ฮิ้วววววววววว เข้ามาจุดประทัดฉลองค้าาาาาาาาาาาา หายไปนานโขทีเดียวคราวนี้ ขอโทษอย่างเเรงเลยนะคะ
มาต่อคราวนี้ เนื้อเรื่องจะเข้าสู่จุดสำคัญเเล้วนะคะ (ไม่อยากบอกว่าไอ้ที่ผ่านมาน่ะ ยังไม่เข้าเนื้อเรื่องเลย 555)
ยังไงก็ต้องขอบใจทุกกำลังใจเลยนะคะ มีเเรงเขียนมากๆเลยค่ะ
ปล. ยังไงก็เขียนให้จบเเน่นอนค่ะ รับรองบทที่ 13 เวลา“ซันครับ พี่ชอบซันนะครับ” ชายหนุ่มรูปงานในเครื่องแบบสีขาว กระซิบบอกข้างๆหูฉันอย่างแผ่วเบา เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ไอ้ฉันมันก็แพ้คนในเครื่องแบบเสียด้วยสิแอร๊ยยยย
“เชื่อได้ จริงหรือเปล่า” ฉันแกล้ง หันหลังกลับ ทำเสียงตัดพ้อ แหม…..อย่าคิดว่าไม่รู้นะคะ ว่าคุณหมอคนนี้ฮอตแค่ไหน แค่เดินออกไปสักครู่ก็มีพยาบาลมาตามประกบล่ะค่ะ แอร๊ยยยย ก็รู้ค่ะว่าเป็นหน้าที่ต้องคอยรายงานทำงานกับพี่หมอ แต่ขอความกรุณาอย่าค่ะ หยุดเอาสะโพก(เสริมฟองน้ำ)ของหล่อนมาเบียด หยุดส่งสายตาผ่านบิ๊กอายสีฟ้าน้ำทะเล หยุดทุกการกระทำเดี๋ยวนี้ ชั้นหวง
“อ๊ะ………พี่หมอ ปล่อยครับ”
“ถ้าพี่ปล่อย ซันก็ไม่ยอมเชื่อพี่สิครับ” เขากระชับวงแขน บังคับฉันให้เข้าไปติดกับอกแน่นๆของเขา แอร๊ยยยยย ใจเต้นรัวเลยค้า หรือว่าพี่หมอแอบฉีด อะดรีนาลีน ให้ฉันยะ
“เชื่อพี่นะครับ พี่ชอบซันจริงๆ” เขาบอกซ้ำอีกครั้ง ย่อตัวลงเอาคางมาเกยไว้ที่บ่าฉัน น้ำเสียงช่างชวนฝัน นี่สินะความรู้สึกของนางเอกใน นิยาย เล่มละ 10 บาทที่สาวๆ ชอบอ่านกัน ฮู้ววววววว มันซาบซ่านแบบนี้นี่เอง
“ผมก็ชอบพี่ครับ” ฉันตอบกลับไปเบาๆ แหม ก็มันอายนี่ค่ะ หน้ายิ่งบางๆอยู่ ก็เล่นไม่ให้ทารองพื้นนี่
“อะไรนะครับ ไม่ได้ยินเลย” แอร๊ยยยยย อย่ามาทำเป็นหูตึงค่ะพี่หมอ อยู่ใกล้กันแค่นี้เสือกไม่ได้ยิน ทำตัวยังกับเป็นคนแก่อายุ 60 ไปได้ แอร๊ยยย อย่าทำเสียงอ้อนแบบนั้นสิคะ โอ้ยยยย ยอมก็ได้ค่า พูดอีกทีก็ได้
“ผมก็ชอบพี่ครับ”“แต่กูไม่ได้ชอบ”อ๊ะ อะไรนะคะ
“ตื่นแล้วก็ปล่อย กูได้แล้ว เหม็นคนไม่ได้อาบน้ำ”
ฉันหันกลับมาแต่แทนที่จะเจอพี่หมอสุดหล่อแต่ไหงกลับกลายเป็นนังธรไปได้ซะนี่ แถมตอนนี้ยังอยู่ในห้องของฉันด้วย และที่สำคัญ คือไอ้แขนทั้งสองข้างน่ะ ฉันกอดมันไว้แน่นเลย
“แอร๊ยยยย นังธร แกมาทำอะไรที่ห้องฉันยะ” ฉันปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว พลันลุกขึ้นนั่ง แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าพลาดไปเสียแล้ว ห้องของฉันดูเหมือนจะหมุนวนไปมา จนฉันเซล้มลง โชคยังดีที่ไม่เอาหัวไปกระแทกกับกำแพงหรือขอบเตียง
“ดี สมน้ำหน้า กินเยอะดีนัก ใครสั่งใครสอนให้กินจนรั่วขนาดนั้น” นังธรบ่นไม่หยุด มันกระโดดลงเตียงไปหาผ้าชุบน้ำมาลูบหน้าฉัน พอให้สดชื่นขึ้นได้บ้าง
“แล้วนี่แกมาได้ไง แล้วฉันกลับมาได้ไง” พอทุกอย่าเริ่มเข้าที่ฉันก็เริ่มถาม แหม ก็ไอ้เมื่อคืนน่ะ จะได้ถึงแค่ มีชายหนุ่มมาทัก เท่านั้นล่ะค่ะ หลังจากนั้น มันวืดไปหมด ไม่รู้น๊อคไปตอนไหน นังธรก็บรรยายแจงความน่าอดสูของฉันได้เป็นฉากๆเลยค่ะ ตั้งแต่ ที่ธัน มันโทรตาม เพราะมันเองก็ยังไม่เลิกงาน พากลับมาส่งก่อนไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่มันต้องกันท่าไอ้ผู้ชายคนนั้นที่รับอาสาจะไปส่งฉันอีก
“อ๊ะ แล้วทำไม ไม่ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นมาส่งฉันยะ โอยๆๆๆๆๆๆ พลาดโอกาสทองอีกแล้วเรา”
นังธรเลิกคิ้วสูง
“ใช่ พลาดโอกาสทองจริงๆ โอกาสลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์น่ะสิ” ว่าจบมันก็เดินไปต้มมาม่าทันที ปล่อยให้ฉันทบทวน ถึงประโยคของมันตามลำพัง ……………. ลงข่าวหน้าหนึ่ง………เรื่องที่ว่า “งานวิวาห์ ชายชาย สนั่นเมือง” หรือไง คริๆ ก็คงแบบนั้นสินะ
แอร๊ยยยยยยย
“อ๊ะ กินซะ” ไม่นานนัก มาม่าหมูสับ เพิ่มหมูเพิ่มใข่ใส่ผัก ก็ยกมาเสริฟให้ถึงโต๊ะ ฉันขอบใจนังธรไป เรานั่งกินกันเงียบๆ อาจเป็นเพราะต่างคนต่างหิวกันมาก ถึงกับก้มหน้าก้มตาโซ้ยอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่ามาม่าสองสอง ฉันใช้เวลากินเพียง 3 นาที
“ไปอาบน้ำก่อนไป แล้วค่อยมานอนพักต่อ” นังธรดันหลังฉันเข้าห้องน้ำ พอฉันขอไปนอนก่อนก็ทำเสียงเขียวใส่อีก แอร๊ยยยย ไปก็ได้ย่ะ ชั้นกลัวไม่มีคนล้างจานให้หรอก ไม่ได้กลัวหล่อนนะยะ
สายน้ำเย็น พอที่จะทำให้อาการหนักหัวดีขึ้นบ้าง ฉันค่อยบรรจง ถูไถขัดคราบสกปรกต่างๆให้หลุดออก ถูกไปจนมั่นใจ ก็หยุด พันผ้าเช็ดตัว (ซึ่งเมื่อก่อนใช้กระโจมอก) ออกมาสำรวจตนหน้ากระจกบานใหญ่ (ที่ไม่เห็นจะมีคุณหลวงโผล่มาให้เห็น) ว้าย กินเหล้าแค่นี้ หน้าโทรมไปเยอะเชียว ไม่ได้การ สงสัยต้องเบาๆลงเสียแล้ว
“กลับก่อนนะแก” เสียงนังธรบอก เมื่อเห็นว่าทุกอย่างโอเค แล้ว ฉันพยักหน้าให้ อยู่บนที่นอน แต่นังธรยังคงอยู่ไม่ยอมไปไหน
“อ้าว ไหนว่าจะไปแล้วไงแก” ฉันถามเมื่อเห็นอีกคนยังอยู่
“แก ไม่เป็นอะไรแน่นะ” นังธรดูเป็นกังวล ก็สมควร ปกติฉันเองก็ไม่ได้จะเมาแบบนี้บ่อยนัก มันคงคิดมากเรื่องหัวหน้าอีกแน่
“นี่นังธร ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมเรื่องหัวหน้า”
“เฮ้ย กูไม่ได้ชอบจริงๆ” มันรีบตอบกลับมาอย่างเร็ว ค่ะ ฉันรู้ แม่น้ำแข็งก้อนใหญ่อย่างหล่อนจะชอบใครอีกนั้น ยาก
“แต่ฉันอยากให้ชอบ……….หัวหน้าเขาก็ดูโอเค”
“นี่แก…………” นังธรอึกอัก อ้าปากไปมาๆ โดยไม่มีเสียงลอดออกมาอีก
