ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22  (อ่าน 248120 ครั้ง)

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วมีเสียน้ำตาด้วยตอนน้องพลุเผชิญหน้ากับสองพ่อลูก. เฮ้อหมอจิวดีนะที่ไม่เป็นอะไร นังนิวแกนี่มันร้ายมากทว่าแต่จนถึงตอนล่าสุดพี่ปืนกับน้องพลุใครเคะเมะพลิกตลอดอิอิ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วมีเสียน้ำตาด้วยตอนน้องพลุเผชิญหน้ากับสองพ่อลูก. เฮ้อหมอจิวดีนะที่ไม่เป็นอะไร นังนิวแกนี่มันร้ายมากทว่าแต่จนถึงตอนล่าสุดพี่ปืนกับน้องพลุใครเคะเมะพลิกตลอดอิอิ

อยากอ่านที่เป็นเล่มต้องไปกดดันสนพ.ค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง)

“กินเยอะๆ นะจิว” นุชนันท์ส่งจานใส่ผลไม้ที่เธอเพิ่งปอกเสร็จกับขนมหวานให้คนที่นอนพักอยู่บนเตียง

“นี่ใจคอเธอจะขุนให้ฉันอ้วนเป็นหมูเลยใช่ไหมเนี่ย” วิทยามองอาหารที่พูนจาน จินตนาการไม่ออกว่าจะยัดทั้งหมดนี่ลงกระเพาะไปได้ยังไงทั้งที่กินข้าวจนอิ่มแล้ว

ผ่านมาร่วมเดือนตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาเหลือแค่กระดูกขาขวาที่หักเท่านั้น ซึ่งในตอนแรกแพทย์ศัลยกรรมกระดูกใช้วิธีดามเหล็กจากภายนอกเพื่อตรึงให้กระดูกอยู่กับที่เป็นการรักษาไปตามอาการไว้ก่อน เมื่ออาการคงที่เขาจึงได้รับการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อจัดการต่อกระดูกให้เรียบร้อย และตอนนี้ก็ออกจากห้องไอซียูมาอยู่แผนกกายภาพบำบัดแล้ว

“ถ้าได้ขนาดนั้นก็ดี นายน่ะผอมเกินไปแล้ว แล้วแบบนี้จะมีแรงฝึกเดินได้ไง”

“อันนี้เห็นด้วยที่สุด”

ปาวัสม์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับภาวัฒน์ที่ถือถุงผลไม้มาด้วย  นับตั้งแต่วิทยานอนโรงพยาบาลเขากับนุชนันท์ก็ผลัดกันมาเฝ้าดูแลตลอดตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างป้อนข้าวป้อนยา ไปจนถึงเช็ดตัวและพาเข้าห้องน้ำ นั่นทำให้เขารับรู้เป็นครั้งในรอบหลายปีว่าเพื่อนรักของเขาผอมลงมากแค่ไหน

“จับไปตรงไหนก็มีแต่กระดูกไม่มีกล้ามเอาซะเลย เดี๋ยวหายดีแล้วนายต้องไปออกกำลังกายบ้างนะ”

“สวัสดีครับหมอจิว พี่อุ้ม” ภาวัฒน์ยิ้มทักพลางยกมือไหว้ “ผมซื้อส้มกับแอปเปิ้ลมาฝาก... อ้อ! มีทุเรียนมาฝากพี่อุ้มด้วยนะ... ล้อเล่นน่า! ของพี่อุ้มเป็นกล้วยต่างหาก” หัวเราะคิกพร้อมกับแกล้งยกมือป้องศีรษะกันฝ่ามืออวบๆ ที่เกือบจะฟาดลงมา เพราะตอนมาเยี่ยมหนล่าสุดเขาหิ้วทุเรียนมาด้วย แน่ล่ะว่าคนไข้ไม่ว่าอะไรแต่คนเฝ้ากลับหน้าบูดเป็นตูดลิงจนปาวัสม์ต้องลากไปแอบกระซิบบอกว่านุชนันท์เกลียดผลไม้ชนิดนี้มากขนาดไหน

“ขอบใจนะที่มาเยี่ยม” รอยยิ้มเอ็นดูคลี่เต็มเรียวปากหนุ่มหน้าตี๋ หลังจากพยายามตัดเรื่องที่ปาวัสม์หลงรักเด็กคนนี้ออกไปและวางใจเป็นกลาง เขาก็พบว่าถึงภาวัฒน์จะกวนประสาทแต่ก็นิสัยดีจนไม่ต้องเอาเรื่องที่ช่วยชีวิตเขาไว้มาเป็นตัวเสริมเลย ก่อนจะหุบยิ้มฉับและหันมาจัดการเพื่อนตัวเอง “ว่าฉันผอมอย่างนั้นอย่างนี้พูดอย่างกับตัวเองฟิตนักอย่างงั้นแหละ”

“ทำเป็นพูดไป เดี๋ยวนี้ฉันไปฟิตเนสทุกวันเลยนะ” 

“จริงเหรอ?”

“ไม่เชื่อก็ถามเจ้าเด็กแสบนี่ดูสิ” ปาวัสม์พยักเพยิดไปทางคนผมน้ำตาลที่กำลังลำเลียงผลไม้ใส่ถาด “ตอนไปเชียงใหม่เจอพ่อเจ้าเทมส์... เพื่อนสนิทพลุน่ะ เขาเปิดโรงเรียนสอนคาราเต้อยู่ โดนจับยืดเส้นเข้าไปชุดใหญ่ ถึงตอนนั้นจะทรมานหน่อยแต่ไปๆ มาก็เริ่มติดใจน่ะ แล้วพอดีโดนหมอนี่มันปรามาสด้วย ดันไปวิ่งขึ้นดอยสุเทพแพ้เด็ก ขายขี้หน้าชะมัดเลยคิดได้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับความแก่ของตัวเองแล้วล่ะ”

“ผมยังไม่เคยว่าหมอปืนแก่สักคำเลยนะ” คนถูกกล่าวหารีบบอก “มีแต่คุณหมอแหละที่ว่าผมเด็ก ผมก็บอกอยู่ว่าอายุยี่สิบไม่เด็กแล้ว” และหันไปทำหน้ายู่ใส่จึงโดนคุณหมอหนุ่มเอื้อมมือมาขยี้ผมที่ยุ่งด้วยความมันเขี้ยว

“ไอ้นิสัยแบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าเด็ก” นุชนันท์แกล้งว่า

เธอไม่ได้ไม่ชอบภาวัฒน์แค่กำลังหมั่นไส้เพื่อนรักที่เริ่มเปลี่ยนไป เรื่องที่ดูสดใส อารมณ์ดีนั่นเธอเฉยๆ แต่ที่แปลกใจก็คือการที่ปาวัสม์หันมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น ซึ่งเธอพอจับสังเกตได้มาสักพักแล้วเพราะเขาดูกระฉับกระเฉงขึ้นทั้งที่เข้าเวรหนักและมาเฝ้าวิทยาทุกวัน และคนที่มีอิทธิพลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือเด็กหนุ่มคนนี้นี่เอง

สาวร่างอวบอมยิ้มมุมปาก ...รู้สึกดีใจแทนคนขี้เหงาที่เจอคนมาเติมเต็มที่ว่างในใจเสียที

“เป็นเด็กน่ะดีแล้วอย่าเพิ่งรีบแก่เลย” ปาวัสม์ยังไม่หยุดแซวคนที่สะบัดหัวกลมๆ หนีได้ในที่สุด 

“จวนจะได้เวลาที่ฉันต้องไปเข้าเวรแล้ว” นุชนันท์แทรกขึ้นพลางหันไปหาหนุ่มหน้าตี๋ที่กำลังพยายามกินผลไม้กับขนมให้หมดจาน “นายจะเช็ดตัวเลยไหมเดี๋ยวทำให้ หรือจะรออีกแปดชั่วโมงให้ฉันลงเวรก่อน”

“ไม่เป็นไรอุ้มเดี๋ยววันนี้ให้ปืนช่วยก็ได้” วิทยาวางจานผลไม้ที่เกลี้ยงเกลาลงและกินยาหลังอาหาร “เธอไปเถอะจะได้มีเวลาอาบน้ำ เตรียมตัวสบายๆ”

“ตามใจ” นุชนันท์หลิ่วตาเล็กน้อย เรดาร์จับพิรุธร้องเตือนตะหงิดๆ เพราะปกติวิทยาจะบ่ายเบี่ยงเรื่องให้ปาวัสม์ช่วยเช็ดตัวมาโดยตลอดซึ่งเรื่องนั้นเธอเดาได้ไม่ยากเย็นว่าเป็นเพราะเขารู้สึกไม่สะดวกใจที่จะต้องเปลือยกายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แสดงว่าวิทยาต้องมีแผนอะไรบางอย่างซึ่งเธอก็ไม่อยากทักท้วงอะไรและยอมคล้อยตาม “งั้นฝากดูจิวด้วยนะปืน” ปาวัสม์พยักหน้าให้แทนคำตอบ นุชนันท์ลุกขึ้นกอดวิทยาเบาๆ ครั้งนึง “ฉันไปล่ะ นอนพักเยอะๆ กินให้เยอะๆ นะ เดี๋ยวออกเวรแล้วมาหาใหม่”

นัยน์ตาเล็กตี่มองตามแผ่นหลังสาวร่างอวบไป ทันทีที่ประตูห้องพักปิดลงวิทยาก็เห็นเงาของคนที่กำลังรีบชะงัก มีใครคนหนึ่งเพิ่งจะมาถึงและหยุดคุยกัน สักพักเงาของทั้งคู่ก็เดินกลับไปด้วยกัน วิทยาถอนหายใจด้วยผิดหวังเล็กๆ ที่ไม่ใช่คนที่คิดถึงก่อนจะสะบัดศีรษะไล่ความคิดบ้าๆ ออกไป

“เดี๋ยวผมช่วยไปยกน้ำมาให้นะครับ” ภาวัฒน์คว้ากะละมังและเดินออกไปห้องน้ำอย่างกระตือรือร้น

“ขอบใจนะ” วิทยาบอกก่อนจะหันมาหาปาวัสม์ที่กำลังง่วนอยู่กับการให้คำปรึกษาแพทย์รุ่นน้องที่ส่งข้อมูลคนไข้มาให้ดูทางโทรศัพท์ เขารอให้ปาวัสม์จัดการธุระจนเสร็จ “มานี่สิปืน ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับนายหน่อย”

ปาวัสม์เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่นุชนันท์เพิ่งลุกออกไป “ว่าไง”

“ฉันมีเรื่องอยากบอกนาย” เครื่องหน้าของหนุ่มหน้าตี๋เครียดขึ้นมาทันที “ทีแรกก็ว่าจะไม่พูดแล้วล่ะให้มันเป็นความลับตายไปพร้อมๆ กับฉันแต่พอผ่านความตายมาจริงๆ ฉันถึงได้รู้ว่าการที่ไม่พูดมันน่าเสียใจยิ่งกว่า”

ปาวัสม์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงและโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง “ไม่ต้องกังวลนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรนายสามารถบอกฉันได้ทุกเรื่อง”

วิทยาสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด “จริงๆ แล้วฉันเป็นเกย์” เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อยเพื่อสังเกตอาการของร่างสูงที่นิ่งไปทันทีอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด “รู้แบบนี้แล้วนายรังเกียจฉันหรือเปล่า”

“ก็...” ปาวัสม์พูดไม่ออกแต่ก็สามารถปรับสีหน้าและอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว “แค่ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ยังไงนี่” ไม่ว่าวิทยาจะเป็นอะไร ความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่แล้ว

“ขอบใจนะ” วิทยาคลี่ยิ้มบาง “ว่าแต่ทำไมพลุไปเอาน้ำนานจัง เดินไปถูกหรือเปล่า นายไปดูหน่อยสิ เดี๋ยวไปทำอะไรซุ่มซ่ามจนโดนพี่พยาบาลดุเอาหรอก”

“นั่นสิ” ปาวัสม์ลุกขึ้นยืนและเมื่อเขาเดินไปเปิดประตูก็พบภาวัฒน์ถือกะละมังใส่น้ำยืนอยู่แล้ว

“หมอปืนมาพอดีเลย ผมกำลังคิดหนักเลยว่าจะเข้าไปยังไง” เขารีบเดินเอากะละมังใส่น้ำไปวางไว้บนโต๊ะ

“ไปรอข้างนอกก่อนนะ” ปาวัสม์บอก

“ไม่ต้อง!” วิทยากวักมือเรียก “ปืนทำคนเดียวไม่ไหวหรอก นายก็มาช่วยกันนี่แหละ”

“ไม่เป็นไร ฉันทำคนเดียวได้ นายนั่งรอตรงนั้นแหละ” พูดจบปาวัสม์ก็รีบดึงม่านกั้นรอบเตียง

“ทำไมไม่ให้พลุช่วยล่ะ” วิทยาถอดเสื้อโยนไว้ข้างกะละมัง แอบหงุดหงิดเล็กๆ ที่ร่างสูงเกือบทำแผนเขาพัง

“แล้วนายไม่เขินเหรอที่ต้องแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น ก็... นายเพิ่งบอกฉันว่านายชอบผู้ชายนี่”

 วิทยาอ้าปากค้าง “แทนที่จะเขินเด็กอย่างพลุ ฉันเขินนายดีกว่าไหม” แกล้งวักน้ำในกะละมังสาดใส่ปาวัสม์แก้เก้อ ก็เล่นใจดี คิดถึงคนอื่นขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารักได้ยังไงก็

“นายจะเขินฉันทำไม” ปาวัสม์คว้ามือหนุ่มหน้าตี๋แล้วนั่งลงบนขอบเตียง “เราอยู่ด้วยกันมายี่สิบปีแล้วนะ” แล้วบรรจงช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวจนสะอาด

“จริงๆ แล้วนายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะ”

“ไม่ได้หรอก” ปาวัสม์ยิ้มกว้างและหยิบเสื้อตัวใหม่มาสวมให้ “นายเป็นเพื่อนรักฉันนะ ให้ฉันได้ดูแลนายเถอะ”

วิทยาเม้มปากแน่น ความรู้สึกที่มีมันมาถึงสุดทางของความอดทนแล้ว และเขาเก็บมันไว้ไม่ได้อีกต่อไป “ปืน ฉันรักนายว่ะ”

“ฉันก็รักนาย” ปาวัสม์ตอบไปโดยอัตโนมัติ

“ไม่ใช่รักแบบนั้นปืน”

“แล้วแบบไหน...” ปาวัสม์ถาม และทันทีที่สมองได้คำตอบใบหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้มของเขาอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด “แต่ฉัน...”

“ฟังนะปืน” วิทยาพูดช้าๆ ชัดๆ “ฉันอยากรู้คำตอบ ดังนั้น นายต้องตอบฉัน ไม่จำเป็นต้องเป็นตอนนี้ จะไปตั้งสติ ไปคิด หรือจะยังไงก็เรื่องของนาย แต่นายต้องตอบฉัน”

“ได้” ปาวัสม์บอก “แต่ไม่ใช่ตอนนี้!” และเปิดม่านออกรวดเร็ว แค่อยากจะหลบไปจากตรงนี้เพื่อพักหัวให้เย็นลงจากความสับสนเมื่อนัยน์ตาคมสบเข้ากับใครอีกคนที่เขาบอกให้นั่งรออยู่ “พลุ”

“เสร็จแล้วเหรอครับ ผมเอาน้ำไปทิ้งให้นะ”

“ไม่เป็นไรพลุเดี๋ยวฉันทำเอง” ปาวัสม์รีบบอกและยกกะละมังใส่น้ำเดินจ้ำออกไป

ภาวัฒน์จึงหันไปหาวิทยาที่กำลังพยายามดันตัวลุกนั่งบนเตียง “ให้ผมช่วยนะครับ”

นัยน์ตาเล็กตี่แอบมองสำรวจเด็กหนุ่มที่กำลังช่วยจัดแจงท่าทางและห่มผ้าให้ เขาแน่ใจว่าพูดเสียงดังพอที่จะให้คนนอกม่านได้ยินด้วย จึงอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นภาวัฒน์นิ่งได้ถึงเพียงนี้ “ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“แล้วก็ขอโทษด้วย”

“เรื่องอะไรครับ”

วิทยาจ้องนัยน์ตาสีดำขลับราวกับจะมองให้ทะลุพร้อมทั้งกรีดยิ้มยั่ว ถ้ายังจะเล่นไขสือกันแบบนี้ก็คงต้องเอากันซึ่งๆ หน้าแล้วล่ะ “เรื่องที่ฉันจะไม่ยกปืนให้นายง่ายๆ เด็ดขาด”

ภาวัฒน์จ้องตากลับไม่คิดจะหลบ “เรื่องนั้นผมทราบครับ”

OOOOOO

หลังจากที่เอากะละมังออกมาเก็บปาวัสม์ก็พบว่าตนไม่สามารถกลับเข้าห้องไปสู้หน้าวิทยาได้อีก เขาจึงส่งข้อความไปบอกว่าโดนตามเพราะมีคนไข้ฉุกเฉิน แต่แท้จริงแล้วเขากลับเดินจ้ำข้ามตึกมาหานุชนันท์ที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมหกและลากเธอออกมาคุยเป็นการส่วนตัวที่บันไดหนีไฟ

“นี่มันเรื่องอะไรกันอุ้ม ฉันงงไปหมดแล้ว” ปาวัสม์นั่งลงบนขั้นบันได ก้มหน้า มือทั้งสองข้างกุมศีรษะอย่างสับสนและอับจนหนทาง “จิวชอบผู้ชายและมันก็ชอบฉัน... ได้ยังไง แล้วแบบนี้ฉันควรจะทำยังไงดี”

นุชนันท์นั่งลงข้างๆ นึกอยากปลอบหรือช่วยคิดหาทางออกแต่ก็คิดได้ว่าเรื่องบางเรื่องควรให้เจ้าตัวคิดเองซะบ้าง จะได้รับรู้และเข้าใจด้วยตัวเอง

“ก่อนอื่นเลยนะปืน” เธอพูดออกมาในที่สุดเมื่อเห็นว่าปาวัสม์คงคิดไม่ออกจริงๆ “ตอบมาก่อนว่านายตกใจที่จิวเป็นเกย์หรือเรื่องที่จิวชอบนาย”

“ฉันไม่แคร์หรอกว่าจิวจะเป็นอะไร ฉันคบกับจิวมายี่สิบปีแล้วนะ”

สาวร่างอวบแอบยิ้มมุมปาก

“แต่เรื่องที่จิวชอบฉัน...” ปาวัสม์พูดไม่ออก

“รับไม่ได้หรือไงที่มีผู้ชายมาชอบ”

“มันไม่ใช่แบบนั้น”

“ทีนายยังชอบพลุได้เลย” แทนที่จะเลือกใช้ไม้นวมนุชนันท์คิดดีแล้วว่าซื่อบื้ออย่างเพื่อนเธอต้องจัดไม้แข็งมาฟาดให้สลบในทีเดียวไปเลยเท่านั้น “นายแน่ใจเหรอว่าที่นายสับสนและกลุ้มใจอยู่นี่ไม่ใช่เพราะว่าจริงๆ แล้วนายชอบจิวต่างหาก กับพลุก็แค่หลงผิดไปเองเหมือนอย่างพวกทฤษฎีสะพานแขวน หรือจริงๆ แล้วนายยังอาลัยอาวรณ์ยัย... คุณรชญาอยู่ อย่าลืมสิว่านายมันเป็นพวกใจง่าย แค่ใครมาบอกรักหรืออยู่ใกล้ใครเข้าหน่อยก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว”

“มันไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ อุ้ม” ปาวัสม์บอก “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่เหมือนกัน”

...ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ เพราะถ้าป่านนี้แล้วนายยังแยกไม่ออก นายก็คงขอฉันแต่งงานไปนานแล้วล่ะย่ะ...

“ถ้ารู้ว่าอะไรใช่ไม่ใช่แล้วนายจะมานั่งกลุ้มใจทำไม ฉันบอกไม่ได้หรอกว่านายต้องทำยังไง นายต้องคิดด้วยตัวเอง และถ้าคิดได้แล้วนายไม่ต้องมาบอกฉันแต่ไปบอกกับจิว... บอกกับรชญาและพลุ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือแนะนำให้นายคิดดีๆ ฉันรู้ว่ามันทำให้นายสับสนแต่นายต้องคิดและคิดเยอะๆ ด้วย อย่างน้อยที่สุดก็ให้สมกับที่จิวมันเก็บความรู้สึกนี้มาเกือบยี่สิบปี”

“นานขนาดนั้นเลยเหรอ”

นุชนันท์ยิ้มบาง “ฉันถึงไม่โกรธไง ที่นายไม่เคยรู้” เธอบีบไหล่ให้กำลังใจครั้งหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน “ฉันไปทำงานก่อนนะ”

เมื่อพยาบาลสาวร่างอวบเดินกลับเข้ามาในหอผู้ป่วยสายตาอาทรที่ให้เพื่อนรักเป็นประกายกล้าขึ้นมาทันที นุชนันท์ฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดีพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “เล่นแรงไปนะคราวนี้ ทำเอาซะควายเผือกหูตูบเลย... แต่ฉันชอบนะ”

OOOOOO

“จิว... คือฉัน”

“นายจะมาให้คำตอบเหรอ” วิทยาตกใจเล็กน้อย เพราะเขาคิดไว้ว่าอย่างน้อยปาวัสม์คงจะหายหน้าไปสักสองสามวันไม่ใช่แค่สามสิบนาทีแล้ววิ่งกระหืดกระหอบกลับมายืนอยู่ข้างเตียงแบบนี้

ปาวัสม์พยักหน้า “แต่จริงๆ แล้วนายน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วนี่”

วิทยาไหวไหล่ “ทำนองนั้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากได้ยินจากปากนายตรงๆ นี่นา ว่าไงล่ะ! ตกลงคำตอบของนายคืออะไร”

“นายเป็นเพื่อนรักของฉัน”

วิทยาส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่คำตอบ”

ปาวัสม์เม้มปากสนิทก่อนจะเอ่ยออกไปได้ในที่สุด “ขอโทษนะจิวแต่ฉันไม่ได้รักนาย”   

หนุ่มหน้าตี๋คลี่ยิ้มบาง แม้ลึกลงไปในหัวใจจะทั้งจุกและเจ็บจนพูดไม่ออก แต่น่าแปลก เมื่อเทียบกับความรู้สึกยี่สิบปีที่เขาทนทุกข์มาตลอด จนถึงตอนนี้ราวกับความหนักหนานั้นถูกปลดเปลื้องออก แม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกที่เรียกว่าสุข แต่มันก็ไม่ใช่ความเศร้า และตอนนี้เขารู้สึกหัวใจเบาโหวงจนอธิบายไม่ถูก “ขอบคุณ” กระซิบพลางก้มหน้าซุกกับฝ่ามือ 

“เอ่อ...” ร่างสูงเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูกเมื่อคิดว่าวิทยาคงจะเสียใจมากขนาดไหนและร้องไห้ออกมา “ขอโทษนะจิวคือฉัน...” เขาใช้สองมือโอบรอบตัวคนตัวเล็กกว่าจากทางด้านหลัง “อย่าร้องไห้นะ”

“ไม่ได้ร้องสักหน่อย” หนุ่มหน้าตี๋เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาห่างจากปาวัสม์ที่วางอยู่บนไหล่ไม่ถึงคืบ วิทยาอมยิ้มและจุ๊บปากเขาเบาๆ 

“เฮ้ย!!!” ร่างสูงร้องลั่นและผงะถอยหลัง

“ถึงตายก็นอนตายตาหลับล่ะงานนี้”

“นายทำบ้าอะไรน่ะ” ใบหน้าคมแดงไปถึงหู ปาวัสม์ไม่ได้นึกรังเกียจเพียงแค่ตกใจมากไปหน่อยที่โดนจู่โจมซึ่งๆ หน้า

“ก็จูบไง”

“ก็ใช่... แล้ว...”

“แก้แค้น” วิทยาบอกหน้าตาย “ฉันเคยหลงรักนายข้างเดียวมาตั้งเกือบยี่สิบปีเชียวนะ อุตส่าห์ทนเก็บไว้ว่าจะไม่บอกเพราะคิดว่านายน่ะแมนทั้งแท่ง ไม่อยากให้นายคิดมากแต่สุดท้ายแล้วนายกลับไปหลงรักผู้ชายคนอื่น แถมยังอายุน้อยกว่าตั้งสิบปีเสียได้มันก็เลยเจ็บใจน่ะสิ” เขาพ่นลมออกจมูกและซุกตัวลงในผ้าห่มเตรียมจะนอน “เอาล่ะ! หมดเรื่องแล้วฉันจะนอนล่ะ นายจะไปไหนก็ไปเถอะ”

“นายโอเคแน่นะ” ปาวัสม์ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง

วิทยาพลิกตัวกลับมา “ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ ว่าฉัน ‘เคย’ หลงรักนาย”

“งั้นฉันไปก่อนนะ” คิ้วหนาย่นเข้าหากัน ปาวัสม์ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่แต่สีหน้าวิทยาดูดีกว่าที่จินตการไว้มากจนรู้สึกวางใจที่จะกลับออกมา และในขณะที่กำลังจะปิดประตูห้องนั่นเองที่เขาหันไปเห็นว่าใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ข้างประตู “พลุ! เอ่อ... นี่นายยังไม่กลับอีกเหรอ”

“อยู่ๆ หมอปืนก็ออกไปปุบปับผมเลยอยู่รอเผื่อว่าจะมีเรื่องอะไรคุยกับผมอีก”  ภาวัฒน์บอก “แต่ถ้าไม่มี... ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวก่อนพลุ” คุณหมอหนุ่มพยายามจะอธิบาย เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มได้เห็นหรือได้ยินอะไรแค่ไหนแต่ดูจากสีหน้าที่ซีดจนเห็นได้ชัดแล้วสิ่งที่เขากำลังเข้าใจอยู่นั้นมันต้องไม่ถูกต้องแน่นอน

“ปืน” วิทยาเรียก “ตามไปสิ”

ปาวัสม์เหลียวมองเพื่อนสลับกับแผ่นหลังที่กำลังจะลับตา “ไม่ได้หรอกจิว” รู้สึกมันเหมือนใจจะขาดหากไม่ได้คุยให้เข้าใจกันแต่เขาก็รู้ดีว่าก่อนหน้านั้นเขามีอีกเรื่องที่ต้องจัดการให้เด็ดขาดไปเสียก่อน

“นายลังเลอะไรอยู่” เสียงของวิทยาเริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่ได้ลังเล เพราะตอนนี้คำตอบในใจฉันแน่ชัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ฉันควรจะต้องจัดการเรื่องเก่าที่ยังค้างคาไว้ให้จบเสียก่อนไม่ใช่เหรอ จึงจะเริ่มต้นใหม่ได้” พูดจบปาวัสม์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกพร้อมกับเดินออกจากห้องไป
หนุ่มหน้าตี๋เบ้ปากแล้วหงายหลังทิ้งตัวลงบนเตียง “กว่าควายเผือกจะฉลาดนะ” เขานอนมองเพดานสีขาวของห้องพักพลางคิดทบทวนถึงสิ่งที่เพิ่งคุยกับเด็กหนุ่มไป

‘สองคนนั่นไม่ใช่คุณพีระกับนายพีรยุทธตัวจริง พวกเขาเป็นคนที่รชญาจ้างมา’ วิทยาส่งซองเอกสารที่เขาให้คนไปตามสืบประวัติมาให้เด็กหนุ่มที่นอกจากจะไม่รับไปแล้วยังส่ายหน้า และบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาแปลกใจ

‘เรื่องที่เป็นตัวปลอมผมรู้อยู่แล้วครับ... พ่อผมเป็นทนายที่ซื่อตรงที่สุดในโลกสมกับชื่อทัดเที่ยง เขาจับผมใส่รถเข็นลากไปขอขมาสองพ่อลูกนั่นตั้งแต่วันที่หมออนุญาตให้ลงจากเตียงได้ พวกเขาอภัยให้แล้วก็จริงแต่ผมก็ยังรู้สึกผิดมาโดยตลอด วันนั้นที่หน้าห้องฉุกเฉินผมตกใจมากและสิ่งที่ตัวปลอมนั่นพูดก็แทงใจดำจนพูดไม่ออก ผมเลยได้แต่ขอโทษ’

‘แต่นายก็ควรจะบอกเรื่องนี้กับปืนนะ’

‘บอกแล้วได้อะไรครับ ถึงจะเป็นตัวปลอมแต่นั่นก็คือเรื่องจริง และที่ผมมาที่นี่ก็ไม่ใช่เพื่อแก้ตัวแต่ผมมาเพื่อ ‘ขอบคุณ’ ผู้ชายคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตผมไว้ และผมก็ทำสำเร็จแล้ว’ เด็กหนุ่มยิ้มบาง ‘ขอบคุณหมอจิวนะครับที่เป็นห่วงผม ...นี่เป็นอาทิตย์สุดท้ายแล้วที่ผมจะอยู่กรุงเทพ อันที่จริงผมตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ติดสัญญากับหมอปืนไว้ว่าจะอยู่จนคุณปลอดภัย’

นัยน์ตาเล็กตี่เบิกโพลง นี่ไม่ได้อยู่ในแผนของเขาสักนิด ‘แล้วนายจะไปไหน’

‘ผมบอกได้แค่จะไปให้ไกลจากหมอปืนและไม่กลับมาหาเขาอีกเลย’

‘นายจะตัดใจจากเขาทั้งที่ลงทุนทำมาตั้งขนาดนี้เนี่ยนะ’

‘ผมไม่ได้ตัดใจ’ เสียงของภาวัฒน์หนักแน่น สายตามั่นคงกับการตัดสินใจที่คิดมาดีแล้ว ‘แต่หมอปืนกำลังจะแต่งงานกับคนที่คู่ควร การจากไปจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำเพื่อเขาได้’

“แต่เร็วหน่อยก็ดีนะเดี๋ยวมันจะสายเกินไป” วิทยารำพึง ตั้งใจไว้ว่าจะลองใจภาวัฒน์ว่ารักเพื่อนของเขาจริงหรือเปล่า และจะช่วยแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้มีมารผจญและขวากหนามอะไรอีก แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นแล้วล่ะเพราะท่าทีที่แสดงออกของเด็กหนุ่มนั้นทั้งเป็นผู้ใหญ่และซื่อตรง ที่น่าห่วงคือปาวัสม์นี่แหละว่าจะสามารถพูดความในใจออกไปได้ไหม

เขาหลับตายังไม่ทันจะผล็อยหลับเมื่อประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง “กลับมาเร็วจัง” ถามพลางพลิกตัวกลับมาแต่ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ปาวัสม์

“คุณบอกรักหมอปืนไปแล้วเหรอครับ”

“นายน์” วิทยาตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ คนที่ไม่ได้โผล่หน้ามาให้เห็นเสียนานก็ปรากฏตัวขึ้นมา แต่เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ในเสี้ยววินาที “ใช่! ฉันบอกเขาไปแล้ว นายมีปัญหาอะไรเหรอไง”

“ครับ” รติพัทธยอมรับ “เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนใจมันกำลังสลายยังไงก็ไม่รู้”

“นายเพ้ออะไรเนี่ย” วิทยาดันตัวขึ้นนั่ง เตรียมพร้อมรับมือไม่ว่ารติพัทธจะมาไม้ไหน “จับคนร้ายมากไปจนสมองกระทบกระเทือนอีกแล้วหรือไง”

“คงอย่างนั้นแหละครับ เพราะตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าตกหลุมรักคุณจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ กรุณาเป็นแฟนกับผมได้ไหมครับหมอจิว”

วิทยาหัวเราะลงคอ “อย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระแบบนั้นเลย แค่มีอะไรกันครั้งเดียวเนี่ยนะจะทำให้นายเกิดหลงรักฉันขึ้นมาจริงๆ ซะอย่างนั้นน่ะ”

“เชื่อผมเถอะครับ! หรือจะต้องให้ผมคุกเข่าร้องขอความรักจากคุณ”

“ก็ลองดูสิ” วิทยากรีดยิ้มเย็นชา “ถ้าหากว่านั่นมันอยู่ในแผนการของนายล่ะก็นะ”
คิ้วของรติพัทธขมวดมุ่น “แผนอะไรกันครับ”

“นี่นายคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนการจัดฉากของญาติผู้พี่นาย” วิทยาถามเสียงเย็น “คุณรชญายังไงล่ะ”

OOOOOO

“ขอโทษนะคะพี่ปืนที่ให้รอนาน พอดีมีเคสยุ่งๆ นิดหน่อยน่ะค่ะ” รชญานั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะในคาเฟ่ของโรงพยาบาลก่อนจะเปิดเมนูจัดแจงสั่งเครื่องดื่มสำหรับสองที่ “สตรอเบอรรี่สมูทตี้หนึ่งที่ค่ะ ส่วนอีกแก้ว... พี่ปืนดื่มกาแฟไหมคะ คาราเมลแมคคิอาโตที่นี่อร่อยนะ”

“นิวก็รู้นี่นาว่าพี่ไม่ชอบอะไรหวานๆ” ปาวัสม์กระซิบ

รชญาเหลือบตาที่เคลือบสีสันไว้อย่างสวยงามเหมือนทุกครั้งขึ้นมองหน้าเขาพร้อมกับยิ้มหวาน “งั้นเอาเป็นน้ำผลไม้เหมือนนิวไหมคะหรือจะเอาเป็นพวกชาร้อน...”

“ขอน้ำเปล่าครับ” ปาวัสม์ชิงสั่งไปเสียก่อน รู้สึกเหมือนเดจาวู จู่ๆ ประสบการณ์การถูกบอกเลิกครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วกลับมาหลอกหลอนเขาในห้วงความคิด “เอาแต่น้ำ น้ำแข็งไม่ต้อง หลอดก็ไม่เอานะครับ... เอาแค่น้ำธรรมดาใส่แก้วมาน่ะครับ” เขาหันไปย้ำกับบริกรสาวอีกครั้งจนแน่ใจว่าเธอจะไม่เอามาเกินกว่าที่เขาขอ

เพียงครู่เดียวเครื่องดื่มที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า รชญาคนสมูทตี้เล่น เธอกำลังอารมณ์ดีมากเสียจนปาวัสม์กลัวที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “พี่ปืนมีอะไรธุระอะไรจะคุยกับนิวหรือคะ ถึงนัดออกมาปุบปับ” เธอถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่พูดไม่จา

“ขอบคุณนิวมากนะที่มา” ปาวัสม์เริ่มต้นช้าๆ

“ขอบคุณอะไรกันคะเรื่องแค่นี้เองแล้วตกลงพี่ปืนจะคุยอะไรกับนิว เอ๊ะ! หรือว่าเปลี่ยนใจเรื่องแต่งงานแล้ว” ริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มเอียงอาย

“นิว” ปาวัสม์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ถึงมันจะยากแค่ไหนก็ต้องพูดออกไป จะพร้อมหรือไม่ไม่ใช่ปัจจัย ตอนนี้มีเพียงความจริงจากใจนี่เท่านั้นที่ต้องบอกเธอ “ขอโทษนะครับแต่พี่คงแต่งงานกับนิวไม่ได้”

มือที่กำลังคนสมูทตี้เล่นชะงัก ริมฝีปากสีกุหลาบเม้มแน่น “นิวคงบีบคั้นพี่ปืนมากเกินไปสินะคะ นิวขอโทษต่อไปนี้นิวจะ...”

“ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกนิว”

“แล้วอะไรล่ะคะ หรือว่าเป็นเพราะนิวเอาแต่ใจมากไปหรือว่า...”

“พี่ไปรักคนอื่นแล้ว” ปาวัสม์พูดออกไปได้ในที่สุด “ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ พี่ขอโทษจริงๆ”

รชญาพูดไม่ออกกับคำตอบที่ได้ยิน แต่เธอยังดูสงบนิ่งจนน่าเหลือเชื่อ “คนๆ นั้นเป็นใครคะ... อย่าบอกนะว่าเป็นคุณนุชนันท์”

“ไม่ใช่อุ้ม” ปาวัสม์รีบบอก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอุ้ม”

สีหน้าของรชญาเผือดซีดลงทันที “นายภาวัฒน์ใช่ไหมคะ” 

ถึงตาปาวัสม์หน้าซีดบ้าง “นิวรู้ได้ยังไง”

“สัญชาตญาณของผู้หญิงที่กำลังจะเสียคนรักไปมั้งคะ” 

“ขอโทษนะนิวที่พี่...”

แต่หญิงสาวไม่ฟัง เธอหยิบแก้วน้ำตรงหน้าสาดใส่ร่างสูงก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะและเงื้อมือขึ้นสูง

เพี๊ยะ!

“เจ็บไหมคะพี่ปืน” รชญาถามเสียงเย็น “จำไว้นะคะว่านิวเจ็บกว่าที่ปืนเจ็บเป็นร้อยเท่า”

“พี่ขอโทษนิว” ปาวัสม์พูดได้เท่านั้นและเป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินจากไป

มือทั้งสองข้างของรชญาสั่นระริกและกำเป็นหมัดแน่น ฟันซี่สวยกัดลงบนกลีบปากสีกุหลาบ นัยน์ตากลมเบิกโตแทบไม่กระพริบแต่น่าแปลกที่มันไม่ยักมีน้ำใสไหลรินสักหยด

คุณหมอสาวล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาใครคนหนึ่ง

...ถ้าฉันไม่ได้เขาใครก็อย่าหวังจะได้ไป!...

“คุณพ่อคะ นิวมีเรื่องจะคุยด้วย”



**************************************************อ่านต่อด้านล่าง********************************

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 14 ความจริง...จากใจ(ครึ่งหลัง)

“นายโอเคใช่ไหม” นุชนันท์ถามปาวัสม์ที่เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่เป็นอันหลับอันนอนมาหลายวันแล้ว แม้กระทั่งยามมานั่งเฝ้าวิทยาก็ยังไม่วายหอบรายงานของนักศึกษาแพทย์มาตรวจ

“คงงั้น” ปาวัสม์ตอบโดยไม่ละสายตาขึ้นมาจากกองเอกสาร

“สองสามวันมานี่ไม่เห็นพลุเลยนะ งานยุ่งเหรอ” หนุ่มหน้าตี๋ถาม

ปาวัสม์เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นบาง หลังจากบอกเลิกรชญาเขาก็เพียรโทรหาภาวัฒน์ทุกวันแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ยอมรับสาย อีกทั้งยังเข้าเวรคลาดกันตลอดจนทำให้เขาไม่เจอหน้าสักที เรื่องที่อยากจะแก้ไขความเข้าใจผิดจึงแทบเป็นศูนย์ส่วนเรื่องจะสารภาพรักยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อคิดว่าที่เด็กหนุ่มหลบหน้าเขาครั้งนี้เพราะไม่อยากเจอหน้ากันแล้ว และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าการบอกรักและโดนหักอกเสียอีก

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ” นุชนันท์ปะเหลาะถามต่อ

เสียงดังปิ๊บเบาๆ บอกว่ามีข้อความเข้า ปาวัสม์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่านแต่ใบหน้าก็เผือดซีดลงเรื่อยๆ ตามจำนวนบรรทัดที่สายตาไล่อ่านไป เขาหันไปมองหน้านุชนันท์สลับกับวิทยาทันทีที่อ่านจบ “ท่านผอ.เรียกพบน่ะ”

“ยัยรชญานั่นจะต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เลย” นุชนันท์กำลังจะอ้าปากบ่นต่อเมื่อวิทยาคว้ามืออวบๆ ของเธอไว้พร้อมทั้งจุ๊ปากเบาๆ

“รีบไปเถอะปืน อย่าให้ท่านผอ.รอนาน”

ปาวัสม์พยักหน้าพร้อมกับลุกเดินออกไป

“มีอะไร” นุชนันท์ถามเสียงเฉียบทันทีที่ร่างสูงคล้อยหลัง “หรือว่านายวางแผนอะไรไว้อีกเหมือนคราวที่แล้วบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
หนุ่มหน้าตี๋คว้ามือนุชนันท์มาบีบแน่นเพื่อให้เธอใจเย็นลง “ขอโทษนะอุ้มแต่คราวนี้ฉันช่วยอะไรไม่ได้มากจริงๆ”

“ทำไม!” นุชนันท์ใช้มือทั้งสองคว้าไหล่วิทยาและเริ่มต้นเขย่า เสียงของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ “ยัยรชญามีแผนอะไร แล้วท่านผอ.จะ
ทำอะไรปืนกันแน่จิว” 

OOOOOO

ปาวัสม์ยืนอยู่หน้าประตูห้องที่มีแผ่นป้ายตัวอักษรสีทองติดไว้ว่า ‘ผู้อำนวยการโรงพยาบาล’ เขาสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเคาะประตูและเปิดเข้าไป “สวัสดีครับท่านผอ.”

ชายสูงวัยในชุดสูทสวมทับด้วยเสื้อกาวน์ยาวสีขาวเรียบกริบนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหลังโต๊ะไม้สักรูปครึ่งวงกลมที่กลางห้อง ด้านหลังเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยอดีตภาพผู้บริหารตั้งแต่คนแรกจนถึงปัจจุบัน มันให้ความรู้สึกราวกับเขากลับไปเป็นเด็กมัธยมและถูกอาจารย์ใหญ่เรียกพบในห้องปกครองโทษฐานแอบลอกข้อสอบไม่มีผิด

“นั่งก่อนสิคุณปาวัสม์” เสียงของท่านนิ่งสงบและน่าเกรงขามสมกับเป็นอดีตอาจารย์แพทย์ 

ปาวัสม์ค้อมศีรษะและเดินมานั่งหมิ่นๆ ลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ สองมือที่ชื้นเหงื่อกำเป็นหมัดแน่นวางไว้บนหัวเข่า หลังจากที่ได้คุยกับรชญาในวันนั้นก็เขาไม่มีอะไรจะอธิบายหรือแก้ตัวอีกแล้ว และถึงต่อให้เป็นท่านผอ.ถาม เขาก็คงยืนยันคำตอบปฏิเสธเหมือนเดิม
ท่านผอ. ประสานมือไว้บนโต๊ะตรงหน้าพลางมองสำรวจชายหนุ่ม “เปิดอกเลยละกันนะคุณปาวัสม์”

“ครับ”

“รชญา... ลูกสาวผมเล่าเรื่องที่คุณขอเลิกกับเธอให้ผมฟังแล้ว” ท่านผอ.เริ่มต้นในสิ่งที่ปาวัสม์คาดไว้ไม่มีผิด “ผมมีลูกสาวคนเดียว และในฐานะพ่อที่เลี้ยงแกมาอย่างตามใจดั่งไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแล้ว บอกตามตรงตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุดที่เห็นผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจร้องไห้จะเป็นจะตาย”

“ผมขอโทษครับ”

“สิ่งที่ฉันลูกสาวของผมขอคือการทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้คุณอยู่ที่นี่ต่อไปได้” ท่านผอ.เว้นวรรคราวกับรอคอยให้คุณหมอหนุ่มร้องขอความเป็นธรรมหรือเปลี่ยนใจ

แต่ปาวัสม์เตรียมใจมาแล้ว โดยส่วนตัวเขาเป็นคนไม่ชอบขัดใจใคร ทว่ามันโหดร้ายเกินไปกับการแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่ได้รักเธอ “แล้วท่านมีความเห็นว่าอย่างไรครับ”

“อย่างที่บอก ผมเลือกจะตามใจลูกสาว” ท่านผอ.พูดเสียงขรึม นัยน์ตาที่เริ่มสีออกเทาเพ่งพิศชายหนุ่มตรงหน้า
นัยน์ตาคมมองตอบกลับไป ไม่คิดจะหลบ ความเงียบอึดอัดเริ่มโรยตัวรอบคนทั้งสองเมื่อท่านผอ. พูดต่อและนั่นยังความแปลกใจให้ปาวัสม์อย่างถึงที่สุด

“แต่ผมไม่อาจเสียหมอมือดีอย่างคุณไปได้ ดังนั้นคุณลืมเรื่องโยกย้ายหรือลาออกไปได้เลย” เขาเปิดลิ้นชัก หยิบเอาซองเอกสารปึกหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะและเลื่อนมาตรงหน้าเขา “ในฐานะผอ.โรงพยาบาลผมขอสั่งให้นายแพทย์ปาวัสม์รับนี่ไปและปฏิบัติตามทันทีโดยไม่มีข้อแม้”

ปาวัสม์หยิบเอกสารมาเปิดดูช้าๆ ทั้งสงสัยและหวาดกลัว แต่เพียงแค่เห็นที่จั่วหัวอยู่บนบรรทัดแรกของเอกสารนั้น นัยน์ตาคมก็เบิกโพลงขึ้นทันที

มันคือทุนการศึกษาต่อเฉพาะทางเรื่องเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา มันเป็นความก้าวหน้าทางอาชีพที่แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินใฝ่ฝัน เพราะนี่ไม่ใช่แค่การยกระดับเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและได้รับใบประกาศเป็นอาจารย์ผู้ฝึกอบรมหลักสูตรนี้ให้กับแพทย์รุ่นต่อไป แต่มันคือประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

“นี่คือ...” ปาวัสม์พูดไม่ออกได้แต่มองเอกสารในมือสลับกับผอ.โรงพยาบาล

“แค่ตกลง” ท่านผอ.กระซิบพร้อมกับพยักหน้า

“ครับ”

“คุณไปได้แล้วล่ะ” ท่านผอ.ว่าพร้อมกับโบกมือไล่

ร่างสูงยกมือไหว้และกำลังจะก้าวพ้นกรอบประตูอยู่แล้วเมื่อเสียงขรึมดังมาจากเก้าอี้หลังโต๊ะรูปครึ่งวงกลม “ในฐานะผู้ชายทำไมผมจะดูไม่ออกว่าคุณไม่ได้รักลูกสาวผม... ขอบใจนะที่ไม่โกหกเธอ”

ปาวัสม์กำซองเอกสารในมือแน่นเขาค้อมศีรษะให้อีกครั้งก่อนจะปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ และวิ่งพรวดเดียวกลับไปยังห้องคนไข้

“จิว! นี่ฝีมือนายใช่ไหม” ปาวัสม์เรียกเสียงดังพร้อมกับยื่นซองเอกสารมาตรงหน้า

“ทีอย่างนี้ล่ะฉลาดเชียว” วิทยาทำปากขมุบขมิบพลางรับมาแกล้งทำเป็นเปิดอ่านดูไม่รู้ไม่ชี้ “ทุนไปดูงานอเมริกา... นายจะบ้าเหรอ! ฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นสักหน่อย”

“นายไม่มีแต่พ่อนายมี” ปาวัสม์บอก “แล้วท้ายเอกสารนั่นก็บอกอยู่โต้งๆ ว่าทุนให้เปล่าแบบไม่มีข้อผูกมัดของ J&J medical company นั่นมันไม่ใช่ชื่อบริษัทของพ่อนายเหรอไง”

“พ่อนี่ร่างสัญญาให้จับได้ง่ายจริง” หนุ่มหน้าตี๋บ่นพลางเก็บเอกสารใส่ซองและส่งคืนให้ปาวัสม์ เขาคาดไว้แล้วว่ารชญาต้องไม่ยอมจบง่ายๆ โชคดีที่คิดเตรียมการเรื่องนี้ไว้ก่อน “บอกไว้ก่อนนะว่านี่ไม่ใช่ค่าตอบแทนที่นายช่วยชีวิตฉันไว้ถึงพ่อฉันจะยอมจ่ายเพราะคิดแบบนั้นก็เถอะ ที่ฉันทำไปก็เพราะฉันไม่อยากให้นายจากฉันกับอุ้มไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นที่เหลือก็แล้วแต่นายแล้วล่ะว่าจะเอายังไง จะไปหรือไม่ไป”

ปาวัสม์มองหน้าเพื่อนรักทั้งสองสลับกัน “อเมริกามันไกลนะ”

“นายพูดอย่างกับว่าใช้โทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ไม่เป็นแน่ะ” วิทยาว่า

“สองปีเลยนะกว่าจะได้กลับมา”

“เราคบกันมายี่สิบปีแล้วนะ” นุชนันท์บอก “สองปีไม่นานเกินไปหรอก”

“ถ้าคิดถึงเดี๋ยวพาอุ้มบินไปหา นายไม่ต้องกลัวหรอกน่าพ่อคนขี้เหงา”

“ใครเขาจะไปกับนาย” สาวร่างอวบทำตาโต “ฉันเก็บตังค์ไว้ไปหาผู้ชายของฉันที่เกาหลีดีกว่าไหม”

“ฉันออกค่าตั๋วพร้อมที่พักให้ก็ได้เอ้า” วิทยาต่อรอง “เงินตั้งเกือบห้าหมื่นเลยนะ ให้ตั้งขนาดนี้แล้วไปด้วยกันเหอะน่า”

“ต่อให้จ้างห้าแสนฉันก็ไม่ไป” นุชนันท์ยื่นคำขาด “แต่ถ้านายอยากจะให้จริงๆ นะจิวฉันขอแค่สามหมื่นพอและฉันจะเอาเงินนั่นไปเที่ยวเกาหลี ไม่เอาน่า! ไม่เจอหน้ากันแค่ปีสองปีปืนมันคงไม่ขาดใจตายเพราะไม่ได้ฟังฉันบ่นหรอก ใช่ไหมปืน”

ปาวัสม์มองสองคนตรงหน้าด้วยนัยน์ตาเปี่ยมสุขที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมา รอยยิ้มกว้างคลี่เต็มเรียวปาก “ครับที่รัก”

*********************************************TBC*********************************************

ใครที่บ่นๆ ว่าไม่รู้จะตบใครก่อนระหว่าง หมอปืน กะ นิว ไม่ต้องเลือกแล้วนะคะ เราจัดให้แล้วค่ะ... สะใจสุดๆ (ความอัดอั้นตันใจของคนแต่ง)

ลุงหมอคิดได้แล้วน้า อย่าว่าลุงเลยลุงเป็นมนุษย์ผู้ชายขี้เหงาที่เคลื่อนที่ช้าเรื่องความรัก แค่ผช.ธรรมดาที่ไม่กล้าก้าวข้ามเพศสภาพที่เป็น(แอบดีใจมีคนเข้าใจลุง)

หลังจากนี้อีก 2 ตอน ลุงต้องสู้ล่ะ สู้จริงๆ ไม่งั้นน้องพลุไปแล้ว


[[[[[[ งดสปอยชื่อตอนหน้าแต่จะบอกว่า อัพวันที่ 13 มิ.ย. 2558 ]]]]]]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2015 00:17:25 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
หมอปืนหลุดพ้นซะที
พาน้องพลุไปเรียนต่อด้วยได้ไหม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ย้ิมปลื้มเลยอะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ชวนพลุไปด้วยจิหมอปืน

โอ้ววววว 13 มิ.ย. 58 มันช่างยาวนาน

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ปะ ไปเกากัน 555
น้ำเปล่าฮะ ขอน้ำเปล่า ไม่เเข็ง ไม่หลอด เอาเพียวๆ
น้าจะขอเเก้วพลาสติกด้วย เผื่อนาง อารมณ์รุนเเรงสติเเตก 555

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
นิวไม่ฉลาดค่ะ    สาดทำไมน้ำ    สมูทตี้นั่นไง   ไม่ก็สั่งคาราเมลมัคเคียโต้ร้อนอีกแล้วก็ได้สาดเลย เก๊าประชดนางเฉยๆนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2015 08:41:05 โดย Freja »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
เรื่องหมอปืน เกินคาดไปนิสสส สำหรับทุน แต่ช่างมัน

สนใจ หมอจิวดีกว่า มาดคุณหมอจิวตอนนี้ ช่างราชินีมากกก

แบบว่าอิตานายเนี่ย จะบีบก็ตายจะคลายก็ตาย  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
จิ้มไว้ก่อน พึ่งอ่านหนังสือเสร็จ อ่านไม่ทันแว้ว ง่วง  :กอด1:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ในที่สุดหมอปืนก็ไม่โลเลแล้น สะใจนังนิวจริงๆอยากให้ได้รับผลกรรมที่ก่อจริงๆเลย น้องพลุอย่าเพิ่งหนีไปไหนนะหมอปืนแกอย่าชักช้านะ ตอนหน้าห่างไกลจังเลยลงแดงคะ 13มิยเชียวรึ

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ไม่รู้ว่าจะเม้นท์ไรดี....แค่ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก....

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ลุงคะ กว่าจะฉลาดเรื่องรัก น้องพลุวิ่งหนีไปไหนแล้ว



ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

รีบเลย รีบไปตามพลุเลย

ส่วนหมอจิวน่าจะบอกเพื่อนนะว่าพลุคุยกับตัวเองว่าอย่างไร

13 มิย. เชียว กว่าจะมาอีก

ออฟไลน์ Rywzaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารทั้งคู่เลยอ่า
เมื่อไหร่จะได้สมหวังกันซักที
ยิ่งน้องพลุนี่แอบรักหมอปืนมาตั้งกี่ปี ฮือออออ #อินหนักมาก

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
หมอปืนนี่เรื่องงานฉล๊าดดด ฉลาด
แต่พอเป็นเรื่องหัวใจล่ะก็........ (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ก๊ากกกกกก

แอบชอบที่พี่อุ้มกับหมอจิวเรียกหมอปืนว่าควายเผือก
ก๊ากกกกกกกกกก น่ารักน่าเอ็นดูมากเลยค่ะลุงงงง (นี่ชมหรือด่า 55555)

ว่าแล้วเหมือนกันว่ายัยรชญาต้องไม่ยอมจบง่ายๆ
ตอนนี้เลิฟหมอจิวมากเลยค่ะ (ขอสามหมื่นตามไปเป็นเพื่อนพี่อุ้มด้วยคน 555555)

หมอปืนจะไปอเมริกาแล้ว แล้วน้องพลุจะไปอยู่ไหนละทีนี้?
แอบหวังเล็กๆ ว่าเผื่อจะไปเจอกันที่เมกาอะไรงี้ ให้หมอปืนได้ตามจีบ(?)น้องพลุในบรรยากาศดีๆ แอร๊ยยยย /นี่ก็คิดไปไกล

สู้ๆ นะลุง ตอนนี้รู้ใจตัวเองแล้ว ปลดโซ่ที่รัดคอออกแล้ว อย่าปล่อยให้น้องพลุหลุดไปได้เชียวนะ

สารภาพว่าตอนที่ผอ.เรียกหมอปืนไปคุย นี่เตรียมด่าผอ.แล้วค่ะ 555555555555555
คิดหาคำด่าไว้ด้วยแล้วนะ กำลังจะบอกว่าถ้าจะพ่อแม่รังแกฉันขนาดนี้ก็ บลาๆๆๆ เลยดีกว่า
แต่เจอแบบนี้ โอ้ยยยย เซอร์ร้ายยยยยยยยย  o13 อยากกระโดดกอดคุณลุงผอ. 55555555

รอตอนหน้านะคะ   :กอด1:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
รอลุ้นอีก 15 วันกว่าตอนใหม่จะมา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bubble4paomo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ที่พลุบอกว่าจะหายไปนี่  ใช่ไปเรียนต่อที่อเมริการึป่าวเนี่ย??? :z2:

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
ชอบเรื่องนี้ อ่านแล้วอินไปกับตัวละคร เมื่อคืนนอนอ่านจนไม่ได้หลับได้นอน พออ่านแล้วมันหยุดไม่ได้จริงๆ
หมอปืนไม่รู้เรียกว่าความรู้สึกช้าหรืออะไร คือไม่ได้หงุดหงิดหมอนะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าทำไม คือหมอก็ไม่ได้ทำไรผิดหรอก ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่า หมั่นไส้หรืออะไร แต่บางทีก็แค่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมหมอความรู้สึกช้าจัง แล้วนี่รู้ตัวยังว่าพลุกำลังจะหนีไปแล้ว แต่เอาจริงๆ เดี๋ยวก็ไปเจอกันที่อเมริกาใช่ม๊ะ? อิอิ

อยากอ่านต่อแล้วจริงๆ  :ling1:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เคลียร์กับยัยนิวได้ซะที แต่ก็จะไปอเมริกาตั้งสองปี แล้วพลุล่ะจ้ะ จะเอายังไง
นี่ถ้าไม่ได้หมอจิวช่วยก็แย่นะพี่หมอปืน  ผอ.เหมือนจะดีอ่ะนะ แต่ก็สงสัยว่า ถ้าพ่อหมอจิวไม่ให้ทุน
แล้วผอ.จะทำยังไง จะเลือกตามใจลูกสาว แล้วยอมเสียหมอฝีมือดี ๆ ไปหรือเปล่า
แต่ก็เอาเหอะ พี่หมอปืน จะทำอะไรก็รีบ ๆ ทำเข้า อย่าให้น้องพลุเสียใจไปมากกว่านี้ก็พอแล้ว

ส่วนพี่หมอจิว สบายใจแล้วสินะ ดีใจด้วย จะได้เริ่มต้นเปิดรับความรักครั้งใหม่ได้ซะที
แต่ก็อยู่ที่นายน์ล่ะนะ ว่าจะสามารถทำให้หมอจิว เชื่อ และมั่นใจ ในความรักของนายน์ได้แค่ไหน
เพราะเดิมทีก็เข้าหาหมอจิวเพราะมีจุดประสงค์จริง ๆ นี่นะ อยากได้คนรักดี ๆ ก็ต้องใช้ความพยายาม
จริงใจและอดทนให้มากกว่านี้หน่อยอ่ะนะ สมควรแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2015 20:31:19 โดย PURE LOVE »

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
และแล้วก็สลัดยัยนิวหลุดสักทีนะหมอปืน

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 15 ไม่ได้บอกรัก (ขอ) แค่มาบอกลา

“คุณหมอจะเอาอะไรหรือเปล่าคะ” ชโลธรถามเมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มเอาแต่เดินวนเข้าๆ ออกๆ ประตูห้องฉุกเฉินอยู่หลายรอบแล้วในชั่วระยะเวลาแค่ไม่กี่นาทีหลังจากที่มีโทรศัพท์เข้าจากศูนย์กู้ชีพว่าจะนำผู้ป่วยมาส่งจนเธอชักจะเริ่มเวียนหัว

“ก็...” นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ท้องถนนซึ่งมีรถวิ่งสวนกันขวักไขว่ เขาจะต้องจากเมืองไทยไปสองปีในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ถึงจะไม่ได้บอกรักแต่อย่างน้อยเขาก็อยากบอกลาให้เป็นเรื่องเป็นราวสักหน่อย “ไม่มีอะไรครับ ผมแค่ว่างๆ เลยออกมารอรับคนไข้” พูดจบก็แกล้งทำเป็นยกมือขึ้นบิดขี้เกียจแก้เก้อ เมื่อเสียงเปิดหวอของรถกู้ชีพดังแว่วมาตามถนน

หัวใจของปาวัสม์เต้นโลดขึ้นตามเสียงหวอที่แผดดังขึ้นเรื่อยๆ

“นำคนไข้มาส่งครับ” เจ้าหน้าที่ในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มที่กำลังก้มๆ เงยๆ ช่วยยกคนเจ็บร้องขึ้น

ปาวัสม์รอจนคนไข้ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเรียบร้อย จึงแอบย่องไปสะกิดหลังเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง “พลุ”

“ครับ”

ใบหน้าที่หันมานั้นไม่ใช่คนที่อยากเจอแต่กลับกลายเป็นหัวหน้าศูนย์กู้ชีพแทน

“ขอโทษครับพอดีทักคนผิด” เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “วันนี้พลุเข้าเวรอะไรครับ” ไม่เคยคาดคิดจากคนที่เห็นหน้ากันทุกวันจนแทบจะเบื่อกันไปข้าง จะมีวันที่เขาคิดถึงอยากเจอจนต้องเป็นฝ่ายออกปากถามหาเสียเอง

“วันนี้ลาหยุดครับ” หัวหน้าบอก “ว่าแต่พลุมันไม่ได้บอกคุณหมอเหรอครับว่าจะไปไหน”

คุณหมอหนุ่มส่ายหน้าพัลวัน

“พลุกลับบ้านที่เชียงใหม่น่ะครับ เห็นว่าตัดสินใจกลับไปเรียนต่อเลยจะไปคุยกับครอบครัวน่ะ”

“ก็ดีสิครับ” ปาวัสม์ค่อยโล่งอกที่เด็กหนุ่มไม่ได้ป่วยไข้หรือเป็นอะไรไปถึงจะแอบใจหายที่จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ อีกแล้วก็ตาม 

“ใช่ครับ แต่คิดแล้วก็น่าเสียดายนะคนฝีมือดีขนาดนั้น”

“ทำไมล่ะครับ ถึงจะไปเรียนแต่ก็มาเป็นอาสาสมัครได้นี่นา”

“ถ้าจำไม่ผิด...” หัวหน้ายกมือกอดอกครุ่นคิด “พลุมันบอกว่าสอบติดมหา’ลัยของฝรั่งเศส ถ้าไปเรียนไกลถึงขนาดนั้นมันคงไม่กลับมาช่วยงานกู้ชีพอีกแล้วล่ะครับ”

OOOOOO

 “ออกเวรแล้วเหรอ” วิทยาทักเมื่อเห็นปาวัสม์เดินหอบเอกสารปึกหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพัก เขาย่นคิ้วเล็กน้อยเพราะทีแรกรู้สึกเหมือนเห็นว่ามีใครอีกคนเดินตามมา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจและหันมาสนใจเพื่อนรักที่หัวคิ้วชนกันจนแทบจะจับมาผูกเป็นโบได้ “ทำไมวันนี้ดูหงุดหงิดจัง”

ปาวัสม์กระแทกเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะและตั้งต้นอ่าน “เจ้าเด็กแสบนั่นน่ะสิ ฉันยังไม่ทันสารภาพรักก็จะหนีฉันไปซะแล้ว”

“ไปไหน” วิทยาแกล้งถามเขาพอจะเดาเหตุการณ์ได้บ้างหลังจากที่คุยกับภาวัฒน์เมื่ออาทิตย์ก่อน

“ไปเรียนต่อ” ปาวัสม์ตอบ “แถมยังไปไกลถึงฝรั่งเศส ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย! มหาวิทยาลัยดีๆ ในเมืองไทยมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เรียน ถ่อไปเรียนไกลถึงเมืองนอก”

“อยากเปลี่ยนประเทศที่ไปดูงานไหมล่ะ แถมวีซ่าเข้ายุโรปก็ไม่ต้องเสียเวลาทำด้วยเพราะนายมีพาสปอร์ตข้าราชการอยู่แล้ว”

วิทยาแอบเซ็งตัวเองที่วิเคราะห์ผิดไป เพราะเห็นว่าเด็กหนุ่มเคยมีประวัติไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาก่อน เขาน่าจะคิดให้รอบคอบอีกหน่อยว่าพ่อของเด็กหนุ่มเป็นทนายความชื่อดังก็ย่อมอยากจะให้ลูกชายคนเดียวไปเรียนต่อยังประเทศที่เป็นต้นแบบของวิชากฏหมาย ถึงค่าเรียนภาคอินเตอร์จะแพงหูฉี่ก็เถอะ

ปาวัสม์ครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด “ไม่ล่ะ! ฉันจะไปอเมริกา ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามไปหรอก”

“แม้แต่จะไปหาที่บ้านตอนนี้ก็ไม่เหรอ ถ้าไปตอนนี้ก็อาจจะยังทันนะ” หนุ่มหน้าตี๋ขมวดคิ้ว “ถามจริงเถอะปืน เป็นเพราะนายไม่เคยรักใครหรือเปล่าถึงได้เอาแต่ใช้สมองคิดอะไรไร้สาระอยู่แบบนี้ ทำไมนายไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวใจ แล้วลองทำตามที่มันบอกดูบ้างล่ะ”

“ทำตามที่ใจบอกเหรอ” ปาวัสม์ทวนคำ “แต่ถ้าไปหาแล้วจะได้อะไรล่ะ”

“จะได้หรือไม่ได้อะไรนายต้องลองไปก่อนถึงจะรู้เอง”

“แล้วนายล่ะ” ปาวัสม์มองหนุ่มหน้าตี๋ด้วยความเป็นห่วง วันนี้นุชนันท์เข้าเวรสิบหกชั่วโมงรวด ถ้าเขาไม่อยู่อีกสักคนก็จะไม่มีใครดูแลวิทยา

“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ได้”

แต่ปาวัสม์ยังคงไม่ขยับไปไหน

“อย่าให้ฉันต้องโทรตามอุ้มมาไล่นะ”

ปาวัสม์ลุกขึ้นยืนและรวบตัวกอดวิทยามากอดแน่นๆ ครั้งหนึ่ง “ขอบใจนะจิว”

วิทยามองตามแผ่นหลังร่างสูงวิ่งหายลับไปตามทางเดินจึงเอนหลังพิงหมอนและแกล้งทำเป็นหลับ

ประตูห้องแง้มเปิดออกอย่างแผ่วค่อยอีกครั้ง

“นี่นายน่ะ” วิทยาเรียกทั้งๆ ที่ยังหลับตา ส่งผลให้คนที่ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หลังประตูสะดุ้งสุดตัวแล้วเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความตกใจก่อนจะแง้มประตูให้กว้างขึ้นและชี้มือที่ตัวเองเป็นเชิงย้ำให้แน่ใจ “นายน่ะแหละจะใครล่ะอยู่กันแค่สองคนน่ะ” วิทยายืนยัน “ถ้าอยากจะเข้าก็รีบๆ เข้ามาไปยืนเกะกะขวางทางเดินอยู่ได้”

รติพัทธพยักหน้าเขาปิดประตูเงียบเชียบที่สุดอย่างเกรงใจโดยไม่จำเป็นและเดินอ้อมไปนั่งสุดปลายโซฟาตัวหนึ่งที่อยู่มุมในสุดของห้อง “มีอะไรเหรอครับ”

“มาตรงนี้สิ นายไปนั่งเสียไกล ฉันขี้เกียจแหกปากตะโกนนะ”

รติพัทธลุกขึ้นอีกครั้งและเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง

“มีคนเล่าให้ฟังว่าจริงๆ แล้วตอนที่ฉันอยู่ไอซียูนายมาเฝ้าฉันหน้าห้องทุกวันเลยเหรอ” วิทยาถามเสียงดุ

“ครับ”

“บ้าหรือเปล่า” เสียงของวิทยาดังขึ้นเรื่อยๆ “เสียงานเสียการเปล่าๆ แล้วถ้ามีใครเขาเอาไปนินทากันเสียๆ หายๆ จะว่ายังไง เป็นผู้หญิงยังว่าไปอย่าง นี่เป็นผู้ชายนะแถมนายยังเด็กกว่าฉันตั้งกี่ปีป่านนี้เขาไม่หาว่าฉันเลี้ยงต้อยกันหมดแล้วเหรอ”

“ใครจะกล้าว่าในเมื่อผมอ้างว่ามาเฝ้าเพราะเป็นเคสคดี” รติพัทธรีบบอก “แล้วถ้าใครกล้านินทาว่าร้ายคุณเสียๆ หายๆ ผมจะไปสั่งให้คุณลุงไล่มันออกให้หมดเลย”

“แล้วทำไมนายไม่เข้ามาล่ะ” วิทยาตัดบทโดยการถามคำถามที่ตนอยากได้ยินคำตอบจริงๆ แทนเพราะดูท่าแล้วรติพัทธคงจะแถตอบเลี่ยงไปจนตกอ่าวไทยเป็นแน่

“ก็... ผม” รติพัทธพูดขัด “คุณอยู่กับหมอปืนทุกวัน แถมยังตลอดเวลาแล้วจะให้ผมเอาตัวไปไว้ที่ไหนล่ะครับ”

วิทยาเหลือบมองนายตำรวจหนุ่มทางหางตา “นายไม่ต้องทำตามแผนของพี่สาวแล้วเหรอ”

“ผมหักหลังพี่นิวตั้งแต่มาสารภาพรักกับคุณวันนั้นแล้ว” รติพัทธไหวไหล่ “อันที่จริงผมไม่ได้ทำตามแผนตั้งแต่พาคุณไปที่แมนชั่นวันนั้นแล้วล่ะ ถึงปกติผมจะควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่เคยชวนใครขึ้นห้อง มีคุณนี่แหละเป็นคนแรก”

“เรื่องนั้นนายพูดจริงเหรอ”

“จริงสิ” รติพัทธพูดเสียงดัง “ปกติผมใช้บริการโรงแรมตลอดเลยนะ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น” วิทยาเอ็ด “ฉันหมายถึงเรื่องที่เราคุยกันทางโทรศัพท์ตอนที่ฉันเกิดอุบัติเหตุต่างหาก”

“เรื่องที่เอ่อ...” รติพัทธติพัทรพูดติดอ่าง เขานึกออกทันทีว่าเป็นเรื่องไหนแต่กลัวใจจะคิดเข้าข้างตัวเองในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะเล่นด้วยตั้งแต่แรก

“นายเปลี่ยนใจหรือยัง” วิทยาถาม “เพราะตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

“หมายความว่าไงครับ”

วิทยาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางก้มหน้าลงมองดูขาตนเองด้วยนัยน์ตาเศร้าสร้อย “ขาฉันเนี่ยคงต้องทำกายภาพอีกเป็นเดือนเลยกว่าจะเดินได้เป็นปกติอีกครั้ง” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย “ระหว่างนี้นายจะช่วยเป็นขา... ช่วยดูแลฉันหน่อยได้ไหม”

รติพัทธยกมือขึ้นปิดปาก เพลย์บอยอย่างเขาจีบทิ้งจีบขว้างมาทั่วสารทิศ โดนจีบมาอีกเป็นร้อย จะมามุกไหนไม่เคยกระเทือนถึงหัวใจสักครั้ง แต่ทำไมแค่คำพูดพื้นๆ แค่นี้ทำเอาหัวใจเขาแทบหยุดเต้น ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเด็กแรกรุ่นริหัดรัก “เป็นขาแทนคนอื่นนี่ผมทำไม่เป็นนะครับ ขอเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม”

“งั้นเป็นไม้เท้าละกัน” ไม่พูดเปล่า ยังหันไปคว้าไม้ยันไหล่มาตีคนตัวโตดังพลั่ก! “ส่งมือมาสิ ฉันอยากไปเดินออกกำลังกายสักหน่อย”

รติพัทธยกแขนให้อีกฝ่ายเกาะช่วยพยุงลงจากเตียงอย่างเก้ๆ กังๆ มือไม้แม้จะมีแค่สองข้างแต่ตอนนี้รู้สึกเกะกะจะเอาวางไว้ตรงไหนดีก็ไม่รู้จนโดนวิทยาเอ็ดเอาจนได้ “จับดีๆ หน่อยสิ ฉันจะล้มแล้วเนี่ย”

“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”

“ช่วยประคองฉันด้วยสิ”

“แล้ว...”

“อยากจับตรงไหนก็จับเถอะ อย่าให้ฉันล้มละกัน”

เมื่อหนุ่มหน้าตี๋พูดเช่นนั้น รติพัทธจึงผ่อนคลายลงบ้างและค่อยๆ สอดแขนเข้ารอบเอวบางช่วยดึงให้ยืนตัวตรง “ระวังล้มนะครับ ถ้ารู้สึกว่าเซๆ จะล้มให้พยายามพิงมาหาผมนะ”

“อือ” วิทยากันฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด แม้ตอนนี้เขาจะทำกายภาพจนเดินด้วยไม้ค้ำยันได้แล้วแต่การพยายามลงน้ำหนักให้เต็มที่เหมือนเดิมยังเป็นเรื่องอีกยาวไกลนัก เขาปล่อยมือข้างหนึ่งจากรติพัทธและคว้าไม้ค้ำยันมาเพื่อช่วยพยุงตัวเตรียมเดิน

รติพัทธใช้สองมือประคองไหล่จนแน่ใจว่าวิทยาทรงตัวได้จึงยอมถอยออกมาเล็กน้อย

“ทำไมฉันโทรหานายไม่ติดล่ะ” วิทยาถามระหว่างก้าวเดินไปรอบๆ ห้องโดยมีรติพัทธเดินไปข้างๆ เสมือนเป็นเงาตามตัว

“คุณโทรหาผมด้วยเหรอ” รติพัทธมีสีหน้าตกใจ “ขอโทษทีเพราะคุณไม่เคยโทรหาผมเลย ผมลืมไปเลยว่าต้องให้เบอร์ใหม่คุณ”

“แล้วนายเปลี่ยนเบอร์ทำไม”

“ก็ถึงแม้ผมจะลบเบอร์ทิ้งแต่ทางโน้นยังมีอยู่นี่ ผมเลยคิดว่าเปลี่ยนเบอร์ใหม่ไปเลยง่ายกว่า”

วิทยาย่นคิ้วกับคำเรียกสรรพนามบุรุษที่สาม “ทางโน้นนี่คือ...”

“กิ๊ก” รติพัทธตอบเสียงดังฟังชัด “แฟนเก่า คนในอดีตหรือคุณจะเรียกว่าอะไรก็ช่างเถอะเพราะที่แน่ๆ คือตอนนี้ผมเหลือแต่คุณคนเดียวแล้วจริงๆ”

วิทยาแกล้งหันไปสนใจตั้งเอกสารที่ปาวัสม์ถือมาวางกองทิ้งไว้บนโต๊ะ “ไม่เห็นต้องลงทุนทำถึงขนาดนั้นเลย” เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่พูดตัวเองทำหน้ายังไงรู้แต่มันร้อนจนทนไม่ได้

“ช่วยไม่ได้นี่ ในเมื่อคนสันดานเจ้าชู้อย่างผมมันไว้ใจไม่ได้” รติพัทธบอก “จากเหตุการณ์ของพี่นิวมันทำให้ผมเรียนรู้มาอย่างหนึ่งว่าถ้าจะจีบคุณให้ติดผมต้องเอาชนะใจเพื่อนคุณให้ได้ก่อน แล้วตอนนี้ผมก็เอาชนะใจคุณอุ้มได้แล้วเหลือแต่คุณนี่แหละที่ยังจีบไม่ติดสักที”

“จนป่านนี้ก็ยังอีกเหรอ”

“ก็ยังน่ะสิครับเพราะคุณยังไม่เคยบอกรักผมสักครั้ง” รติพัทธตัดพ้อ “ขอให้ผมรอ ผมก็รอ ขอให้ผมเป็นขาผมก็เป็นให้แล้วทีผมขอให้คุณเป็นแฟนคุณไม่เห็นยอมผมสักที”

“ก็เอาสิ” วิทยาตอบเรียบๆ พร้อมทั้งหันหน้ากลับมามองนายตำรวจหนุ่ม

“หืม”

“เป็นแฟนนายไง”

รติพัทธแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่อมยิ้มกรุ้มกริ้ม เขากระเซ้าอีกฝ่ายให้พูดต่อ “แล้ว...”

แต่หนุ่มหน้าตี๋กลับพูดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉยยิ่งกว่าเดิม “ฉันรักนาย พอใจหรือยัง”

รติพัทธเบะปากอย่างล้อเลียน “คุณนี่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย”

“เรื่องมากจริง” วิทยาถอนหายใจยืดยาว ก่อนจะหมุนตัวกลับมา สองมือคว้าใบหน้านายตำรวจหนุ่มไม่ให้หนีไปไหน และดึงลงมาจนอยู่ในระดับที่เขาจะประทับริมฝีปากปิดปากคนที่กำลังแกล้งงอนอยู่นี่ได้ “ว่าไงพอใจหรือยัง”

“ไม่รู้สิ” รติพัทธเม้มริมฝีปาก พร้อมกับใช้สองแขนรวบตัวคนเจ็บขาไว้อย่างถนัดถนี่ “ขอลองอีกทีละกัน”

วิทยาปล่อยไม้ค้ำยันทิ้งลงพื้น แล้วใช้ทั้งสองแขนคล้องรอบคอรติพัทธไว้ ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะล้มอีกต่อไปเมื่อรับรู้ผ่านริมฝีปากและเสียงหัวใจว่าเจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงนี้คงไม่ปล่อยให้เขาล้มลงอย่างแน่นอน

OOOOOO

“พลุ เปิดประตูหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“เรื่องอะไรครับ” ภาวัฒน์ตอบพร้อมกับเปิดประตูห้องเช่าออกมา

“จวนได้เวลาแล้วนะจะไปหรือยัง” ศุภพัฒน์เดินตามออกมาจากในห้องพร้อมกับช่วยลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย “เดี๋ยวก็ตกเครื่องจนได้”

“เดี๋ยวก่อน!” ปาวัสม์รีบพุ่งไปยืนขวางหน้าประตู “อย่าเพิ่งไปฉันขอคุยอะไรด้วยแป๊บนึง”

ศุภพัฒน์มองหน้าทั้งสองสลับกัน “มีอะไรก็พูดมาเลยครับ ผมกับพลุไม่มีความลับต่อกันยังไงเดี๋ยวเขาก็เล่าให้ผมฟัง”

“แต่...” ปาวัสม์อึกอัก

“ขอโทษนะเทมส์” ภาวัฒน์บอกเรียบๆ “แต่ขอเวลาแป๊บนึงนะ”

ศุภพัฒน์ย่นคิ้วแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา และยอมก้าวถอยหลังกลับเข้าไปในห้องแต่โดยดี

“มีอะไรครับ” ภาวัฒน์ถามเมื่ออยู่กันแค่สองคน

“นายจะกลับบ้านเหรอ ใจร้ายจังไม่เห็นบอกกันสักคำเลยนะ จะได้ฝากของไปให้พ่อเจ้าเทมส์บ้างคราวที่แล้วก็รบกวนไว้เยอะ แล้วก็คุณพ่อนายอีก”

“ผมเห็นหมอปืนยุ่งๆ อยู่ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร”

“สำคัญสิ!” ปาวัสม์หลุดปากเสียงดังออกไปจนได้ “ก็นายกำลังจะหนีฉันไปเรียนต่อนี่”

นัยน์ตาสีดำขลับเบิกโพลงด้วยความตกใจ “ผมไม่ได้หนี ผมแค่กลับไปเรียนต่อ แล้วมันไม่ดีหรือไงครับ”

“แล้วทำไมต้องเป็นฝรั่งเศส ไกลนะนั่น...” เสียงของปาวัสม์แผ่วค่อยลงเรื่อยๆ เมื่อใจเริ่มรับรู้ถึงระยะทางของความห่างที่เพิ่มมากขึ้นทุกที “กว่าจะสอบ... ทำพาสปอร์ต ขอวีซ่า จองที่พัก ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ไม่ได้ใช้เวลาแค่วันสองวันด้วย นี่นายวางแผนหนีฉันมานานแล้วสิ”

“ตั้งแต่สามปีที่แล้ว” ภาวัฒน์ยอมรับ

“สามปี! นี่นายวางแผนหนีฉันตั้งแต่ยังไม่ได้เจอหน้ากันเลยเหรอ”

ภาวัฒน์หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลใบหนึ่งออกมาส่งให้คุณหมอหนุ่ม “ตอนนั้นที่ผมทะเลาะกับพ่อรุนแรงถึงขั้นต้องหนีออกจากบ้านเพราะไอ้นี่แหละ”

ปาวัสม์รับไปดูด้วยความตกใจ มันคือผลการตอบรับเข้าศึกษาต่อในคณะนิติศาสตร์ ลงตราประทับของมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส

“ผมทำใจไม่ได้ที่ต้องจากที่นี่ไปโดยยังไม่มีโอกาสได้เจอหมอปืนสักครั้ง แต่โชคดีที่พ่อเขาไม่เชื่อคำพูดผมที่ว่าจะเป็นหมออย่างเอาเป็นเอาตาย เลยส่งหนังสือไปทำเรื่องดร๊อปเรียนไว้ด้วยปัญหาทางสุขภาพ” ภาวัฒน์เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ก็ผมตาบอดสีนี่ แล้วนี่ก็ได้เวลาต้องกลับไปเรียนแล้ว”

ปาวัสม์ส่งเอกสารคืนให้ “แล้วเขาให้เขาเริ่มเรียนเมื่อไหร่ล่ะ”

“อีกสองเดือนครับ”

ปาวัสม์ตกใจไม่น้อยกับระยะเวลาที่กระชั้นเหลือเกินแต่ยังคงปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติ “แล้วนายจะกลับมากรุงเทพอีกทีเมื่อไหร่”

“วันศุกร์หน้าครับ”

“วันนั้นฉันเข้าเวรพอดี คงไม่ได้ไปรับหรอกนะ”

“ไม่เป็นไรครับเพราะถึงยังไงเทมส์ก็ไปรับอยู่ดี แล้วตกลงคุณหมอมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ภาวัฒน์ตัดบทเพราะได้เวลาต้องไปแล้ว

ปาวัสม์เม้มปากสนิท อยากบอกรักใจแทบขาดแต่ก็พูดไม่ออกเสียแล้ว 

“ฉันแค่อยากมาส่งน่ะ” เขาบรรจงวาดรอยยิ้มที่คิดว่าดีที่สุดขึ้นบนเรียวปากและยกมือขึ้นขยี้เรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ นั้นเป็นครั้งสุดท้าย “เดินทางปลอดภัยนะคนเก่ง”

ใจนึกอยากจะดึงตัวเข้ามากอดแน่นๆ แล้วตะโกนห้ามไม่ให้ไป แต่เขาก็คงทำได้แค่คิด เพราะนี่เป็นทางที่เด็กหนุ่มเลือกแล้วและอนาคตของมันก็สวยงามเกินกว่าจะมาจมอยู่กับคนในความหลังอย่างเขา ณ ตอนนี้ในสถานะ ‘พี่ชาย’ คงทำได้แค่กลั้นน้ำตาแล้วยิ้มส่งจนสุดสายตาสินะ

“ไปยัง” ศุภพัฒน์ถามขึ้นเบาๆ

ภาวัฒน์หันไปพยักหน้าให้ เขาคว้ากระเป๋าและเดินไปจนสุดทางแล้วเมื่อหันกลับมาเห็นปาวัสม์ยังยืนมองอยู่ ฉับพลันขาทั้งสองข้างราวกับมีโซ่ตรวนเลื้อยขึ้นมาพันธนาการไว้ไม่ให้ไปไหน “หมอปืน” กระซิบเรียกเสียงแผ่วและรู้ทันทีว่าแท้จริงแล้วน้ำหนักนั้นไม่ได้ถ่วงอยู่ที่ขาแต่เป็นที่หัวใจนี่ต่างหาก

“รีบเรียนจบกลับมาเร็วๆ นะ” ปาวัสม์ตะโกนไล่หลังพร้อมทั้งโบกมือให้

“ลาก่อนครับ” ภาวัฒน์บอกก่อนจะเม้มริมฝีปากปิดสนิทและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองร่างสูงซ้ำสอง

*******************************************TBC***********************************************

ขอบคุณทุกๆ การติดตามและคอมเมนท์ค่ะ
 
เลกกี้ยังคงยืนยันคำเดิมอีกสักหลายๆ ครั้งว่า 'ขอบคุณ'... ทั้งที่เป็นคน(อยาก)เขียน แต่ขอโทษจริงๆ ที่ไม่รู้หาคำไหนมาตอบแทนคนอ่านได้ดีกว่านี้

นี่ไม่ใช่ทั้งฟิคและนิยายเรื่องแรกในชีวิต และอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุด แต่มันมีความหมายมากในหลายๆ อย่าง
 
รวมทั้งสาเหตุที่เราเลือกอัพตอนนี้ 'วันนี้' ด้วย

รักทุกคนและทุกคอมเมนท์ ขอบคุณค่ะ^________________^

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เรื่องจริงมันหน่วงใจจังนะ...หืออออ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
โฮรรรร หมอปืน ไม่ล่ายหลั่งใจจจจ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ฮืออออออ
แต่ตอนหมออวยพรให้ในฐานะพี่ชายเนี่ยเท่ห์มากๆเลยนะ แต่แบบบ แง๊

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เฮอ..ตอนนี้มันหน่วงใจอะ :hao5:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด