อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๕
“เตรียมตัวต้อนรับกูได้เลย” คนกลุ่มใหญ่ออกมาคนละทิศคนละทางมายืนล้อมหน้าล้อมหลังทั้งสามคน
“ไม่ต้องรุม แต่ถ้ามันอยากโดนก็จัดให้มันหน่อย” ฝิ่นเอ่ยปากบอกพวกพ้อง ทำให้พี่ดิวที่รับปากฝากฝังจากไอ้พงษ์ดิบดีต้องยอมปล่อยให้ฝิ่นลากคอรุ่นน้องฝ่าพวกของมันนั่นล่ะออกไปทางโซนที่จอดรถ พร้อมคนตามคุมอีกสองคน แก้วเลยต้องก้าวเท้าเดินไปตามแรงบีบจากต้นคออย่างขัดไม่ได้
ถ้ามันยังไม่จบล่ะก็...
พลั่ก!!
“โอ๊ะ!” หน้าแก้วแทบทิ่มกระโปรงรถเมื่อคนที่ลากมาถีบสะโพกเขาอย่างจัง
“ขึ้นรถ” มันสั่ง
“ขึ้นรถ? ไปไหน” แก้วหันไปถาม
“มึงมีสิทธิ์ถามเหรอ” พูดแปลกจะพาไปไหนทำไมเจ้าตัวจะไม่มีสิทธิ์รู้ แต่ ... เขาไม่อยากรู้แล้วก็ได้เมื่อไอ้ฝิ่นมันควักมีดพับออกมากดเปิดกดพับ พลิกมีดเล่มเล็กนั้นสำรวจความคมของมันไปมา เหอะ ไม่ต้องขู่ก็ไปด้วยดีๆอยู่แล้วน่า
“ถ้ามึงไม่ยุ่ง ทุกอย่างคงจบสวยกว่านี้”
“แต่นี่ก็จบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” สายตาคมกริบจ้องมองอย่างไม่พอใจเมื่อแก้วพูดจบประโยค ทำให้แก้วต้องก้มหน้าคิดหาทางออกทางอื่นด้วยความหวาดหวั่น แต่ตอนนี้เขาคิดว่าควรเงียบปากและทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีไปก่อนน่าปลอดภัยกว่า
“เหอะ” มันแสยะยิ้มแล้วพยักหน้าให้คนที่ยืนคุมอยู่ข้างหลังแก้ว “ลองมึงสูญเสียดูบ้าง จะยังถามคำนี้ไหม? กูอยากรู้จริงๆ”
ลองสูญเสียอย่างนั้นเหรอ แก้วกลับมาถามตัวเองบ้าง
ถ้าคนที่ถูกทำร้ายเป็นไอ้พงษ์บ้างน่ะเหรอ เขาจะเป็นยังไงนะ
ก็คง...จะเสียใจและโกรธเคืองคนที่ทำอยู่บ้าง แต่คงไม่ถึงขนาดต้องเอาคืนหรอก
คงไม่ถึงกับต้องเอากันให้ตาย อย่างที่คนข้างๆคิดจะทำแน่ มันต้องมีทางออกที่ดีกว่านั้นสิ
กฎหมายไงล่ะ ให้กฎหมายเป็นตัวจัดการสิ แต่... ไอ้พงษ์ยังถูกประกันตัวได้ง่ายๆเลย
เพราะใครล่ะ?
“ยังไงซะคนเราก็ต้องตาย จะตายเร็วตายช้าก็หนีไม่พ้นหรอก” บ่นงึมงำเบาๆ ไม่ได้ต้องการให้ใครได้ยิน
เพราะเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองเลยสักนิด
อย่าต้องให้ถึงกับลองสูญเสียเลย แค่คิดว่าต้องเสียใครไป แก้วก็ยอมไม่ได้แล้ว
มัวแต่อยู่ในห้วงความคิดของตนเอง จนไม่ทันระมัดระวังตัว มือหนึ่งพร้อมผ้าผืนเล็กที่อ้อมมาจากด้านหลังจึงโปะเข้าจมูกอย่างง่ายดาย
พยายามยื้อแย่งเอามันออกไปแต่เรี่ยวแรงก็หดหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“มึงเอามันขึ้นรถ แล้วจะไปไหนก็ไป” ฝิ่นสั่งโจ้เด็กในสายให้แบกร่างของตัวการที่ทำให้คนฆ่าเพื่อนเขาลอยนวล
“พี่จะจัดการกับมันยังไง” โจ้ คนสนิทประธานสาย๕x หันมาถามลูกพี่หลังจากวางตัวแก้วที่เบาะหลังเสร็จ
“พวกมึงเห็นไอ้ดิวมองมันไหม?”
“อืม”
“ก็เห็นสิพี่” ทั้งโจ้ทั้งเด็กอีกคนพยักหน้าตอบ
“โจ้ มึงว่าเหมือนรึเปล่า?” ด้วยความที่โจ้เป็นคนสนิทกว่าอีกคนฝิ่นจึงเอ่ยถามเพื่อให้แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด
“ไอ้เหมือนน่ะเหมือนพี่ แต่...สายตาไอ้ดิวมันดูมีอะไรมากกว่า ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร อยากรู้พี่คงต้องไปถามหลวงพี่เองแล้วล่ะ” บุคคลนอกการสนทนาได้แต่ทำหน้าสงสัยเพราะไม่เข้าใจว่าสองคนนี้คุยเรื่องอะไรกัน
“รายนั้นปล่อยให้เขาสงบจิตสงบใจไปก่อนเถอะ แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย แล้วตอนนี้กูก็รู้แล้วจะเอาคืนพวกมันยังไง”
.
.
.
เธอคือส่วนหนึ่งของหัวใจ ที่ตอนนี้ได้ขาดหายไป ...แก้วรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเพลงรอสายที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ แต่ยังไม่มีแรงขยับเขยื้อนตัว
“มีอะไร” แก้วมองหลังคนรับสายซึ่งนั่งอยู่ปลายเท้าเขาด้วยความฉงน ถ้าจำไม่ผิดมันโทรศัพท์เขาหนิ
“...................” ฝิ่นหันหน้ากลับมามองเขาพร้อมแสยะยิ้มมุมปากเมื่อพบว่าแก้วรู้สึกตัว สายตาส่อเจ้าเล่ห์เหมือนคิดอะไรได้ชวนให้แก้วยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่
“กูก็อยู่กับน้องมึงไง”
“....................”
“หึ อย่างมึงจะทำอะไรกูได้” น้ำเสียงเย้ยหยันดั่งคนถือไพ่เหนือกว่าซ้ำยังมองหน้าแก้วไม่วางตา เขาพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ต้องสะดุดที่ข้อเท้าของตนเองซึ่งมีโซ่ล่ามอยู่ แก้วมองหน้าฝิ่นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะหลบสายตาด้วยการมองไปรอบตัว เอาอีกแล้วห้องที่ไม่คุ้นเคย คราวที่แล้วโดนจี้ข่มขู่ คราวนี้วางยากันเลยเหรอ
“...................”
“ทำไม ถ้ากูจะทำมึงห้ามได้เหรอ ใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กูไม่ให้อยู่สุขแน่” มันขยับมานั่งใกล้เขาทั้งยังเอานิ้วจิ้มหน้าผากแก้วแรงๆ
“......................”
“เตือนตัวมึงเองเถอะ” แล้วโยนมือถือเครื่องนั้นใส่ตัวเขา แก้วหยิบมือถือมาดู สายของพี่ดิวได้ถูกตัดไปแล้ว
“ไง? หลับสบายดีไหม?” มันถาม แต่ก็ผลักหน้าอกแก้วให้ลงไปนอนอีก ตามด้วยมือใหญ่ข้างเดียวกอบกุมรอบคอเขา
แก้วมองหน้าคนเจ้าอาฆาตเขม็ง กัดฟันดึงมือนั้นออกจากคอ แต่ไม่สำเร็จ เขาไม่ได้โดนบีบคอแต่มันทำให้เขาลุกไม่ได้ และมันก็อึดอัดจนแทบขาดอากาศหายใจได้เหมือนกัน
“หึ แค่นี้ก็ลุกไม่ได้” มันจับตัวแก้วพลิกคว่ำหน้าเข้าหาเตียง ใช้เข่าดันหลัง รวบมือแก้วไขว้หลังด้วยมือเดียวของมัน อีกมือที่ว่างอยู่ก็กดหัวแก้วทำให้ใบหน้าฝังเข้ากับหมอน
“กูรู้กูกำลังพาลแต่มึงก็ชั่วไม่แพ้เพื่อนมึงนั่นแหละ!”
“อื๊อ” แก้วดิ้นรนหาอากาศหายใจแต่ไม่ต้องเมื่อยแรงขนาดนั้น ไอ้ป่าเถื่อนฝิ่นก็ดึงผมเขาขึ้นแถมปล่อยด้วยการผลักให้หน้าทิ่มหมอนอีกต่างหาก
“เฮือก! ฟู่ววว” พลิกตัวเองลุกขึ้นมาได้รีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ เฮ้อ ก็รู้ว่ามีส่วนผิดแต่ไม่ต้องย้ำขนาดนี้ก็ได้ แล้วไอ้โซ่นี่ล่ะ
“ล่ามทำไม” แก้วถามเสียงห้วน ดึงโซ่ที่ถูกล็อคติดกับขาเตียงขึ้นแล้วตั้งใจโยนลงพื้นแรงๆ
ไอ้ฝิ่นนั่นไม่ตอบ ดูเหมือนไม่ได้สนใจเสียงเขาด้วยซ้ำ มันเปลี่ยนไปนั่งไขว่ห้างข้างเตียงกอดอกคิ้วขมวดทำหน้าเคร่งเครียด เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
แก้วทำหน้าเบื่อใส่โซ่นั่น ลูบคอ ลูบหัวตัวเองลุกออกจากเตียงอย่างรำคาญข้อเท้า แต่กลับต้องชะงักเมื่อสายตาคมกริบหันมาเห็นการกระทำของเขาเข้า
ไหนๆก็ลงจากเตียงได้แล้ว จึงค่อยๆขยับไปยืนพิงผนังห้องแก้เก้อก่อนละกัน
“มึงเห็นนั่นไหม?” มองตามสายตาที่ฝิ่นพยักพเยิดบอก เสื้อยืดสีขาวพร้อมเฉิ๊ดสีดำสวมทับอยู่บนไม้แขวน
หน้าตู้ไม้บานหนึ่งทำให้แก้วต้องหยุดชะงัก เม้มปากแล้วเสมองไปทางอื่น
“เรื่องเพื่อนมึง เสียใจด้วยนะ” ถ้าเสื้อยืดตัวนี้ไม่เต็มไปด้วยร่องรอยคราบเลือดและสภาพที่ขาดแหว่งทำให้
ไม่กล้าจินตนาการว่าคนสวมใส่โดนกระทำไปอย่างรุนแรงขนาดไหน แก้วจะโกรธที่โดนมันทำร้ายซ้ำแล้ว
ซ้ำเล่าอยู่หรอก แต่พอมาเห็นอย่างนี้ความรู้สึกผิดมันกลับเข้ามาแทรกแทน
ไอ้พงษ์มันทำได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ คนที่คอยโอบอุ้มเขามาตลอดเนี่ยนะ เกิดอะไรขึ้นกับใจมัน...
“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” ฉึก! เอาเถอะจะแดกดันยังไงก็ตามใจเถอะ รู้แล้วว่าเพื่อนเขาผิดแต่จะให้ทำยังไงได้คนเราก็ต้องมีพลาดกันบ้าง เขาเชื่อว่าพงษ์มันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกน่า แม้ว่าความคิดของเขาจะขัดแย้งกับสภาพเสื้อตัวที่เห็นนี้ก็ตาม
“ฉ็อปมันหายไป มึงรู้ไหมมันอยู่ที่ไหน”
“ใครจะไปรู้ล่ะ” ถามมาก็กล้าตอบให้อย่างทันควัน
“หึ นอกจากหน้ามืดตามัวหลงเพื่อนแล้วมึงรู้อะไรบ้างเนี่ย” ไอ้ฝิ่นมันว่าเขาหลงเพื่อน โธ่ แล้วทีมันล่ะ
“ก็ไม่ต่างกันหรอกน่า” พูดออกไปก็ต้องถอยให้ชิดผนังเข้าไปอีก ซึ่งมันชิดกว่านี้ไม่ได้แล้ว แก้วอยากจะตบ
ปากตัวเองสักทีที่ไปบ้าโต้ตอบกับมันเข้า
ฝิ่นลุกจากเตียงเดินอ้อมมาอีกฝั่งที่แก้วยืนทำหน้าตาสลดเพราะปิดอาการหวาดระแวงไม่มิดยิ่งเหมือนทำให้มันนึกสนุก
“ปากดีอย่างนี้ ต่อยกับกูสักยกดีกว่า มา!”
“ห๋า เอ่อ” อะไรของมันอีก มันเดินมามองหน้าเขาแล้วอยู่ๆก็ท้าต่อยขึ้นมาดื้อๆ แต่ไอ้แก้วอย่าได้ใช้
ความคิดอะไรเลย มันเอ่ยปากแล้วกระชากคอเสื้อแก้วเข้าหามันทันที
แก้วทำได้เพียงใช้มือดันหน้าอกคนตรงหน้าไว้เท่านั้น
“ต่อยสิ มึงไม่อยากชกกูรึไง กูให้โอกาสมึงแล้วนะ” ไอ้อยากน่ะอยากอยู่หรอกแต่อยู่ๆดีๆจะให้มาชกกันง่ายๆอย่างนี้เนี่ยนะ?
แต่...ได้...ในเมื่อกล้าท้าเขาก็กล้าทำตามข้อเสนอเหมือนกัน ถือเป็นการเอาคืนที่ลากตัวเขามาถึงสองครั้งแถมครั้งนี้ยังทำเหมือนเขาเป็นนักโทษอีก จัดไป สองมือแก้วกำแน่นชกเต็มๆแรงเข้าที่หน้าท้องไอ้ฝิ่น
...แต่ทำไมมันไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
ปุ๊บ ปุ๊บ ปุ๊บ แก้วรัวๆกำปั้นเข้าไปอีก แต่มันก็ยังนิ่งอยู่...
ปุ๊บ ปุ๊บ โว๊ยยย ไอ้พงษ์นะไอ้พงษ์ทำไมมึงถึงไม่สอนกูต่อยกับคนอื่นเขาบ้าง มึงจะหวงวิชาไว้ทำไมวะ เขานึกโมโหในใจ
“เหอะ อ่อนด้อยอย่างนี้กูจะคุ้มไหมวะ?” มันใช้น้ำเสียงเย้ยหยันดูถูกเขาสุดๆ เมื่อแก้วดันเผลอทำหน้าหงอยที่ไม่สามารถทำให้มันสะเทือนได้ แก้วอ้าปากอยากโต้เถียงแต่พูดไม่ออกในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง เลยเปลี่ยนเป็นพ่นลมหายใจแทน
อีกอย่างจากที่เจอมันแค่ไม่กี่ครั้งก็รู้แล้วว่ามันบ้าดีเดือดแค่ไหนจึงเลือกไม่ต่อกรกับมันดีกว่า
โบราณว่าหมากัดอย่ากัดตอบ
แค่ต่อยแล้วมันไม่เจ็บไม่ได้แปลว่าแก้วอ่อนแอสักหน่อย!
ไอ้นี่มันหนังหนาหน้าเหนียวซะขนาดนั้น
ไอ้ฝิ่นเหวี่ยงแก้วลงเตียงอีกครั้ง
“เพื่อนมึง ไอ้ดิว รวมทั้งมึง รวมหัวกันลอบกัดกู แต่กูจะเอาคืนให้หมด เทคโนT กูจะค่อยๆเก็บไปทีละคน ทำกูไว้เจ็บแค่ไหน กูจะให้พวกมึงเจ็บกว่า”
“ทำไมหยุดไม่ได้ จะอาฆาตแค้นกันไปถึงไหน คนเขามีพ่อมีแม่ มึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยเหรอที่ไปทำร้ายเขา?” แก้วท้าวแขนยันเตียงต่อปากต่อคำด้วยความที่เขาเองก็เหลืออดแล้วเหมือนกัน
ฝิ่นขึ้นคล่อมบนตัวแก้ว ดึงคอเสื้อคนบนเตียงให้เผชิญกับสายตาที่เยือกเย็น
“แล้วเพื่อนกูล่ะ! เพื่อนกูโดนเพื่อนมึงฆ่า มึงกลับปกป้องเพื่อนมึงที่เป็นฆาตกร มึงรู้สึกรู้สาอะไรบ้างไหม?”
“กู...” เขาพูดไม่ออก ในเมื่อสิ่งที่มันตอกกลับมาเป็นความจริงซะจริงกว่าจริง
ถ้ามันยังไม่จบล่ะก็...
“กูรับผิดชอบคนเดียวก็ได้” เขาพูดโดยไม่มองหน้าคนที่อยู่ข้างบน เขาไม่อยากให้คนอื่นมารับเคราะห์แทนในสิ่งที่เขาและเพื่อนก่อ หรือบางที
ถ้าเขาไม่เข้ามายุ่งอย่างที่มันว่า ...เรื่องคงจบแค่ที่ไอ้พงษ์
แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้แล้ว
“หึ มึงต้องรับผิดชอบที่เป็นต้นเหตุเรื่องนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่มึง ทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างนี้ คนอื่นจะไม่ต้องเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัวของมึง กูจะทำให้มึงเจ็บจนแทบกระอักเลือดตาย แต่กูไม่ให้มึงตายง่ายๆหรอก ไม่ต้องกลัว อย่างมึงมันไร้ค่าเกินไปสำหรับกู”
แล้วต้องทำยังไง ชดใช้ด้วยชีวิตพอไหม? คำตอบคือไม่เห็นๆ
แล้วจะให้เขาต้องทำยังไงกับปัญหาที่ไร้ทางออกอย่างนี้
“ทำไมกูให้มึงต่อยรู้ไหม? เพราะกูต้องแน่ใจว่ามึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู แต่ถ้าเป็นตัวประกันล่ะก็ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม จากนี้ กูจะตามมึงไปทุกที่ กูจะสร้างหายนะให้พวกมึงด้วยตัวกูเอง!”
สายตาที่เคยโศกเศร้าได้หายไปจากผู้ชายคนนี้แล้ว เหลือเพียงความแข็งกร้าววาวโกรธที่เต็มเปี่ยม เพียงแค่มองเข้าไปยังนัยน์ตาก็เหมือนดังถูกฟาดด้วยท่อนเหล็กแข็งจนแทบทรุด แก้วเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนถูกผลักให้หลังชนเตียงแล้วตามด้วยเสียงปิดประตูดังปัง!อย่างตั้งใจให้ขวัญกระเจิง
เขาผิดไปแล้ว นี่ใช่ไหมจุดจบของคนเห็นแก่ตัวเช่นเขา ถ้ามันจะชดใช้อะไรให้ฝิ่นได้ เขายอมทุกอย่างแต่อย่าต้องให้ใครที่ไม่เกี่ยวข้องมารับกรรมแทนพวกเขาด้วยเลย
.................................
สวัสดีค่ะ เหนื่อยจัง เพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืนวานนี่เอง หนีน้ำไปสองอาทิตย์ก็ยังไม่ยอมมาบ้าน พรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิซละ
คนอ่านลืมกันรึยังเน้อออ T^T ตอนนี้เนื้อเรื่องกำลังเดินแล้วนะคะ(นี่แกเดินแล้วหรือ??) อิอิ เดินนิดนึงแล้วเห็นไหมหนอT^T ซึ่งยังคงความยานขาดความกระชับเช่นเคย ปมสร้างไว้หมดแล้วจากตอน ๑-๔ ซึ่งคนเขียนไม่สร้างเพิ่มแน่นอนค่ะ จากนี้ไปจะค่อยๆคลี่คลายแล้ววว
ขอบคุณทุกกำลังใจและคำบอกกล่าวนะคะ ตรงไหนที่งงๆกันก็บอกเป็นจุดๆมาได้ซีซั่นจะได้รู้ว่ามันคือบทที่เราตั้งใจให้ขาดหรือเราพลาดอีกจะได้แก้ไขได้ตรงจุด
ว่าจะเอาช่วงตะลอนๆหนีน้ำจืดไปหาน้ำเค็มทำสต็อคไว้สักหน่อยจนเวลาล่วงเลยถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีเช่นเคย น้องๆชวนนับเลขทั้งวันทั้งคืนเลย แต่เค้าก็รีบมาปั่นต่อแล้วน๊า...
คุณdawnthesky เราเป็นกำลังใจให้นะคะ ^^
กอดทุกคนเลย จุ๊บๆ (แอร๊ คนเขียนติดจุ๊บอะ)