เพ้อ บทที่ 16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป
ในเช้าวันถัดมา ผมตื่นแต่เช้าและทำงานบ้านช่วยแม่เหมือนเช่นทุกวัน ผมยืนเหม่อลอยขณะที่รดน้ำต้นไม้ในสวน วันนี้นั้นอาจารย์งดสอน ทำให้ผมมีเวลาว่าง แต่ผมก็คิดว่าผมควรจะไปที่ชมรมในช่วงบ่ายสักหน่อย ตอนนี้พวกเรากำลังจะจัดงานแสดงอีกแล้ว และกำลังเริ่มวางแผนกัน แต่ถึงหัวใจของผมจะกำลังคิดเรื่องนั้น เรื่องของพี่หมอกก็คอยแต่จะแทรกขึ้นมา
ผมปิดน้ำ และนั่งลงที่ม้านั่งตัวยาวในสวน ล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาด้วยความเคยชิน ผมมองบนหน้าจอนั้น เลื่อนมือไปมาด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ทำไมถึงยังเฝ้ามองเขาอยู่ ทั้งๆ ที่เขาทำให้ต้องเสียใจขนาดนี้
ถูกใจ 35,553 คน
Mok77 ไม่ใช่คนที่สมควรถูกรัก...
ผมมองดูอัปเดตของพี่หมอก รูปถ่ายที่มองเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของพี่หมอก ข้อความที่พี่หมอกโพสลงไป พี่หมายความว่ายังไงกัน พี่หมายถึงตัวพี่ หรือว่าใครกัน แต่ว่า ทำไมผมจะต้องไปสนใจด้วย
ผมปิดหน้าจอลง พร้อมๆ กับลุกขึ้นยืนเดินกลับเข้าห้องไป ผมรู้สึกอ่อนล้า และยังคงเหมือนกับเมื่อยตัวนิดๆ ผมไม่อยากนึกถึงค่ำคืนนั้น ค่ำคืนที่พวกเรามีความสัมพันธ์กัน ทำไมพี่ถึงตัดสินใจทำแบบนั้นกันนะ ผมสงสัยจริงๆ
"อินลูก วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ" แม่ที่ทำงานบ้านนั้นก็เดินเข้ามา และนั่งลงที่ข้างเตียง ผมส่ายหน้าน้อยๆ อุตส่าห์ได้มีโอกาสอยู่บ้านทั้งที ผมอยากจะช่วยงานแม่มากกว่าไปเที่ยวเล่น
"วันนี้ไม่อยากไปไหนเลย" ผมพูดอ้อนแม่นอนหนุนตักอุ่น ถึงผมจะยิ้มให้แม่ แต่ในหัวใจนั้นกลับรู้สึกผิดอยู่เสมอ ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้นะ ทำไมถึงไม่เป็นลูกผู้ชายอย่างที่แม่หวังไว้
"ผมขอโทษนะครับ" ผมพูดเบาๆ และหลบสายตาแม่ที่กำลังมองมา
"พูดอะไรน่ะลูก ไหน ไม่สบายตรงไหน ให้แม่ดูซิ" แม่ไม่พูดเปล่าแต่กำลังจี้เอวของผมจนผมหัวเราะและลุกขึ้นนั่ง
"โธ่ แม่ ไม่เล่นแล้ว" ผมพูดและจับมือแม่ไว้
"เห็นยิ้มได้แม่ก็ค่อยสบายใจหน่อย"
"ผมไม่เป็นไรสักหน่อย" ผมยิ้มและกอดแม่เอาไว้
"งั้นก็ไปทำอะไรที่เราอยากทำเถอะ อย่ามานอนกลิ้งไปกลิ้งมาเลย" แม่พูดและดึงแก้มผมเบาๆ
"ไม่อยากไปไหนจริงๆ นะ" ผมยังคงทำท่าดื้อต่อไป
"งั้นก็ไปซื้อของเข้าบ้านให้แม่ โอเคไหม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าทันที ซื้อของงั้นเหรอ มีแต่ของหนักๆ ทั้งนั้น ผมไปนี่แหละดีแล้ว
"งั้น เดี๋ยวอินกลับมากินข้าวเที่ยงนะ"
"ไม่ต้องรีบ ขากลับก็ขึ้นแท็กซี่นะลูก จะได้ไม่หนัก"
"ครับ"
หลังจากคุยกับแม่ และจดรายการข้าวของเรียบร้อย ผมเดินออกจากบ้านด้วยชุดลำลองที่สบายๆ สะพายกระเป๋าไว้ที่ไหล่ ผมเดินออกไปหน้าซอย และโบกรถเมล์ที่แล่นผ่านมา
ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่เป็นแหล่งรวมข้าวของเครื่องใช้ ทุกอย่างก็หาซื้อได้ง่ายๆ ในนี้ ซึ่งผมว่ามันดีกว่าตลาดสดตรงที่มีใบเสร็จยืนยันทุกสิ่งที่ซื้อ ทั้งตรวจสอบง่าย และสะดวกรวดเร็วดี
" กรี๊ดดดดด!! "
แต่ทันทีที่ผมเดินผ่านลานจัดงานที่กลางห้างนั้น ผมก็ได้ยินแต่เสียงกรีดร้องของพวกผู้หญิงที่ทั้งดันทั้งผลักกันเพื่อจะได้มองเห็นเวทีตรงหน้า ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และเดินถอยห่างออกมาจากตรงนั้น งานอะไรกันนะ คนเยอะมาก มากจนทางเดินที่ผมจะไปถูกปิดจนคนล้นออกมา
"พี่หมอก กับพี่เจมส์แม่งน่ารัก มึงดูเขาจับมือกันด้วย"
ผมมองผู้หญิงคนหนึ่งที่หันมาพูดกับเพื่อนด้วยความตื่นเต้น พี่หมอกงั้นเหรอ...
ผมมองหาป้ายโฆษณาที่อยู่บนเสาข้างๆ และก็ชัดเจน นี่ผมพาตัวเองมาที่นี่ มาหาคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าอีกจนได้ ให้ตายเถอะ
แต่ถึงผมจะคิดแบบนั้น แต่ขาของผมก็เหมือนกับก้าวเดินไปเองโดยอัตโนมัติ ผมเบียดเสียดผู้คนที่กำลังส่งเสียงกรี๊ด ผมลืมไปได้ยังไงกันนะ ว่าวันนี้มีงานที่พี่หมอกกับทีมนักแสดงทุกคนมาร่วมงานด้วย
ผมเดินเบียดแทรกผู้คนมาจนถึงด้านหน้าด้วยความลำบากเล็กน้อย ผมมองไปที่ด้านบนเวทีที่พี่หมอก และทีมนักแสดงกำลังนั่งอยู่ ใบหน้าของพี่หมอกตอนนี้กำลังส่งยิ้ม และตอบคำถามของพิธีกรที่ยื่นไมค์เข้ามา
"ขอบคุณที่ทุกคนสนับสนุน และมาเป็นกำลังใจให้..." ผมมองพี่หมอกที่วันนี้ใส่เสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินตัดกับผิวขาวๆ ใบหน้าที่ดูดีแม้ไม่ต้องแต่งเติมใดๆ และสิ่งที่ทำให้ผมยังคงไม่อาจละสายตาจากพี่ไปได้ นั่นก็คือรอยยิ้มของพี่ แต่รอยยิ้มที่พี่ยิ้มออกมานั้น เป็นรอยยิ้มจอมปลอมของพี่สินะ
"แหม ที่ดีใจนี่เพราะมาเจอคนข้างๆ หรือเปล่าคะ" ผมมองพิธีกรที่พูดแซวพยายามชงพี่หมอกกับคนที่แสดงเป็นนายเอก และทั้งคู่ก็หันหน้าสบตากัน ยิ้มให้กัน ทำเอาบรรดาสาวๆ กรี๊ดจนคอแทบพัง พี่ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนพี่หมอกแทบจะไม่ยิ้มเลยที่ถูกจับคู่กับคนอื่น และชอบทำเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้คู่จิ้นตัวเอง
ผมนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของผมในตอนนี้กำลังเป็นแบบไหน ผมจ้องมองใบหน้าของพี่หมอกที่กำลังยิ้ม ใบหน้าของผมมันกำลังยิ้ม ผมยิ้มตามรอยยิ้มของพี่ ดีจังเลยนะ ถ้าพี่กำลังมีความสุขจริงๆ
"พี่หมอกแม่งหล่อโคตรอ่ะ กูจะตายแล้ว"
"มึงๆ ลองเขียนเบอร์ให้พี่เขาดิตอนให้ของ เพื่อนกูเคยลอง ได้กินพี่เขาด้วยนะเว้ย" ผมที่กำลังเผลอยิ้มนั้นก็หุบยิ้มลงทันที ผมมองพวกผู้หญิงที่จ้องมองพี่หมอก ก็แน่ล่ะ พี่หมอกน่ะ คงจะชอบและเลือกผู้หญิงไปนอนด้วยบ่อยๆ จากพวกแบบนี้ คนนิสัยเสียนั่น ผมไม่ยุ่งด้วยดีกว่า
ผมเริ่มรู้สึกว่าผมควรจะออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว ผมพยายามหันหลังแทรกตัวกลับ แต่ก็ลำบากเหลือเกิน ผมรู้สึกเหมือนตัวผมกำลังถูกดันไปข้างหน้าแทน เพราะในตอนนี้เหล่าบรรดานักแสดงกำลังลุกขึ้น และลงมาจากเวทีเพื่อถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับ
ผมละความพยายามที่จะหนีออกและไหลไปตามฝูงชนที่แย่งกันไปอยู่ด้านหน้าพระเอกคนดัง ผมย่อตัวน้อยๆ มองพี่หมอกที่เดินลงมาและยื่นมือมาให้แฟนคลับได้แตะต้อง ใบหน้าของพี่หมอกมีเหงื่อซึมเหมือนกำลังร้อนและเหนื่อย แต่รอยยิ้มก็ยังคงไม่จางหายไป
"พี่หมอกกคะ ทำมินิฮาร์ทให้หน่อยค่ะ" ผมมองพี่หมอกที่กระตุกยิ้ม และทำมือตามที่แฟนคลับต้องการ ผมจ้องมองพี่หมอก ถึงตัวพี่นั้นจะเพอร์เฟคแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ ผมรู้ดีถึงความโหดร้ายของพี่ ใบหน้าเกรี้ยวกราดที่อยู่ภายใต้รอยยิ้ม คำพูดที่พี่คอยพูดบอกผม ล้วนมีแต่คำดูถูกเหยียดหยาม ทำไมกันนะ ทำไมถึงเป็นผมที่พี่เผยสิ่งเหล่านั้นออกมา
แต่ผมที่ยืนมองพี่หมอกอยู่นิ่งๆ นั้น สายตาของพวกเราก็บังเอิญประสานกัน ผมรีบหลุบตาต่ำเสมองไปทางอื่นเหมือนกำลังทำเป็นไม่สนใจ โดยไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มที่พี่หมอกมองผมนั้น เป็นรอยยิ้มที่แปลกออกไป
"ขอบคุณที่มานะครับ ขอบคุณมากครับ" ผมค่อยๆ หันหน้าไปมองพี่หมอกอีกครั้ง พี่หมอกในตอนนี้ยังคงเดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าบรรดาแฟนคลับ สายตาของพี่ไม่ได้จ้องมองผม แต่กำลังยื่นมือรับของที่ผู้คนยื่นมาให้ ผมคิดไปเองสินะว่าเมื่อกี้พี่มองผม คิดไปเองจริงๆ
หลังจากงานนั้นสิ้นสุดลง ผมทำหน้าที่ของผมโดยการเดินซื้อของที่ต้องซื้อให้เสร็จ และนั่งแท็กซี่กลับมาบ้าน ผมช่วยแม่จัดเรียงข้าวของเช็คทุกสิ่งที่ผมซื้อกลับเข้ามา
ตอนนี้นาฬิกาบอกว่าเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ผมจัดการกินข้าว และแต่งตัวอีกครั้งเพื่อไปที่มหา'ลัย ไปประชุมชมรม
Rrrr Rrrr
"ครับพี่หนึ่ง" ผมกดรับโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็วขณะที่นั่งรถเมล์ออกมา ผมว่าผมไม่ได้ไปช้านะ แต่พี่หนึ่งหัวหน้าชมรมก็โทรตามผมจนได้
"อิน อย่าลืมกุญตู้เสื้อผ้านะ พี่จะเช็คชุดหน่อย" พี่หนึ่งพูดบอกเตือนผมที่เป็นคนถือกุญแจของตู้นั้น
"ครับพี่ ผมกำลังไป"
ผมกดวางสาย และเปิดกระเป๋าดูกุญแจพวงที่พี่หนึ่งเตือนผม ผมนั้นเก็บมันเอาไว้เสมอในกระเป๋าไม่เคยหายไปไหน มันเป็นพวงกุญแจสำคัญที่มีกุญแจหลายๆ อย่างผูกเอาไว้
แต่ผมที่ล้วงมือเข้าไปนั้นก็ต้องใจหายทันที เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน อะไร อยู่ไหนกัน ผมเริ่มควานมือไปทั่วกระเป๋า และเททุกอย่างออกมาบนตัก แย่แล้วแบบนี้แย่แน่ๆ มันหายไปจริงๆ หายไปไหน
ผมเริ่มคิดเรียบเรียงทุกอย่างในหัว อาจจะตกอยู่ที่บ้านหรือเปล่านะ ผมที่คิดแบบนั้นก็โทรออกหาแม่ทันที และเมื่อคุยกันสักพักแม่ก็บอกว่าภายในห้องนั้นไม่มีอะไรที่หน้าตาเหมือนพวงกุญแจเลย
ผมกลับมาคิดใหม่และคิดย้อนไปก่อนหน้าที่ผมจะกลับบ้าน ยังมีที่ไหนอีกที่ผมไปและวางกระเป๋าไว้ ที่ที่น่าจะเสี่ยงทำของตกได้ และเมื่อนึกไปนึกมานั้น ผมก็เริ่มที่จะคิดว่าอาจเป็นที่นั่น แย่แล้วสิ ผมไม่อยากไปเลย แต่ว่ายังไงก็ต้องไปเช็คดูหน่อย
ผมคิด และต้องขยี้หัวตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ ผมรู้แล้วว่ามันน่าจะตกอยู่ที่ไหน และนั่นเป็นที่สุดท้ายที่ผมควรจะเหยียบเข้าไป
ผมกดกริ่งลงจากรถเมล์ทันที และโบกแท็กซี่แทนด้วยความร้อนรน ผมไม่อยากไปที่นั่นเลยสักนิด แต่ว่าสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ ผมจะต้องไปเอาคืนมา ไม่จำเป็นต้องพูดคุยอะไร แค่มาหาของที่ทำตกไว้ ก็เท่านั้นเอง
ผมลงจากแท็กซี่ตรงหน้าคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ผมใช้จังหวะตอนที่คนอื่นเปิดประตูเข้าไป และเดินเนียนตามเข้าไปด้วย ผมนั้นจำชั้นของพี่หมอกได้ และขึ้นลิฟต์ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานเก่า ห้องที่ผมเคยมา
ผมยืนชั่งใจอยู่สักพัก และตัดสินใจยื่นมือไปกดกริ่งสีดำที่ข้างประตูนั้น แต่ขณะที่มือของผมกำลังจะกดกริ่ง ประตูที่ปิดสนิทอยู่ๆ ก็เปิดออกมา
"อุ๊ย ขอโทษค่ะ" ผมชะงัก และจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่โผล่ออกมา และชนเข้ากับผม เธอทำท่าร้อนรนรีบเดินออกไป
ผมกำมือแน่น และเงยหน้าจ้องมองเพดานตรงทางเดินด้วยหัวใจที่เจ็บปวดอีกครั้ง นี่แหละพี่หมอก จำใส่หัวไว้อิน ว่าตัวเองนั้นก็ไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนี้ ไม่ต่างเลยจริงๆ
ผมยืนนิ่งๆ โง่ๆ อยู่ตรงนั้นอีกสักพัก เก็บทุกอย่างในหัวใจเอาไว้ และเอื้อมมือไปเปิดประตูตรงหน้าออก ผมค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องนั้น เดินไปตามทางเดิน ผมเดินไปข้างหน้าด้วยเท้าที่คิดว่าเบาที่สุด หวังแค่จะเข้าไปหากุญแจที่น่าจะร่วงอยู่แถวๆ โซฟาเท่านั้น และผมจะรีบกลับทันที กลับไปในที่ของผม ที่ที่ผมควรอยู่
แต่ผมที่ก้าวเท้าเข้ามาจนสุดทางเดินนั้น ก็พลันได้ยินเสียงเสียงหนึ่งแว่วเข้ามา ผมค่อยๆ ก้าวเท้าช้าลงมากขึ้นอีกนิด และแอบเหลือบมองไปตามเสียงที่ได้ยิน
ผมมองพี่หมอกที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ติดชิดริมกระจก ในอ้อมแขนของพี่หมอกนั้นกำลังกอดกีตาร์สีน้ำตาลตัวหนึ่งไว้ และกำลังขยับนิ้วเล่นมันเบาๆ สายตาจับจ้องมองไปบนท้องฟ้าด้านนอก
นี่เป็นภาพที่หายากมาก ผมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของพี่หมอกที่กำลังเหม่อมองออกไปในที่ไกลแสนไกล พี่กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ ทำไมพี่ถึงดูเหมือนกำลังเศร้า ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ ก็ยังดูมีความสุขดี มีรอยยิ้ม มีทุกอย่างที่พี่น่าจะทำให้พี่สุขใจ
แต่ผมที่มัวแต่ฟังเสียงเพลงที่พี่หมอกกำลังเล่นนั้นก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเท้าของผมกำลังเดินออกไป ผมชะงัก และรีบเดินกลับถอยหลังทันที แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
"เมื่อกี้บอกว่าให้ออกไปไง!" พี่หมอกนั้นไม่ได้หันมามองผม แต่ก็ตะโกนไล่เสียงดังเหมือนไม่พอใจ
"ข.ขอโทษ ผมแค่มาเอาของ" ผมพูดละล่ำละลัก และรีบเดินเลี่ยงพี่หมอกไปที่โซฟา ผมก้มต่ำลงกับพื้นด้วยความรีบร้อน อยู่ไหนกันนะ ถ้าเจอแล้วผมจะได้รีบไป ไม่ต้องอยู่ให้พี่ไล่แบบนี้
"ทำอะไร" ผมที่ก้มลงคลานหาพวงกุญแจของผมนั้นก็ต้องชะงักทันที ผมมองเท้าของพี่หมอกที่เดินวนมาที่หลังโซฟา และหยุดยืนอยู่ด้านหลังผม เสียงของพี่หมอกดูเบาลงไม่เหมือนกับที่ตะโกนใส่ผมเมื่อกี้นี้
"พวงกุญแจผม" ผมพูดและหยุดคลานหา ผมเงยหน้ามองพี่หมอกที่ยืนกอดอกมองผมนิ่งๆ พี่จะด่าผมอีกสินะ ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมชินแล้วล่ะ
"พวงที่ทำหล่นไว้ใช่ไหม" แต่สิ่งที่พี่หมอกพูดก็ผิดคาด ผมนึกว่าจะโดนดุ และไล่ให้ออกไปซะอีก
"พี่เจอมันเหรอ ขอคืนให้ผมนะ" ผมลุกขึ้นจากพื้น และมองพี่หมอกที่ยังคงยืนกอดอกนิ่งๆ ตามเดิม ผมไม่ค่อยกล้าสบตาพี่หมอกเท่าไหร่ ผมไม่อยากใจอ่อน ถึงยังไงผมก็ยังคงอ่อนแอเหลือเกิน
"มาเอาสิ" คำพูดของพี่หมอกนั้น ทำเอาผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ผมมองพี่หมอกที่ส่งสายตาต่ำลงมาที่กางเกงของตัวเอง เหมือนจะบอกว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วทำไมพี่ถึงไม่เอาออกมาล่ะ ต้องการให้ผมทำอะไรอีก
"ยืนบื้ออยู่ได้ มาสิ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่พี่หมอกพูดเสียงดังขึ้น แต่ว่า แล้วทำไมพี่ถึงไม่เป็นคนเอาออกมาเองล่ะ
ผมนั้นไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพี่หมอก ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาพลางยื่นมือออกไป และแตะเบาๆ ที่กระเป๋ากางเกงของคนตรงหน้า ผมค่อยๆ เลื่อนมือเข้าไปในนั้น
ผมหลบสายตาพี่หมอกที่กำลังจ้องมองผม ทำไมมันอยู่ลึกนักนะ พวงกุญแจของผมมีตุ๊กตาหมาห้อยอยู่ด้วย จริงๆ ไม่น่าจะอยู่ในกางเกงแน่นๆ แบบนี้ได้ด้วยซ้ำ
"ล้วงดีๆ นะ" ผมมือกระตุกน้อยๆ และมองพี่หมอกที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มกวนๆ
และผมที่กำลังล้วงมือเข้าไปนั้นก็ต้องตกใจทันที เพราะพี่หมอกอยู่ดีๆ ก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้านหลังพร้อมๆ กับดึงแขนผมให้ล้มลงไปด้วยกัน ผมล้มลงทับตัวพี่หมอก และเซถลาเข้าไปชิดจนหน้าพวกเราแทบจะชนกัน ผมลนลาน และมองหน้าพี่หมอกที่กำลังหัวเราะเบาๆ
"พูดมาเถอะน่า ที่มาหานี่เพราะอยากให้กอดใช่ไหม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ขืนตัวทันที และพยายามจะดันตัวลุกขึ้น
"ไม่ใช่"
"โกหก วันนี้ก็ไปหาไม่ใช่เหรอ" พี่หมอกยังคงดึงผมเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น และกำลังมองผมแบบคนหลงตัวเอง
"ผมแค่มาหาพวงกุญแจจริงๆ" ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้พี่หมอกเริ่มหน้าตึงขึ้นเล็กน้อย "ผมไม่จำเป็นต้องมาหาพี่หรอก มีคนมาหาพี่อยู่แล้วเยอะแยะ อย่างผู้หญิงเมื่อกี้"
ผมพูดเหมือนพูดกับตัวเองและหลบสายตาพี่หมอก ผมพูดความจริง เมื่อกี้ผู้หญิงนั้นก็คงมาเสนอตัวให้แน่ๆ แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน
"หึงหรือไง" ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที ผมจะมีสิทธ์อะไรไปหึง ผมไม่ใช่เจ้าของพี่ซะหน่อย
"ปล่อยผมได้หรือยัง" พี่หมอกถอนหายใจพลางปล่อยผมให้ลุกขึ้น "ขอกุญแจของผมด้วยครับ" ผมแบมือขอของของ ผมคืน
พี่หมอกตอนนี้ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนเก่าแต่กำลังหันหน้าหนีผมเหมือนกำลังสะกดตัวเองไว้ ทำไมพวกเราถึงคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยนะ ทำไมพวกเราถึงเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย
"เหอะ น่าโมโหชะมัด" พี่หมอกพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองพลางลุกขึ้นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า และปาพวงกุญแจเล็กๆ ออกไป ผมมองตามพวงกุญแจนั้นและเดินตามไปเก็บมันขึ้นมา แต่ว่า...มันมีบางสิ่งหายไป
"ตุ๊กตาหมาป่าของผม..."
"ได้แล้วก็ออกไป" พี่หมอกพูดใส่ผม และเดินหนีไปนั่งไกลๆ ผมมองพวงกุญแจสีเงินในมือ ตุ๊กตาหมาป่าของผมที่ห้อยไว้ด้วยนั้นมันหายไปแล้ว ทำไมมันถึงหายไปนะ
ผมมองพี่หมอกที่ทำเป็นไม่สนใจผม หรือว่าผมจะทำมันหลุดหายไปก่อนที่จะทำตกไว้ที่นี่ เสียดายจัง ผมชอบมันมาก จะหาซื้อก็คงไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
"ถ้าพี่เห็นตุ๊กตาของผม ก็เก็บไว้ให้ผมหน่อยนะครับ" ผมยังคงไม่ยอมแพ้ และค่อยๆ เดินไปหาพี่หมอกที่กำลังนั่งหัวเสียอยู่ หรือพี่หมอกจะแกล้งเอาไปทิ้งแล้ว อยากร้องไห้จริงๆ ผมถอนหายใจน้อยๆ และตัดสินใจเดินหันหลังออกไปที่ตรงทางเดิน แต่ก็ยังคงแอบเหลือบมองกลับมา มองพี่หมอกและกีตาร์ที่วางไว้อยู่ข้างกระจก
"คือ..." ผมหยุดเท้าลง ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ไปทำไม แต่ผมอยากบอกให้พี่หมอกรู้ไว้ พี่หมอกเอาแต่ทำหน้ามุ่ย และไม่ยอมมองผม ไม่รู้ว่าจะได้ยินผมไหม "เพลงเมื่อกี้ ผมชอบนะครับ เพลงที่พี่เล่น" ผมพูด และมองพี่หมอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆ เดินไปออกไป
ผมนั้นยังคงโกรธพี่มาก และรู้สึกผิดหวังน้อยใจอยู่ในส่วนลึกเสมอ แต่ถึงเป็นแบบนั้น ผมก็ยังคงเผลอใจเต้นไปกับรอยยิ้ม ไปกับเสียงเพลงของพี่ ผมชอบสิ่งเหล่านั้นมากจริงๆ และมันทำให้ผมลืมพี่ไม่ได้สักที