- ดื่มครั้งที่ 6 -
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตา ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงอย่างหงุดหงิดเพราะเพิ่งได้นอนไปเมื่อสองสามชั่วโมงที่แล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงสอบกลางภาคที่คณะอื่นต้องมุ่งมั่นอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตายแต่คณะและสาขาของผมต้องลงมือปฏิบัติผลงานกันเป็นส่วนมาก เมื่อคืนผมถ่างตาปั้นโมเดลหุ่น 3D จนออกมาเป็นรูปร่างที่ต้องการได้สำเร็จ อาจจะมีบางส่วนที่ดูไม่สมดุลแต่ถือว่างานอยู่ในระดับที่ผมพอใจแล้ว ส่วนคนอื่นจะว่ายังไงก็ช่าง
ผมโผล่หัวออกมาจากผ้าห่มในอีกสิบนาทีถัดมาอย่างเกียจคร้าน ดวงตากลมปรือขึ้นอย่างยากลำบาก สองแขนยืดขึ้นจนสุดเพื่อไล่ความเมื่อยขบออกจากตัวหมุนตัวบิดทางซ้ายทีทางขวาทีจนพอใจแล้วกระเด้งตัวขึ้นนั่ง เส้นผมชี้ฟูยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบยิ่งทำให้หน้าตาของผมดูขี้เหร่ขึ้นอีกเท่าตัว
"หาว ~"
ผมนั่งหาวหวอดก่อนจะขยี้หัวตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวถูกนำมาพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ก่อนจะพาตัวเองมายืนงงอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า สมองกำลังประมวลผลอย่างหนักว่าทำไมไม่มีเสื้อนักศึกษาที่รีดแล้วเหลือสักตัวจนสายตาเหลือบไปเจอกองเสื้อผ้าที่ปลายเตียง อ๋อ.. ยังไม่ได้สัก เชี่ยแล้วไงครับพี่น้อง ไอ้คิสคนนี้ยังไม่ได้ซักเสื้อนักศึกษาสักตัวแล้วจะเอาอะไรไปใส่วะกู จะให้รื้อจากกองเสื้อผ้ามาใส่ก็ทนรับกลิ่นไม่ไหว อยากจะลาตายตรงนี้ มีพรีเซนต์ไอ้หุ่นก๊องแก๊ง 3D นั่นด้วยสิ
"ตายแน่ๆกู"
ขยี้หัวตัวเองจนพอใส่ก่อนจะเดินไปรื้อกองเสื้อผ้าใช่แล้วอย่างช่วยไม่ได้ ยกเสื้อแต่ละตัวขึ้นมาดมพิสูจน์กลิ่นจนได้ตัวที่หอมที่สุดมาใส่ ถึงแม้มันจะยับไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่มีใส่ล่ะวะ เสือกมีพรีฯเช้าอีก ฮ่วย
ผมรีบเร่งแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบทุกอย่างที่จำเป็นใส่กระเป๋าก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมล็อกประตู ลานจอดรถของหอพักอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ผมพาตัวเองมาหา Honda MSX ลูกรักก่อนจะพามันทะยานสู่ร้านกาแฟที่ไม่ได้มาเหยียบเกือบอาทิตย์เพราะมัวแต่ปั่นงานมิดเทอม
ผมจอดรถที่หน้าร้านพร้อมกับสำรวจหน้าตาและเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปผลักประตูร้าน เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งดังกังวานบอกให้คนด้านในรู้ว่ามีผู้มาเยือน บุคคลที่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์หันมาแล้วส่งยิ้มกวนๆให้กันเป็นการทักทาย
"ทำไมเสื้อยับขนาดนั้นวะ?"
คำทักทายแรกจากพี่จีบทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน ผมปั้นหน้ายิ้มอย่างยากลำบากเมื่อนึกถึงความว่าเสื้อยังไม่ได้ผ่านการซักรีด ผมไม่ได้เข้าไปใกล้เค้าน์เตอร์บาร์เพราะกลัวเขาได้กลิ่นไม่พึงประสงค์
"แหะๆ"
ผมทำได้แค่หัวเราะแล้วยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ จะให้ตอบจริงๆเหรอวะ โดนพี่จีบถีบกระเด็นออกจากร้านแน่ๆถ้ารู้ว่ามีน้องชายโคตรซกมกอย่างผม
"แหะอะไรของมึง กูถามก็ตอบดิ"
พี่จีบจ้องมองมาที่เสื้อผมอย่างไม่ปิดบัง คุยกันก็มองหน้าดิวะมองนมกันทำไม.. เหมือนจะผิดประเด็น
"ลืมซักเสื้อนักศึกษาอ่ะ เลยรื้อของเก่ามาใส่"
ผมอายจนไม่กล้าสบตากับพี่จีบ ไม่นานนักเสียงหัวเราะก็ดังลั่นร้าน เขาหัวเราะจนต้องเอามือกุมท้องตัวเอง มันตลกนักหรือยังไงวะ คนไม่ได้ซักเสื้อผ้าเนี่ย โอ้ย อยากจะกระโดดถีบขาคู่แม่ง
"มึงแม่งซกมกได้อีก"
ว่ากันไม่พอยังหัวเราะต่อจนหน้าดำหน้าแดง ผมค้อนขวับใส่วงใหญ่ถึงจะยอมกลั้นขำแล้วกวักมือเรียกให้เข้าไปหา ผมส่ายหน้าพรืดเพราะไม่อยากให้พี่จีบสูดรับกลิ่นเสื้อเน่าของผมเข้าไป
"มานี่"
พี่จีบยังเพียรพยายามกวักมือเรียกคนที่ยืนว่ายหน้าคอแทบหลุดอย่างผมอยู่ อยากถามว่าพี่อยากสูดกลิ่นเสื้อเน่าผมนักหรือยังไงกัน
"ไม่เอา เดี๋ยวพี่ได้กลิ่นเสื้อผม"
"เชี่ย มีกลิ่นด้วย มึงกล้าใส่ออกมาได้ยังไงเนี่ย"
พี่จีบทำหน้ายี้ใส่กันก่อนจะโอเวอร์แอคติ้งโดยการใช้นิ้วบีบจมูกตัวเอง ผมเบะปากจนเป็นเส้นโค้งใส่มัน น่าโมโหไหมล่ะ กวนตีนไม่พอยังปากหมาอีก
"ก็มันไม่มีใส่อ่ะ มีพรีฯงานเช้าด้วย"
ผมว่าเสียงหงอยๆ ถ้าหากเป็นหมาคงมีอาการหูลู่หางตกไปแล้ว พี่จีบเลิกทำท่ารังเกียจกันก่อนจะเดินอ้อมออกมาจากหลังเค้าน์เตอร์ เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆแต่ผมกลับก้าวถอยหลังหนี ไม่อยากให้พี่จีบเข้ามาใกล้ กลัวจะตายเพราะรับกลิ่นเน่าจากผม
"จะเดินหนีกูทำไมเนี่ย"
พี่จีบเอื้อมมือมาดึงคอเสื้อด้านหลังกันจนผมแทบหงายหลัง แต่ดีหน่อยที่พี่จีบเข้ามารับไว้ทันแถมยังเปลี่ยนมาเป็นกอดคอกันด้วย ผมรับรู้ถึงระยะที่ใกล้กันเกินไปก่อนจะรีบดิ้นหนี แต่ก็โดนสายตาดุๆของพี่จีบมองมาจนต้องยื่นอยู่นิ่งๆ ไม่รู้ว่าพี่มันเข้าใจความอายของผมบางไหม เห็นแบบบ้าบอแบบนี้มียางอายเยอะนะเว้ยบอกเลย
"ปล่อยเหอะ เสื้อผมเหม็น"
"ไม่เชื่อ ต้องให้กูดมดูก่อน"
ผมกำลังจะอ้าปากถามว่าพี่จะดมอะไร แต่ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อมันโน้มตัวลงมาดมบนปกเสื้อของผมสูดกลิ่นเสื้อเข้าไปจนมีเต็มปอด แต่นั่นมันยังน้อยไปเมื่อเทียบกับปลายจมูกของมันที่แตะอยู่บนซอกคอผม อ๊ากกกก ฉิบหาย บรรลัยแล้วชีวิตกู โดนผู้ชายไซร้ซอกคอ
"เออว่ะ เหม็นจริงด้วย"
พี่จีบผละตัวออกไปก่อนจะบอกผมด้วยสีหน้าจริงจัง แต่แววตาที่มองมานั่นดูเจ้าเล่ห์ที่สุดในสามโลก ผมไม่รู้ว่านั่นเป็นแค่เหตุบังเอิญหรือเป็นความตั้งใจกันแน่ แต่ที่รู้ๆในตอนนี้เลยคือหน้าผมต้องแดงมากเพราะรู้สึกร้อนจนหน้าแทบระเบิด
"บะ บอกแล้วไงว่าเหม็นยังจะดมอีก"
ผมพยายามแล้ว พยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุดแต่ไม่สามารถทำได้ หัวใจเต้นรัวเหมือนไปวิ่งแข่งมา รู้สึกเหนื่อยจนแทบจะกลายร่างเป็นขอมดำดินมุดหนีซะเดี๋ยวนี้เลย
"เสื้อเหม็นแต่ตัวมึงหอม"
พี่จีบพูดก่อนจะยักคิ้วให้กัน มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอบยิ้มที่มองยังไงๆมันก็เจ้าเล่ห์จนน่ากลัว และผมในตอนนี้ก็ตายลงกับคำพูดพี่จีบโดยสมบูรณ์แล้ว เชี่ยเอ้ยยย อะไรมาบอกว่ากูตัวหอมวะ เกลียด เกลียดดดดดด ทำไมต้องทำให้หวั่นไหวว่ะ เป็นมายไอดอลควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชนตาดำๆไม่ใช่เหรอ
"พูดอะไรของพี่วะ"
เป็นการแก้ความเขินที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิตด้วยการตั้งคำถามโง่ๆออกไป มือไม้เริ่มไม่มีที่วาง ตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแวะเอาเมนูกาแฟที่พี่จีบฝากออกแบบมาให้ดู แต่ตอนนี้หาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้ายังไม่ได้เลย แย่แน่ๆ
"ให้กูดมพิสูจน์อีกทีป่ะ?"
ไม่ว่าเปล่าแถมยังสาวเท้าเข้ามาใกล้กันจนผมผงะถอยหลังไปตั้งตัวซะหลายก้าว แต่ดูเหมือนพี่จีบจะชะงักใครเมื่อสายตาไปเจอเข้ากับซารังที่เดินออกจากมุมเค้าน์เตอร์อีกฝั่ง
"มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
พี่จีบถามขึ้น ซางรังรีบหันมายิ้มกว้างทันที
"เมื่อกี้เอ๊ง"
ซารังตอบเสียงสูงด้วยใบหน้าระรื่น.. ใครเชื่อมันก็ควายแล้วเว้ย มีพิรุธมากขนาดนั้น
"แล้วนั่นมึงจะไปไหน?"
พี่จีบกดเสียงต่ำลงเมื่อเห็นน้องชายกำลังจะหายเข้าไปทางหลังร้าน ซารังหยุดฝีเท้าแล้วทำหน้าตาใสซื่อก่อนจะตอบคำถามออกมา
"ไปสอบไง เนี่ยๆจะสายแล้ว วันนี้มีสอบอังกฤษด้วย"
"ประตูอยู่ทางนี้นะ"
พี่จีบชี้ไปที่ประตูหน้าร้าน มันตั้งอยู่ด้านหลังของเราสองคน ซารังเหมือนจะเหวอไปชั่วขณะแต่ก็สามารถแถจนสีข้างของตัวเองถลอก
"จะออกทางด้านหลังไง๊ รถจอดอยู่ข้างหลัง"
ซารังยิ้มแฉ่งก่อนจะรีบผลุบเข้าไปหลังร้านทันที พี่จีบส่ายหน้าช้าๆพร้อมกับหัวเราะออกมากับพฤติกรรมสุดแสนประหลาดของน้องชาย
"ซารังแม่งท่าจะบ้า รถมันจอดอยู่หน้าร้านเนี่ย"
ผมมองตามสายตาของพี่จีบไปก็เจอเข้ากับรอสปอร์ตไบค์สีเหลืองดำคันโตจอดอยู่หน้าร้าน ตอนเข้ามาผมยอมรับว่าไม่ทันได้สังเกตจริงๆ ถ้ามีโอกาสผมจะเข้าไปอ้อนซารังขอขี่หน่อยแล้วกัน โคตรเท่เลยอ่ะ MSX ของผมนี่ชิดซ้ายไปเลย
"มองตาเป็นมันเลย อยากขี่เหรอ?"
พี่จีบโผล่เข้ามายืนข้างผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ผมคงให้ความสนใจกับสปอร์ตไบค์มากเกินไปเลยไม่ทันรู้ตัว
"อือ เท่วะพี่"
ผมตอบรับไปแต่ตายังจ้องมองมันไม่หยุดหย่อน จนคนหน้าหวานอย่างซารังพาสปอร์ตไบค์หายลับไปจากสายตาผมนั่นล่ะถึงดึงตัวเองกลับเข้าสู่โลกความจริงได้
"ถ้าอยากก็บอกเดี๋ยวกูให้ขี่"
พี่จีบพูดพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมเบิกตากว้างอ้าปากพะงาบๆเพราะคำพูดของมันกำกวมชวนให้คิดลึกฉิบหาย ผมกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอก่อนจะตั้งคำถามหน้าโง่ออกไปอีกระลอก
"ขี่อะไรพี่?"
น้ำเสียงของผมเบาหวิวจนรู้สึกได้ เหมือนกับหัวใจของผมที่รู้สึกหวิวๆยังไงชอบกล
"ขี่รถดิ หรือว่า...มึงอยากขี่กู"
พี่จีบโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า ผมสะดุ้งก่อนจะขยับตัวหนีมันด้วยหน้าตาตื่นตกใจ เชี่ยยย ขี่กูคืออะไร ไอ้พี่จีบ ไอ้ลามก! ฟัคยู มายไอดอลที่ผมหลงนักหนาทำไมเป็นคนจัญไรแบบนี้
"ไอ้คิสมึงทำหน้าตลกอีกแล้วว่ะ"
พี่จีบหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างถูกใจ ผมเบ้ปากใส่ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองหน้าแดง แกล้งกันเข้าไป เอาให้หัวใจวายตายไปเลย!
"ไม่แกล้งผมสักวันจะตายไหมพี่จีบ?"
ผมพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะย่นจมูกใส่มัน พี่จีบส่ายหน้าก่อนจะเอื้อมมือมาดึงจมูกของผมอย่างมันเขี้ยว
"ไม่แกล้งมึงสักวันกูคงขาดใจตาย"
"แม่ง.."
"ตามกูมา จะเอาเสื้อนักศึกษาให้ยืมใส่ก่อน ไปสภาพแบบนี้มึงคิดว่ามึงจะได้เอเหรอ?"
มีความล่อลวงให้ขึ้นชั้นสองอีกแล้ว ความทรงจำในวันที่ผมป่วยเริ่มหลั่งไหลเข้ามา... ผมเผลออ้อนไอ้พี่จีบไปแล้วด้วย แถมยังจำสายตามันที่มองผมอย่างกับจะกลืนกินกันได้อย่างชัดเจน ฮือ ความแมนจงสถิตกับลูกเถอะ อย่าให้ลูกหวั่นไหวกับมายไอดอลเลย
"รอตรงนี้ได้ไหมอ่า?"
ผมลองยื่นข้อต่อรอง แต่พี่จีบส่ายหน้าก่อนจะคว้าหมับเข้าที่คอผมแล้วดึงไปกอดไว้
"มึงจะแก้ผ้าตรงนี้ทั้งๆที่ร้านกูเป็นกระจกใสรอบด้าน?"
ผมกวาดตามองรอบๆแล้วถึงบางอ้อ เออว่ะ ผมก็ไม่ได้ใจกล้าหน้าด้านจะมาถอดเสื้อโชว์หุ่นขี้ก้างให้ใครดูนี่หว่า
"ไปด้วยก็ได้ แหะๆ"
"เออ"
หลังจากนั่นผมก็อยู่ในเสื้อตัวโคร่งไหล่ตกเล็กน้อย จริงๆแล้วมีเสื้อนักศึกษาของซารังแต่พี่จีบไม่กล้าให้ยืมเลยเอาของตัวเองให้แทน ทีกางเกงในน้องไม่เห็นจะเกรงใจให้ยืมแบบหน้าตาเฉย!! ผมกับพี่จีบกลับลงมาที่ชั้นล่างก่อนที่นาฬิกาบนผนังจะบอกเวลาแปดโมงตรง
"เออลืมถาม แล้วนี่มาทำไมแต่เช้า"
พี่จีบที่กลับเข้าไปหลังเค้าน์เตอร์อีกรอบจัดการจัดเรื่องอุปกรณ์และเปิดวอร์มเครื่องทำกาแฟ ไอน้ำสีขาวเริ่มปรากฏอย่างเชื่องช้าให้เห็นในอากาศ เสียงแรงดันน้ำดังขึ้นยามพี่จีบเปิดก้านน้ำร้อนทำความสะอาด
"ว่าจะเอาแบบเมนูมาให้ดูอ่ะ"
ผมว่าก่อนจะรื้อกระเป๋า แต่พี่จีบส่งเสียงห้ามไว้ก่อน
"ตอนเย็นค่อยเอามาให้ก็ได้ ตอนนี้มึงรีบไปพรีฯได้แล้ว"
พี่จีบบอกผมทั้งๆที่ยังจัดการเครื่องทำกาแฟอยู่ ผมมองแผ่นหลังกว้างนั่นด้วยสายตาชื่นชม ไม่มีครั้งไหนที่พี่จะไม่จริงจังกับงานตรงหน้าสักครั้ง แววตาท่าทางมุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขา อยากเป็นแบบพี่จีบบ้างจัง บางครั้งก็นึกอิจฉาในตัวเขาที่สามารถตั้งใจทำงานตรงหน้าอย่างไม่ไขว้เขวต่อสิ่งเร้า ไม่เหมือนกับผมที่สมาธิสั้น ใครเอาขนมมาล่อตอนทำงานก็พังแล้ว งานพังถลาใส่ขนมทันที
"พี่จีบ.."
ผมเรียกเขาก่อนจะเม้มปากเพื่อรวบรวมความกล้าขออะไรบางอย่างจากเขาก่อนไปพรีฯงาน มันเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับผมเลยก็ว่าได้
"หืม ว่าไง?"
คนตัวสูงหันกลับมาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างเท้าลงบนส่วนโต๊ะหลังเค้าน์เตอร์บาร์ ทำให้ระยะห่างระหว่างเราลดลงไปอีกนิดหน่อยเพราะตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้บาร์ตัวสูง
"ขอกำลังใจหน่อยได้ไหมครับ?"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะช้อนสายตามองคนตรงหน้าอย่างออดอ้อน ไม่เคยคิดจะอ้อนพี่จีบเลยสักครั้ง แต่พอมันมีครั้งแรกคนเรามันก็ต้องมีครั้งที่สองเสมอ เหมือนพี่จีบจะชะงักไปแล้วกลับมายิ้มก่อนจะส่งมือหนาที่แสนจะอุ่นมาขยี้หัวกันเบาๆ
"ขี้อ้อนนะมึง"
คำพูดของพี่จีบก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าซะอย่างนั้น รู้สึกว่าตัวเองจะเขินพี่จีบบ่อยไปแล้วว่ะ มีวิธีห้ามตัวเองไม่ให้เขินมายไอดอลไหม อยากรู้แบบด่วนๆเลย
"ไม่ใช่ประเด็นแล้ว"
ผมย่นจมูกใส่ก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น มือหนายังคงวางอยู่ตำแหน่งเดิมแต่เปลี่ยนเป็นโคลงหัวกันเบาๆแทน
"ตั้งใจพรีฯให้เต็มที่ ขอให้ได้คะแนนสวยๆ"
พี่จีบยกยิ้มมุมปากเพียงนิดหน่อย แต่ในความรู้สึกของคนได้รับรอยยิ้มอย่างผมกลับรู้สึกว่ามันละมุนละไมจนหัวใจพองโต ผมพยักหน้ารับพร้อมกับส่งยิ้มกว้างไปให้
"ขอบคุณครับผม!"
พูดจบก็ทำท่าตะเบะเยี่ยงทหารก่อนจะโดนมือใหญ่ดีดหน้าผากเบาๆแล้วโบกมือไล่กัน
"ไปได้แล้ว"
"คร้าบ ~ เดี๋ยวตอนเย็นมาหานะ"
ผมพูดจบก็รีบวิ่งออกไปจากร้านโดยไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ด้านหลังจะมองตามมาและยกยิ้มพอใจส่งมาให้อยู่
เที่ยงตรงพวกผมออกมาจากห้องพรีเซนต์งานด้วยสภาพคล้ายกับซอมบี้ แต่ละคนดวงตาลึกโหลดำคล้ำอย่างน่ากลัว แต่ทุกคนกลับมีรอยยิ้มประดับบนหน้าเพราะมันคืองานชิ้นสุดท้ายและสอบตัวสุดท้ายของการสอบมิดเทอมครั้งนี้ พวกผมทั้งสามคนทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะอย่างหมดแรง
"สอบเสร็จสักที"
ไอ้ภีมพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ต่อจากนี้จะเป็นเวลาหยุดยาวหนึ่งอาทิตย์สำหรับการพักผ่อนของพวกผม
"หยุดยาวอาทิตย์นึงไปไหนกันวะ?"
สาวสวยประจำกลุ่มที่นอนฟุบลงบนโต๊ะเอ่ยถามขึ้น ผมที่กำลังสไลด์หน้าจอปลดล็อกโทรศัพท์เลยหยุดมือไว้
"คงอยู่หออ่ะ แล้วมึงไปไหน?"
ผมตอบก่อนจะมองไอ้ออยที่เงยหน้าขึ้นมองกัน ผมไม่อยากกลับบ้านเท่าไหร่เพราะกลับไปก็ไม่ได้เจอใคร พ่อกับแม่ไปฮันนีมูนรอบที่ล้านที่ออสเตรเลีย ก่อนเขาจะไปผมงอแงยกใหญ่ว่าถ้าไม่มีของฝากจะโกรธ พวกท่านเลยรับปากว่าจะแบกของฝากมาให้ถ้าไม่ลืม... ขอเกลียดคำว่าถ้าได้ไหมครับ
"กูกลับเชียงใหม่ แล้วมึงอ่ะภีม"
บ้านไอ้ออยอยู่เชียงใหม่ครับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันสวย ก็สาวเชียงใหม่สวยๆทั้งนั้น แถมยังขาวซะจนเหมือนกระดาษ
"ไปญี่ปุ่น"
มันตอบสั้นๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมนี่เบะปากคว่ำแล้วครับ เพราะเดาได้เลยว่ามันไปหาพี่ดีพแน่ๆ
"ว้าย ไปหาสามีเหรอ ชีวิตดี๊ดีอ่ะ"
ไอ้ออยสะดีดสะดิ้งขึ้นมาทันที จากที่นอนตายซากอยู่เมื่อกี้ตอนนี้กลับนั่งตัวตรงตาใสกิ๊งเลย ส่วนไอ้ภีมที่โดนกล่าวหาหน้างอง้ำไปแล้ว
"สามีเชี่ยอะไร ไอ้ดีพดิต้องเป็นเมียกู"
"นี่มึงคิดกดพี่กูจริงๆอ่ะ?"
"เออ มีปัญหาเหรอไง?"
"เปล่า แต่ก็ดีนะถ้ามึงเป็นพี่เขย บ้านกูจะได้รอรับสินสอด"
ผมหัวเราะเอิ้กอ้ากถูกใจความคิดของตัวเอง ไอ้ออยก็ยื่นมือมาแท็กทีมกันเป๋นอย่างดีปล่อยให้ไอ้คนที่หน้าง้ำในตอนแรกขมวดติ้วหนักเข้าไปอีก
"ฝันไปเถอะมึง"
จบลงด้วยการโดนไอ้ภีมโบกหัวคนละหนึ่งที พวกเราแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน เพราะออยต้องไปขึ้นเครื่องตอนห้าโมงเย็น ส่วนไอ้ภีมต้องกลับไปจัดกระเป๋าเพราะออกเดินทางพรุ่งนี้ ส่วนผมพาน้อง MSX ลูกรักไปจอดที่ร้านพี่จีบก่อนจะเดินโซซัดโซเซดันประตูกระจกของร้านเข้าไป
"สวัสดีครับพี่ไลค์"
ผมยกมือไหว้คนที่ยืนอยู่ตรงเค้าน์เตอร์บาร์ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สายตาสอดส่ายหาพี่จีบไปทั่วแต่ก็ไม่เจอแม่แต่เงา
"มาหาไอ้จีบเหรอ?"
เสียงทุ้มถามขึ้นขณะที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำลาเต้อาร์ตอยู่ ที่ร้านมีบริการพิเศษสำหรับคนที่สั่งลาเต้ด้วยนะ ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าอยากได้ลาเต้อาร์ตหน้าตาแบบไหน ผมนี่อยากสั่งรูปหัวใจแต่ยังไม่กล้าขนาดนั้น
"ก็ด้วยครับ แต่ตอนนี้ขอลาเต้เย็นแก้วนึงครับ ~"
ผมสั่งออเดอร์กับพี่ไลค์ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้ เขาพยักหน้ารับก่อนจะเขียนรายการยุกยิกลงบนกระดาษ ผมเหลือบสายตามองพบว่าอีกสี่คิว ไม่เป็นไรผมไม่รีบ
"แล้วนี่พี่จีบไปไหนอ่ะ?"
ผมเท้าแขนลงบนเค้าน์เตอร์ก่อนจะวางคางลงบนมือ ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาแทบไม่ได้คุยกับพี่จีบเลยเพราะต่างคนต่างเข้าสู่ช่วงสอบ ตัวผมเองก็ไม่มีเวลาปลีกตัวมาที่ร้านเหมือนกัน ขาดลาเต้เหมือนขาดใจ
"จีบไปสอบตัวสุดท้าย คิดถึงมันเหรอ? ~"
ถึงจะไม่เห็นว่าพี่ไลค์ทำหน้าตาแบบไหนแต่ไอ้ท้ายประโยคที่ลากเสียงยาวเนี่ยเป็นตัวบอกได้อย่างดีว่ากำลังล้อผมอยู่แน่ๆ แบบนี้ต้องเขินด้วยไหมพี่ไลค์ถึงจะพอใจ!
"คิดถึงอะไร ผมรอเอาแบบเมนูที่พี่จีบฝากให้ช่วยทำมาให้ดูหรอก"
ผมรีบรื้อกระเป๋าแล้วส่งกระดาษไปตรงหน้าของคนที่หันกลับมาพร้อมแก้มเครื่องดื่ม ร่างสูงผงะไปเล็กน้อยก่อนจะขำออกมาแล้ววางแก้วลงก่อนจะหยิบกระดาษในมือผมไปดู
"สวยดีนี่ แต่จีบมันก็ทำงานออกแบบเป็นนะ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนใช้งานคนอื่นเลยนี่หว่า"
ท้ายประโยคเหมือนพี่ไลค์จะพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับผม เพราะมันเบาจนเสียงเครื่องทำกาแฟกลบซะหมด ต่อมเผือกหยุดการทำงานลงโดยอัตโนมัติ
"งืม ไม่รู้พี่จีบจะให้แก้อะไรอีกไหม"
ผมรับกระดาษคืนจากพี่ไลค์แล้วยัดใส่แฟ้มเก็บลงกระเป๋าตามเดิม ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ปกติแล้วจะหนักไปทางวาดรูป ทำ CG Painting มากกว่า
"รอให้มันมาดูแล้วกัน นี่คิสจะอยู่รอไอ้จีบเลยเหรอ?"
"อ่าฮะ พี่จีบบอกไว้หรือเปล่าครับว่าจะกลับกี่โมง"
พี่ไลค์ยกแก้วลาเต้เย็นมาให้ผมก่อนจะทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะร้องอ๋อออกมาเบาๆ
"คงเย็นๆล่ะมั้ง เห็นบอกว่ามีนัดคุยเล่มร่างโปรเจ็คจบกับอาจารย์"
ผมพยักหน้ารับก่อนจะจับหลอดสีดำสนิทมาดูดลาเต้เย็นเข้าปาก รสสัมผัสนุ่มละมุนของนมแฝงความเข้มข้นของกาแฟคุณภาพดีมันช่างเป็นอะไรที่ลงตัวสำหรับผม กลิ่นหอมของมันกำลังเรียกน้ำย่อยให้กระเพาะทำงานหนัก
"งั้นผมกลับหอก่อนดีกว่า ตอนเย็นจะกลับมาใหม่"
ผมเงยหน้ามองบาริสต้าจำเป็นที่กำลังวางซองน้ำตาลและซองครีมเทียมลงบนจานรองแก้ว พี่ไลค์ชะงักมือแล้วมองออกไปนอกร้านคล้ายกับจะสภาพอากาศด้านนอก
"รออยู่นี่ล่ะ ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตกหนัก"
ผมมองตามสายตาพี่ไลค์ไปก็เจอกับเมฆฝนก้อนโต ดูท่าทางแล้วฝนจะตกหนักเหมือนวันที่พี่จีบไปรับผมจากหอ ไม่อยากนึกสภาพตอนขี่รถกลับแล้วมันตกลงมากลางทางเลย... ป่วยชัวร์
"อ่า.. ก็ได้ครับ"
ผมตอบรับก่อนจะส่งยิ้มให้พี่ไลค์ แต่เขาก็พูดประโยคอะไรบางอย่างให้ผมเกือบหงายหลัง
มีต่อด้านล่างนะ