>….ตอนที่ 43 [100%]….<
ยานอนหลับถูกแทนที่ด้วยกาแฟยี่ห้อดังและแซนวิชหนึ่งชิ้น มันคืออาหารเที่ยงของอีธาน เจ้าตัวนั่งกินไปพร้อมกับอ่านเอกสาร ถึงจะเป็นเวลาพักทว่าอีธานกลับเอาแต่ทำงาน ร่างกายก็ใช้ว่าจะเอื้ออำนวยให้ฝืน เขาก็แค่อยากทำงานให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินทาง
อลันไม่สามารถหาตั๋วเครื่องบินในนช่วงเวลาทุ่มสองทุ่มให้ได้ รอบบินที่มีว่างจะเป็นรอบตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงรอบสุดท้ายคือตีสาม และอีธานก็ยินดีที่จะไปรอบดึกนั้นโดยไม่มีข้อแม้ ส่วนตั๋วขากลับ อีธานเลือกช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ คิดว่าบินจากภูเก็ตกลับมาเข้างานก็น่าจะทันอยู่
ปากกาด้ามเงินถูกวางลงบนสมุดโน้ตราคาถูก บางอย่างแปลกตาไปเล็กน้อย มีกระดาษมาร์กหน้าสีชมพูแทรกอยู่ให้เห็น อีธานเป็นคนใส่เอาไว้เอง เพราะหน้านั้นมีบางอย่างที่เขาทำเอาไว้ ร่างสูงเอนกายพิงพนักหลัง ทิ้งน้ำหนังลงไปพร้อมกับปิดเปลือกตาลง
เขารู้สึกว่าตัวเองง่วงมากๆ ง่วงจนคิดอะไรไม่ค่อยจะออก แต่เขากลับนอนไม่หลับ ทำได้แค่ปิดเปลือกตาพักสายตาจากแสงสว่างชั่วคราว จากนั้นกลับมาให้ความสนใจกับงาน เข้าหัวบ้าง ไม่เข้าหัวบ้าง เขาก็พยายามทำมันให้เต็มที่ พยายามที่จะพลาดกับงานตัวเองให้น้อยที่สุด เพราะงั้นเอกสารหลายฉบับจะถูกอีธานอ่านซ้ำไม่น้อยกว่าสองรอบ
ช่วงเย็นมีนัดทานอาหารกับลูกค้ารายใหญ่ อีธานต้องไปเพราะรายนี้นัดล่วงหน้าเอาไว้เกือบอาทิตย์แล้ว แม้จะอ่อนเพลีย ง่วงงุนและแทบไม่มีแรงเหลือก็ยังต้องเดินทางไป อลันเป็นคนขับรถเฉพาะกิจ เมื่อไปถึง อีธานต้องร่วมรับประทานอาหารเย็นกับอีกฝ่าย เขากินมันได้น้อยมากถึงขั้นไม่แตะอาหารบางอย่าง ด้วยอาหารเป็นสไตล์อิตาลีที่อีธานไม่ค่อยชอบ และเขาเองก็คิดมากจนกินอะไรไม่ลงเลยไปกันใหญ่
“มีเวลาอีกเยอะ ท่านนอนพักสักหน่อยก็ดี” อลันพูดคำนี้มาหลายรอบ และเขาคิดว่าอีธานจะทำมันสักหน่อยแต่ก็ไม่
“ไม่เป็นไร” อีธานปล่อยอลันไว้ในห้องโถงรับแขก ส่วนตัวเองไปเก็บเสื้อผ้าและอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเดินทาง
วันนี้ทั้งวัน เขาฝืนและอยู่มาได้เพราะคิดอยู่ตลอดว่าคืนนี้เขาจะเดินทางไปหาภูริ พอมีเป้าหมาย มันก็มีแรงใจขึ้นมาเติมให้ร่างกายที่อ่อนแรง แต่ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็อยากจะส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายเหลือเกิน อยากจะถามว่ากินข้าวกับอะไร ทำงานเป็นยังไงบ้าง อีธานหยิบมือถือขึ้นมาบ่อย มองตัวเลขที่บันทึกไว้ทุกครั้งที่ปลดล็อกหน้าจอ ก็แค่นั้น...ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำลงไป
อดทนอีกนิดเดียว...เขาจะพูดในสิ่งที่ควรพูด
อีธานเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกับกระเป๋าเป้ราคาแพง ในนั้นมีเพียงชุดสองชุดสำหรับเปลี่ยน เป็นเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ อลันนั่งรออยู่ตรงโซฟากลางห้องโถง ก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานในไอแพดโปร อีธานเดินมาถึงก็หยิบรีโมตขึ้นมาเปิดทีวี
เสียงพิธีกรรายการทอร์คโชว์ทำให้อลันจำต้องเงยหน้าพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปมมองไปทางทีวี รายการแบบนี้อีธานดูมันด้วยงั้นเหรอ เขาหันไปทางอีธาน หวังจะถามแต่ก็หยุดความคิดนั้น สายตาเหม่อลอยที่ทอดตรงไปเบื้องหน้าของอีธานเหมือนคนไม่ได้โฟกัสอะไร ทีวีเปิดไว้ราวกับจะแค่ฟังเสียง
ก็ใช่ อีธานแค่ฟังเสียง มันคงให้อารมณ์คล้ายกับว่าภูริยังอยู่ในห้องนี้ได้มากที่เท่าที่เขาจะทำได้ในตอนนี้ อีกอย่าง เขาไม่อยากทำอะไรเลย ไม่อยากอ่านหนังสือ ไม่อยากอ่านรายงานที่ยังไม่เรียบร้อย แค่นั่งหายใจไปเฉยๆ...อีธานทำแค่นั้น
ยิ่งใกล้เวลาเดินทางมากขึ้นเท่าไหร่ อีธานยิ่งกระวนกระวายมากขึ้น สังเกตได้จากการที่เขามองนาฬิกาบ่อยๆ อลันเห็นว่าเจ้านายตัวเองแทบจะมองนาฬิกาทุกสองนาทีด้วยซ้ำ ถ้าเป็นเพื่อนกัน อลันคงพูดไปแล้วว่ามองไปมันก็ไม่ได้ทำให้เวลาเดินเร็วขึ้นหรอก แต่อีธานเป็นเจ้านายเขาจึงทำได้แค่เงียบไปเท่านั้น
สี่ทุ่มครึ่งอีธานก็ลุกขึ้นยืน เขาเอ่ยเรียกอลันให้เดินทางต่อไปยังสนามบิน ระหว่างการเดินทางทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบ อีธานเหม่อมองออกไปข้างนอกอยู่ตลอดเวลา ป่านนี้ภูริคงหลับแล้ว เจ้านั้นไม่ค่อยนอนดึก พอๆ กับที่ไม่เคยตื่นสาย แต่ก็ไม่แน่หรอก ที่นั่นมันอยู่แหล่งท่องเที่ยว บางทีภูริอาจไปเที่ยวเล่นอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่ไหนสักแห่งใกล้กับที่พัก
อีธานได้แต่หวังว่าภูริจะไม่ไปในที่ที่อันตราย กลัวคนที่ไม่ระวังตัวอย่างภูริจะโดนคุกคามเหมือนที่มันเคยเป็นมา จริงๆ อีธานห่วงภูริในข้อนี้ที่สุด หลายครั้ง ภูริชอบทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองยังเป็นเบต้าอยู่ ความระมัดระวังยามเข้าใกล้กับอัลฟ่าเลยน้อยลงไปมาก อีธานบ่นจนไม่รู้จะบ่นยังไง เคยพูดนะว่าอยากจะตามไปกันท่าให้ทุกที่ ไม่ก็จ้างการ์ดไปเลย ภูริขำ หาว่าเขาน่ะเวอร์มากเกินความจำเป็น
ทำไม...เขาเป็นห่วงมากนี่ผิดหรือไง
การเดินทางสิ้นสุดตอนตีหนึ่งครึ่ง ร่างสูงใหญ่ของอีธานหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ข้างในนั้นมีภูริอยู่ ส่วนข้างกายเขากลับเป็นพนักงานของทางรีสอร์ท อลันทำเรื่องแจ้งมาแล้วล่ะว่าอีธานจะมาที่นี่ และได้ของห้องพักเอาไว้อีกห้องหนึ่ง อีธานไม่สนใจห้องพักที่ว่า ใจของเขามันอยู่ตรงนี้...
เขาเคาะห้องอยู่สองสามหน อีธานแทบจะเงี่ยหูเพื่อฟังเสียงข้างในว่ามีใครรู้ตัวตื่นแล้วบ้าง พนักงานของที่พักพร้อมจะไขกุญแจให้ทุกเมื่อ แต่เขาขอปลุกคนข้างในจนถึงที่สุดก่อน เขาเคาะอยู่ราวห้านาที ในที่สุดก็ได้เสียงขานรับว่าครับๆ แต่เสียงนั้นไม่ใช่ของภูริ
“มาแล้วครับ” คมสันต์เปิดประตู คิดว่าเป็นพนักงานมาเรียกเพราะมีเหตุอะไรสักอย่าง ที่ไหนได้...
“ภูริล่ะ” มีกลิ่นตัวที่คุ้นเคยลอยเข้าจมูก อีธานรู้เลยว่าภูรินอนอยู่ข้างใน
“ภูริหลับอยู่ครับท่านประธาน” คนมารับหน้าเกร็งไปหมด ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าจะเจออีธานในเวลาแบบนี้
“ผมอาจจะรบกวนหน่อย เดี๋ยวช่วยไปพักห้องของผมแทนผมได้ไหม” อีธานไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไม และคนฟังก็ไม่คิดถามเช่นกัน
“ได้ครับท่าน ผมขอเอาชุดแป็บหนึ่ง” ว่าแล้วคมสันต์ก็เดินกลับเข้าไปข้างใน
อีธานเดินตามคมสันต์เข้ามาในห้อง มันเป็นแค่บังกะโลขนาดเล็กที่มีสองเตียงนอน ร่างโปร่งที่เขาคุ้นเคยนอนอยู่อีกฝากติดกับหน้าต่าง ทั้งที่มันมืด แต่เขาก็สามารถดินตรงเข้าไปหาภูริได้โดยไม่ชนอะไรสักอย่าง
หัวใจอีธานกำลังเต้นเร็วเกินไป...
กลิ่นฟีโรโมนคลุ้งออกมาเมื่ออีธานเดินเข้าไปใกล้กับร่างกายของภูริ มีบางอย่างดึงดูดเขา และบางอย่างนั้นก็ทำให้เขาอยากจะกอดภูริเหลือเกิน แต่อีธานก็หักห้ามใจ ค่อยๆ เข้าใกล้แล้วหยุดอยู่ข้างเตียง
เบต้าอย่างคมสันต์เจอฟีโรโมนนั้นเขาก็เกิดความรุ่มร้อนขึ้นในร่างกาย เขาจึงต้องรีบคว้าเอาข้าวของของตนเองแล้วรีบออกจากห้องนี้ไปให้เร็วที่สุด คมสันต์ไม่ลืมที่จะปิดประตูและล็อกลูกบิดจากด้านในให้
ภูริบอกกับคมสันต์ว่าระหว่างตนกับอีธานเป็นเพียงคู่นอน แค่คู่นอน คงไม่มีกลิ่นที่จูนเข้าหากันได้ดีขนาดนี้หรอก คมสันต์พักอยู่กับภูริยังไม่เคยเห็นภูริฮีตหรือมีกลิ่นฟีโรโมนเลย พออีธานมาเท่านั้น...เจ้ากลิ่นหอมหวานนี่ก็คลุ้งจนเวียนหัว
“นอนแบบนี้ได้จริงๆ เหรอคุณ” เสียงแหบพล่านั้นเอ่ยอย่างแผ่วเบา อีธานมองไปรอบห้องเพียงเล็กน้อย จากนั้นคุกเข่าลงข้างเตียง มองใบหน้ายามหลับใหลของภูริในระยะลมหายใจปะทะใบหน้า
“คนขี้กลัวอย่างคุณนอนหลับสบายแบบนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย แล้วดูสิ ใส่หูฟังนอนหลับแบบนี้อีกแล้ว” บ่นมันอยู่คนเดียวนั่นแหละ แถมยังบ่นให้เสียงเบาที่สุดจะได้ไม่รบกวนคนกำลังหลับ
อีธานค่อยๆ ดึงหูฟังออกมาจากใบหูเล็กๆ ทั้งยังต้องเบามือกับการดึงสายที่มันโดนแขนทับเอาไว้ เขาไม่ได้เพิ่งเคยทำให้ แต่ก็คิดว่าภูริน่าจะเชื่อเขาบ้างว่านอนทั้งแบบนี้มันไม่ดีต่อตัวเอง อันตรายมากๆ ด้วยอีกต่างหาก
เก็บโทรศัพท์และหูฟังเสร็จแล้วเขาก็มานั่งที่ขอบเตียง มือสางเส้นผมคนหลับสนิท ดูแล้วอาจจะกำลังฝันหวานอยู่ด้วยซ้ำ น่าอิจฉานะ ภูริอยู่อย่างสบายอกสบายใจ ไม่เหมือนเขาเลย เขาทั้งกินไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ มันคือต่างระหว่างคนที่ยึดติดอย่างเขากับคนที่ปล่อยวางทุกอย่างแบบภูริ
เหมือนกับนิ้วของอีธานสร้างความรำคาญให้กับคนหลับ ภูริพลิกกายหนีมือนั้นโดยเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงหันหน้าเข้าทางหน้าต่าง อีธานถอนหายใจเบาๆ ตอนแรกคิดว่าภูริจะตื่นแล้วแต่ก็ไม่ เขาตัดสินใจวางกระเป๋า รื้อเอาสมุดสีน้ำตาลอ่อนของภูริออกมาแล้ววางไว้ที่มือของอีกฝ่าย
เตียงตรงข้ามยังว่าง คมสันต์ที่เคยนอนได้ย้ายไปนอนแทนที่เขาเรียบร้อย แต่อีธานไม่อยากนอนเตียงนั้น เขายังละสายตาจากภูริไม่ได้ด้วยซ้ำ ถึงเขาจะบ่นเบาๆ ถึงเขาจะว่าที่ภูริใส่หูฟังนอน แต่ความจริง...เขาเบาใจขึ้นเยอะเลย
ร่างสูงค่อยๆ ขยับตัวขึ้นนอนบนเตียงเดียวกับภูริ เขาพยายามทำทุกอย่างให้เบาที่สุดเพื่อที่จะได้กอดอีกฝ่ายเอาไว้อ้อมแขนของตน เช้านี้เขาต้องเดินทางกลับไปทำงานที่บริษัท อีธานมีเวลาอยู่กับภูริแค่ไม่กี่ชั่วโมง และถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะกอดร่างนี้เอาไว้นานๆ
น่าแปลกที่พอหัวถึงหมอนใบเดียวกับภูริแล้ว ความง่วงที่คุกคามเขามาตลอดก็ได้ทำหน้าที่ของมันเสียที กลิ่นกายหอม เรือนร่างอบอุ่นที่อยู่ในวงแขนตอนนี้ทำให้อีธานผ่อนคลายจากความเครียด ความสับสน และความย้อนแย้งมากมายในตัวเองลง
เขา...หลับได้เสียที
ภูริรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังโอบรัดร่างตนเองเอาไว้ หรือ...ผี? เฮ้ยๆ ไม่นะไม่ เขาเช่าเตียงนอนแล้วต้องไม่ใช่ผีอย่างแน่นอน เจ้าตัวตั้งสติทั้งที่ยังหลับตาอยู่ คือเข้าใจคำว่าถ้าลืมตาขึ้นมาจะเจอผีไหม นั่นแหละ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภูริไม่ยอมลืมตาขึ้นมามองอะไรทั้งนั้น
แต่ผีมานอนกอดเขาทำไมนะ?
หรือผีจะขี้เหงา โถ สงสารผีจังเลย เฮ้ย ไม่ดีๆ เขาว่ากันว่าผีจะรู้ว่าคนคิดอะไรอยู่ ประหนึ่งได้ยินเสียงความคิด ก็สมกับที่เป็นผีดีอยู่หรอก แต่นั่นทำให้คนที่กำลังสงสัยในตัวผีอย่างภูริต้องชะงักความคิด
เอ...ผีนี่กลิ่นคุ้นๆ เนอะ ตอนนี้ขอกลายร่างเป็นหมาแป็บหนึ่งนะ ภูริหันมาทางไออุ่น รู้สึกเลยว่าร่างที่กอดเขาอยู่นั้นตัวใหญ่มากและก็เป็นร่างที่รู้สึกคุ้นเคย ไม่ใช่พ่อไม่ใช่ไหม นั่นไม่น่าเป็นไปได้อย่างที่สุดเพราะพ่อเขาไม่ได้ตายเว้ย ภูริทำจมูกฟุดฟิด มันกระดิกได้คงกระดิกให้เห็นแล้วอะว่ากำลังตั้งใจดมอย่างสุดๆ
กลิ่นน้ำหอมอีธาน...นี่เขาเพ้อเจ้อขนาดได้กลิ่นน้ำหอมของอีธาน และรู้สึกว่าอีธานกำลังนอนกอดเขาอยู่เลยอย่างนั้นเหรอ? เป็นไปได้นะ ก็เขายังไม่เลิกคิดถึงอีธานเลยอะสิ เอาไงดี เขาอยากรู้ว่าเขาเพ้อเจ้อไปเอง หรือว่าตอนนี้คนที่เขากำลังคิดถึงมาหาเขากันแน่นะ
ความเสี่ยงที่จะเป็นผีก็มี ความเสี่ยงที่จะฝันไปก็มี ฝัน ฝันงั้นเหรอ เออนั่นสิ ตอนนี้เขากำลังฝันอยู่ก็เป็นไปได้ งั้นเขาอย่าลืมตาขึ้นมาเลย ถ้าลืมตาสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ก็จะหายไปใช่ไหมล่ะ
เขาไม่อยากให้อีธานหายไป...
ไม่ว่าสิ่งที่โอบกอดเขาเอาไว้จะเป็นอะไรก็ตาม ภูริตัดสินใจกระเถิบกายเข้าซุกแผ่นอกที่มีกลิ่นคุ้นเคย มีการจับแขนล่ำๆ นั้นโอบรัดร่างตนเองเอาไว้เสียมิดอีกด้วย ก็คนมันชอบนี่ อ้อมกอดของอีธานน่ะ เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจ และมันก็ทำให้เขาหายกลัว ไม่ว่าจะเป็นผีหรืองูเงี้ยวเขี้ยวขอ อะไรก็ตาม...ตอนนี้ภูริไม่รู้สึกหวั่นใจเลย
เช้าแล้ว...ทำไมรู้ อ๋อ แสงแยงตาไงล่ะ โอ้ย ผ้าม่านนี่ไม่ช่วยบังแสงแดดเลยเนอะ นี่มาพักที่นี่นะ ตื่นแม่งตั้งแต่ไกยังไม่ขันก็เพราะแสงแดดจากริมหน้าต่างนี่แหละที่สาดเข้าหน้าเขาเต็มๆ มายก๊อด นอนไม่เคยเต็มอิ่ม เออไม่ดิ นอนเต็มอิ่ม เพราะกลับมาเข้าที่พักปุ้บหลับปั้บเลย
“อะ...อะ...อะจะเฮ้ย!” ตาโตแป็บ หันซ้าย หันขวา ขออีกทีนะ...ตาฝาดปะวะ
ไม่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ โอ้ไม่นะ เขานึกว่าอีธานคือความฝัน แสงแดดสาดเข้ามาแบบนี้ไม่ใช่ความฝันแน่นอน คือจะบอกว่าแสงมันไม่ได้สว่างโล่อะไรแบบนั้นหรอกนะแต่เขาหันหน้าเข้าหน้าต่างไง พอหันมาเจออีกคนนอนเบียดนี่ก็ตกใจแทบตกเตียง โชคยังดีนะ ริมหน้าต่างมันติดกำแพง ไม่งั้นเช้านี้เจ็บตัวแน่ๆ
ว่าแต่...มาได้ยังไง อย่าบอกว่าบินนะ แล้วไม่ต้องบอกว่าเดินมาด้วย อันนั้นเข้าใจ รู้ดีว่ามันมีการเดินทางมากมายก่ายกองไปหมด อีธานคงจะนั่งเครื่องมา แต่มาทำไม มาเพื่ออะไร แล้วมานอนกอดเขาได้ยังไง
ภูริขยับนอนมองหน้าอีธานดีๆ ระหว่างที่ขยับแขนก็ดันไปโดนกับสมุดเล่มน้อยที่เขาชอบเอามาวาดรูป อันนี้มันเหาะมาพร้อมอีธานอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย มัวแต่ทะเลาะกันก็เลยรีบออกมาเลย
ตอนแรกกะว่าจะหันมาสนใจอีธานก่อนสมุด พอดีสายตาไปปะทะกับกระดาษสีชมพูเล็กๆ ที่คั่นหน้าหน้าหนึ่งเอาไว้ ภูริตัดสินใจเปิดหน้านั้นออกดู แล้วก็ต้องพบกับบางอย่างที่ทำให้เขาเองไปไม่เป็นเหมือนกัน
‘ผมขอโทษ’
ตัวการ์ตูนที่ดูยังไงก็เป็นอีธานเด่นหราหน้าอยู่ในหน้ากระดาษนั้น อีกทั้งเจ้าการ์ตูนนี่ยังถือป้ายที่เขียนคำว่าผมขอโทษเอาไว้ด้วย นัยน์ตามันดูเศร้าไปนะ คนแบบอีธานไม่น่าจะดูเศร้า...ไม่ อีธานเศร้ามากเลยต่างหาก
ภูริหันมาหาอีธานอีกครั้ง ดูใบหน้าขาวกระจ่างที่ตอนนี้มันซีดเซียวเหมือนเลือดไม่ไปเลี้ยง เขาคิดมากงั้นเหรอ อีธานต้องเครียดมากแน่เลยใช่ไหม จะเป็นเหมือนเขาหรือเปล่า ภูริตั้งคำถามไว้มากมายในหัวแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาปัดเส้นผมที่มันปรกตรงเปลือกตาให้กับร่างใหญ่ตรงหน้า
วันก่อนนั้นบอกนอนไม่หลับเพราะคิดมาก เมื่อวานก็ต้องนอนไม่หลับเพราะคิดมากเหมือนกันสินะ ถึงจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับอีธานมานานหลายปี แต่ภูริก็พอจะดูออกว่าอีธานเป็นคนคิดมากขนาดไหน
ขอโทษเหรอ อีธานรู้ไหมว่าเขาไม่ได้โกรธเลย ไม่มีสักนิดหรือสักเสี้ยวที่โกรธแค้นอีธานขึ้นมา แต่ถ้าคำนี้มีไว้เพื่อขอโทษที่ทำให้เขาเสียความรู้สึก นั่นก็คงได้ เพราะว่ามันเป็นแบบนั้น เขาเสียความรู้สึกกับสิ่งที่อีธานพูดและแสดงออกในวันนั้น
แต่เขามาคิดแล้วนะ การที่อีธานไว้ใจในตัวเขามันก็พอเป็นไปได้ ตอนที่เขากลายเป็นคู่ของอีธานแล้วเขายังจะไปมีอะไรกับคุณปุ้ยหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อนั่นไง นั่นเขาเป็นคนยินดีไปเอง ไม่มีใครมาบังคับ ดังนั้น...เขาก็ผิดเหมือนกัน
งั้นเขาก็ต้องขอโทษ
ภูริวางสมุดลงไว้ข้างหลัง ตัวเองหันหน้าเข้าหาอีธาน ใบหน้านี้จ้องมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี้ครั้ง แต่เขาไม่เคยเบื่อที่จะจ้องมัน ริมฝีปากนี้ที่เอาแต่พร่ำบ่นเขาทุกวัน เขาก็มองมันได้ตลอดโดยไม่คิดเบื่อหน่ายเลย
แหงล่ะ เหตุผลมันมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่ใครคนหนึ่งจะไม่เบื่อใครอีกคนหนึ่งเลย อยากเห็นเขาทุกวัน อยากได้ยินเสียง อยากได้รับสัมผัส ทุกอย่างมันชัดแต่ก็นะ...ช่างมันไปเถอะ
ภูริขยับเอาปากตัวเองแนบกับปากของอีธานเบาๆ เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตื่นเพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นการรบกวน อีธานตอนนี้ดูเหนื่อย ดูอ่อนแรงแม้จะหลับตาอยู่ ถ้านี่เป็นการพักผ่อนเขาก็ไม่อยากทำให้มันสะดุด
เอาล่ะ ต้องไปอาบน้ำ และต้องไปทำงาน อีธานมาพัก แต่เขาคนนี้มาทำงานนะอย่าลืม เออเฮ้ย มัวแต่จ้องหน้าอีธานเลยลืมอะไรไปอย่าง ภูริลืมเพื่อนตัวเองไปแล้วเรียบร้อยนะครับทุกคน ที่เตียงก็ว่างเปล่า จะว่าไปกระเป๋าก็หาย นี่อย่าบอกนะว่าเพื่อนเขามันรู้อยู่แล้วว่าอีธานมา
หันไปมองอีธานแป็บ เจ้านี่ไล่เพื่อนเขาออกไปจากห้องแน่ๆ เลย คงไม่อยากให้ใครมาเห็นตัวเองย่องมากอดเขาล่ะสินะ ก็ดีแล้ว เขาก็ไม่อยากตื่นขึ้นมามองหน้าเพื่อนแบบประดัดประเดิดเหมือนกันล่ะ
อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย คนบนเตียงก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะตื่นลืมตา ภูริผูกเน็กไทพร้อมกับเดินเข้าไปดูอีธานบนเตียงนอนที่ไม่ได้นุ่มนิ่มอะไรเท่าไหร่ แปลกจัง ปกติอีธานเป็นคนรู้สึกตัวเร็วมาก เสียงน้ำในห้องน้ำก็สามารถปลุกอีธานให้ลุกขึ้นจากฝันหวานได้แล้วแท้ๆ นี่อะไร...หลับอุตุงี้เลย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะกระชากภูริให้หันขวับไปทางประตู หัวขวับจริงๆ นะ คอเกือบเคล็ด แบบว่า...เสียงเคาะมันดังจนกลัววว่าอีธานจะรู้สึกตัว รีบเดินไปดีกว่า เกิดเคาะอีกทีอีธานน่าจะตื่นจริงๆ อย่างที่กังวล
“อ่าว” เป็นเพื่อนตัวดีนี่เอง
“คืองี้...” คมสันต์มีท่าทีลนลาน ชะโงกหน้าเข้าไปดูด้วยว่าก่อกวนอะไรหรือเปล่า เจ้านี้ก็กลัวอีธานโกรธาไงล่ะ
“ยังไม่ตื่นหรอก” ภูริเก่งครับ เดาใจเพื่อนได้ยังกับไปนั่งอยู่ในหัวใจมันเลย
“อ๋อ โล่งไปที กลัวว่าจะทำให้ท่านตื่น คือคุณอลันเขาติดต่อคุณอีธานไม่ได้ก็เลยติดต่อมาทางเราอะ เขาบอกว่าฝากบอกนายให้ดูคุณอีธานหน่อย เหมือนคุณอีธานจะป่วย นอนไม่หลับมาสองวันแล้วน่ะนะ อ๋อใช่ บอกคุณอีธานด้วยว่าไม่ต้องห่วงงาน” พูดไปก็นึกไป คมสันต์รับสายกะทันหันตอนยังไม่ตื่นดีนัก
“แล้วงานอะ วันนี้เรามีงานไม่ใช่เหรอ” ภูริคนนี้ไม่ทิ้งงานนะเฟ้ย งานสำคัญ เพราะงานคือเงิน เงินคือชีวิต เป็นหนี้เขาอีก บอกเลย...เงินคือที่หนึ่ง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจัดการเอง แต่งานตอนเย็นยังไงก็ต้องไปแหละ คิดว่าคุณอีธานไปด้วยคงไม่มีปัญหา ดีเสียอีก ระดับท่านประธานมางานเองเลยนะ นายก็ดูแลท่านไปก่อน ตอนเย็นเจอกัน” พูดมาแบบนี้...เอาไงดีล่ะชีวิต
“อ่าๆ ก็ได้ ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร ยังไงนั่นก็ท่านประธานของเราหนิ ไปก่อนนะ เดี๋ยวสาย” คมสันต์โบกมือลาแล้วจากไป
อยากบอกว่า...จากไปพร้อมค่าคอมพ์
อีธานคุณไม่น่ามาเล้ย!!!
ภูริกลับเข้ามาในห้อง บอกตามตรง ตอนนี้แอบหัวเสียนิดหน่อย ประมาณว่ากูแต่งตัวไปเพื่อ? ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวอย่างไวแต่กลายเป็นว่าไม่ต้องไปทำงาน แบบนี้ไม่โอเค รู้สึกสิ่งที่ทำลงไปช่างไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง
ทว่าพอเดินกลับมาที่เตียงเขาก็เกรี้ยวกราดอะไรไม่ลง แสงจากข้างนอกกำลังสาดเข้ามามากขึ้น ภูริถอนหายใจก่อนตรงไปอีกเตียงเพื่อเอาผ้าห่มของเตียงนั้นไปคลุมหน้าต่างอีกชั้น ทีนี้แสงก็แยงตาคนหลับไม่ได้แล้ว
“ถ้าคุณเหนื่อย...ผมอยากให้คุณพักเยอะๆ นะ” น้ำเสียงนั้นแสดงออกถึงความเป็นห่วงที่ภูริมีต่ออีธาน น่าเสียดายที่อีธานไม่ได้ยินมัน แต่ก็นะ...ภูริตั้งใจให้เป็นแบบนี้นี่นา
….100%….
กว่าจะได้ง้อ กว่าจะได้คุย ต้องรอคุณอีธานตื่นก่อนค่ะ หลับสนิทในรอบสองวันของท่านประธาน ว่าแต่…ผมขอโทษ พอจะทำให้หายเคืองได้บ้างไหมน้า
ปล.สำหรับเว็บเล้าเป็ดต้องเข้าไปที่เพจ Gukak เพื่อชมภาพน่ารักๆ ของอีธานนะคะ เตรียมการมาเพื่อตอนนี้โดยเฉพาะ อิอิ