::ไม่เกรียนที่ 17::‘No Entry’
ผมมองป้ายที่ติดเห็นเด่นเป็นสง่าอยู่นอกหน้าต่างห้องตัวเองอย่างปลงๆ
ภายหลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อเย็นวาน พ่อน่ารักที่เคยเข้าอกเข้าใจผมเรื่องไอ้หมอกก็กลายเป็นพ่อน่ารักที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟและไม่ยอมรับฟังว่า ‘แค่จูบ’ เท่านั้น
“พ่อไม่ว่าถ้าลูกจะรักชอบกับตาหมอกตาควันนั่น แต่การที่มันมาปล้ำลูกถึงห้องมันเกินไป พ่อไม่ยอม พ่อจะไม่ทน!”
พ่อแกว่างั้น..
เช้าวันนี้ ผมหนีบกระเป๋านักเรียนไว้ในซอกจั๊กแร้ตามปกติ กำลังยืนรอ..
“มาแล้วๆ ไอดิล”
“ฮะ..พ่อ”
ผมตอบพลางทำตาเหล่ตาเข ขณะพ่อน่ารักวิ่งกระหืดกระหอบออกจากบ้านมา
“เลทสะโก ไปโรงเรียนกันได้”
พ่อน่ารักเดินเข้ามาโอบไหล่ผม มุ่งหน้าไปตามถนนที่ทอดยาวสู่โรงเรียน
“เอ่อ..พ่อฮะ” ผมพยายามจะพูดออกมา
“พ่อไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ฮะ ผม..”
“โอ๊ย ไม่ได้ๆ” พ่อน่ารักที่หน้าตาดูอ่อนเพลีย โซเซและง่วงนอนปฏิเสธเสียงแข็ง
“พ่อต้องดูแลลูก ส่งลูกไปโรงเรียนอย่างปลอดภัย เดี๋ยวไอ้นายหมอกนั่นจะมาแทะโลมลูกระหว่างทาง”
ใช่- -
ไอ้หมอก นี่คือเหตุผลของการเดินไปส่งผมที่โรงเรียน รวมทั้งเหตุผลในการนั่งถือหมอนข้างเฝ้ายามที่หน้าต่างห้องผมทั้งคืนเมื่อคืนนี้
“ไม่มีอะไร ไม่มีใครมายุ่งกับผมหรอก พ่อกลับไปนอนเถอะ ตาเป็นแพนด้าแล้ว”
“เกรย์ ลูกพูดถูก กลับมานี่ มานอนซะ”
พ่อหล่อวิ่งตามออกมาจากบ้าน
“ใช่ฮะ ผมเป็นห่วง”
ผมพูดเสียงอ่อน แต่พ่อน่ารักซึ่งมีสายตามุ่งมั่นมากตอบกลับมาว่า
“พ่อจำเป็นต้องรักษาอธิปไตยของลูก!”นั่นแหละครับ.. พ่อหล่อจึงต้องขับรถไปส่ง
.
.
“อะไรนะ?”
ไอ้ฝันโวยวายขึ้นมาเมื่อผมเล่าให้ฟัง
“มีสถานการณ์เด็ดขนาดนี้มึงไม่โทรเรียกกูเลย?”
“จะบ้าเรอะ!” ผมว๊ากมัน
“ไหนจะใจหายใจคว่ำเรื่องไอ้หมอก ไหนจะการเฝ้ายามของพ่อน่ารัก จะโทรหาตอนไหนกัน กูอยากรู้นัก”
ไอ้ฝันยังคงทำหน้าเหม็น แต่ก็เปลี่ยนประเด็น
“อ้าว แต่พ่อน่ารักก็รู้นี่นาว่าพวกมึงอยู่ห้องเดียวกัน”
“พ่อถือว่าเป็นโรงเรียนน่ะสิ”
“อ้าว แล้วไม่รู้เหรอว่าพวกมึงนั่งคู่กัน?”
“ไม่รู้ และกูไม่บ้าพอที่จะบอก”
แค่นี้พ่อน่ารักก็หัวเสียจะแย่อยู่แล้วละครับ..
ผมกับไอ้ฝันนั่งถกกันอยู่ที่ซุ้มหน้าเสาธง วันนี้ไอ้หมอกมาช้ากว่าปกติหรือที่จริงผมกับไอ้ฝันอาจจะมาเร็วกว่าปกติก็เป็นได้
ผม-- ด้วยเหตุที่พ่อน่ารักเขี้ยวเข็ญให้รีบมา
และไอ้ฝัน -- ที่ดูซีดเซียวและอดนอนราวกับพ่อน่ารักเวอร์ชั่นผู้หญิง
“วันนี้มึงดูซีดเซียวนะ” ผมตั้งข้อสังเกต
“เรอะ” มันตอบไม่ใส่ใจ เอานิ้วขูดขีดโต๊ะ
“ดูง่วงๆด้วย” ผมเสริม
“เรอะ..” มันตอบเหมือนเดิม
“มึงนอนบ้างรึยัง” ผมลองเชิง
“นอนแล้ว กูไปที่ห้องสมาคมฯดีกว่า”
มันคว้ากระเป๋าลุกขึ้นไป ผมสงสัยว่าคงหลีกเลี่ยงคำถามต่างๆจากผม
นี่คงครุ่นคิดสงสัยเรื่องพี่หมอจนนอนไม่หลับ..
ไอ้ฟัคเอ้ย“เฮ้..”
ผมอยู่ในภวังค์ความคิดเรื่องไอ้ฝัน จนไม่ได้สังเกตว่ามีบุรุษลึกลับ?มาประชิดตัว
“ห๊ะ?”
ผมสะดุ้งตกใจท้องไส้ปั่นป่วน น้ำหนักตัวเหมือนโหวงเหวงไปทันทีเมื่อหันมาเผชิญหน้า
ในชั่วขณะนั้น เราต่างมองตากัน..คำพูดอื่นใดดูจะไร้ความหมาย..
“อ่าม เออ..”
ผมยุกยิก ค้นหาคำพูดเพื่อหลีกเลี่ยงจะมองตากับคนที่ยืนตรงหน้า
“อากาศดีนะ และเออ..” ผมเงยมองฟ้า ก้มดูดิน
“อรุณสวัสดิ์ว่ะ”
ผมว่า แล้วรีบใส่เกียร์หมาไปจากตรงนั้น ไอ้หมอกหัวเราะอย่างอารมณ์ดีไล่หลังมา
“เฮ้ ดิ้ล.. เดี๋ยว” มันคว้าแขนไว้
แม่ง บังอาจเรียกดิ้ลเฉยๆ อีกละ !
ไอ้หมอกคว้าผมไว้และใช้แรงควายโอบผมหันเข้าหาตัวมัน ผมดิ้นฮึดฮัด ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมสบตาสีดำสนิทคู่นั้นเพราะอาจเกิดอาการไฟฟ้าลัดวงจรได้อีก
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า” มันว่ายิ้มๆ
เฮ้ย !
“กูไม่ได้เขิน” ผมแย้ง ขณะที่เอี้ยวหน้าไปพิจารณาดูต้นไม้ใบหญ้าราวกับเป็นญาติสนิทกันมานาน
“ไม่ได้เขินแล้วทำไมต้องหลบตา?” เสียงทุ้มนั้นถาม
“กูไม่ได้หลบตา กูจะดูว่านั่นใช่ต้นยูคาลิปตัสรึเปล่า” ผมตอกกลับ
“ไม่ใช่” มันช่วยตอบ “แล้วหันมาหากูหน่อย”
“กูว่าใช่!” ผมเถียง เอี้ยวหน้าไปทางต้นไม้จนคอแทบเคล็ด
“นั่นต้นหูกวาง แล้วโรงเรียนเราก็ไม่ได้ปลูกยูคาลิปตัสด้วย ทีนี้ก็หันหน้าป่องๆของมึงมาหากูซะ”
“ไอ้..ไอ้..”
หน้าป่องๆเรอะ?
ผมหันมาเตรียมว๊ากมัน แต่เสียงก็ไม่เล็ดลอดออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มหล่อเหลาที่ริมฝีปากนั้น
“ไอ้.. แม่ง.. ไอ้หล่อ ไอ้เท่ ไอ้หน้าตาดี ไอ้มีความคิด!”
แล้วผมก็เดินไปจากตรงนั้น
.
.
ในวันนั้น ผมกับไอ้หมอกซึ่งนั่งคู่กันใช้เวลานอกคาบเรียนหมดไปในการโต้เถียงเรื่องใบหน้าผม
“หน้าแดงนะมึงอะ”
“เปล่า”
“แดงจริงๆ ยิ่งเวลาสบตากูเนี่ย แดงเหมือนลูกขนุนเลย”
“ขนุนมันสีเหลืองเว้ย!”
“นั่นไง หันมามองกูแล้ว หึหึ”
ขณะที่ผมใกล้จะพ่นไฟหรือไม่ก็กลั้นหายใจตายไปตรงหน้าตายียวนกวนส้นของไอ้หมอก ไอ้ฝันก็โพล่งขึ้นมาๆ
“เอ้าๆ พวกมึงน่ะ กูยินดีด้วยที่มีวันนี้ เพียงแต่ว่า..”
มันยื่นหน้ามาใกล้ “อย่าลืมการแสดงนะเว้ย”
ไอ้หมอกยิ้มอ่อนโยน “ท่าว่าวันนี้คงต้องคุยกันที่ห้องชมรม หน้าต่างห้องไอดิลปิดใช้งานชั่วคราว”
.
.
วันนี้ดูจะยาวนานกว่าปกติ ผมเลื่อนๆลอยๆ ก้มหน้างุดๆมาทั้งวันสลับกับเถียงกับไอ้หมอกเป็นพักๆ
เพิ่งเข้าใจว่าความเขินอายทำให้คนเราทรมานได้ขนาดนี้ กว่าตอนเย็นจะมาถึง ผมก็หน้าแดงเหมือนไส้กรอกอันละสามบาทที่ขายตามตลาดนัด (เพราะผมนึกไม่ออกว่าจะหน้าแดงเหมือนขนุนได้อย่างไร)
‘สมาคมชมรมวายแห่งมวลมนุษยชาติ’
ป้ายหน้าห้องชมรมที่ซีดจางลอกล่อนไปบ้างแล้วบ่งบอกว่าอย่างนั้น
ไม่มีผู้ชายในรัศมีหลายร้อยเมตรนี้อย่างเช่นที่เป็นปกติ
ยกเว้น --
ผมกับไอ้หมอก ที่คนแรกหล่อเหลาราวกับเทพบุตรและคนหลังติดจะขี้เหร่
ไอ้ฝันกวาดต้อนสมาชิกชมรมเข้าไป และทุกคนรอฟังผมหรือไอ้หมอกพูด
พวกเขามองหน้าเราสลับกันไปมา..
“อ่า..เอ่อ”
ผมสำนึกตัวได้ว่าเป็นประธานเมื่อไอ้ฝันถองเข้าให้โครมใหญ่
“พี่กับไอ้..อะเอ้ย กับหมอก จะแสดงเกี่ยวกับ..”
เกี่ยวกับอะไรนะ..? ผมเค้นความทรงจำ
เมื่อวานตอนปีนผ่านหน้าต่างเข้ามาไอ้หมอกพูดถึงเรื่องนี้ว่ายังไงหนอ
“คือ..”
มันพูดว่าอะไรบ้างแล้วนะ..
“เมื่อวานเราปรึกษากันว่า..”
ว่าอะไรนั้นผมจำไม่ได้ ทั้งหมดที่นึกออกคือน้ำเสียงทุ้มลึกที่ถามว่าผมกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของมันรึเปล่า..
ริมฝีปากที่ประทับลงมาหลังจากนั้นไม่นาน..
“พี่ไอดิลไม่สบายเหรอคะ?”
น้องคนหนึ่งถามขึ้นทำให้ผมรู้สึกตัวได้ว่ากำลังหน้าแดง ในกรณีที่มันจะแดงมากกว่าที่เป็นอยู่ได้น่ะนะ
ผมสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองไอ้หมอกโดยอัตโนมัติ
หมอนั่นก็มองผมอยู่เช่นกัน มองด้วยรอยยิ้ม ซึ่งแน่นอนไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย
“เปล่า..พี่..เอ่อ..”
“พี่กับไอดิลกำลังแต่งเพลงกันอยู่น่ะ”
ไอ้หมอกช่วยชีวิตเอาไว้ในที่สุด
“คำร้องก็จะกระชับ..แต่ลึกซึ้ง และมีไม่กี่คำ เน้นดนตรีที่เล่นประสานกัน” มันอธิบาย
“ยังไงละก็ พี่อยากให้พวกเราช่วย โดยเขียนคำหรือวลีใดๆก็ตามที่เรารู้สึกว่าทำให้เห็นภาพ จับใจหรือไพเราะลงในกระดาษ และส่งมาให้พี่ฝัน จะคิดเองหรือเอาจากที่ได้ยินได้ฟังมาก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ขอมีความหมายในเชิงความผูกพัน เพื่อนหรือธรรมชาติ ได้ไหม พี่ฝันคงช่วยเอาเศษกระดาษแจกให้พวกเราได้”
ไอ้หมอกพยักเพยิดไปทางไอ้ฟัค
“พวกพี่จะได้เลือกคำของน้องๆมาใช้ในเพลงที่เราจะเล่น”
..
…….
“อ่า..เอ่อ ใช่ครับ”
ผมเสริม “นั่นละที่เราคุยกันไว้”
.
.
ผม ไอ้หมอกและไอ้ฝันสลับกันอ่านแผ่นกระดาษที่น้องๆเขียนมา
แต่ละคำบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกและลักษณะเฉพาะตัวของคนที่เขียน
บางคนก็ลงชื่อ บางคนก็ไม่ลง แล้วแต่ความพอใจ คำหรือวลีพวกนั้นก็มีเป็นต้นว่า..
‘เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว’
‘เวลาวารี’
‘บริสุทธิ์ดุจน้ำค้างยามอรุณ’
‘ดวงตะวัน’
‘เซเวอรัส สเนป’
และ
‘เพื่อนเอย’
ไอ้ฝันส่งยิ้มที่หายากยิ่งให้ไอ้หมอก แม้มันเองจะยังไม่เข้าใจว่าเซเวอรัส สเนปมาเกี่ยวอะไรด้วย
“กูไม่รู้หรอกนะ ว่าพวกมึงได้ปรึกษากันมาจริงๆหรือมึงใช้สมองอันฉับไวของมึงเอง แต่กูจะรอดูผลงาน”
ไอ้หมอกหัวเราะ “ปรึกษาจริงๆ เป็นความคิดไอดิล”
ห๊ะ?
คิดอะไร กูคิดอะไร เมื่อวานกูไม่ได้คิด ยิ่งหลังมึงจูบ กูยิ่งคิดอะไรไม่ออกเลย
ผมบอกผ่านสายตา..
“ก็มึงบอกไม่ใช่เหรอ ว่าให้เราช่วยกันแต่งเพลง” ไอ้หมอกยื่นหน้ามากระซิบ ทว่าเน้นเสียงหนักๆ “
สองคน”
เอื๊อก..
ผมกลืนน้ำลายและไอ้ฝันหัวเราะลั่น
“เอาละ กูจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของพวกมึง
สองคน”
แม่ง มีเน้น มีเน้น..
“ปรึกษากันตามสบายนะเพื่อน กูกลับละ”
ไอ้ฝันจัดการทอดทิ้งผมไว้กับไอ้หมอกอย่างหน้าตาเฉย หมอนั่นจึงถือโอกาสเอนหลังมาพิงผม
“เฮ้อ คราวนี้เราต้องช่วยกันสองคนสินะ”
“พอๆ อย่ามาเนียน” ผมผลักมันออก “กูจะกลับแล้ว”
ผมฉวยกระเป๋านักเรียนตั้งท่าลุกขึ้น
“เอ้า แล้วไม่แต่งเพลงกันรึไง” มันท้วง ยื้อกระเป๋านักเรียนผมไว้
“ปล่อยเด้” ผมดึงกลับมา สมุดหนังสือจึงหล่นใส่หัวมัน รวมทั้งหนังสือเรื่องลุงแอร์กับลุงนนด้วย
“เฮ้ นี่อะไรหว่า” ไอ้หมอกถาม ผมจึงบอกให้ฟัง
“เรอะ งี้ก็ต้องมีเรื่องพ่อของมึงเองด้วยสิ”
“ไม่รู้ ไว้จะถามพ่อดู” ผมขำที่มันสนใจ จะเอาไว้ศึกษาเป็นประสบการณ์หรือไงมึง
“ยืมอ่านก่อนละกัน” ไอ้หมอกว่าพลางมองตาเชิงขออนุญาต ผมคิดนิดหนึ่ง
พ่อน่ารักไม่รู้ คงไม่เป็นไรมั้ง แถมไม่เสียหายสักหน่อย
“อือ” ผมพยักหน้า แล้วมันจึงช่วยเก็บสมุดหนังสือใส่กระเป๋าให้ผม
“เรากลับบ้านกันไหม” ผมบอกทั้งที่ยังพิจารณากระเป๋า “วันนี้กูเหนื่อยละ ง่วงด้วย”
มันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วยิ้มให้ผม
“ทะเลาะกับพ่อไหม กูทำให้ลำบากรึเปล่า?”
ผมส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ และย้ำอีกครั้ง
“กลับบ้านนะ”
“อืม..”
ไอ้หมอกรับคำเบาๆ
แล้วเราจึงเดินไปด้วยกัน
ไม่ได้เดินใกล้กันนักและแน่นอน.. ไม่ได้จับมือกัน แต่ก็เดินไปทางเดียวกัน..
ทว่า..
“ไอดิล!”
เย้ย!
ทั้งผมทั้งไอ้หมอกสะดุ้ง รีบหันไปมองต้นตอเสียงเมื่อพ้นเขตรั้วโรงเรียน
“เอ่อ หวัดดีครับพ่อ”
ไอ้หมอกรีบยกมือไหว้
จะเป็นใครไปไม่ได้.. ผู้ชายนุ่งยีนส์เก่าหัวเข่าขาด เสื้อคลุมลายสก็อต ยืนพิงกำแพงโรงเรียน ยกขาขึ้นยันกำแพงไว้ข้างหนึ่ง สองมือกอดอกตัวเองหลวมๆ
ท่ายืนประจำของพ่อน่ารัก
“จำพ่อผิดล่ะมั้ง เอ็งน่ะ”
พ่อน่ารักตาขวางใส่คนข้างตัวผม “ไอดิล มานี่ลูก กลับบ้าน”
ผมยกมือไหว้พ่อตัวแล้วเดินตามหลังแกไป พลางยักไหล่ให้ไอ้หมอกประมาณ
พ่อกูไม่ถือหมอนข้างมาด้วยมึงก็น่าจะนึกขอบคุณแล้ว“คิดแล้วเชียว มันต้องมาเกาะแกะลูก”
พ่อน่ารักพร่ำบ่น ตลอดทางจนถึงบ้าน ผมพยักหน้าซึมๆ
“เอ้า สองพ่อลูกนั่น ยังไม่จบเรื่องกันอีกเหรอ”
ยายทักทันทีเมื่อเราผ่านประตูบ้านเข้ามา
“จบเรื่องอะไรละครับ ตาหมอกนั่นพยายามแทะโลมไอดิลตลอด ผมไม่ชอบหมอนั่น”
“เอ่อ แล้วตอนตาเจอพ่อทัศน์ละครับ ไม่มีปัญหาเหรอ” ผมลองถามดู
“โอ๊ย คุณตาน่ะเอ็นดูพ่อทัศน์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เพราะพ่อทัศน์สุขุม เป็นผู้ใหญ่ แล้วก็พูดจาสุภาพ ไม่กะโหลกกะลาอย่างนายไอหมอกนี่ พ่อต้องกันไว้”
“จริงเหรอฮะตา”
ผมถามตาที่นั่งขยับตัวอย่างไม่ค่อยสงบนักอยู่บนเก้าอี้
“เออ เรา เราเข้ากันได้ดีเชียวหลาน ตั้งแต่แรกเลยทีเดียว”
ตา ยายและพ่อน่ารักพูดคุยเรื่องต้นไม้ใบหญ้ากันต่อที่หน้าบ้านสลับกับวิจารณ์งานเขียนของพ่อน่ารักเอง ส่วนพ่อหล่อยังไม่กลับจากที่ทำงาน ตัวผมเองหลังจากบอกพ่อน่ารักเป็นรอบที่ห้าว่าให้ไปนอนเพิ่มอีกเพราะขอบตายังดำอยู่จึงหิ้วกระเป๋าขึ้นห้องเตรียมจะนอนบ้าง
ผมวางกระเป๋า แกะเข็มขัด แกะกระดุมเสื้อ
แน่นอน.. หน้าต่างปิดสนิทและเปิดไม่ได้ด้วย เพราะภายนอกพ่อน่ารักตอกไม้กระดานปิดเอาไว้ แถมมีป้ายประกาศเจตนารมณ์อีกต่างหาก ผมจึงสัมผัสหน้าต่างอย่างเผลอไผล
..อยากรู้ว่าไอ้หมอกจะมองมาตรงนี้ไหม..
ก๊อก ก๊อก !
เสียงเคาะดังขึ้นฉับพลันจนผมสะดุ้ง
มันไม่ได้ดังมาจากประตู แต่มาจากนอกหน้าต่าง
“ดิ้ล.. อยู่ไหม”
เสียงไอ้หมอก..
อยากตะครุบปากตัวเองไว้นัก แต่เสียใจ ไม่ทัน
“อยู่”
ผมตอบโดยอัตโนมัติ
“อืม..”
มันครางแล้วเงียบไป ไม่รู้กำลังยิ้มเหมือนผมไหม
ฮ่ะๆ.. ไอ้บ้าเอ้ย มึงมาทำไมเนี่ย รู้อยู่ว่าเข้าไม่ได้..
“ทำอะไรอยู่” มันถามชวนคุยเสมือนเรานั่งด้วยกันในห้องนั่งเล่น ทั้งๆที่โด่เด่อยู่บนต้นไม้ข้างนอกนั่น
“แกะกระดุมเสื้อ” ผมตอบซื่อๆ มือยังค้างอยู่ที่กระดุม
“…” ไอ้หมอกทำเสียงแปลกๆ “อย่าตอบแบบนี้สิวะ”
“อ้าว ทำไม” ผมงง แต่มันเงียบไปแล้วหัวเราะ “เด็กเอ้ย เอาเหอะ มาแต่งเพลงกันนะ”
“ตอนนี้เนี่ยนะ” ผมถามผ่านหน้าต่าง
แล้วมึงว่าใครเด็ก“อืม.. กูสะพายกีต้าร์มาด้วย” ไอ้หมอกตอบ ผมได้ยินเสียงขยับตัวจากภายนอก
“ระวังตกนะมึง” ผมนึกห่วงใย ลืมความขุ่นเคืองใจไปชั่วคราว
มันเงียบไปแป๊ปหนึ่ง ผมคิดว่ามันยิ้ม
“กิ่งใหญ่จะตาย มึงก็เห็น แถมมีกิ่งอื่นให้พิง ไม่มีตก”
ผมจึงลากเก้าอี้ หยิบปากกา กระดาษและขลุ่ยมาจากโต๊ะข้างเตียง
ไอ้หมอกเริ่มโซโลเบาๆ ปรับเปลี่ยนทำนองอยู่สักครู่ ผมเองก็พยายามเป่าขลุ่ยให้เป็นไปในจังหวะเดียวกัน
เป็นการสร้างสรรค์งานด้วยกันที่แปลกประหลาดมาก
เพราะสีหน้า แววตาและท่าทางของเพื่อนร่วมงานนั้นต้องจินตนาการผ่านผนังไม้ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจินตนาการของผมแม่นยำพอสมควร
“ไอดิลเขียนคีย์ G F F#m ให้กูท่อนอินโทร”
มันว่า ผมเขียนตามและหาโน้ตขลุ่ยของตัวเอง
“เริ่มต้นคำร้องยังไงดีนะ” มันพึมพำ หลังเราจับจังหวะอินโทรได้
“มึงเริ่มสิ ลองนึกคำในกระดาษที่อ่านก็ได้” ผมแนะนำ
เราเล่นท่อนอินโทรซ้ำไปซ้ำมาสี่ห้ารอบแล้วกว่าที่เสียงทุ้มของไอ้หมอกจะร้อง
“..เพื่อนเอย อีกคราที่มาพบกัน”
เพื่อนเอย..อีกคราที่มาพบกัน.. เสียงนั้นเดินทางผ่านหน้าต่างที่ปิดสนิทมาสู่โสตประสาทของผม
เสียงกีต้าร์ค่อยๆคลอมาเบาๆเมื่อมันหาคอร์ดได้..
ผมเป่าขลุ่ยบ้าง.. และนึกถึงคำในเศษกระดาษ แล้วร้องต่อ
“ดังดวงตะวันทอแสงหลังผ่านค่ำคืน..”
“เวลา..ล่วงเลย..ไม่เคยเป็นอื่น” มันร้องบ้างหลังผ่านการแกะคอร์ดไปหลายนาที
“หยัดยืน..เคียงกัน..ณ ปลายขอบฟ้า” ผมต่อ
เราเล่นท่อนนี้สลับไปมา ผมยิ้ม..
“นึกถึงไอ้ฝันด้วยชะมัดเลยนะ” ผมแปลกใจที่ไอ้หมอกพูดขึ้นมาก่อน แต่แน่นอนว่าเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อสงสัย
“กูว่าต้องให้มันช่วยด้วย ฮ่ะๆ”
แล้วเราก็หัวเราะกัน.. อาจเป็นเสียงหัวเราะที่ดังลั่นไปถึงข้างล่าง ทำให้..
“ไอหมอก!”
เสียงของคุณป้าพันปีดังจากบ้านมัน
“ไอดิล!”
เสียงเกรียนๆดังมาจากหน้าห้องผม
ซวยละ !
“ไว้เจอกันนะเพื่อน”
เราสองคนลากันเร็วๆ
ผมกระโดดขึ้นเตียงอย่างฉับไวราวกับไม่มีอะไรผิดปกติและภาวนาให้ไอ้หมอกถึงบ้านโดยสวัสดิภาพด้วยเช่นกัน
.
.
ทุกอย่างเงียบสงบจนกระทั่งถึงเช้า
"ไอ้หมอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!"เสียงโวยวายของพ่อน่ารัก ทำให้ผมต้องวิ่งออกมานอกบ้าน
"เกรย์ มึงไม่มีหลักฐานว่าเป็นเขานะ ใจเย็นๆ เมียจ๋า"
พ่อหล่อกึ่งปรามกึ่งปลอบโยน
"แล้วมึงคิดว่า
ไอ้สต๊าฟ นั่นจะเป็นใครได้เล่า!"
พ่อน่ารักเถียง
ผมเกาหัวอย่างงุนงง แล้วมองตามสายตาพ่อๆ ไปยัง ยัง..
ยังหน้าต่างห้องนอนของผม ?
ห๊ะ?
ช่วยบอกผมหน่อย ว่าผมควรฮาแตกหรือแกล้งเป็นลมดี
ข้างป้าย ‘No Entry’ ของพ่อน่ารัก ดันมีอีกป้ายหนึ่งเขียนด้วยขนาดใหญ่โตพอกันว่า..
‘Staff Only’
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สวัสดีครับเกรียนคนอ่าน
ขออภัยที่มาช้า แฮปปี้ส่งท้ายปลายเดือนหน่อยแล้วกันนะ
ไม่มีอะไรจะบ่นมาก นอกเสียจากเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว
สุราษฎร์ธานี ร้อนมาก
เชียงใหม่ หมอกควันสุดๆ
และรักษาสุขภาพกันด้วยครับ (อีโมใหม่ เราต้องใช้สักหน่อย)
ขอได้รับความขอบคุณจาก..เกรียน(มิใช่)น้อยedited :: แก้คำ-ทำตัวหนาครับผม (เจอคำผิดบอกกล่าวได้เลย ขอบคุณหลายๆครับ)