Lesson 24
ผมตื่นขึ้นมาก็เห็นแสงแดดส่องเตียงแล้วแหละครับผมรู้สึกเบลอๆจนจำเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ค่อยได้แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน...ผมลึกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะปวดช่วงสะโพก กว่าจะนั่งได้น้ำตานี่ไหลเป็นสาย ผมมองไปที่ผู้ปูเตียงก็พบคราบเลือดสีแดง อยู่ๆผมก็น้ำตาไหลพราก ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จำทำกับผมแบบนี้และอยู่ๆเสียงประตูก็เปิดขึ้น
“ตื่นแล้วหรอ” เสียงของผู้ชายคนนั้น
“…” ผมนิ่งครับและไม่มองหน้ามันด้วย
“อ่ะนี่ กินข้าวซะจะได้กินยา ตัวรุมๆเดี๋ยวจะเป็นไข้” ผมชายตามองถ้วยข้าวต้มที่มันถือแล้วยื่นมาให้
“เพล้งงงงง” ผมปัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี
“เฮ้อ” มันถอนหายใจและออกจากห้องไป ผมตอนนี้ก้มมองดูร่างเปลือยเปล่าของตัวเองก็ยิ่งมีน้ำตาไหลมามากขึ้น เพราะตามร่างกายมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำซึ่งน่าจะเกิดจากเมื่อคืนที่ผ่านมานี่แหละ เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง ก็คนเดิมพร้อมกับข้าวต้มเหมือนเดิม
“กินหน่อยเถอะนะ จะได้กินยา” มันผู้เสร็จ ผมก็รับข้าวต้มที่มันยื่นมาไห้แล้วเขวี้ยงไปที่ประตูเต็มแรง
“เพล้งงงงง” แตกอีกแล้วครับเมื่อเห็นแบบนั้นมันก็มากระชากตัวผม ขยับตัวแต่ละทีผมนี่น้ำตาไหลเลยครับ ร้าวไปหมดทุกที่เลย
“มึงจะเอายังไง จะไม่ไหมข้าวเนี่ย หะ!!!!” มันตะคอกใส่ผมสุดเสียงเลยมั่งครับเพราะมันดังมาก
“…” ผมไม่ตอบและไม่มองหน้ามันด้วยซ้ำ
“หึ้ยยยย ได้ ในเมื่อมึงไม่แดกข้าว มึงก็แดกกูแทนละกัน” มันพูดจบผมก็สะดุ้งพยายาม ผละ หนีมันแต่ไม่พ้นครับร่างกายไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่ง
“อื้ออออ...” ผมดิ้นด้วยเท่าที่ตัวเองมีแรง มันจูบผมแล้วไหล้ลงมาที่คอ มันขบกัดคอผมเจ็บจนน้ำตาไหลพราก และเมื่อรู้สึกว่ามีนิ้วล่วงล้ำทางด้านหลังก็สะดุ้งสุดตัว
“ฮึก...ฮือ...อ๊ะ” ตอนนี้เจ็บมากครับเหมือนไปซ้ำรอยเก่าจากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม
“อึก...ยะ...อย่า..ทะ..ทำ นะ” ผมหายใจติดขัดเพราะความเจ็บปวดมันแล่นไปทั่วร่างกายของผมเรียบร้อยแล้ว
“กูพูด ดีๆ มึงไม่ฟังก็ต้องเจอแบบนี้” มันพูดจบ กาพร้อมกับแก่นกายของมันครับผมเจ็บปวดมากจนน้ำตาตอนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลเลย
“อ่ะ...ซี๊ดดดดด อ๊าาาาาาาา” เสียงคนข้างบนตัวผมครับ แต่ขอโทษทีเถอะ ผมไม่สามารถรับความเจ็บปวดได้มากกว่านี่แล้วครับรู้สึกว่าจอภาพของตัวเองเลือนลางทุกทีแล้วก็มืดลงในที่สุด
( Win Part )
ตอนนี้ผมรู้สึกแสบตามหลังตามตัวมากๆ เพราะฤทธิ์ของไอ้คนที่นอนอยู่ข้างๆผมที่ตอนนี้สลบไปแล้ว ผมไม่อยากทำแบบนี้เลยแต่ผมเห็นก็อดไม่ได้ สายตาที่ตัดพ้อ เย็นชาผมเห็นทีไรก็หวั่นใจทุกที นี่ก็ดึกแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะตื่นเลยและอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น
“ครับ”
“พี่วินใช่ไหมคะ”
“ว่าไงครับไมโล” ผมตอบ
“พี่วินรู้มั้ยเฟียร์ไปไหน โทรไปก็ไม่รับไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่อ่ะค่ะ” เอาแล้วสิ
“เอ่อ พี่ไม่รู้สิ เฟียร์เค้ากลับบ้านหรือเปล่า” ผมแถไปเรื่อย
“เออเนอะ เฟียร์ ทำอะไรชอบไม่บอกด้วย” ไมโลตอบกลับมา
“…”
“งั้นไมโลไม่กวนพี่ล่ะค่ะ แค่นี้นะคะ หวัดดีค่ะ”
“หวัดดีครับ” ผมวางสายเธอก็หันไปดูคงข้างๆ ผมอุ้มมันไปนอนที่โซฟาก่อนแล้วเปลี่ยนผ้าปูเตียงเพราะมันมีแต่กลิ่นคาว ของเราสองคนเมื่อเปลี่ยนผ้าปูเสร็จผมก็เช็ดตัวไห้เพราะรู้สึกว่าตัวจะรุมๆ อยู่น่ะครับ เมื่อเช็ดตัวเสร็จผมก็ล้มตัวนอนลงข้างๆมันนั้นแหละครับ วันนี้เหนื่อยใช้ได้เหมือนกัน
( Fear Part )
ผมลืมตาขึ้นได้ไม่เต็มที่เท่าไรนักเพราะรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งตัวผมมองดูไปรอบห้องก็พบกับนาฬิกาที่บอกเวลาตอนนี้คือ สิบโมงกว่าแล้ว ผมพยายามลุกจากเตียงแต่ ลุกได้ไม่ได้ครับความรู้สึกเหมือนมีคนเอารถสิบล้อมาทับตัวไว้ เสียงประตูห้องเปิดขึ้นผมไม่หันไปมองเลยด้วยซ้ำ
“ตื่นสักทีอ่ะนี่ ข้าวต้มกินซะ” มันยื่นถ้วยข้าวต้มมาไห้ผมครับ
“…”
“กินสิ หรือจะให้ป้อน”
“ออก...ไป” ผมพูดเสียงเบามากตอนนี้รู้สึกจุกที่อกและอยากร้องไห้มาก
“อะไรนะ” มันถามด้วยท่าทีสงสัย
“ออกไป” ผมพูดดังขึ้นนิดหน่อย แต่มันมึนครับมันเสือกมานั่งข้างผมซะงั้นอ่ะ
“บอกไห้ออกไปไง!!!” ผมตะคอกสุดเสียง ไม่ไหวแล้วครับน้ำตาไหลพรากเลยไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน
“เป็นอะไร หืม” มันถามผมครับแล้วหันจับผมหันหน้าไปมองหน้ามัน
“เพี้ยยยย” ผมตบหน้ามันไปหนึ่งทีแรงอยู่เหมือนกัน และจากนั้นผมคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ผมทั้งทุบทั้งผลักไห้มันไปไห้พ้น
“ฮืออออ ..... ออกไป... ฮึก...ฮือ..ปะ...ไป...ไห้พ้น...ฮือออ” ผมพูดชักไม่ร็เรื่องแล้วแต่มันก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรผมครับ
“เอาเลยมึงทำเลย ทำจนกว่ามึงจะพอใจ” มันพูดจบมันก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้กับตัวมัน แต่ผมตอนนี้รู้สึกรังเกลียดมันมากไม่อยากเข้าใจ
“มึงจะทำอะไรกูก็ได้ แต่กูจะไม่ปล่อยมึงไปไห้ใครแน่” มันพูดจบผมก็หยุด ตบ ตี มัน สมองผมประมวลผลช้าเหลือเกิน คิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ ผมรู้สึกเพลียมากจังเผลอหลับไปคาอ้อมกอดมันนั้นแหละครับ
( Win Part )
ตอนนี้เฟียร์หลับไปแล้วครับหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้กินข้าวกินยาเลย อาจจะเพราะร้องไห้จนเหนื่อย ผมเอนตัวนอนลงแล้วกอดมันไว้เหมือนเดิม ผมไม่อยากไห้มันหายไปเลย จริงๆแล้วมันก็มีมุมอ่อนแอเหมือนกัน มันไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอะไรมากนักหรอก เพียงแต่สร้างเกาะป้องกันให้กับตัวเองเท่านั้นเอง ผมคิดอะไรเพลินๆก็ผล็อยหลับไป
ตื่นมาอีกทีเกือบเย็นแล้วครับ ผมมองคนที่กอดอยู่ตอนนี้มันมองหน้าผมครับ แต่สายตานั้นทำให้หมดเจ็บปวดใจได้อยู่ไม่น้อย...สายตาทิ่มแทง เหมือนดาบพันเล่ม...มองผมเหมือนรังเกลียดมาก
“หิวหรือยังครับ” เปลี่ยนเป็นโหมดสุภาพดีกว่ารับตอนนี้
“…”
“กินอะไรหน่อยนะเดี๋ยวพี่ลงไปเอามาไห้” พูดเสร็จผมก็เดินลงมาสั่งแม่บ้านให้ยกข้าวต้มขึ้นไปที่ห้อง พอผมขึ้นมาที่ห้องเฟียร์ก็นั่งตาเหม่อลอย ผมเห็นแล้วก็อดห่วงไม่ได้สักพักแม่บ้านก็ยกข้าวต้มขึ้นมาไห้แล้วออกจากห้องไป
“อ่ะ กินหน่อยนะ” ผมเอาช้อนไปจ่อที่ปากมันครับ
“…” ไม่กินและสะบัดหน้าหนี
“กินหน่อยนะ เดี๋ยวจะได้กินยา” ผมหว่านล้อมอีกครั้ง
“ฟึ่บบบบ” มันปัดช้อนกระเด็นเลยครับ ความอดทนผมขาดผึง
“มึงเป็นอะไร!!! ไม่แดกเหี้ยอะไรมาสองวันแล้ว เดี๋ยวก็ตายหรอก!!!” ผมตะคอกสุดเสียงเลยครับ
“…” มันหันมามองหน้าผมครับ
“กินเดี๋ยวนี้!!!” ผมว่าอีกที
“ปล่อยให้ตายไปน่ะดีแล้ว...ดีกว่ามีชีวิตอยู่แบบตายทั้งเป็น” มันพูดจบน้ำตาไหลพรากเลยครับแต่ผมนี่สิ ปวดใจ เหลือเกิน ผมคว้ามันเข้ามากอดไว้
“ไม่เอา อย่าพูดแบบนี้อีก” ผมบอกมัน
“ฮึก....” มันพยายามไม่ร้องไห้ครับ
“พี่รักเฟียร์ เฟียร์อย่าพูดกับพี่แบบนี้อีกนะ” พูดจบผมก็น้ำตาไหลรู้สึกใจหายที่คนฉลาดๆอย่างเฟียร์ คิดอะไรแบบนี้
( Fear Part )
ตอนนี้จิตใจผมว่างเปล่าเหม่อลอยผมยอมกินข้าวต้มแล้วก็กินยาแต่คำพูดของมันยังวนเวียนอยู่ในหัวผม ‘พี่รักเฟียร์’ หึ คนรักกันเค้าทำกันแบบนี้หรอ ตอนนี้สภาพจิตใจผมย้ำแย่มาก มากจนต้องใช้เวลาเยียวยามากจริงๆ