โรเรเนสถูกพาตัวไปยังคอกกึ่งกลางห้อง ใบหน้าเขาแดงก่ำคราบน้ำตายังมีอยู่บนสองแก้มแต่แววตานั้นกลับดูกร้าวและอัดอั้นปวดร้าวเป็นอย่างมาก
“เอาล่ะ ตามธรรมเนียมเจ้าต้องแนะนำตัวก่อนจะเริ่มรับการไต่สวนนะ โปรดแนะนำตัว”
หน้างามกัดฟันแน่นก่อนจะเอ่ยอย่างหนักแน่น
“ข้ามีนามว่าโรเนเนส องค์เทพแห่งพืชพันธุ์ ผู้พิทักษ์แห่งสปันเทียตามกำเนิด ....” เขาสูดหายใจลึกก่อนกล่าวต่อ “ข้ากำเนิดขึ้นมาจากคำสั่งขององค์คาออสผู้สร้างสรรค์โลก โลกที่พวกท่านทั้งหลายเหยียบยืนกันอยู่ในบัดนี้ ข้าถูกสร้างมาโดยองค์มหาเทวีคารามิสเพื่อห็เป็นเทพเบื้องซ้ายขององค์คาออสคู่กับองค์เฟรทริสผู้เป็นเทพเบื้องขวาแลเป็นเทพแห่งนักรบ แล้วหากจะพูดเรื่องความจำเสื่อม จริงว่าข้ายังจำความทั้งหมดไม่ได้แต่สิ่งที่ระลึกได้และเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆก็เป็นเรื่องบนสวรรค์หาใช่เรื่องชาวบ้านดาษดื่น ข้ายื่นยันว่าข้าเป็นเทพและไม่ได้เสียสติ พวกนักบวชและท่านหมอนั้นบริสุทธิ์ หากจะขัดใจที่รับไม่ได้ว่าข้าเป็นเทพก็ฆ่าข้าเสียอย่าให้มันลามไปถึงผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง”
“แต่องค์เทพต้องมีangel syrupแต่เจ้าไม่มีเช่นนี้จะเป็นเทพได้อย่างไร”
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าด้วยเล่ห์กลอันใดจึงทำให้ร่างกายข้าเป็นเช่นนี้ แต่หากจะให้ข้าโป้ปดให้เป็นอื่น ด้วยศักดิ์ศรีแห่งเทพข้าก็ไม่อาจทำได้!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นจากทั่วทุกมุมห้อง ครานี้ท่านศาลเปิดโอกาสให้ผู้คนในห้องได้เป็นฝ่ายถามเอง พอเป็นแบบนี้ก็เกิดมีคำถามมายกมายหลายเสียงไล่ระดมลงมาโดยที่เด็กหนุ่มก็หันตอบกลับไปอย่างทันทีในแทบทุกคำถาม
“
ไร้สาระ! ไม่มีangel syrupแล้วเจ้าจะเป็นเทพได้อย่างไร”
“ก็ถ้าความโง่งมของพวกท่านมันบังตา ต่อให้ข้าพิสูจน์ได้ชัดเจนเพียงไรก็ไร้ประโยชน์”
“เจ้าความจำเสื่อม จะเชื่อได้อย่างไรว่าตนเองเป็นเทพ เจ้าจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแม้แต่ตัวเจ้าเองยังยืนยันกับตัวเองไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นใคร”
“ข้ารู้ตัวข้าดีมันไม่มีทางเป็นอื่นได้”
“เจ้าก็โดนเขากล่อมมา”
“ไม่จริงข้าเป็นเทพ!”
“เจ้าจะยืนยันความเป็นเทพได้อย่างไรกัน”
เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น อารมณ์โกรธขึ้นท่วมจนถึงตา ศาลส่งสัญญาณว่าให้ทุกคนพอได้ก่อนเขาจะกลับมาเป็นผู้ถามความเอง
“เรื่องที่เจ้าเป็นทพเราจำเป็นต้องปัดให้ตกไปด้วยเพราะหลักฐานเรื่องangel syrup ที่องค์ราห์โอยืนยันมาเองว่าเจ้าไม่มี ที่นี้ตอนนี้สถานะของเจ้าไม่ใช่เทพแต่มีเพียงสองที่ให้เจ้าได้เลือก 1.เป็นคนบ้า 2.เป็นผู้ร้ายสมรู้ร่วมคิด คิดดีๆ หากเจ้ายอมรับว่าบ้าเจ้าก็จะไม่ได้รับโทษหรอกนะ”
“คนบ้าที่ไหนเขาบอกว่าตัวเองบ้ากัน ถ้าข้ายอมเช่นนั้นพวกท่านก็จะประหารข้าพร้อมกับท่านหมอหลวงอยู่ดีเพราะการที่ข้าตอบแบบนั้นก็เท่ากับว่าข้ากลัวความผิดแบบนั้นมันก็ยืนยันด้วยคำพูดของข้าไปสิว่าข้าไม่ได้บ้า!”
“อืม ฉะฉานดี ตอบได้รอบคอบเช่นนี้เจ้าก็ไม่ได้บ้า”
“ใช่ข้าไม่ได้บ้า” เสียงแค่นขำดังลอดออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง
“ข้ายอมรับก็ได้ว่าข้าผิดเองทั้งหมด ตั้งใจลวงหลอกผู้คนโปรดประหารข้า ตัดสินข้า อย่าเอาคนที่ไม่เกี่ยวเข้ามาเลย”
“หากเจ้ากระทำทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงคนเดียวงั้นเล่าให้ละเอียดได้ไหมว่าทำอย่างไร”
“.........”
“เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม มันต้องมีคนช่วยเจ้า”
“.........”
จนแต้ม...โรเรเนสกัดฟันแน่นแล้วก้มหน้านิ่ง ไม่ว่าทางไหนท่านหมอก็ต้องโดนลงโทษ แม้นเขาจะยอมเป็นคนร้ายหรือยอมเป็นคนบ้า ก็ไม่มีทางเลยที่ท่านหมอและนักบวชผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะโดนลงทัณฑ์ไปด้วย
จนแต้ม...เทพบ้าอะไรแม้นแต่คนที่ตัวเองห่วงใยก็ยังปกป้องไม่ได้ เทพบ้าอะไรที่มนุษย์ตัวเท่าเศษดินต้องมาเสียสละให้ ล้านปีที่เคยทำมาเหมือนไร้ค่าไปเลยเมื่อมาถึงจุดนี้ ส่วนเล็กๆตรงนี้ในห้องแคบๆ ไม่ใช่ภูผาใหญ่อย่างที่เขาเคยเสกสรร แต่ตรงนี้เท่านั้นเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย เทพบางองค์อาจยินดีที่จะมีมนุษย์มาสละชีวิตให้ แต่ไม่ใช่เขา เขาเป็นเทพแห่งความงอกเงยหากต้องมีสิ่งใดล่มจมหรือสูญเสียไปเพราะตัวเขานั้นไม่อาจยอมได้
ไม่อาจยอมได้....จะทำร้ายเขาแบบไหนเขาก็จำยอมมาได้โดยตลอด หากแต่จะมาทำร้ายคนอื่นแบบนี้....ไม่ได้
เทพหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาด้วยตากร้าว สัมปชัญะดีๆพลันหายกระจายไปแรงโทสะที่ท่วมขึ้นส่งให้เข้าเค้นเสียงออกมาอย่างกระด้าง
“โง่งม”
“จะ เจ้าว่าอะไรนะ”
“
โง่!โง่กันหมด พวกเจ้าทั้งหลายเป็นมนุษย์ที่ขาดไร้ซึ่งสติปัญญาอย่างสิ้นเชิง จิตใจอันต่ำช้าละโมบด้วยอำนาจและการฉ้อฉนมันท่วมท้นอยู่ในห้องนี้ ทั้งเน่าทั้งน่าสอิดสะเอียด เจ้าพวกขุนนางตาบอดจิตวิญญาณอันต่ำตมพวกเจ้าไม่อาจระลึกได้เลยรึ ไม่อาจไตร่ตรองได้เลยรึ ทั้งหมดนี้ก็แค่ภาพลวงตา ต่ำแหน่งของพวกเจ้า อำนาจของพวกเจ้ามันก็แค่เศษธุลีแห่งองค์เทพทั้งปวง บาปหนักหนาเพียงไรที่พวกเจ้าบังอาจมาตัดสินผู้เป็นเทพ บาปหนาเพียงไรที่พวกเจ้าบังอาจจะลงทัณฑ์มนุษย์ผู้สูงส่งเช่นท่านหมอคนนี้”
“
พอได้แล้ว!!!!!”
