Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว
Four
แสงแดดแรกได้ทำหน้าที่หลังจากผ่านมรสุมพายุฤดูร้อนที่เพิ่งพัดผ่านไป ส่งผลให้อากาศยามเช้าเย็นสบายไม่ขมุกขมัวเพราะฝนตั้งเค้าเหมือนหลายวันที่ผ่านมาก ช่างแตกต่างกับพายุฝุ่นลูกใหญ่ที่กำลังพัดผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้ชายที่นอนเหม่มองเพดาน
พาทิศตื่นได้สักพักและรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่คอนโดตัวเอง บนเตียงที่ไม่คุ้นเคย และกลิ่นที่แตกต่างจากห้องของเขาอย่างสิ้นเชิง แม้อากาศนอกหน้าต่างจะดีแค่ไหน ทว่าตรงข้ามกับหัวใจที่ร้อนรุ่มไม่ต่างจากเปลวไฟบนหัวไฟแช็กที่แม้จะไม่ร้อนแรงแต่ก็พร้อมเป็นฉนวนเปลวเพลิง เขายกแขนก้าวหน้าผากอย่างคิดไม่ตก ไม่รู้เลยว่าจะหาทางออกจากเรื่องนี้ได้อย่างไร
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำเอาพาทิศหลุดจากภวังค์ ผู้ชายที่เขาอยู่ด้วยทั้งคืนเดินออกจากห้องน้ำ และเหตุผลที่ทำให้ตัวเขามานอนอยู่บนเตียงนี้ก็เพราะคน ๆ นี้ มันไม่ใช่เหตุผลในเชิงคลั่งไคล้ ชอบใจ หรืออะไรทำนองนั้น แต่ดันเป็นเหตุผลที่เขาหวังดี แต่พาทิศกลับทำเรื่องน่าละอายแก่ใจ จนความเป็นเพื่อนก็ให้กันได้ยาก
“เราทำพาตื่นหรือเปล่า พอดีเราชอบกลิ่นต้นสนตอนเช้า” พาทิศมองร่างสูงสัดทันเดินเช็ดผมที่เปียกหมาด ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้า เขานั่งพิงหัวเตียงและอาการปวดหัวยังคงอยู่
“เลยต้องปิดแอร์ ร้อนล่ะสิ” พาทิศขมวดคิ้วกับความปกติของปูน ทั้งที่เรื่องเมื่อคืนเขาสามารถไล่ผมออกจากบ้านได้ด้วยซ้ำ
“ข้าวปั้นเก่งนะ ดูแลต้นไม่พวกนี้ได้ดี เราเลยได้อานิสงส์ไปด้วย” เขายังคงเลือกเสื้อผ้าในตู้ และไม่ได้หันมามองหน้าคนที่นอนบนเตียงเลยสักวินาทีเดียว
“ปูน...เรื่องเมื่อคืน”
“...” คนขยับหยิบนั่นนี่หยุดการกระทำของตัวเองราวกับถูกปิดสวิตช์ “พาเชื่อเรามั้ยว่าเราไม่ได้เอายาใส่ในแก้วนั่น”
“...” กลายเป็นพาทิศอีกคนที่เงียบ แม้จะมีหลายอย่างที่อยากพูดออกไป แต่นิสัยปากหนักของตัวเองมันกลับกลืนก้อนความคิดลงคอไป
จู่ ๆ ความเงียบก็อบอวลรอบห้องสี่เหลี่ยมอย่างเฉียบพลัน เสียงนกจอแจริมหน้าต่างคือสิ่งเดียวที่บรรเทามวลก้อนความอึดอัดใจของทั้งคู่ กลิ่นต้นสนลอยเตะจมูกพาทิศอย่างที่ปูนบอก และมันทำให้เขาสัมผัสถึงธรรมชาติในยามเช้าที่มีคุณภาพ คนปลูกจะเป็นอย่างไรบ้างในวันนี้ จะหายป่วยหรือยัง
และแล้วเรื่องของปูนก็หลุดลอยออกไปจากห้วงความคิดของพาทิศในบัดดล
เพราะสิ่งที่รบกวนจิตใจของพาทิศคือเรื่องของข้าวปั้นมากกว่าของปูนแค่นั้นปูนเลือกแต่งตัวอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้หันไปมองผู้ชายตัวโตที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงเขาแม้แต่วินาทีเดียว สารภาพว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เขาได้เข้าใกล้กับพาทิศก็จริง แต่มันเกิดจากการเล่นสกปรกและเขาไม่มีทางที่จะใช้วิธีแบบนี้ เพราะคิดว่าตัวเองมีดีมากพอที่จะใช้ยาชั่ว ๆ นั่น และตอนนี้ความเลวร้ายของมันก็แผ่รังสีมาลดทอนความไว้เนื้อเชื่อใจจากพาทิศจนหมด
พาทิศคิดว่าเขาเอายาปลุกเซ็กส์ให้กิน แม้จะอธิบายหรือขอความเห็นใจสักเพียงใด ดูเหมือนร่างสูงจะไม่มีวันเชื่อ และหมดความไว้ใจเพื่อนร่วมงานคนนี้ไปเสียแล้ว
ในเมื่อความอึดอัดมันเกาะกุมใจขนาดนี้ เจ้าของห้องก็จะเสียสละออกไปจากตรงนี้แทน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนมองหน้าพาทิศให้รู้สึกแย่อีก เขาแต่งตัวเก็บของเสร็จโดยไม่ได้สังเกตร่างสูงใส่เสื้อผ้าตัวเองเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน “เราวางกุญแจรถพาไว้ตรงนี้นะ เดี๋ยวเราออกไปก่อน”
“เดี๋ยวสิ จะไปเรียนใช่มั้ย จะไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เราไปเองเร็วกว่า”
“นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงเองนะ”
“...”
“ถือว่าขอบคุณที่แบกเรากลับมาแล้วกัน” พาทิศไม่รู้จะสรรหาเหตุผลอะไรในการไปส่งเจ้าของห้อง จึงเลือกใช้เหตุผลโง่ ๆ ที่คนปากบอนจะคิดออก โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนฟังสักนิดว่าจะรู้สึกแย่แค่ไหน ไม่ต่างจากผู้ชายขายน้ำที่น้ำแตกแล้วแยกทาง
เขามันก็คงเป็นได้แค่นี้
ปูนพยักหน้าอย่างไม่ได้เต็มใจ คว้าสัมภาระแล้วเดินออกจากห้องไปก่อน พาทิศมองเห็นสีหน้าของปูนแล้วก็หงุดหงิดใจว่าทำไมเขาถึงเป็นคนพูดให้ตรงกับใจไม่ค่อยเป็น
“ปูนลงมาแล้วหรอ วันนี้...” ผู้ชายสองคนที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองชะงักกับคำทักทายของเจ้าของบ้านอีกคน เสียงคุ้นเคยที่เข้าโสตประสาทของพาทิศทำเอาเขาตัวชาดิก เรื่องของเขากับข้าวปั้นยังไม่ได้เคลียร์ ดันมีเรื่องกับปูนเข้ามาอีก ดวงตาที่เคยมองคนตัวเล็กมาเสมอต้องเสหลบสายตาคู่เดิมราวกับเจอสิ่งของต้องห้ามมอง
“อะ อ้าวพา...”
“พอดีพาเมาที่ร้านน่ะ เราก็เลยพามาที่นี่” ปูนตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ดูเขาจะควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“อ๋อ งั้นกินข้าวก่อนสิ เรากับไม้ไปซื้อมาแต่เช้าแล้ว” ปูนหันหน้ามาเหมือนถามความเห็น แต่เขายังไม่สบตาพาทิศอยู่ดี ปูนคิดเอาเองว่าพาทิศอาจจะอยากร่วมวงกินข้าวกับข้าวปั้นเลยเดินไปนั่งที่ประจำ
พาทิศสังเกตท่าทีของข้าวปั้น เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือเอะใจอะไรสักนิดกับการมาปรากฏตัวของเขาในบ้านตัวเองตอนเช้า นั่นหมายความว่าข้าวปั้นไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าความเป็นเพื่อนที่ให้กันจริง ๆ และลืมเรื่องคืนนั้นราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นจริง คงมีแต่คนตัวโตหน้าโง่ที่จำได้อย่างชัดเจนเพียงคนเดียว
“ไม้ ไม้! เอาถ้วยมาเพิ่มอีกใบนะ”
“ตะโกนทำไม หื้ม อยู่ใกล้แค่นี้เอง” เสียงอ่อนโยนของต้นไม้ถามข้าวปั้นอย่างที่เพื่อนร่วมบ้านอีกคนไม่เคยได้ยินมาก่อน ปูนสบตากับต้นไม้อย่างจัง ก่อนที่ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจะจ้องไปที่แขกที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอที่บ้านหลังนี้อีก
“มึง...”
“ไม้นั่งก่อนนะ” ข้าวปั้นรู้สึกถึงความไม่ปกติของสถานการณ์ พยายามจะห้ามคนที่ใกล้ตัวเองไม่ให้เกิดเรื่องบานปลาย “ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่”
“พูดดี ๆ สิไม้”
“กูพาเขามาเอง นี่ก็บ้านกูป่ะ” ปูนยืนขึ้นกอดอกมองต้นไม้ที่มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดอย่างกับผู้หญิงมีประจำเดือน “อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ดิ”
“นี่...”
“ปูนกินข้าวเสร็จแล้วออกไปแล้วกัน เราไปรอที่รถ” พาทิศไม่อาจจะอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์ตรงหน้าได้ ความเจ็บปวดมันเกาะกินใจเขาอีกแล้ว สายตาของข้าวปั้นเป็นห่วงเป็นใยไอ้เหี้ยต้นไม้แทนที่จะมองเขาตรงนี้ทำมันทรมานเหลือเกิน
คนของเขาทั้งคน แต่กลับทำได้แค่นี้ “มานี่เลย” ต้นไม้เดินดุ่มเข้ามาดึงข้อศอกปูนด้วยแรงโกรธา ลากแขนแข็งแรงออกมาที่สวนหน้าบ้านโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของคนที่เกาะกุมแขนเขาไว้เลยแม้แต่นิด ข้าวปั้นงุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สายตาที่ยังคงมองเห็นแต่ต้นไม้คนเดียวสอดส่องออกไปที่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่กล้าเดินเข้าไป เพียงเพราะไม่อยากให้ต้นไม้มีอารมณ์ไปมากกว่านี้ เขาชอบตอนที่ต้นไม้อารมณ์ดีเพราะจะได้รับสายตาที่อ่อนโยนเสมอ
“คุณกำลังทำอะไร” ต้นไม้ถามเสียงเข้ม ท่าทางดูร้อนอกร้อนใจอย่างที่ไม่เหมือนต้นไม้สักนิด
“ทำอะไร” ปูนสะบัดแขนที่ถูกจับแน่นจนรู้สึกเจ็บ เขามีสัดส่วนที่เหมาะกับผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนต้นไม้ แรงบีบของคนตัวโตกว่าเล่นเอาแขนเป็นรอย ซึ่งเขาไม่ชอบที่ร่างกายเป็นรอยและต้นไม้รู้ดี
“ก็พาไอ้เหี้ยนั่นมาไง จะยั่วโมโหหรือไงวะ”
“ยั่วโมโหอะไร แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจวะ นี่มันก็บ้านเราเหมือนกัน”
“สิทธิ์ที่นอนกับคุณไง!”
ผลัก!
ปูนผลักต้นไม้อย่างแรง ทว่าร่างสูงยังก้าวถอยหลังไปแค่ก้าวเดียว “หยุดพูดจาหมา ๆ แบบนี้ซะที ก็บอกว่าเรื่องของเรามันจบไปแล้ว”
“คุณจบของคุณไปดิ เราไม่จบ”
“จะเป็นแบบนี้ใช่ป่ะ ได้ เรานอนกับพาแล้วเมื่อคืน!”
“...”
“และเราจะไม่กลับไปนอนกับคุณอีก!”
ราวกับโดนตีหัวด้วยไม้หน้าสามอย่างแรง ต้นไม้ผู้ไม่เคยรู้สึกรู้สากับใครมาก่อนในชีวิตกลับรู้สึกเจ็บจนชาที่หัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “หึ ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู”
“ได้ไม่ได้ก็ทำไปแล้ว และจำไว้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์อะไรให้ตัวเรา”
ต้นไม้เลือดขึ้นหน้า คว้าแขนของปูนขึ้นมาจับอย่างแรง นิ้วเรียวยาวยกขึ้นมาชี้หน้าคนตัวบางกว่า น้ำเสียงที่กลั่นออกมาจากลำคอมันทั้งสั่นและแข็งกร้าว
“อย่าลองดีกับกู” “...”
“เป็นเมียกูแล้วอย่าริไปร่านใส่ใคร”
ปูนไม่ได้รู้สึกตกใจกับท่าทีที่เกรี้ยวกราดของต้นไม้เลยแม้แต่นิด เพราะตอนมีเซ็กส์กันคนตรงหน้าก็มักจะปล่อยด้านมืดของตัวเองออกมาอย่างไม่รู้ตัว และเขาก็รองรับอารมณ์ดุร้ายนั้นมาตลอด ด้วยร่างกายตัวเองมันก็ยินยอมเหมือนกัน
“หึ คุณจะมีเมียสองคนพร้อมกันหรอ แน่ใจนะ”
“...”
“อย่าคิดว่าจะเล่นเกมเป็นคนเดียวดิ”
ปูนยกยิ้มมุมปากอย่างเหนือชั้น ไม่ใช่เขาไม่กลัวท่าทีของต้นไม้ แต่การกลัวมันไม่ได้ทำให้เขาหลุดพ้นออกจากวังวนนี้ได้ ที่ผ่านมายอมรับว่าเขาสนุกและพอใจกับการเป็น friend with benefit ของต้นไม้ เขาพอใจถึงขั้นกับรักมันด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยรู้สึกกับต้นไม้มากไปกว่าเพื่อนนอนแค่นั้น และวันนี้เขาก็ต้องเลือกเสียทีว่าจะเดินทางไหน
และเขาเลือกเดินไปหาคนที่รออยู่ในรถ
มากกว่าอยู่ที่เดิมกับผู้ชายตรงหน้า ปูนสะบัดแขนอย่างแรงและมันทำให้เขาหลุดพ้นจากพันธนาการของร่างสูงที่โกรธจัด คำว่าแพ้, ที่สอง, เสียหน้า ไม่เคยมีในพจนานุกรมต้นไม้ แต่วันนี้เขากลับทำให้คนตรงหน้ารู้สึกเช่นนั้น ไม่ได้สะใจอะไรเลยสักนิด
เพราะไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว
“เล่นให้จบแล้วกัน อย่ายอมแพ้ไปมากกว่านี้”
“ปูน!!”
ผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนไม่ได้สนใจคำเรียกของคนข้างหลังเลยสักนิด ความรู้สึกของเขาตอนนี้โล่งเหมือนได้ยืนท่ามกลางดงป่าสนรายล้อม โซ่ตรวนที่ผูกมัดตัวเองกับสิ่งที่ใครก็ว่าไม่ดีได้หยุดพ้นจากชีวิตเสียที และเขาจะไม่กลับไปอยู่ในจุดนั้นอีก อย่างน้อยก็เพื่อคุณค่าของตัวเอง
“โอเคหรือเปล่า” สารถีที่รออยู่บนรถถามขึ้นหลังจากตุ๊กตาหน้ารถขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี อย่างที่ทราบเขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของปูนกับต้นไม้มันอยู่ในจุดไหน และคนข้าง ๆ ก็ไม่ได้ปกติเหมือนก่อนหน้า จึงอดถามไถ่ไม่ได้
“อืม” ปูนถอนหายใจแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด “มันไม่มีอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
พาทิศไม่ได้ถามต่อเพียงแต่ออกตัวรถไปตามถนน และคนข้าง ๆ มองไปข้างหน้าอย่างไม่ได้มีโฟกัสอะไร
ไม่มีอะไรแต่แรก ไม่ใช่ว่ามีตอนนี้ไม่ได้ เขาคิดในใจ เพราะเขาก็ไม่เคยรู้สึกกับข้าวปั้นตั้งแต่แรกเหมือนกันแล้วตอนนี้กลับรู้สึกมากเจียนจะเป็นบ้า
“เราทำปูนอดกินข้าวเช้าหรือเปล่า งั้นไปกินข้าวก่อนเข้ามอมั้ย”
“ไงก็ได้” ปูนตอบแต่ไม่ได้หันมามองคนถาม เขาเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นแหละเป็นเหตุผลที่พาทิศแน่ใจว่าปูนกำลังโกหกความรู้สึกตัวเอง
บรรยากาศของการกินอาหารเช้าของผู้ชายสองคนที่ร้านโจ๊กชื่อดังตอนเช้าเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ปูนไม่ได้พูดอะไร ส่วนพาทิศก็นั่งกินกาแฟดำจากร้านร้านรถเข็นข้างกันอย่างไม่เอ่ยคำพูดอะไร มีบ้างที่เผลอสบตากันแต่ก็ต้องรีบเสมองทางอื่นกันทั้งคู่ อาการประดักประเดิดเกาะกุมความสัมพันธ์ของเราสองคู่ราวกับน้ำแข็งในช่องฟรีซที่ไม่เคยกดละลาย และมันจะยิ่งพอกพูนถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังคงไม่ได้ยอมพูดอะไรออกมา
พาทิศไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องพูดคำว่าอะไรให้สถานการณ์ดีขึ้น
พอ ๆ กับปูนที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองรอคำพูดอะไรกันแน่ ขอโทษ? หรือ เสียใจ? ซึ่งมันไม่ได้เขาให้เขารู้สึกดีขึ้นสักนิด
@คณะนิเทศฯ
“เห้ยพามาทำไมแต่เช้าวะ แล้วไม่ใส่สุดนิสิต?”
“มารอมึงไง รู้มั้ยเมื่อคืนเกิดเรื่องเหี้ย ๆ ตอนที่พวกมึงกลับไป” ไอ้เหนือทักผมเสียงดังหลังหลังจากที่โทรไปหามันให้เข้าคณะแต่เช้าเพราะมีเรื่องจะปรึกษา ด้วยความขี้เสือกของมันเลยทำให้มันมาเร็วยิ่งกว่าขับจรวดด้วยดูคาติของมัน
“กูโดนยาปลุก”
“ห้ะ!!”
“ห้ะดังหาพ่อง มึงอยากให้ออกเสียงตามสายหรือไงวะ” พาทิศรีบยกมือปิดปากเพื่อนปากสว่างแทบไม่ทัน
“เออ ๆ ๆ อ่อยอ่อน อืออึงเอ็ม (ปล่อยก่อนมือมึงเค็ม) พาทิศปล่อยมือจากปากเพื่อนแล้วเช็กกางเกงลวก ๆ ไม่ใช่แค่มือเขาเค็มแต่น้ำลายมันก็บูดพอกัน “มึงเล่ามาเลยขอละเอียด ๆ”
“ตอนกูกำลังจะกลับ ปูนเอาน้ำส้มมาให้กู กูอยากสร่างไว ๆ เลยกินไม่ได้คิดอะไร”
“เชี่ยยย ปูนเพื่อนที่ร้านอะนะ”
“เออ อย่าเพิ่งขัดสิวะ ฟังให้จบก่อน”
“โทษ ๆ ต่อเลย ๆ” ไอ้เหนือนั่งเท้าคางฟังอย่างตั้งใจ ไม่ค่อยอยากเสือกเลยผู้ชายห่าไรวะ แต่เหมือนพาทิศจะลืมตัวว่าตัวเองเป็นคนโทรเรียกมันมาให้เสือก
“อยู่ ๆ กูก็ร้อนวูบวาบตามร่างกาย มึนหัว ตาลาย เขาก็เลยอาสาไปส่ง แล้วกูแม่งหมดแรงข้าวผัดปูที่กินไปเลย ปากชาเหมือนโดนผ่าฟันคุด ตอบเหี้ยอะไรไม่ได้รู้แค่อยากอย่างเดียว เขาเลยพาไปที่บ้านเขา” ตลอดเวลาที่เล่าไอ้เหนือก็อุทานหยาบ ๆ ของมันเป็นระยะ “กูไม่ได้พิศวาสอะไรเขาเลยแต่ด้วยยามันทำให้กูอยาก ก็เลยพยายามที่จะทำกับเขา แต่เขาร้องไห้ว่ะ กูเลยให้เขาพาเข้าห้องน้ำทรมานฉิบหายกว่าจะหมดฤทธิ์”
“ร้องไห้? ทำไมวะ เขาต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรอ ก็เอายาให้มึงกินขนาดนั้น”
“แต่เขาบอกไม่ได้ทำ”
“มึงเชื่อ?”
พาทิศพยักหน้าน้อย ๆ เพราะตัวเขาเองก็หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่อคำพูดแค่ไม่กี่คำของปูน อาจจะเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ปูนมีโอกาสมากมายที่จะทำแบบนี้แต่ก็ไม่ทำ ทำไมถึงเลือกเจาะจงที่จะเป็นวันนี้มันไม่มีเหตุผลเลยไม่ใช่หรือไง อีกอย่างสายตาของคนที่ต้องการกับคนที่ขัดขืนมันดูออก แม้พาทิศอาจจะไม่ได้มีสติเต็มเต็งแต่ไม่ใช่ขาดสติจนไม่เห็นแววตาหวาดกลัวว่าจะถูกเขาขื่นใจสักหน่อย
“เป็นไปได้หรอวะ แล้วใครจะกล้าทำ ปกติร้านนี้ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ป่ะ”
“กูว่าแม่งต้องมีเงื่อนงำ เหมือนปูนกับกูโดนใช้เป็นเครื่องมือ” แต่ก็ยังนึงคนที่น่าสงสัยไม่ออก เพราะศัตรูของเขาตอนนี้มีคนเดียวซึ่งก็คือต้นไม้ ซึ่งมันไม่ยอมให้เมียมันนอนกับคนอื่นหรอก ไม่งั้นจะหึงปูนจนออกนอกหน้าทำไมเมื่อเช้า
“แล้วมึงลงได้ไงวะ กูเคยได้ยินว่ายากพวกนี้แม่งหมดฤทธิ์ยากด้วย”
พาทิศเลิกลั่กกับคำถามของเพื่อนตัวเอง เพราะเขายังจำภาพของปูนที่ช่วยชีวิตเขาและลูกชายเขาไว้อย่างที่วนอยู่ในหัวตลอดเช้านี้ ปากหนาเม้มเข้าหากันอย่างคนกำลังจะโกหก ก่อนจะตอบข้อแก้ตัวเดียวที่หาเจอ
“มือกูนี่ไง ถามโง่ ๆ อีกแล้วนะมึง”
“ไหนกูดิดิ๊ กล้ามขึ้นเยอะกว่าเดิมป่ะ ก่อนจะหมดฤทธิ์น่าจะเปียกเลย อิอิ” ความกวนประสาทของไอ้เหนือทำเอาผมอยากจะกุมขมับ เพราะยิ่งมันพูด ภาพเมื่อคืนกลับฉายซ้ำอย่างไม่หยุดหย่อน ปากบางสีส้มของปูนที่งับช้อนโจ๊กเมื่อเช้าพาทิศยังคิดดีไม่ได้ เขาไม่ใช่คนที่มีความต้องการทางเพศขนาดนั้น เพียงแค่ว่าปูนคือผู้ชายคนแรกที่ใช้ปากกับตรงนั้นของเขาแค่นั้น...
“เออแล้วมึงจะเอาไง จะหาคนทำหรอวะ”
“กูอยากรู้ว่าใครเล่นสกปรก เลยจะมาให้มึงช่วย เมื่อคืนกูเห็นพนักงานใหม่เป็นรุ่นน้องที่คณะมึงถ้ากูจำไม่ผิด น่าจะเป็นเดือนปีที่แล้ว กูไม่อยากเข้าไปถามมันเองเดี๋ยวจะหาว่ากูหาเรื่อง ไม่อยากมีปัญหาในร้าน”
“หรอวะ ไอ้เด๋อ ๆ นั่นอะนะ เออ ๆ เดี๋ยวกูลองสืบให้ละกัน”
“แล้วเรื่องข้าวปั้นยังไงต่อ”
คนถูกถามถอนหายใจเบา ๆ ทั้งที่ใจอยากจะตอบคำถามของเพื่อนเพราะมีหนทางในใจ แต่เมื่อเกิดเรื่องของปูนขึ้นสิ่งที่คิดว่าจะทำได้ก็เริ่มไม่แน่ใจ เพราะตัวแปรมันเพิ่มมากขึ้น แค่รู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำกับปูน แม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนั้นตัวเองก็มีสติมากพอแต่ก็ยังขอให้เขาทำ ซึ่งมันแย่กว่าเรื่องที่เกิดกับข้าวปั้นเพราะอันนั้นตั้งใจ แต่ดันเป็นการตั้งใจที่เจ้าตัวไม่รู้เลยแม้แต่นิด
“บอกตามตรงกูไม่รู้ว่ะ แต่กูจะไม่ให้มันจบแบบนี้แน่”
แม้ขณะนี้มันจะเหมือนเดินในเขาวงกตที่คดเคี้ยวและวกวน แถมยังมีอุปสรรคระหว่างทางอีกมากมาย แต่มันจะไม่ยากเกินความพยายามของมนุษย์พาทิศหรอก
แม้จะต้องวิ่งไล่จับพระอาทิตย์เพื่อคนที่รักเขาคนนี้ก็จะทำมีต่อ