรมานมากแน่ๆ
ผมรวบรวมเรี่ยวแรง จับไหล่ไอ้ฉางก่อนพลิกตัวผลักมันมานอนลง เป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน หมาตัวโตทำหน้าไม่เข้าใจ ผมยกยิ้มให้ก่อนเป็นฝ่ายประกบจูบมันบ้าง คราวนี้สองมือของตัวเองไม่ได้ใช้เพื่อระบายแรงอารมณ์เหมือนที่ผ่านมาแล้ว ผมไล่มือตัวเองลูบหน้าท้องแข็ง ไล่ลงจนถึงขอบกางเกงนอน กระตุกลงเบาๆ เพื่อให้ส่วนลับของมันได้เผยออก
“ข้าว...”
เสียงฉางหอบหนัก แค่คำเดียวมันยังพูดให้ไหลลื่นไม่ได้เลย...ผมเลื่อนมือมากุมของมัน ทะนุถนอมราวกับแก้วเปราะบางใกล้จะแตกสลาย ขยับรูดรั้งขึ้นลงเบาๆ สีหน้าหมาฉางนอนหอบอยู่ใต้ร่างผมทำให้ชอบใจมากกว่าเดิม เพิ่มจังหวะเร่งเร้า กลั่นแกล้งมันมากขึ้น
จนกระทั่งคนใต้ร่างคล้ายจะทนไม่ไหว ขยับตัวลุกขึ้นผลักให้ผมจมลงกับเตียงอีกครั้ง เสียงหอบดังขึ้นราวกับสัตว์ร้ายหิวกระหาย ครานี้ ผมดิ้นไม่หลุดแล้วเมื่อมือใหญ่กดไหล่ผมไว้แน่นเสียจนขยับแทบไม่ได้
ฉางกระตุกกางเกงของผมที่กองอยู่ตรงส่วนแข้งออก ถลกเสื้อผมที่สวมอยู่อย่างค้างๆ คาๆ ทิ้งไป เมื่อไร้อาภรณ์ปิดบังทั้งตัว ผมพยายามบิดตัวหนีอย่างอับอายเรือนร่าง ไม่คิดว่าจะต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายด้วยกัน...
เสียแต่คนบนร่างไม่ให้ทำเช่นนั้น เมื่อมันพยายามกักขังไม่ให้ผมขยับไปไหน สายตาจ้องผมไปทุกสัดส่วนจนแทบจะระเหิด ราวกับโดนแผดเผาให้ตายทีละนิด ไม่รอช้า มันเคลื่อนตัวมานาบกับตัวผม ส่วนกลางลำตัวสัมผัสถูไถกันอย่างน่าอาย หน้าผมขึ้นสีในการกระทำของมัน พยายามถดตัวหนีทว่าไร้ผล
มือหยาบเลื่อนมากุมส่วนอ่อนไหวรวบเข้าไว้ด้วยกัน ออกแรงขยับก่อนผมจะส่งเสียงร้องประหลาดออกมา น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้งเพราะแรงอารมณ์ที่ไม่เคยได้รับ ประหลาดจนทนแทบไม่ไหว
ยังไม่ได้ไปจนสุดปลายทาง ไอ้ฉางปล่อยมือจากส่วนลับออก ขยับตัวเอื้อมไปหยิบอะไรสักอย่างก่อนลากนิ้ววนไปที่บั้นท้าย บีบเค้นเนื้อจนคิดว่าน่าจะขึ้นสีอีกครั้ง ก่อนพยายามสอดนิ้วที่เปียกแฉะเข้าไปในช่องทางลับ
“ฉาง!”
ผมสะดุ้งสุดตัว เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง จับไหล่มันแน่น พยายามไม่ให้มันรุกล้ำไปมากกว่านี้
“ไม่ได้เหรอ...”
“มัน...”
“ข้าวไม่อยากเหรอ...”
“มัน...ไม่ใช่” มาถึงขนาดนี้แล้วจะบอกว่าไม่อยากก็คงจะเป็นการโกหกกันเกินไป เพียงแค่...
“มึง...ทำเป็นหรือไง”
“แล้วข้าวทำเป็นเหรอ”
“อย่างน้อยก็เคย...กับผู้หญิง”
“แล้วรู้ไหมว่าผู้ชายเขาทำกันยังไง”
“ก็...พอรู้...”
