บทที่14 จูบ
หลังจากที่เมื่อคืนสารภาพความในใจให้พี่เบิ้มได้รับรู้ ก็ตงลงปลงใจคบกับพี่เบิ้มอย่างจำนน เช้านี้สถานะของผมกับพี่เบิ้มจึงเปลี่ยนไป ผะ..ผม ผมมีแฟนแล้วครับ! ฮ่า เขินวุ้ย
เขาว่ากันว่าคนที่กำลังมีความรักจะดูมีออร่าสดใสเปล่งปลั่ง ไม่เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อเพราะอีพี่เบิ้มที่กำลังเดินเข้ามาในร้านกาแฟกำลังออกแสงเต็มที่ทำให้ผมต้องรีบหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาสวมอย่างเร็วรี่ นี่มึงแดกแสงอาทิตย์เข้าไปรึไงกัน แต่ทฤษฎีนี้คงใช้กับผมไม่ได้ นอกจากจะไม่แผ่แสงออร่าแบบพี่เบิ้มแล้ว เวลาเดินก็ยิ่งกว่าซอมบี้อ่อนแรงป้อแป้แถมใต้ตาก็ดำคล้ำ
เหอะ ก็เพราะเมื่อคืนกว่าจะขมตาหลับได้ปาไปค่อนคืน ก็มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับนะเซ่ ปัดโธ่!
“มอร์นิ่งครับที่รัก”
“มะ มอนิ่ง” พอได้ยินคำว่า
ที่รัก ในสถานะที่เปลี่ยนไป มันก็เขินแปลกๆวุ้ย
“เจ็บตาเหรอครับ?” เมื่อเห็นผมใส่แว่นตากันแดดพี่เบิ้มก็ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ผมแพ้แสง”
“แพ้แสง?” ก็แสงบนหน้ามึงไงเล่า!
ความจริงแล้วไม่ได้แพ้สงแพ้แสงอะไรหรอก ผมแค่อยากจะปกปิดรอยคล้ำใต้ตา รวมถึงสบตาอีแฟนหมาดๆของผมตรงๆไม่ได้ต่างหากล่ะ..ใจมันสั่น!
“เหอะน่า ผมแค่อยากใส่ ก็แฟนชั่นอ่ะ”
“คราบ~ ใบหน้าเล็กๆของคุณใส่อะไรก็น่ารัก ผมชอบหมดทุกอย่าง” เกลียดไอ้ใบหน้าแป้นแล้นนี่จริงเชียว แล้วใครถามความคิดเห็นของพี่มึงมิทราบ ถอดแม่ง!
“โอ้วว ที่รักตาคุณ..” สัมผัสอันแผ่วเบาที่เกลี่ยลงมาที่ใต้ตา เล่นเอาหัวใจแทบหยุดเต้น ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็เหอะ มันยังไม่ชิน..
“ผะ ผมไม่เป็นไร ไปคุณไปทานข้าวกัน” อย่ามาปั่นป่วนหัวใจกันแต่เช้าแบบนี้เซ่ ใจบ่ดี
ผมเดินนำพี่เบิ้มไปยังตัวบ้าน แต่แล้วคนตัวสูงก็คว้าข้อมือผมไว้ก่อนจะประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน..
“เดินไปด้วยกันแบบนี้ดีกว่านะครับ” รอยยิ้มละมุนทำเอาผมแสบตาอีกครั้ง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือเล่นเอาขาเปลี้ยขึ้นมาดื้อๆ นี่มันอารมณ์การ์ตูนสาวน้อยชัดๆ!
อ่า..แต่จะว่าไป ความรู้สึกที่เดินจับมือของเช้านี้ต่างจากเมื่อคืนนิดหน่อยแฮะ จะว่าไงดี มันเต็มใจอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจล่ะมั้ง..
ช่วงบ่ายของวันนี้เงียบเหงากว่าทุกวัน ยิ่งเงียบแบบนี้อาการง่วงเหงาหาวนอนก็ตีขึ้นฉับพลัน คิดถึงเตียงนอนที่ห้องจัง ส่วนไอ้คนที่เป็นต้นเหตุทำให้ผมนอนไม่พอก็นั่งจิบชาอ่านหนังสือสบายใจสุดๆ เห็นแล้วก็หมั่นไส้ ...ไม่ไหว นอนฟุบกับโต๊ะมันนี่แหละ
“กลับไปนอนที่บ้านก่อนมั้ยที่รัก บีอยู่คนเดียวก็คงไม่มีปัญหา ถ้าลูกค้าเยอะเดี๋ยวผมไปปลุกดีมั้ยครับ” พี่เบิ้มที่นั่งตรงข้ามลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน อย่าทำแบบนี้สิยิ่งลูบกูก็ยิ่งเคลิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอแค่ห้านาทีแล้วปลุกผมด้วยนะ”
“ถ้างั้นนอนตรงนี้ดีว่าครับ”
“...” หืม ตรงไหน?
จากนั้นพี่เบิ้มก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างผมก่อนจะเอียงตัวของผมให้ซบลงบนไหล่กว้าง ส่วนผมก็ยอมซบแต่โดยดี ไม่ไหวจะขัดขืนมันง่วงจริงๆ
“แบบนี้สบายกว่าว่ามั้ย?”
“สบาย~ แต่บีต้องมองอยู่แน่ๆ” ไอ้สบายมันก็สบายอยู่หรอก แต่มันเขินไง
“หลับตาก็ไม่เห็นแล้วคุณ” นั้นสิก็แค่หลับตา โง่จริงๆเลยกู! บีที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็คงรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างระหว่างผมกับพี่เบิ้ม และก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้ารู้ว่าเราคบกันแล้วเพราะทุกคนรู้เจตจำนงของอีพี่เบิ้มดีว่ามาที่นี่ทำไม
“ที่รักตัวคุณหอม” เสียงกระชิบเบาๆที่ข้างหูทำให้ต้องลืมตา เพราะมันใกล้ ใกล้ซะจนรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดข้างหูทำให้ขนอ่อนลุกซู่ไปทั้งตัว..
“หยุดเลยนะคุณ..” อ่า ไม่ทันแล้วครับ พี่เบิ้มใช้หนังสือที่อ่านค้างไว้บังหน้าของเราก่อนจะจุ๊บลงมาที่แก้มของผมอย่างรวดเร็ว
ให้ตาย!..อุกอาจเกิดไปแล้ว ตื่นเต็มตาเลยกู!
ยังไม่ทันได้คาดโทษอีพี่เบิ้ม ผองเพื่อนผู้น่ารักน่าชังก็โผล่มา..
“ไหนๆๆ ขอดูหน้าของคนมีผัวหน่อยสิ”
“ผัวพ่อง!” มาล่ะครับตัวป่วนช่วยให้หายง่วง นำโดยอีซูซี่ตัวนี้เด็ดกว่ามะยมดองหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ตามติดมาด้วยไอ้ดอยและซันนี่คู่รักป้ายแดงที่พึ่งตกลงคบกันก่อนหน้าคู่ผมไม่กี่วัน
“สีชมพูเอาะ” น้ำเสียงแม่งน่าเตะตัดขา “ยินดีด้วยนะคะเจเรมี่” จากนั้นมันก็เข้าไปสวมกอดยินดีปรีดากับอีพี่เบิ้มที่ยิ้มจนแก้มแทบแตก หมั่นไส้นัก
“ยินดีด้วยนะครับพี่ณต” ฝรั่งน้อยก็หันมาอวยพรกับเขาด้วยอีกคน ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมข่าวถึงแพร่สะพัดเร็วขนาดนี้
ซูซี่รู้โลกรู้ “ไม่เห็นมีเรื่องอะไรน่ายินดีเลยซันนี่ เรื่องของซันนี่น่ายินดีมากกว่าอีก ใช่มั้ยว่ะไอ้ดอย”
“เออขอบใจ แต่เรื่องของมึงก็ต้องน่ายินดีสิแฟนคนแรกของมึงเลยนะเว้ย”
“นั้นน่ะสิพี่ณต มีแฟนทั้งทีนะครับแถมยังเพอร์เฟคขนาดนี้”
“พี่หึงนะตะวัน ชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าพี่แบบนี้” หืม ตะวัน?
“โธ่พี่ดอยก็ แค่ชมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
“ไม่ได้! ตะวันต้องชมแค่พี่คนเดียว”
“เผด็จการมึงอ่ะ เนอะตะวัน”
“ตบปากมึงเลยไอ้ณต ชื่อตะวันกูมีสิทธิ์เรียกได้คนเดียวเว้ย”
“โว๊ะ หวงแม้กระทั่งชื่อ” ใช่แล้วครับ ตะวันคือชื่อไทยของซันนี่
“หวงยันเงาเลยล่ะจะบอกให้”
“เวอร์ครับพี่ดอย”
“ไม่เวอร์นะ ก็พี่รักของพี่อ่ะ”
“หยุดค่ะ อย่ามาโชว์หวานแถวนี้เบาหวานจะขึ้น” แล้วอีซูซี่ก็แหวกวงล้อมแทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางของทั้งคู่
“ผัวมึงก็มีจะอิจฉาทำไม” ไอ้ดอยพูดพร้อมกับดึงอีซูซี่ออกแล้วไปยืนข้างฝรั่งน้อยเหมือนเดิม..กูเชื่อล่ะว่ามึงหวงจริง
“ช่างเรื่องของผัวกูก่อน ไอ้ณตตอนนี้กูมีเรื่องอยากรู้สุดๆ”
“...” ความเผือกของมันทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ
“เป็นไง เสียวมั้ยเมื่อคืน” มันกระซิบถามเบาๆ
“เสียว?”
“ก็มึงกับเจเรมี่ไง ของเขาใหญ่มะ”
“ไอ้ชาติ เดี๋ยวกูถีบ!” กูว่าล่ะคำถามมึงต้องไม่ธรรมดา
“อย่าเขินแรงขนาดนั้นสิจ๊ะ คนเขาอุตส่าห์ถามดีๆ”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น มึงจะบ้ารึป่าวเพิ่งตกลงคบกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง มึงจะให้กูถวายตัวให้ทันทีเลยรึไงฮะ?” เมื่อคืนหลังจากตกลงเป็นแฟนกันอีพี่เบิ้มก็มีจูบอีกนิดหน่อยไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
“เล่นตัว!” อยากจะถีบแม่ง
“เหยดดด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะว่ามึงจะโดนตอกเสาเข็มจริงๆ แม่งเข็มใหญ่ซะด้วย” ไอ้ดอยพูดพร้อมกับมองหน้าผมสลับกับหน้าพี่เบิ้มไปมา
“หุบปากเลยพวกมึงสองตัว” พอหันไปมองหน้าไอ้เสาเข็ม เอ้ย อีพี่เบิ้มแล้วได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ให้ตาย! สักวันกูต้องโดนเสาเข็มของมึงจริงๆใช่มะ ฮือออ กูลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย..
“เอาน่าทำใจให้สบาย เจ็บแค่มดกัดจากนั้นมึงก็จะหฤหรรษ์สุดๆ ไม่เชื่อก็ถามซันนี่” อีซูซี่ตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะขยิบตาให้กับฝรั่งน้อย
“พี่ซูซี่~”
“อะไร? อย่าบอกนะว่าไอ้ดอยมึงกับน้อง..” แล้วไอ้ดอยก็ยักคิ้วเป็นคำตอบ ส่วนฝรั่งน้อยได้แต่ก้มหน้างุดเห็นเพียงใบหูที่ขึ้นสีระเรื่อ
“เอ่อ ก็กูไม่เคยไงเลยโทรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างอีซูซี่มัน” แม่งไวไฟชะมัด
“มึงก็ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคนนี้ได้นะจ๊ะ” เหอะ กูอยากจะร้องไห้
“เดี๋ยวครับทุกคน ช่วยคุยกันเป็นภาษาอังกฤษได้มั้ยครับ ผมอยากคุยด้วย” ขอเหอะ เรื่องนี้พี่มึงอย่าเผือก อย่าเพิ่งไปกระตุ้นพี่มัน ไม่งั้นกูไม่รอดแน่ ขอล่ะ กูยังไม่พร้อมมม
“เอ่อ คุยเรื่องซันนี่กับดอยไงครับที่พวกเขาคบกัน”
“จริงด้วยสิ ยินดีด้วยนะครับพวกคุณเหมาะสมกันมากจริงๆ เหมือนคู่ของเราเลยเนอะคุณ” อ่ะจ๊ะ อย่าจับมือต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้เซ่
“แบบนี้ต้องฉลอง ว่ามั้ยคะ”
“ดีเลยครับ ผมขอเป็นเจ้ามือเอง”
“ไม่ได้ค่ะๆ มื้อนี้ซูซี่ของเลี้ยงเอง”
“จะดีเหรอครับ ให้ผมเลี้ยงพวกคุณดีกว่า” นั้นสิรวยจะตายห่าอยู่แล้ว ให้พี่มันเลี้ยงไปเหอะ
“ดีที่สุดค่ะ เพราะว่าซูซี่ถูกหวยให้ซูซี่เลี้ยงเถอะนะคะถือว่าเลี้ยงส่งคุณด้วย” นึกแล้วเชียวว่าอีนี่ต้องถูกหวย
“หวย! ผมก็มีครับ” ว่าแล้วพี่เบิ้มก็หยิบล็อตเตอร์ที่พับครึ่งอยู่ในกระเป๋าสตางค์ออกมา ..เออวะพี่แกมีหวยอยู่สิบใบนี่หว่า
“อุ๊ต๊ะ ฝรั่งซื้อหวย เดี๋ยวซูซี่ตรวจให้ค่ะ”
จากนั้นทุกคนก็รอลุ้นว่าหวยของอีพี่เบิ้มจะโดนสักรางวัลรึป่าว
“อร๊ายยย”
“ถูกเหรอวะ” ผมโพล่งถามอย่างตื่นเต้น
“ถูกแดกจร้า”
“มึงตรวจถูกงวดป่ะเนี่ย”
“ก็ของงวดที่แล้วไง ไม่เชื่อมึงเอาไปตรวจเอง” แล้วมันก็ยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดแอพพลิเคชั่นตรวจหวยพร้อมกับหวยสิบใบเจ้าปัญหาของอีพี่เบิ้ม
อ่า..ถูกแดกจริงๆด้วย ส่วนคนถูกหวยแดกก็หน้าซึมเป็นส้วม เพื่อ?..ได้ข่าวว่ามึงรวยมากกก
ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมใจกลางเมืองเป็นร้านที่เจ้ามือเสนอ เมื่อยินดีเสนอเราก็ยินดีสนอง
ดีล่ะ ในเมื่อเจ้ามือหวยไม่ได้แดกมึง กูนี่แหละจะแดกให้มึงหมดตัวเอง หึๆ
เชตอาหารญี่ปุ่นสุดหรูทั้งซูชิและซาชิมิจัดเต็มอยู่เต็มโต๊ะ ทุกคนต่างเอนจอยอีสติ้งยกเว้นแต่พี่เบิ้ม..
งานตะเกียบเป็นงานที่พี่เบิ้มไม่ถนัดจริงๆครับ เนื้อปลาแซลมอนที่พี่เบิ้มพยามคีบครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็ยังไม่ได้เข้าปากสักที..สุดท้ายก็ต้องเป็นกูสินะ
“นี่ครับ” ผมป้อนเนื้อปลาสีส้มสวยให้กับพี่เบิ้ม ถ้าผมไม่ป้อนร้านปิดก็ยังคงไม่ได้แดก
“ขอบคุณครับ ตะเตียบเป็นของที่ผมใช้ไม่เป็นจริงๆ” พี่เบิ้มอ้าปากรับเนื้อปลาอย่างว่าง่าย แล้วไอ้การพูดพร้อมกับยิ้มแก้เขินแบบนี้มันก็ชวนให้คนมองเขินตามได้เหมือนกันนะ..ควายเผือกมันน่ารักแฮะ
“ดูแลดี~” แล้วกลองแต๊กทั้งหลายก็พร้อมใจกันเอ่ยแซว
“ฮันนี่ ป้อนหน่อยค่ะ ซูซี่ใช้ตะเกียบไม่ถนัดเลย” แล้วอีซูซี่ก็หันไปออเซาะโจเซฟที่ตามมาสมทบ ได้ข่าวว่าพ่อมึงเป็นจีนไหหลำ ส่วนมึงน่ะหำไหล!
“ตะวัน อ้ามมมม” เกินหน้าเกินตาก็ไอ้ดอยนี่แหละ ตะเกียบจกตาแม่ม!
“เดี๋ยวผมขอส้อมให้นะครับ คุณจะได้ทานสะดวก”
“ผมสะดวกให้คุณป้อนมากกว่าที่รัก” แต่กูไม่สะดวกมั้ย?
“ป้อนแฟนแค่นี้ทำไม่ได้รึไงมึง ใจร้ายอ่ะคนเขาใช้ตะเกียบไม่ถนัดแท้ๆ” อีซูซี่ว่าด้วยสายตาประณามประหนึ่งว่ามันคือปัญหาร้ายแรงระดับโลก
“ก็จะได้แดกสะดวกๆไง”
“ก็เขาก็บอกเองว่าสะดวกให้มึงป้อน” เอ้า ไอ้ห่าดอยมึงก็เออออตามอีกคน
เพื่อนชั่ว อะไรคือการรุมด่ากู ไม่มีใครเข้าใจความหวังดีของกูสักคน ให้ตาย!
“พรุ่งนี้เจเรมี่ก็ต้องกลับแล้วแท้ๆ เอาใจใส่ผัวมึงหน่อยสิ”
“ไอ้ชาติ มึงเลิกใช้คำว่าผัวก่อนได้มั้ย” แม่ง! คำว่าตอกเสาเข็มแว๊บเข้ามาให้หัวอีกครั้ง แต่คำว่า
‘พรุ่งนี้ต้องกลับ’ มันแรงกล้ากว่าทำให้ผมยอมตามใจควายเผือกอย่างจำนน คอยป้อนสิ่งที่ต้องใช้ตะเกียบให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง..
นั้นสินะพรุ่งนี้ควายเผือกก็จะกลับแล้ว คงอีกนานกว่าจะได้เจอกัน ทำช่วงเวลานี้ให้น่าจดจำสักหน่อยละกัน
“เจเรมี่คุณจะกลับมาอีกเมื่อไหร่คะ” แล้วอีซูซี่ถามความคิดที่อยู่ในใจผมออกไปอย่างรู้งาน
“อีกหนึ่งเดือนผมจะกลับมาครับ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น”
“คนทางนี้คิดถึงแย่เลยเนอะ” แล้วอีซูซี่ก็หันหน้ามามองผม
“เดือนเดียวเอง ไม่ทันได้คิดถึงหรอก” แต่ในใจน่ะคิดว่าตั้งเดือนนึงแหนะ
“แน่ใจ๊” เสียงสูงเพื่อ
“เออ ก็คงคิดถึงนิดหน่อย” จะบอกว่าคิดถึงโต้งๆมันก็เขินไง แม่งคนเยอะแยะ
“กลับไปแล้วผมจะโทรหาคุณทุกๆชั่วโมงเลยดีมั้ยครับ”
“มากไปคุณ” ไม่ให้กูได้ขี้ได้เยี่ยวเลยรึ แล้วมึงจะไม่ทำงานทำการเลยรึไง
“ก็ผมคิดถึงคุณ”
“คุณยังไม่ได้กลับเลย จะรู้ได้ยังไงว่าจะคิดถึงผม กลับไปแล้วคุณอาจจะลืมผมแล้วไปลั้นลากับสาวผมบลอนด์ก็ได้” เริ่มนอยด์ละกู
“ไม่! ผมชอบหนุ่มผมดำและต้องเป็นคุณด้วย แค่คุณคนเดียวเท่านั้นป้านด ไว้ใจผมที่รัก” น้ำเสียงและแววตาที่จริงจัง ทำให้ใจเต้นแรงอย่างฉับพลัน
“โอเค แต่ไม่ต้องโทรมาทุกชั่วโมงก็ได้ แค่โทรมาทุกวันก็พอ”
“แน่นอนที่รัก..ผมรักคุณ” รอยยิ้มทั้งปากทั้งตานี่มันอะไรกันน้า
“คุณ~” ดันหน้าออกแทบไม่ทันเพราะอีพี่เบิ้มโน้มหน้าลงมาจะจูบผมเฉยเลย! อีพี่เบิ้มมึงแคร์สื่อบ้างงงง
“กูว่าของหวานไม่ต้องแดกแล้วล่ะ แค่นี้ก็เลี่ยนขึ้นตาแล้ว โอ้ยยย เจ็บตาฮันนี่ขาาา เป่าตาให้ซูซี่หน่อยค่ะ” แซวเก่ง! กูขอให้ตามึงบอด แม่ม
“มาครับๆ ชนแก้วแด่ความรักที่สวยงาม” ว่าแล้วไอ้ดอยก็ชูแก้วสาเกขึ้นเป็นสัญลักษณ์ก่อนที่ทุกคนจะยกแก้วขึ้นประสานกันจนเกิดเสียงที่ดังก้องไปทั่วห้องวีไอพีที่อีซูซี่มันจองไว้
รสชาติหวานปนขมของสาเกซึมซาบไปทั่วลิ้นไม่ต่างจากรสชาติของความรักที่ค่อยๆซึมลึกลงในหัวใจดวงน้อยๆของผม มันแค่เริ่มต้นสินะ ต่อจากนี้จะเป็นยังไงน้า หวังว่าจะสุขมากกว่าทุกข์ละกันนะกับความรักครั้งแรกของผม..
“ที่รักให้ผมขับรถให้มั้ย คุณดูง่วงๆ” ไม่ได้ดูง่วงๆแต่กูง่วงจริงๆ อดหลับอดนอนมาทั้งคืนแถมแดกปลามาทั้งทะเลจนหนังท้องตึงขนาดนี้หนังตามันก็จะปิดเสียให้ได้
“ได้ครับ” ผมยื่นกุญแจรถให้พี่เบิ้มอย่างไม่อิดออด จากนั้นก็ไปนั้งที่นั่งข้างคนขับแล้วเอนเบาะลงนอนพักสายตาทันที..กูง่วง!
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีที่ผมงีบหลับไปพอตื่นขึ้นมาก็พบกับแสงไฟสลัวๆ ฝาผนังที่คุ้นตา และกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่แสนจะคุ้นเคยบนผ้าปูที่นอน หืม..ที่นอน ผมอยู่บนเตียง? เมื่อตื่นเต็มตาถึงได้รู้ว่าผมนอนอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง แล้วผมมาโผล่ที่ห้องนอนตัวเองได้ยังไง?!
“ตื่นแล้วเหรอที่รัก อาบน้ำก่อนมั้ย หรือจะเปลี่ยนชุดแล้วนอนต่อเลย” พี่เบิ้มที่เดินออกมาจากห้องน้ำพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“เดี๋ยวนะคุณ ผมมาอยู่ที่ห้องได้ยังไง” กูงง
“ผมอุ้มคุณมาเองครับ”
“อุ้ม!”
“ครับ ผมปลุกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมตื่นผมเลยอุ้มคุณมานอนต่อที่บ้าน คุณคงง่วงมากผมอุ้มคุณยังไม่รู้สึกตัวสักนิด” มากกว่าอุ้มกูก็คงจะไม่รู้สึกตัว ให้ตาย! ทำไมกูนอนเหมือนไหลตายได้ขนาดนี้วะ
“เอ่อ กี่โมงแล้วครับ”
“เที่ยงคืนครับ” บ๊ะ! คิดว่างีบไปแค่ไม่กี่นาที นี่กูล่อไปสามชั่วโมงเลยรึ ว่าแต่อีพี่เบิ้มมันเพิ่งอาบน้ำเสร็จสินะจากสภาพนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวพร้อมกับหยดน้ำที่เกาะอยู่บนอกหนา แล้วทำไมต้องมาอาบน้ำที่บ้านกู?
“เออ นี่ก็ดึกแล้วคุณกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ” นี่คือการไล่อยากแนบเนียน บอกตามตรงว่าสถานการณ์ช่างล่อแหลมซะเหลือเกิน
“ผมเช็คเอ้าท์แล้วครับ”
“ห๊ะ!” พี่มึงพูดบ้าอะไรวะ เมื่อมองไปตรงมุมห้องก็เห็นกระเป๋าแบ็คแพ็คใบโตของพี่เบิ้ม..นี่พี่มึงเอาจริงดิ!
“ให้ผมนอนด้วยนะที่รัก ผมอยากอยู่กับคุณจนถึงเช้า”
“...” แดกจุดเลยกู
“นะครับที่รัก” อย่าอ้อนกูแบบเน้
“โอเคๆ แค่นอนอย่างเดียวนะครับ เอ่อ..บอกตามตรงว่าผมกลัว” ไม่อ้อมค้อมละกัน ก็คนมันกลัวจริงๆนี่หว่า บอกตรงๆขนาดนี้แล้วอีพี่เบิ้มคงไม่ใจร้ายฝืนใจปล้ำแฟนตัวเองหรอกใช่มั้ย?
“กลัวอะไรครับ” อย่ามาทำหน้าตอแหล กูรู้ว่ามึงรู้
“คุณรู้น่า”
“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ โอเคนะครับ”
“อะ โอเค”
“ถ้าอย่างนั้น นอนต่อหรืออาน้ำดีครับ”
“อะ อาบน้ำ” แล้วทำไมกูต้องตื่นเต้นด้วยวะ กะอีแค่รู้ว่าจะต้องถูกจูบ
ผมอาบน้ำอย่างอ้อยอิ่งขัดมันทุกซอกทุกมุมขี้ไคลออกจนหมดตัวปั้นควายได้เป็นฝูง ตัวนี่เปื่อยยิ่งกว่าตีนไก่ในต้มซุปเปอร์ หวังว่าออกจากห้องน้ำแล้วพี่เบิ้มมันคงจะหลับไปแล้วนะ..แต่ที่ไหนได้พ่อหนุ่มผมยาวของผมนอนพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์ ..เหอะ อยากจะมอบโล่รักการอ่านให้พี่มึงซะจริงๆ
เมื่อรู้ว่าผมออกจากห้องน้ำก็เงยหน้าจากหนังสือแล้วยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ให้ตายสิ นี่มันรอยยิ้มพิฆาตของแท้ร่างกายถึงกับร้อนฉ่า..
“ผมนึกว่าคุณหลับในห้องน้ำไปแล้วเสียอีก” พี่มันพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เหมือนรู้ว่าผมตั้งใจที่จะอาบน้ำนาน..เกลียดนักพวกรู้ทัน
“ปกติผมอาบน้ำนานอยู่แล้วครับ” หึ ใครจะยอมรับล่ะ
“เหรอครับ” ก็เออนะสิ “มาครับมานอน”
“ผมของผมยังไม่แห้ง คุณนอนก่อนได้เลยครับ”
“ไดร์เป่าผมล่ะครับ”
“ไม่มีครับ” ผมสั้นแค่นิดเดียวใครมันจะไปใช้ของแบบนั้นกันเล่า
“ถ้างั้นคุณนั่งลงเลยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง” พี่เบิ้มจับผมให้นั่งลงตรงปลายเตียงก่อนจะหันไปรื้อกระเป๋าใบโตแล้วหยิบไดร์เป่าผมสีดำออกมา จากนั้นก็จัดการเป่าผมอันเปียกชื้นของผมด้วยการยืนค้ำหัวผมอยู่ วิวเดียวที่ผมเห็นในตอนนี้คือหน้าท้องที่เปลือยเปล่า อืมนะ..จะแน่นไปไหน
ไม่รู้อะไรดลใจหรือโดนผีตัวไหนเข้าสิง จู่ๆก็เกิดอาการมันเขี้ยวผมจึงงับฝังเขี้ยวลงไปที่หน้าท้องของพี่เบิ้มอย่างจังปรากฏให้เห็นเป็นรอยเขี้ยวจางๆ อืม..แน่นจริง
“ที่รัก!” พี่เบิ้มสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะมองหน้าผมอย่างตกตะลึง
“ผะ..ผมแค่อยากรู้ว่ามันจะแข็งแค่ไหน” อ่า นี่กูเผลอทำอะไรลงไปเนี่ย
“ไม่ยุติธรรม ให้ผมเอาคืนเดี๋ยวนี้เลย” สายตาของมึงช่างวาววับซะเหลือเกิน
“No!”
“เปิดเสื้อคุณขึ้นเดี๋ยวนี้เลย”
“ผมว่าเรานอนกันดีกว่า ผมง่วงแล้ว” ใครจะบ้าจี้ตามพี่มึงล่ะ
เมื่อผมไม่ยอมทำตามพี่เบิ้มก็ผลักผมลงกับเตียงจากนั้นก็เลิกชายเสื้อผมขึ้นแล้วจุ๊บหนักๆลงมาที่หน้าท้องของผม..เหมือนไฟฟ้าสะถิตเพราะมันชาวาบไปทั้งตัว
“หน้าท้องนิ่มๆของคุณไม่เหมาะกับทำให้เป็นรอยหรอก ว่ามั้ยครับ” หรอกด่าว่ากูอ้วนอีกแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าเสี้ยววินาทีหนึ่งผมเห็นดวงตาสีเทาคู่นั้นเหมือนมีเปลวไฟกำลังลุกโชน ท่าทางในตอนนี้ก็ล่อแหลมเกินไปแล้ว อะไรคือการขึ้นค่อมผมทั้งตัวแบบนี้
“เอ่อ..นอนกันเถอะคุณดึกมากแล้ว” เหมือนคำพูดของผมจะไม่ได้เข้าหูของอีพี่เบิ้มแม้แต่น้อยเพราะดวงตาคู่สีเทากำลังจดจ้องอยู่ที่เรียวปากของผม..
“จูบนะครับ”
“...” ถึงเวลาแล้วใช่มะ
“แค่จูบที่รัก ผมต้องการจูบของคุณจริงๆ”
“แค่จู...” ยังไม่ทันจบประโยคเรียวปากของพี่เบิ้มก็ประกบลงมาที่เรียวปากของผมอย่างดุดันทันที
“เปิดปากให้ผมที่รัก” เมื่อสติเริ่มมึนก็ทำตามอย่างว่าง่ายผมเผยอปากน้อยๆจากนั้นเรียวลิ้นร้อนของพี่เบิ้มก็แทรกเข้ามาอย่างรวดเร็วเกี่ยวกระหวัดดูดดึงปลายลิ้นของผมอย่างเร่าร้อน
อ่า..แบบนี้สินะที่เรียกว่าจูบ เล่นเอาผมหายใจติดขัด สมองขาวโพลนไปหมดพร้อมกับร่างกายที่แทบจะหลอมละลาย
พี่เบิ้มปล่อยปากผมให้เป็นอิสระเพื่อหายใจเข้าปอดแต่มันแค่แป๊บเดียว แป๊บเดียวจริงๆก็ประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ฝ่ามืออีกข้างที่ว่างเว้นจากการประคองหน้าของผมก็เริ่มซุกเข้ามาภายใต้เสื้อและลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผมจนร้อนผ่าวไปทั้งร่างก่อนจะเคลื่อนฝ่ามือมาที่หน้าอกและเขี่ยเบาๆที่ยอดอกจนผมเผลอแอ่นหน้าอกและร้องครางออกมาอย่างลืมตัว
“อ๊ะ” เสียงนี้เหมือนดึงสติของผมให้กลับมา นี่มันชักจะมากกว่าจูบ ผมตีไหล่พี่เบิ้มรัวๆเพื่อให้ผละออกและเหมือนสติของพี่เบิ้มก็กลับมาเช่นกัน
“คุณนอนก่อนเลยที่รัก ผมขอเข้าห้องน้ำสักครู่” พี่เบิ้มพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าพลางอดกลั้นและลมหายใจที่หนักหน่วงก่อนจะผละออกแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเร็วรี่ ไม่บอกก็รู้ว่าไปเข้าห้องน้ำทำไม ไม่ใช่ปวดขี้แน่ๆ ยังไงเราก็ผู้ชายเหมือนกันผมเข้าใจพี่เบิ้มดีเพราะอาการของผมตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน..
...บอกตามตรงว่าไอ้จูบเร่าร้อนเนี่ยแม่งโคตรดี ผมว่าผมชอบมันว่ะ!
TBC..................................................................
ไปล่องลอยอยู่นอกโลกเสียนาน ตอนนี้กลับมายังโลกได้สักที
ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันค่ะ #พี่เบิ้มป้านด