.:บทเรียนที่ 4:.
“แฮ่กๆ ๆ กี.. มึง..ทิ้งกูไว้ตรงนี้” อินทัชพูดขาดๆ หายๆ สมองพล่าเบลอเพราะหายใจไม่ทัน หลังโค้งลงต่ำมาด้านหน้า สองมือกุมเข่าสองข้างแน่น ขาสั่นจนเหมือนจะยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว พยายามหอบเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดอย่างยากลำบาก เพื่อนสนิทหันมามองเขา มันส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะมาดึงแขนข้างหนึ่งแล้วกระชากเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาวิ่งต่อไปด้วยกัน
“อิน มึงจะมาสำออยไม่ได้ นี่เพิ่งจะสองรอบเองนะ” ไอ้กีเอ่ยเร่ง เขามองหน้าเพื่อนสนิทอย่างละเหี่ยใจ ไม่รู้มันไปฟิตมาจากไหน ตั้งแต่เปิดเทอมมามันพาเขามาวิ่งที่สวนในมอทุกเช้า คนอย่างมันที่ปกติไม่เคยจะออกกำลัง แค่เดินยังเหนื่อย ไม่รู้ตอนมันกลับไปอยู่บ้านหัวมันไปฟาดกับอะไรหรือกินอะไรผิดสำแดงก็ไม่รู้ พอมาเจอกันอีกที มันกลายเป็นคนรักสุขภาพไปแล้วซะงั้น ไม่ใช่แค่ที่ตื่นนอนปุ๊ปก็ไปหาเขาที่คอนโดแต่เช้า ลากเขามาวิ่งด้วยทุกวันแบบนี้หรอกนะ แต่บางวันมันถึงขนาดทำอาหารคลีนมาเผื่อเขาหลังวิ่งเสร็จ แล้วยิ่งไปกว่านั้นคนที่เคยขึ้นชื่อว่าขี้เกียจตัวเป็นขน งานอะไรก็ไม่เคยจับเคยแตะ เดี๋ยวนี้มันขยันกว่าใคร วันก่อนที่เขาไปหามันที่บ้าน เขาแทบจะเก็บอาการตกใจไว้ไม่ไหว นอกจากบ้านมันจะสะอาดเอี่อมอ่องไปทุกซอกทุกมุมแล้ว สวนหน้าบ้านมันที่เคยมีแต่หญ้าเหลืองๆ เกรียมแดด ตอนนี้มีดอกไม้ใบหญ้ามาลงเต็มพื้นที่ไปหมด มันถึงขนาดขุดบ่อเลี้ยงปลาเล็กๆ ใส่ปลาหลากหลายพันธุ์ลงเต็มบ่อ เรียกว่าแค่ไม่เจอกันไม่กี่วัน มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ในที่สุดพอเขาลองถามถึงเหตุผลที่มันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้รวดเร็วขนาดนี้ ก็ต้องรู้สึกสะอึกกับคำตอบที่มันให้
‘เพราะในที่สุดแล้วคนที่รักกูจริงก็คือตัวกูเอง ดังนั้นกูต้องหัดดูแลตัวเองดีๆ’
อินทัชรู้สึกเจ็บในอกเมื่อได้ยิน รู้ดีว่ามันยากแต่ไหนกับการลุกขึ้นมาหลังจากเจอเรื่องราวแย่ๆ แบบนั้น เขารู้ดีที่สุด และไม่เคยลืมว่าคนที่ทำให้เขาผ่านวันร้ายๆ มาได้ก็คือเพื่อนอย่างมันนี่แหละ ดังนั้นพอถึงตาเขา เขาก็ตั้งปณิธานว่าจะอยู่เคียงข้างมันให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมปล่อยให้มันต้องผ่านเรื่องนี้ไปตามลำพังแน่ๆ เพราะคิดอย่างนี้เขาถึงยอมออกมากับมันทุกเช้าแบบนี้ แม้จะเกลียดการออกกำลังกายเป็นที่สุดก็ตาม
“มึงต้องไหวไอ้อิน” มันว่าต่อ
“กูไม่ไหวแล้วจริงๆ มึงไปเถอะ” แต่เพราะเมื่อคืนนอนซะดึก พอต้องตื่นมาวิ่งแต่เช้าแบบนี้ เขาก็เหมือนจะไม่ไหวจริงๆ ตั้งใจจะทิ้งมันตรงนี้แล้วเดินไปหาซื้อน้ำกิน ขณะที่กำลังจะยันตัวขึ้นเพื่อนสนิทก็ยื่นหน้ามาที่ใบหู ยกมือขึ้นป้องปากกระซิบบอก
“ออกกำลังเยอะๆ น่ะดีแล้ว ถึงเวลาต้องใช้มึงจะได้อึดๆ พอดินทำท่าที่ร้อยจะได้มีแรงสู้”
อินทัชหูแดงเรื่อจนลามมาที่หน้า “ไอ้กีมึง เดี๋ยวจะโดน” กีรติหัวเราะร่ารีบวิ่งหนีนำเพื่อนสนิทไปก่อน อินทัชรีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปติดๆ เป็นแบบนั้นจนวิ่งกันครบห้ารอบ จริงๆ เขาก็แค่อยากจะตามไปเตะมัน ไม่ได้อยากจะองอยากจะอึดอะไรเลยนะ
พอวิ่งเสร็จทั้งสองก็มาที่ลานกว้างที่มีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งอยู่หลายชนิด กีรติขึ้นไปบนเครื่องโยกที่ใช้ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อบริเวณขาและสะโพก เขาขยับขาซ้ายและขวาไปมาหน้าหลังสลับกันเป็นจังหวะเร็วๆ แอบอมยิ้มเหลือบมองเพื่อนสนิทที่หนีไปนั่งเล่นบนชิงช้ากับเด็กน้อยคนนึงอย่างสนุกสนาน
“พี่กี หวัดดีครับ” กีรติหันหลังไปมอง ยกยิ้มเมื่อเจอชายร่างสูง ผิวสีแทนคมเข้มในชุดวอร์มสีดำที่ยืนยิ้มเห็นฟันขาวครบทุกซี่อยู่ก่อนแล้ว
“อ้าว น้องพุทธเจอกันอีกแล้ว” กีรติทักทายอย่างร่าเริง “หมีพูห์ก็ด้วย ฟิตกันจังเลยนะพวกเรา” กีรติมองไปข้างหลังเห็นคนที่มีหน้าตาอิดโรยแบบคนนอนน้อยยิ้มเจื่อนมาให้เขา อินทัชที่สังเกตเห็นจากไกลๆ อดขำไม่ได้ คนอย่างหมีพูห์มันไม่ได้อยากมาออกกำลังกายหรอก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันโดนพี่รหัสสั่งให้มาคอยเป็นไม้กันหมา มาคอยคุมเวลาเขามาวิ่งแล้วเผื่อมีคนเข้ามายุ่ง อินทัชส่ายหน้าให้กับความขี้หึงไร้สาระของแฟนตัวเอง ตื่นไม่ไหวแล้วยัังจะใช้น้องมาทำอะไรแบบนี้แทนอีก เขาโบกมือทักทายหมีพูห์กลับตอนที่อีกคนกางแขนโบกมือให้เขาไหวๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขา มันก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความอะไรสักอย่างในโทรศัพท์
รายงานตามเรียลไทม์เลยนะน้องหมี
“ครับ บังเอิญจัง พี่กีก็ขยันเหมือนกันนะครับ” อินทัชแอบอมยิ้ม ถ้าเดาไม่ผิดเมื่อคืนดินต้องบอกหมีพูห์ไปแล้วว่าเขาจะมาวันนี้ พุทธโธทีี่เป็นรูมเมทกับมันก็ต้องรู้เหมือนกัน บังองบังเอิญอะไรไม่มีซะล่ะ แต่ก็ช่างเถอะ ไอ้น้องพุทธก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ตอนที่รู้จักกันที่ค่ายอาสาก็ดูเป็นคนน้ำใจดีคอยช่วยเหลือคนนั้นคนนี้อยู่ตลอด ในสายตาเขาถือว่าน้องเป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่งเลยล่ะ และที่สำคัญที่สุดน้องมันเช้าถึงเย็นถึง การกระทำทุกอย่างชัดเจนมาก ถ้ามันจะเข้ามาจีบไอ้กีจริงจังแบบนี้เขาก็อยากลองสนับสนุนดูเหมือนกัน เขาคิดแล้วก็ลุกจากชิงช้าเดินเข้าไปสมทบกับคนทั้งสาม
“อืม พักนี้อยากออกกำลังกาย จะได้กินเยอะๆ ได้ ไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดไง” พุทธโธยืนยิ้มมองคนที่ตอบคำถามเขาหน้าตายิ้มแย้ม แก้มที่มีเลือดฝาดแดงเรื่อจากการออกกำลังกายทำให้อีกคนดูน่ารักขึ้นเป็นสองเท่า ท่าทางจริงจังเกินเหตุเวลาเล่าเรื่องสูตรอาหารคลีนทำให้เขารู้สึกอยากจับอีกคนมาฟัดเล่นซะเหลือเกิน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าแท้ๆ แต่เพราะขนาดตัวที่สูงแค่อกเขา ร่างเรียวบางและผิวขาวเนียนเหมือนเด็ก มันทำให้เขารู้สึกเอ็นดูอีกคนเหลือเกิน เขารู้จักกับพี่กีตอนที่ไปค่ายอาสาที่เชียงรายเมื่อปิดเทอมที่แล้ว ตอนแรกที่ไอ้หมีชวนไปเขาก็ยังสองจิตสองใจเพราะไม่เคยไปมาก่อน แต่ก็ต้องรู้สึกขอบใจที่มันขะยั้นขะยอจนในที่สุดเขาก็รับปาก และมันก็คงเป็นโชคดีที่สุดของเขาเพราะทำให้ได้มีโอกาสรู้จักกับคนตรงหน้า
“งั้นไหนๆ วันนี้ก็ออกกำลังกายแล้ว ตอนเย็นไปหาอะไรกินกันไหมครับ” พุทธโธเอ่ยออกไปตรงๆ โดนปฎิเสธไปหลายครั้งแล้ว ต้องมีสักวันสิที่อีกฝ่ายจะตอบตกลง ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก!!
“ไม่ได้เด็ดขาดนะไอ้พุทธ” ไม่ใช่พี่กีแต่เป็นเพื่อนของเขาเองที่พูดขึ้นมา พูรินยกแขนขึ้นไขว้กันเป็นกากบาทอันใหญ่ประกอบกับคำพูดตัวเอง
“วันนี้พี่ดินชวนสายรหัสไปเลี้ยงที่ร้าน และพี่กูเขาจะขึ้นร้องวันแรกด้วย มึงจะมาเอาพี่กีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” พูรินว่าเสียงแข็งขึ้นมาก่อนจะหันมาถามรุ่นพี่ทั้งสอง “พี่อินกับพี่กีก็จะไปด้วยกันใช่ไหมครับ” นอกจากจะต้องคอยช่วยพี่รหัสดูพี่อินแล้วเขายังต้องคอยช่วยพี่ต้นดูพี่กีอีก นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่ๆ รู้ว่าไอ้พุทธเพื่อนเขามาจีบพี่กีอยู่เขาจะโดนอะไรบ้าง ทางนั้นก็พี่ทางนี้ก็เพื่อน หมีพูห์เหนื่อยเหลือเกินครับแม่!
อินมองหน้าเพื่อนสนิท “ถ้ามึงไม่อยากไป ก็ไม่เป็นไรนะมึง” เขายังไม่แน่ใจว่ามันพร้อมจะไปเจออีกคนแล้วหรือเปล่า ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนถ้ายังไม่อยากเจอ กีหันหน้ามามองเขาก่อนจะยกยิ้มบางให้
“กูไม่เป็นไรมึง กูไปได้” มันว่า “จะช้าจะเร็ว ยังไงสักวันก็ต้องเจอกันอยู่ดี” อินทัชนิ่งมองเพื่อนสนิท เมื่อมันว่าอย่างนั้นเขาเลยหันไปหาอีกคน
“พุทธอยากไปด้วยกันไหมล่ะ” พุทธโธยิ้มแก้มแทบปริ พยักหน้ารับเร็วๆ เป็นการตอบตกลง กีรติหรี่ตามองหน้าเพื่อนสนิท รู้เลยว่ามันกำลังตั้งใจจะทำอะไร แต่พอเห็นหน้าตาดีใจซะเหลือเกินของน้องพุทธเขาก็ไม่อยากว่าอะไร เลยได้แต่ยิ้มตามน้ำ
“มึงจะไปทำไมว่ะ สายรหัสมึงก็ไม่ใช่”
เมื่อได้ยินแฟนพี่รหัสว่าอย่างนั้นพูรินก็หน้าซีดขึ้นมาทันที รีบตะโกนแย้งขึ้นมา อุตส่าห์หลบเลี่ยงมาได้ตั้งนาน คืนนี้พี่ดินกับพี่ต้นต้องเชือดเขาทิ้งแน่ๆ
“แล้วพี่กูก็โครตดุมากด้วย เขาไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวาย”
“ดินไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย แล้วถ้าจะว่าอะไร เดี๋ยวพี่คุยให้้เอง”
“พี่อิน~” พูรินร้องคราง
พี่อินนะพี่อิน หาเรื่องให้น้องจังเลยนะ!!!
พูรินพยายามใช้สายตาขู่เพื่อนสนิท ส่งสัญญาณทางสายตาให้มันเปลี่ยนใจ แต่นอกจากมันจะไม่กลัวแล้ว มันยังจ้องหน้าส่งตาหวานให้พี่กีไม่หยุด
“งั้นให้ผมไปรับพี่กีที่คณะไหมครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ว่าจะเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องพี่อินก่อน ยังไงเจอกันที่ร้านเลยนะ” กีรติตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“ไปมึง อาบน้ำกินข้าวกัน เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันนะ” กีรติหันหน้าไปบอกเพื่อนสนิท กล่าวลารุ่นน้องทั้งสองอีกนิดหน่อยก็เดินแยกออกมา
“น้องพุทธก็น่ารักดีนะมึง” ไอ้อินยิ้มกรุ่มกริ่มมาให้เขา
“จะฟ้องดิน” เขาสวนกลับ ริอาจจะทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก เดี๋ยวก็ป่วนให้โดนหึงซะเลยนี่ มันรีบยกมือส่ายไปมาปฏิเสธยกใหญ่
“ไม่ใช่กูสิ กูดูก็รู้ว่าน้องเขาจีบมึง”
“มึงมั่วแล้ว”
“จ๊ะ มาดักรอทุกวันแบบนี้ไม่ใช่หร๊อก”
“บังเอิญเจอกันหรือเปล่า”
“บังเอิ๊ญญญที่ซู๊ดดด”
“เสียงเพี้ยนเชียวนะ”
“เชี่ยกี..ไม่ถามก็แล้วก็ได้” กีรติหัวเราะร่า ข้อดีที่สุดของเพื่อนคนนี้คือมันเป็นคนคิดเยอะ เวลาจะพูดจาอะไรก็คิดแล้วคิดอีก พอเห็นเขาไม่อยากพูดมันก็เลยไม่ถามหรือแซวอะไรต่อ เขาเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าน้องมันเข้ามาหาเขายังไง แต่เพราะตอนนี้ยังไม่พร้อม เขาจึงทำได้เพียงรักษาระยะห่างให้พอเหมาะ ไม่ได้นึกรังเกียจแต่ก็ไม่อยากให้ความหวังมากเกินไป ตอนนี้ถ้ายังไม่แน่ใจว่ากำจัดอีกคนออกไปจากใจได้หมดแล้ว เขาก็ยังไม่อยากเปิดใจรับใครเข้ามา เขาขอเจ็บคนเดียวพอ ไม่อยากจะลากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเจ็บเพิ่มไปกับเขาอีก
.
.
.
.
.
.
.
.