“แต่ไม่ได้ศึกษามาใช่ไหมล่ะ...ไม่ต้องห่วงนะ ผมศึกษามาหมดแล้ว”
เดี๋ยว!
ผมเบิกตากว้างในคำตอบของมัน คำพูดไม่ถูกส่งออกมาเป็นเสียงเมื่อปลายนิ้วที่ค้างอยู่ในช่องทางขยับรุกล้ำเข้ามามากขึ้น จากเสียงร้องห้ามกลายเป็นเสียงครางอื้ออึงแทน
แล้วทำไม...ทำไมผมถึงเป็นฝ่ายถูกกระทำเล่า
ครั้นจะร้องทักท้วงในตำแหน่งของตัวเองกลับถูกทำให้ร้องออกมาไม่เป็นภาษาแทน นิ้วที่สองถูกส่งเข้ามา...หมุนวนอยู่ในตัวผมจนแทบคลั่ง สัมผัสประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนทำให้ผมทั้งกลัว ทั้งอึดอัดแต่ก็เสียวซ่านไปทั้งตัว
เจลหล่อลื่นที่คิดว่าไอ้ฉางเป็นคนหยิบมาเมื่อครู่กลิ้งอยู่ข้างเตียง ถึงจะสงสัยว่ามันไปเอามาจากไหน ไปซ่อนไว้เมื่อไหร่ แต่อารมณ์ตอนนี้กลับไม่โฟกัสเรื่องราวภายนอก มีเพียงแต่สัมผัสประหลาดอันสุขสมจากช่วงล่างอย่างเดียว
ผมแอ่นสะโพกอย่างไม่ได้ตั้งใจ บิดตัวเร่า ความเสียวแปลบแล่นไปทั่วร่าง ลงเล็บจิกแขนคนกระทำ ปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลัง ขูดจนเกิดรอยแดงฝากไว้
จนกระทั่งมันจ่อส่วนนั้นเข้ากับช่องทางลับ ผมดิ้นขัดขืนทว่าไร้ผลเมื่อไอ้ฉางกดไหล่ผมยึดกับเตียงไว้แน่นด้วยกำลังแขนเพียงข้างเดียว
“ฉาง...ไม่เอา...”
เมื่อมันสอดส่วนปลายเข้ามาได้ ผมกรีดร้องไม่เป็นภาษา สะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นมากอดมันแน่น น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้
“ฉาง...เจ็บ...ไม่เอา...มันเจ็บ...”
ผมร้องอ้อนวอน เมื่อสัมผัสประหลาดไม่ทำให้สุขสมเหมือนที่ผ่านมา แท่งเนื้อขนาดใหญ่สอดเข้ามาอย่างค้างๆ คาๆ อยู่ในตัวผม เจ็บจนเหมือนร่างกายแทบจะแยกออกจากกัน สะอื้นกอดมันตัวโยน รู้ทั้งรู้ว่าอารมณ์มันพามาถึงจุดนี้แล้ว ทั้งผมทั้งมันก็เป็นขนาดนี้ คงยากที่จะร้องขอให้หยุด
“เจ็บมากมั้ยข้าว”
“เจ็บ...ฮึก” ผมร้องอีกครั้ง กอดมันแทนคำอ้อนวอน ซบหน้าตัวเองเข้ากับไหล่ของมัน ใช้ผิวเนื้อไอ้ฉางเป็นที่ซับน้ำตา แค่คิดว่าคงต้องทนเจ็บไปจนสุดทางก็กลัวจนทนไม่ไหว ทั้งความเจ็บความกลัวกับสัมผัสประหลาดกลั่นตัวออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างยั้งไม่อยู่ สะอึกสะอื้นเบาๆ ในอ้อมกอดของมันอย่างหมดเรี่ยวแรง ถ้าไอ้ฉางคิดจะทำต่อ ผมคงไม่มีแรงห้าม แม้ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ผมอาจจะรู้สึกดีกว่าที่คิด
เพียงแต่กลัว กลัวกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวมาก่อน หวาดกลัวเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับเป็นของจริง กลัวจนไม่กล้าฝืนให้ตัวเองทำต่อ กลัวเหลือเกิน
อย่างไม่ทันคาดคิดส่วนแข็งที่ค้างๆ คาๆ อยู่ในตัวผมกลับถอนตัวออก
ความอึดอัดได้หายไปแล้ว...
“...” ผมมองหน้ามันน้ำตานอง มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏ
“ขอโทษ...ฮึก...ขอโทษนะ”
ร้องบอกมัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉางเองก็คงทนแทบไม่ไหว ถึงอย่างนั้นมันกลับทำตามคำอ้อนวอนของผมที่เป็นไอ้ขี้ขลาดเห็นแก่ตัว หัวใจผมปวดหนึบเหมือนถูกบีบ เสียใจที่ตัวเองไม่เข้มแข็งพอจะตอบรับความรู้สึกนั้นได้
“ขอโทษ...”
“ชู่ว ไม่ร้องนะข้าว”
น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างหู สองแขนที่โอบรอบผมไว้ขยับไปเลื่อนกุมส่วนลับ รวบมันไว้ด้วยกันอีกครั้ง ขยับรูดขึ้นลงจนปลดปล่อยออกมาพร้อมกันทั้งคู่
ผมหอบหายใจอย่างหนัก ทั้งแรงสะอื้น ทั้งเหนื่อยจากแรงกามารมณ์ ในหัวสบสนวุ่นวาย จวบจนได้รับสัมผัสจากริมฝีปากอีกฝ่าย จูบเบาๆ กดย้ำราวกับกำลังปลอบประโยน ไล่จากริมฝีปากไปจมูก และหน้าผาก อ่อนโยนเสียจนน้ำตารื้นออกมา
ฝ่ามือหยาบลูบไหล่ผมเบาๆ สัมผัสนิ่มนวลไปทั้งหมดกำลังทำให้ผมเคลิ้มฝัน...เสียจนหลับไป...
XX
ผมไม่เล่า ผมจะไม่เล่าว่าข้าวน่ากินขนาดไหน ใบหน้าข้าว ร่างกายข้าว หัวใจข้าวที่ปรากฏผ่านสายตาผมควรเป็นแค่ของผมคนเดียว...
ผมรู้...ผมไม่ชำนาญ ที่ผ่านมาเองก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้กับใคร ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักเรื่องแบบนี้ แต่ไม่เคยมีใครสักคนที่ผมอยากทำเรื่องอย่างว่าด้วย
ข้าวเป็นคนแรก
ผมรู้...ผมอาจจะห่วยแตก แต่ไม่เป็นไร ครั้งนี้ไม่ได้ครั้งหน้ายังมี
ใบหน้าข้าวที่เปื้อนน้ำตาเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบที่สุดนี่นา ผมจะปล่อยให้ข้าวร้องไห้แล้วให้ตัวเองมีความสุขอยู่คนเดียวได้ยังไง
เมื่อปลอบจนข้าวหลับไปแล้ว ผมจัดการตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว คว้าตัวข้าวมากอด นอนดมกลิ่นแป้งจางๆ และกลิ่นของข้าวแทนกำยานธูปหอม คล้ายว่าคืนนี้คงหลับฝันดี
.
“ข้าว”
“อะไร”
ผมพยายามไม่คิดเรื่องเมื่อคืน แสร้งทำใบหน้าเคร่งเครียดก้มหน้าก้มตากลบเกลื่อนความเขินที่ปิดยังไงก็ไม่มิดนี้ จนคนต้นเสียงเงียบนานผิดปกติ ผมถึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับมัน
“มีอะไรไอ้เขียน”
วิชาต่อไปงดคาบกะทันหันทำให้ผมมานั่งเตร่กับเพื่อนๆ ใต้โถงคณะ เพียงเพราะไม่รู้จะไปไหน ทั้งยังต้องรอเรียนวิชาถัดไปจึงได้แต่นั่งฆ่าเวลาโง่ๆ
ไอ้เขียนลุกขึ้นยืนกลางโถงคณะ คว้าแขนผมก่อนออกแรงฉุด “มากับกู”
ผมปล่อยให้มันลาก พยายามเอ่ยถามเรื่องราว ไอ้เขียนไม่ตอบ จนกระทั่งมาสู่ที่ลับตาคน เมื่อคนตรงหน้าหันหน้ามา ผมถึงได้เห็นสีหน้าโกรธจัดของเพื่อนสนิท พร้อมกับเสียงดังตวาดขึ้นมา
“ตอบกูมา...มึงกับไอ้ฉางคบกันอยู่ใช่ไหม!”
สิ้นประโยค หัวใจผมราวกับถูกกระชากลงเหว
♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦
ระทึกกันมั้ย...ในหลายๆ ควาหมาย...