ตอนที่ 40 มาแล้วครับ ปัญหาที่บิ๊กเจอ กลายเป็นยิ่งแก้ ยิ่งไปกันใหญ่ และถือเป็นบทที่บิ๊กงานเข้าของจริงแล้วครับ
มาดูกันต่อได้เลยครับ
************
Chapter 40ผมมาถึงร้านซูชิก่อนเวลาประมาณสิบห้านาทีได้ อารมณ์ผมตอนนี้ แทบจะทำถ้วยชาเขียวร้อนที่ผมถืออยู่ตอนนี้แตกทั้งที่มันร้อนอยู่ในมือผมตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าผมถอนหายใจรอบนี้ รอบที่สิบหรือสิบเอ็ด แต่ผมจะใช้ไม้นวมพูดกับแก้วละกันนะ...และหกโมงเย็นก็มาถึง แก้วมาตรงเวลาพอดี ผมโบกให้ว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้
“ดีใจจังที่ได้เจอ” แต่ผมไม่ดีใจสักนิด
“สั่งก่อนไหมครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” ผมถือว่านี่คือการคุยเพื่อปิดจ็อบ ยังไงก็ควรเลี้ยงซะ
“ไม่เป็นไรๆ แชร์กันนะ” แล้วแก้วก็เปิดเมนู ในขณะที่ผมก็เปิดเมนู แต่ผมไม่ได้สนใจว่าจะทานอะไร สนใจว่าจะพูดยังไงให้จบเรื่องนี้ดี
ข้าวหน้าแซลมอนของแก้ว กับข้าวปั้นอีกสามสี่อย่าง ส่วนของผมเป็นข้าวหน้าปลาดิบรวม และชาเชียวเย็นสองแก้ว วางอยู่ตรงหน้าแล้ว ระหว่างรออาหาร ผมยังไม่พูดอะไร เพราะแก้วดูจะสาละวนกับหน้าจอมือถือตัวเอง นั่นทำให้ผมได้มองเธอชัดๆ แล้วตั้งสมาธิจะพูดในเรื่องที่ผมคิดว่า ควรพูด และ เด็ดขาด ให้มันจบตรงนี้เท่านั้น
“อร่อยไหมครับ” ผมเริ่มทำลายความเงียบขณะที่แก้วทานอยู่ แก้วพยักหน้าให้...ทำไมนะ ผู้หญิงคนนี้ ดูไม่น่ามีพิษภัย แต่ทำไมสิ่งที่ทำกับผม และเพื่อนผม ถึงได้ปั่นหัวได้ขนาดนี้
“วันนี้ไม่ไปกับตั้มเหรอ” แก้วดูจะเฉยๆ กับคำถามนี้
“ก็มาอยู่ตรงหน้าบิ๊กแล้วไง” ถ้าเป็นผู้หญิงที่ผมจีบ ผมคงดีใจ แต่นี่...ผมกลับแอบอยากบีบคออย่างบอกไม่ถูก
“แก้ว...เธอกำลังทำอะไรอยู่” ใบหน้าใสๆ ไร้เดียงสาของแก้ว ไม่สะท้านอะไรกับคำถามนี้ ตะเกียบยังคงคีบชิ้นปลากับข้าวทานช้าๆ ก่อนจะตอบมาว่า
“ฉันชอบเธออะบิ๊ก...ชอบจนยอมทำเรื่องที่ผิด เพื่อบิ๊กคนเดียว” คำตอบที่ผมได้ยิน เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างพุ่งใส่คอผมจนพูดไม่ออก ผมพยายามไม่แสดงสีหน้าอะไร ก่อนจะพูดออกไปว่า
“เราขอบคุณนะ ที่เธอชอบเรา แต่...เราอยากให้เธอตั้งใจฟังนะว่า...” แก้วกำลังฟังผม ในขณะที่เธอทานช้าลง เพราะข้าวใกล้หมดชามแล้ว
“ตั้มมันรักเธอมาก ตั้มเป็นเพื่อนสนิทที่กับเราตั้งแต่เด็กมา มันเป็นคนดี จริงใจกับทุกคนที่มันรัก ในขณะเดียวกัน เรา...มีแฟนแล้ว และเรารักแฟนเรามากด้วย” แก้ววางตะเกียบลง ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมที่วางบนโต๊ะผม ผมถอยมือออกอย่างตั้งใจ แก้วมองมือที่ผมขยับไป และพูดกับผมว่า
“บิ๊กไม่มีแฟนหรอก ถ้ามี บิ๊กคงบอกเพื่อนสนิทตัวเองไปแล้ว แต่ทำไม บิ๊กไม่บอกซะทีว่าแฟนบิ๊กเป็นใครละ ผู้ชายที่ไม่เปิดตัวแฟนแบบนี้ แฟนไม่เสียใจเหรอ” ยิ่งเธอพูดอย่างใสๆ ผมแทบจะระเบิดมันตรงนี้ ผมคีบซูชิหน้าหนวดปลาหมึกยักษ์จิ้มโชยุแล้วใส่ปาก เพื่อระงับอารมณ์
“เรามีเหตุผลของเรา และเมื่อถึงเวลาเหมาะสม เราจะแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักแน่นอน ตั้มคงเล่าเรื่องนี้ให้ฟังซินะ แต่เธอรู้แค่ด้านเดียวจริงๆ เราขอละกันนะ...อย่ายุ่งกับเราเลย ตั้มมันเสียใจนะ ถ้าเธอไม่รักมัน และเราก็ไม่มีทางรักเธอ เพราะเรามีหัวใจของเราแล้ว” แก้วนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะจิบชาเขียว ตามด้วยหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าถือ วางแบงค์พันไว้ที่โต๊ะ แล้วสะพายกระเป๋าเป้ของโรงเรียนเดินออกจากโต๊ะ
“เราช่วยออกนะ เราอยากบอกบิ๊กว่า เราจะเอาชนะบิ๊กให้ได้ เพราะเราตั้งใจจริงๆ” ผมหยิบแบงค์พันบนโต๊ะ แล้วลุกออกมา ก่อนจะจับมือของเธอ แล้วเอาเงินวางกลับลงไป
“มื้อนี้เราเลี้ยง ไม่เป็นไรครับ และ...คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันอีก” ผมเด็ดขาดนะ วิธีจบเรื่องนี้ มีแค่วิธีนี้จริงๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจอย่างคาดไม่ถึงคือ
“ทำไมต้องเกลียดเราด้วย เราทำเพราะเราชอบบิ๊กนะ” แก้วกอดผมกลางร้าน หน้าของเธอทั้งซุกและถูกับเสื้อนักเรียนผมเต็มๆ ผมหายตกใจสักครู่ ก่อนจะแกะเธอออกทันที
“อย่าทำแบบนี้ ใครมาเห็นจะมองไม่ดีนะ และถ้าแก้วยังไม่หยุด เราคงไม่ยอมให้เธอทำเพื่อนเราเสียใจเหมือนกัน” ผมพูดเน้นๆ แต่เสียงเข้มขึ้น ก่อนที่สาวเจ้าจะถอยออก และยิ้มให้ผมเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
“ผู้ชายอย่างบิ๊ก เหมาะสมกับแก้วที่สุด เราจะทำให้เธอรักเราให้ได้” แล้วแก้วก็เดินออกไปจากร้านไป
ผมกลับไปนั่งที่โต๊ะ มองซูชิที่เหลืออยู่สองจาน แล้วค่อยๆ คีบมาจิ้มโชยุกับวาซาบิ แล้วใส่ปากด้วยความคิด ผมเคี้ยวช้าจนแทบจะกลายเป็นการอมข้าว
ผู้หญิงคนนี้ร้ายกว่าที่ผมคิด...ทั้งผม ทั้งตั้ม กำลังงานเข้าของจริง
………………..
บิ๊กกลับมาห้องแล้ว...ผมรีบไปรับกระเป๋า หมวกกันน็อค แล้วกอดบิ๊กหลวมๆ เพราะสีหน้าของแฟนผม บอกเลยว่าเหนื่อยมาก ผมรีบไปทำซุปเปอร์มาม่าให้บิ๊กทาน (มาม่าที่ใส่ กุ้ง/ลูกชิ้นหมู/เต้าหู้ปลา/ผักกวางตุ้งและตอกไข่ลงไป) หลังจากแฟนผมอาบน้ำแล้ว บิ๊กทานหมดอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรกับผม ไม่ซิ ตั้งแต่กลับมา ยังไม่พูดอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำ
“ไม่สบายเปล่าครับ นอนก่อนก็ได้นะ” บิ๊กดึงผมไปกอดเหมือนกลัวผมจากไป
“แทน...ขออะไรอย่างซิ” ผมพยักหน้าให้
“ขอให้แทนเชื่อว่า เรารักแทนคนเดียว รักของแทนคือรักสุดท้ายเราได้ไหม” น้ำเสียงบิ๊กบอกถึงความไม่มั่นใจ
“เราสัญญา ว่าไม่ว่าจะเจออะไร เราจะมั่นใจในตัวบิ๊กนะ” บิ๊กกอดผมแน่นกว่าเดิม
“เรานอนก่อนนะ เราเหนื่อยจนไม่อยากรับรู้อะไรเลย” ผมอยากถามบิ๊กว่าบิ๊กไปเจออะไรมา แต่ดูบิ๊กจะไม่พร้อมเอาซะเลย ผมพาบิ๊กไปนอน ปรับแอร์ให้กำลังดี แล้วห่มผ้าให้แฟนผม ก่อนจะประทับจูบที่หน้าผากเบาๆ
“เราคิดไม่ออกว่า ถ้าเราไม่มีแทน เราจะอยู่ยังไง” บิ๊กคงเครียดจริงๆ
“ไม่ต้องคิดหรอก เพราะมันไม่มีวันนั้นแน่นอนครับ สัญญานะ” ผมประทับริมฝีปากลงหน้าผากค้างไว้ จนบิ๊กปิดตาลงนอนเรียบร้อย
ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่ง ผมขอซักผ้าก่อน แล้วเดี๋ยวมาทำการบ้านก่อน แล้วคงดูการบ้านของบิ๊กด้วยว่า จะทำให้อะไรให้ได้บ้าง แต่...ตอนผมจะซักผ้านี่แหละ ก่อนจะเอาเข้าเครื่อง ผมจะขยี้คอเสื้อ รักแร้ และสาปเสื้อก่อน เพราะเสื้อบิ๊กเหงื่อกับคราบจะเยอะกว่าของผม ผมเจออะไรผิดปกติที่เสื้อนักเรียนของบิ๊กเล็กน้อย ทำไมสาบเสื้อตรงอก มีรอยเหมือนแป้งของผู้หญิงติดอยู่ แป้งสีเนื้อออกไปทางน้ำตาลนิดๆ
“ขอให้แทนเชื่อว่า เรารักแทนคนเดียว รักของแทนคือรักสุดท้ายเราได้ไหม” คำพูดนี้ของบิ๊กวนกลับ ทำให้ผมพยายามไม่คิดอะไรมาก มันอาจเป็นแค่อุบัติเหตุ หรือบิ๊กไปเจอบรรดากิ๊กเก่าของเค้าโดยบังเอิญก็ได้
ผมขยี้เสื้อต่อไป แต่ใจผมไม่สงบเอาซะเลย จนผมตั้งเครื่องซักผ้าเสร็จ ผมกลับมานั่งข้างๆ เตียง ที่ตอนนี้บิ๊กหลับสนิทไปแล้ว
บิ๊กเป็นผู้ชายคนนึง ผมควรใจกว้าง ถ้าเค้าจะพลาดหรือเผลอนอกลู่นอกทางไปบ้างใช่ไหม...
………………..
เรื่องแป้งที่ติดสาปเสื้อของบิ๊ก ทำให้ผมคิดวนไปวนมาอยู่เป็นอาทิตย์ ถึงมันไม่ทำให้ผมเรียนไม่ออก เล่นบาสไม่ได้ แต่ใจผมแอบไม่สงบเล็กๆ นั่นแหละ ผมอยากจะปรึกษาไบรท์ แต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ พอจะนัดแชมป์ ก็ดันไม่ว่าง ติดเตรียมงานโรงเรียนเหมือนบิ๊กนั่นแหละ ผมรู้แล้วว่าจะปรึกษาใครดี
“สวัสดีครับ” เสียงเจ้าของร้านที่บิ๊กชอบมาซื้อของบ่อยๆ หยุดลงดื้อๆ พอเห็นหน้าผม
“แฟนบิ๊กใช่ปะ เฮียไม่แน่ใจ” ผมยิ้มๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ เฮียยกมือท่าโอเค ก่อนที่ผมจะไปนั่งที่เคาเตอร์
“สวัสดีครับพี่โบ้ ผมมีเรื่องจะปรึกษา...คือ ต้องขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้มาซื้อของ” เฮียโบ้รีบยกมือเบรคผม ก่อนจะหยิบชาเขียวรสน้ำผึ้งมะนาวที่แช่เย็นมาให้ผมขวดนึง
“ทานน้ำก่อนน้อง คนกันเองแท้ๆ ว่าแต่ทำไมวันนี้บิ๊กไม่มาด้วยละ” เฮียโบ้มองไปรอบๆ มองไปหน้าร้าน ก็ไม่เห็นบิ๊กมากับผม
“ผมไม่ค่อยสบายใจ ไม่รู้จะปรึกษาใคร เห็นมีพี่นี่แหละ ที่ดูจะรู้จักบิ๊กมากที่สุด” เฮียโบ้พยักหน้ารอฟังอยู่
“อาทิตย์ก่อน ผมจะซักเสื้อให้บิ๊ก แล้วผมเจอรอยแป้งผัดหน้าของผู้หญิงติดเสื้อ ผมเลย...” ฝ่ามือหนาๆ นุ่มๆ เหมือนอุ้งหมี กำลังขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู
“ก็เลยคิดว่า ไอ้เชี่ยบิ๊กมีคนอื่น" ผมพยักหน้าให้กับคำตอบเฮียโบ้ เฮียโบ้หัวเราะเหมือนเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องเครียด แล้วขยี้หัวผมอย่างเอ็นดูเหมือนเดิม
“เฮียจะบอกไรให้ฟังนะ ถึงไอ้บิ๊กจะเป็นเสือผู้หญิง แต่เฮียเห็นอย่างหนึ่งมาตลอด มันไม่เคยจีบใครซ้อน มานั่งเผื่อเลือกว่า คนนี้เป็นหลัก คนนี้สำรอง มันโฟกัสคนเดียวตลอด และเช่นกัน ตั้งแต่มันบอกเฮียว่าน้องแทนเป็นแฟนมันเนี่ย เฮียเห็นมันทำตัวดีมาก แล้วที่สำคัญสุดๆ มันชอบใช้คำว่า ผมจะหยุดกับคนที่ผมรัก แล้วมันก็หยุดจริงๆ นะ” เฮียโบ้ยิ้มให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“แต่...” เฮียเหมือนรู้ว่าผมจะพูดอะไร
“เฮียว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันอาจเจอกิ๊กเก่าพุ่งกอด หรืออื่นๆ อะไรทำนองนี้ แต่ทุกวันนี้มันทำไรดูนอกลู่ นอกทางไหมละ” ผมส่ายหัว เพราะคิดไม่ออกจริงๆ
“วันที่ผมซักผ้า บิ๊กก็มาพูดเรื่องแบบ...ขอให้รักและมั่นใจว่าเค้ารักผมคนเดียว ผมก็...” เฮียโบ้ตบไหล่ผมเบาๆ
“สมมุติว่าอย่างเลวสุดๆ เลยนะ ไอ้บิ๊กพลาดไปซั่มสาวที่ไหนขึ้นมาจริง มันอาจไม่กล้าสารภาพทันที แต่มันก็มีสติพอ ที่จะจบเรื่องพลาดพลั้งแบบนั้นเหมือนกันแหละ น้องแทนอย่าคิดมากเลย ถ้าทุกวันที่ไอ้บิ๊กมันอยู่ด้วยกับน้อง มันเกินร้อยด้วยตลอด ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง จริงมะ” ผมพยักหน้าให้กับที่เฮียโบ้แนะนำมา
“บิ๊กมันเป็นคนทำอะไรสุดติ่ง ถ้ามันรักก็สุดๆ ถ้ามันไม่เอา ก็ไม่เอา ถ้ามันแค้น ก็ไม่เลิก เราก็คงนึกออก จริงมะ” เฮียโบ้จับข้อมือซ้ายผม ดูนาฬิกาที่ผมใส่อยู่
“เก่งแหะ ไม่มีรอยกระแทกหรือไปชนมา มีแต่สกปรกนิดหน่อย ถอดมาๆ เดี๋ยวเฮียทำความสะอาดให้นะ” ผมถอดนาฬิกาให้เฮียโบ้ ก่อนที่เฮียจะเดินเข้าไปหลังร้าน
ผมคงคิดมากไปเองจริงๆ เมื่อทุกวันนี้ บิ๊กก็ยังเป็นคนเดิมกับผมเสมอมา
………………..
นับวัน เรื่องผมกับตั้ม จะอาการหนักขึ้นทุกที ล่าสุด ตั้มไปคัดรุ่นน้องมาเป็นนักร้องนำคนใหม่ของวง และไม่ซ้อมวงร่วมกับผม แต่เรื่องที่หนักที่สุดจนผมทนไม่ไหวกับการกระทำที่ตั้มทำกับผมก็คือ
“ทุกคน วันนี้กูมีเรื่องอยากบอก” ตั้มที่เดินเข้ามาห้องซ้อม เริ่มเปิดประเด็นกับเพื่อนๆ ก่อน
“กูขอลาออกจากวงนะ” ผม โจ แชมป์ ต่างไม่รู้สึกแปลกใจ ตรงกันข้าม กลับถอนหายใจ และส่ายหัวให้กับสิ่งที่ตั้มทำลงไป
“กูจะถือว่าไม่ได้ยินนะ” โจพูดขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะหันกลับไปจับเคาะกลองต่อ
“ตั้ม ถ้ามึงทำแบบนี้เพราะเรื่องผู้หญิง กูบอกตรงๆ ผิดหวัง...” แชมป์บิดคอซ้ายที ขวาที บิดขี้เกียจ แล้วใส่หูฟังแกะโน๊ตต่อไป
“ทำไมทุกคนไม่โทษต้นเหตุตัวจริงบ้างวะ!!!” ตั้มตะโกนใส่ด้วยความหงุดหงิด
“ถ้างั้นกูออกเอง พวกมึงจะได้สบายใจกัน” ผมเดินไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินออกไปจากห้อง
“มึงควรออกไปตั้งนานแล้ว พึ่งจะรู้ตัวเหรอ” ผมไม่อยากต่อความอะไรกับไอ้ตั้ม
“ไอ้ตั้ม!!! พอเลย!!! บิ๊ก มึงกลับมานี่!!!” เสียงตะโกนแบบเอาจริงของไอ้โจ หยุดทุกคนในห้องเอาไว้
“เออ...กูมันหมาหัวเน่าสำหรับพวกมึงนี่” ตั้มเดินออกไปจากห้อง และก่อนออก ส่งสายตาอาฆาตให้ผม ก่อนจะกระแทกประตูห้องออกไป
“บิ๊ก มึงอย่าไปสนใจไอ้ตั้มมันมากนะ ตามันบอดอยู่” โจเดินมาตบไหล่ผม ในขณะที่แชมป์เดินมาตบไหล่ผมอีกฝั่งเช่นกัน
“กูถามมึงจริงๆ ตอบตามความจริงนะ” แชมป์กำลังจะถามผม
“มึงไม่ได้จีบแฟนมันใช่ไหม” ผมส่ายหัวเซ็งๆ
“พวกมึงควรรู้ไว้อย่างนะ ผู้หญิงที่ชื่อแก้วนั่น น่ากลัวมาก ต่อให้ไม่มีเรื่องกับกู แต่ถ้ากูรู้ตัวตนว่าเค้าเป็นแบบนั้น กูก็ไม่โอเคที่จะให้เพื่อนกูยุ่งด้วยเหมือนกัน” ผมได้แต่ถอนหายใจสักครู่ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ซ้อมร้องตัวประจำของผม
“กูนัดเคลียร์กับแก้วเมื่ออาทิตย์ก่อน รู้มะ กูโคตรอึ้งกับสิ่งที่กูเจอ” ผมนั่งพูดแบบพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่ อีกสองหน่อกำลังรอฟังอยู่
“เค้าบอกว่าเค้าชอบกู...” ผมแทบไม่อยากพูดออกมาเลย มันสะอิดสะเอียนอย่างบอกไม่ถูก
“แล้ว...” แชมป์เหมือนคิดว่าผมจะพูดไรต่อ
“เค้าจะเอาชนะกู ให้กูชอบเค้าให้ได้” ผมลุกไปที่กลอง แล้วหยิบไม้กลองรัวกลองระบายอารมณ์ไปหนึ่งชุดใหญ่ๆ
“มึงพูดจริง...” โจ ทำไมมึงถามงี้วะ ผมกระแทกไม้กลองลงพื้น
“หรือมึงไม่เชื่ออีกคน!!!” ผมฟิวส์ขาดวะ โจดูจะอึ้งๆ
“กูบอกตรงนี้เลย กูเกลียดผู้หญิงคนนั้น กูเกลียดมารยามัน กูเกลียดที่ทำให้เพื่อนกูต้องแตกคอแบบนี้” ผมเดินไปคว้ากระเป๋า แล้วกระแทกประตูห้องเดินออกไป แล้วตรงทางเดิน ผมกำลังเดินสวนกันไอ้ตั้ม
เราสองคนยืนประจันหน้ากัน ห่างกันห้าหกก้าวได้ ผมมองมันอยู่สักครู่ ก่อนจะเดินสวนมันที่ยืนอยู่นิ่งๆ จังหวะที่ผมเดินสวนกับมัน
“มึงควรระวังผู้หญิงของมึงไว้ กูเตือนแค่นี้แหละ” “กูว่าที่ควรระวัง คือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อมากกว่า” ผมไม่ได้หันไปฟังเสียงว่าตั้มหันมาพูดกับผมหรือเปล่า แต่ผมได้ยินแค่เสียงรองเท้าเดินกลับห้องดนตรี
ผมควรทำไงดีกับเรื่องนี้...
………………..
เสียงแจ้งเบอร์โทรศัพท์ดังในหมวกกันน็อคผม ช่วงนี้ผมไม่อยากรับเบอร์ประหลาดๆ เลย เพราะถ้ารับแล้ว มันคือ...
“ฮัลโหลครับ” ผมรับสายขณะที่บิดน้องถ่านที่ความเร็วเกือบร้อยบนสะพานพระราม 8
“ช่วยเราด้วย ฮือๆๆ” แก้ว...โทรมาทำไมครับ
“เราขับรถอยู่ ไม่ว่างคุยนะครับ” ผมบิดน้องถ่านลงจากสะพานพระราม 8
“ช่วยเราด้วย ฮือๆๆๆ ตั้มซ้อมเรา ฮือๆๆๆๆ” ผมจอดรถเข้าข้างทาง ใจก็ไม่อยากเชื่อ แต่อีกใจก็ไม่อยากปล่อยไป ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แล้วผมไม่ช่วย ก็ดูใจร้ายเกินไป ผมดูเวลาตอนนี้สิบโมงเช้า ผมต้องรับแทนหลังซ้อมบาสฯ เสร็จตอนเที่ยงนี้ เอาวะ แป็ปเดียวพอ
“แก้วอยู่ที่ไหนครับ” ผมถามตำแหน่งให้เรียบร้อย
ระหว่างทางที่ผมกำลังไปจามจุรีสแควร์ สามย่าน ผมคิดอยู่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเปล่า หรือเป็นแค่มารยาหญิง หลังจากผมใจแข็งปฎิเสธทุกสิ่งที่แก้วโทรมาชวน ไม่ว่าจะยังไงก็ตามที ผมจะห่างๆ กับผู้หญิงคนนี้ให้มากๆ เมื่อผมจอดน้องถ่านเรียบร้อย และฝากหมวกกันน็อคแล้ว ผมโทรหาแก้วทันที
“อยู่ไหนครับ” แก้วรับสายด้วยเสียงสะอื้นร้องไห้เหมือนเดิม
“ลานจอดรถชั้นสามบี ฮือๆๆ มาถึงแล้วใช่ไหม” ผมไม่ตอบไร วางสายแล้ววิ่งไปขึ้นลิฟท์ไปลานจอดรถทันที
ผมวิ่งหาอยู่รอบลานจอดรถ จนผมเจอแก้วนั่งอยู่หลังรถคันนึง ในสภาพที่หน้าช้ำ มีร่องรอยของการทำร้ายร่างกายตามตัวพอสมควร แก้วโผเข้ากอดผมด้วยความหวาดกลัว
“เรากลัว ฮือๆๆ” ผมพยุงแก้วขึ้นยืน ก่อนจะดึงออกมาสำรวจเนื้อตัวว่าเจ็บแค่ไหน
“เราว่าไปหาหมอดีกว่านะ” แก้วกอดผมแน่นกว่าเดิม
“อย่าพึ่งได้ไหม เรากลัว บิ๊กกอดเราไว้แบบนี้ได้ไหม” ผมกอดแน่นๆ ลูบเส้นผมนิ่มๆ ที่เปื้อนฝุ่นช้าๆ
“ทำไมตั้มต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย” ผมพูดเบาๆ ออกมา
“แก้วบอกเลิกกับตั้มเอง ตั้มไม่ยอมให้แก้วไป เลยลากแก้วมาเคลียร์ตรงนี้ แต่...” เสียงร้องไห้ระลอกต่อมาของแก้ว พอจะบอกได้ว่า ต่อไปจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
ถึงตั้มจะเป็นเพื่อนผม แต่แบบนี้ ผมก็ว่าเกินไปอยู่ ผมถอดเสื้อเกราะอ่อนคลุมตัวแก้วไว้ ก่อนพาลงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งออฟฟิศของ dtac ผมไป 7-11 กลับมาพร้อมกับผ้าเย็นสองสามผืน โค้กเย็นๆ อีกขวด ตรงๆ ผมลำบากใจจะเช็ดหน้ากับคอให้กับแก้วตอนนี้ แต่เธอพึ่งประสบกับเรื่องร้ายมาหมาดๆ
“ขอบใจมากนะ” ผมกำลังเช็ดหน้าที่เลอะฝุ่น กับเครื่องสำอางค์ที่เลอะด้วยคราบน้ำตาของแก้ว
“ถือว่าช่วยเพื่อนคนนึง” ผมบริสุทธิ์ใจในสิ่งที่ผมทำ
ผมเช็ดจนใบหน้าและลำคอของแก้วสะอาด ก่อนจะหยิบอีกฝืนมาเช็ดตามแขนให้สะอาด ก่อนจะเช็ดผมที่เปื้อนฝุ่นให้หมด ผมเกลียดสายตาแบบนี้จัง สายที่แก้วมองผมเหมือนผมเป็นคนรักของแก้ว ผมได้แต่ทำหน้านิ่งๆ ไม่สบตา ไม่อยากทำอะไรให้เธอคิด หรือให้ความหวังอะไรทั้งสิ้น
“เราต้องไปธุระต่อ เรียก Uber ให้ไหม จะได้กลับบ้านก่อน” แก้วไม่ตอบอะไร แต่กอดผมแน่นมาก
“เรายอมทุกอย่างแล้ว ทำไมบิ๊กไม่รักเราซะที” อย่าทำอย่างนี้เลย ผมพยายามแกะออก แต่แก้วกอดผมแน่นมาก
“ให้โอกาสเราได้ไหม เราอยากเริ่มต้นกับบิ๊กเท่านั้น” ผมแกะกอดแก้วสำเร็จแล้ว
“เราเรียกรถให้นะ” ผมหยิบมือถือมาเปิด Uber เพื่อเรียกรถให้แก้วกลับบ้าน แต่แก้วดึงมือถือผมไป
“อยู่กับเราได้ไหม แค่วันนี้ก็ได้” แก้วกอดผมต่อ ผมถอนหายใจหนึ่งที ก่อนจะใจแข็ง ดึงแก้วออกจากตัว
“เราช่วยได้แค่นี้ จริงๆ นะ เราจะเรียกรถให้ไปส่งแก้วที่บ้านนะ แก้วพยักหน้าเหมือนจะยอม
ผมเรียก Uber ได้ละ แต่พอผมเงยหน้า ผมถูกแก้วพุ่งกอด แล้วส่งริมฝีปากประทับเข้าริมฝีปากผมแบบกึ่งดูดเล็กๆ ผมผลักแก้วออกแต่ผลักออกไม่ได้ ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน แต่ผมอ้อมกอดของแก้วรัดแขนทั้งสองข้างผมไว้
“อย่าทำแบบนี้อีก ขอร้องละ” สายวิงวอนของแก้ว บอกถึงความต้องการที่มีกับผม....โทรศัพท์จากคนขับรถ Uber โทรมา ผมให้รถเลี้ยวเข้ามาจอดประตูฝั่งออฟฟิศได้เลย
“รถมาแล้ว กลับดีๆ นะ” ผมชี้ไปที่วีออสคันที่กำลังจอดรออยู่หน้าประตู
“ขอบคุณนะ” แก้วหันหลังเดินไปขึ้นรถ ผมเฝ้ามองให้แก้วขึ้นรถให้เรียบร้อย และสถานะในหน้าจอมือถือผม คนขับ Uber เริ่มทริปเดินทางเรียบร้อย
ผมถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อย กลับหลังหันไปหยิบเสื้อเกราะอ่อนที่วางบนเบาะนั่ง แต่พอเงยหน้าขึ้นมองในระยะสายตา....
แทน....
**********
บทที่ 41+42 คืองานเข้าแบบภาคต่อของบิ๊ก ที่เป็นฉนวนสำคัญให้บิ๊กจนมุม และเริ่มเอาคืนกับทุกคนที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทุกอย่างบิ๊กจะทำแบบไม่สนว่าต้องลากใครไปเกี่ยว ต้องทำให้ใครเจ็บ
บทที่ 41 เจอกันวันเสาร์ดึกๆ เวลาประมาณนี้ละครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม^^