“นี่น้องเป้นะครับพี่ๆ ส่วนนี่ก็พี่ดินลุงรหัสสุดหล่อ ร้องเพลงเพราะที่สุดในโลกหล้ากับพี่นนท์ปู่รหัสสายเปย์ผู้ใจกว้างเยี่ยงมหาสมุทร”
ปณวัชยกมือไหว้สายรหัส ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาเจอกัน และตั้งแต่เข้ามหา’ ลัยมานี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเข้ามาร้านเหล้า
“หมีพูห์ มึงยังเว่อร์เหมือนเดิมเลยนะ ตอนนี้เป็นพี่รหัสแล้ว กูจะไว้ใจให้มึงดูแลน้องได้หรือเปล่าเนี้ย” ธนนท์เอ่ยแซวรุ่นน้องจนมันหน้างอพึมพำบ่นอบอุบ แต่ถึงจะไม่พอใจยังไงก็รักจนไม่กล้าเถียงพี่ๆ อยู่ดี
“เราแอดน้องเข้าไลน์กลุ่มด้วยนะ มีอะไรปรึกษาพวกพี่ได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจนะเป้” บดินทร์ว่าต่อ ปณวัชพยักหน้ารับ เอื้อมมือไปรับแก้วเหล้าที่พี่รหัสส่งให้ “งั้นเดี๋ยวพี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ เพื่อนพี่เรียกแล้ว พี่นนท์เดี๋ยวพวกอินมานะ ฝากดูให้ผมด้วย”
“เออๆ กูจะดูให้แบบยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลย” คนแก่สุดกล่าวแซว มันจะห่วงจะหวงอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ บดินทร์เดินออกไปจากโต๊ะได้ไม่นานคนที่โดนกล่าวถึงก็เดินมาพร้อมกับเพื่อนสนิทเจ้าตัวกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน
“ไอ้พุทธมึงมาจริงๆ ด้วย” พูรินกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ มันมองหน้าเขาแล้วหัวเราะแหะๆ ก่อนจะยกมือไหว้รุ่นพี่ปีสี่ลุงรหัสของเขา นั่งลงข้างพี่กีที่มันไปยืนรอหน้าร้านอยู่เป็นนานสองนาน คนในโต๊ะกล่าวทักทายและแนะนำตัวกันไปมา จนเมื่อโชว์บนเวทีเริ่มขึ้นความสนใจทั้งหมดก็ไปอยู่ทางนั้น
“ว่าไงเป้ พี่ดินร้องเพลงเพราะอย่างที่พี่บอกหรือเปล่า” ปณวัชพยักหน้ารับ มองลุงรหัสที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างชื่นชม เขานึกชอบบรรยากาศของร้านนี้ ครึกครื้นแต่ไม่ได้ดูวุ่นวายเกินไป เขาแอบอมยิ้ม วันหลังลองชวนภัทรมาด้วยกันดีกว่า
“แล้วมึงก็คงเห็นว่านั่นพี่ต้น” พูรินกระทุ้งศอกไปยังเพื่อนตัวเองที่มัวแต่นั่งเคลิ้มมองหน้าพี่กีอยู่ได้ มันร้องโอ๊ยออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าเขาอย่างไม่สบอารมณ์ พุทธโธรู้ดีว่าพี่ต้นเป็นใคร และรู้ด้วยว่าเป็นแฟนเก่าพี่กีเพราะไอ้หมีมันคอยย้ำอยู่ตลอด แต่เขาไม่แคร์ซะอย่าง แฟนเก่าก็ส่วนแฟนเก่า ไม่มีปัญญารักษาพี่กีเอาไว้เอง เขาจะต้องสนใจทำไม
“ผมชงให้ครับ” ว่าแล้วก็เอื้อมไปหยิบแก้วมาชงเหล้าส่งให้คนข้างตัว พี่กีกล่าวขอบคุณเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้าไปบนเวทีอีกครั้ง เขาแอบลอบถอนหายใจ แม้จะพยายามเพิกเฉยแค่ไหน แต่พุทธโธก็ยังเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองคนบนเวทีได้อย่างชัดเจน
ยังลืมไม่ได้สินะ
ส่ายหัวไล่ความคิดงี่เง่าออกไป ไม่ว่าจะต้องพยายามแค่ไหน เขานี่แหละที่จะทำให้พี่กีลืมอีกคนให้ได้เอง
.
.
.
เมื่อเพลงสุดท้ายจบลง ตั้งต้นและบดินทร์ก็fist bump ใส่กันก่อนที่จะเก็บของเคลียร์พื้นที่แล้วแยกย้ายกันลงเวที
“กูไปโต๊ะก่อนนะ สายกูรออยู่ มึงเก็บของเสร็จก็ตามมานะ”
“กูไปจะดีหรอว่ะ” ตั้งต้นลังเล เขารู้จากไอ้ดินมาก่อนแล้วว่าวันนี้กีจะมาด้วย
“ยังจะลังเลอะไร ช่วงปิดเทอมคือมึงไปเฝ้าหน้าบ้านเขาเกือบทุกวันเพื่อ?”
“เผื่อเขาไม่อยากเจอกู”
“เลิกเดาไอ้ต้น เก็บของแล้วตามมานะมึง” บดินทร์ตัดบทเดินลงเวทีไปก่อน ตั้งต้นเก็บกีต้าร์ลงเคสเรียบร้อย ก่อนจะเอาไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ เดินเข้าไปล้างหน้าล้างมือในห้องน้ำ
“ไม่ต้องคิดแล้วไอ้ต้น” พูดกับเงาตัวเองที่สะท้อนมาจากกระจก “ถ้ามึงอยากได้เขากลับมา มึงก็ต้องพยายาม” ตบแก้มตัวเองเรียกขวัญกำลังใจก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ
พลั่ก!
“ขอโทษครับ” ตั้งต้นกล่าวเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วชนเข้ากับไหล่บางคนเข้าอย่างจัง
“อ่ะ ต้นเองหรอ” อีกฝ่ายกล่าวทัก เขาจึงหันไปมองหน้า ปรากฎว่าคือน้ำเดือนบัญชีที่เคยคุยด้วยเมื่อเทอมที่แล้ว
“อ้าว น้ำเองหรอ เจ็บหรือเปล่า ขอโทษทีนะไม่ทันได้มอง” เขาเห็นอีกฝ่ายเอามือกุมไหล่ ลูบไปมาจึงเอ่ยถาม เพราะเมื่อกี้ก็ชนกันแรงพอดู
“ไม่เป็นไรมากหรอก แต่ดีใจจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งแต่คราวนั้น” คนตรงหน้าพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเน้นคำว่า ‘คราวนั้น’ อย่างมีความหมาย ก็ตั้งแต่ ‘คราวนั้น’ ที่มีอะไรกันยันเช้า เขาก็ไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายไปอีกเลย แต่มันก็คือความพอใจของคนทั้งคู่ ก็ตกลงกันก่อนแล้วว่าจะไม่ได้ผูกพันธ์อะไร
“อืม ต้นยุ่งๆ น่ะ” ต้นตอบกลับสั้นๆ ทั้งคู่เอี่ยวตัวหลบเมื่อมีคนเดินจะเข้าห้องน้ำ อีกฝ่ายถือโอกาสสวมกอดเขา เบียดตัวเข้ามาแนบชิดจนช่วงล่างของทั้งสองแนบติดกันสนิท
“นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน” คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงออดอ้อน ช้อนตาขึ้นมาหาเขา
“เอ่อ..น้ำ..ปล่อยก่อนนะ” ตั้งต้นบอกอีกคนด้วยเสียงสุภาพ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจัดการรวบหัวรวบหางอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ในวันนี้ที่จิตใจมั่นคงกับใครบางคน ร่างกายจึงรู้สึกอึดอัดที่โดนจู่โจมแบบนี้
“หืม..ใจร้ายจัง ต้นไม่คิดถึงกันเลยหรอ” เมื่อความอดทนถึงขีดจำกัด ตั้งต้นก็จับแขนอีกฝ่ายไว้มั่น ตั้งใจจะดึงออกจากเอวตัวเอง
“ขอโทษนะ” ไม่ทันได้ทำตามใจคิด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาให้ต้องหันไปมอง ร่างสูงตกตะลึงเมื่อเห็นคนที่ไม่คาดคิดยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
“กี...” เขาเผลอเอ่ยเรียกชื่อออกไปอย่างลืมตัว คนมาใหม่ยกมุมปากขึ้นนิดนึง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดเกรงใจ
“เอ่อ คือเราจะเข้าห้องน้ำน่ะ ขอทางหน่อยได้ไหม” ไวกว่าความคิด คนตัวเล็กในอ้อมอกเขาก็ดันตัวเขาไปอีกด้านเพื่อหลีกทางให้ กีสบตาเขาแปปนึงแล้วจึงหันไปพงกหัวให้อีกคนเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตั้งต้นรีบดึงแขนอีกฝ่ายออกจากตัวอย่างรวดเร็ว
“ต้นไปก่อนนะ”
“เอ่า ต้นจะไปไหน~” เสียงอีกคนประท้วง
“แล้วไม่ต้องโทรหาล่ะ ต้นมีแฟนแล้ว” เจ้าตัวว่ารัวๆ ก่อนจะเดินเร็วๆ หายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้อีกคนยืนอึ้งกับคำพูดของเขาอยู่ตรงนั้น
เมื่อไปถึงในห้องน้ำก็พบว่าตรงซิ้งล้างมือ และโถรวมไม่มีใครอยู่ เมื่อสำรวจห้องส้วมที่มีอยู่สามห้องก็เห็นว่ามีเพียงห้องเดียวที่ปิดประตู ชายหนุ่มยืนรออยู่ตรงซิ้งล้างมือด้วยใจเต้นตึกตัก ไม่นานเสียงปลดกลอนประตูก็ดังขึ้น คนที่เขารอด้วยใจจดจ่อก็เดินออกมาจากห้องนั้น เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาก็แอบชะงัก แต่มันก็แค่แวบเดียว อีกคนปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
“อ้าว ต้น มาทำอะไรตรงนี้” กีรติกล่าวทักด้วยรอยยิ้ม “นึกว่าจะไปถึงไหนต่อไหนแล้วซะอีก” เขาเอ่ยแซวต่อ พยายามข่มใจทำน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุด
“เมื่อกี้กีเข้าใจผิดนะ ต้นไม่ได้จะไปกับน้ำ ก็แค่บังเอ..”
“เห้ย ต้นไม่เห็นต้องมาอธิบายให้เราฟังหรอก” ตั้งต้นไม่ทันจะพูดจนจบประโยคก็โดนแทรกขึ้นมาเสียก่อน “อย่าลืมสิ เราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วนะ เราไม่ไปตามโวยวายหรอกน้า” ร่างเล็กว่ากลั้วหัวเราะพร้อมกับเอื้อมมือไปกดสบู่มาล้างมือ ตั้งต้นขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที
“กี คือ...ต้น..ขอโทษนะ คุยกันก่อนได้ไหม” เขาไม่รู้ว่าจะเข้าเรื่องยังไง เลยได้แต่พูดอ้ำๆ อึ้งๆ ออกไป พอถามออกไปแล้วก็เอื้อมมือไปวางบนไหล่เล็กเบาๆ อีกคนที่ล้างมือเสร็จแล้วหันหน้ามายิ้มให้เขา
“จะขอโทษทำไม ต้นไม่ผิดสักหน่อย” กีรติว่า “ยอมรับนะว่าตอนแรกก็ช๊อค แต่พอมาคิดดูดีๆ ต้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เราสัญญากันแค่เดือนเดียว พอหมดสัญญาแล้ว ต้นอยากจะไปคบ หรืออยากจะไปนอนกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย” กีรติท่องคำพูดเหล่านี้มาแล้วเป็นร้อยๆ ครั้ง เขาคิดว่าเขาทำได้ดี แม้เสียงจะสั่นไปหน่อยก็เถอะ
“งั้นเราไปที่โต๊ะล่ะนะ หายมานานเดี๋ยวอินจะเป็นห่วง” ว่าแล้วก็ผละเดินไปที่ประตูทางออก แต่จู่ๆ ก็มีสองมือเข้ามารวบจากด้านหลัง รั้งให้เข้าไปชิดกับแผงอกกว้าง
“กี ขอร้องล่ะครับ คุยกันก่อนนะ อย่าประชดได้ไหม” ตั้งต้นเว้าวอนข้างหูอีกฝ่าย เผลอสูดดมกลิ่นที่แสนคิดถึงเข้าเต็มปอด อกอุ่นที่ว่างโหวงมีความร้อนอุ่นแทรกมาอีกครั้ง
“เราปล่าวประชดนะ เราพูดจริงๆ” อีกฝ่ายยังยืนยันด้วยเสียงใส ตั้งต้นจับไหล่อีกคนหมุนให้อีกฝ่ายหันหน้ามาประจันกัน เรียบมองใบหน้าที่ไม่ได้เห็นใกล้ๆ มานานอย่างถวิลหา อีกคนผอมลงไปเยอะ แก้มเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ริมฝีปากแดงเจ่อที่ไม่ว่าจะประกบลงไปกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ
“กี.. ต้นผิดไปแล้ว..ต้นขอโทษ” ตั้งต้นบีบไหล่อีกฝ่ายแน่น เอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด
“ให้โอกาสต้นได้ไหม ฟังต้นอธิบายหน่อยเถอะ ต้นรู้ ต้นมันโง่ งี่เง่าที่สุด แต่ขอให้ต้นได้แก้ตัวได้ไหม”
“ต้นพอเถอะนะ” กีรติถอนหายใจ เอ่ยออกไปด้วยเสียงที่ราบเรียบ “ให้มันจบตอนนี้ ตอนที่ยังพอเป็นเพื่อนกันได้เถอนะ” กีรติสบตาคนตรงหน้า แม้จะอ่อนไหวกับคำพูดอีกฝ่ายไม่น้อย แต่เขาตัดสินใจแล้ว
“ไม่นะกี.. ต้นไม่ยอมนะ” ตั้งต้นยังดึงดัน “ช่วงเวลาที่มีกีอยู่ มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ดีที่สุดในชีวิตของต้นเลยนะ” ชายหนุ่มสารภาพหมดเปลือก ไม่มีแล้วซึ่งศักดิ์ศรีใดๆ
“อาจจะเป็นเพราะว่ามันแค่เดือนเดียวหรือเปล่ามันถึงได้ดีมาก” อีกฝ่ายกล่าวออกมาอย่างใจเย็น
“เพราะมีเวลาจำกัด เราทั้งสองถึงทุ่มเทกันเต็มที่แบบนั้น” ร่างบางว่าต่อ
“บางทีเราก็ควรจะเก็บมันไว้ ให้มันเป็นความทรงจำดีๆ ระหว่างเราสองคนดีกว่านะ” เพราะถ้าดันทุรังต่อไป ในที่สุดเราอาจจะเกลียดกันจริงๆ ก็ได้
คนตัวโตนิ่งฟัง กีรติคิดว่าเขาพูดหมดแล้ว เจ้าตัวยิ้มให้คนตรงหน้า เขาให้อภัยในสิ่งที่อีกคนทำได้แล้วจริงๆ ไม่คิดโกรธแค้นอะไร คนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไปในทางที่ตัวเลือก ในเมื่อวันนั้นเราสองคนเลือกทางที่ต่างกันเราถึงต้องแยกจาก ต่อไปก็แค่ต่างคนต่างอยู่ ใช้ชีวิตที่ตัวเองเลือกให้ดีที่สุด
“ไม่...” กีรติเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินอีกคนพึมพำออกมา
“แต่ต้นไม่อยากให้มันจบแบบนี้” อีกคนยังดึงดัน
“ต้น..เราว่านายอย่า...”
“อย่าห้ามกันได้ไหม” เขายังพูดไม่จบร่างสูงตรงหน้าก็แทรกเข้ามาก่อน
“ไม่ได้จะให้ยกโทษหรือขอให้กลับมาคบกันตอนนี้ แต่ต้นขอพิสูจน์ตัวเองได้ไหม”
“...”
“ต้นจะแสดงให้กีเห็นเองว่าต้นเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
“...”
“นะ”
กีรติถอนหายใจ ตั้งต้นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม คนที่ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด ถึงเขาจะห้ามยังไงอีกฝ่ายก็คงไม่ฟังอยู่ดี
“ก็ตามใจ”
ก็ในเมื่อเขาพูดสิ่งที่คิดไปหมดแล้ว
ต่อจากนี้อีกฝ่ายอยากทำอะไรก็ทำ
เพราะไม่ว่าจะทำอะไร
จะพลิกดินพลิกฟ้า จะเปลี่ยนนรกเป็นสวรรค์
เขาก็ไม่คิดจะสนใจอีกต่อไปแล้ว..
*********
มาแล้วจ้าาา น้องหนักแน่นพอไหมแม่จ้า แล้วตอนนี้มีคนมาใหม่เต็มเรื่องเลย หุหุ แล้วมีใครจำน้องเป้ได้บ้างหรือเปล่า น้องเป้นี่คือพระเอกคนแรกของเค้าเองแหละ เอาน้องเขามาใส่ในสายรหัสซะงั้น 5555 เรื่องของน้องคือ เรื่องเล็กๆ / A small story เป็นงานเขียนเรื่องแรกเลยค่ะ มีคนอ่านประมาณสิบคนได้ ก๊ากก ใครว่างแบบว่างมากๆ ก็เข้าไปลองอ่านกันได้นะคะ
ทวิตตต #ต้นคนรักไม่เป็น @maywrite1