พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย  (อ่าน 141275 ครั้ง)

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ถึงจะเศร้าแต่ก็อยากอ่านอีกเพื่อจะได้ช่วยแบ่งเบาความทุกข์ใจของนู ร่วมด้วยช่วยกัน อิอิ กอด กอด

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
อ่าว แล้วไหนตอนที่แล้วพี่นิวบอกไม่หมั้นแล้วไง ดราม่าได้ใจจริงๆ รักพี่นูจัง

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่รู้สุขเป็นอย่างไร คละเคล้ากันไปนี่แหล่ะชีวิต
เป็นกำลังใจให้นูนิวต่อไปนะสักวันคงเป็นวันของเรา :L2:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
พี่นูกับพี่นิวเศร้าอีกแล้ว ดราม่าอีกแล้ว :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

คุณย่าใจร้ายที่สุดเบรยยยย :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

สู้ๆ ฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้นะพี่นูพี่นิว :a2: :a2: :a2: :a2: :a2:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
พึ่งจะผ่านเรื่องเศร้า พึ่งจะเข้าใจกัน

ทำไมๆๆๆๆ นูน่าสงสารจัง  :เฮ้อ:

ปัจจุบันดีแล้วใช่มั้ยคะ ถึงตอนหน้าจะเศร้า ขอให้ตอนต่อๆๆๆไปไม่เศร้าทีเถอะ :o12:

พี่นิวไม่ได้แต่งงานใช่มั้ยตอนนี้ แอบคิดว่าพี่นิวจะเลือกนูมากกว่าคนอื่น
ถึงจะยากเพราะดูพี่นิวเป็นคนที่ดูเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวมากขนาดนั้น  :monkeysad:
เเต่ก็ข้อให้พี่นิวมีนูคนเดียวทีเถอะ

รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:



ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :sad11:
รักจำพราก ยากฝากรัก ให้คงอยู่
รักหดหู่ คับแค้น แสนทุกข์เข็ญ
รักซ่อนรัก หนักใจ อย่างเคยเป็น
รักหลบเร้น เห็นใจ ทั้งสองคน

กระชากใจ ให้ขาดวิ่น สิ้นชีวาต
สายใจขาด พลาดหวัง พังทุกหน
วิญญาณ์หลุด สุดยื้อ คืออดทน
หัวใจคน ป่นปี้ นี้แหลกราน

 :o12: โฮกกกกกกก..กาซิก

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
หายหัวไปนาน
กลับมาคุณนูก็บีบคอ
ให้คนอ่านกินมาม่าชามโตอีกแย้ว
สงสารคุณนู กระซิกๆ
(ถึงมันจะผ่านมาแล้วก็เหอะ)
นอนรอคุณนูมาดูใจ
 :sad2:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


ในรีพลายที่ 2 อารมณ์จะประมาณเพ้อ ๆ นะครับ

เป็นช่วงที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจไม่ถูก ระหว่างสิ่งที่ถูกต้อง กับ สิ่งที่อยากทำ

หลาย ๆ คนอาจจะเคยเจอสถานการณ์คล้าย ๆ กันมาบ้าง



ผมเพิ่งจะมารู้ิว่านิสัยตัวเองเป็นแบบนี้ ตอนที่อ่านทำนายนิสัยจากราศีเกิดที่ไหนสักแห่ง

ก็ไม่เคยคิดจะเชื่อนะครับ แต่พอหลาย ๆ อย่างมันเกิดขึ้น แล้วมาเทียบกับนิสัยตัวเองก็เออ...ใช่้เลย

ผมเป็นคนลังเลก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป เพราะความเป็นคนที่ใจอ่อน ไม่ค่อยจะเอาชนะใจตัวเอง

กว่าจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ก็คิดแล้วคิดอีก

เหมือนตาชั่ง ที่กว่ามันจะเที่ยงตรง มันก็แกว่งไกวถ่วงไปถ่วงมาอยู่นั่นแล้ว

















      
      หลังจากที่เราสองคนต่างอยู่กับตัวเองมาตลอดทั้งคืน

เช้าวันนี้พี่นิวเป็นคนเดินมาเคาะประตูห้องผมก่อน ความจริงผมยืนลังเลอยู่นานแล้ว

หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวแต่เช้าว่าจะเป็นฝ่ายเดินไปหาพี่นิวก่อนดีไหม 

ทั้งที่ผมตั้งใจไว้แล้วด้วยซ้ำไปว่า จะใช้ทุกช่วงเวลานาทีกับเขาให้นานที่สุด

อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงวันที่เราต้องตัดขาดกันจริง ๆ

แต่ลึก ๆแล้วกลับมีบางสิ่งมาทำให้ผมเปลี่ยนใจ....สิ่งนั้นบอกกับผมว่า

ถ้าจะต้องตัดขาดจากอะไร หรือใคร ก็จงตัดเสียให้ขาดตั้งแต่บัดนี้

การยื้อเพื่อซื้อเวลาไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น รังแต่จะทำให้ต้องเจ็บปวด ระทมทุกข์ไปเปล่า ๆ

เพราะท้ายที่สุดทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็นอยู่ดี

      “ตื่นนานแล้วเหรอ”

      “ครับ”

      ผมรับคำ...ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืนต่างหาก

ส่วนพี่นิวก็คงเช่นเดียวกับผม แววตาแห้งผากยังคงปรากฏให้เห็น

      “ทำแผลให้พี่หน่อย พี่ทำเองไม่ถนัด”

      พี่นิวยื่นมือที่เจ็บมาให้ผมดู....โธ่...ไม่น่าลืมเลย ผมนึกตำหนิตัวเองในใจ

ที่มัวแต่ห่วงความรู้สึกของตัวเองจนลืมสิ่งที่ผมควรทำให้คนที่ผมรักไปเสียได้

      “ขอโทษครับ...ผมไม่น่าลืมเลย”

      “ไม่เป็นไร”

      พี่นิวนั่งลงที่ขอบเตียง ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มให้ผมเหมือนเคย

ผมพยายามที่จะไม่มองใบหน้าของคนที่ผมพยายามจะตัดใจจาก ยิ่งเห็นเขายิ้มให้แบบนี้

ก็ยิ่งทำให้ผมถอนตัวถอนใจลำบาก เขาจะรู้ไหมว่าการตัดสินใจของเขาที่บอกผมมาเมื่อวานนี้

มันสร้างรอยแผลอะไรไว้ในหัวใจผมบ้าง ผมรู้ว่าการจะยึดพี่นิวไว้กับตัวทั้งที่เขายังมีหน้าที่สำคัญที่ต้องทำ

มันเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ ผมไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมเชือดเนื้อเถือหนังตัวเอง

ด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี เพื่อให้คนอื่นได้อิ่มเอม ผม “จำเป็น” ต้องตัดใจ เพราะคนที่ผมรัก

เขาเลือกทางเดินให้เราทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วต่างหาก


      .....พี่จะไม่ถามผมสักคำเลยหรือครับ ว่าผมต้องการอะไร....


      ผมได้แค่รำพึงอยู่ในใจ ระหว่างที่นั่งทำแผลไปเงียบ ๆ บางทีมันคงจะมีความสุขกว่า

ที่ได้นั่งอยู่ด้วยกันในความเงียบ ถ้าหากว่าสิ่งที่ออกจากปากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันจะทำให้เราเสียใจ

และต้องหดหู่ยิ่งขึ้นไปอีก  เพราะเนื้อหาที่จะพูดคุยกันต่อจากนี้ไป คงไม่พ้นเรื่องของอนาคตว่า

เราจะเดินไปทางไหน...อย่างไรดี   นับแต่นี้คงไม่มีเรื่องของ “เรา” แต่จะมีเรื่อง “อนาคต” ของพี่นิวเข้ามาแทน

ส่วนอนาคตของผมน่ะหรือ....เก็บข้าวของกลับบ้านมั้งครับ

      
พี่นิวออกไปทำงานตามปกติ  แต่เป็นวันหยุดของผม เขาทำงานอาทิตย์ละหกวัน

ตามตารางที่ตั้งไว้  แต่บางครั้งวันทำงานของเขาอาจจะยาวกว่านั้นเป็นอาทิตย์

แล้วไปหยุดรวดเดียวหลังจากนั้นเป็นอาทิตย์ทดแทนกัน 

งานรับเหมาโครงการก่อสร้างที่มีหัวหน้าคนงานดูแลอยู่แล้ว มันก็พอจะให้ความไว้วางใจได้

ในระดับหนึ่ง แต่ในฐานะเจ้าของกิจการ ถ้าจะไม่ไปดูแลเลยก็ใช่ที่ ยิ่งคนอย่างพี่นิวด้วยแล้ว

ความรับผิดชอบในหน้าที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด....ก็นิสัยแบบนี้ไง ที่ทำให้เราต่างกำลังเจ็บปวด

เพราะเขากำลังรับผิดชอบหน้าที่ของลูกชายคนโตของตระกูลอยู่

      เขาออกไปได้ไม่นาน ผมก็กดโทรศัพท์หา

      “มีอะไรครับ”

      “กลับมารับผมที”

      ผมพูดออกไปทันทีเหมือนกลัวเขาจะวางสายไปเสียก่อน ตั้งแต่ตอนกดเบอร์โทรออก

จนถึงตอนนี้ผมไม่ได้คิดกลั่นกรองอะไรเลย  ทุกอย่างผมทำไปตามสัญชาตญาณล้วน ๆ

สัญชาตญาณของคนที่กำลังจะสูญเสียคนที่รักไป และอยากจะไขว่คว้าทุกนาทีมากอดไว้กับตัว

เพื่อว่าในวันข้างหน้าผมจะได้บอกตัวเองว่า ผมได้ทำทุกวิถีทางแล้วที่จะทำให้ “เรา” มีความสุขร่วมกัน

      “รอพี่แป๊บเดียวนะครับ”

      แป๊บเดียวที่ว่า กินเวลาประมาณห้านาที เร็วเสียจนผมไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลย

ยังดีที่เสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ก็เตรียมจะออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ผมแค่คว้ารองเท้าหนังสีหม่นหิ้วไว้ในมือ

แล้วเดินเท้าเปล่ามาขึ้นรถที่จอดรอหน้าประตูรั้วเท่านั้น

      “ทำไมไม่ใส่รองเท้าให้เรียบร้อยก่อน”

      “ผมกลัวพี่นิวเปลี่ยนใจ”

      ผมสวมรองเท้าแล้วผูกเชือกในรถ ก็เพราะมันช้าตรงที่ต้องผูกเชือกไงผมถึงได้รีบ

      “มาถึงบ้านแล้วจะเปลี่ยนใจได้ไง”

      “ไปถึงไหนมาครับ”

      “เกือบถึงออฟฟิศแล้ว”

      โห....จากจุดนั้นมาถึงบ้านเขาเหาะมาหรือไงกัน ถ้าเวลาปกติก็คงจะประมาณสิบห้านาที

      “ทำไมต้องรีบขนาดนั้น”

      “พี่กลัวนูเปลี่ยนใจ”

      เราสองคนหัวเราะให้กันในคำตอบเดียวกัน พี่นิวพูดคำนั้นได้ไม่แปลก

ก็เพราะผมเคยทำมาแล้วน่ะสิ .....ถ้าเมื่อวานนี้ผมบอกว่าตอนเช้าจะติดรถไปทำงานด้วย

แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ผมก็อาจจะเปลี่ยนใจเอาเสียดื้อ ๆ ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากไปนั่งแกร่วที่ไซต์งาน

ดูเขาทำงาน  แถมถ้าไปเจอเส้นทางขรุขระ ทั้งโยกทั้งคลอน ผมก็เมารถเอาง่าย ๆ วันทั้งวันยังกับตกนรก

เพราะที่ไซต์งานไม่มีที่นอนพอจะให้คนเมารถได้นอนอย่างสบาย ๆ แล้วพี่นิวก็ต้องคอยมาดูอาการเป็นระยะ ๆ

ไม่เป็นอันทำงานทำการกันพอดี

ส่วนผมไม่จำเป็นต้องกลัวว่าพี่นิวจะเปลี่ยนใจ เพราะไม่ว่าอะไรที่ผมขอ

หากเขาทำได้ เขาไม่รั้งรอเลยที่จะทำให้ผม คงจะมีเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวมั้งที่ไม่ว่าผมจะร้องขอยังไง

พี่นิวก็คงให้ผมไม่ได้.....ผมอยากขอให้เขาไม่ไปจากผม  ขอไม่ให้เขาทิ้งผมไปอยู่กับคนอื่น...เพราะถ้าผมขอ

ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความเจ็บปวดให้เขามากขึ้นไปอีกไม่รู้เท่าไร..  ...ในมุมที่กลับกัน.......

หากพี่นิวขออะไรที่ผมให้เขาไม่ได้ ผมคงจะรู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน แล้วผมจะขอเขาไปทำไม....เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
 
เราต่างก็ทุกข์ทรมานมากพอแล้วมิใช่หรือ


      จากวันนั้น....ผมก็พยายามที่จะทำให้เรามีความสุขร่วมกันให้มากที่สุด

ใช้เวลาร่วมกันให้นานที่สุด และคุ้มค่าที่สุด ถึงมันจะทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะเวลางานของเขาและผม

แทบจะไม่สามารถผสานกันได้เลย

      บางครั้งพี่นิวต้องออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ไปตรวจงานที่ต่างจังหวัดใกล้ ๆ 

เพื่อจะได้กลับมาในวันเดียวกันให้ทันโดยไม่ดึกมากนัก ผมก็พยายามตื่นแต่เช้ามืดเพื่อส่งพี่นิวขึ้นรถ

จากนั้นก็ทำธุระของตัวเอง แล้วเก็บเอาอาการง่วง ๆ เพลีย ๆ เพราะนอนไม่พอไปทำงาน

บางครั้งถ้าต้องไปต่างจังหวัดไกลออกไป พี่นิวถึงกับต้องไปค้างคืนที่แคมป์งาน

เราก็จะอยู่ในห้องด้วยกันตลอดทั้งคืน พอรุ่งเช้าผมก็ทำหน้าที่ดูแลเสื้อผ้า และส่งเขาขึ้นรถเหมือนเคย


      โชคชะตาคงจะเข้าข้างผมบ้าง ที่ป้ามีความจำเป็นต้องไปอยู่ที่บ้านของลูกชายคนที่สอง

จากที่เคยบ่นมาหลายครั้งหลายหนว่าอยากไปอยู่ด้วย แต่ทางนั้นไม่พร้อม คราวนี้ก็เลยได้ไปอยู่จริง ๆ

เพราะต้องไปเลี้ยงหลานคนแรกที่เพิ่งคลอด คงเหลือเพียงพี่นางที่ยังทำงานบ้านให้เราอยู่แบบเช้าไปเย็นกลับ

หลังจากที่มีครอบครัวไปเมื่อสองปีก่อน ทำให้เรามีเวลาอยู่กันตามลำพังโดยที่ไม่ต้องเกรงว่าใครจะล่วงรู้

ความสัมพันธ์ที่เกินพี่น้อง แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังแยกห้องนอนห้องใครห้องมันเหมือนเดิม

มันเป็นความเคยชินด้วยมั้งผมว่า แม้ว่าในบางคืนเราจะนอนอยู่ด้วยกันจนเช้า

แต่ก็ยังกลับมาทำธุระในห้องส่วนตัวของตัวเองอยู่ดี

      
วันเวลาผ่านไปพอให้เราตายใจ ความเป็นจริงมันก็ย้อนกลับมาเตือนสติ

ไม่ให้ผมหลงระเริงไปกับความสุขที่ผมเฝ้าหลอกตัวเองเรื่อยมา

      คราวนี้คุณย่าโทรมาด้วยตัวเอง บังคับกลาย  ๆให้พี่นิวไปหาให้ได้ แค่พี่นิวบอกผมว่าต้องไป

หาคุณย่า ผมก็รู้แล้วว่าพี่นิวจะต้องไปเจออะไร ซึ่งความจริงคือ “ใคร” ต่างหากสินะ

      ตลอดช่วงเวลาที่พี่นิวไม่อยู่ ผมทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด อิจฉา น้อยเนื้อต่ำใจ

โกรธแค้นโชคชะตา สารพัดความรู้สึกที่แสนทรมาน เวลาที่นึกภาพว่าพี่นิวมีใครเคียงข้าง และอดไม่ได้

ที่จะคิดไปว่า พี่นิวอาจจะมีใจให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำไป

ห้าวันแห่งความทรมานที่ผมต้องอยู่คนเดียว ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะกินจะนอน

แต่ผมยังต้องไปทำงานทุกวันและฝืนทำตัวเองให้เป็นปกติ ด้วยหน้าตาที่ซูบเซียวของผม

แถมกินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกหมด ทำให้เพื่อนร่วมงานคิดไปว่า ผมไม่ค่อยสบาย ที่แย่ไปกว่านั้น

ผมทำเงินขาดบัญชี

      งานของผมต้องอยู่กับเงิน ไม่ว่าจะรับเงิน จ่ายเงิน ผมต้องมีสติว่าธนบัตรที่อยู่ในมือ

เป็นธนบัตรประเภทไหน ลูกค้าเบิกหรือฝาก สมาธิเป็นสิ่งสำคัญ แต่บ่อยครั้งที่ผมลืมเอามันติดตัวมาทำงานด้วย

      วันนั้นเป็นวันศุกร์ หลายคนอยากกลับบ้านหลังจากที่ต้องทำงานอย่างคร่ำเคร่ง

มาตลอดสัปดาห์ แต่ผมกลับทำให้ทุกคนต้องมาคอย ด้วยสาเหตุจากความไม่มีสมาธิของผม

ที่สำคัญ ถ้าเงินสดขาดบัญชีจริง ผมก็ต้องชดใช้ ใบพันหนึ่งแหนบคือหนึ่งร้อยใบ มีค่าเท่ากับเงินหนึ่งแสน

      แล้วผมจะหาที่ไหนมาใช้คืนเขา เงินมากขนาดนั้น....ผมเอามือกุมขมับ ในสมองตื้อไปหมด

ทั้งเรื่องที่รุมเร้าอยู่ก่อนแล้ว และปัญหาเงินขาดที่ยังหาไม่เจอ

      ทุก ๆ คนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตั้งประเด็น สมมติเหตุการณ์ สารพัดจะทำ

เพื่อให้ผมนึกอะไร ๆ ออกบ้าง แต่มันก็ตื้อหนักกว่าเดิม
   
      แล้วอยู่ ๆ ผมก็นึกถึงลูกค้ารายหนึ่งขึ้นมาได้ ผู้ชายวัยสามสิบกว่า ๆ คนที่ชอบทำหน้านิ่ง ๆ

วันนี้เขามาเบิกเงินเก้าแสนห้าหมื่นบาท ผมจ่ายเงินให้เค้าไปเป็นใบละพันสิบแหนบที่ทำรายการเบิก

จากผู้รักษาเงิน แถมยังล้วงเงินในลิ้นชักให้เค้าไปอีกห้าหมื่น

      ผมกดโทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่อยู่ท้ายลายเซ็นต์บนสลิปถอนเงินของคุณวิษณุ

สัญญาณดังอยู่นานแต่ไม่มีคนรับสาย กระทั่งมันตัดไปเอง ผมลองกดอีกสองครั้ง ก็ได้ผลเท่าเดิม

แล้วในที่สุดคุณวิษณุก็เป็นฝ่ายโทรกลับมา จากนั้นผมก็เท้าความถึงรายการจ่ายเงินให้เขาเมื่อกลางวัน

คุณวิษณุขอตัวเดี๋ยวเดียว บอกว่า ตั้งแต่กลับจากแบงก์ยังไม่ได้เปิดถุงเงินออกดูเลย

      จากนั้นก็กลับมาบอกว่าเขาไม่สะดวกที่จะนำเงินมาคืน ด้วยเหตุที่เป็นเวลาจวนค่ำ

บ้านของเขาก็อยู่ไกลจากที่ทำงานผมพอสมควร  ใช้เวลาเดินทางร่วมครึ่งชั่วโมง แถมเรื่องนี้ยังมีสาเหตุมาจาก

ความสับเพร่าของผมเอง เมื่อคุณวิษณุบอกอย่างนั้น  ผมก็ไม่ลังเลที่จะบอกว่าผมจะไปรับเงินคืนด้วยตัวเอง

พร้อมกับพี่อีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานอยู่ฝ่ายสินเชื่อ นับว่าโชคผมยังดีที่เจอคนซื่อสัตย์

ไม่เห็นแก่ได้อย่างคุณวิษณุ ถ้าลองเขายืนยันว่าเขาได้เงินไปเท่าจำนวนที่เขียนในสลิปถอนเงิน

ผมจะไปทำอะไรได้นอกจากหาเงินมาชดใช้

      ผมกล่าวขอบคุณคุณวิษณุเสียมากมาย แต่เขาพูดเพียงว่า มันไม่ใช่เงินของเขา

ไม่ใช่ลาภที่ควรได้ ได้มาก็ไม่มีความสุข สู้ทำงานแลกมันมาด้วยหงาดเหงื่อก็ไม่ได้....

                ผมช่างโชคดีที่ได้พบคนแสนดีอีกคนหนึ่ง แล้วหลังจากวันนั้น ดูเหมือนเราก็เพิ่มดีกรี

ความสนิทสนมขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันนี้ แม้คุณวิษณุจะมีครอบครัวไปแล้ว และย้ายแบงก์เดินบัญชีกิจการ

เราก็ยังติดต่อกันเป็นระยะ ๆ หลายครั้งที่ผมได้ช่วยเหลือเขาเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน

ซึ่งมันช่วยลดภาระหนี้ทางใจที่ผมรู้สึกติดค้างไว้ได้พอสมควร

      เรื่องทุกข์ใจของผมปลดเปลื้องออกไปได้ในเวลาเพียงไม่นาน อย่างน้อย

ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้างว่า มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของผมด้วยเหมือนกัน

      

การอยู่ตามลำพังของเราสองคน โดยที่มีเพียงพี่นางคอยดูแลบ้านให้ในตอนกลางวัน

ทำให้เรามีอิสระที่จะแสดงอารมณ์ฉันคนรักมากขึ้น อย่างไม่ต้องสนใจทั้งสถานที่และเวลา

ฟังดูเหมือนจะดี เพราะมันทำให้ผมได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ทีแรกว่า เวลาที่เหลืออยู่ขอใช้ให้คุ้มค่า

กับการได้อยู่กับคนที่ผมรัก ผมไม่รู้ว่าพี่นิวมีเจตนาเดียวกับผมหรือเปล่า

แต่เราก็มีความสุขด้วยกันอย่างล้นเหลือ แม้ว่านาน ๆ ครั้งจะมีประกาศิตจากคุณย่า

ให้พี่นิวเตรียมการเพื่อวันสำคัญ (ซึ่งผมไม่เคยรู้ว่ามันเมื่อไรกันแน่) จากนั้นผมก็จะซึม ๆ

กับการถูกย้ำเตือนโดยไม่ตั้งใจของคุณย่า

      
คุณแม่มักจะโทรมาให้กำลังใจเราบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ใช้เวลาพูดคุยนานนัก

และพูดกับผมแทบจะนับคำได้  ผมคิดว่าคุณแม่คงรู้สึกผิดอยู่ในใจตลอดเวลาที่ผมต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

ทั้งที่ผมเคยบอกไปแล้วว่าไม่มีใครผิดทั้งนั้น ชะตาชีวิตของผมมันคงเป็นไปแบบนี้เองมั้ง

ก็จะเอาอะไรกับความรักที่มันผิดกับชาวโลกเขาเล่า ดู ๆ ไปไม่เห็นจะมีใครสมหวังยั่งยืนกันสักคู่ 

หรือถ้าจะมีผมก็ไม่เคยเห็นว่ามีใครประกาศตัวให้ใครต่อใครได้รับรู้อย่างหน้าชื่นตาบานเลยสักคู่

อย่างน้อยก็รอบ ๆ ตัวผม แม้แต่ปืนกับปอก็ยังไม่เคยเปิดเผยให้ครอบครัวเขาได้รู้เลย อย่างน้อยก็ในตอนนี้ล่ะ

      ที่ผมบอกว่า มันดูเหมือนจะดีที่เราได้มีเวลาแสดงความรักต่อกันอย่างไม่มีขอบเขตและเวลา

ภายในบ้านของเราเอง....ใช่ครับ ไม่ว่ายังไงเราสองคนก็ยังไม่กล้าแสดงตัวตนให้คนรอบข้างได้รับรู้เหมือนเดิม

แต่ไอ้การที่มีอิสระมากเกินไป กลับทำร้ายผมอย่างไม่คาดคิด

      ผมกลับเสพติดการได้อยู่ร่วมกับคนที่ผมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

มันหนักกว่าการที่มีคนอื่นเดินไปเดินมาในบ้านให้เราได้ระวังตัวเสียอีก

      ยิ่งนานวันความรู้สึกเป็นเจ้าของพี่นิว ยิ่งทำให้ผมอยากเหนี่ยวรั้งเขาไว้กับตัวเอง

จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งผมเคยคิดจะตัดใจตั้งแต่วันที่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะไม่มีคำว่า “เรา” อีกต่อไป

มาวันนี้ผมไม่สามารถถอยไปที่จุดนั้นได้อีกแล้ว ผมไม่สามารถตัดใจจากเขาได้ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย

ผมคงจะไม่มีวันแยกจากเขาได้ แต่ผมก็ยังไม่มีหนทางที่จะทำให้ความปรารถนาของผมเป็นจริงขึ้นมาได้

ทุกอย่างยังคงมืดมน หนทางที่ก้าวเดินก็ตีบตัน

      ผมว่ายวนอยู่ในความทุกข์ทรมานที่แสนจะขมขื่นนั้น พร้อม ๆกับจิบรสรักด้วยความสุข

ที่แสนหวานไปด้วยเป็นแรมเดือนได้ยังไงไม่รู้  ไม่มีอะไรที่คนเราจะได้มาง่าย ๆ ผมรู้....ใคร ๆ ก็รู้

แต่ที่ผมรู้ยิ่งกว่ารู้ก็คือ ระหว่างผมกับพี่นิวมันมีกำหนดเวลา และมันก็คืบคลานมาหาเราอย่างช้า ๆ


      ผมเครียดขึ้นทุกวันโดยไม่รู้ตัว ร่างกายผมอาจจะทำอะไรไปโดยอัตโนมัติ

ตามความเคยชินในแต่ละวัน แต่ละกิจกรรม แม้แต่เรื่องการทำงาน ซึ่งผมใช้ความระมัดระวังมากขึ้น

หลังจากที่มีเหตุการณ์เงินขาดคราวนั้นเป็นบทเรียน

      แต่พี่นิวเครียดเหมือนผมหรือเปล่า ผมไม่รู้และดูไม่ออก เพราะปกติเขาเป็นคนนิ่ง ๆ

 สุขุม สุภาพ นอกจากจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิท ถึงจะเห็นเขาออกลิงออกค่างบ้าง แต่กลุ่มเพื่อนฝูงเหล่านั้น

ก็หายเข้ากลีบเมฆไปหมด ด้วยภาระที่แต่ละคนมีอยู่

      เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ก็แทบจะไม่พูดเรื่องแสลงใจโดยไม่จำเป็น ผมคนหนึ่งล่ะ

ไม่รู้จะพูดให้ตัวเองปวดแปลบแสบร้อนไปทำไม ส่วนพี่นิวจะพูดถึงก็ต่อเมื่อ คุณย่าให้ไปจัดการธุระบางอย่าง

กับครอบครัวฝ่ายหญิง บางทีไม่มีธุระอะไรก็ใช้ให้ไปเยี่ยมเยียนตามมารยาท บางครั้งที่พี่นิวอ้าง

เรื่องไปดูงานโครงการที่รับไว้ คุณย่าก็จะจัดการให้คนอื่นไปแทน พูดง่าย ๆ ว่าไม่ว่าคุณย่าให้ทำอะไร

เกี่ยวกับครอบครัวนั้น พี่นิวต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ไม่มีคำว่า “ไม่ว่าง”

      แม้แต่วันเกิดของผม....เราก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว

      ใช่ว่าเราจะให้ความสำคัญอะไรนักหนากับวันเกิด เพียงแต่ว่า เมื่อเราตกลงกันด้วยใจ

ว่าจะใช้เวลาที่เหลือด้วยกันอย่างมีความสุข  กิจกรรมต่าง ๆ ก็เหมือนจะถูกร่างขึ้นมา

เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำของเราสองคน อาจจะไม่มีการพูดคุยตกลงกันอย่างเป็นทางการ

แต่เมื่อใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าจะทำอะไร อีกคนก็จะตอบรับทันทีโดยไม่มีข้อแม้ เพราะเราสองคนต่างก็รู้ว่า

ทุกเรื่องราวจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป

      “นูจะยกเลิกวันลาพักร้อนก็ได้นะ ไว้พี่....ว่างจริง ๆ เราค่อยไปกัน”

      พี่นิวพูดขึ้นมาหลังจากได้รับประกาศิตจากคุณย่าว่าจะต้องไปเยี่ยมครอบครัวฝ่ายหญิง

เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดของ “ว่าที่แม่ยาย” ช่างมาเกิดได้ตรงกับวันเกิดของผมซะด้วย

      ผมอุตส่าห์ยื่นวันลาพักร้อนล่วงหน้าเป็นเดือน เพื่อจะมีวันนี้...วันที่เราสองคน

จะได้ฉลองกันเงียบ ๆ ที่รีสอร์ทต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง มันไม่ได้ไกลอะไรหรอกครับ ความสุขของผม

ไม่ได้อยู่ที่การได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่สวยงามเป็นเลิศ ไม่ได้อยู่ที่สถานที่หรูหราราคาแพง

ผมขอแค่ที่เล็ก ๆ ที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง โดยไม่มีอะไร หรือว่าใครมารบกวน

ขอแค่การได้อยู่ด้วยกัน แค่ในบ้านของเราเท่านั้น  ผมก็ไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าหาความสุขที่ไหนอีก

      แต่นี่มันอะไร....แค่ความสุขเล็ก ๆ ของผมในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่มันจะมีความหมายกับผม

พระเจ้าก็ให้ผมไม่ได้เชียวหรือ

      “ไม่เป็นไรครับ ผมพักผ่อนอยู่กับบ้านก็ได้ พี่นิวไปเหอะ”

      ผมฝืนยิ้มให้เขาอย่างพยายามจะทำให้มันดูเป็นธรรมชาติที่สุด เดี๋ยวนี้ผมเสแสร้งเก่งขึ้นทุกวัน

เพียงเพราะไม่ต้องการให้พี่นิวรู้ว่า ผมต้องหวานอมขมกลืนแค่ไหนกับสภาพตัวเองตอนนี้

ผมต้องพยายามปั้นหน้าให้สดใส ปั้นปากให้ยิ้ม ให้ดูเป็นว่า ผมเข้าใจ ผมรับได้ และ ผมสบายดี

ผมจะให้เขารู้ได้ยังไงว่า เพราะสำนึกความรับผิดชอบในหน้าที่ต่อวงศ์ตระกูลของเขา

ทำเอาผมเลือดโทรมหัวใจอยู่ทุกวัน เขารู้ เขาก็ยิ่งทุกข์ เห็นเขาเป็นทุกข์ผมหรือจะสุขอยู่ได้

      “อย่างน้อยเราก็ได้อยู่ด้วยกันในวันเกิดพี่นิวไปแล้วนี่ครับ ไม่เป็นไรหรอก”

      ผมทวนให้เขานึกถึงวันเกิดของเขาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่เราได้อยู่ด้วยกันในป่าเขา

      คืนนั้นเป็นวันศุกร์พี่นิวบอกว่าวันรุ่งขึ้นต้องไปไซต์งาน ทั้งที่ผมเตรียมอาหารสด

สำหรับทำอาหารมื้อพิเศษในคืนวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันเกิดของเขา ทุกอย่างถูกเปลี่ยนแผนกระทันหัน

ผมเข้าครัวเตรียมอาหารง่าย ๆ เป็นเสบียงสำหรับจะไปค้างคืนที่ไซต์งานด้วยกัน แผนทุกอย่างเปลี่ยนได้

แต่แผนที่จะได้ข้ามคืนวันเกิดด้วยกันจะเปลี่ยนไม่ได้เป็นอันขาด

      ด้วยเวลาเพียงสองชั่วโมงผมก็ได้หมูสับทอดกระเทียมพริกไทยจนแห้งมาถ้วยใหญ่

ไปถึงที่โน่นก็เอาลงกระทะอีกทีให้เหลืองกรอบ ผักกาดแก้วจัดไว้ในกล่องพลาสติกพร้อมกับมะเขือเทศลูกโต

สีแดงสด แครอท แตงกวา ค่อยไปหั่นที่โน่น ไข่ต้ม เนื้อไก่สุก ที่ผมตั้งใจจะทำสลัด  หมูบดและเนื้อบด

อย่างละกระป๋อง เพราะพี่นิวชอบเนื้อหมู ในขณะที่ผมชอบเนื้อวัวมากกว่า ที่ต้องไปหาเพิ่มระหว่างทาง

ก็คงแค่ขนมปังสักปอนด์

      จากเมนูสเต็ก สลัดผัก และมักกะโรนีของชอบของเราสองคน กับไอศกรีมช็อกโกแลต

กล่องใหญ่ที่ยังไม่ได้ซื้อ สำหรับฉลองวันเกิดพี่นิวในค่ำคืนวันอาทิตย์ เมนูก็ถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

มันไม่สำคัญว่าเราจะกินอะไรกันเพื่อเป็นการฉลอง มันสำคัญตรงที่ เราได้ฉลองด้วยกันสองคนต่างหาก


      พี่นิวออกเดินทางไปตามคำสั่งของคุณย่าอย่างไม่ต้องห่วงว่าผมจะเหงา

เพราะผมบอกว่าจะไปหาแม่ ระหว่างที่เขาไม่อยู่ ผมตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ เพราะไม่ได้ไปนอนค้างกับแม่

นานมากแล้ว ส่วนใหญ่ผมแวะเวียนไปกินข้าวแล้วก็กลับ เหมือนเป็นคนละครอบครัว แต่ในสายใยนั้น

เราต่างก็รับรู้ว่าความผูกพันยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ถึงเขาจะมองดูผมอยู่ห่าง ๆ แต่เราก็ไม่เคยเหินห่าง

      การไม่อยู่ของพี่นิว ทำให้ผมเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

      ผมจะทนอยู่ในสภาพนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน

      จริงอยู่....เราอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข เรื่องบาดหมาง ข้อขัดแย้ง

แทบจะไม่เกิดขึ้นอีกเลย ผมหายจากนิสัยขี้งอนโดยไม่รู้ตัว เป็นวิถีที่น่าอิจฉา ถ้ามองแค่เพียงผิวเผิน

แต่ลึกลงไป อาจจะมีเพียงผมที่รู้อยู่คนเดียวว่าในอกใจของผมมันกลัดหนองขนาดไหน

      เรื่องคู่หมั้นของพี่นิว เหมือนเสี้ยนที่ตำใจทุกครั้งที่มีอะไรมาสะกิดให้นึกถึง

หากเพียงแค่อ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่นิว ริ้วรอยที่ถูกเสี้ยนตำหนามข่วนก็กลับสมานได้อย่างน่าอัศจรรย์

      วันนี้ผมยังมีอ้อมกอดนี้

      หากวันหน้าล่ะ....อ้อมกอดของเขายังจะมีเผื่อมาถึงผมอีกไหม

      ความเจ็บปวดยังจะอยู่กับผมไปอีกนานแค่ไหน

....ไม่ต้องให้ใครตอบ ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจ

จริง ๆ แล้วผมควรจะทำสิ่งที่ถูกที่ควรเสียนานแล้ว ถ้าไม่มัวแต่หวงเอาเวลาแห่งความสุข

จอมปลอมนี้ไว้กับตัว หลอกตัวเองว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เก็บเกี่ยวเอาความสุขให้มากที่สุด เพื่อวันหน้า

จะได้มีวันเวลาดี ๆ ให้นึกถึงด้วยรอยยิ้มว่า ชีวิตของผมที่ผ่านมาก็มีคนรักกับเขาเหมือนกัน

ทั้งที่แท้จริงแล้ว ผมแอบหวังลึก ๆ ว่าผมอาจจะไม่ต้องสูญเสียเขาไปต่างหาก

      มันน่าจะถึงเวลาที่ผมจะเดินออกจากชีวิตพี่นิวเสียที เจ็บวันนี้ หรือวันไหน มันก็ค่าเท่ากัน

เพราะไม่ว่ายังไง ท้ายที่สุดแล้วพี่นิวก็ไม่ใช่ของผม

      

ผมเปลี่ยนใจเทเสื้อผ้าสองชุดออกจากกระเป๋าแรมคืน หยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

ออกมาปัดฝุ่น แล้ววางพักไว้กลางห้อง หยิบเสื้อผ้าที่ใช้เป็นประจำออกมาจากตู้และลำเลียงลงกระเป๋า

อย่างไม่รีบร้อน ผมไม่มีทางเก็บมันได้หมดหรอก เวลาเป็นสิบปีที่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ กับการเก็บกวาดข้าวของ

ของตัวเองลงกระเป๋าใบแค่นี้มันเทียบกันไมได้เลย ผมคงจะมีเสื้อผ้าข้าวของทิ้งไว้ที่นี่บ้าง

โดยที่ทุกคนที่บ้านนี้อาจจะคิดไปว่า สมาชิกในบ้านย้ายออกไปชั่วคราว....แต่สำหรับผม

คำว่าชั่วคราวคงหมายถึง จนกว่าแผลใจจะหายดี หรือว่าบางทีมันอาจจะไม่มีทางหายก็ไม่อาจรู้ได้

      สิ่งสำคัญที่ผมต้องเก็บติดตัวไปด้วยอย่างที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คงเป็นทุก ๆอย่างที่พี่นิวให้ผม

ยกเว้นหัวใจรัก ที่ผมคงต้องคืนให้เขาไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2012 01:31:49 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2





      
      เพียงสองสามวันที่ผมกลับมาอยู่บ้าน ความรู้สึกสองอย่างก็ตีกันวุ่นวายอยู่ในอก

      ผมได้ความรู้สึกอุ่นใจคืนมา แม้จะแตกต่างจากความอบอุ่นที่ได้รับในอ้อมกอดของพี่นิว

แต่หากจะเทียบเรื่องคุณค่า ผมว่าความรู้สึกอุ่นใจที่ผมได้รับจากพ่อกับแม่ กลับมากมายมหาศาลเสียจน

ผมสุขจนล้นใจทุกครั้งแค่เพียงได้อยู่ใกล้ ๆ ถึงผมจะไม่เคยคลอเคลียกับพ่อ แต่แววตาที่เพ่งมองผม

ก็เปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยที่ผมสัมผัสได้ชัดเจน ส่วนกับแม่ ผมก็นัวเนียแม้กระทั่งเวลาจะเข้านอน

จนพ่อต้องไล่ให้กลับมานอนที่ห้องตัวเองทุกคืน ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่า ผมกลับมามีความสุขอีกครั้ง

สุขอย่างร่มเย็นด้วยความรักจากพ่อกับแม่ที่ไม่เคยจางหาย และนับวันมีแต่จะเพิ่มและแนบแน่นขึ้น

      แต่เมื่อหันหลังให้พ่อกับแม่ กลับมาที่ห้องของตัวเองอย่างเดียวดายเมื่อไร

ความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดจากการต้องนับวันรอการพลัดพรากจากคนที่รัก


มันก็โถมทำลายความสุขอันร่มเย็นในใจผมจนหมดสิ้น มิหนำซ้ำยังทำร้ายหัวใจของผมให้บอบช้ำ

จนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองหลุดพ้นบ่วงนี้ไปได้ยังไง

      กี่ครั้งกี่หนที่ผมต้องเสียน้ำตาให้กับความรัก....รักเดียวที่ผมมีมาตลอดทั้งชีวิต

      นึกย้อนกลับไปเมื่อวันวาน....ผมเสียน้ำตาเพราะคิดว่าตัวเองรักเขาข้างเดียว

รักคนที่มีเจ้าของแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ผมรักเพศเดียวกัน รักทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสังคมรอบข้างเราไม่มีวันจะยอมรับได้

แล้วรักนั้นมันจะเป็นจริงไปได้ยังไง

      แต่แล้วมันก็เป็นจริงขึ้นมา....ผมได้รักมาครอบครองอย่างไม่คาดฝัน....มันก็ใช่...

ที่ส่วนหนึ่งมันเกิดจากความพยายามของผมเอง แต่ฟ้าก็เป็นใจไม่ใช่หรือ ที่จะให้เขามาเป็นคู่ของผม

      แล้วฟ้าก็จับเขาแยกจากผมไปเสียไกลถึงเมืองหลวง แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นการจาก

เพื่ออนาคตที่ดีของเราทั้งคู่....ผมก็พร้อมจะรอวันที่เราจะได้กลับมาครองสุขร่วมกัน

      แต่ฟ้า....กลับแยกเราให้ห่างกันไปอีก...คนละฟากฟ้า ผมเสียน้ำตาไปเท่าไร

กับการจากกันครั้งนั้น การจากลาที่มีเพียงการตัดสินใจของพี่นิวเพียงฝ่ายเดียว

โดยที่ผมต้องระทมทุกข์อยู่เบื้องหลัง กว่าที่เราจะเข้าใจกันและกัน และได้ร่วมชีวิตกันอย่างมีความสุข

เราได้สูญเสียเวลาไปเท่าไร

      แล้ววันนี้....ผมยังเหลืออะไรอีก...นอกจากน้ำตาและความเจ็บปวดรวดร้าวที่แสนทรมาน

อยู่คนเดียวในห้องที่ว่างเปล่า ไม่มีอ้อมกอดของคนที่ผมรัก ไม่มีรอยยิ้ม และคำพูดปลอบประโลม

ยามที่ผมทุกข์ทนหม่นไหม้.....และจากนี้ก็คงจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว



      จากวันที่พี่นิวไป ผมก็นับวันรอ ผมไม่กล้าตอบตัวเองว่าผมจะรอไปทำไม

ในเมื่อตัวเองตัดสินใจที่จะก้าวออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว สมองผมคิดถึงความถูกต้อง

ในขณะที่หัวใจผมร่ำร้องที่จะทำตามความต้องการ มันไม่เคยที่จะทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว

ให้ร่างกายได้หายเหนื่อยล้าจากความทุกข์บ้างเลย

      บางวันผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกว่า ตัวเองพร้อมแล้วที่จะก้าวเดินต่อไปตามลำพัง

ผมจะยืนอยู่ห่าง ๆ เพื่อที่จะมองดูคนที่ผมรักประสพความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน ทั้งการงานและครอบครัว

แต่ความคิดนั้นมันก็อยู่กับผมได้ไม่นานเลย อยู่ ๆ ความคิดเห็นแก่ตัวมันก็ผุดโผล่ขึ้นมา

อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย....เขาเป็นของผม และผมก็รู้ว่าเขาคงไม่มีความสุขแน่ ๆ ถ้าต้องอยู่กับใครที่ไม่ได้รัก

และไม่มีใครที่จะรักเขาได้มากเท่าผมอีกแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย ที่ใครจะมาแยกเราออกจากกัน

จากนั้นผมก็พยายามหาวิธีที่จะทำให้เราได้อยู่ด้วยกันต่อไป ผมไม่สนทั้งนั้น

ว่าใครจะมาอยู่ร่วมชายคากับเราอีกคน ผมรู้แค่ว่า คนที่มาทีหลัง ยังไงก็ต้องรับสภาพนี้ให้ได้

ทีผมยังเสียสละพื้นที่ที่ควรจะเป็นของผมคนเดียว ให้เขาก้าวเข้ามาอยู่ร่วมกันได้เลย

ถ้าเขาอยากอยู่ เขาก็ต้องทน เช่นเดียวกับที่ผมทน

....ผมลืมไปว่าความจริง พี่นิวเป็นคนตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้



      ผมกลับมาอยู่บ้านแม่ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่บ้าน ไม่ได้อยู่ที่ร้าน พ่อกับแม่ก็เลยไม่ค่อยเห็น

ว่าวัน ๆ ผมทำอะไรบ้าง จะมีก็แค่วันแรกที่ถามว่า จะมาอยู่กี่วัน พอบอกว่าขออยู่เรื่อย ๆ

เพราะช่วงนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อกับแม่ก็ไม่มาเซ้าซี้อะไรต่อ

      ความคิดผมวนเวียนอยู่เรื่องเดียวไปวัน ๆ วันไหนสมองแข็งแรง ผมก็ทุกข์น้อยหน่อย

เพราะปลงได้บ้างแล้ว ส่วนวันไหนหัวใจมันแข็งแรงกว่า ผมก็กินน้ำตาต่างข้าวไป

ยิ่งอยู่คนเดียวผมก็ยิ่งฟุ้งซ่าน จมดิ่งอยู่กับการหาวิธีที่จะเข้าไปแทรกในชีวิตพี่นิวให้ได้

      ผมหลอกตัวเองมาหลายวันว่าที่มาอยู่บ้านแม่นี่เป็นก้าวแรกที่ผมจะเดินออกจากชีวิตพี่นิว

อย่างจริงจังเสียที แต่เอาเข้าจริง ผมกลับจำได้แม่นว่า วันนี้แหละเป็นวันที่เขาต้องกลับมา

พอคิดได้ใจมันก็เริ่มร้อนรุ่ม เต้นเร่า ๆ เพราะทุกทีเขาจะมาถึงพอดีเวลากินข้าวเที่ยงพร้อมผม

แต่นี่มันก็บ่ายมากแล้ว ถ้าเขากลับถึงบ้านแล้วไม่เห็นผมอยู่ที่บ้าน ก็คงจะโทรหา

แต่ที่ไม่โทร ก็คงสันนิษฐานได้อย่างเดียวคือ เขายังไม่กลับมา

      ผมทนรออยู่ได้ไม่กี่อึดใจก็ต้องกดเบอร์โทรออกอย่างอดใจไม่ไหวแล้ว

ผมอยากรู้ว่าตอนนี้พี่นิวอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่กลับ ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยของผมมาแต่ไหนแต่ไร

ตั้งแต่มีเรื่องนี้เข้ามาปั่นป่วนในชีวิตผม อะไรหลาย ๆ อย่างในตัวผมก็เปลี่ยนไป

      พี่นิวกดรับแทบจะทันที ผมได้ยินเสียงที่ปลายสายอื้ออึงไปหมด

เหมือนอยู่ท่ามกลางที่ชุมนุมอะไรสักอย่าง มีทั้งเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ของเด็กและผู้ใหญ่

แต่มีเสียงหนึ่งวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ตัวเขาแทบจะตลอดเวลา เป็นเสียงผู้หญิงที่ผมไม่คุ้นเคย

      “พี่นิวอยู่ไหนครับ ยังไม่กลับอีกเหรอ”

      “อืม...พี่กำลังจะโทรบอกเหมือนกันว่าวันนี้คงยังกลับไม่ได้”

      “ทำไมอะครับ มีเรื่องสำคัญเหรอครับ รู้ไหมผมรออยู่นะ”

      ผมหยอดเสียงอ้อนอย่างจะเรียกร้องความสนใจ ที่เคยใช้ได้ผลทุกครั้ง แล้วเขาก็จะบอกว่า

จะรีบมาให้เร็วที่สุด อาจจะตามด้วยเสียงจุ๊บ ๆ ไม่งั้นก็คำพูดหวาน ๆ อย่างคำว่าคิดถึงอะไรทำนองนั้น

แล้วผมก็จะยิ้มจนแก้มฉีกตอบเขาไปด้วยคำเดียวกัน แต่ในปริมาณที่มากกว่า เป็นต้นว่า

ถ้าเขาคิดถึงผม ผมก็จะบอกว่า ผมคิดถึงเขามากกว่า

      “อีกสองสามวันนะครับ......”

      มีเสียงเรียกพี่นิว ดังขึ้นข้าง ๆ เป็นเสียงผู้หญิง พี่นิวหยุดพูดกับผมหันไปพูดด้วย

แล้วกลับมาคุยกับผมต่อ

      “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับ แล้วพี่จะรีบกลับ”

      เสียงนั้นยังเรียกชื่อพี่นิว ในระยะที่ห่างออกไป แต่มันกลับดังชัดเจนกว่าเมื่อกี้ซะอีก

      ผมยังไม่ทันจะรับคำอวยพรนั้น พี่นิวก็วางสายไป....สติผมกลับมาอีกครั้งถึงลำดับได้ว่า

พี่นิวอวยพรวันเกิดให้ผม.....แต่นั่นมันเมื่อวานนี้นี่นา

      ถึงเราจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันเกิดมากนัก แต่คำอวยพรง่าย ๆ ไม่กี่คำ

ก็ไม่เคยจะออกจากปากผิดเวลาเหมือนครั้งนี้ ผมไม่ควรตำหนิเขาสินะ แม้แต่ตัวเองก็ยังลืมเลยว่า

เมื่อวานเป็นวันเกิด จะมีหน้าไปว่าคนอื่นเขาได้ยังไง....ผมโถมตัวลงบนที่นอนร้องไห้คร่ำครวญเสียให้สาแก่ใจ

ให้กับการที่ตัวเองหมดความสำคัญลงไปทุกที ถึงผมจะไม่รู้ว่าเสียงผู้หญิงที่ได้ยินเป็นใคร

แต่ผมก็รู้นี่ว่า วันเกิดของผมตรงกับวันเกิดของใคร....คนสำคัญที่พี่นิวต้องไปอวยพรวันเกิดให้เขา

แทนการอยู่ฉลองวันเกิดกับผม แค่นี้ผมก็เดาได้แล้วว่าเสียงใคร

      ผมร้องไห้จนปวดกระบอกตาไปหมด น้ำตาซึมลงไปในหมอนจนเปียกชุ่ม

จนผมคิดว่ามันถูกรีดออกไปจนหมดตัวแล้วมั้ง พอก้มหน้าผมก็เห็นแหวนทองคำขาวที่เคยมีคนสวมให้ที่นิ้วชี้

แต่ตอนนี้ผมย้ายมันมาไว้ที่นิ้วนางอีกมือหนึ่งเพราะมันพอดีกว่า

      เมื่อหลายปีมาแล้ว เจ้าของแหวนบอกตอนที่เขาสวมมันให้ผมในค่ำคืนที่เราได้อยู่ด้วยกันว่า

 ผมเป็นคนเดียวที่ชี้เป็นชี้ตายในชีวิตเขาได้....ถึงพียงนั้น   คิดดู....มันน่าภูมิใจน้อยเสียเมื่อไร

ที่ใครคนนั้นให้ความสำคัญกับคนที่เขาบอกรัก  แต่ผมไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้น สำหรับชีวิตคน ๆ เดียว

ที่สำคัญที่สุดสำหรับผม มันไม่จำเป็นเลยที่ผมจะต้องชักจูง ชี้นำ หรือแม้แต่จะชี้ขาดชีวิตของเขา

ระหว่างคนสองคนที่รักกัน ผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จะดีหรือร้าย ขอเพียงทั้งคู่มีหัวใจรักนำทาง

อุปสรรคใด ๆ หนักหนาแค่ไหน ก็จะฝ่าฟันจนผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเสมอ

      ผมคิดถึงเจ้าของแหวนจนต้องโทรไปหาเขาอีกครั้ง เพียงเพื่อจะได้ยินเสียง

ผมคิดถึงพี่นิวจับหัวใจ ไม่ใช่ความคิดถึงอย่างทุก ๆ ครั้งที่เมื่อเราไม่เจอหน้ากันก็อยากจะบอกให้อีกคนได้รู้ว่า

....คิดถึงนะ....

      แต่มันเป็นความคิดถึง ด้วยความโหยหา อาวรณ์ เพราะว่าเขาอยู่ไกล...ไกลเหลือเกิน

นับวันก็จะยิ่งไกลออกไปเรื่อย ๆ ไกลขนาดนั้น ผมจะเอื้อมคว้ากลับมาได้ยังไง...ไม่รู้เลย

      “ว่าไงครับ”

      แค่นี้ก็เหมือนน้ำทิพย์ชโลมหัวใจผมแล้ว

      “ไม่มีอะไรครับ ผมคิดถึง”

      “ครับ....เหมือนกัน”

      ผมกดวางสายก่อน แล้วน้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปแล้ว ก็ร่วงพรูออกมาใหม่

      เจ็บปวดทรมานเหลือเกิน....ใครก็ได้ช่วยผมที

      ผมไม่อยากอยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว....ได้ยินเพียงแค่เสียงที่ไม่รู้จักหน้า ผมก็ยังเจ็บเจียนตาย

แล้วถ้าได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ได้เห็นเขาอยู่เคียงข้างกัน ผมคงเหมือนตกอยู่ในกองเพลิง

      ทำเป็นจะแบ่งที่ให้เขายืน ทั้งที่จริงแล้วตัวเองต่างหาก ที่ไม่ยอมลงจากที่ ๆ เขาจะเข้ามา

เป็นเจ้าของ

      นี่ขนาดเขายังไม่ก้าวเข้ามาอย่างเต็มตัวด้วยซ้ำ ผมก็แทบจะทนไม่ได้

แล้วถ้าวันนั้นมาถึงจริง ๆ ผมจะเอาหัวใจเหล็กไหลที่ไหนมาทน

      
      กว่าพ่อกับแม่จะปิดร้านกลับมาบ้านก็สามทุ่มเข้าไปแล้ว ผมก็หยุดสะอื้นไปแล้ว

อาการปวดกระบอกตาเริ่มลามไปทั้งหัว ผมนอนเงียบ ๆ คนเดียวในห้องจนแม่ผิดสังเกตถึงกับเข้ามาดู

      “ทำไมหน้าบวมตาบวมอย่างนี้ล่ะลูก”

      แม่นั่งลงขอบเตียง ลูบหน้าลูบแขนผม มือของแม่นุ่มและอุ่นเสมอ

      “ปวดหัวอะแม่”

      “ปวดหัวแล้วทำไมไม่ไปเอายามากิน”

      “เพิ่งตื่นครับ”

      “กินข้าวแล้วใช่ไหมลูก”

      “ครับ”

      ผมปดแม่ตั้งแต่คำถามแรกนั่นแหละ ตั้งแต่ที่โทรสายแรกไปหาพี่นิวเมื่อตอนบ่าย

ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย จะว่าไปในท้องผมก็มีแค่อาหารเช้าที่เป็นซาละเปาไส้หมูกับชาหวาน ๆ ถ้วยเดียว

แถมซาละเปาผมก็กินไม่หมดด้วยซ้ำ ในคอมันตีบตันเสียขนาดนี้ ผมคงกลืนอะไรไม่ลง

      “เดี๋ยวแม่ไปหยิบยาให้นะ เช็ดตัวนะลูกห้ามอาบน้ำ เอาน้ำอุ่นไหม เดี๋ยวแม่ต้มน้ำให้”

      “ไม่ต้องอะแม่ ผมทำเอง ขอนอนแป๊บนึง”

      ผมยกหัวออกจากหมอนที่หนุนมาเป็นหนุนตักแม่แทน แม่ลูบหัวผมเบา ๆ

แล้วเปลี่ยนเป็นกดปลายนิ้วย้ำ ๆ ไปทั่วหัว

      “อือ....สบายจัง เอาอีกสิแม่”

      แม่จับหัวผมยกขึ้นจะให้นอนบนหมอน เตรียมจะนวดอย่างเอาจริงเอาจัง

แต่ผมกอดเอวแม่ไว้แน่นไม่ยอมขยับ แถมยังกดหัวลงบนตักแม่เสียอีก

      “นอนแบบนี้แม่จะนวดยังไงล่ะ”

      “ก็นวดแบบนี้แหละ ตักแม่สบาย”

      ผมรู้ว่าแม่ยิ้มไป นวดไป แม่เองก็ชอบให้ผมหนุนตักเหมือนกันแหละ

      ผมนอนนิ่ง ๆ ให้แม่นวดอยู่พักใหญ่ จนแม่คิดว่าผมหลับ

      “อย่าเพิ่งนอนลูก ลุกขึ้นมากินยาก่อน แม่ลงไปหยิบยาให้”

      “ไม่ต้องครับ ผมไปเอง จะลงไปเอาน้ำด้วย แม่ไปอาบน้ำเหอะ กลับมาเหนื่อย ๆ

มาเสียเวลากับผมอยู่ได้”

      แม่บีบจมูกผมแรง ๆ แล้วก็หัวเราะ

      “พูดแบบนี้ได้ยังไง เวลาของแม่ก็มีให้ลูกกับพ่อนี่แหละ มันจะเสียได้ยังไง”

      ผมตื้นตันกับคำพูดง่าย ๆของแม่ ทั้งชีวิตแม่ก็มีแค่ผมกับพ่อ หลังจากที่ยายเสียไป

ตั้งแต่ผมยังเด็ก แม่ก็ไม่ได้ติดต่อญาติคนไหนอีก เหมือนกับที่ผมก็ไม่รู้จักญาติข้างแม่

ที่เคยไปอยู่บ้านยายตอนเล็ก ๆ ก็จำไม่ได้แล้ว ประกอบกับญาติข้างแม่ก็ไม่เข้ามายุ่งกับเรา

เพราะกลัวญาติข้างพ่อข่ม ในความทรงจำวัยเด็กจึงมีแค่เงาของยายที่ไม่เคยเรียกชื่อผมได้ชัดสักที

      แม่แยกตัวไปอาบน้ำ ผมกำชับให้แม่ไปดูแลพ่อ แล้วก็เข้านอนไปเลย เพราะผมก็จะกินยา

แล้วนอนเลยเหมือนกัน ผมไม่อยากให้แม่ต้องคอยเป็นกังวล

      ผมเดินลงไปชั้นล่าง แต่ไม่ได้ไปหยิบยากินอย่างที่บอกแม่ ก็ไม่ได้ป่วยสักหน่อย

อาการปวดหัวก็แค่ลุกลามมาจากการที่ผมร้องไห้จนปวดกระบอกตานั่นแหละ นอนพักก็คงหาย

แต่ปัญหาของผมคืนนี้ก็คือ....แล้วผมจะหลับตาลงได้ยังไง ในเมื่อในหัวผมมันเต็มไปด้วยเรื่องของผมกับพี่นิว

ที่มีคนอื่นเข้ามาแทรกตรงกลาง

      ตกดึกอากาศมันหนาวจับใจจริง ๆ ยิ่งหน้าฝนอย่างนี้ด้วยแล้ว ฝนตกที่ไหนไม่รู้

แต่ลมก็ยังหอบเอาไอเย็นมาฝากจนสะท้านไปถึงข้างใน ผมเปิดประตูออกมานั่งตากน้ำค้างนอกบ้าน

อากาศเย็นแต่ในใจผมมันกลับร้อนรุ่ม คืนนี้คงไม่มีทางจะหลับตาลงได้เลย

ผมคิดไปต่าง ๆ นานา ตั้งแต่เรื่องราวที่ผ่านมาของเราสองคน จนถึงอนาคตข้างหน้า

ว่ามันจะดำเนินต่อไปยังไง เพราะว่าพอย้อนมาดูปัจจุบันมันก็ยังมืดมนเหลือเกิน ลำพังพี่นิวเอง


เขาก็ตัดสินใจแล้วที่จะเลือกครอบครัวของเขา ผมเป็นตัวเลือกที่ไม่เคยมีน้ำหนักสำหรับเขาเลย

ตั้งแต่คราวที่เขาตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศโน่นแล้ว

ผมอยากรู้จัง....ถ้าผมไม่ใช่ผู้ชาย....สมมติว่าผมเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารัก

แต่คุณย่าจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่เลือกให้ เขาจะยังทิ้งตัวเลือกอย่างผมหรือเปล่า......ผมก็แค่สมมติ

.......ผมก็แค่อยากรู้ให้ชัด ๆ ว่า ปัญหาของเรามันคืออะไรแน่....ระหว่างคำสั่งของคุณย่าที่ทุกคนในตระกูล

ไม่กล้าปฏิเสธ หรือว่า ความรักที่ผิดธรรมชาติ ไม่อาจจะเปิดเผยได้ของเรา

      ยังไงมันก็คงไม่มีคำตอบ เพราะยังไงผมก็เป็นผู้ชาย คำถามสมมติแบบนั้น

จะตอบยังไงก็ได้ แล้วแต่ว่าคนถูกถามต้องการให้ผลมันออกมาเป็นบวกหรือลบ

      ผมนึกสงสัยว่า คนส่วนใหญ่เวลาที่กลุ้มใจมาก ๆ เขาคิดถึงใครเป็นอันดับแรก

ที่จะมาช่วยรับฟังปัญหาของเขา ผมเดาว่าคงเป็นเพื่อน....แต่สำหรับผม....ไม่มีเพื่อนที่ผมสนิทมากพอ

จะเล่าเรื่องส่วนตัวระดับนี้ให้ฟัง ผมคิดถึงเข้ม ถ้ามันอยู่ใกล้ ๆ ความทุกข์ในใจทั้งหลายของผมคงถมทับไปที่มัน

แต่เราก็ไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว ผมไม่แน่ใจว่า ตอนนี้มันใช้ชีวิตแบบไหน ได้ยินว่ามันมีเมียแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้

จะติดต่อมันได้ยังไงอยู่ดี เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านมันที่ผมเคยมี ก็ใช้ไม่ได้แล้ว ครั้งสุดท้ายที่โทรไปเพื่อถามข่าวคราว

ตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ มีเพียงเสียงอัตโนมัติขององค์การโทรศัพท์บอกว่าเบอร์นี้ยังไม่เปิดให้บริการ

ผมก็เลยเดาว่า คงมีการเปลี่ยนแปลงคู่สายใหม่

      ผมรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ปัญหาของผมไม่มีทางที่จะขจัดปัดเป่า

ให้หมดไปได้หรอก ยังไงผมก็ต้องติดอยู่กับมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงวันนั้น ตอนนี้ผมแค่อยากมีใครสักคน

ช่วยรับฟังความทุกข์ที่มันอัดแน่นอยู่ในใจผมที คนที่ผมรักและเทิดทูนที่สุดในชีวิตสองคน นอนหลับอยู่ในบ้าน

ความจริงน่าจะเป็นคนที่ช่วยผมได้ดีที่สุดแล้ว สองมือของพ่อกับแม่ พร้อมจะโอบอุ้ม และปกป้องผม

จากทุกข์ภัยใด ๆ ในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

      แต่พ่อกับแม่ไม่เคยรู้ว่าผมเป็น “อะไร” เรื่องลูกชายเป็นเกย์ ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชม

ในสังคมบ้านผม มิหนำซ้ำยังจะพาเอาความอัปยศมาให้

แล้วผมจะมีหน้าเดินเข้าไปร้องไห้ต่อหน้าพ่อกับแม่ได้ยังไงว่า ลูกชายของท่านถูกผู้ชายทิ้ง

      ผมถามตัวเองว่า ชีวิตที่ไม่มีพี่นิวของผมจะดำเนินต่อไปยังไง ผมเคยรู้รส

ของการสูญเสียเขาไปมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่นั่นเพราะเรื่องเรียน  ผมยังพอทำใจได้ว่าเขาทำไป

เพื่ออนาคตของเขาที่ผมควรจะยินดีด้วย  ซึ่งมันช่างต่างกับตอนนี้ ขณะที่ผมเดินจากมา

ที่ตรงนั้นกำลังจะมีใครอีกคนเข้าไปแทน แค่คิดว่าเวลาที่ไม่มีผมแล้ว พี่นิวอยู่กับใคร

คนที่เขาเป็นสามีภรรยากัน เขาปฏิบัติต่อกันยังไง เท่านั้นหัวใจผมก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้ว

      ผมกัดกำปั้นของตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นมันดังเล็ดลอดออกมา

ผมพยายามคิดว่าพี่นิวไม่ได้ทำร้ายผม คุณย่าไม่ได้แกล้งแยกเราออกจากกัน

ทุกอย่างมันก็แค่ดำเนินไปตามทางที่ถูกที่ควร ที่ธรรมชาติของมนุษย์ควรจะเป็นไป

ผมต่างหากที่ผิดธรรมชาติ ผมต่างหากที่อยู่ผิดที่ผิดทางมาตลอด

สิบปีที่ผ่านมา ไม่เรียกว่าเป็นโชคอีกหรือ ที่ผมได้รักคนที่แสนดีคนนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ผมรัก เขาก็รักผมอย่างไม่มีอะไรให้สงสัย

อย่างน้อยผมก็เคยได้ลิ้มรสความสุขตามประสาคนรักมาแล้วในช่วงหนึ่งของชีวิต


      ผมควรจะทำใจได้ไม่ใช่หรือ

      เปล่าเลย....ตรงกันข้าม...เพราะผมเคยได้รู้รสของความสุขนั้นไง ผมถึงไม่อยากสูญเสียมันไป

ผมเสพความสุขจนติด ผมจะทนได้ยังไง........ถ้าต้องสูญเสียเขาไปอีกครั้ง ชีวิตของผมจะเหลืออะไร



      ผมนอนลืมตามองเพดานมาได้สักพักแล้ว หลังจากที่ไม่รู้จะทนนั่งตากน้ำค้างไปทำไม

อันที่จริงผมก็อยากจะนอนให้มันหลับ ๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องคิดอะไรให้มันวุ่นวาย ฟุ้งซ่านอยู่อย่างนี้

คิดวนไปเวียนมาตลอดทั้งวันก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี นอกจากเสียน้ำตา

ตอนที่เดินผ่านตู้ยาผมก็นึกได้ว่าแม่บอกให้กินยา อาการปวดหัวอย่างที่ผมบอกแม่

ถ้าเป็นเวลาอื่นผมแค่นอนให้หลับสักตื่นก็หาย ไม่ต้องพึ่งยาก็ได้

แต่ผมอยากหลับให้เร็วที่สุด เพื่อจะหยุดความคิดในหัวลงเสียที ยาพาราสักสองสามเม็ด

คงพอจะทำให้เคลิ้มหลับได้

ผมกินตามคำแนะนำทั่วไป...2 เม็ด

      ผมไม่รู้ว่านานขนาดไหนกว่าที่ยามันจะออกฤทธิ์กดประสาทให้หลับได้

สักพักผมก็หย่อนมันลงไปในกระเพาะอีก 2 เม็ด

      ภาพเก่า ๆ ของผมกับพี่นิว ผ่านเข้ามาในห้วงความคิด  วันเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน

ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน  อนาคตของเราสองคนแทบจะเป็นถนนเส้นเดียวกันด้วยซ้ำ

รอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แม้ว่าในบางครั้งจะมีเรื่องขัดแย้ง โต้เถียงกันบ้าง

แต่มันก็จบลงด้วยดีทุกครั้ง แถมยังทำให้เราได้เข้าใจกันมากขึ้น และรักกันมากขึ้นไปอีก

เสียงพูดคุยเบา ๆ ดังอยู่หน้าห้อง จับความไม่ค่อยได้ คล้าย ๆ พ่อจะบอกไม่ให้แม่เข้ามา

ในห้องผม....พ่อรู้ว่าถ้าผมตื่นในเวลาเช้ามืดแบบนี้แล้ว คงจะหลับไม่ลงอีก...มีอะไรเกี่ยวกับผมบ้างนะ

ที่พ่อกับแม่ไม่รู้....อ้อ....เรื่องผมเป็นเกย์

      เสียงเปิดประตูบ้าน แล้วก็ตามด้วยเสียงสตาร์ทรถออกไป....ผมได้ยินเสียงทุกอย่าง

อย่างเลือนลาง เสียงไก่ขันดังอยู่ไม่ไกลจากบ้าน....คงเป็นไก่ตาแววที่แกชอบเลี้ยงไก่ชน....ลงสนามกี่ที

โดนตีตาแตกกลับมาทุกที ไม่เห็นจะเคยชนะ แต่แกก็ทั้งรักทั้งทะนุถนอมมันอย่างกับลูก

      ผมยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด....ขวดยาพาราถูกเทออกมาใส่ฝ่ามือ....

ผมกอบเม็ดยาจำนวนหนึ่งใส่ปากก่อนจะดื่มน้ำตามลงไปจนหมดแก้ว...เพื่อช่วยให้มันลำเลียงลงคอง่ายขึ้น

ผมไม่ชอบกินยาเม็ดใหญ่ ๆ แบบนี้หรอก เผลอทีไรมันก็จะขวางลำคอทุกที กว่ามันร่วงลงไปในกระเพาะได้

ก็ทำเอาพุงกาง เพราะกระแทกน้ำลงไปเสียหลายแก้ว

      ฟ้าจะสว่างอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่หลับเสียที ผมหยิบยาส่วนที่เหลือในขวด

ออกมาเทใส่มือจนหมด....มันเหลือไม่ถึงสิบเม็ดมั้ง...รวม ๆ แล้วผมกินมันเข้าไปเท่าไรแล้วก็ไม่รู้

ผมน่าจะคิดได้ว่ามันไม่ใช่ยานอนหลับที่กินปุ๊บจะได้หลับปั๊บ หมดขวดนี้แล้วผมจะหลับได้ไหมนี่

      
      หนังตาของผมหนักลงเรื่อย ๆ แต่ผมว่ามันก็ยังตึง ๆ อยู่ดี  แต่ตาผมก็ชักจะโฟกัส

ลายของฝ้าเพดานไม่ได้แล้วล่ะ เส้นทีบาร์ก็ชักจะโย้เย้แล้ว

      ผมรู้สึกร้อน ๆ ในช่องอก จนต้องเอามือลูบ

      ที่จริงผมรู้สึกมาสักแป๊บหนึ่งแล้ว  มันเริ่มจากร้อน ๆ ที่ลำคอ ตรงที่ยาเม็ดสุดท้ายมันติดอยู่

นิดหนึ่งก่อนจะโดนน้ำอึกใหญ่กระแทกลงไป แล้วตอนนี้มันก็ร้อนวาบลงไปจนเกือบจะถึงกระเพาะอาหาร......

คงเป็นกระเพาะอาหาร เพราะผมรู้สึกว่าตรงนั้นมันเหมือนเป็นโพรงกว้าง ๆ อยู่ในท้อง......ยาเม็ดพวกนั้น

คงลงไปนอนกองเรียบร้อยแล้ว

      ผมรู้สึกว่าปากแห้งมาก ก็เลยพยายามแลบลิ้นออกมาจะแตะเพื่อให้มันชุ่ม ๆ หน่อย

แต่ผมบังคับมันไม่ได้อย่างใจเลยให้ตายสิ....ลิ้นผมมันแข็ง ๆ ชา ๆ ผมขยับปลายลิ้น

แต่มันดันขยับไปทั้งลิ้น แล้วยังไม่ไปในทิศทางที่ผมต้องการอีก

      ผมเริ่มขยับแขนขาได้ยากขึ้น...ไม่ใช่ยากขึ้นหรอก ผมไม่มีแรงต่างหาก

ผมบังคับกล้ามเนื้อได้ไม่เต็มที่ แถมยังรู้สึกว่ามันสั่นระริกยังไงบอกไม่ถูก ผมยกมือขึ้นมาดูอย่างช้า ๆ

ก็เห็นปลายนิ้วมันสั่น....มันสั่นเหมือนตอนที่ผมหิวข้าวมาก ๆนั่นแหละ

      สมองผมยังประมวลผลได้อยู่....ผมคิดว่าผมคงกินยาเกินขนาดเข้าไปแล้ว....

ผมไม่ได้ดูว่าในขวดนั้นมียาอยู่เท่าไร แต่คิดว่าคงจะประมาณครึ่งขวด....ก็ร่วมครึ่งร้อย....

      หรือว่านี่จะเป็นทางออกของปัญหาที่ผมเผชิญอยู่....ไหน ๆ จะไม่ได้อยู่กับคนที่รัก

ก็ไม่ต้องได้พบเจอกันเลยดีไหม  ในเมื่อแค่คิดถึงเวลาที่เขาอยู่กับใคร ผมก็เจ็บปวดจนสุดจะทนแล้ว

ถ้าต้องเห็นกับตาอีก ผมคงขาดใจตายเพราะความหึงหวงสักวัน

      เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ข้าง ๆ หมอน ผมกดรับแบบที่เรียกว่าสุดแรง เพราะปลายนิ้วโป้งมันสั่น ๆ

ผมดีใจจริง ๆ นะ คิดว่าต้องเป็นพี่นิวแน่ ๆ...แล้วมันก็เป็นความจริง ผมได้ยินเสียงพี่นิวพูดแว่ว ๆ ยาว ๆ

แต่ผมจับได้แค่คำถามสุดท้าย ก่อนจะตอบกลับไป

      “ตื่นแล้วครับ”

      “อะไรนะ”

      “ตื่นแล้วครับ”

      ผมย้ำอีกครั้งเพราะรู้ตัวเองเหมือนกันว่า ผมพูดไม่ค่อยชัด แต่ผมว่าผมค่อย ๆพูดแล้วนะ

เขาก็ยังถามกลับแปลก ๆ

      “เป็นอะไรน่ะนู”

      “เปล่าครับ...”

      แล้วผมก็หมดแรงพูดเอาดื้อ ๆ

      “นูเป็นอะไร”

      ผมได้ยินเขานะ แต่ผมตอบเขาไม่ได้ ผมอยากตอบได้ยาว ๆ กว่าคำว่า...เปล่า....

แต่ผมพูดไม่ได้ ลิ้นผมมันกระดิกไม่ได้มาก แล้วผมก็ยังรู้สึกว่ามันบวมจนคับปากผมแล้ว

มือผมสั่นจนถือโทรศัพท์ไม่ได้ ผมปล่อยให้มันตกลงไปข้างหมอนเหมือนเดิม

แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงพี่นิวแว่วมาเข้าหูอีกเรื่อย ๆ

      “นู....”




ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



      ผมโก่งคออาเจียนเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้   รู้แต่ว่าตอนนี้มันเจ็บหน้าอกไปหมดแล้ว

ตัวการที่ทำให้ผมอาเจียนก็นั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆผมนี่เอง ส่วนผมแทบจะพังพาบลงบนพื้นห้องน้ำนั่นแหละ

ตรงหน้าผมมีอะไรต่ออะไรไม่รู้ นองเนืองเต็มไปหมด มีเม็ดยาสีขาว แบบเต็มเม็ดบ้าง เม็ดเปื่อย ๆบ้าง

ผสมปนเปอยู่ในน้ำลายเหนียวข้น ยาเม็ดบางส่วนละลายปนกับน้ำลายจนเป็นน้ำขาว ๆ เมือก ๆ ไ

ม่มีเศษอาหารแม้กระทั่งข้าวสวยสักเม็ด

      มือใหญ่ ๆ ลูบหลังผมไปเรื่อย ๆ จนลมในท้องดันทุก ๆ อย่างออกมาทางปาก

น้ำหู น้ำตา น้ำมูก ไหลพรากจนปนเปกันไปหมดบนหน้าผม

      “กินไปกี่เม็ด”

      ผมส่ายหน้า ได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ ตามมาที่ข้างหู

      “จะกินเข้าไปทำไม มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ ทำแบบนี้มันดีแล้วเหรอ

เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง พ่อกับแม่อีกล่ะ”

      ผมทำได้แค่ส่ายหน้ากับระบายทุก ๆ อย่างออกมาจากกระเพาะอาหาร

ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้คิดจะทำร้ายตัวเอง ผมไม่ได้อยากตาย ก็แค่อยากหลับ

ให้มันลืม ๆ เรื่องราวที่มันทำให้ผมต้องเจ็บปวดแค่นั้นเอง แต่ผมทำได้แค่อ้าปากกว้าง ๆ จนลำคอโป่ง

      แรงแขนจะค้ำร่างกายไว้ก็ไม่มี ผมซวนเซลงฟุบกับพื้นห้องน้ำทันทีที่พี่นิวผละลุกออกไป

ไม่กี่อึดใจก็กลับมายกตัวผมให้แผ่นหลังพิงอกเขาพร้อมกับกรอกของเหลวใส ๆ เหนียว ๆ มีกลิ่นคาว ๆ

เข้ามาในปากผม....มันเป็นถ้วยที่สองแล้ว ผมไม่ชอบมันเลย กลืนมันลงไปแล้วก็ทำให้ผมขย้อน

เอาทุกอย่างออกมาอย่างลืมตายไปเลย...มันคือไข่ขาวครับ ตอนกินไข่ลวกที่มันสุก ๆ ดิบ ๆ

ทำไมมันอร่อยนักก็ไม่รู้ แต่พอกินไข่ขาวดิบ ๆ มันชวนอ้วกจริง ๆให้ตายเหอะ

      “ทำอย่างนี้อยากให้พี่ขาดใจตายไปเลยใช่ไหม  รู้ไหมว่าถ้าพี่มาไม่ทันผลมันจะเป็นยังไง

ดีนะที่พี่ตกลงกับเขาได้เร็ว ถึงได้รีบบึ่งกลับมาเนี่ย”

      ผมได้ยินเสียงพี่นิวพูดอยู่ข้างหลัง ในขณะที่ผมก้มหน้าแทบจะจรดพื้นห้องน้ำ

เพราะหมดแรงจะพยุงตัวเองให้ตั้งตรงอยู่ได้ พร้อม ๆกับอ้าปากให้ลมและน้ำออกมาจากช่องท้อง

ตามจังหวะที่พี่นิวลูบหลัง

      “พอแล้ว”

      แทบไม่มีแรงจะพูดออกมาเป็นคำด้วยซ้ำมั้งผม  จะเปล่งเสียงออกมาแต่ละครั้ง

ก็มีแค่ลมแผ่ว ๆ เพียงแค่นั้นผมก็ถึงกับเหนื่อยหอบ นอกจากแขนขาที่อ่อนเปลี้ย

ผมก็รู้สึกเหมือนจะไม่มีแรงแม้แต่จะสูดเอาอากาศเข้าปอดเลยด้วยซ้ำ

      “หมดหรือยัง”

      แล้วผมจะรู้ไหมล่ะนั่น

      “กินไปเยอะหรือเปล่า”

      ผมส่ายหน้า

      “เทซะหมดขวดเลยนะ เต็มขวดไหม”

      “ครึ่งหนึ่ง”

      กว่าพี่นิวจะประคองกึ่งลากผมมาขึ้นเตียงนอนได้ ก็ต้องจับผมรดน้ำฟอกสบู่ลวก ๆ

พอให้กลิ่นบูด ๆ หมดไปจากตัวผมก่อน แล้วเขาก็พลอยเปียกไปทั้งตัวด้วย ไม่ต้องสงสัยว่า

เราสองคนเปลือยกายเดินออกจากห้องน้ำอย่างกระปลกกระเปลี้ย เสื้อผ้าของเรากองขยุ้มอยู่บนพื้นในห้องน้ำ

 หลังจากที่พี่นิวราดน้ำเพื่อทำความสะอาดพื้นอย่างขอไปที เพราะต้องพยุงผมกลับมานอน

ส่วนผมทั้งที่ไม่ได้ออกแรงอะไร (เพราะไม่มีแรงจะออก) ยังรู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจไปกับเขาด้วย

ผมนอนฟังเสียงหายใจปนหอบของพี่นิวอยู่ข้างหูจนหลับไป



      ตื่นมาอีกทีแดดก็แยงตาจนต้องหยีตามองไปรอบ ๆห้อง

      ผมอยู่คนเดียวในห้องนอนของตัวเอง สภาพห้องดูเรียบร้อยดี ผมค่อย ๆ ลำดับเหตุการณ์

เมื่อคืนช้า ๆ มองหาขวดยาพาราที่คิดว่าน่าจะตกอยู่ใกล้ ๆตัวก็ไม่เห็นมี ผมงง ๆ ว่าพี่นิวมาได้ยังไง

แถมมาทันเวลาเสียด้วย คิดแล้วผมก็ตัวสั่นยะเยือกที่ผ่านนาทีเฉียดตายมาได้หวุดหวิด

      ผมจำความรู้สึกตอนที่กรอกยาใส่ปากได้ไม่ชัดเจนนัก ผมไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง

ให้ผมทำเรื่องสิ้นคิดขนาดนั้น ในชีวิตผมไม่เคยสักครั้งที่คิดจะลาโลกด้วยวิธีโง่ ๆ แบบนั้น

แถมถ้าใครพูดเรื่องการฆ่าตัวตาย ผมก็แทบจะหัวเราะเยาะใส่เสียด้วยซ้ำไป เพราะผมคิดเสมอว่า

ทุกปัญหามีทางแก้หรือถึงแม้จะไม่มีหนทางแก้ไข แต่เวลาก็จะช่วยให้ความทุกข์ในใจทุเลาเบาบางลงได้

แล้วไม่แน่ว่า หนทางแก้ไขปัญหาก็จะตามมาเอง

      ผมโผเผลุกจากเตียงนอนอย่างเพลีย ๆ อาการมือสั่น ลิ้นแข็งชาไม่หลงเหลืออยู่แล้ว

จำนวนเม็ดยามากมายที่ผมอาเจียนเสียจนหมดไส้หมดพุงยังติดตาอยู่เลย ถึงจะอยู่ในอาการสลึมสลือ

แต่ผมก็จำสภาพของมันได้ บางเม็ดละลายแล้วด้วยซ้ำไปและอีกจำนวนมากที่ยังคงสภาพเม็ดกลมแข็งอยู่

นึกไม่ออกเลยว่า ถ้าพี่นิวมาไม่ทันผมจะเป็นยังไงบ้าง ผมไม่รู้ว่ายาพาราเซตามอลจำนวนเท่าไร

ถึงจะทำให้เสียชีวิตได้ แต่ครึ่งขวดที่ผมกรอกใส่ปากด้วยอารมณ์วูบเดียว ทำให้ผมหนาวเยือกขึ้นมาในอก

เพราะยังจำอาการในนาทีนั้นได้ฝังใจ

      ผมเดินเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะได้พบพี่นิว ผมอยากสะอาด สดชื่นกว่านี้

ผมคิดว่าตอนนี้ตัวเองมีสติมากพอที่จะคุยกับพี่นิวอย่างยอมรับความจริงทุกอย่างได้แล้ว

ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมจะไม่ฟูมฟายไร้สติอย่างที่ผ่านมา

สภาพห้องน้ำได้รับการทำความสะอาดไปบ้างแต่ยังมีร่องรอยสกปรกที่ผมทิ้งเอาไว้เมื่อคืน

คงเป็นฝีมือพี่นิวของผม เขาทำได้แค่นี้ก็เก่งแล้วครับ สำหรับคนที่เติบโตมาก็มีคนทำทุกอย่างให้ตลอด

แต่เขาก็ทำให้ผม....น้ำตาของผมปริ่มขอบตาอีกแล้ว

นึกเสียดายที่วันข้างหน้าผมจะไม่มีโอกาสได้ดูแลเขาอีก แต่ไม่เป็นไร

นับจากนี้ผมจะดูแลเขาให้ดี รักเขาให้มาก เขาจะได้ไม่ลืมผม....ไม่ลืมว่าเราเคยรักกันยังไง


      เนื้อตัวยังหมาดน้ำมีแค่ผ้าขนหนูพันเอว ตอนที่ผมเดินออกมาเจอพี่นิวนั่งอยู่บนเตียง

ผมคิดว่าเขาตั้งใจนั่งจ้องประตูห้องน้ำรอให้ผมออกมา เพราะพอผมเปิดประตูก็สบตาเศร้า ๆ ของเขาทันที

      ผมขยับขาทีละก้าวอย่างช้า ๆ จนไปหยุดต่อหน้าพี่นิว วงแขนสองข้างของเขาอ้าออก

ให้ผมรู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป....อย่างไม่รอช้าสักวินาที ผมถลาเข้ากอดคอพี่นิว ทรุดตัวนั่งลงบนตัก

แล้วเราสองคนก็กอดกันนิ่ง ๆ น้ำอุ่น ๆ หยดลงบนไหล่เปลือยเปล่าของผม

      “อย่าทำอย่างนี้อีกนะ พี่ปวดใจไปหมดแล้วรู้ไหม”

      “ผมขอโทษครับ”

      พี่นิวสะอื้นเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด

      “พี่ไม่รู้เลยว่ามาถึงที่นี่ได้ยังไง ตอนที่นูรับโทรศัพท์แล้วพูดอะไรไม่รู้เรื่องสักคำ

พี่นึกว่านูกำลังงัวเงีย แต่พี่รู้ดีว่าไม่ใช่ พี่รู้แค่ว่ามันผิดปกติ มันยิ่งทำให้พี่กระวนกระวายบอกไม่ถูก

พี่ตะโกนเรียกนูยังไง นูก็ไม่ตอบ พี่จะบ้าตายซะให้ได้”

      ผมกดพี่นิวไว้กับบ่า รู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่หยาดลงมาหยดแล้วหยดเล่า

      “แล้วทำไมกลับวันนี้ล่ะครับ ไหนว่าอีกสองสามวัน”

      “พี่กับผาณิต เราเพิ่งเจอกันครั้งแรก…”

ผู้หญิงคนนั้นชื่อผาณิต....คู่หมั้นกันก็คงมีเรื่องที่ต้องตกลงกันบ้างก่อนจะร่วมชีวิตกันจริง ๆ

      “เราพูดคุยตกลงอะไรกันนิดหน่อย พอเข้าใจกันได้ก็แยกย้ายกันไป ณิตเขากลับไปเรียนต่อ

พี่ก็กลับมาเลย ไม่ได้แวะไปกราบคุณย่าด้วยซ้ำ”

      ผมควรจะดีใจสินะที่พี่นิวรีบกลับมาหาผมทันทีที่แยกจากคู่หมั้น   ได้แค่นี้ก็ดีเท่าไรแล้ว

อย่างน้อยผมก็ยังสำคัญ ผมยิ้มออกมาโดยไม่ได้ฝืนมากนักที่ได้เริ่มมองสิ่งที่ต้องเผชิญในด้านบวก

LOOK AT THE BRIGHT SIDE OF THINGS. ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ผมนับถือเสมือนญาติ

เคยสอนผมไปพร้อม ๆ กับลูกของเขา ที่ผมนับเป็นน้องสาวคนเดียว ผมจำวลีนี้ได้ดี แต่ไม่เคยจะหยิบมาใช้

ให้มันได้ผลเท่าครั้งนี้เลย

      ผมผละออกจากอ้อมกอดพี่นิว มองสบตาที่ยังคงมีน้ำหล่อรื้น แล้วเกลี่ยแก้ม

ที่มีรอยน้ำตาด้วยริมฝีปาก รสชาติของน้ำตาช่างปร่าเค็ม แต่แค่เพียงสัมผัสลิ้น กลับรู้สึกว่า

มันช่างขม...ขมขื่นซะนี่กระไร

      ผมไม่เคยคาดหวังว่ารักของเราจะอยู่ยั้งยืนยง แต่ผมก็ยังไม่เคยนึกถึงวันที่มันจะสูญสลาย

 หากเมื่อมันมาถึงแล้วในวันนี้ ผมคงต้องน้อมรับมันไว้ด้วยความเข้มแข็ง ในเมื่อชีวิตของเราทั้งคู่ยังไม่สิ้นสุด

ลมหายใจของเรายังไม่ขาดห้วง เราก็จะยังรักกัน แม้ว่าวันข้างหน้าร่างกายเราจะแยกห่างจากกัน

แต่ผมสาบานว่าหัวใจของผมจะอยู่เคียงข้างคนที่ผมรักไปตลอดกาล


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
อ่านแล้วน้ำตาไหล

เศร้ามากๆๆๆๆๆๆเลย :o12:
สงสารทั้งนูแล้วก็พี่นิวเลย
ถ้าพี่นิวมาไม่ทัน เเล้วนูตายขึ้นมา เราคงไม่ได้อ่านความรักดีๆแบบนี้
รักที่ทั้งพี่นิวกับนูก็รักกันมาก แต่ต้องแยกกันเพราะสังคมภายนอกตลอดๆ
ทำไมต้องมีเรื่องของคู่หมั้นพี่นิวด้วยเนี่ย  :monkeysad:

รอตอนต่อไปค่ะ อยกรู้จังว่าทั้งนูและก็พี่นิวจะตัดสินใจกับเรื่องนี้กันยังไง  :L2:

ออฟไลน์ Asuke

  • แค่อยากบอกว่า ตอนนี้ผมไร้คู่
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
เศร้าอ่ะ รู้ทั้งรู้นะครับว่าเรื่องนี้พี่นูเขียนมานานละ แต่ก็อดไม่ได้ทุกที อยากให้ผ่านเรื่องเศร้าๆแบบนี้ไปเร็วๆจัง^^ :call:

ออฟไลน์ took-ta_naka

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 604
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-10
 :m15:  ว่าแล้วต้องมาม่า

+1  มาต่อเร็วๆนะ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เศร้า แต่ก็รู้สึกได้ว่าสองคนรักกันม๊ากมาก อยากถามว่าเรื่องปืนกับปอนี่พี่นูแต่งไว้รึเปล่าอ่ะค่ะ พอดีเพิ่งมาอ่านเรื่องนี้อ่ะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เศร้านะ แต่นูเหมือนจะไม่เชิงย้ำคิดย้ำทำ ไม่เชิงโลเล จะว่าขัดแย้งตัวเองก็ได้อยู่ เหมือนจะทำแบบนี้แต่ก็ไม่ทำแล้วก็มาทำ นูบอกว่าไม่คาดหวังแต่นูก็คาดหวัง

น่าจะลองไปในที่ ๆ อยากไปไกล ๆ ห่างไกลคนรู้จักดูบ้างนะ วนเวียนที่เดิม ๆ มันก็เหมือนเดิม
รักตัวเองให้มากหน่อยพ่อแม่เป็นคนให้ชีวิต แล้วทำไมต้องทิ้งชีวิตเราให้คนอื่นด้วย ถ้าเค้าเคียงข้างเราไม่ได้ก็ปล่อยให้เค้าไปเคียงข้างคนอื่นเถอะ ถ้าเค้ายังไม่พร้อมแบบนี้ปัญหาก็ไม่จบสิ้นสักที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2012 12:11:37 โดย iamnan »

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
จุดพีคที่สุดที่อ่านมาทั้งเรื่อง เหนื่อยใจแทนพี่สองคนจริงๆ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ดีนะที่สังหรณฺ์ใจทัน เหอะๆๆๆ

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เหนื่อยได้ท้อได้ แต่อย่าอ่อนแอเลยนะ
ชีวิตก้าวไปข้างหน้าดีกว่า รักกันชอบกันก็ต่อสู้ฝันฝ่าไปด้วยกัน
ส่งกำลังใจให้นูนิว :L2: 

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
เศร้าอ่าพี่นู
เกือบไปแล้วนะเนี่ย
ถ้าพี่นิวกลับมาไม่ทันแย่แน่ๆเลย
อยากให้เรื่องร้ายๆผ่านไปเร็วๆจัง

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 มันหน่วงๆ ในใจ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก เป็นกำลังใจให้นะน้องนู สู้ สู้  กอดพี่นิว จุ๊บ จุ๊บน้องนู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ฮือๆๆๆ  อ่านแล้วเศร้ามากเลยค่ะ  อ่านยันตี 4 หยุดอ่านไม่ได้เลย  (ทั้งที่อีกวันก็ไปทำงาน 8 โมง)
......   หน่วงเน๊าะ  เจ็บมากๆ  เป็นกำลังใจให้นะคะ  ถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่า นู กับนิว  อยู่ในสถานะไหน
ยังคบกันหรือเปล่า แต่ก็ยังอยากอวยพรให้สมหวังนะคะ  อยากให้อยู่ด้วยกัน อยากให้รักกันนะ
รักๆๆๆๆๆ กันตลอดไปเลย แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างหวังตัวเองก็อย่าเสียใจ นะ "รักตัวเอง"...
อย่าลืม......คิดถึงคนที่   "รักเรา้"  ด้วยนะ  ถึงเหตุการณ์นี้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้านูเป็นอะไรไปจริงๆ
ครอบครัวนู...จะต้องเสียใจมากๆ นะ  ยังไงก็ขอให้โชคดีค่ะ  และก็หวังว่า นูกับนิว จะได้รักกันจริงๆ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อ่านไปร้องไห้ไปจนปวดตาเลย T^T ~

พี่นูกับพี่นิวรักกันมากขนาดนี้ แต่ทำไมถึงเจออุปสรรคมากมายขนาดนี้นะ = [ ] = !!!!

ซายน์ขอยกนิ้วให้ับความรักที่มั่นคงขอพวกพี่นูกับพี่นิวนะ  ( -/////////- )

สู้ๆค่า ซายน์เป็นกำลังให้ >O< ~ !!! ~


ออฟไลน์ j_world

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-4
มาร้องไห้เป็นเพื่อน  :sad12: :sad12: :sad12:
อยากได้ความสุข  ก็มีทุกข์ซ่อนแอบมาทุกที :m15: :m15: :m15:
ขอให้นิว+นู ได้ผ่านช่วงน้ำตาท่วมจอไปไวๆ
นู..มีให้สติมากๆนะ..เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ
เอาความดีความจริงใจเข้าสู้..สู้ๆ :ped149:

เรื่องผ่านมาแล้ว...ตอนนี้ก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ เย้ๆ :a2:
ยังแฮบปี้ใช่ป่ะ  เดาจากภาษาเล่าน่ะ
+เป็ดให้กำลังใจ..รีบมาเล่าต่อน้าาาo13

ออฟไลน์ KuMaY

  • คนไม่สำคัญ ทำไรก็ผิด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เศร้าอ่ะพี่นู อ่านไปร้องไห้ไปอ่ะ :sad4:
ปวดจิต ปวดใจเหลือเกิน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
บอกตรงๆ เรารับไม่ได้กับพี่นิว ทั้งๆที่สัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้นูเสียใจแต่ก็เหมือนเป็นแค่ลมปากคำพูดเชื่อถือไม่ได้ แคร์แต่คนอื่นแล้วมาทำร้ายนู เห็นแก่ตัว นูจะเสียใจยังไงก็ไม่สนขอแค่ตัวเองดีก็พอเราเกลียดพวกนี้ที่สุดเลย คนแบบนี้ไม่สมควรได้รับความรักดีๆจากนูหรอกในเมื่อเลือกจะทำแบบนั้นแล้วก็ต้องยอมรับผลที่จะไม่มีนูเคียงข้าง นูไม่น่าอภัยให้เลยเพราะรักแท้ๆถึงได้ยอมง่ายๆ เฮ้อ...

babynevercry

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจทั้งคู่ อ่านแล้วหน่วง ปวดกระบอกตามากๆ

ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
http://www.youtube.com/v/0hu2uNFgnMU&feature=related
 :m15:

ใจทุกข์ทน คนทุกข์ใจ ให้ต่อเนื่อง
ใจสิ้นเปลือง เรื่องสิ้นใจ ให้หม่นหมอง
ใจร้าวรวด ปวดร้าวใจ ไหนคู่ครอง
ตัวสำรอง เจ้าของจริง ทิ้งกันไป

 :o12: เศร้ากว่านี้..ไม่มีอ่ะ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ยังไม่ได้เม้นท์สักที วันนี้ได้เม้นท์ล่ะ

ตอนล่าสุด
อ่านไป กินมะม่วง (ยังมีอารมณ์กินอีกนะ)
พอเจอตอนกินพารา เริ่มทะแม่งๆล่ะ (หยุดกินทันที)
ต้องเป้นเรื่องแน่
แล้วก็ซัดไปเกือบครึ่งขวด --
ดีนะพี่นิวมาทัน ไม่อยากเดาสภาพเลยถ้าพี่นิวยังตกลงกับฝ่ายโน้นไม่ได้  :m15:

vvhite

  • บุคคลทั่วไป
:sad4: :o12: :m15:
อ่านไปก็น้ำตาจะไหลไป
ไม่คิดเลยพี่นูจะเจอเรื่องมากมายขนาดนี้
อุส่าห์ได้กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง :z3:
 ปล.เป็นกำลังใจให้พี่นูเสมอนะครับ  :L2: :L2:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



ผมเอาตอนพิเศษมาคั่นเวลาไปพลาง ๆ นะครับ

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2553 ตอนนั้นก็เรียกว่าเขียนสด เพราะผมโพสท์หลังเหตุการณ์นั้น 2-3 วัน




.......ลืมไปครับ ผมยังไม่ได้บอกที่นี่

ผมประกาศไว้ที่บ้านผมว่า จะหยุดโพสท์เรื่องนี้ชั่วคราว ก็ว่าจะทำให้เหมือน ๆกัน

ที่ต้องหยุดเพราะว่า ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเนื้อหาใน Series the 8th page

ที่ต้องเปลี่ยนก็เพราะว่า มันเป็นช่วงเวลาที่ผมเขียนถึง “เพื่อน ๆ” ที่คุยกันผ่านบอร์ดนิยาย(ในเว็บเก่า)

แล้วก็พูดถึงจุดเริ่มต้นของการเล่น MSN แล้วก็เหตุการณ์ที่ผมประทับใจในการพูดคุยกับเพื่อน ๆ

แต่บังเอิญเพื่อนคนหนึ่งคงไม่แฮปปี้กับการที่ผมเอาเขามาเล่า ก็เลยเป็นอันพับไป

ผมก็นิสัยไม่ดี ที่ไม่ขออนุญาต “เพื่อน ๆ” ก่อน ด้วยความที่คิดเองเออเองว่า เพื่อน ๆ คงไม่ว่าอะไร

กับการที่ผมจะเล่าถึงความสัมพันธ์และบางเรื่องราวที่ผมประทับใจ โดยไม่ได้คิดระบุตัวบุคคล



ก็เอาเป็นว่า หลังจากที่ผมลบบางส่วนของตอนนี้ไป(กว่าครึ่งตอน) มันก็ต้องเริ่มวางพล็อตกันใหม่ใช่มั้ยครับ

อาจจะใช้เวลาที่จะเริ่มต้นสักพัก ประกอบกับว่า เดือนสุดท้ายของปี ทุก ๆ ปี จะเป็นช่วงเร่งผลงานของผม

คาดว่า อาจจะทิ้งช่วงไปอีกพักใหญ่ กว่าจะได้เริ่มลงอีกครั้ง (นิยายข้ามปีอีกแล้ว)

อย่าเพิ่งเบื่อหน่าย หนีหายกันไปซะก่อนนะครับ

ช่วงงานยุ่งจริงอะไรจริง หัวหูผมฟูหมดแล้ว










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:23:32 โดย NuNew »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด