[ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!  (อ่าน 277246 ครั้ง)

Chiren

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ใช่ว่าสู้ทำจนให้น้ำมนต์รักแล้ว นายเบสท์กลับมาจากต่างประเทศนะ

อย่างงั้น สงสารน้ำมนต์แย่เลย รักแรกมันลืมยากและมิอาจลืม

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 24



“ตี๊ด ตี๋ดีดิ๊ด ตี๊ดตี๋ดีดิ๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังข้างหูผมตั้งแต่เช้า ก่อนเวลานาฬิกาปลุกผมอีก ผมเอื้อมมือไปกดรับสายเบอร์คนที่โทรเข้าบ่อยที่สุดในช่วงนี้ แล้วนำมาแนบหู

“อัลโหล มึงตื่นยัง” เสียงปลายสายทักผมมา

“ยัง มีไร กี่โมงแล้ว” ผมทั้งตอบทั้งถามไปพร้อมเสียงงัวเงีย

“จะหกโมงเช้าแล้ว ตื่นอาบน้ำนะ เดี๋ยวกูไปรับที่บ้าน รอกูอยู่ที่บ้านละ” นายปีโป้บอกผมก่อนจะตัดสายไป ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วหลับตาอีกครั้ง






“หืออ จะมารับเหรอ” ผมสะดุ้งตื่นเมื่อสมองประมวลผลคำพูดของนายปีโป้เสร็จ

“จะมารับทำไมละเนี่ย” ผมแอบบ่นเล็กน้อย แต่ก็ยกมือถือขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ อีกไม่กี่นาทีมันก็คงได้ทำงานของมัน พร้อมกับลุกขึ้นจากที่นอน หยิบผ้าขนหนู ตรงไปเข้าห้องน้ำ





ตั้งแต่กลับมาจากบ้านนายปีโป้ สมองผมก็คิดเรื่องโน่นนั่นนี่เต็มไปหมด เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอน  นาฬิกาก็เดินเข้าวันใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว


การอยู่กับตัวเองทำให้ผมได้ตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาชีวิตผมได้เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างบอกไม่ถูก เพียงผู้ชายคนที่ชื่อปีโป้เดินเข้ามาในชีวิต อะไรหลายๆอย่างก็เข้ามาเช่นกัน ความรู้สึกหลายๆอย่างเข้ามาตามลำดับเวลา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกตกใจปนงุนงงในวันแรกเจอ ความรู้สึกไม่ประทับใจในครั้งต่อมา ความรู้สึกสงสารในวันที่ล้มรถ ความรู้สึกว่าเค้าก็มีดี ตลอดจนความรู้สึกตอนนี้ .. ที่ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง




เพียงแค่รู้สึกว่าไม่ได้เบื่อหน้าโหดๆที่มีหนวดมีเครา เก็กๆหยิ่งๆทำเท่นั้นๆอีกแล้ว  แต่ถ้าถามว่าอยากเจอทุกวันไหม







ก็คงใช่ ..









ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาจากบ้านก็เห็นเด็กช่างที่เกาะติดชีวิตผมนั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเค้า มองดูหน้าตาเหมือนคนอดหลับอดนอน ผมคิดว่าคงไม่ได้นอนนั่นแหละ ถึงได้ตื่นเช้าซิ่งมอเตอร์ไซค์มารับผมได้




“แต่งตัวนานจังวะ” เสียงคนบนรถทักผมมา

“ก็ปกติของเรา” ผมตอบพร้อมกับเดินเข้าไปหา

“งืดดดดดดด  ตัวหอมจังวะ” นายปีโป้พูด พร้อมกับเอาจมูกมาสูดดมที่ตัวผม พร้อมกับเอามือมาโอบเอวผมไว้

“ทำไรอ่ะ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่นะ” ผมพูดพร้อมกับเดินถอยหลังมา ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าตัวเองยังยิ้มๆอยู่

“โห นิดหน่อยก็ไม่ได้ ให้กูชื่นใจบ้างเหอะ” คนพูดทำท่าทางหงุดหงิด ก่อนจะยกมือขึ้นมาเพื่อจะขอโอบเอวผม

“พอเลยๆ ไปกันได้แล้ว” ผมพูดเปลี่ยนประเด็น ทำให้อีกคนหน้าหงอย รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ให้ผมซ้อน แล้วออกจากบ้านไป






“นึกยังไงมารับเนี่ย” ผมถามขณะกำลังนั่งรถไป นายปีโป้ขับช้าๆ เนื่องจากอากาศน่าจะหนาว และก็คงไม่รีบอะไรมาก เพราะนี่ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า

“ไม่ได้นึกอะไร แค่อยากเห็นหน้า” มันหันมาตอบนิดนึงก่อนจะหันหน้าตรงไปต่อ

“อยากเห็นหน้าก็รอที่วิทยาลัยก็ได้” ผมสวนไป

“อยากเห็นหน้าคนแรก” นายปีโป้หันมาตอบเหมือนเดิม ก่อนจะเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น ผมจึงเลือกจะจบบทสนทนาระหว่างเราสองคน







ไม่นานนักก็มาถึงหน้าวิทยาลัยของผม ซึ่งก็ยังเป็นเวลาเช้ามากๆอยู่ดีที่จะมีนักเรียนนักศึกษามาเรียนกัน  นายปีโป้จอดรถไว้ก่อนจะเดินเข้าร้านป้าตามสั่งไป โดยมีผมเดินตาม

“ป้าเอาโจ๊กหมูสอง โอวัลตินหนึ่ง กาแฟหนึ่ง” นายปีโป้สั่งอาหารและเครื่องดื่มให้ผมเสร็จสรรพ ก่อนเดินเข้าไปที่โต๊ะมุมในสุดของร้าน

“รู้ได้ไงว่าเราอยากกินโจ๊ก” ผมถาม

“ก็กูอยากกิน”

“เราเลยต้องกินด้วยว่างั้น”

“กินๆไปเถอะมึงอ่ะ อย่าเรื่องมากได้มั๊ย อย่าชวนกูทะเลาะด้วย กูง่วง”

“แล้วทำไม่รู้จักหลับจักนอน”

“มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย” นายปีโป้พูดพร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่เปิดอ่านหน้ากีฬา

“เรื่องอะไรเหรอ บอกเราได้ป่ะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามมัน

“เรื่องของมึงนั่นแหละ” นายปีโป้พูดผ่านหนังสือพิมพ์มา ผมจึงไม่เห็นหน้าตาว่าจริงจังหรือว่าแหย่เล่น

“คิดอะไรนักหนา เรามีอะไรให้นายต้องคิดมาก” ผมบอกไปลอยๆ ไม่อยากให้ใครมาคิดมากเรื่องของตัวเอง

“คิดว่ามึงจะชอบกู เหมือนที่กูชอบมึงบ้างมั๊ย” นายปีโป้พูดพร้อมกับวางหนังสือพิมพ์ลง สายตาทั้งคู่จ้องมาที่ผม แววตาและสีหน้าที่ดูจริงจัง ขอบตาที่คล้ำจากการขาดการพักผ่อน ทำเอาผมทำตัวไม่ถูก

“อึ้งเลยดิ มึงน่าจะชินได้แล้วนะ กูบอกชอบมึงไม่รู้กี่ครั้งแล้ว” นายปีโป้พูดอีกครั้ง ก่อนจะพิงหลังไปบนพนัก เอามือขึ้นเซ็ทผมที่ฟูๆของเขานิดหน่อย เหมือนกับคำพูดที่พูดออกมา เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เลิกจริงจังไปเสียแล้ว




“คนที่มีรักมากแบบนาย มันก็คงมองเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องง่ายๆไปหมดสินะ” ผมย้อนถามไป

“แล้วคนที่ไม่เคยมีความรักแบบนาย ทำไมต้องสร้างกำแพงไว้ซะแน่นหนาด้วยละ” แล้วนายปีโป้ก็ย้อนผมกลับมา ด้วยท่านั่งที่จริงจังอีกครั้ง




ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบคำถามนั้น  พร้อมกับที่โจ๊กและโอวัลตินมาวางอยู่ตรงหน้าผม นายปีโป้รับกาแฟมาคนๆ ก่อนจะซดเข้าปาก และตักโจ๊กกินอย่างลืมไปว่าตัวเองได้พูดอะไรออกมา จนทำให้อาหารมื้อเช้าของผมกร่อยลงไปในทันตา




กำแพง นะเหรอ .. คงถูกของนายปีโป้ ผมมันคนที่สร้างกำแพงล้อมรอบตัวเองไว้สูงและแข็งแรงมาก เพราะอย่างนี้มั้ง ผมจึงไม่มีความรักกับเขาสักที เพราะไม่มีใครที่ทำลายกำแพงและก็ไม่มีใครเคยปีนข้ามมาได้ เพราะว่าผมกลัวอะไรหลายต่อหลายอย่างถ้าให้ใครเข้ามาในหัวใจของผม  การเจ็บจากความรัก ทรมารกว่าการเจ็บแบบมีบาดแผลหลายร้อยล้านพันเท่า




ผมไม่ต้องการแบบนั้น ..




ถึงแม้ไม่เคยรับรู้ถึงการมีคนรัก แต่ความรักมันก็รายล้อมผมไม่เคยห่าง ผมแค่รับรู้ว่ามันคือความรัก แต่ก็ไม่เคยจะสัมผัสจริงจังเสียที ไม่รู้ว่ารสชาติของการมีความรักไปพร้อมกับมีคนรักมันเป็นอย่างไร ผมต้องรอคอยคนที่ปีนกำแพงขึ้นมา หรือว่าพังกำแพงนั้นต่อไปอย่างนั้นหรือ






หรือผมจะเลือกสร้างประตู .. เพื่อเปิดรับเขาดี







“น้ำมนต์ ..” เสียงเรียกใสๆ ดังมาข้างๆหูผม ก่อนที่ผมจะหันไปดูหญิงสาวที่กำลังยิ้มสวยให้ผม พร้อมกับทรงผมฟูๆของเธอ

“แพร” ผมเรียกชื่อนั้น พร้อมกับยิ้มแบบแห้งๆให้เธอไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องฝืนใจยิ้ม หันไปมองอีกคนที่กินโจ๊กอยู่ก็วางช้อน และยกหนังสือพิมพ์ฉบับเดิมมาอ่านอีกครั้ง

“ทำไมมาเช้าจังเลย แพรขอนั่งด้วยคนนะ” เธอพูดพร้อมกับลากเก้าอี้หัวโต๊ะนั่งลง พร้อมกับยิ้มมาให้ผม

“พอดีเพื่อนไปรับมาหน่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาไปหาคนที่ลดระดับหนังสือพิมพ์มาสังเกตการณ์สนทนาระหว่างผมกับเธอ

“อ๋อเหรอ วันนี้น้ำมนต์ว่างมั๊ย แพรอยากชวนน้ำมนต์ไปดูนิทรรศการ ที่หอศิลป์เค้าจัดนิทรรศการชุดใหม่ ศิลปินคนนี้เก่งมากเลยนะ ถ้าไปดูรับรองว่าต้องได้แรงบัลดาลใจมาทำโปรเจคแน่ๆเลย” เธอพูดมาเสียงใส ก่อนจะค้นกระเป๋าของเธอ แล้วส่งแผ่นพับโฆษณานิทรรศการมาให้ผม

“เอ๊ยย ศิลปินคนนี้นี่ น้ำมนต์ก็ชอบเค้า เค้ามาจัดนิทรรศการที่หอศิลป์เหรอ” ผมตื่นเต้นที่เห็นแผ่นพับนั้น เพราะเป็นศิลปินที่ผมติดตาม คนที่อ่านหนังสือพิมพ์แอบชะเง้อมองแผ่นพับใบนั้น แต่ก็ยังเงียบสังเกตการณ์เหมือนเดิม

“ใช่แล้ว ไปกันมั๊ยเย็นนี้” แพรถามผมอีกครั้ง

“เอ่อ ..” ผมยังอ้ำอึ้ง สายตาของคนที่อ่านหนังสือพิมพ์จ้องมาแบบไม่พอใจ

“ดูอะไรกันยะ ท่าทางจะสนุกกันใหญ่” เสียงของช้างน้อยดังมาพร้อมกับดึงแผ่นพับจากมือผมไป

“มาไวจังเลยน้ำมนต์” หญิงทักผมมา พร้อมกับนั่งลงในเก้าอี้ตัวถัดไปจากผม

“อ้าว พี่ปีโป้ มาเช้าจังเลยนะคะ” ก่อนที่หญิงจะหันไปทักนายปีโป้ ที่เอาหนังสือพิมพ์ลงแล้ว

“อุ๊ย นิทรรศการศิลปะ น่าสนจังเลยอ่ะ พี่ปีโป้ดูสิ” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเดินไปนั่งข้างๆนายปีโป้ แล้วยื่นแผ่นพับให้นายปีโป้ดู  นายปีดป้เหลือบตามองเล็กน้อย

“ไปดูด้วยกันมั๊ยช้างน้อย” แพรถามขึ้นมา

“ไปป่ะ หญิง” ช้างน้อยพูดพร้อมกับส่งแผ่นพับให้หญิง โดยไม่ได้หันมาสนใจอะไรแพรเลย

“แล้วแต่สิ น้ำมนต์ว่าไง” หญิงอ่านรายละเอียดเล็กน้อยก่อนถามผม

“ไปเถอะนะน้ำมนต์ แพรอยากไปเดินดูกับน้ำมนต์ น้ำมนต์ต้องแนะนำแพรได้ดีแน่ๆ”

“วิทยากรเค้าก็มียะ” ช้างน้อยเหน็บเบาๆ แต่ก็ได้ยินกันถ้วนหน้า

“ไปเนอะน้ำมนต์ บ่ายนี้ก็ว่างด้วย” แพรยังคอยถามผม

“ไปก็ไปครับ ไปกันหมดนี่เลย” ผมพูดบอกแพรไป

“หมดนี่ พี่ปีโป้ด้วยเรอะ” หญิงถามขึ้นมา พร้อมกับอมยิ้มมาหาผม

“แล้วแต่เขาสิ” ผมตอบไปลอยๆ

“ไปไหมคะ พี่ปีโป้ ไปดูนิทรรศการกัน” ช้างน้อยถามนายปีโป้ ที่นั่งเงียบมานานมากๆ นายปีโป้หันมามองหน้าผมอย่างต้องการคำตอบจากใบหน้าผม แต่ผมก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไป จนนายปีโป้ทำหน้าบึ้งๆ และตอบมาว่า



“ไม่ไปอ่ะ  พี่ไม่ชอบ”

























“พี่ปีโป้ ทางนี้” เสียงช้างน้อยกวักมือเรียกนายปีโป้ คนที่บอกว่าจะไม่มา แต่ก็โผล่มาจนได้

“ไหนบอกว่าไม่อยากมา” ผมถามทันทีที่เห็นหน้านายปีโป้

“ก็อยากมาแล้ว จะทำไม” กวนตั้งแต่เจอหน้าเลยสินะ

“ไปกันเถอะน้ำมนต์” ผมไม่อยากสนใจนายปีโป้เท่าไหร่ ประจวบกับที่แพรเรียกผมพอดี ผมเลยปลีกตัวไปเดินกับเธอ ทิ้งให้นายปีโป้อยู่กับช้างน้อยและหญิงไป













ผมกับแพรเดินดูนิทรรศการกันเพลินเลยครับ ศิลปินคนนี้ยังไม่ค่อยดังมากในวงกว้างครับ แต่ผลงานของเค้าก็เป็นที่น่าสนใจเลย การตวัดปลายสีของพู่กันเค้ามีเรื่องราวเล่าได้มากมายเลยครับ แต่ส่วนมากเค้าจะเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับท้องฟ้า เพราะว่าศิลปินคนนี้มีความทรงจำเกี่ยวกับท้องฟ้าในวัยเด็กของเค้า



“ภาพนี่สวยจัง” ผมพูดออกมาขณะยืนดูภาพๆหนึ่งที่มีสีตวัดไปมา อย่างวกวน สีต่างๆขัดกันอยู่ในตัว แต่เมื่อมารวมกันมันผสมผสานกันอย่างลงตัวเช่นกัน ศิลปินใช้สีอ่อนเป็นพื้นหลัง และใช้สีเข้มๆตวัดไปมาอย่างไม่มีที่มาและที่ไป

“เหมือนกูกับมึงเลยเนอะ” จู๋ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้านหลังผม พอหันไปดูก็เป็นนายปีโป้ เดินตามมาทันผมตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย แล้วแพรละ

“มึงเป็นเหมือนพื้นหลังอ่อนๆของภาพนี้ ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมาย กูเป็นเหมือนเส้นสีที่ตวัดไปมา ภาพนี้สวยเพราะมีสองส่วน” นายปีโป้พูดความคิดของตัวเองออกมา ทำเอาผมแปลกใจในคำพูดของเขามาก นี่เขามองศิลปะออกด้วยเหรอ

“ชีวิตมึงจะไม่จืดชืด ถ้ามีชีวิตกูเข้าไปอยู่ด้วย เหมือนกับภาพนี้ไง” มันด่วนสรุปให้ผมฟัง





“ดูเป็นด้วยเรอะ” ผมหันหน้าไปถาม

“ไม่เป็นหรอก แค่อยากเอามาโยงให้เข้ากับกูและมึงเฉยๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับยิ้มๆให้ผม

“บางทีสีอ่อนๆด้านหลัง ก็อยากสวยงามในแบบของมัน โดยไม่ได้ต้องการความวุ่นวายของสีเข้มก็ได้นะ” ผมพูดตอบไปพร้อมกับมองหน้านายปีโป้ รอยยิ้มนั้นค่อยๆลดลง