เสียงกัมปนาถดังขึ้นดังฟ้าสั่นองค์ราห์โอลุกยืนขึ้นด้วยโทษะจริตพุ่งพล่าน
“
ข้าทนฟังเจ้าพล่ามไร้สาระและกระทำตนอันหยาบคายมามากพอแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลในที่นี้คือผู้ทรางเกียรติเจ้าไม่มีสิทธิ์หยามเหยียดพวกเขาเหล่านี้! คนคลั่งเช่นเจ้าไม่มีสิทธิ์จะมาต่อว่าใครทั้งนั้น”
หน้างามที่บัดนี้กัดกรอดถมึงทึงสบตากร้าวของอีกฝ่ายอย่างไม่หวาดหวั่น
เต็มที่ก็แค่ตายถ้าแย่กว่านั้นหน่อยพวกคนบริสุทธิ์อีก 5 คนก็ตายด้วย ถ้าไหนๆก็จะเป็นวันสุดท้ายเขาไม่ยอมจากไปโดยไม่ลุกขึ้นทำอะไรเช่นนั้นหรอก
“ข้
าเป็นเทพ เป็นมาตลอด โรเรเนสเป็นนามของข้า!” บุรุษทั้งสองจ้องตากันเขม็ง.....ไม่อาจเชื่อได้เลยว่าเคยเป็นคนที่เค้าเคลียกันมาก่อน เบื้องหน้าที่โกรธเกรี้ยวลึกลงไปในแววตาของทั้งสองกลับซ่อนความเศร้าลึกที่ต่างฝ่ายก็ไม่อาจเยียวยากันได้ทั้งคู่คั่งค้างอยู่
มันเจ็บลึกอย่างไม่อาจใช้คำศัพท์ใดมาอธิบายได้หยาดน้ำตาใสเริ่มไหลริน รินลงมาโดยที่สีหน้ากร้าวร้าวนั้นยังอยู่ ริมฝีปากแดงสั่นระริกก่อนจะรวมลมหายใจที่มีอยู่เค้นคำพูดออกมาให้ชัดเป็นคำโดยไม่ปล่อยโฮออกมาเสียก่อน
“ข้า...อึก..ข้าไม่เคยโกหกเจ้า...ฟารัน ไม่เคย และไม่มีวัน ข้าคือโรเรเนส คนเดิมที่เจ้าเฝ้าอธิฐานมาให้ตั้งแต่เด็ก .....หากแม้นเจ้าอยากได้ข้อพิสูจน์...สิ่งเดียวที่ข้าให้ได้ในตอนนี้ ...ฆ่าข้าซะ”
!!!
“ฆ่าข้าตรงนี้แล้วกายหยาบนี้จะกลับคืน...มันจะกลับคืนเป็นเทวรูปองค์ปฐมเช่นเดิม ฆ่าข้าเสียตรงนี้”
ครานี้องค์ราห์โอกลับหน้าถอดสี เข้านิ่งไปด้วยไม่เชื่อหูตนเอง
“ฆ่าข้า...ฆ่าข้าเสีย” เทพหนุ่มเดินย่างลงจากคอกตรงมาทางบัลลังค์
“
ฆ่าข้าสิ ฆ่าข้าเดี่ยวนี้!” เขาพุ่งตรงไปที่ฟารันเหล่าทหารกรูกันมาจับไว้แต่เราก็ดิ้นสุดแรงพลางตะโกนลั่นจนคอแทบแตก
“
ฆ่าข้าสิ ฆ่าข้าาาาาาาาาาาาาาาา!!!!”
ฉับพลันด้วยท้าทาย ฟารันกัดฟันแน่นก่อนจะชัดดาบออกจากฝักข้างเอวของทหารทีใกล้ตัวที่สุดแล้วตวัดเร็วจี้จ่อคอหอยบุรุษเกศม่วง
ทุกอย่างหยุดนิ่ง..........
ดาบเงาเงินสะท้อนแสงแวว ปลายแหลมขอมันจ่อนิ่งอยู่ที่คอระหงขาวเนียนของอีกฝ่าย ไม่เกิดการฟาดฟันกันขึ้นทุกอย่างเงียบเย็นเหมือนคืนเดือนมืด
จนกระทั่งเงาร้ายเริ่มปรากฎลึกลงไปในแววตาสีม่วงจางนั่น มันเหมือนจักรวาลทั่งมวลถูกดูดลงไปในความว่างเปล่านั้น ดวงตาของหน้างามที่จ้องมองลึกเข้าในตัวอีกฝ่ายนั่นไร้ซึ่งทุกสิ่งเท่าที่จะมีชีวิตแบบที่กษัตริย์หนุ่มจะรู้จัก มันว่างเปล่า เย็นชาและเปี่ยวด้วยอำนาจบางอย่างที่น่าขนลุก
ริมฝีปากบางงามนั้นเอ่ยขึ้นอย่างแผ่นเบา
“อย่านิ่งสิฟารัน....อย่านิ่ง”
จบคำร่างนั้นก็เป็นฝ่ายเคลื่อนเข้าหาคมดาบนั่นเอง ไสคอขาวเข้าลูบคมโลหะเงานั้นทีละน้อยจนค่อยๆจมลึกลงอย่างรวดเร็วเลือดสดพลันไหลออกมาให้ได้เห็น แต่ก่อนที่คมนี้จะบาดลึกผ่านผิวหนังลงไปได้ฟารันก็เหวี่ยงดาบทิ้งลงพื้นทันที หากแต่เลือดนั้นก็ยังไม่หยุดไหลมันไหลลงมาจนเกือบจะเรียกได้ว่าไหลอาบ
แล้วเด็กหนุ่มก็ร่วงลงสู่พื้นห้องโถง ผู้คนทั้งหลายกรูกันเข้ามาหา ท่านหมอข้ามคอกออกมาคนแรก ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก แต่สำหรับโรเรเนสภาพที่เห็นนับกลับเชื่องช้าเหมือนภาพเบลอๆ ผู้คนมากมายเริ่มเข้ามารุมเขาแล้วศีรษะเหล่านั้นก็บดบังหน้าคมที่ตื่นตะลึงนั้นให้พ้นไปจากสายตา
โรเรเนสไปแล้ว?....
เหมือนหัวใจหายไปเสียเฉยๆ
เหมือนวิญญาณทั้งมวลหล่นวูบหายไปใต้พื้นหิน
ฟารันนิ่งตะลึงอยู่ไม่นาน ก่อนสีหน้าของเขาจะแปรเป็นร้าวรานความปั่นป่วนปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งตัวออกจากฝูงชน เดินอย่างเร็วออกมาให้ไกล ไกล ไกลขึ้นอีก เร็ว และเร็ว เร็วขึ้นอีก ผ่านทุกอย่างผ่านทุกห้อง พ้นตัวอาคาร พุ่งออกไปอย่างไม่รู้ทิศทางจนเมื่อทุกอย่างแทบจะทะลักออกมาเขาก็พบตัวเองอยู่กลางสวนลับของตน
แล้วก็ทรุดลงอย่างไร้แรง สองมืออันสั่นเทายกขึ้นมาแววตาที่ท้นด้วยทรมาณมองดูมือคู่นั้นอย่างเจ็บปวดก่อนจะใช้พวกมันกอบกุมศีรษะของตนไว้แล้วโน้มตัวที่สั่นเกร็งของตนลงกับพื้นดิน จรดแน่นแนบมัน ร่างนั้นสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจกลั้นท้ายแล้วเขาก็ต้องเปล่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด
“
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!”
ร้อง......
ร้องมันออกมา ...........
สองมือจิกเกร็งลงที่พื้นหญ้า
ก่อนเสียงจะขาดห้วงไป
แล้วแผ่วเบา...
เบาจนต้องเงี่ยหูฟังดีๆถึงจะได้ยิน
ได้ยินองค์ราห์โอองค์นี้สะอื้นอยู่
---------------
ใจเย็นๆนะคะ ใจเย็นๆ(บอกตัวเอง?) เรื่องยังไม่จบค่ะ ยังไม่มีใครสิ้นชีพนะคะ บ้าคลั่งไปหน่อยก็อย่าถือสากันนะคะ
ขอบคุณที่มาอ่าน[/color] [/size]