ตอนที่ 30
ในวันฟ้าสดใสของเช้าวันหยุดที่จะได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่วันนี้ทั้งกานต์รักและแพทริกตั้งใจจะทำกิจกรรมบางอย่างซึ่งอยู่ดีๆต่างฝ่ายก็นึกอยากทำขึ้นมาเป็นการใช้เวลาด้วยกันในอีกแบบ
เริ่มจากในตอนเช้าตรู่ ณ ห้องออกกำลังกาย
“เริ่มจากเดินช้าสลับเร็วสิบนาที จากนั้นค่อยวิ่งโอเคไหม” ร่างสูงยืนอยู่ข้างลู่วิ่งเอ่ยบอกกับกานต์รักที่ยืนเตรียมพร้อมเรียบร้อย
“ครับ” ใบหน้าเล็กกดลงรับแข็งขัน
“ฉันกดstartนะ”
ตัวเลขบนจอเครื่องปรากฏเป็นสัญญาณนับถอยหลังจากสามไปจนถึงหนึ่งก่อนสายพานจะทำหน้าที่เคลื่อนตัวให้เท้าเล็กๆเริ่มก้าวเดิน
กานต์รักไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเป็นชิ้นเป็นอันนักวันนี้เป็นวันหยุดจึงอยากจะเริ่มต้นทำอะไรเพื่อให้ตัวเองนั้นมีสุขภาพที่ดีโดยมีแพทริกคอยดูแลอยู่ไม่ห่างพร้อมทั้งกดเพิ่มสปีดขึ้นเรื่อยๆตามความเหมาะสม
“แฮกๆ นะ เหนื่อยจัง...เลยครับ”
ออกแรงวิ่งเหยาะๆได้ไม่ถึงสามนาทีกานต์รักก็หันมาพูดด้วยใบหน้าบิดเบ้ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมตามกรอบหน้า หน้าอกบางสะท้อนขึ้นลงเร็วตามจังหวะการหายใจ
“เพิ่งเริ่มเอง อดทนหน่อย พยายามหายใจทางจมูกเข้าไว้”
กานต์รักรีบหุบปากที่กำลังหอบหายใจฉับก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาจิบเล็กน้อย จากนั้นจึงสูดลมหายใจสร้างความฮึกเหิมให้กับตัวเองแล้วออกแรงวิ่งต่อ
“แฮก แฮก...”
กว่าจะถึงเวลาที่แพทริกกำหนดเอาไว้ร่างเล็กก็หมดแรงทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ หยาดเหงื่อไหลซึมไปทั่วร่าง ความร้อนลอยโอบล้อมรอบกาย หัวใจเต้นถี่
“หมดสภาพเลยเหรอหืม”
แพทริกนั่งยองๆลงตรงหน้าคนหมดสภาพพลางยกยิ้มให้กับภาพที่เห็น มือหนาเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับเหงื่อออกให้กานต์รักแผ่วเบา
เส้นผมเปียกชื้น แก้มเนียนสองข้างแดงปลั่ง...ช่างเป็นภาพที่น่ามอง
“ระ แฮก รัก ไม่มี แรงแล้วครับ”
“แรกๆก็อย่างนี้”
“วันนี้ พอแค่นี้ ดะ ได้ไหมครับ”
เสียงร้องขอนั้นเว้าวอนจนแพทริกได้แต่ส่ายหน้าให้กับความอดทนที่แสนน้อยนิดในเรื่องการออกกำลังกายของคนรัก
วิธีเอาตัวรอดของเขาล่ะ
แต่แพทริกเองก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่ตัวเองแสนจะได้เปรียบเช่นเดียวกัน
ใบหน้าคมเอียงเข้าหา เคาะข้อนิ้วเข้ากับแก้มของตัวเองเบาๆให้ดวงตาโตเบิกมองก่อนจะยอมกลั้นความเขินกดจมูกลงไปเร็วๆ
แลกกับการพอแค่นี้อะไรก็ยอมทั้งนั้น
“โอเค วันนี้พอแค่นี้” คนเจ้าเล่ห์พูดง่ายๆก่อนจะเป็นฝ่ายกดจมูกเข้ากับใบหน้าชื้นเหงื่อหนักๆ
“แค่นี้ก็เอาเหรอครับ” กานต์รักส่ายหน้าถามพร้อมทั้งยิ้มอ่อนกับการตอดเล็กตอดน้อยนี้
“หรือจะให้มากกว่านี้?”
“หะ ให้อะไรกันครับ เหงื่อเต็มเลย...แล้วคุณแพทจะออกกำลังกายต่อไหมครับ”
“อืม คงอีกสักชั่วโมง นายขึ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
“งั้นรักขึ้นไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงมาดูอาหารเช้าด้วย” แพทริกพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยื่นมือส่งให้คนรัก เมื่อกานต์รักเอื้อมมาจับจึงออกแรงรั้งให้ลุกขึ้นยืน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“คิก คุณแพทน่ารักจังเลยครับ”
เรือนร่างสูงใหญ่บวกกับใบหน้าคมดุทำให้อีกคนดูแปลกตาไปยามสวมผ้ากันเปื้อนสีสันสดใสอยู่บนร่างกาย แม้จะยังดูกระดักกระเดิกแต่กานต์รักมองว่ามันก็เข้ากับแพทริกไปอีกแบบ
“ไม่มีผ้ากันเปื้อนสีอื่นแล้วหรือไง”
“สีนี้ก็น่ารักออกครับ เข้ากันกับของรักเลย”
แพทริกมองผ้ากันเปื้อนสีเหลืองอ่อนที่ดูเข้ากับกานต์รักอย่างลงตัวก่อนจะก้มลงมองผ้ากันเปื้อนสีฟ้าของตัวเองแล้วถอนหายใจ
“พอฉันใส่แล้วมันแปลกๆ”
“ไม่แปลกหรอกครับ...เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า รักเตรียมส่วนผสมไว้ให้แล้ว”
“ต้องทำอะไรก่อน ทำไมมันเยอะแยะไปหมด”
“ไม่เยอะเลยครับ วันนี้เราจะทำทาร์ตช็อกโกแลตมีส่วนผสมแค่หกอย่างเท่านั้นเอง รักเลือกแบบที่ทำง่ายมากๆ ไม่ต้องใช้เตาอบด้วย คุณแพททำได้แน่นอน”
“ฉันอาจจะทำครัวพังไปเลย”
“ไม่พังหรอกครับ”
กานต์รักระบายยิ้มก่อนจะบอกให้แพทริกเทโอริโอ้ที่คว้านไส้ออกลงไปในเครื่องปั่น ท่าทางกดเปิดเครื่องอย่างเก้ๆกังๆทำให้คนมองถึงกับหลุดยิ้ม
กระทั่งเมื่อได้ที่จึงบอกร่างสูงกดปิดแล้วเทโอรีโอ้ที่ละเอียดพอประมาณลงใส่ถ้วย มือบางเอื้อมไปหยิบเนยที่ละลายไว้แล้วค่อยๆเทลงผสมโดยมีแพทริกทำหน้าที่คนให้เข้ากัน
“คุณแพท เบาๆครับ” เพราะน้ำหนักมือที่มากเกินทำให้บางส่วนในถ้วยกระเด็นออกมาข้างนอก
“เดี๋ยวมันไม่เข้ากัน”
“คนนานๆก็ได้ครับ แบบนี้รักกลัวว่ากว่าจะเข้ากันในถ้วยคงไม่เหลืออะไร” กานต์รักพูดพร้อมทั้งหัวเราะ
“นี่แรงไปเหรอ”
“ครับ ต้องเบาลงอีกหน่อย” นักเรียนกิตติมศักดิ์พยักหน้ารับก่อนจะยอมเบามือลงอย่างที่คุณครูแนะนำ
พอโอรีโอ้บดและเนยเข้ากันเรียบร้อยกานต์รักก็เทลงใส่ถาดพายยาวก่อนจะใช้ช้อนกดลงให้แน่น ทำให้อีกคนดูไม่กี่ครั้งก็ละมือให้แพทริกได้ลองทำจากนั้นจึงเอาเข้าตู้เย็นเอาไว้ก่อน
“เก่งมากครับ คราวนี้เรามาทำช็อกโกแลตกันต่อเลย เดี๋ยวรักอุ่นวิปปิ้งให้แล้วคุณแพทก็แค่คนให้เข้ากับช็อกโกแลตก้อนที่เตรียมไว้นะครับ”
“โอเค”
ร่างบางขยับตัวไปหยิบกระทะที่เตรียมเอาไว้ก่อนจะตั้งไฟอ่อนๆแล้วเทวิปปิ้งครีมลงเพื่ออุ่นให้ร้อนพอที่จะทำให้ช็อกโกแลตละลาย แพทริกมองท่าทางหยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องแคล่วนั้นเพลินตา
“อย่าเพิ่งคนนะครับ รอสักหนึ่งนาทีก่อน” กานต์รักเทวิปปิ้งครีมลงในถ้วยช็อกโกแลตก้อนพลางเอ่ยบอกกับอีกคน
“ทำไมล่ะ”
“ต้องรอให้ช็อกโกแลตละลายก่อนสักหน่อยครับ”
คนฟังพยักหน้ารับช้าๆจนเมื่อได้เวลากานต์รักจึงมอบหน้าที่ต่อให้แพทริก เสียงหวานอ่อนโยนคอยบอกกำกับอยู่ไม่ห่างแต่ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ก็พลั้งมือใช้แรงมากเกินจนช็อกโกแลตในถ้วยกระเด็นเลอะตามตัว
“คุณแพท! อยู่เฉยๆครับเดี๋ยวรักเช็ดให้”
กานต์รักกระวีกระวาดหยิบทิชชู่ที่วางอยู่มาซับไปตามผ้ากันเปื้อนที่เปื้อนด้วยรอยด่างสีเข้มให้อย่างรวดเร็ว บางส่วนก็กระเด็นมาจนถึงคอเสื้อและใบหน้าคม
มือบางคอยเช็ดรอยคราบออกให้กระทั่งถึงข้างแก้มสากจึงได้ไล้สายตาขึ้นมองใบหน้าของคนร่างสูง
“คิก อุบ ขอโทษครับ”
“หัวเราะอะไร”
คนไม่รู้ตัวถามเสียงฉงนขณะที่กานต์รักนั้นกำลังพยายามกลั้นขำให้กับภาพที่เห็น
รอยเลอะสีเข้มของช็อกโกแลตที่กระเซ็นมาจนถึงปลายจมูกโด่งแต่งแต้มให้อีกคนดูตลกราวกับกวางที่มีสีอยู่บนจมูก ถึงแม้จะพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ทว่าแรงสั่นจากไหล่ทั้งสองข้างก็โยกไหวจนแพทริกต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูใบหน้าของตัวเอง
“หัวเราะฉันเหรอ กล้าหัวเราะฉันใช่ไหม”
มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวเล็กให้ขยับเข้าหาก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้ กดปลายจมูกถูไถเข้ากับจมูกของอีกคนสะเปะสะปะไปทั่วจนถึงแก้มเนียน
“อื้อ คุณแพท ฮ่ะๆ”
“หัวเราะฉันนักต้องโดน” แพทริกยกยิ้มมองคนที่หัวเราะจนตัวอ่อนก่อนจะไล้จมูกให้ใบหน้าหวานเลอะจนทั่วไปด้วยกัน
“ฮะ ยอมแล้วครับ อึก ฮ่ะๆ รักยอมแล้ว”
กระทั่งจนพอใจแพทริกจึงยอมอยู่เฉยทำเพียงแค่แตะปลายจมูกไว้อย่างนั้น แนบชิดให้กลิ่นหอมอ่อนจากขนมอบอวลออกมาจากเรือนกายบาง
“ขนมยังไม่เสร็จเลยนะครับ”
สัมผัสที่ลากไล้ไปตามข้างแก้มทำให้กานต์รักรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังเริ่มต้องการอะไรบางอย่าง
“กินขนมชิ้นนี้ก่อนได้ไหม”
“อื้อ ทำขนมให้เสร็จก่อนนะครับ อีกนิดเดียว”
“แสดงว่าถ้าทำเสร็จแล้วฉันกินได้”
“คุณแพทคนหื่น นี่ในครัวนะครับ”
“ต้องโทษนาย ทำเสน่ห์ใส่ฉันหรือไงหือ แค่อยู่ใกล้ก็ทำให้
อยากได้ตลอดเวลา”
“ยะ อยากอะไรกันครับ...ปล่อยรักก่อนนะ จะได้ทำขนมต่อ คุณแพทอยากทานไม่ใช่เหรอครับ”
แพทริกสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะยอมผละตัวออกห่างจากความเนียนนุ่มหอมกรุ่นตรงหน้าในที่สุด
ถ้ายังใกล้ชิดกันอยู่แบบนี้ไม่พ้นว่าห้องครัวคงต้องเปลี่ยนเป็นห้องนอนชั่วคราว
“เอาล่ะ ทำต่อเถอะ ฉันจะได้กินขนมของตัวเอง”
“คุณแพทห้ามเข้าใกล้รักด้วยนะครับ”
คนที่ไม่รู้ว่าขนมที่แพทริกหมายถึงนั้นคือตัวเองได้แต่บอกอีกฝ่ายเสียงเบาก่อนจะหันไปคนช็อกโกแลตอีกไม่กี่ครั้งแล้วเทลงใส่ถาดพายที่มีโอรี้โอ้บดคลุกเนยรองอยู่ก่อน
กระทั่งเรียบร้อยกานต์รักจึงเอื้อมมือไปหยิบสตอร์เบอร์รีมาตกแต่งหน้าก็เป็นอันว่าเสร็จ
“ง่ายมากเลยเห็นไหมครับ แค่บดๆคลุกๆแล้วก็เทลงแค่นี้ก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวแช่ตู้เย็นสักสองสามชั่วโมงค่อยเอาออกมาแต่งหน้าอีกทีนะครับ”
“อืม...แต่ตอนนี้ฉันก็เริ่มอยากได้อะไรที่
บดๆเหมือนกัน”
“อะไรเหรอครับ เดี๋ยวเราทำกันต่อทีเดียวเลยก็ได้”
“นายพูดเองนะ”
กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดท่าเผลอตกปากรับคำอะไรไปริมฝีปากเล็กก็ถูกทาบทับลงมาปิดกั้นทุกข้อประท้วง กานต์รักตกใจและยังคงมึนงงจึงถูกมอมเมาด้วยสัมผัสอันช่ำชองโดยง่าย ฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปทั่วกระตุ้นทุกอย่างให้เตลิด
เมื่อทุกอย่างกำลังจะรั้งรอต่อไปอีกไม่ไหวแพทริกจึงรีบผละออกก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นมาแล้วก้าวเร็วๆขึ้นบันไดไปสู่ห้องนอนด้วยความรวดเร็ว
และเป็นอีกครั้งที่กานต์รักพ่ายแพ้ต่ออีกคนอย่างหมดรูป
“คุณแพทเคยคิดว่าตัวเองหื่นเกินไปบ้างหรือเปล่าครับ”
กานต์รักเอ่ยถามคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังซึ่งคลอเคลียกันไม่ห่างอย่างเง้างอนหลังจากบทรักแสนร้อนแรงตั้งแต่หัววันผ่านพ้นไป
“หึ ผู้ชายก็คิดเรื่องแบบนี้กันแทบทุกนาทีนั่นแหละ”
“แต่รักว่าคุณแพทอาจจะมากกว่าคนอื่น”
“เพราะว่านายทั้งนั้น ผิวนี้ก็เนียน ตัวก็หอม ปากก็หวาน เวลาอยู่บนเตียงก็...”
“พอแล้วครับ”
ร่างเล็กพลิกตัวมาปิดปากคนที่กำลังเอ่ยถ้อยคำให้ตัวเองได้อายฉับเพราะไม่กล้าฟังประโยคที่จะถูกเอ่ยต่อมา เพียงแค่นี้คำก่อนหน้าก็พาให้พวงแก้มเห่อร้อนจนไม่รู้จะยังไง
“ไม่ให้ฉันพูดต่อเหรอ จะได้รู้ว่าทำไมฉันถึงได้หื่น” แพทริกจับฝ่ามือเล็กออกก่อนจะเอ่ยเย้าพร้อมทั้งยกยิ้ม
“พอแล้วครับ รักไม่อยากฟังแล้ว”
คนมองได้แต่หัวเราะน้อยๆกับความเขินอายที่แสดงออกมาบนใบหน้าหวานและตามผิวกายที่ขึ้นสีอย่างเอ็นดู ยอมไม่พูดต่อตามที่อีกคนบอกโดยง่าย
“ตอนเย็นเราต้องไปทานข้าวที่บ้านนู้น ต้องโดนพร้อมล้อเรื่องรักเดินแปลกๆอีกแน่เลยครับ” คิดถึงพี่ชายของตัวเองแล้วปากเล็กก็ได้แต่เบะน้อยๆ
“ฉันพยายามเบาแรงแล้ว”
“ขนาดคุณแพทเบารักยังหมดแรงขนาดนี้เลย”
“หึ นายน่าจะรู้ดีว่าถ้าฉันไม่เบามันจะเป็นยังไง”
เพราะรู้ดีว่าเย็นนี้ต้องไปทานข้าวกับครอบครัวของกานต์รักแพทริกจึงพยายามจะเบาแรงเท่าที่ตัวเองจะสามารถอดใจได้ไหว แต่ก็นั่นแหละ...เขาอดใจได้เท่านี้
“รักรู้ครับว่าคุณแพทน่ะหื่นแค่ไหน”
“ฉันยอมรับ”
กานต์รักได้แต่ยู่ปากใส่คนตัวโตที่ยิ้มรับหน้าระรื่นจนโดนแพทริกโฉบเรียวปากลงมาจูบแรงๆหนึ่งทีแล้วผละออกให้คนโดนแกล้งได้ขัดเขินยิ่งกว่าเดิม ร่างบางยังคงโดนอีกคนแกล้งอยู่อย่างนั้นจนเมื่อทนความอายไม่ไหวจึงพลิกตัวหันหลังหนี กระทั่งคนขี้แกล้งพอใจจึงงอนง้อให้กานต์รักพลิกตัวกลับมาคุยกันเช่นเดิมก่อนที่ทั้งสองจะลุกขึ้นไปอาบน้ำจัดการตัวเอง
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
เช้าวันต่อมา “วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยนะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวยามคนร่างเล็กกำลังจัดการกับเนคไทบนลำคอแกร่งให้อย่างเช่นทุกวัน กานต์รักเลิกคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนขณะที่มือก็จัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้าให้เข้าที่
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เย็นนี้ไปดินเนอร์กัน” ดวงตาคมทอประกายวาววับ มุมปากได้รูปยกยิ้มราวกับมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น
“คิดยังไงถึงชวนรักไปดินเนอร์ครับ”
กานต์รักอมยิ้มน้อยๆทอดสายตามองคนตัวโตอย่างแปลกใจ เช้านี้ดูเหมือนว่าแพทริกจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทั้งสายตาและท่าทางนั้นมีประกายแห่งความสุขลอยออกมาจางๆจนสัมผัสได้
“ก็แค่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ”
“มีเรื่องอะไรดีๆหรือเปล่าครับ”
“นายไงเรื่องดีๆของฉัน”
คำกระเซ้านั้นทำให้คนฟังถึงกับหลุดหัวเราะขณะที่สองข้างแก้มก็เห่อร้อนขึ้นมาน้อยๆ กานต์รักรู้ดีว่าคนรักแกล้งพูดไปอย่างนั้นจึงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ปากหวานแบบนี้ไปทำความผิดอะไรมาหรือเปล่าครับ รักระแวงนะ”
“หึ ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก ยังไงเย็นนี้เดี๋ยวหกโมงเย็นฉันไปรับ”
“ตามใจครับ” ใบหน้าหวานพยักรับพร้อมทั้งระบายยิ้ม
เมื่อกานต์รักกวาดสายตาสำรวจความเรียบร้อยของคนตรงหน้าเสร็จร่างเล็กก็ขยับจะผละออกแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อท่อนแขนแกร่งรั้งเอวเล็กเอาไว้ก่อนจะฉกวูบกดสัมผัสลงบนข้างแก้มเนียนเป็นการขอบคุณ
การกระทำอันรวดเร็วนั้นทำให้ร่างบางตกใจเล็กน้อยก่อนมือบางจะแตะลงบนแผ่นอกแกร่งพร้อมทั้งบ่นเบาๆ เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแพทริกก็เป็นฝ่ายผละออกจากเรือนกายหอมกรุ่นให้อีกคนได้ขยับไปหยิบสูทของเขามาไว้ในมือแล้วเดินลงไปทานอาหารเช้าพร้อมกัน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“คุณแพท...”
“ชู่ว ไม่ต้องกลัว”
เสียงปลอบประโลมที่ดังอยู่ข้างหูพร้อมทั้งความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่บีบกระชับไม่ห่างทำให้คนที่ถูกปิดตาอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
ยามเมื่อก้าวขาขึ้นรถมาอีกคนก็บอกจะมีเซอร์ไพร์สพร้อมทั้งใช้ผ้าผูกตาไว้ไม่ให้มองเห็น จวบจนตอนนี้ที่กานต์รักถูกจับจูงลงจากรถให้เดินไปตามทางก็ยังไม่รู้ว่าจุดหมายนั้นคือที่ใด
“เซอร์ไพร์สอะไรทำไมลึกลับจังครับ”
“เซอร์ไพร์สที่นายจะต้องชอบ”
“คงจะไม่ได้พารักไปทิ้งไหนนะครับ”
“รักขนาดนี้ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไง”
ประโยคแสนหวานทำให้คนที่ถูกปิดตาเอาไว้หลุดยิ้มออกมาอย่างขัดเขิน คำรักที่มีผลต่อหัวใจคนฟังยังคงเล่นงานให้กานต์รักใจเต้นอย่างทุกครั้ง ยิ่งยามอีกคนกดสัมผัสลงมาบนแก้มเนียนเบาๆความร้อนยิ่งลามไล้เล่นงาน
“จะถึงแล้ว...ก้าวขานะ”
“รักเหมือนได้ยินเสียงคลื่นเลยครับ”
แรงลมที่ปะทะเข้ากับร่างกายทำให้ในหัวนึกภาพของแม่น้ำขึ้นมาทว่ากานต์รักก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกหรือไม่
แพทริกทำเพียงแค่ยกยิ้มไม่ตอบรับขณะประคองคนร่างเล็กให้ยืนได้อย่างมั่นคงบนพื้นก่อนจะจูงมือให้คนรักเดินต่ออีกนิด
“เรือหรือครับ?” อดถามออกมาอีกครั้งไม่ได้เมื่อความโคลงโคลงที่ได้สัมผัสทำให้เดาได้เป็นอย่างนั้น
“ฉันจะเปิดตาแล้วนะ”
ร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังกระซิบบอก ฝ่ามือหนาเลื่อนไปจับผ้าที่ผูกเอาไว้ก่อนจะค่อยๆแกะปมให้คลาย ยามเมื่อสิ่งปิดบังการมองเห็นหลุดออกทุกอย่างที่เดาเอาไว้ในหัวจึงปรากฏสู่สายตา
“สวยจังครับ”
บนเรือลำใหญ่ที่กำลังยืนอยู่ตอนนี้เบื้องหน้าคือแม่น้ำสายใหญ่พร้อมทั้งอีกฝากฝั่งนั้นเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันสวยงาม แสงไฟในยามเย็นที่ทอประกายยิ่งขลับให้บรรยากาศนี้สวยงามจนไม่อาจละสายตา
“ชอบไหม”
ร่างสูงขยับเข้ามาแนบชิด ท่อนแขนแกร่งสอดรัดคล้องเอาไว้กับเอวเล็ก ความอบอุ่นจากเรือนกายสูงใหญ่แผ่ซ่านโอบล้อมรอบกาย
“ชอบมากเลยครับ ว่าแต่...มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ” มือเล็กวางลงบนท่อนแขนที่โอบพาดอยู่กับตัวก่อนจะลูบไล้ไปมาแผ่วเบา
“ฉันแค่อยากทำให้นายมีความสุข”
“ได้อยู่กับคุณแพทรักก็มีความสุขที่สุดแล้วครับ”
“หึ...เอาล่ะ ขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า เรายังมีเวลาอยู่ที่นี่กันอีกนาน”
แพทริกขยับร่างกายผละออกก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือเล็กเอาไว้แล้วเดินนำทางขึ้นบันไดไปยังชั้นบน กานต์รักเลิกคิ้วอย่างตื่นตาเมื่อสองข้างระหว่างทางถูกตกแต่งด้วยไฟหลากสีอย่างน่ารัก
โต๊ะดินเนอร์ตัวใหญ่ตั้งอยู่บนกลางเรือสำราญกว้าง รอบข้างถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำส่งให้บรรยากาศนั้นดูโรแมนติก แสงไฟสีนวลที่ประดับเป็นจุดแลดูเข้ากันได้อย่างลงตัว
และที่น่าตื่นตายิ่งกว่านั้นคือบุคคลทั้งหลายที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“มัม แด๊ด มาได้ยังไงกันครับ?!”
ดวงตาโตเบิกกว้างร้องถามเสียงหลงยามเห็นคนตรงหน้า นอกจากมัมและแด๊ดแล้วยังมีครอบครัวของกานต์รักที่อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“มัมคิดถึงรักเลยมาหา แต่เพิ่งจะเคลียร์อะไรๆเสร็จเลยเพิ่งมาได้...พระเจ้าคุ้มครองนะลูก”
แพทริเซียขยับกายลุกขึ้นก่อนจะโอบกอดคนรักของลูกชายเข้าหาพร้อมทั้งลูบไล้แผ่นหลังเล็กปลอบประโลม
“รักก็คิดถึงมัมครับ...ว่าแต่มาอยู่ด้วยกันที่นี่ได้ยังไงหรือครับ”
เมื่อแม่ของแพทริกผละออกกานต์รักจึงสบสายตากับทุกคนด้วยความสงสัย ขณะที่แพทริกนั้นทำเพียงยกยิ้ม
“นี่เลยจ้ะคนต้นเรื่อง” ผู้เป็นแม่เอ่ยตอบ ชี้นิ้วไปยังร่างสูงของลูกเขย
“คุณแพท?”
“เรื่องนั้นเอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง ทานข้าวกันก่อนดีกว่า”
กานต์รักเหลือบมองคนตัวโตที่ขยับเลื่อนเก้าอี้ออกให้ขณะที่สบสายตากับพ่อ แม่และพี่ชาย และเมื่อทุกคนล้วนพยักหน้าน้อยๆเป็นสัญญาณร่างบางจึงทรุดตัวนั่งลงทั้งที่มีคำถามมากมายอยู่ในหัว
“พร้อมก็เอากับเขาด้วยเหรอ”
กระซิบถามเสียงเบาเมื่อฝั่งซ้ายมือคือพี่ชายที่นั่งนิ่งยิ้มกริ่มมาตั้งแต่แรก พร้อมกานต์ยักไหล่แทนคำตอบก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางแพทริก
“ทุกคนรู้เรื่องกันหมดเลย”
ประโยคพึมพำพร้อมกับใบหน้าหวานที่งอเง้าน้อยๆทำให้แพทริกและทุกคนหลุดยิ้มอย่างเอ็นดู ฝ่ามือหนาเลื่อนมากุมมือเล็กที่วางอยู่บนหน้าขาของเจ้าตัวก่อนจะลูบไล้แผ่วเบา
กานต์รักเบือนใบหน้าไปหาคนรักก่อนจะระบายยิ้มออกมาในที่สุดเมื่อกวาดสายตาไปยังทุกๆคน บรรยากาศที่แสนอบอุ่นก่อเกิดในหัวใจจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
รู้เพียงแต่มีความสุขเหลือเกิน
มื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นดำเนินไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุข ทั้งสองครอบครัวต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กานต์รักมองทุกภาพเหล่านั้นก่อนจะสบสายตามองหน้าคนรักพลางกระชับมือที่กอบกุมกันอยู่ไม่ห่างอย่างขอบคุณ
เป็นเซอร์ไพร์สที่อบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด