บทที่ ๖
มาซาฮารุรวบรวมพลังทั้งหมดลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มเผชิญหน้ากับพญาแมงมุมด้วยเพลงดาบที่เขาเชี่ยวชาญ มาซาฮารุเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว จับดาบเข้าฟาดฟันอย่างไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ พญาแมงมุมจำต้องเป็นฝ่ายตั้งรับและไม่นานดาบของนักปัดรังควานหนุ่มก็ได้ดื่มเลือดปีศาจสมใจ
อสูรหนุ่มกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ลำตัว รู้สึกโกรธจัดที่เสียท่ามนุษย์ตัวจ้อย มันห่อปากร้องอ๊าวเสียงยาว ฟังโหยหวนและเสียดแทงประสาทหูจนคนธรรมดาอย่างมิซากิทนไม่ไหว ต้องเอามือปิดหูทั้งสองข้างไว้แน่น
รูปลักษณ์แบบมนุษย์ของพญาแมงมุมถูกฉีกขาดออกเมื่อเจ้าของกลับคืนสู่ร่างอันแท้จริง ตอนนี้มาซาฮารุกับมิซากิกำลังเผชิญหน้ากับแมงมุมตัวใหญ่ยิ่งกว่าภูเขาเลากา ขาทั้งแปดของมันเป็นปล้องสีดำสลับส้ม ส่วนหัวสีดำสนิทราวกับนิลเนื้อดี ลำตัวกลมใหญ่สีดำมีริ้วสีขาวแซม ตรงกลางแต้มจุดสีส้มจ้าเรียงกันเป็นแถวไปจนถึงก้น มันยืนอยู่กลางใยสีขาวที่ถักทอเชื่อมกันจนเป็นวงขนาดใหญ่เหมือนกับดักที่กำลังรอให้เหยื่อหลงมาติดกับ
ตบะพลังที่แผ่ออกมาจากร่างที่แท้จริงของพญาแมงมุมยิ่งสร้างความกดดันได้มากกว่าตอนที่อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์เป็นเท่าตัว นักปัดรังควานหนุ่มไม่ห่วงตัวเองอีกแล้วในเวลานี้ เขาเสกชิกิงามิขึ้นมาอย่างรวดเร็วให้กลายเป็นโคมะอินุ สิงห์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูศาลเจ้า พวกมันมีด้วยกันสองตัว ตัวหนึ่งอ้าปากกว้าง อีกตัวปิดปากสนิท พวกมันทั้งคู่กระโจนเข้าไปยืนขนาบข้างมิซากิเพื่อทำหน้าที่ผู้พิทักษ์
“มิซากิ! ห้ามขยับออกจากเขตแดนที่ฉันสร้างขึ้นเด็ดขาด!”
ชายหนุ่มตะโกนก้อง แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับศัตรูอีกครั้ง ทันเวลาพอดีที่จะยกดาบขึ้นรับใยเหนียวที่แมงมุมปีศาจพ่นออกมาเป็นสายหวังจะพันธนาการร่างของเขา
ใยของพญาแมงมุมที่เหนียวหนับยึดปลายดาบของเขาเอาไว้แน่นจนดึงไม่หลุด มาซาฮารุร่ายเวทอีกครั้ง เรียกเตโชธาตุในตัวให้มาสถิตอยู่ที่ใบดาบ ทำให้ดาบของเขาร้อนจัดประหนึ่งตีขึ้นจากอัคคี และสามารถหลอมใยสีขาวที่รัดรึงอยู่ให้กลายเป็นของเหลวหลุดออกไปได้ในที่สุด
พญาแมงมุมขยับเขี้ยวคมกระทบกันดังกริก ๆ เพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ แล้วพุ่งเข้าหาศัตรูของมันเพื่อฝังเขี้ยวและปล่อยพิษร้ายแรงเข้าสู่ร่างกายของศัตรู มาซาฮารุยกดาบขึ้นรับ พยายามต้านแรงอันมหาศาลที่โถมใส่อย่างเต็มที่ งานนี้เขาแพ้ไม่ได้
ชายหนุ่มฉีกตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่คมเขี้ยวของแมงมุมปีศาจงับเอาดินขึ้นมาทั้งกระบิ พิษร้ายของมันเหมือนน้ำกรดกัดผิวดินจนเกิดเป็นฟองฟู่อย่างน่าขนลุก
มาซาฮารุดึงกระดาษออกมาเสกจิ้งจอกเพลิงอีกครั้ง แล้วใช้มันเป็นตัวล่อสร้างความพะวักพะวนให้แก่ศัตรู เปลวไฟมนตราจากตัวของมันติดตามปล้องขาทั้งแปดของพญาแมงมุม แม้ไม่อาจเผาให้เป็นจุณได้ แต่ก็สามารถสร้างความแสบร้อนจนแมงมุมตัวใหญ่เต้นเร่าออกมาพ้นจากวงใยที่แผ่กว้าง เปิดโอกาสให้นักปัดรังควานหนุ่มใช้ดาบคู่กายฟันฉับตัดเขี้ยวทั้งสองขาดกระเด็นโดยไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะติดกับดักใยแมงมุม
พญาแมงมุมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ตวัดขาเปะปะหวังให้ฟาดถูกร่างศัตรูจนแหลกเละ แต่มาซาฮารุไวกว่าแมงมุมปีศาจที่โกรธจนเลือดเข้าตา คมดาบของเขาฟันขาเป็นปล้องของมันขาดหลุดจากตัวอันใหญ่โตมโหฬาร
แมงมุมปีศาจไถลเถลือกไปตามพื้นด้วยความทรมาน ก่อนจะแน่นิ่งสนิทหลังจากที่มาซาฮารุกดดาบลงไปบนหัวสีดำสนิทของมันจนมิดด้ามแล้วแหวะจนเหวอะหวะรุ่งริ่ง พญาแมงมุมตัวใหญ่ที่น่าหวาดประหวั่นคงเหลือเพียงซากร่างที่ไร้ชีวิต นักปัดรังควานหนุ่มใช้จิ้งจอกเพลิงของตนพ่นไฟเผาซ้ำอย่างคนไม่ประมาท
“มาซาฮารุซัง!”
ชายหนุ่มหันขวับตามเสียงเรียกชื่อโดยอัตโนมัติ ร่างเล็กของมิซากิกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“คุณไม่เป็นอะไรนะคะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้เธอออกมานอกเขตแดน!”
มิซากิไม่กลัวเสียงตวาดของชายหนุ่มแม้แต่นิดเดียว เพราะอ้อมแขนของเขารัดร่างหล่อนแน่น ตรงกันข้ามกับน้ำเสียงที่ใช้อย่างสิ้นเชิง หญิงสาวหัวเราะเสียงใส กอดตอบชายหนุ่มแน่นไม่แพ้กัน
เมื่อพญาแมงมุมพ่ายแพ้ อาณาเขตของมันที่ครอบทับสถานที่แห่งนี้เอาไว้ก็พังทลายลงอย่างเด็ดขาด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยอยู่ใต้พลังอำนาจของมันก็กลายเป็นอิสระ ประตูหน้าบ้านแบบญี่ปุ่นที่เคยถูกยึดครองเป็นรังแมงมุมอยู่นานหลายปีค่อย ๆ เปิดออก
มิซากิผละอออกจากอ้อมกอดของมาซาฮารุ น้ำตาคลอเต็มสองตาของหล่อนเมื่อเห็นร่างแบบบางในชุดกิโมโนที่ตามหามาเนิ่นนานเดินช้า ๆ ออกมาพ้นประตู
“คุณยายคะ!” หญิงสาวร้องพลางโผเข้าไปหา
แม้จะอยู่ในสภาวะที่แตกต่าง แต่มนุษย์และวิญญาณทั้งสองก็จับมือกันด้วยความยินดี น้ำตาไหลริน
“ขอบใจมากนะจ๊ะมิซากิ” วิญญาณของ ‘คุณยาย’ พูดอย่างอ่อนโยน
“หนูดีใจที่ช่วยคุณยายได้และได้พบกับคุณยายอีกครั้ง หนูดีใจจริง ๆ ค่ะ”
“ขอโทษนะจ๊ะที่ไม่ได้ล่ำลาอย่างที่ควรจะทำ”
“โธ่ ก็คุณยายถูกแมงมุมจับขังไว้นี่คะ มันช่วยไม่ได้นี่ หนูไม่เคยโกรธเลย แต่หนูคิดถึง... คิดถึงคุณยายมาก หนูอยากเจอคุณยายอีกสักครั้ง”
มิซากิปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันใจและมีความสุข ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบกิ่งไม้แห้งที่ทะนุถนอมไว้เป็นอย่างดีขึ้นมาชูอวด
“คุณยายบอกว่าดอกไม้จะบานใช่ไหมคะ”
วิญญาณของหญิงชรายิ้มอย่างอ่อนโยนพลางลูบหน้าหญิงสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดู สัมผัสของวิญญาณเย็นเฉียบ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
“ขอบใจนะจ๊ะที่ยังเก็บเอาไว้”
“มันเป็นของสำคัญของหนูนี่คะ หนูรอมาตลอด คิดว่าวันไหนที่มีดอกไม้ผลิบานจากกิ่งไม้กิ่งนี้ หนูจะได้เจอคุณยายอีกครั้ง”
“ดอกไม้บานแล้วล่ะจ้ะ ตั้งแต่หนูได้พบกับใครบางคนที่สำคัญต่อชีวิต” ยายฮานาโกะพูดพร้อมกับหันไปมองมาซาฮารุ ชายหนุ่มจึงก้าวขึ้นมายืนเคียงข้างมิซากิ
“เห็นไหมจ๊ะ ดอกไม้บานแล้ว”
ดอกไม้บานจริง ๆ!
ปุ่มตาบนกิ่งไม้เหี่ยวแห้งบัดนี้กลายเป็นดอกไม้กลีบเล็ก ๆ สีชมพูอ่อนหวานเบียดชูช่อกันอยู่อย่างมหัศจรรย์ มิซากิน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง มือใหญ่แข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้ที่เคยแต่จับดาบสู้รบฆ่าฟันภูตผีปีศาจจึงเอื้อมมาโอบบ่าเพื่อเป็นกำลังใจ
วิญญาณของยายฮานาโกะยิ้มเยียบเย็น แตะปลายนิ้วลงบนกลีบดอกไม้อย่างนุ่มนวล
“และมันจะบานอยู่ตลอดไป”
เสียงของวิญญาณแผ่วเบาดุจสายลม ร่างกายของหญิงชราในชุดกิโมโนก็ค่อย ๆ จางลงจนแทบจะเลือนหายไป
“คุณยายจะไม่อยู่กับหนูก่อนเหรอคะ” มิซากิรู้สึกใจหาย
“ถึงเวลาที่ยายต้องไปแล้วจ้ะ ยายอยู่มานานเกินไปแล้ว ห่วงก็แต่ยังไม่ได้ลาหนู แต่ตอนนี้ยายหมดห่วงแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องไปเสียที จริงไหมล่ะ คุณนักปัดรังควาน”
มาซาฮารุก้มศีรษะให้นิดหนึ่ง แต่ไม่ตอบว่าอะไร มีเพียงมาซากิเท่านั้นที่ร้อนใจ อ้อนวอน
“หนูยังไม่อยากให้คุณยายไป คุณยายคะ ตอนนี้หนูทำอาหารเก่งขึ้นแล้วนะ หนูอยากทำให้คุณยายกิน”
“แค่โอนิงิริตอนนั้นก็พอแล้วล่ะจ้ะ” วิญญาณหญิงชราตอบ “ขอบใจมากนะจ๊ะที่ทำให้ยายกิน อร่อยมาก ยายดีใจมากจริง ๆ”
ร่างวิญญาณของยายฮานาโกะจางลงอีก สุดท้ายก็เลือนหายไป ฝากไว้เพียงคำพูดคำเดียว
“ซาโยนาระ...”
ดอกไม้ไฟ งานออกร้าน และชุดยูกาตะคือสัญลักษณ์ของหน้าร้อน
มิซากิเป็นคนหนึ่งที่เฝ้ารอเทศกาลนี้ทุกปี หล่อนจะแต่งชุดยูกาตะลายดอกไม้สีชมพู รวบผมเกล้าขึ้นเป็นมวย ปักปิ่นรูปดอกไม้ และถือกระเป๋าผ้าพิมพ์ลายใบเล็ก หญิงสาวชอบมองดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นฟ้าติด ๆ กัน มันจะแตกออกเป็นเส้นสีต่าง ๆ สวยงามเหมือนดอกไม้บาน ทุกปีหล่อนจะมาชมดอกไม้ไฟกับเอมิ แต่ปีนี้เพื่อนของหล่อนยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หากหญิงสาวก็ไม่ต้องหงอยเหงาดูดอกไม้ไฟอยู่คนเดียว
ชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ หล่อน เขาใส่ชุดยูกาตะสีเข้ม ไม่ได้ถือดาบที่เป็นอาวุธประจำตัวและไม่มีกระดาษสำหรับเสกชิกิงามิติดตัว นักปัดรังควานหนุ่มของศาลเจ้ากลายเป็นชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่งในค่ำคืนนี้
“เอ่อ... ดอกไม้ไฟสวยดีนะ”
มาซาฮารุทำลายความเงียบด้วยประโยคที่คิดว่าเข้ากับบรรยากาศดีแล้ว แต่ทำไมพอหลุดออกมาจากปากของเขา มันกลับกลายเป็นคำพูดที่ฟังไม่เข้าท่าเลยสักนิด
มิซากิหัวเราะคิกเบา ๆ ตอบรับว่า
“ค่ะ ดอกไม้ไฟสวยมาก”
มาซาฮารุเกาหัว ไม่รู้จะพูดอะไรกับหญิงสาวต่อดี เขารู้สึกว่าตัวเองเงอะงะงุ่มง่ามไปถนัด ให้ไปต่อกรกับพวกภูตพรายปีศาจร้ายยังจะง่ายกว่า แต่เขาไม่อาจประวิงเวลาได้อีกต่อไปแล้ว ซองจดหมายที่เก็บเอาไว้ในเสื้อคอยทิ่มแทงให้เขารู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
“คันโจโคเอน บ้านเกิดของคุณเป็นยังไงบ้างคะ เล่าให้ฉันฟังอีกได้ไหม”
มิซากิกลายเป็นฝ่ายถามแทน หล่อนเปิดประเด็นราวกับจะรู้ใจเขา
“สวยมาก”
“สวยเหมือนกับคืนพิเศษในฤดูร้อนอย่างคืนนี้ของโตเกียวรึเปล่าคะ”
“สวยกว่ามาก” ชายหนุ่มตอบได้ทันที “คันโจโคเอนสวยทุกฤดูกาล หน้าร้อนท้องฟ้าสดใส แดดจัดจ้า ต้นข้าวสีเขียวเต็มท้องนา ฤดูใบไม้ร่วงอากาศเย็นสบาย ใบของต้นไม้ในภูเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดยิ่งกว่าเปลวไฟ ฤดูหนาวหิมะตกหนาห่มคลุมทั้งหมู่บ้านให้เป็นสีขาวโพลน และฤดูใบไม้ผลิ อากาศจะอบอุ่น ต้นไม้ผลิใบ ซากุระบานเต็มที่ก่อนจะร่วงโรยไป”
“ฟังดูเป็นสถานที่ที่วิเศษเหลือเกินค่ะ”
“วิเศษและมหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่คนจะจินตนาการไปได้ถึง” ชายหนุ่มเล่า มองหน้าหญิงสาวแทนที่จะมองดอกไม้ไฟที่แตกตัวอย่างสวยงามบนท้องฟ้า
“จากหมู่บ้านของเรา เดินเข้าไปในภูเขามิคามิประมาณชั่วโมงหนึ่งก็จะพบกับทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบในสายหมอก ถ้าทัศนวิสัยกระจ่าง จะมองเห็นทะเลสาบสีฟ้าสด มีต้นไม้ไร้ใบยืนต้นสูงชะลูดเรียงรอบทะเลสาบเหมือนกับเป็นกำแพงอาณาเขต เหนือขึ้นไปจากทะเลสาบเป็น...”
มาซาฮารุชะงักคำบอกเล่า มิซากิจึงละสายตาจากท้องฟ้ามามองเขา ถามว่า
“เป็นอะไรคะ”
พรายยิ้มบนใบหน้างดงามของหล่อนทำให้เขาถอนใจน้อย ๆ คล้ายยอมรับทุกอย่าง ก่อนเล่าต่อ
“เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอสูรและภูตพรายที่อยู่ใต้อำนาจปกครองของมังกรขาว”
“มังกรหรือคะ” มิซากิดวงตาเป็นประกาย
มาซาฮารุพยักหน้า
“ท่านมิโคโตะปกครองดินแดนด้านในของภูเขามิคามิ พำนักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์สีขาวชื่อว่า ฮะคุริว มนุษย์กับอสูรแห่งภูเขามิคามิมีข้อตกลงร่วมกันมานานแสนนานว่า ทั้งสองเผ่าพันธุ์จะอาศัยอยู่ในอาณาเขตของตัวเองและไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน”
“แล้วอย่างนี้จะมีโอกาสได้พูดคุยกับพวกอสูรไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ชายหนุ่มทำหน้าเมื่อย จำต้องพยักหน้า
“ก็เป็นไปได้ อสูรบางตัวก็ดันชอบพูดคุยกับมนุษย์ ดัดจริตทำมาค้าขาย กระทั่งมังกรขาวเอง ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็พอจะพูดจาตกลงกันได้”
“วิเศษไปเลยค่ะ ฉันอยากไปที่หมู่บ้านของคุณจังเลย”
“ฉันก็อยากให้เธอไปเหมือนกัน”
ชายหนุ่มกับหญิงสาวยิ้มให้กัน มาซาฮารุเพียงแค่อมยิ้มน้อย ๆ ขณะที่มิซากิยิ้มสดใส หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้า ตอนนี้ไม่มีดอกไม้ไฟแล้ว แต่หล่อนก็ยังจำความสวยงามของมันได้ติดตา
เหมือนดอกไม้บาน... สวยงาม
สวยไม่ผิดแผกไปจากดอกไม้ที่กำลังบานอยู่ในหัวใจของหล่อน
- จบ –
จบเรื่องพ่อกับแม่ นักปัดรังควานผู้เข้มขรึมกับสาวน้อยผู้ร่าเริงไปแล้ว ถ้าใครอยากอ่านเรื่องอลเวงของรุ่นลูกและเหล่าภูตพรายกับมังกรขาว ติดตามได้ต่อใน "ภาพลวงตาของปีศาจ"
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52402.0 ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
Mettnoon