ตอนที่ 38
บรรยากาศในรถค่อนข้างเงียบเชียบ และเหมือนจะมีแต่ความงุนงงของคนที่เหมือนจะรู้สึกได้ว่าทุกอย่างรอบตัว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่คาดคิด ใบหน้าน่ารักที่กำลังขมวดคิ้วงงอยู่ตรงประตูรถ เมี่ยงเอียงหน้ามองผม
“ ทำไมมึง... ใส่ชุดอยู่บ้านวะ ” ถามแบบนั้นมันก็นิ่ง สีหน้าที่ดูไม่สู้ดี ผมมองดูเสื้อผ้าตัวเองแบบอดไม่ได้ที่จะส่งความสงสัยท่าสีหน้านั้นคืนกลับไป
เสื้อยืดสีขาวธรรมดาที่ใส่ แม้แต่กางเกงขายาวสีดำก็ดูธรรมดา ไม่มีอะไรแปลกไปสักอย่าง จะบอกว่าหยิบเสื้อผ้าผิดก็ไม่น่าจะใช่
“ มึงไปกินข้าวกันแน่นะ..”
“ คิดเหี้ยอะไรอยู่ ” เพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่เรื่องดีเลยถามออกไปแบบนั้น “ อย่าบอกนะ ว่ามึงคิดว่ากูไปมีอะไรกับไอ้ดีนมา ”
“ ไอ้เชี้ย!! กูไม่ได้คิดอย่างงั้นเลยนะ ไม่ได้ไม่เชื่อใจมึงเลยนะ ” สายตาเรียวจ้องผมเขม็งพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ท่าทางจริงจังจนชวนให้ผมยิ้ม แล้วแน่นอนว่าสุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา
“ เหรอครับ ” พูดออกไปแบบล้อๆ เมี่ยงที่ตอนนั้นดึงตัวเองเข้ามานั่งมันจ้องหน้าผม จนต้องเอื้อมมือไปจับที่แก้ม ก่อนจะบีบเบาๆ จนอีกคนหน้ายู้ “ แล้วทำไมทำหน้าตกใจจังครับ แค่เห็นกูใส่ชุดอยู่บ้านเอง ”
“ ก็มึงบอกว่าจะไปกินข้าวกับไอ้ดีนใช่มั้ยละ ”
“ อื้ม ” ผมขานรับ
“ กูเลยคิดว่ามึงจะออกไปกินข้าว แล้วก็จะมารับกู ไม่คิดว่าถึงขั้นจะต้องกลับไปอาบน้ำก่อน ”
“ หรือมึงจะคิดว่าทำไมกูต้องอาบน้ำน้า กูไปทำอะไรกับไอ้ดีนมากันนะ ทำไมถึงต้องกลับมาอาบน้ำ แล้วเปลี่ยนชุดใหม่มารับมึงด้วย ” เหลือบคนที่ต้องตอบ เมี่ยงตาโตขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้าไปมาแบบผมปลิวไปหมด และแน่นอนว่ามันชัดมาก ว่าตรงกันข้ามกับความอยากรู้ที่มี
แล้วพอเห็นว่าผมไม่เชื่อเท่าไหร่ คนน่ารักที่เริ่มรู้จักหลบหลีกก็เหลือบมองไปทางอื่น มือขาวหยิบเอาไอ้ตุ๊กตาโดนัลดั๊กขึ้นมากอดด้วยท่าทางที่ไม่รู้จะทำยังไง ในสถานการณ์ที่โดนจับได้อย่างงี้
“ ว่าไง มึงคิดอะไรแบบนั้นอยู่มั้ยนะ ”
“ นี่มันกอดไอ้เป็ดกูมั้ย มึงได้ปกป้องไอ้เป็ดน้อยของกูเปล่า ” คำถามเบี่ยงเบนแบบที่หันมาหาเรื่องผมแทนนั้น ชวนให้ถอนหายใจออกมาก่อนจะยกยิ้ม ผมจ้องมองมัน
“ แล้วมึงคิดว่าไง ” ถามแบบนั้นอีกคนก็นิ่ง “ ผมเป็นคนแบบที่จะยอมให้คนอื่นมาแทนที่แฟนผม แล้วก็กอดตุ๊กตาเน่าๆของแฟนผมเหรอครับ ”
“ ไม่เน่าไอ้สัด อย่าว่าน้อง ” อีกฝ่ายบอกจริงจัง “ อย่าคิดว่าพอเป็นบทบอกรัก แล้วกูจะไม่สนใจในคำด่าของมึงที่มีต่อลูกน้อยของกูนะไอ้สัดอาร์ม ”
“ ครับๆ คุณแม่ดีเด่น ”
“ จะเป็นพ่อ! ” เมี่ยงมันเถียงเสียงดัง ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับ
“ ก็แล้วแต่เมียเลยครับ ”
“ มึงแม่ง อย่ามาบลูลี่สถานะชีวิตกูนะเว้ย ” ปากสีสวยนั่นขยับเถียงอย่างเอาเรื่อง “ กูเป็นเมียมึง เพราะกูชอบที่จะเป็นอย่างงั้น แล้วก็เพราะกูรักมึงมากๆ แต่จะไม่เป็นแม่ ทำไมต้องเป็นแม่แค่เพราะเป็นเมียด้วยไอ้สัด กูนะ..”
จุ๊บ
ดึงตัวเองจูบเข้าที่ริมฝีปากของอีกคน เมี่ยงหยุดชะงักประโยคที่กำลังจะพูดนั้นไปโดยทันทีมันมองผม “ เมื่อกี้มึงบอกว่ารักกู ”
“ เห้อออออออออออออออ ” คนฟังถอนหายใจทิ้งออกมาแบบยาวๆ สายตาที่จ้องมองผม เอาจริงมันดูหาเรื่องอยู่ไม่น้อย “ ให้มันได้แบบนี้สิไอ้สัด ไม่เคยได้พูดจบเลยนะตัวกู”
“ รู้แล้วครับว่าไม่ชอบ ทีหลังจะไม่ทำอีก โอเคมั้ย ”
“ โอเค ” ตอบรับแบบนั้น แต่เหมือนว่าเรื่องราวนี้อีกคนจะปล่อยให้จบลงไม่ได้ เมี่ยงเหลือบมองผม “ นี่ ถ้าพูดว่ารักมึง จะถูกจูบเหรอ กูน่ะ ”
“ อื้ม ”
“ งั้นต้องลอง ” ว่าแบบนั้นมันก็ดึงตัวเองเข้ามาใกล้กันแบบยิ้มๆ ก่อนจะเอียงหน้าไปมาแล้วพูดออกมาไม่มีหยุด “ รักมึง รักมึง รักมึง รักมึง ไหนอะ ไม่เห็นจะจูบเลย รักมึง รักมึงนะ รักนะ รักมึงอะ ”
“ เห้อออออออออออออออออ ” คราวนี้กลายเป็นผมที่ต้องเบือนหน้าหนีแล้วถอนหายใจออกมาบ้าง
จนท้ายที่สุดก็ทนไม่เคยไหว
“ ก็น่ารักแบบนี้ไงไอ้สัด ทุกวันนี้ถึงได้โงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ” มือสองข้างเอื้อมไปประคองใบหน้าน่ารักที่กำลังยิ้มหวาน ผมจูบเมี่ยง จูบซ้ำๆ จูบเกินคำว่ารักที่อีกฝ่ายบอกด้วยซ้ำ ก่อนจะงับเบาๆเข้าไปที่ข้างแก้มขาว จนคนโดนกระทำถึงกับร้องโวยวาย
“ โอยยยยยย อย่ากินแก้มน้องงงง ” ว่าแบบนั้นพลางดันตัวออก เมี่ยงมันจ้องหน้าผมกลับ แน่นอนว่าก็ต้องกล่าวโทษกันตามเคยที่เป็น “ หนอยยย ไอ้สัด อ่อยไม่ได้เลย ตะครุบเป็นหมาเลย ”
“ แน่นอน ของดีใครไม่สนก็เสียของแย่ แถมแฟนกูยังน่ารักขนาดนี้ ”
“ บ้าบอ ใครบอกให้มึงพูดความจริงออกมาหน้าด้านๆอย่างงั้น ” ถอนหายใจยิ้มๆ พลางก้มมองอีกคนที่ก็กำลังมองกันแบบล้อเลียน
“ นี่คือไม่สงสัยเรื่องไอ้ดีนกับกูแล้ว ” สีหน้านั้นเปลี่ยนไปในตอนที่ผมถาม เมี่ยงยิ้มจางๆ พร้อมกับทำทีเป็นคิด ก่อนจะพยักหน้ารับในตอนที่ผมถาม “ ทำไม ? ไม่อยากจะถามแล้ว ”
“ ก็มันดูเหมือนไม่เชื่อใจ ”
“ เลยทำตัวน่ารักกลบเกลื่อนแทนว่างั้น ”
“ ไอ้เรื่องน่ารักก็คือกูน่ารักอยู่แล้วมั้ยละ ” ว่าแบบนั้นพลางดึงตัวเองเข้ามากอดคอผมด้วยมือทั้งสองข้าง เมี่ยงจูบกัน มันยิ้ม “ แต่ยอมรับก็ได้จ้ะ ว่าเป็นอย่างงั้นแหละ กูกลบเกลื่อนอยู่ แต่ที่บอกก็เพราะว่าพี่อาร์มก็คือมองออกอยู่แล้วอะเนอะ ไม่มีทางโกหกได้เลย ”
“ รู้ตัวก็ดี ” ตอบแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปจูบริมฝีปากสีสวยนั่นอีกครั้ง เราที่มองตากันอยู่อย่างงั้น เอาเข้าจริง บางทีผมก็มีคำถาม
ต้องทำยังไงตัวเองถึงจะหยุดอยากจะเข้าไปจูบ เข้าไปกอดคนตรงหน้านี้ได้
แม้บางครั้งจะอยู่เฉยๆ แต่แค่ผมเห็นเมี่ยง ไม่ว่าจะมุมไหนของห้อง หรือนั่งข้างกันในรถ ร่างกายมันก็เหมือนอยากจะพุ่งเข้าใส่ แล้วกอดอีกฝ่ายอยู่อย่างงั้น
ผมรู้ว่าเมี่ยงรู้ตัวเองดีว่ามันน่ารัก แต่ผมเชื่อว่ามันไม่มีทางเดาได้หรอกว่าสำหรับผมแล้ว มันน่ารักขนาดไหน เพราะแม้แต่คำว่า น่ารักมากๆ ก็ยังรู้สึกไม่ใช่อยู่ดี จะบอกว่า น่ารักไปหมด ก็ยังไม่พอดี
เมี่ยงน่ารักแบบที่หน้าตาน่ารัก ทำตัวน่ารัก แม้แค่นั่งอยู่นิ่งๆ ก็ยังน่ารัก
ผมว่ามันก็คืออาการหลงเมียนั่นแหละ แต่ของผมมันหลงแบบ หลงโดยแท้จริง หลงแบบไม่มีอะไรมากั้น
“แต่ไม่มีอะไรหรอกครับ ” ผมบอกมันกก่อนจะดึงตัวเองกลับมาจับพวงมาลัยรถอีกครั้ง “ กูไมได้ไปกินข้าวกับมันด้วยซ้ำ ”
“ อ้าว ก็มึงบอกจะไปนี่ ไม่ใช่เหรอ ”
“ ใช่ ตอนแรกก็ออกมาด้วยกันนั่นแหละ แต่พอพูดกันไปสักพัก มันก็ขอตัวลงกลางทาง บอกว่าไม่อยากจะไปแล้ว ”
“ เหรอ ” เสียงเบาๆของคนที่ตอบรับชวนให้ผมยิ้ม
“ ไม่ต้องกังวลหรอก เราเคลียร์กันแล้ว ไม่มีอะไรแล้วละ ดีนมันเข้าใจกูดีแล้ว มันเองก็ขอโทษกูแล้วด้วย ”
“ แล้วมึงรู้สึกยังไงบ้างละตอนนั้น แบบ ตอนที่เห็นดีนมันมาเรียน ”
“ ตกใจ ” ผมตอบตามที่คิด “ แต่ควรเรียกว่าช็อคมากกว่ามั้ง วินาทีนั้นกูแม่งนิ่งไปเลย ตอนที่เห็นมันนั่งอยู่ในห้อง ”
“ ตอนไอ้เบสบอกกู กูก็ช็อค มันบอกกูว่า มันเห็นไอ้ดีนมาเรียนแล้ว ”
“ มันบอกมึงอย่างงั้น ” ผมทวนคำถาม อีกคนก็พยักหน้ารับแบบไม่มีทีท่าว่าจะโกหก
“ ช่ายยย มันบอกว่าเจอกันที่ลานจอดรถละ ” เมี่ยงว่าแบบนั้นผมก็คิดถึงคำพูดของดีนที่บอกกันว่าช่วงที่ผ่านมามันไปอยู่กับไอ้เบส
‘ หรือว่าจะไม่อยากบอกใครวะ หรือบางทีอาจจะยังไม่ได้ถามไอ้ดีนว่าบอกได้มั้ย หรือไมได้ ก็เลยโกหกออกมาอย่างงั้นกับอีกคน ’
“ มึง เงียบไปเลย ” โดนจิ้มเข้าที่แก้ม ผมหันไปมองคนพูดก่อนจะยิ้ม
“ อยากให้กูพูดว่ารักมึงเหรอ จะได้ไม่เงียบไง ”
“ ได้ทีเอาใหญ่นะไอ้สัด ” บอกแบบนั้นมือขาวก็กระชับตุ๊กตาเป็ด เมี่ยงบี้แก้มลงกับตัวไอ้ตุ๊กตาขาวนั้น แต่สายตาเรียวยังดูเหมือนกังวล “ โอเคแล้วแน่ๆนะมึง มึงกับไอ้ดีนอะ ”
“ ทำไม ไม่มั่นใจเหรอครับ หรือคิดวด่ากูโกหก ”
“ อื้ม กลัวมึงโกหก เพราะแค่อยากจะให้กูสบายใจ ”
“ ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ ” ผมย้ำ “ ไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ดีนขอโทษกูแล้ว เรื่องที่มันไม่เคยรักกูเลย ซึ่งเอาจริงๆ กูก็ไม่ได้ต้องการให้มันพูดอะไรแบบนั้นหรอก แต่พอพูดแล้ว ก็เคลียร์ดีว่ะ กูรู้สึกเหมือน เราจะกลับเป็นเพื่อนกันได้ เพื่อนแบบที่มันเป็นเพื่อนจริงๆ อย่างที่มันควรเป็นตั้งแต่แรก ”
“ ก็แน่นอนละครับ มันต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว มึงต้องเป็นเพื่อนกับมันจริงๆ เพราะมึงมีกูอยู่แล้ว ” ชี้หน้าเข้าหาตัวเอง ผมก็หลุดยิ้ม “ แล้วบอกไว้ก่อนว่าถ้ามึงคิดเป็นอย่างอื่น ไอ้ตุ๊กตาเป็ดถูกดึงออกมาจากอ้อมกอด เมี่ยงตีมันซ้ำเหมือนขู่เด็กเล็ก ก่อนจะหันมามองผมตาขวาง “ มึงตายแน่!! ”
“ ครับๆ กลัวแล้วครับผม ขู่เก่งจริง ”
“ แล้วแบบนั้น พอไม่ได้ไปต่อ มึงก็เลยกลับบ้านเหรอ ”
“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ “ สุดท้ายก็ไปซื้อข้าวกินที่ห้าง แล้วก็เอาไปกลับไปกินที่ห้อง ยิ่งไปกว่านั้นคือกูเสือกซื้อข้าวปลาแซลม่อนไป ไอ้นายท่านกับไอ้แก้มหอมก็คือไม่มีใครทนไหวเลย กระโดดขึ้นโต๊ะกันวุ่นเลย ”
“ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของคนที่นั่งข้างกัน เมี่ยงเอื้อมมือมาหยิกแก้มที่แทบไม่มีของผม ก่อนจะดึงให้ส่ายไปมา “ โถๆ พี่อาร์มของกู โดนเทนัดก็ทีนึงแล้ว แถมยังโดนลูกตัวเองกับแฟนลูกแย่งข้าวกินอีก ”
“ ปลอบใจหน่อยสิครับ ” ดึงตัวเองเข้าไปใกล้ เมี่ยงยิ้มก่อนจะจูบผม ที่ก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างไม่มีเบื่อ
“ งั้นเราไปกินข้าวกัน กินอะไรกันดี ”
“ อยากกินอาหารญี่ปุ่น ” พูดแบบนั้นมือของผมก็กระชับจับพวงมาลัย เกียร์ที่หยุดนิ่งผมเลื่อนมันให้เดินหน้าก่อนจะขับออกมาจากลานจอด พร้อมกับเสียงถอนหายใจของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ ถอนหายใจอะไรขนาดนั้น ไม่อยากจะกินอาหารญี่ปุ่นเหรอ กินอย่างอื่นก็ได้นะ ”
“ ไม่ๆ อยากกินๆ กูแค่คิดเรื่องอื่นอยู่เฉยๆ ” ท้ายประโยคที่เบาลงเมี่ยงมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมในตอนนั้นก็เลยเอื้อมมือไปหยิกแก้ม จนเจ้าของแก้มนุ่มนิ่มนั้นหันมามองกัน
“ มีอะไร ไหนลองบอกแฟนสิครับ ”
“ ง่อววววว ใจบางเลยนะพูดแบบนั้น ” พูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะพิงตัวเองลงกับเบาะรถที่นั่ง “ คือกูแค่กำลังคิดเฉยๆ ว่าพรุ่งนี้มันจะเป็นยังไง ”
“ อะไรเป็นยังไง ”
“ ก็ไอ้ดีนกลับมาแล้วไง แต่กูยังอยากจะไปกินข้าวกับมึงทุกเช้าเลยนะ แล้วก็ตอนเที่ยงด้วย ” ขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น ผมงงนิดหน่อยว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกันกับการที่ไอ้ดีนกลับมาเรียน
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับเรา ”
“ ก็ไอ้ดีนกับไอ้เบสมันไม่ถูกกัน มึงก็เพิ่งกลับมาดีกับไอ้ดีนใหม่ๆ กูเองก็ไม่อยากจะต้องอยู่ในสภาพแบบต้องเลือกด้วย ว่าต้องกินข้าวกับแฟนหรือว่าเพื่อน เลยคิดว่าพรุ่งนี้เราอาจจะต้องแยกกันไปก่อน กลุ่มใครกลุ่มมัน ”
“ บางทีอาจจะไม่เป็นอย่างงั้นก็ได้ ” บอกคนที่หันมามองกันแบบสงสัย ผมยิ้ม “ ก็ให้มันถึงพรุ่งนี้ก่อน ไม่เห็นว่าต้องกังวลอะไรไขนาดนั้น ”
“ แต่ว่า ”
“ บอกไว้ก่อนว่ากูติดแฟนมากนะ แน่นอนว่ากูเลือกแฟนอยู่แล้ว ” เมี่ยงที่ยิ้มกว้างออกมา ผมก็เอื้อมมือไปขยี้หัวมัน “ ยิ้มได้แล้ว มึงมีกูอยู่นะ คิดว่ากูจะปล่อยให้มึง หงุดหงิดหรือว่าเสียใจเหรอ นี่ใคร กูอาร์มนะ ” ผมย้ำ “ อาร์ม แฟนเมี่ยงอะ ”
“ โหห อย่างเท่เลย ” นิ้วโป้งที่ยกให้กันนั้นในแววตามีแต่รอยยิ้มแบบที่ชอบ ผมยักคิ้วให้อีกฝ่าย “ แล้วจะไม่ให้รักได้ยังไงจริงมั้ย ”
“ มีแต่รักหัวปักหัวปำเท่านั้นแหละ บอกไว้เลย ว่าต่อจากนี้และตลอดไป โงหัวไม่ขึ้นแน่นอน ”
“ ยอมแล้วครับ พี่อาร์มค้าบบบบบบบบบบบบ ” ไม่ว่าเปล่าแก้มขาวที่เบียดกับตุ๊กตาตัวที่กอดพลางส่ายหน้าไปมาจนผมต้องหลุดยิ้มกว้าง
ก็อย่างที่ผมบอกดีน เมี่ยงน่ารักจนผมโงหัวไม่ขึ้นแล้ว เป็นความน่ารัก ที่ทำให้รู้สึกทั้งรักทั้งหลง แบบที่ถ้าเป็นตุ๊กตาตัวเท่ากำมือก็อยากจะพกไปไหนมาไหนด้วย แล้วก็อยากเอาขึ้นมากอดมาหอมทั้งวัน
“ อ้าว จอดรถทำไม จะซื้ออะไรวะ ” สายตาเรียวหันมามองกันด้วยความท่าทางสงสัย คงเห็นว่าอยู่ๆรถของเราก็เบี่ยงออกจากเส้นทาง ก่อนที่ผมจะหยุดมัน เปลี่ยนเกียร์ให้หยุดนิ่ง แล้วดึงเบรคมือ “ อาร์ม ”
“ ขอจูบหน่อย ” เข็มขัดนิรภัยถูกปลดออกแบบรวดเร็ว ผมดึงตัวเองเข้าไปจูบริมฝีปากนั้น และแน่นอนที่ว่าคนตอบรับก็แค่กางมือออกกว้าง เมี่ยงกอดคอผม มันย้ำจูบเต็มแรงลงบนริมฝีปาก ก่อนจะค่อยๆเผยอมันออกเพียงน้อยเพื่อขยับรูปปากนั้นอย่างบดเบียดกันและกัน
เรายิ้มในตอนที่ผละตัวเองออก ก่อนจะดึงเข้าหากันอีกครั้งตามความรู้สึกที่ดึงดูดอย่างไม่คิดปิดบัง ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงเจ่อนั้นจะกัดเบาๆลงบนริมฝีปากล่างของผมแล้วดึงออกเพียงน้อยด้วยความขี้เล่น
“ เด็กมันร้ายว่ะ ” ผมว่าก่อนจะยิ้ม แล้วจูบลงไปบนต้นคอขาว “ เอาจริงๆนะเมี่ยง ไม่อยากจะกินอาหารญี่ปุ่นแล้วว่ะ อยากกินอย่างอื่นแทนมากกว่า ”
“ คล้ายๆว่าจะเป็นกูมั้ยนะไอ้สัด สิ่งที่มึงอยากกิน ”
“ ใช่ ” ตอบรับกันออกไปตามตรง ผมดึงตัวเองขึ้นมองหน้ามันอีกคนก็ยกยิ้ม แต่แน่นอว่า แฟนผมน่ะ เรื่องกิน ต้องมาอันดับหนึ่ง
“ ไม่ได้ ” ว่าแบบนั้นก่อนจะดันตัวผมออก “ กูจะกินอาหารญี่ปุ่น มึงเลิกหวังไปได้เลย ”
“ อะไรวะ ”
“ ไปขับรถ ” บอกย้ำกันยังไม่พอ อีกฝ่ายเชิดหน้าไปตรงที่นั่งคนขับ มันบ่น “ เล่นด้วยหน่อยไม่ได้เลยนะ ใดๆก็คือจะกินกูอย่างเดียวเลยนะ ”
“ เมี่ยงอะ ” กระพริบตามองมันแบบอ้อนๆ แต่ทว่าอีกคนกลับหลบตา ใบหน้าขาวแก้มขึ้นสีแดงจัด แน่นอนว่ามันแพ้มาก
สำหรับไม้เด็ดของผม ก็คือลูกอ้อนที่อีกฝ่ายไม่เคยชนะ
“ เมี่ยงครับ ”
“ ไม่ต้องเลยยยยยย ไปกินข้าว ” เบือนหน้าหนีไปมองตรงหน้าต่างอีกฝ่ายถอนหายใจเหมือนกำลังสงบจิตใจของตัวเองลงยังไงอย่างงั้น “ มึงต้องกินข้าวก่อน ”
“ ก็ได้ครับ ” ตอบแบบเสียงอ่อนคนพูดที่ไม่มองหน้ากันก็ยิ่งขมวดคิ้ว เมี่ยงถอนหายใจแบบที่สุดท้ายก็ต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากจะพูด
“ ทำกันทีนึงมันนาน มึงแม่งก็ไม่เคยจบง่ายๆเลย มีรอบสองตลอด ไหนจะชอบกอดกูไม่ยอมลุกไปไหนอีก แล้วพอมันเป็นแบบนั้น มึงก็จะมารู้สึกว่ามึงหิว ก็ตอนที่อาบน้ำเสร็จนั่นแหละ คราวนี้ก็ต้องหาของกินกันให้วุ่นอีก ” เมี่ยงเหลือบมองผม “ ไปกินข้าวก่อน แล้วกู... ค่อยกินหลังกินข้าว เพราะเป็นของหวานอยู่แล้วนี่ จริงมั้ย ”
ไอ้ชิบหาย...
นี่สินะที่เค้าบอก เหนือฟ้ายังมีฟ้า และตอนนี้เหนือผมยังมีเมี่ยงอย่างแท้จริง
เพราะต่อให้อ้อนแค่ไหน อีกคนก็กำราบลงได้ทุกยก ต่อให้มันเขินแค่ไหน มันก็ทำได้ แบบที่ผมแพ้ราบคาบอย่างไม่อาจต่อกร
แล้วแน่นอนว่า ยกนี้ก็เหมือนกัน
“ โอเคครับ ” ตอบได้แค่นั้น หลังจากนิ่งไปสักพัก ผมดึงตัวเองกลับมาคาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมทั้งริมฝีปากที่เม้มเข้ากันแน่น อย่างที่อยากจะเปิดกระจกรถ แล้วตะโกนออกไปสุดเสียงว่า โคตรน่ารักเลยเว้ยเมียกู
แม้ว่าจริงๆ ผมจะไม่ใช่คนชอบของหวานเลย
แต่ตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่า อยากกินของหวานมากครับ
.................................................................