“โอ้ย เรื่องนั้นฉันแค่คิดไปเองฝ่ายเดียว……..แล้วอีกอย่าง มันถึงเวลาของแกแล้วธร” ฉันละสายตาจากรายการทีวีตรงหน้าหันมาสบตา ตรงๆ กับเพื่อนที่ดีที่สุด หากมีอะไรจะให้ ฉันก็อยากให้เพื่อนคนนี้มีความสุข เหมือนที่เคยมีเมื่อครั้งก่อน
ก่อนที่จะมีกฎข้อห้ามเหล่านั้น
“กูว่าเราพูดกันเรื่องนี้รู้เรื่องแล้วนะ”
“ธร อีกไม่นานฉันเองก็คงต้องออกเรือนไปแต่งเข้าบ้านสามี……แล้วแกจะอยู่กับใครล่ะ ฉันเป็นห่วงแกนะ”
“หึ…………หาให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากัน”
แอร๊ยยยยยย มันแอบร้ายนะคะ
ธรกลับไปแล้ว ในห้องเหลือเพียงฉันและเสียงจากทีวีที่ช่วยให้ไม่เงียบจนเกินไปนัก ถึงกระนั้นฉันเองก็ไม่ได้สนใจรายการเกมโชว์มากนักถึงแม้มันจะตลกแค่ไหน คิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา……………ว่าฉันตัดสินใจถูกต้องหรือไม่
ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งคนรัก………………แม้ตอนนี้ยังคงไม่มีเหมือนเคย
ถ้าแบบนั้น กลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม……………….เพราะยังไงผลมันก็เหมือนกัน
ไม่สิ……………..มันไม่เหมือนกัน
เมื่อก่อนฉันไม่เคยมีโอกาสเลยสักครั้งที่จะมีใครมาสนใจ…………….แต่ตอนนี้ฉันเริ่มมีโอกาสมากขึ้นต่อการเป็นที่สนใจ
มีโอกาส ก็ ยังดีกว่าไม่มีอะไรใช่ไหม
ถึงโอกาสนั้นมันจะน้อยนิดก็ตาม
ก่อนที่จะคิดฟุ้งซ่านไปกว่านี้ โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นเสียก่อน หน้าจอขึ้นชื่อคนโทรเข้ามา ทำฉันยิ้มในใจ คงต้องเตรียมอุดหูไว้ดีกว่า
“พี่รู้ไหมว่าทำผมเดือดร้อน” ปลายสายตะเบ็งเสียงใส่ทันทีที่ฉันรับ ดีที่ไม่ได้เอาแนบหูไว้
“เอาน่า ธัน เจ้าของร้านก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ฉันหัวเราะตอบกลับไปอย่าอารมณ์ดี
“ไม่ว่าที่ไหนพี่ โหย พี่เล่นเมารั่ว เลื้อยไปมา ต้องคอยดู ไหนจะต้องกันท่าไอ้หื่นที่จ้องจะลากพี่กลับตลอด ผมไม่เป็นอันทำงานพอดี…..เมื่อคืนเสือกคนเที่ยวเยอะอีก โดนด่าที่อู้เลย” ฉันหัวเราะอีกครั้งพลางขอโทษเจ้าเด็กประจำร้านไป พร้อมกับบอกสัญญาว่าจะพาไปเลี้ยงเป็นการตอบแทน เจ้าธันก็ยอมวางหูไปแต่โดยดี
ทำคนอื่นเดือดร้อนอีกจนได้นะ ฉันนี่
แต่ก็นะ…….นานๆที ขอสักครั้งเถอะ…….อยากทำตัวอ่อนแอ ให้คนอื่นดูแลบ้าง แค่นั้น
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เพียงแต่ครั้งนี้ เป็นหมายเลขที่ฉันไม่รู้จัก
“สวัสดีครับ” ฉันกรอกเสียงพูดลงไป
“สวัสดีครับ ซัน”
“ครับ ไม่ทราบว่าใครพูดครับ”
“อ้อ ผมเองครับ ธนาธาร”
ธนาธาร…………….ใครอะ หรือจะฟังผิดเป็นธนาคารหรือเปล่า
“ขอโทษนะครับ โทรมาจากธนาคารหรือครับ” ฉันทวนถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สงสัยคุณยังไม่หายมึนจากเมื่อคืน……ผมธนา ไงครับ ที่เราเจอกันเมื่อคืนที่ร้าน” ชายหนุ่มเฉลย
อ้อ ที่แท้ ก็ไอ้หนุ่ม ตัวใหญ่ คนที่คล้ายๆกับหัวหน้านี่เอง เอ๊ะ เราให้เบอร์ไปด้วยหรอ อืม จำไม่ได้
เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อยสักพัก จนธนาออกปากชวนฉันไปหาอะไรกินกันตอนเย็น
“ผมไม่ว่างครับ ขอโทษที”และนั่นก็ทำให้เขาส่งเสียงอย่างผิดหวังออกมา ก่อนจะวางสายไป
ทำไมฉันถึงไม่ตอบรับไปน่ะหรอ……………อาจเป็นเพราะฉันได้บทเรียนมามากพอควร โบราณว่าไว้อะไรที่เริ่มเร็ว มักจะจบลงเร็วเสมอ (ดูจากตอนที่ผ่านมาสิคะ มีผู้ชายคนไหนที่ได้กิ๊กกับฉันเกินสองตอนบ้าง) บางทีฉันอาจจะรีบร้อนมากเกินไป การตกลงปลงใจอะไรง่ายๆในทันที อาจพาเราไปสู่ความผิดหวังได้ จากนี้ไปฉันคงต้องคิดให้ถี่ถ้วนกว่านี้ในเรื่องหัวใจ
เคยมีคนถามว่า รักด้วยหัวใจ กับ รักด้วยสมอง คุณจะเลือกแบบไหน
ฉันตอบอย่างไม่ลังเล
ความรักมันต้องออกมาจากหัวใจ………………….หากแต่ตอนนี้ชักไม่มั่นใจเสียแล้ว
โลกนี้มันซับซ้อนนัก คนเราไม่ได้มีอยู่มิติเดียวเหมือนรูปวาดในกระดาษแบนๆ แต่เป็นรูปปั้นลอยตัวที่มองได้รอบทิศ แถมยังมีภายในที่ซ่อนไว้อีก……………การที่เราพึ่งได้พบกัน ก็คงเป็นการได้มองเพียงแค่มุมๆหนึ่งของเขาคนนั้น (ซึ่งคนนั้นคงเลือกมุมที่ดูดีที่สุดให้เราชม) นั่นล่ะ เราควรต้องใช้สมองในการวิเคราะห์ ใช้เวลาในการศึกษา ให้เห็นทั้งรอบตัวของรูปปั้นชิ้นนั้น และอาจต้องแหวกเข้าไปดูถึงภายในก็จะดีมาก
เวลา ดู จะเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำความเข้าใจ
ฉันรีบร้อนที่จะมีความรัก และ เวลาเร่งรีบให้เรื่องของเราจบลง
ทำไมถึงต้องรีบ…………..เพราะฉันไม่ต้องการอดทนต่อความเหงาอีกต่อไป
แต่ถึงกระนั้น……..เพื่อความแน่นอนแล้ว……………………..สู้ทนเหงาไปอีกนิด………มันจะดีกว่าไหม
คงต้องใช้เวลา จริงๆ
ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ที่อีกคนพึ่งวางไป ฉันนั่งยิ้มเมื่อคิดถึงคนตัวใหญ่ทำหน้าเศร้า (ถึงแม้เขาอาจจะไม่ได้เศร้า…..แต่ขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยเหอะ) ขอโทษนะ คุณ ธนา ฉันไม่อยากเร่งตัดสินใจในตอนนี้ ขอเวลาให้ฉันอีกนิด
แต่ก็น่าสงสารเนอะ คนตัวใหญ่ ทำหน้าจ๋อย คงน่ารักพิลึก…………
แค่ต้องใช้เวลา
ขอเวลาให้ฉันได้คิด
ฉันคว้าเอามือถือมากดตัวอักษรไปทีละตัว จนได้ครบประโยคที่ต้องการ อ่านทวนซ้ำแล้วหลายรอบ เพื่อไม่ต้องการให้เขาเข้าใจผิด ก่อนจะตกลงกด ส่งข้อความไปยัง ชายผู้ที่พึ่งโทรเข้ามา
“วันนี้ผมไม่ว่าง แต่พรุ่งนี้ผมว่างครับ
”
แอร๊ยยยยย