เจ้าแก้ว
.
.
.
“แผลลึกมากเลยทีเดียว ประเดี๋ยวข้าจะไปโขลกสมุนไพรมาประคบให้ ระหว่างนี้ท่านก็ถอดเสื้อแสงออกเสียก่อนเถิด เห็นเจ้าแก้วมันบอกว่าเนื้อกายท่านนั้นชอกช้ำนัก ข้าจึงอยากจะตรวจดูให้ถี่ถ้วน”
วิรุณปฏิบัติตามคำสั่งของชายชรา พร้อมกับถอดเสื้อออกทางศีรษะด้วยท่าทีที่ลำบากอยู่ไม่น้อย
หลังจากที่แบกหามร่างของสหายตนขึ้นไปไว้บนเรือนแล้ว เมื่อลงมาด้านล่างพ่อเฒ่าผู้นี้ก็เรียกเขาเข้าไปตรวจดูอาการตามที่เด็กหนุ่มผู้นั้นได้วอนขอไว้ มือเหี่ยวย่นตามวัยจัดการดึงผืนผ้าพันแผลที่อดีตมันเคยเป็นเสื้อออกอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์จากเขี้ยวของสัตว์ใหญ่ ท่าทางคล่องแคล่วที่สำรวจบาดแผลอยู่นั้น ทำให้รู้สึกได้ว่าท่านพ่อเฒ่าผู้นี้ดูชำนาญการในด้านการรักษาไม่น้อยเลยทีเดียว
ร่างสูงใหญ่ของรองทัพอสุราที่นั่งเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นรอยช้ำและบาดแผลตามกล้ามเนื้อหนั่นแน่นทั่วร่าง
ระหว่างที่เขากำลังนั่งมองสำรวจบริเวณเรือนโดยรอบอยู่นั้น กลับสะดุดตากับไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่ชูช่อดอกสีขาวนวลอยู่บริเวณริมรั้ว บุพผาสีขาวปลอดส่งกลิ่นหอมอบอวลคลอเคล้าไปกับแสงสุริยนที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป อสุราหนุ่มทอดมองไม้ต้นเล็กอย่างสนอกสนใจ สีขาวนวลของช่อดอกไม้ท่ามกลางพุ่มเขียวขจีนั้นช่างทำให้เพลิดเพลินตายิ่งยัก
“นั่นเรียกว่าต้นแก้ว” ชายชราเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีสนใจต้นแก้วที่ต้นเป็นผู้ลงมือปลูกเอง
วิรุณเพียงพยักหน้ารับรู้ไม่ได้โต้ตอบกลับไปเพื่อต่อบทสนทนา ทำเพียงแค่นั่งนิ่งให้พ่อเฒ่ารักษาแผลและตรวจดูอาการต่อให้
ต้นแก้วอย่างนั้นหรือ…ไม่เคยพบเห็นต้นไม้ชนิดนี้ในนครยักษ์มาก่อนเสียด้วยซ้ำไป
“แผลที่อื่นๆตามร่างกายท่าน เพียงแค่หมั่นประคบยาทุกวันก็หายขาด...ส่วนนี่ยาต้มดื่มเสียเถอะมันแก้ช้ำในได้ชะงัดนัก”
หลังจากพันแผลที่แขนเสร็จสรรพชายชราก็ยื่นส่งหม้อดินเผาขนาดเล็กมาให้
วิรุณยกหม้อยาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด กลิ่นของสมุนไพรหลากหลายชนิดในภาชนะนั้นฉุนมากทีเดียว แต่รสชาติขมเฝื่อนของมันกลับทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย
“ว่าแต่ตัวท่านเล่า...มีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรรึพ่อยักษ์”
“ข้าวิรุณ...ส่วนสหายข้าอีกตนชื่อวศิน”
“แล้วเหตุใดท่านทั้งสองถึงเข้ามาในเมืองของมนุษย์เสียได้” ชายชราเอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ
เพราะดูจากลักษณะท่าทางที่องอาจน่าเกรงขามของยักษ์ทั้งสองตนแล้ว คงจักมิใช่ยักษ์ธรรมดาเป็นแน่แท้
...เรือนกายสูงใหญ่สง่าผ่าเผย รูปโฉมงดงามเพียงนี้
หากมิใช่พวกขุนนางในวังก็คงจะเป็น..
“ข้ากับวศินเป็นทหารในกองทัพแห่งนครยักษ์...ในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับเหล่าศัตรูอยู่นั้นพวกข้าทั้งสองเสียทีพลาดท่าพลัดตกลงมาจากยอดผา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ฟื้นอยู่ข้างริมธารนั่นแหละขอรับ”
…ทหาร
“เอาเถิดพ่อ วางเรื่องหนักอกหนักใจไว้เสียก่อน พักกายพักใจอยู่ที่นี่จนกว่าอาการบาดเจ็บจะดีขึ้น...ไว้ร่างกายฟื้นตัวกำลังวังชากลับมาแข็งแรงดีดั่งเดิมแล้วค่อยกลับไปเมืองยักษ์เถิดนะพ่อวิรุณ”
น้ำเสียงที่มากไปด้วยความเมตตาจากชายชรา ทำให้เขารู้สึกปล่อยวางความเคร่งเครียดที่สั่งสมมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ
อสุราหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ชายสูงวัยอย่างซาบซึ้งในบุญคุณที่ท่านผู้นี้ได้เมตตารักษาอาการของพวกเขาโดยไม่แม้นแต่จะนึกคลาแคลงใจเลยสักนิด
“มิต้องนอบน้อมกับข้านักดอกท่าน ข้ารึก็เป็นเพียงแค่ชาวป่าชาวเขาธรรมดา หาได้มียศมีเกียรติอันใด พ่อยักษ์อย่าลดตัวลงมากราบไหว้เลย”
การกระทำของอสุราหนุ่มสร้างความลำบากใจให้เขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยเพราะเป็นถึงเผ่าพันธุ์ยักษ์แต่มาให้ความเคารพกับมนุษย์ผู้น้อยเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่สมควรนัก
“หาได้เกี่ยวกับเรื่องเผ่าพันธุ์หรือยศเกียรติอันใดไม่ ที่ท่านเมตตาช่วยเหลือข้าและสหาย เพียงเท่านี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณแล้ว”
“อย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณอันใดเลยท่านวิรุณ ทางข้าเสียอีกที่ต้องติดหนี้บุญคุณ” น้ำเสียงที่มากไปด้วยเมตตากล่าวอย่างนึกขบขัน “ถ้าไม่ได้ท่านช่วยเหลือเอาไว้ ป่านนี้เจ้าแก้วมันก็คงกลายเป็นอาหารเสือไปแล้ว”
วิรุณขานรับคำของชายชรา ก่อนที่เสียงของบุคคลที่มาใหม่จะดึงความสนใจของพวกเขาทั้งสองให้หันไปมอง
“พ่อครูจ๊ะ”
เจ้าแก้วเดินเลียบเคียงเข้ามาหาชายชราก่อนจะยอบกายลงไปนั่งคุกเข่าข้างๆแคร่ไม้ไผ่
“ข้าบอกให้เอ็งไปทำแผลอย่างไรเล่าเจ้าแก้ว ทำไมช่างดื้อด้านนัก”
ชายชราหันมาดุมันเสียงเข้มทำเอาเจ้าแก้วหน้าหงอลงไปถนัดตา วิรุณจึงหันไปมองทางเด็กหนุ่มที่เขาได้ช่วยชีวิตเอาไว้
“ฉันอยากมาดูอาการพี่ยักษ์หน่อยน่ะจ้ะ”
“ดื้อด้านเช่นนี้…ท่านวิรุณน่าจะปล่อยให้มันโดนกินไปซะให้สิ้นเรื่อง”
เสียงดุด่าแต่กลับแฝงไปด้วยความห่วงใยของครูบุญบ่นออกมาอย่างไม่จริงมากนัก
เชื่อเถอะ...หากเป็นศิษย์คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าแก้วแล้วล่ะก็ นอกจากเขาจะไม่หาหยูกยามาทาให้แล้วยังจะกระทืบซ้ำให้จมตีนเพราะความเผอเรอไม่รู้จักระมัดระวังตน
“แล้วนี่ที่ข้าเคยสั่งเคยสอนไปเอ็งจำเข้าหัวบ้างรึไม่ ท่านวิรุณเป็นถึงยักษ์ทั้งศักดิ์และอายุอานามรึก็มากกว่าเอ็งโข ใยถึงกล้าใช้คำเรียกเล่นหัวเช่นนั้น”
ครูบุญยังบ่นให้ศิษย์รักต่อไป เจ้าแก้วก็เช่นนี้อายุอานามของมันก็ใกล้เข้าสู่วัยหนุ่มเต็มทีหากแต่มันยังคงใช้ชีวิตไปตามประสาหาได้มีความเลือดร้อนเหมือนเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน วันๆมันสนใจแต่เรื่องสมุนไพรที่ครูบุญคอยพร่ำสอนจนไม่ใคร่จะเรียนวิชาป้องกันตัวอื่นใด อีกทั้งครูบุญก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะทั้งหวงทั้งห่วงมันดั่งไข่ในหินนั้นแล
แต่ถึงจะไม่ได้ออกแรงกำลังหนัก เจ้าแก้วก็ไม่ได้ร่างกายบอบบางหรืออ้อนแอ้นดูขี้โรคอะไร กลับกันเสียอีก หุ่นของมันนั้นดูสมส่วนสุขภาพดีตามที่เด็กหนุ่มทั่วไปพึงมี กล้ามเนื้อทั่วร่างไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ดูแล้วช่างทะมัดทะแมงยิ่งนัก
“ขอโทษจ้ะ คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้”
หากเปรียบเป็นลูกสุนัขยามนี้เจ้าแก้วก็คงหางลู่หูตกได้อย่างน่าสงสาร
แต่ตัววิรุณเองนั้นก็หาได้ใส่ใจนักกับคำสรรพนามที่เด็กหนุ่มใช้เรียกตน
พี่ยักษ์อย่างนั้นรึ...น่าเอ็นดูน้อยเสียที่ไหนกัน
“เอาเถอะ...ไปให้เจ้ากล้ามันทำแผลให้เสีย เสร็จแล้วก็เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่เสียด้วย มอมเหมือนลูกหมาคลุกดิน”
“จ้ะพ่อครู” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
ครูบุญทอดถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน มือเหี่ยวย่นตามวัยลูบหัวมันไปอย่างที่เคยทำ เมื่อศิษย์รักได้เดินออกไปแล้วเขาจึงได้หันกลับมาขอโทษขอโพยอสุราหนุ่มแทนมันอย่างเสียมิได้
“เจ้าแก้วมันกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก บางครั้งบางคราจึงดูไม่รู้ภาษาไปบ้าง อย่าได้ถือสามันเลยนะท่านวิรุณ”
ชายชราหันมามองอสุราหนุ่มอย่างลุแก่โทษแทนเจ้าแก้ว
อย่างไรแล้วเผ่าพันธุ์ยักษ์นั้นก็มีศักดิ์ที่สูงกว่ามนุษย์ การที่เจ้าแก้วใช้คำพูดเช่นนี้เขามองว่ามันไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง หากแต่อสุราหนุ่มกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเลยแม้กระผีกเดียว
“ท่านขึ้นไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยเถิด ประเดี๋ยวข้าจะเดินไปดูแผลให้เจ้าแก้วมันสักหน่อย”
“ขอรับ”
วิรุณขานรับเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนเรือน หากแต่เขาก็มิได้เอนกายพักผ่อนดังที่ชายชราบอก
ร่างสูงใหญ่ของรองทัพอสุรานั่งเฝ้าดูอาการของสหายตนอยู่ไม่ห่างกาย ตอนนี้วศินดูท่าจะไม่ทรมานเพราะพิษร้อนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว หากแต่ยังคงมีหยาดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาเพราะยาขับพิษที่ชายชราให้เด็กหนุ่มผู้นั้นนำมาให้ดื่ม
“ไอ้ยักษ์สำออย โดนศรปักอกเพียงเท่านี้ก็ล้มหมอนนอนเสื่อแล้วรึ”
ไม่พูดเปล่า ยังยกฝ่าเท้าขึ้นมาดันต้นแขนของอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อเหมือนดั่งเคย หากแต่แววตาคมกล้านั้นมิได้มองอย่างสาแก่ใจสักเพียงนิดกลับฉายแววกังวลใจและห่วงใยสหายตนอย่างเหลือแสน
ทางด้านของครูบุญเมื่อเดินเข้ามาทางใต้ถุนเรือนก็เห็นเจ้าแก้วนั่งโอดนั่งโอยอยู่บนพื้นโดยที่พี่มันนั่งทำแผลให้อยู่บนแคร่ไม้ไผ่
“เอ็งช่วยอยู่นิ่งๆสักประเดี๋ยวได้ไหมวะไอ้แก้ว ข้ารำคาญนัก”
ผู้เป็นพี่เอ่ยออกมาอย่างหัวเสียไม่น้อย ก็ศิษย์รักของครูบุญแค่โดนสมุนไพรไปนิดหน่อยก็ร้องเหมือนจะตายวันตายพรุ่ง
“ก็ฉันเจ็บนี่ พี่กล้ามือเบาเสียที่ไหนล่ะจ๊ะ”
เจ้าแก้วบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พี่มัน...ก็มือนักมวยมันเบาเสียที่ไหนกัน
“เอ้าๆ อยู่นิ่งๆซะเจ้าแก้ว ไม่เช่นนั้นล่ะข้าจะให้ไอ้กล้ามันเตะตัดเอ็งแทนต้นกล้วย”
แสร้งดุเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งบนแคร่ข้างศิษย์นักมวยคนเก่ง
ไอ้กล้าเป็นศิษย์อีกคนของเขา มันให้ความสนใจในด้านศิลปะป้องกันตัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะมวยไทยฝีไม้ลายมือเกือบเทียบเท่าชั้นครูได้เลยทีเดียว แต่เห็นมันดุด่าเจ้าแก้วขนาดนี้แท้จริงแล้วก็ทั้งรักทั้งโอ๋น้องมันไม่ต่างจากเขานักหรอก
“ก็พี่กล้ามือหนักนี่จ๊ะพ่อครู”
เจ้าแก้วที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นดินหน้างอเล็กน้อย ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มซบลงบนตักของชายชราอย่างออดอ้อน มือเหี่ยวย่นจึงลูบหัวมันคล้ายเป็นการปลอบไปในท่วงที
นั่นปะไร...เห็นรึไม่
พ่อครูน่ะตั้งท่าดุไอ้แก้วไปอย่างนั้นเอง พอโดนมันออดอ้อนออเซาะเข้าหน่อยก็ใจอ่อนโอ๋กันไม่หยุดหย่อน ไอ้กล้ามองน้องมันด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดาก่อนจะใช้เท้าถีบเอวไปเบาๆจนตัวมันเซ
“ไอ้กล้า! เอ็งนี่ก็ชอบแกล้งน้องนุ่ง รีบจัดการแผลให้มันเสีย จะได้ไปกินข้าวกินปลา แล้วก็หัดเบามือเสียบ้างมือคนห่าอันใดหนักเยี่ยงฝ่าตีน”
ครูบุญรีบเอ็ดทันทีเมื่อลูกรักโดนประทุษร้าย ก่อนจะใช้ผ้าขาวม้าที่พาดคออยู่ฟาดปากไอ้ตัวดีไปหนเพราะได้ยินเสียงมันประชดประชันตัดพ้อ
“จ้าๆ แตะไม่ได้เลยนะเจ้าดอกแก้วดอกนี้เนี่ย” เดชะบุญไอ้กล้าหลบทันหวุดหวิด...แค่ผ้าขาวม้าก็สร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่นได้นะพ่อเฒ่าเนี่ย
“พูดมากนะเอ็งนี่ รีบทำแผลให้มัน เสร็จแล้วก็ไปเอาผ้าพันแผลมาเปลี่ยนให้น้องมันเสียด้วย”
“จ้าๆ”
เจ้าแก้วหัวเราะให้กับการหยอกล้อแสนรุนแรงของพ่อครูกับพี่ของมันก่อนที่จะนั่งนิ่งๆอดกลั้นกับความเจ็บปวดให้พี่มันทำแผลที่บ่าให้จนแล้วเสร็จ
หลังจากนั้นครูบุญจึงเรียกเจ้าแก้วให้ขึ้นไปนั่งบนแคร่ข้างๆตนเพื่อจะประคบยาบริเวณแผลเป็นให้
...ถึงมันจะผ่านมาแล้วหลายปี แต่ก็มีบางครั้งบางคราวที่เจ้าแก้วมักจะปวดแผลมากจนไม่สามารถนอนหรือใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ เขาจึงมักสั่งให้มันประคบยาอยู่เสมอ
“เอ็งยังเจ็บแผลอยู่รึไม่”
“ไม่จ้ะพ่อครู ไม่เจ็บแล้วจ้ะ”
มือเหี่ยวย่นของครูบุญจัดการถอดผ้าผืนเก่าที่คลุกดินคลุกฝุ่นมาเสียเต็มที่ออกให้
เมื่อผ้าสีมอหลุดออกเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์ของร่อยรอยในอดีต ยามนี้แผลมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย...คงเพราะได้รับแรงกระแทกมาเมื่อตอนเข้าป่า ชายชราลูบหัวปลอบมันแผ่วเบาก่อนจะนำยามาประคบให้อย่างเบามือ
เห็นทีไรก็อดสะท้อนในอกไม่ได้ หากแต่วันนั้นเขาไปช่วยเหลือมันได้ทันเจ้าแก้วมันก็คงไม่ต้องมาเสียตาข้างซ้ายอีกทั้งยังต้องมาเสียโฉมไปตลอดชีวิตของมัน
แต่เจ้าตัวนั้นก็หาได้ใส่ใจสิ่งเหล่านั้นไม่ มันกลับใช้ชีวิตด้วยความปกติสุขไม่เคยถือสาโกรธเคืองผู้ใดก็ตามที่ทำให้มันต้องเป็นเช่นนี้ ถึงแม้นจะโดนใครเขาหยอกล้อกลั่นแกล้งรุนแรงเพียงใดมันก็ทำเพียงยิ้มรับ จะมีเสียก็แต่เขากับไอ้กล้านี่ล่ะที่คอยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันอยู่เสมอ
“อดทนหน่อยนะลูกเอ้ย สักวันเอ็งจะต้องมีความสุขมากกว่านี้แน่” ชายชราเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะนึกสงสารในโชคชะตาของมันเหลือเกิน
เขามองรอยแผลลึกเป็นทางยาวอย่างพินิจพิจารณา ดวงตาของเจ้าแก้วน่ะสวยได้แม่มันมากทีเดียวด้วยสีที่ผิดแผกไปจากชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป นัยน์ตาหวานล้ำทอประกายสีของน้ำผึ้งป่าราวกับว่าหากใครได้สบตาก็คล้ายจะโดนดึงให้เข้าไปในห้วงภวังค์โดยไม่ทันได้ตั้งตัว
…ถึงแม้นจะมีรอยบากบนใบหน้า ก็หาได้ทำให้ใบหน้าของมันขี้ริ้วขี้เหร่สักเพียงนิด
“พ่อครูพูดอันใดกันจ๊ะ แค่ฉันได้อยู่กับพ่อครูและทุกๆคนที่นี่ฉันก็พอใจแล้วล่ะจ้ะ”
เจ้าแก้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่พ่อครูของมันบอก มันรีบสวมกอดผู้มีพระคุณตรงหน้าอย่างแสนรักหนักหนา
เพราะตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตของมันก็มีเพียงพ่อครูและพี่กล้าเท่านั้น หากจะต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว มันก็ไม่แม้นแต่ที่จะลังเลเลยสักนิดเดียว
“กอดกันกลมเชียว ลืมไอ้กล้าคนนี้ได้อย่างไรกัน”
แว่วเสียงใกล้เข้ามาก่อนมือสากกระด้างจะวางลงไปบนศีรษะคนน้อง
“พ่อครูไปพักผ่อนเสียเถอะ ประเดี๋ยวฉันพันแผลให้มันเอง”
ครูบุญพยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินกลับขึ้นเรือนโดยมีเจ้าแก้วตั้งท่าจะเข้าไปช่วยพยุงแต่กลับโดนเขาเอ่ยห้ามไว้เสียก่อน ...มันก็เป็นเสียอย่างนี้ถึงเขาจะชราลงและสังขารไม่ได้แข็งแรงเหมือนตอนเป็นหนุ่ม แต่ก็หาได้อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เสียทีเดียว
กลับกันเมื่อเทียบกับพ่อเฒ่ารุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านแล้วครูบุญถือว่าแข็งแรงกว่ามากโข คล้อยหลังพ่อครู ไอ้กล้าก็จัดการพันแผลรอบตาให้น้องมันเสร็จสรรพ ก่อนจะชักชวนเหล่าลูกศิษย์คนอื่นๆของครูบุญหาสำรับกับข้าวกับปลากินกันดั่งเช่นทุกวัน
"เอ็งไปทำอีท่าไหนถึงได้พายักษ์กลับมาด้วยได้วะไอ้แก้ว"
เหล่าลูกศิษย์ของครูบุญที่นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันเฉกเช่นทุกวันหันเหความสนใจมายังเด็กหนุ่มอย่างสงสัยใคร่รู้
“ตอนที่เข้าไปเก็บสมุนไพรมาให้พ่อครู ฉันไปเจอเสือโคร่งเข้าพอตั้งท่าจะหนีก็ดันพลาดสะดุดล้มเสียก่อน แล้วคนที่เข้ามาช่วยฉันไว้ก็คือพี่ยักษ์ตนนั้นนั่นแหละจ้ะ” เจ้าแก้วว่าตามประสาซื่อโดยมีพี่มันมองมาอย่างไม่ชอบใจเท่าใดนักเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “และฉันเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บอยู่ด้วย จึงอยากจะตอบแทนก็เท่านั้น”
“เอ็งมันใจดีไม่เข้าท่าไอ้แก้ว นี่ถ้าหากเป็นโจรป่าปลอมตัวมามันไม่มาปล้นเอ็งฉิบหายหรอกหรือวะ”
ไอ้กล้าเอ็ดน้องมันไปอย่างขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้นยักษ์ตนนั้นจะช่วยชีวิตน้องของมันไว้ก็เถอะบุญคุณครั้งนี้เขาก็มิได้ลืมเลือน แต่นั่นมันคนละเรื่องกันมิใช่หรือ ช่วยเหลือกันแล้วก็จบๆไปแต่ไอ้แก้วก็ยังดันทุรังพากลับเรือนมาเสียได้ นิสัยไว้ใจคนและมองโลกในแง่ดีของมันไปทั่วเช่นนี้ทำให้เขาและครูบุญเป็นห่วงมันมากเสียยิ่งกว่าอะไร
ดูเอาเถิด พบหน้าค่าตาเพียงไม่เท่าไรก็เชิญชวนผู้นั้นผู้นี้กลับมาบ้านด้วย
ถึงแม้นยักษ์สองตนนั้นดูอย่างไรก็คงไม่ใช่โจรหรือผู้ร้าย อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บมา แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ ถ้าหากว่าทั้งสองหายดีอาจจะเปลี่ยนใจเนรคุณก็ย่อมได้ จะเอาอะไรมาไว้เนื้อเชื่อใจยักษ์แปลกหน้าและต่างเผ่าพันธุ์กัน
“ท่านทั้งสองไม่ใช่ผู้ร้ายอันใดหรอกจ้ะพี่กล้า หากจะทำเช่นนั้นจริง เขาจะมาช่วยฉันไว้ทำไม”
“หึ เอ็งมันดื้อด้าน ระวังเถิดหากเกิดอะไรขึ้นข้าจะไม่แลแม้เพียงกระผีก”
ในเมื่อน้องมันไม่เชื่อฟังคำ อีกทั้งยังออกโรงปกป้องผู้อื่นเสียเต็มประดาก็สุดที่จะกล่าวเตือนไอ้กล้าทำเพียงแค่ยกไหสุราขึ้นมาดื่มโดยไม่แม้นแต่จะหันไปมองหน้าน้องมันอีก
ศิษย์ร่วมครูอีกคนที่นั่งอยู่ในวงเริ่มเห็นท่าไม่ดีระหว่างพี่กับน้องคู่นี้จึงได้เอ่ยแทรกขึ้นมาเพื่อเบี่ยงประเด็น ไอ้ห่ากล้าพอเหล้าเข้าปากทีไรก็พาลหาเรื่องน้องมันทุกที ดีหน่อยที่น้องมันไม่ได้บ้าตามไปด้วย ทำเพียงแค่เมินไอ้พี่ขี้เมาเสีย ปล่อยให้มันด่าฟ้าด่าลมไปตามประสา
"เออ แล้วยักษ์อีกตนอาการเป็นอย่างไรบ้างวะ"
ทันทีที่โดนถามถึงอสุราตัวสีชาดที่นอนพักอยู่บนเรือน ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็พลันเห่อร้อนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“พ่อครูสั่งแต่ให้ฉันคอยป้อนยากับรักษาแผลให้จ้ะ เห็นว่าคงใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะฟื้นตัว”
“แล้วเอ็งพอรู้ไหมวะ...ว่าโดนพิษอันใดมา”
เจ้าแก้วสั่นหัวให้กับคำถามของคนในวงสนทนา เพราะปกติเคยแต่รักษาผู้คนที่โดนสัตว์มีพิษกัดต่อย แต่ยักษ์ตนนั้นมีแผลคล้ายกับโดนไฟลวกขนาดใหญ่กลางอกอีกทั้งกายยังเปลี่ยนเป็นสีชาดอย่างน่ากลัวเห็นทีคงจะมิใช่พิษของสัตว์เลื้อยคลานธรรมดาเสียแล้วกระมัง
“แต่ข้าเคยได้ยินได้ฟังพ่อข้าเล่าเกี่ยวกับเรื่องพิษของพญานาคชนิดหนึ่งอยู่นา” ชายหนุ่มว่าน้ำเสียงจริงจังพลันยกไหสุราขึ้นดื่มไปพลาง “ถ้าหากโดนเข้าไปถึงแม้นจะเพียงกระผีกเดียว ก็จะรู้สึกทรมานราวกับโดนไฟแผดเผาทั้งเป็นเลยล่ะ”
“จริงหรือวะไอ้มิ่ง”
“ข้าก็ฟังเขามาอีกที...เอ็งก็ลองไปถามครูบุญดูสิข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน”
เสียงบทสนทนาของกลุ่มคนวัยหนุ่มคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยจนกระทั่งเริ่มดึกดื่นต่างคนเลยต่างแยกย้ายขอตัวลับบ้านกลับเรือน
“พี่กล้าจะไปไหนหรือจ๊ะ” เจ้าแก้วถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่มันเดินโซซัดโซเซออกไปอีกทาง
“ไม่นอนบ้านไอ้มิ่ง”
ตอบคำถามน้องแต่ไม่แม้นที่จะหันกลับมามองหน้ามันสักเพียงนิดจนไอ้มิ่งต้องเตะเข้าแข้งด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดา เจ้าแก้วมันหน้าหงอลงจนคนอื่นสังเกตได้ แต่ไอ้ตัวพี่ก็ยังคงปากมอมประชดประชันไม่หยุดหย่อน นี่ถ้าหากพวกเขาไม่ได้รู้จักพวกมันมาก่อนคงนึกว่าเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแน่แท้
“ฝากดูพี่กล้าด้วยนะจ๊ะพี่มิ่ง” นั่นปะไร แม้นจะโดนถากถางมันก็ยังคงห่วงพี่ชายมันอยู่วันยังค่ำ
“เออๆ เอ็งไม่ต้องห่วง”
ตอบรับคำอย่างหมายมั่นแล้วจึงหันกลับมาลากคอไอ้ขี้เมาที่เริ่มออกลายพาลไปทั่วให้เดินตามกลับเรือนไป
เมื่อเจ้าแก้วกลับขึ้นมาบนเรือนก็ได้พบว่าพ่อครูกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆร่างสูงใหญ่ที่นอนซมเพราะพิษร้าย
โดยที่ข้างกายมียักษ์อีกตนคอยนั่งดูอาการของสหายตนอยู่ไม่ห่าง เห็นดังนั้นเจ้าแก้วจึงได้ตัดสินใจนั่งรออยู่หน้าชานเรือนด้วยเพราะไม่อยากเข้าไปรบกวน
มือเหี่ยวย่นของชายชราจับคลำไปทั่วร่างของอสุราหนุ่มเพื่อตรวจดูอาการ เมื่อสัมผัสได้ว่าเนื้อตัวเย็นขึ้นจนใกล้ปกติก็พอที่จะเบาอกเบาใจลงไปได้บ้าง
“คงต้องปล่อยให้นอนพักไปก่อนจนกว่าจะฟื้นตัวได้เอง” ครูบุญว่าราบเรียบแฝงแววคิดไม่ตก “ส่วนเรื่องการถอนพิษนั้นพอจะมีวิธีอยู่ แต่รอให้พวกท่านทั้งสองอาการดีขึ้นกว่านี้เสียก่อน แล้วข้าจะพาไปพบหลวงพ่อที่อยู่ถ้ำเชิงเขาฝั่งนู้น เพราะท่านน่าจะพอรู้ว่าพิษในกายของท่านวศินนี้เป็นพิษชนิดใด”
วิรุณพยักหน้าตอบรับคำของชายชรา พลันสายตาหันออกไปข้างนอกก็ได้เห็นเด็กหนุ่มคนเดิมนั่งพับเพียบเรียบร้อยรออยู่ชานเรือน
“ไม่เข้ามารึแก้ว” เขาเอ่ยถามออกไปจนมันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสนใจ
“พี่ยักษ์คุยกับพ่อครูเสร็จแล้วหรือจ๊ะ”
ถามออกไปด้วยใบหน้าซื่อๆเหมือนดังเดิม แต่ก็ยังมิวายหลุดปากเรียกอย่างเผลอตัวจนโดนพ่อครูหันมาเอ็ดอีกรอบ
“มิเป็นไรดอกพ่อเฒ่า ให้เขาเรียกอย่างที่เขาอยากเรียกเถอะ”
วิรุณบอกไปอย่างไม่ถือสาหาความกับเด็กหนุ่มตรงหน้า
“แล้วนี่พี่เอ็งมันไปไหนเสียล่ะ” ครูบุญเอ่ยถามขึ้นมาบ้างเมื่อไม่เห็นไอ้ตัวดีอีกคนที่ยามปรกติแล้วมันมักจะตัวติดกับเจ้าแก้วแจ
“พี่กล้าบอกว่าวันนี้จะไปนอนกับพี่มิ่งจ้ะ”
“ตั้งวงเหล้ากันอีกแล้วสิไอ้พวกนี้...ประเดี๋ยวเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะสั่งเตะต้นกล้วยจนเข่าหลุดเสียให้เข็ด”
เจ้าแก้วหัวเราะแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเลียบเคียงเข้าไปจัดที่หลักที่นอนให้พ่อครูเฉกเช่นที่เคยทำอยู่เสมอ
ส่วนตัวมันนั้นปรกติแล้วจะนอนอีกมุมหนึ่งของเรือน หากแต่วันนี้คงต้องสละที่นอนให้สองอสุราหนุ่ม เห็นทีคงต้องระเห็จตัวเองไปนอนข้างพ่อครูเสียแล้ว
“แล้วเจ้าล่ะ นอนที่ใด”
วิรุณนั่งมองเด็กหนุ่มที่สาละวนจัดที่หลักที่นอนให้เขาเสียวุ่นวายไปหมด
“ประเดี๋ยวฉันย้ายไปนอนข้างๆพ่อครูแทนจ้ะ”
“มานอนตรงนี้จะไม่ดีกว่าหรือจะได้ไม่ต้องไปเบียดพ่อเฒ่า...ที่เจ้าจัดให้ก็เหลือพื้นที่อีกมากโข”
“ฉันเกรงว่าจะไปเบียดท่านทั้งสอง ประเดี๋ยวจะนอนไม่สบายเอาน่ะจ้ะ”
“เบียดอันใดกัน ตัวเจ้าก็เท่านี้ มาเถอะ”
วิรุณพูดตัดบทก่อนจะล้มตัวลงนอนชิดผนังฝั่งตรงข้ามกับที่สหายตนนอนอยู่ เห็นดังนั้นเจ้าแก้วก็จนปัญญาที่จะปฏิเสธจึงทำได้เพียงลงไปนอนข้างๆ ก่อนจะตะแครงตัวไปอีกฝั่งของเรือน
นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจดจ้องมองไปยังอสุราหนุ่มอีกตนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นเรือน ใบหน้าคมคร้ามหลับพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะพิษไข้ แผ่นอกแกร่งดั่งหินผาไหวขึ้นลงไปตามจังหวะของการหายใจ กายสีชาดระเรื่อต้องแสงนวลของเปลวไฟจากตะเกียงน้ำมัน
"แผลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้เจ้าแก้วต้องหันกลับไปมองคู่สนทนา
"ที่โดนเสือตะปบน่ะหรือจ๊ะ"
วิรุณพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนสายตาคมจะทอดมองไปยังใบหน้าอ่อนเยาว์ของมนุษย์ตรงหน้าที่อยู่ในระยะประชิด
ไออุ่นและกลิ่นหอมเจือจางที่อบร่ำอยู่รอบร่างที่เล็กกว่าทำให้บรรยากาศรอบกายผ่อนคลายลงได้อย่างน่าประหลาด ส่งผลให้เปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นเริ่มจะปิดลงทุกขณะ
“เจ็บมิใช่น้อยเลยล่ะพี่ยักษ์”
เสียงหัวเราะแหบพร่าของเด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างติดขบขันในวีรกรรมของตนเอง
“ขอบพระคุณอีกครั้งนะจ๊ะ ที่มาช่วยฉันเอาไว้”
รอยยิ้มแสนซื่อถูกส่งมาให้ก่อนมันจะหันหลังกลับไปนอนตะแครงดังเดิม
วิรุณไม่ได้กล่าวอะไรออกไปรบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่ายอีก อสุราหนุ่มทำเพียงแค่นอนมองแผ่นหลังของมนุษย์ตรงหน้าที่ขยับตามจังหวะการหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าเจ้าแก้วได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาตกอยู่ในห้วงคะนึงนึกคิดของตนอยู่เพียงครู่...จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเปลือกตาที่พยายามฝืนมาตลอดหลายชั่วยามนี้เริ่มจะหนักอึ้งขึ้นเกินที่จะทัดทานไหว ก่อนรองทัพอสุราจะเข้าสู่ห้วงนิทราตามไปอีกตน..
_______________
ช่วงนี้คงทิ้งช่วงนานหน่อยนะคะเพราะใกล้ส่งโปรเจคและสอบมิดเทอมแล้ววว
อาจจะมาช้านิดๆจนถึงช้ามากๆ แต่จะมาแน่นอน
เลยมาบอกทุกๆคนไว้ก่อนค่ะ ว่าจะขอตัวไปทำกิจหลักก่อนเน้อออ
อย่าพึ่งเทเจ้าแก้วกันนะจ๊ะ /ออดอ้อนเอาหัวซบตัก
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นท์ของทุกๆคนนะคะ
เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้าาา <3