เด็กหนุ่มนั่งจ้องรูปภาพในจออุปกรณ์ทันสมัย ขณะที่เขานั่งทำวิทยานิพนธ์ในการจบปริญญาโท
ในภาพนั้นเป็นภาพที่มีทุ่งหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตา ในภาพเป็นช่วงเวลาที่แสงกำลังพอดี มีสายลมพัดเอาเศษหญ้าลอยละลิ่ว จุดเด่นของภาพคือ...'หิน' มันเป็นหินที่ตั้งเป็นวงกลมราวกับว่ามีคนไปตั้งมันไว้ แต่นั่นก็คือพิศวงของสถานที่แห่งนั้น ที่ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดมีเพียงทฤษฎีและสันนิษฐานเพียงเท่านั้น
ในการทำวิทยาพนธ์ให้จบปริญญาโทสำหรับเด็กหนุ่มวัย16 มันช่างฟังดูโหดร้ายและยากเข็ญ แต่สำหรับเขามันช้างดูง่ายดายราวกับกับบ้านที่ต้องค่อยๆคิด ค่อยๆทำ การบ้านจะได้เสร็จสมบูรณ์
เขาละสายตาจากงานที่ทำอยู่มาเปิดดูรูปภาพที่พ่อเขาส่งมาให้ดู มันช่างดูมีเรื่องราว มีชีวิตชีวา...
'อยากไป...' เขาอยากลองไปสักครั้ง ไปพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเอง
ู
เขายอมรับว่าบางครั้งก็รู้สึกอุดอู้ที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน ถึงแม้พื้นที่จะมากมายและมีทุกอย่างครบครันแต่เขาก็เบื่ออยู่ดีเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมันทำคนเดียวไม่ได้
'เพื่อน' เขาอยากมีเพื่อน แต่เพราะการเรียนแบบHome school จึงทำให้เขาไม่มีเพื่อนเลยสักคน ถ้าไม่นับเพื่อนในโลกออนไลน์ เขาเรียนที่บ้านแบบนี้นานจนชินแล้ว ทั้งที่เขานึกว่าจะได้ไปเรียนปริญญาตรีข้างนอกเหมือนคนอื่นๆแต่เพราะเชาเด็กเกินไปจึงต้องเรียนแบบนี้จวบจนเราจะจบปริญญาโทอยู่แล้ว แต่เขาก็ดีใจที่ทราบว่าคุณพ่อจะให้เขาไปเรียนปริญญาเอกที่อังกฤษ
เด็กหนุ่มตัดสินใจวางงานที่ทำลงและเก็บอย่างเป็นระเบียบ งานสำหรับวันนี้พอแล้วล่ะ เขาเข้าไปในโปรแกรมแชทที่ไม่ค่อยจะมีคนนิยมเล่นกันนัก แต่เขาเป็นคนส่วนน้อยที่ยังใช้งานอยู่ เหตุผลคงเพราะมีใครบางคนที่เขาอยากคุยด้วย
ตื้อดึง!
'Hi' เสียงเตือนข้อความดังขึ้น มีข้อความทักมา
'Hi How's everything goin'? ' เด็กหนุ่มทักกลับไปดั่งเฉกเช่นทุกครั้ง
'Can I use video call?'ชายหนุ่มถามเขา ซึ่งเด็กหนุ่มไม่คิดจะปฏิเสธ
'Absolutely yes'
พอข้อความถูกส่งไปก็มีแจ้งเตือนขอเปิดกล้อง เด็กหนุ่มจึงกด
'ตกลง'ทันใดนั้นก็พบกับชายรูปร่างกำยำ หน้าตาหล่อเหลาที่บ่งบอกถึงความเป็นคอเคซอยด์ได้เป็นอย่างดี ผมสีบลอนด์อ่อน ดวงตาสีฟ้าปนเขียวปนเทานั่น เขาคุ้นมันดี
'เป็นยังไงบ้างโมนิกา?'ชายหนุ่มในจอทักเขาแบบปกติ 'โมนิกา' คือชื่อที่ชายหนุ่มตั้งให้เหตุผลที่ว่าสตางค์มันเรียกอยากและสตางค์คือเงินและอักษรตัวแรกคือตัวเอ็ม ตอนที่ฟังครั้งแรกเด็กหนุ่มก็ส่ายหัวให้กับตรรกะแปลกๆ
'ก็เหมือนเดิมครับนิก'เด็กหนุ่มตอบอย่างสบายๆ
'หรอ....งั้นวันนี้เป็นไงบ้างล่ะ?'
'เอาจริงๆก็ไม่ค่อยโอเครับนิก'
'ทำไมล่ะ?'
'มันอุดอู้นิดหน่อย'
'งั้นโมนาก็ออกไปเที่ยวสิ'
'นิกก็รูว่าทำไมผมไม่อยากไป' ใช่ เขาไม่อยากไป ไปก็ไปคนเดียว เพื่อนก็ไม่มี
'อืมม นั่นสินะ'
'นิก อีกไม่กี่เดือนผมจะจบป.โทแล้วล่ะ'
'หรอ...เก่งจังนะ ตัวแค่นี้ ตอนฉันอายุเท่านายฉันยังเป็นเด็กบ้าบอในไฮสกูลอยู่เลย'
'ช่วยไม่ได้ครับ ผมมันเก่ง'เด็กหนุ่มว่าพลางยักคิ้วกวนไป
'ครับๆ โมนาเก่งมาก'
'นิก ผมจะไปต่อป.เอกที่อังกฤษล่ะ ผมจะได้เจอคุณแล้วนะ'เด็กหนุ่มบอกพลางยิ้มอย่างดีใจ
'หรอ ฉันดีใจนะ แต่นายไม่คิดจะพักบ้างหรอ ฟังดูเครียดแย่'
'ผมอยากทำน่ะ คุณพ่อก็โอเค'
แล้วหลังจากนั้นการพูดคุยก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาใช้เวลาพูดคุยกันนานพอสมควรไม่ว่าจะถามไถ่ถึงเรื่องราวในชีวิต การเรียน รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ในการทำวิทยานิพนธ์ ใครจะเชื่อว่าชายหนุ่มอย่างเขาจะมาถามเรื่องการเรียนกับเด็กอายุ16 แต่เด็กคนนี้ทำให้เขาทึ่งมาแล้ว ใครจะคิดว่าการที่เขาค้นหาชื่อผิดในวันนั้น แถมยังส่งข้อความไปให้คนผิด จะทำให้ชายหนุ่มรู้จักกับเด็กหนุ่มที่แสนมหัสจรรย์คนนี้
มื้อเย็นของวันนี้พี่น้องนั่งทานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อม ขาดก็แต่พ่อและแม่ที่ไปเที่ยว
"ตางค์ ทำธีสิสเป็นไงบ้าง" เต็งหนึ่งถามขึ้นขณะทานข้าวกันอยู่
"ก็เรื่อยๆครับพี่เต็ม เหลืออีกสักสามสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะเสร็จ"
"หรอ ดีแล้วล่ะ แต่อย่าไปฝืนนะ ปล่อยไปบ้างก็ได้พี่ไม่อยากให้น้องเครียด"
"ครับพี่เต็ง" เด็กหนุ่มว่าพลางทานข้าวต่ออย่างเงียบๆ
"เอ่อ ตางค์ แล้วที่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะ คิดดีแล้วหรอ"ต้องตาถามขึ้นมาบ้าง
"ครับพี่ต้อง ตางค์อยากไป ตางค์มีที่ๆอยากไป"เด็กหนุ่มว่าพลางนั่งคิดถึงสถานที่แห่งนั้น
"หรอ งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆนะ พวกพี่เป็นห่วง"
"ครับ ตางค์คิดว่าน่าจะไปอยู่สัก4-5ปี กะว่าเรียนเสร็จก็จะไปเที่ยวต่อ"
"กูอิ่มแล้ว ขึ้นห้องก่อนนะ"ไอติมโพล่งขึ้นมา แล้วเดินขึ้นบันไดอย่างไม่สนใจน้องชายตัวเล็กของเขาเลยแม้แต่น้อย
"เฮ้ออ" ชายหนุ่มสองคนลอบถอนหายใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ่คนเย็นชานะ มันกำลังเสียใจที่น้องจะไม่อยู่บ้านแต่ดันเป็นคนปากแข็ง
"ไอ่ติมมันห่วงเรามากนะตางค์ อย่าคิดมาก"เต็งหนึ่งไม่อยากให้น้องเขาคิดมาก
"ครับ พี่เต็ง"เสียงที่ตอบมาอย่างหงอยๆก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเด็กน้อยกำลังใจเสีย
ในทุกๆวันยังเป็นไปอย่างปกติ เริ่มจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า วิ่งออกกำลังกายนิดหน่อย ขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ทานอาหารเช้าพร้อมกับพี่ๆ พอสายๆก็ทำกิจกรรมที่เวียนไปเรื่อยๆตามที่นมผินจัดตารางให้ ทานอาหารกลางวัน ตอนบ่ายทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งบางวันเขาก็คุยกับนิก พอเกือบเย็นๆเขาก็ไปเล่นกีฬาสักหน่อย กลับบ้านมาอานน้ำ ช่วยนมผินและสาวใช้ทำอาหารเย็น แล้วทานอาหารเย็นพร้อมๆกันมีเรื่องยกมาคุยกันบ้าง แล้วเขาก็อาจจะดูทีวีนิดหน่อยหรืออ่านหนังสือ แล้วนอน แล้วก็ตื่นในตอนเช้า
ชีวิตเขาวนเป็นลูปแบบนี้เรื่อยๆจนวันที่เขาทำวิทยาพนธ์เสร็จ...
"เย่!!! นมผินครัน ตางค์เสร็จแล้ว" เด็กหนุ่มตะโกนอย่างดีใจ พร้อมกันเอนตัวลงนอนกับโซฟาตัวยาว
"หรอค่ะ ดีจัง งั้นวันนี้นมจัดฉลองดีกว่า"นมผินวิ่งมาหา แล้วพูดอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งกลับไปในครัวแล้วสั่งสาวใช้ในบ้านไปซื้อของสดในตลาดมาจัดเลี้ยง
"นมครัย ตางค์อยากทานเมี่ยงทรงเครื่องอ่ะ"ว่าพลางอ้อนซะขนาดนี้มีหรือนมผินจะไม่ทำตาม
"ค่ะ คุณหนูของนม คุณหนูวันนี้ต้องไปว่ายน้ำนะคะ ไปว่ายน้ำก่อนแล้วค่อยมาอาบน้ำแล้วฉลองกัน"
"คร้าบบบบบ" นมผินมองตามอย่างมีความสุขคุณหนูคนเล็กของเขาเติบโตขึ้นอีกหน่อยแล้ว
จริงๆแล้วนมผินไม่ใช่คนไม่มีความรู้หรอก นมผินเป็นคนฉลาดเคยเรียนที่ต่างประเทศด้วยมีความสามารถมากมาย แต่เพราะบุญคุณของคุณปู่ของพวกเขาที่ส่งเสียลูกพนังงานเขาเลยมาเป็นแม่นมให้คุณหนูของเขาตั้งแต่คุณหนึ่ง ไอติม ต้องตา จนสตางค์ ผ่านการเลี้ยงของเขามาทั้งหมด เพราะคุณหญิงไม่มีน้ำนมพอที่จะเลี้ยง แต่นมผินก็ยินดี เขารักคุณหนูของเขาทุกคน เขาภูมิใจที่เขาเป็นส่วนหนึ่งในการปั้นเด็กตัวน้อยๆให้เป็นคนดี
เด็กหนุ่มว่ายน้ำในสระอย่างคล่องแคล่ว และสง่างามจนสาวใช้อดจะชื่นชมไม่ได้ จนเขาขึ้นมาสาวใช้เลยยื่นชุดคุมให้ ถึงจะออกกำลังกายบ่อยแต่เขาก็ไม่มีกล้ามเนื้อที่ควรจะมี แต่ร่างกายเขากลับมีส่วนเว้าส่วนโค้งราวกับอิสตรี เด็กหนุ่มเลือกจะนั่งพักตรงเก้าอี้เอนนอนตรงข้างสระ นอนหลับตาปล่อยใจไปกับรอบกาย
.
.
.
.
.
เขาตื่นขึ้นมาท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจี มีลมพัดโชยมาเอือยๆทำให้เขารู้สึกดี มีนกและสัตว์ตัวเล็กๆวิ่งอยู่รอบๆตัวเขา เขาปล่อยตัวปล่อยใจไปกัยทุกสิ่งเอนตัวลงนอนกับพื่นหญ้าอีกครั้ง นอนมองท้องฟ้าที่วันนี้ที่วันนี้เป็นใจ ท้องฟ้าเปิดโล่งมีเมฆบ้างเล็กน้อยทำให้รู้สึกดี เขานอนคิดเพลินๆถึงทุกสิ่งที่เกิดกับเขา
เขาเก่งเกินเด็กวัยเดียวกันไปมากโข
เขาเหงา ไม่มีเพื่อน
พี่ๆทุกคนต้องทำงานต่อจากคุณพ่อจนไม่มีเวลาให้เขาเหมือนเมื่อก่อน
พ่อและแม่ของเขารักกันดีอย่างกับคู่ข้าวใหม่ปลามัน
พี่ๆเป็นห่วงและรักเขาเสมอ
เขามีนมผินที่เขารักเหมือนแม่คนที่สอง
แต่...พี่ติมยังคงเย็นชากับเขา
เขารู้สึกเสียใจบ้างยามนุกถึงพี่ติมที่ไม่ค่อยจะเล่นกับเขา ตั้งแต่เด็กๆคนที่เล่นกับเขาจะมีก็เพียงแต่พี่เต็งกับพี่ต้อง แต่พี่ติมกลับไม่เคยเล่นกับเขาเลย พี่ๆเขานั้นห่างกันเพียงหัวปีท้ายปี แต่เขาดันห่างจากพี่ๆเกือบหนึ่งรอบจึงทำให้ทุกคนโอ้โลมเลี้ยงเขาราวไข่ในหินมาแต่เด็ก พี่ๆทุกคนหวงและห่วงเขามากหน้าตาเขาไม่เหมือนทั้งพ่อและแม่แต่ดันเหมือนคุณย่ากับคุณยายผสมกันอย่างละนิดละหน่อยจนคุณย่าและคุณยายเขาเห่อเขามากมาแต่เด็ก เขาถูกเอาใจมาแต่เด็กแต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาเป็นคนเอาแต่ใจแต่อย่างใด กลับกันเขากลับเป็นคนที่มีเหตุผล เก่ง ฉลาด จนกลายเป็นเด็กอัจฉริยะ
ในชีวิตเขาไม่มีอะไรที่อย่างได้แต่ไม่ได้ ได้ทั้งความรัก และสิ่งของ จนเขาต้องขอบคุณพระเจ้าทุกวันที่ทำให้เขามีความสุขจนอยากจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง
เขานอนคิดเพลินๆบนทุ่งกว้าง จนสดุ้งกับหยดน้ำที่ตกจากฟ้า เขาลองแตะมันดู จากนั้นมันเริ่มตกมามาหเรื่อยๆจนกลายเป็นฝน ทันใดนั้นจากท้องฟ้าที่สว่างก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดมิด ฟ้าผ่าฟ้าร้องอย่างรุนแรง
เปรี้ยงง!!!!
เด็กหนุ่มจึงรีบวิ่งหาที่หลบฝนไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ารอบๆตัวนั้นเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด จากป่าธรรมดาเริ่มมีหนาม เถาวัลย์ และสัตว์มีพิษ แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัว ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ จน...
'หน้าผา'เขาจึงหันหลังกลับแต่ว่าทางที่วิ่งมามันได้หายไป
'ที่นี่ที่ไหน?''...มืดจัง...''...ใครก็ได้ช่วยด้วย...' เสียงที่เปล่งออกไปนั้นแทบไม่มีความหมายเลย
'ฮึก ฮึก ฮืออออ' เสียงใครน่ะ?
'ฮือออ ฮึกก อึก' อีกแล้ว
'ใครน่ะ!!?''...' เสียงหายไปแล้ว
หือออ?
เด็ก...งั้นหรอ?
ยิ้ม...ให้ใครน่ะ?
ยิ้ม...ให้ฉันหรอ?
อะไร...กล่องนี่ ให้ฉันหรอ?
ให้ฉันเปิดมันหรอ?
เห???? กำไลข้อเท้า ของใครหรอ?
ของเธอ? แล้วให้ฉันทำไม?
เอ๊ะ!? กระดาษนี่มัน......
'หนูขอมาอยู่ด้วยนะจ้ะ อย่าไล่หนูเลย...นะแม่'.
.
.
.
.
"คุ... คุณตา...คุณตางค์คะ"
"หือออออ ฮ้าวววว" นี่ฝันงั้นหรอ?
"เย็นแล้วค่ะ นมผินโทร.มาตามแล้วค่ะ"
"ขอโทษครับพี่แก้ว พอดีหลับเพลินไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ไปกันเถอะ"สาวใช้ที่แกกว่าเอ่ย พลางยิ้ม
"กี่โมงแล้วครับพี่แก้ว?"
"เกือบจะสี่โมงแล้วค่ะ"
"อื้อออออออ ครับ หลับไปเป็นชั่วโมงเลย"
"วันนี้อากาศดีน่ะค่ะ ขนาดพี่มาเฝ้ายังแอบหลับไปตั้งหลายงีบ" แล้วสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน แล้วเดินกลับบ้านหลังใหญ่
ขณะที่เด็กหนุ่มอาบน้ำอยู่ดีๆ สมองก็พลันคิดถึงความฝัน
'กำไลข้อเท้า ไหนจะ...กระดาษนั่นอีก?'เขาสบัดหัวไล่มันออกไป เขาคิดว่าคงจะเพ้อเจ้อไปเองคงทำวิทยานิพนธ์มากไป ก็เขาน่ะทำวิทยานิพนธ์เรื่อง...
'ความผิดปกติของโครโมโซมและการกลายพันธ์ของมนุษย์'เขาคงจดจ่ออยู่กับมันมากไป คิดแล้วก็ตลก จึงย้ายตัวเองไปหน้าตู้กระจก พลางเช็ดหัวแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ทุกอย่างก็เกือบเรียบร้อยเว้นแต่.....
กำไลข้อเท้าของเด็ก?มันวางอยู่หัวเตียงของเขา
...มาจากไหนกัน?...เขาไม่ได้คิดจะหาต้นตอจึงนำไปวางไว้ตรงกล่องเครื่องประดับตรงตู้กระจก แล้วลงไปทานข้าว
ปตตตตต...................................
มาต่อแย้วววววว รู้สึกชอบนิยายเรื่องนี้มากกกกกก 55555+
ไม่อยากจะบอกอะไรมาก อยากให้ทุกคนคิดเอาเองก่อน
ช่วยเม้นกันหน่อยน้าาาาา