“น้ำมนต์ทางนี้ ภาพนี้สวยมากเลย” เสียงของแพรเรียกผมพร้อมกับการกวักมือ ผมหันไปมองแพรและเดินไป โดยทิ้งอีกคนให้ยืนมองภาพนั้นอยู่ที่เดิม








เราใช้เวลาตลอดทั้งเย็นที่นั่น  ผมเดินกลับมาทางเดิมก็ต้องแปลกใจกับคนๆนึงที่ยืนอยู่ตรงนั้นที่เดิม นายปีโป้ที่ยืนมองรูปนั้นอย่างพิจารณา จนผมไม่รู้ว่าต้องการมองให้รู้ถึงวิธีการวาดหรือไง








“มึง กูรู้แล้ว” อยู่ๆนายปีโป้ก็หันหน้ามา พร้อมพูดเสียงดัง ทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นมองมันเป็นตาเดียว

“อะไร” ผมถามกลับไปเบาๆ

“กูรู้แล้วว่าทำไมสีอ่อนๆจึงต้องการสีเข้มๆ” นายปีโป้พูดออกมาด้วยท่าทีดีใจ แพรที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ก็ยืนงงอยู่กับสิ่งที่เห็น

“เพราะอะไรละ” ผมถามกลับไปเพราะอย่างรู้เหตุผลที่นายปีโป้คิด

“มึงฟังกูดีๆนะ” มันพูดอย่างเตรียมพร้อม มีการหายใจเข้าออก เพื่อระงับความตื่นเต้น ผู้คนที่เดินไปเดินมาแถวนั้น ต่างก็รอลุ้นว่าเด็กช่างเสื้อช็อปคนนี้จะสื่อความหมายของรูปอย่างไร





นายปีโป้ยิ้มให้กับผู้คนที่กำลังมองมาที่มันอย่างกับตัวเองเป็นดารา ผมหันไปมองคนด้านหลังที่เป็นนักเรียนบ้าง นักศิลปะบ้าง ที่ยืนอยู่ประมาณสองสามคน คงหลวมตัวบ้าไปตามเด็กช่างคนนี้ไปแล้ว





“สีอ่อน มันแสดงถึงความอ่อนโยน แต่สดใส น่ารัก แอบหม่นๆบ้าง แต่กูเชื่อว่า เวลามองแล้วจะยิ้มได้ทุกเวลา” นายปีโป้พูดพร้อมกับมองมาที่หน้าผม แววตาของเค้าบ่งบอกว่าสีอ่อนสีนั้น หมายถึงผม

“แล้วถ้าสีเข้มมันคือความก้าวร้าว มันคือความเข้มแข็ง ความดื้อรั้น แต่มันก็คือความจริงจัง และจริงใจ ถ้าตั้งใจจะทำอะไร มันก็แสดงว่าสิ่งๆนั้นมีความสำคัญจริงๆ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสีเข้มนั่นหมายถึงตัวเค้า และผมกำลังคิดว่านายปีโป้กำลังนอกประเด็นอย่างเห็นได้ชัด คนอื่นๆเริ่มมาดูมากขึ้น สงสัยจะรำคาญเสียงดังๆของเค้า เห็นช้างน้อยกับหญิงก็ยืนอยู่อีกด้านนึงของห้องนี้

“คนที่ดี คือคนที่ต้องมีทั้งความอ่อนโยน และความเข้มแข็ง ภาพที่ดีคือภาพที่มีทั้งความอ่อนและความเข้มและต้องลงตัว คู่รักที่ดีก็ต้องมีทั้งคนอ่อนและคนที่แข็ง” นายปีโป้พูดอย่างเร็วๆ สายตามองมาที่หน้าผม ผมว่าผมเข้าใจภาพนั้นไม่ต่างจากที่นายปีโป้รู้หรอก  นายปีโป้นิ่งเงียบไปสักพัก เค้าก้มหน้าสูดลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามามองผมอีกครั้ง พร้อมกับประโยคหยุดโลก












“เป็นแฟนกับกูนะ  .. น้ำมนต์”

ออฟไลน์ Whitel3eal2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อั๊ยย่ะ ขอเป็นแฟนได้ติสมากพี่ โยงจนเข้าเรื่องตัวเองได้ ^^

น้ำมนต์ก้อรับไว้พิจารณาหน่อยเนาะ โป้หน้าจะเหลือนิ้วเดียวแล้ว รับ ไม่รับ เป็น ไม่เป็น

ต่อด่วน~~~~

jay_tt

  • บุคคลทั่วไป
เราตกลงเป็นแฟนกับนาย 


เอ้ย......... ลืม 


นึกว่าตัวเองเป็น น้ำมนต์    (เขิน...........) :o8:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
“สีอ่อน มันแสดงถึงความอ่อนโยน แต่สดใส น่ารัก แอบหม่นๆบ้าง แต่กูเชื่อว่า เวลามองแล้วจะยิ้มได้ทุกเวลา"
"แล้วถ้าสีเข้มมันคือความก้าวร้าว มันคือความเข้มแข็ง ความดื้อรั้น
แต่มันก็คือความจริงจัง และจริงใจ ถ้าตั้งใจจะทำอะไร มันก็แสดงว่าสิ่งๆนั้นมีความสำคัญจริงๆ”
“คนที่ดี คือคนที่ต้องมีทั้งความอ่อนโยน และความเข้มแข็ง ภาพที่ดีคือภาพที่มีทั้งความอ่อนและความเข้มและต้องลงตัว
คู่รักที่ดีก็ต้องมีทั้งคนอ่อนและคนที่แข็ง"
  “เป็นแฟนกับกูนะ  .. น้ำมนต์”     
ปรบมือดังๆให้ปีโป้ :m4:
ชอบทั้งที่เขาวิจารณ์ภาพเชิงเปรียบเทียบ และชอบทั้ง ความกล้าที่จะขอความรัก ณที่ตรงนั้น
ดี ยัยแพรจะได้รับรู้และเลิกหวังในตัวน้ำมนต์ด้วย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
โอ้กล้ามากกกก ไม่ใช่น้ำมนต์อายจนโกรธพาลไม่พูดด้วยนะ

ranyoo

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
มนต์จะว่าไงอ่ะ ลุ้นแทนโป้เลนนะเนี่ย

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
แหม่ๆๆๆ  เด็กช่างกลบรรลุในความหมายของภาพได้เข้าข้างตัวเองมากกกกก   :z3:
น้ำมนต์ก็รับๆ เป็นแฟนไปเถอะ กว่าเขาจะคิดได้ขนาดนั้นมันเป็นเรื่องยากสำหรับนายโป้จริงๆ นะ   :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Crossley

  • บุคคลทั่วไป
อยากได้คนนี้เป็นแฟนอ่ะ อ๊ากกก  :m3:

ออฟไลน์ zaferianight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
นายแน่มากปีโป้เจ๋ง เรานับถือนายจริงๆ 5555 o13 :call:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

โป้นายหล่อมาก

น้ำมนต์จ๋า ตอบตกลงเถอะนะ ค่อย ๆ รักกันเบา ๆ ไปก่อนก็ได้

moriku

  • บุคคลทั่วไป
ตกลงเหอะน้ำมนต์ เด็กช่างเค้ากุส่าทำตัวติสแตกเลยนะเนี่ย55555

ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
ค่อยๆรักกันเบาๆ กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส เขินนนนน

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 25  จุดเริ่มต้นของบทดราม่า


“คนที่ดี คือคนที่ต้องมีทั้งความอ่อนโยน และความเข้มแข็ง ภาพที่ดีคือภาพที่มีทั้งความอ่อนและความเข้มและต้องลงตัว คู่รักที่ดีก็ต้องมีทั้งคนอ่อนและคนที่แข็ง”  ผมท่องสคริปต์ตามที่ได้รับมาตรงเป๊ะๆ ก่อนหยุดนิ่งฟังเสียงหัวใจของตัวเอง นี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นโครมครามอย่างกับต้องการออกมาเต้นข้างนอก


ตึก ตึก



ตึก ตึก



ตึก ตึก





.
.
.
.



“แม่ เห็นรูปที่หนูส่งไปให้หรือยัง” ผมโทรหาแม่หลังจากที่ถ่ายรูปผลงานศิลปะที่ยืนเถียงกับน้ำมนต์ส่งไปให้แม่

“เห็นแล้ว มีไรละตาหนู” แม่ถามกลับมา

“แม่ว่าสีอ่อนๆด้านหลัง กับสีเข้มๆข้างหน้า มันมีความสัมพันธ์กันยังไงอ่า แล้วถ้ามันอยู่ด้วยกันมันจะดีไหม” ผมถามแม่ไป

“ทำไมมาถามคำถามแม่แบบนี้ละ การบ้านเหรอ ?” แม่ถามผมกลับ

“ไม่ใช่ กำลังเถียงกับใครบางคนอยู่  บอกมาเร็วๆแม่”  ผมรีบเร่งแม่



แม่ขอเวลาดูภาพประมาณสองสามนาที ก่อนอธิบายถึงอารมณ์ของภาพ การใช้สี หน้าที่ของสีอ่อน หน้าที่ของสีเข้ม บอกผมถึงการผสมผสาน และบอกเปรียบเทียบอะไรหลายต่อหลายอย่างให้ผมฟัง


ผมเพิ่งรู้สึกว่าการที่แม่ของผมชอบศิลปะ มันส่งผลดีกับผมมากๆ ก็วันนี้แหละ



.
.
.
.


“เป็นแฟนกับกูนะ  .. น้ำมนต์”  ผมพูดประโยคนั้นออกไป พร้อมกับใจที่เต้นหนักกว่าเดิม ผู้คนในห้องต่างมองมาที่ผมเป็นตาเดียว  น้ำมนต์แน่นิ่งอย่างกับคนโดนสตาร์ฟไว้ ไม่ไหวติง แม้เปลือกตาก็ยังไม่กระพริบ

น้องผู้หญิงที่ชื่อแพรที่ยืนอยู่ข้างน้ำมนต์เหมือนกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ตั้งตัวทัน ผมเห็นเธอมองมาที่ผมสลับกับมองหน้าน้ำมนต์ ก่อนที่เธอจะเอามือของเธอจับกับมือของน้ำมนต์แน่น


“น้ำมนต์ขอโทษนะคะ น้ำมนต์มีแฟนแล้ว  นี่คือแฟนของน้ำมนต์ หนูคงเป็นแฟนกับพี่ไม่ได้” เธอพูดจบก็ดึงน้ำมนต์ออกจากห้องนี้ไป 

 ร่างของน้ำมนต์เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณที่โดนลากออกไป ผมว่าผมเข้าใจการกระทำของแพร ที่ลากน้ำมนต์ออกไปจากฝูงชนครั้งนี้ โดยการอ้างว่าตัวเองคือน้ำมนต์  เธอต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมขอเธอเป็นแฟน เพื่อไม่ให้น้ำมนต์เสียหาย รวมทั้งผมด้วยสินะ




ผู้คนที่ยืนมองผมเมื่อครู่ ต่างพากันเดินชมนิทรรศการต่อ ผมไม่กล้ามองหน้าใครๆ ไม่ได้อับอาย แต่รู้สึกว่าตัวเองพลาดไป พลาดที่มาขอน้ำมนต์เป็นแฟนตอนนี้  ถึงน้ำมนต์อยากจะเป็นแฟนกับผม หรือไม่อยากเป็น ยังไงซะ น้ำมนต์ก็ไม่ตอบมันมาอยู่ดี


นี่ผมกำลังคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกในหนังฮอลีวู๊ด กำลังขอนางเอกแต่งงานหรือไงนะ


“เป็นอะไรมั๊ยคะ พี่โป้” น้องหญิงเดินมาทักผม

“อืม พี่โอเค”

“พี่ยังไม่ได้ฟังคำตอบน้ำมนต์เลยนะคะ ไม่ตามไปฟังละ” ช้างน้อยเตือนสติผม



ใช่สินะ คนที่ปฎิเสธผมไม่ใช่น้ำมนต์ซะหน่อย แต่เป็นแพร ที่ช่วยแก้สถานการณ์แย่ๆของผมครั้งนี้ ผมคิดได้จึงรีบวิ่งตามน้ำมนต์ไป



น้ำมนต์กำลังยืนอยู่กับแพรที่ลานจอดรถ  มีเสียงของแพรถามน้ำมนต์ว่าเป็นอะไรบ้าง โอเคมั๊ยเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆจากน้ำมนต์เลย


“น้ำมนต์” ผมตะโกนเรียกทางด้านหลัง น้ำมนต์หันกลับมามองผม พร้อมกับแพร

“กูขอโทษที่ขอมึงเป็นแฟนตรงนั้น แต่ถ้ากูขอมึงเป็นแฟนตรงนี้ มึงจะเป็นแฟนกับกูมั๊ย”  ผมถามมันไปอีกครั้ง ด้วยความมั่นใจมากกว่าเดิม

“นี่นายยังจะกล้ามาถามน้ำมนต์อีกเหรอ นายมันบ้าไปแล้ว” เสียงของแพรตะโกนด่าผม แต่ผมหาได้สนใจไม่
น้ำมนต์มองมาทางผม ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม แขนข้างขวาของน้ำมนต์ง้างขึ้นมาแล้ว เหวี่ยงเข้ามาตรงใบหน้าผม




“พลึ่บ !!!!”  แต่ครั้งนี้มันต่างกับครั้งที่แล้วลิบลับ ผมจับทางได้ว่าน้ำมนต์ต้องทำแบบนี้ ผมจึงเอามือจับแขนนั้นไว้ได้

“ปล่อย”  น้ำมนต์พูดบอกผม ด้วยสายตาไม่พอใจ

“ไม่ปล่อย จนกว่าจะตอบ”

“แค่นี้ยังตอบไม่ได้อีกเหรอ”

“ตอนกูจูบมึงครั้งแรก มึงก็ต่อยกู แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามึงไม่ชอบมัน ตอนนี้กูก็ขอมึงเป็นแฟนครั้งแรกเหมือนกัน มึงก็จะต่อยกู ก็ไม่ได้หมายความว่ามึงไม่ชอบกูเหมือนกัน” ผมแย้งมันไป

“คิดไปเอง ปล่อยเรานะ”  มันพูดอีกครั้งก่อนที่จะสะบัดมือหลุดไป



 “เจ็บมั๊ยน้ำมนต์” ผู้หญิงที่ชื่อแพรเข้ามาจับแขนน้ำมนต์ดู ผมแอบเห็นมีรอยแดงนิดหน่อย

“ไม่เป็นไรแพร ขอบใจมาก” มันตอบผู้หญิงนั้นไป

“ตกลงจะเป็นแฟนกับกูดีๆหรือจะให้กูบังคับ” ผมถามมันอีกครั้ง




มันเงียบให้ผม ผู้หญิงชื่อแพรยังคงจับแขนของมันพลิกไปพลิกมาเพื่อดูร่องรอยของการจับอีกครั้ง ปากก็ถามว่าเจ็บมั๊ยๆ ไอ้น้ำมนต์ก็บอกว่าไม่เป็นไรๆ เหมือนกับไม่สนใจอะไรผมเลย



“น้ำมนต์ !!!”  ผมเรียกมันอีกที



น้ำมนต์หันหน้ามามองผม  ก่อนจะหันหน้าไปมองผู้หญิงชื่อแพร แล้วเรื่องที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น น้ำมนต์ก้มลงไปจูบที่ปากของแพร ผู้หญิงสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนเป็นจูบตอบในภายหลัง ภาพนั้นทำเอาหัวใจของผมที่เต้นโครมครามเมื่อครู่ กำลังจะหยุดเต้น และพร้อมจะแตกสลายไปกับตา


ทั้งสองคนถอนปากออกจากกัน แต่ยังมีสายตาที่เชื่อมกันอย่างรับรู้



“เป็นแฟนกับน้ำมนต์นะแพร” 



ใครก็ได้ครับ เอาปืนมายิงผมหน่อย ยิงผมให้ตายไปซะตรงนี้ซะดีกว่า ผมไม่รู้ว่าที่มันทำต้องการอะไร ประชด ไม่ทันคิด แกล้ง หรือรักกันจริง แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่เห็นมันทำร้ายจิตใจของผมแบบนี้ 


“ไอ้น้ำมนต์ มึงมานี่” ผมเดินไปกระชากแขนน้ำมนต์ เดินตามผมมา

“น้ำมนต์ ไปไหน นายจะพาน้ำมนต์ไปไหน” เสียงของแพรดังขึ้น พร้อมกับเสียงเท้าที่วิ่งตามมา

“มานี่ นังชะนีแพร ไม่ต้องไปตามเค้า หล่อนมันตัวสร้างเรื่อง”  แต่ก็ได้ยินเสียงช้างน้อยมาขัดไว้ ผมเลยเลิกสนใจเบื้องหลัง คิดว่าเรื่องแค่นี้ ช้างน้อยคงเอาอยู่





ผมลากน้ำมนต์มาจนถึงหอตัวเอง ในสภาพที่ย้ำแย่พอควร เพราะคนที่ซ้อนพยายามดิ้นไปดิ้นมา ผมต้องใช้มือข้างนึงดึงตัวมันไว้ ออกแรงเยอะอยู่เพื่อสู้กับแรงของคนข้างหลัง แต่ก็มาถึงห้องผมได้



“โอ๊ยยยย” เสียงของอีกคนร้องดังขึ้น เมื่อผมเหวี่ยงตัวลงบนเตียง

“ชอบนักใช่มั๊ย ประชด ชอบนักใช่มั๊ยการจูบ” ผมพูดไปพร้อมกับรุกเข้าไปกอดน้ำมนต์ พรมจูบไปทั่วใบหน้า เสียงร้องห้ามของอีกคนดังขึ้นไม่ขาดสาย พร้อมๆกับหมัด เตะ ทั้งมือทั้งเท้าเข้ามาตรงร่างกายของผม แต่ใครจะไปหยุดละครับ อารมณ์โกรธ อารมณ์เจ็บใจ และอารมณ์ใคร่กำลังโถมเข้ามาในตัวผมเต็มๆ ผมเริ่มดึงเสื้อผ้าของน้ำมนต์ออก กระดุมเสื้อขาดกระเด็น เผยให้เห็นส่วนบนที่ขาวอมชมพูของคนตรงหน้าผมจับมือทั้งสองข้างของน้ำมนต์ชูขึ้นเหนือหัวแล้วเอามือตัวเองจับไว้ ก่อนจะพรมปากและลิ้นไปตามร่างขาวอมชมพูนั้น มืออีกข้างผมก็ค่อยๆถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆกลับมาสนใจกับรูปร่างตรงหน้าอีกครั้ง ร่างบางลดแรงต้านทานลงจนผมยิ้มกระย่องในใจ  จึงเงยหน้าขึ้นมาดู



แต่ที่ไหนได้ ภาพน้ำตาไหลของน้ำมนต์ทำเอาหัวใจของผมที่สลายไปแล้ว กลับกระจุยกระจายย่อยยับเป็นปุยผงไปอีกพันๆเท้า  อารมณ์ต่างๆนานาที่เข้ามาเมื่อครู่ หายไปหมด ปีศาจที่เข้าสิงผมตนนั้นหายไปพร้อมกับน้ำตาของคนตรงหน้า


“น้ำมนต์กู ..” กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันที ปากแข็งไม่รู้จะพูดประโยคใดออกไปดี น้ำตาของน้ำมนต์ที่ไหลออกมา หน้าตาที่ไม่ได้บอกความรู้สึกว่าเจ็บส่วนไหน แต่คนที่มองนั้นเจ็บไปทั้งใจ


ผมรีบคว้าร่างของน้ำมนต์เข้ามากอดเอาไว้ น้ำตาตัวเองก็ไหลออกมาแบบรู้เวลา นี่ผมกำลังคิดจะทำอะไรลงไปเนี่ย ผมปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองมาทำร้ายคนที่ผมบอกได้ว่ารักแบบนี้ได้ไงกัน


“กูขอโทษน้ำมนต์ กูขอโทษ กูขอโทษ” ปากผมพร่ำออกไปพร้อมกับน้ำตา ปริมาณที่ออกมาอาจจะมากพอๆกับอีกคน แต่ความเจ็บปวดนั้น อีกคนคงมากกว่าแน่ๆ



ผมกอดร่างที่เหมือนไร้ความรู้สึกนั้นปากก็พูดว่าขอโทษๆอยู่เนิ่นนาน  แต่อีกคนกลับเฉยชา
“ปล่อย” คำพูดของอีกคนดังขึ้นอย่างแหบพล่า  เล่นเอาผมใจหาย รีบปล่อยตัวน้ำมนต์  ทันทีที่ผมปล่อยตัวไป มันค่อยๆลุกขึ้น หยิบเสื้อของมัน ที่ผมดึงจนกระดุมขาดแทบทุกเม็ดมาสวมใส่
“มึงจะไปไหน” ผมปาดน้ำตาตัวเองแล้วถามมัน แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรมา ผมเลยรีบลุกหยิบเสื้อแจ็กเก็ตในตู้เสื้อผ้า แล้วก็เดินไปใส่ให้มัน พร้อมกับรูดซิปหน้าให้มัน  อย่างน้อยก็ปกคลุมความผิดพลาดที่ผมทำไว้ เมื่อผมใส่เสื้อให้มันเสร็จ  มันก็เปิดประตูเดินออกจากห้องผมไป



ผมรีบไปคว้าเสื้อตัวเองมาใส่อีกครั้ง ก่อนที่จะตามมันลงไป



“ไปไหน ให้กูไปส่ง”  ผมขับรถตามมันมา ซึ่งมันกำลังเดินบนฟุตบาท แต่มันก็ไม่ได้ตอบอะไรผม  แล้วมันก็โบกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แล้วนั่งไป ผมก็ขับตามมันไปเรื่อยๆ



ตลอดระยะทางที่ผมขับรถตามมันมา มันไม่มีแม้สักครั้งที่มองหันหลังกลับมามองผม  มันให้วินมอเตอร์ไซค์พามันมาส่งที่คิวรถสองแถวกลับบ้าน แล้วมันก็ขึ้นรถสองแถวกลับบ้านไป  แต่ผมก็ยังขับรถตามมันมาเป็นระยะๆ  รถจอดข้างทาง ผมก็จอดแวะ คนในรถมองมาที่ผมกันหมด ยกเว้นเพียงแต่คนที่ผมมองคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่เคยหันมามองผมเลย



ผมขับรถตามมาจนมันลงจากรถแล้วมันเดินต่อเข้าบ้านมันไป  ไม่ต้องบอกว่าผมยังขับรถตามอยู่ไหม เพราะตอนนี้แทบจะขับเทียบเลยด้วยซ้ำ

“น้ำมนต์ กูขอโทษ” ผมพูดประโยคนี้ครั้งที่ร้อยแล้ว และถ้าต้องพูดอีกสักล้านครั้งเพื่อให้อีกคนยกโทษให้ผมก็ยินดีจะพูด  แต่คำตอบที่ได้ กลับเป็นความเฉยชา ที่รู้สึกได้มากกว่าครั้งแรกที่เคยเจอกันอีก



ใจของผมทรมาน มันทุรนทุรายจนอยากจะบ้าตาย อยากมีเครื่องย้อนเวลา ไปแก้ไขเรื่องราวที่ทำลงไปวันนี้



น้ำมนต์เดินกลับมาถึงบ้าน และเดินเข้าบ้าน พร้อมกับตรงดิ่งขึ้นชั้นบนในทันที ผมได้แต่มองแผ่นหลังนั้นอย่างช้าๆ ที่หายเข้าบ้านไป ยายมองมาที่ผมอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้เข้ามาถาม คงอยากให้มันเป็นเรื่องของพวกเรา


ผมจอดรถมองหลังคาบ้านนี้อยู่พักใหญ่ ก็เห็นน้ำมนต์เดินลงมา และตรงมาทางผม ใจที่ห่อเหี่ยวของผมกำลังมีความหวัง น้ำมนต์ต้องกลับมาให้อภัยผมแน่ๆ ผมบอกตัวเองแบบนั้น


แต่พลาด .. มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด  น้ำมนต์เดินมาแล้วยื่นเสื้อแจ็กเก็ตที่คุมตัวของเค้ามาถึงบ้านให้ผม แล้วก็เดินกลับเข้าบ้านไป ไม่มีแม้แต่คำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากนั้น ไม่มีการสบตาใดๆกับผม


ผมค่อยๆขับรถกลับหออย่างช้าๆ เพราะขืนรอต่อไป ยายต้องสงสัยและเข้ามาถามเรื่องราวแน่ๆ ผมไม่อยากจะโกหก และไม่อยากให้น้ำมนต์ต้องมาลำบากเพราะผมอีก




การเดินทางของความพยายามของผมกำลังไปได้สวย แต่ต้องมาสะดุดเพราะอารมณ์ชั่ววูบของผม ความวู่วามที่มีโดยสันดานดิบของผม มันกลับมาทำร้ายผมและคนที่ผมรักอีกแล้ว



คำถามคือผมจะสู้ต่อไปทั้งที่มันต้องยากเย็นแสนเข็นกว่าเดิม หรือผมจะถอยกลับไป ไปสู่โลกของผมที่ไม่มีคนที่ชื่อน้ำมนต์ โลกที่เต็มไปด้วยสีสัน เสียงเพลง ผู้คน กามอารมณ์ แต่ขาดซึ่งความรักและหัวใจ







ผมควรทำอย่างไรดี  .. ในช่วงเวลาที่แสนจะโหดร้ายและสับสนเช่นนี้




.................................................


หวังว่าจะไม่ดราม่าเกินไปนะ  :m15:

ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
ว๊ากกกกกกกกกกกก ทำร้ายจิตใจเกินไปแล้ว T^T

chai235

  • บุคคลทั่วไป
จริงๆ ก็เบื่อน้ำมนต์นะ ทำตัวน่ารำคาญอ่ะ

ไม่ชอบ ก็บอก ไม่เป็นแฟน ก็เท่านั้น

ทำไมต้องเอาแพรเข้าไปยุ่งด้วย คิดอะไรไกลๆ หน่อย ไม่เป็นรึไง

ไม่ดราม่านะ ผมว่า มัน งี่เง่า มากกว่า :seng2ped:

ออฟไลน์ zaferianight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้ำตาเกือบไหลอ่ะ TT :sad11:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Crossley

  • บุคคลทั่วไป
 :a5:
ยังแพร๊๊๊ีี(กรีดร้องเสียงสูง) หล่อนนี่มันอยู่ผิดที่ผิดเวลาจริงๆ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
งี่เง่าทั้งคู่ คนนึงประชด คนนึงไม่คิด :เฮ้อ:

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
รู้สึกไม่ปลื้มน้ำมนต์เลยอ่ะ
ไม่บอกความรู้สึกของตัวเอง ว่ารู้สึกยังไงกับโป้
เราว่า ตอนนี้น่าสงสารโป้มากๆ

Chiren

  • บุคคลทั่วไป
เซงนังชะนีแพร คนเขาบอกรักกัน เสือกเสนอหน้า

โอ้ยจัดการนังแพรเลย ช้างน้อย  :beat:

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
ไม่ดราม่าเลย แต่ดราม่ามากกกกกกกกก แงงงงงงงงงงง

เราสงสารโป้มากเลยอ่ะ ถ้าใครมาเห็นคนที่รักจูบกับคนอื่นคาตาแบบนั้น ใจคงสลายจริง ๆ น้ำมนต์ไม่น่าเลย

เราว่าโป้ถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้วล่ะ มันรักไปแล้ว ถ้าเรารักใครซักคนแล้วเจ็บจนต้องหันหลังกลับมาถามตัวเองว่าถอยดีไหม นั่นแปลว่า เราหันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว จนกว่าจะเจอทางตัน

ขอให้ดราม่าแบบนี้คลี่คลายไว ๆ นะ คนอ่านใจจะขาด (ชั้นอินไปไหมนี่)

moriku

  • บุคคลทั่วไป
น้ำมนต์ไม่รู้สึกอะไรกับโป้จริงหรอ?  :m16:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ชิส์ อีปีโป้ ชั้นขอคำชมนายไว้เมื่อตอนที่แล้วคืนก็แล้วกัน
หลงชื่นชมว่านายดูภาพศิลป์ออก (คิดว่าได้เชื้อแม่มา)
ที่ไหนได้ ลอกคำพูดแม่มา ชิส์
ส่วนเรื่องขอความรักน้ำมนต์ ก็ยังชมอยู่ว่านายกล้าดี เพียงแต่..
น้ำมนต์เขาไม่เหมือนคนอื่นๆเท่านั้นแหละ เขามีข้อแม้ในชีวิตค่อนข้างเยอะ
แต่ที่น่าตำหนิคือนายมันไม่รู้จักยับยั้งอารมณ์ นายดูน้ำมนต์ไม่ออกเหรอว่า
เขาน่ะต้องแบบใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่บุ่มบ่ามใจร้อนเอาแต่ใจแบบนาย
คราวนี้นายพลาดเองนะ นายผูกปมเองนะปีโป้ แล้วก็ผูกซะแน่นเชียว แก้ยากนะ แต่นายคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆใช่ปะ

ranyoo

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  จะเคลียร์กันยังไงล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ Meen_Emp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-2
 :monkeysad:
สงสารน้ำมนต์ก็สงสาร
สงสารโป้ก็สงสาร
 :เฮ้อ:

มีชะนีสร้างเรื่องจริงๆ
 :angry2: :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด