(เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)  (อ่าน 1853 ครั้ง)

ออฟไลน์ bychr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0







"สุดขอบฟ้า"
แนะนำให้ฟังเพลงไปด้วยนะคะเพื่อความลึกซึ้ง 555







Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2017 00:49:13 โดย bychr »

ออฟไลน์ bychr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า..
«ตอบ #1 เมื่อ13-02-2017 23:10:02 »

ผมชอบมองท้องฟ้า


ท้องฟ้าที่ปกคลุมโลกไปทั่วทุกพื้นที่ที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมัน มันทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
ท้องฟ้าทำให้ผมรู้สึกมีอิสระ ถ้าผมมีปีกบินได้มันก็คงจะดีสินะ


อีกอย่างท้องฟ้าทำให้ผมนึกคนใครบางคน เพราะเวลาที่อยู่เฉยๆเพื่อมองท้องฟ้าจะมีสายลมที่พัดผ่านหน้าผมไป
สายลมที่แค่พัดผ่านไปแต่ไม่เคยพัดอะไรกลับมา เหมือนโชคชะตาที่พัดใครบางคนผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป
สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านท้องฟ้าไม่ว่าจะในวันที่ฟ้าสดใส หรือวันที่ฟ้าหมองหม่น
สายลมที่เปรียบเสมือนตัวเขา ที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศอยู่ใกล้กับท้องฟ้า เป็นสายลมที่ไม่มีตัวตนแต่เราสัมผัสได้ว่ามีอยู่
.
.
.
.
และความรู้สึกเวลาที่ได้มองท้องฟ้าสัมผัสกับสายลมเอื่อยๆมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“เอ้า! ทุกคนนั่งที่ได้แล้ว เทอมนี้มีเด็กใหม่ย้ายเข้ามาครูพามาแนะนำให้รู้จัก”

“สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘นภนต์’ เรียกสั้นๆว่าภนต์ก็ได้ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”

“นภนต์เธอไปนั่งข้างๆ ‘อนิละ’ ที่อยู่ข้างหน้าต่างนะ โต๊ะที่ว่างอยู่ตรงนั้น”

“ครับผม”




“หวัดดี เราชื่อนภนต์นะ นายชื่ออนิละใช่ไหม”

“อือ หวัดดี”

“เราไม่มีชื่อเล่นนะ แล้วนายมีเปล่า”

“มี เราชื่อลม

รอยยิ้มบางๆจากคู่สนทนาที่ส่งมาให้นั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนเวลาที่ยืนมองท้องฟ้าแล้วมีสายลมเอื่อยๆพัดผ่าน
สงสัยต่อจากนี้นอกจากยืมมองท้องฟ้าแล้วผมคงรอให้มีสายลมพัดผ่านตัวผมไปด้วย
การมองท้องฟ้าหลังจากวันนี้ไปคงมีความสุขมากขึ้นจากเดิมเป็นกอง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วถึงห้าปี
ห้าปีที่ผมมองเขา พร้อมๆกับการมองท้องฟ้าที่มีสายลมเอื่อยๆพัดผ่าน
สายลมที่ไม่ว่าเวลาใดที่ได้สัมผัส ก็มักให้ความรู้สึกที่อิ่มอยู่ในใจ
สายลมที่เปรียบเสมือนตัวเขา

“ภนต์ ปะกลับบ้านกัน”

นั่นไงสายลมของผมมาแล้ว มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมหลงรัก
นั่นสินะ ผมแอบรักเพื่อนตัวเองมาห้าปีแล้ว
หลังจากที่ได้รู้จักรอยยิ้มที่เหมือนสายลมที่พัดผ่านนั่นผมก็ไม่เคยละสายตาออกจากมันได้เลยสักครั้ง

“เออกลับบ้านกัน”

แต่มันเสี่ยงเกินไป ผมที่เป็นผู้ชาย และเขาก็เป็นผู้ชาย
การเก็บความรู้สึกมาถึงห้าปีและท่าทีของเขาคงทำให้ผมต้องเก็บมันมากขึ้นไปอีกปี และอีกปี
.
.
.
.
.
.
.

“พี่ภนต์คะ เอ่อ.. คือ.. หนูชอบพี่ค่ะ!”

เสียงเด็กผู้หญิงเจ้าของผมเปียที่ยาวถึงกลางหลัง เด็กโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่เยื้องไปจากโรงเรียนชายล้วนของผม
เธอทำให้ผมตกใจ ในระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากตึกเพื่อกลับบ้านพร้อมลม

“เอ่อ..”

ผมตอบอะไรไปไม่ถูก ทำได้แต่เหลือบมองคนข้างๆที่ยังคงทำหน้าตาปกติ
แต่ปราศจากรอยยิ้มอย่างที่เคยเห็นเป็นประจำ ผมไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า แต่ถ้าให้ผมเดาก็คงเดาว่าไม่
เพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรก พอๆกับเขาที่ก็มีเด็กผู้หญิงมาสารภาพรักอย่างนับไม่ถ้วนเหมือนกัน

“เดี๋ยวไปนั่งรอนะ หรือถ้าจะไม่กลับพร้อมกันก็ไลน์มาบอกด้วย”

“อืม”

และมันก็จบลงที่แบบนี้ แบบที่เขาจะเดินหนีผมไป ไม่เคยหันกลับมา

“ขอโทษด้วยนะครับ แต่พี่มีคนที่ชอบแล้ว”

และหลังจากนั้นผมก็จะปฏิเสธกับทุกกคนด้วยประโยคนี้เสมอไป

.
.
.
.

สิ่งสุดท้ายที่มักจะเกิดหลังเหตุการณ์แบบนี้ก็คือ
ผมที่เดินกลับมาหาเขาที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วง
และสายตาของผมที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่เขา

‘หรือถึงเวลาที่ผมควรบอกเขาไปสักทีนะ’ ผมคิด

‘อย่าเลย เขาเป็นเพื่อนนะ แถมยังเป็นผู้ชายด้วย’ ผมอีกฝั่งคิด

‘แต่เหลือปีสุดท้ายแล้วนะที่จะได้อยู่ด้วยกันในรั้วโรงเรียน’ ผมอีกฝั่งโต้กลับไป

‘ก็ไม่ได้หายจากกันไปเลยไม่ใช่หรือไง เป็นเพื่อนเป็นได้ทั้งชีวิตนะ’ ความคิดสุดท้ายที่ผมคิด

และมันก็จะจบอยู่แค่ความคิดสุดท้าย ที่ผมไม่มีวันได้บอกออกไป และยอมเป็นเพื่อนที่ไม่ได้คิดแค่เพื่อนต่อไปตราบเท่าที่เขาต้องการ

“ปะ กลับบ้านกัน”

ผมเดินไปสะกิดไหล่เขา

“อือ”

แต่สิ่งสุดท้ายวันนี้มันต่างออกไป ผมที่มักจะไลน์บอกเขาว่ากลับก่อนเลยแล้วเดินกลับบ้านคนเดียว
เลือกที่จะเดินมาหาเขาและเดินกลับบ้านด้วยกันอย่างที่มันเคยเป็นมาตลอดห้าปี
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“ก็ว่าอยู่หายไปไหน ที่แท้ก็มานั่งอยู่ตรงนี้อีกแล้ว”

วันนี้วันสุดท้ายของการเป็นเด็กมัธยมกางเกงขาสั้น
และมันคือสัญญาณเตือนว่าหลังจากนี้ไปผมกับเขาจะไม่ได้อยู่ใกล้กันอย่างที่เคยเป็นมาตลอดหกปีแล้วนะ
ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป

“ก็ในหอประชุมคนเยอะ วุ่นวาย”

“แต่วันนี้วันปัจฉิมไง ไม่อยากอยู่กับเพื่อนบ้างหรอ”

“อยู่ด้วยกันแค่นี้ก็พอแล้ว”

ลมหายใจผมสะดุดไปกับประโยคล่าสุดที่เพิ่งออกจากปากเขา
ใจที่อยู่ดีๆก็เต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งที่คนพูดอาจไม่คิดมากอะไรกับประโยคที่เพิ่งออกมาเสียด้วยซ้ำ

“ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่”

นั่นสินะ ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกัน

“เขียนเสื้อให้หน่อยดิ”

ผมพูดก่อนจะยื่นปากเมจิกไปให้เขา และหันหลังให้ เสื้อผมที่มีรอยปากกาจากเพื่อนอยู่จนเกือบเต็ม 
แต่ของเขากลับตรงกันข้าม ผมรับรู้ได้ถึงแรงจากปากกาที่ค่อยๆลากเป็นตัวอักษรอยู่บนหลังผม
พยายามอ่านจากรอยสัมผัสแต่ก็ล้มเลิกแล้วบอกว่าค่อยกลับไปอ่านที่บ้านก็ได้

“เสร็จแล้ว”

“เดี๋ยวเขียนให้บ้าง เอาไหม”

“เอาดิ”

ผมค่อยๆจรดปากกาลงบนเสื้อของเขา คิดอยู่นานว่าควรเขียนดีไหม
แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเขียนสิ่งที่ผมอยากบอกมาตลอดในใจไป
เพราะหลังจากนี้ผมอาจจะไม่ได้เจอเขาแล้วก็ได้

“เสร็จแล้ว”

ผมตบมือไปบนรอยที่เพิ่งเขียนเบาๆหนึ่งที

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา

ต่างคนต่างกำลังจมอยู่ในความคิด เวลากำลังผ่านไปเหมือนแม่น้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ
สายลมของยามสนธยาที่พัดเอื่อยๆ และเสียงนกร้องที่ลอยมาตามลม
ผมกำลังเก็บเกี่ยวทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเขา ก่อนที่เราต่างคนต่างแยกกันไป

“ลม มีเพลงจะให้ฟัง”

“เอามาดิ”

.
.

มีเพลงเพลงนึงที่เคยร้องให้เธอฟัง
แต่ไม่รู้ว่ายังจำได้หรือเปล่า
วันและเวลาอาจจะหมุนและเวียนไป
แต่ใจความในเพลงนั้นของเรา
ก็ยังคงเฝ้าย้ำพูดถึง ความรักที่ลึกซึ้ง
และยังคงตรึงในหัวใจนานแค่ไหน ก็เหมือนเก่า
เหมือนวันแรกที่เรา เจอกัน


.
.

เรากำลังนั่งฟังเพลงด้วยกัน เสียบหูฟังไว้คนละข้าง ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่
และใบไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้นรอบๆตัว ที่ประจำของเรา กับเพลงโปรดของลม ‘รักคุณเข้าอีกแล้ว’

.
.
.

เก็บเพลงรักนี้ให้เป็นของขวัญ
ให้เธอได้รับได้รู้หัวใจของฉัน
แม้คืนวันจะเปลี่ยนแปลงสักแค่ไหน
แต่ใจของฉันที่รักเธอนั้น
ต่อให้ต้องลงนรกหรือขึ้นสรวงสวรรค์
ฉันก็จะไม่มีวันมอบให้ใคร


.
.

เหมือนกับที่ใจของผมที่รักลมมาตลอดห้าปี และมันจะไม่วันเปลี่ยนไป

.
.

ฉันขอมอบชีวิตทั้งหมดไว้
ฝากให้กับเธอเพียงผู้เดียว


.
.

จาก นภนต์ ที่แปลว่า สุดขอบฟ้า ให้กับ อนิละ ที่แปลว่า ลม

.
.
.

“กลับบ้านกันเถอะ”

ลมพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ยิ้มเหมือนวันแรกที่เจอกัน ยิ้มที่ทำให้ผมรัก
และผมก็ทำได้แค่ยิ้มกลับไป ยิ้มแบบที่ผมชอบยิ้มเวลาที่มีความสุข
เพราะยิ้มนี้คือยิ้มที่ผมมอบให้เขาในวินาทีสุดท้ายในการนั่งด้วยกันที่ตรงนี้
ก่อนที่มันกำลังจะกลายเป็นอดีตที่ประจำของเรา

“อืม กลับบ้านกัน”

.
.
.
.
.
.
.




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2017 23:50:00 โดย bychr »

ออฟไลน์ bychr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า..
«ตอบ #2 เมื่อ13-02-2017 23:50:11 »

'Side Story'



ผมชอบมองท้องฟ้า


เพราะพ่อเคยบอกว่าแม่กลับไปอยู่บนท้องฟ้าที่แสนสดใสนั่นแล้ว
พ่อบอกว่าแม่จากที่ๆแม่เคยอยู่มานานแล้ว ถึงคราวที่แม่จะต้องกลับไปอยู่ในที่ของแม่ ซึ่งนั่นก็คือท้องฟ้า
มันจึงเป็นสาเหตุที่ผมชอบมองท้องฟ้า


ในวันที่ผมยังเป็นเด็ก เวลาที่มองท้องฟ้าผมก็มักจะมองหาแม่ เผื่อว่าวันไหนผมจะเห็นรอยยิ้มของแม่ส่งมาให้ผมบ้าง
ผมได้แต่หวังว่าแม่อยู่บนฟ้าแล้วแม่จะมีความสุข และบอกให้แม่รอผมกับพ่อหน่อยนะ
อีกไม่นานเราจะต้องได้กลับมาอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแน่นอน


เวลาผ่านมาและผมโตขึ้น ผมเลิกมองหารอยยิ้มของแม่บนท้องฟ้าแล้ว เพราะผมรู้แน่นอนว่าคงไม่มีวันได้เห็น
แต่สิ่งที่ผมยังมองหาจากท้องฟ้าก็คือความสุข และความสบายใจที่ได้เห็นบ้านของแม่สดใส
หากวันไหนที่มันมืดครึ้มผมก็ได้แต่ภาวนาให้แม่กลับมามีความสุขเร็วๆ


จนเมื่อผมได้เจอเขา
ความหมายของการมองท้องฟ้าผมก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเหตุผล
เพราะเขาเปรียบเสมือนท้องฟ้าและผมชอบที่จะได้มองเขา

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“เอ้า! ทุกคนนั่งที่ได้แล้ว เทอมนี้มีเด็กใหม่ย้ายเข้ามาครูพามาแนะนำให้รู้จัก”

“สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘นภนต์’ เรียกสั้นๆว่าภนต์ก็ได้ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”

“นภนต์เธอไปนั่งข้างๆ ‘อนิละ’ ที่อยู่ข้างหน้าต่างนะ โต๊ะที่ว่างอยู่ตรงนั้น”

“ครับผม”




“หวัดดี เราชื่อนภนต์นะ นายชื่ออนิละใช่ไหม”

“อือ หวัดดี”

“เราไม่มีชื่อเล่นนะ แล้วนายมีเปล่า”

“มี เราชื่อลม

รอยยิ้มพร้อมเขี้ยวเล็กๆที่โผล่มาในวันนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมืองมองท้องฟ้าที่ชอบมองเป็นประจำ
หากแต่วันนี้มันสดใสมากขึ้นกว่าเดิม

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วถึงห้าปี
ห้าปีที่ผมมองเขา พร้อมๆกับการมองท้องฟ้าและคิดถึงแม่อยู่ทุกวัน
หากแต่วันนี้ผมไม่เศร้าถึงขั้นมองฟ้าและร้องไห้อีกแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะโตขึ้น หรือเพราะมีเขาที่เปรียบเหมือนท้องฟ้าอันอบอุ่นอยู่ข้างๆผม



“ลมเหม่อไรอยู่”

“ไม่มีไร”

“เป็นอะไรก็บอกได้นะ อย่างน้อยก็มีเรา”

เอาอีกแล้วภนต์พูดแบบนี้อีกแล้ว ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเองเลยจริงๆนะ
ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาถึงห้าปีแล้วนะ แต่ใจผมก็ยังไม่เลิกเต้นแรงกับคำพูดแบบนี้สักที

“ไม่มีอะไร ก็แค่มองฟ้าแล้วคิดถึงแม่”

ภนต์หันมามองหน้าผมด้วยรอยยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้หัว และกับใจผมที่เต้นแรง
บนทางที่เราเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวันนั้นมีแต่ความเงียบปกคลุม
แต่เราต่างก็รู้ว่ามันไม่มีความอึดอัดแม้แต่นิดเดียว

.
.
.
.
.
.
.
.
.

“พี่ภนต์คะ เอ่อ.. คือ.. หนูชอบพี่ค่ะ!”
เสียงเด็กผู้หญิงเจ้าของผมเปียที่ยาวถึงกลางหลัง เด็กโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่เยื้องไปจากโรงเรียนชายล้วนของผม
ดังขึ้นมาในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกจากตึกเพื่อกลับบ้านพร้อมภนต์

“เอ่อ..”

เสียงภนต์ดังขึ้นมาก่อนที่จะเหลือบมามองหน้าผมนิดหน่อย คงจะอึดอัดหรือไม่ก็เขินที่จะรับคำสารภาพหากมีผมอยู่ด้วย
ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก มันไม่ใช่ครั้งแรกพี่ผมและภนต์เจอเหตุการณ์แบบนี้
แต่ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะให้เจออีกกี่ครั้งผมก็ทำใจให้ชินไม่ได้หรอก เพราะผมแอบรักเพื่อนสนิท

“เดี๋ยวไปนั่งรอนะ หรือถ้าจะไม่กลับพร้อมกันก็ไลน์มาบอกด้วย”

 “อืม”

สุดท้ายความขี้ขลาดของผมก็ทำเพียงได้แค่บอกประโยคเดิมๆแล้วเดินจากไป
ผมพยายามที่จะไม่หันหลังกลับไปมองเพราะกลัวเจอภาพบาดตา
อย่างผมที่เป็นแค่เพื่อนก็คงทำได้แค่นี้แหละ ถึงจะอยากบอกความในใจออกไปมากสักเท่าไหร่
แต่ระหว่างเราก็ยังมีเส้นบางๆคั่นอยู่ คือเราทั้งคู่เป็นผู้ชาย

.
.
.
.

ผมกำลังนั่งมองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องมานั่งรอข้อความจากภนต์ที่บอกให้ผมกลับบ้านไปก่อน
ทุกครั้งผมพอจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่วันนี้ทำไมแค่มองฟ้าผมยังรู้สึกเศร้ามากกว่าทุกครั้ง
เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจมันใกล้จะปะทุขึ้นมาเหมือนภูเขาไฟรอวันใกล้ระเบิด
 
‘เราจะเก็บความรู้สึกนี้ต่อไปได้จริงๆหรอ’ ผมคิด

‘เก็บได้ดิ ก็เก็บมาถึงห้าปีแล้ว ให้เก็บต่อไปอีกกี่ปีก็ทำได้แหละหน่า’ ผมอีกฝั่งคิด

‘แต่เราเหนื่อยแล้ว’ ความคิดผมอีกฝั่งตอบกลับไป

‘เหนื่อยแล้วยังไง เหนื่อยแล้วถ้าบอกไปต้องเสียงทั้งเพื่อนทั้งภนต์จะยังไง’ ผมอีกฝั่งยังไม่ยอมแพ้

“นั่นสินะ”

ผมพึมพออกมาเบาๆ แล้วตัดใจในสิ่งที่อยากทำให้ได้มากที่สุด
แลกกับได้บอกแต่เสียภนต์ไปผมไม่เอาด้วยหรอก ถ้าจะได้เป็นแค่เพื่อนแต่เป็นไปตลอดผมยอมก็ได้

“ปะ กลับบ้านกัน”

ผมตกใจที่ภนต์เดินมาสะกิดไหล่เรียก เพราะมันแปลกไปจากเดิมที่ผมจะต้องเดินกลับบ้านคนเดียว

“อือ”

แต่ไม่ว่าวันนี้ทุกอย่างก็แปลกไปจากเดิมเกือบทุกอย่างแล้วยังไง
เพียงแค่ผมได้เดินกลับบ้านพร้อมกับภนต์เหมือนเดิมอย่างที่เคยทำมาตลอดห้าปีก็ทำให้ผมมีความสุขขึ้นมาได้แล้ว

.
.
.
.
.
.
.

วันนี้แล้ว วันสุดท้ายของการเป็นเด็กมัธยม
หลังจากวันนี้ไปผมจะต้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ อยู่ในสังคมที่มีแต่คนใส่หน้ากากเข้าหากัน
การทำงาน การแข่งขันทางธุรกิจ และอะไรอีกมากมายที่จะต้องพบเจอจากนี้ในวันที่โตยิ่งขึ้นไปอีก
ได้แต่คิดว่าเมื่อวันนั้นมาถึงผมจะทนอยู่ได้ขนาดไหนนะ
ในวันที่ผมและภนต์อาจจะไม่ได้อยู่ข้างกันอย่างที่ผ่านมาตลอดหกปี

“ก็ว่าอยู่หายไปไหน ที่แท้ก็มานั่งอยู่ตรงนี้อีกแล้ว”

เสียงภนต์ที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังดึงให้ผมหลุดออกจากความคิดที่กำลังลอยไปไกล
เสียงแหบทุ้มที่ผมคุ้นเคย และตกหลุมรักมาโดยตลอด

“ก็ในหอประชุมคนเยอะ วุ่นวาย”

“แต่วันนี้วันปัจฉิมไง ไม่อยากอยู่กับเพื่อนบ้างหรอ”

“อยู่ด้วยกันแค่นี้ก็พอแล้ว”

ผมหลุดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป เหลือบตาไปมองคนที่มานั่งข้างๆ กลัวภนต์จะรู้ถึงความผิดปกติจากประโยคนั้น

“ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่”

จำเป็นต้องพูดแก้ต่างออกไปเพราะกลัวภนต์เข้าใจผิด แต่ก็รู้เจ็บในอกขึ้นมาเสียเองกับคำว่า ‘เพื่อนสนิท’

“เขียนเสื้อให้หน่อยดิ”

ผมหันไปรับปากกาเมจิกจากภนต์มา เสื้อภนต์มีรอยปากกาเต็มไปหมด แตกต่างจากของผมที่หนีไม่เข้าห้องประชุม
ผมคิดอยู่นานว่าจะเขียนแค่ โชคดี ไว้เจอกัน มีความสุขมากๆ หรือเลือกเขียนสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
แต่สุดท้ายอารมณ์และทุกอย่างก็ดึงให้มือผมเขียนแค่คำว่า 'เพื่อนสนิท'

“เสร็จแล้ว”

“เดี๋ยวเขียนให้บ้าง เอาไหม”

“เอาดิ”

จริงๆนี่ก็คือจุดประสงค์ที่เสื้อผมขาวสะอาดขนาดนี้แหละมั้ง เพราะผมเก็บไว้ให้ภนต์เขียนคนเดียว
ใช่ว่าผมไม่เห็นหัวเพื่อนคนอื่นนะ แต่อะไรที่สำคัญผมก็อยากจะให้มีอยู่แค่อย่างเดียว และภนต์คือคนสำคัญ

“เสร็จแล้ว”

ภนต์พูดก่อนจะตบลงเบาๆที่หลังผม

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา
ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ความอึดอัด
แต่เรากำลังเกี่ยวช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน ก่อนที่ต่างคนต่างจะต้องแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง
ชีวิตที่ผมจะไม่มีภนต์เดินกลับบ้านพร้อมกันหลังเลิกเรียนอีกแล้ว

“ลม มีเพลงจะให้ฟัง”

“เอามาดิ”

ผมรับหูฟังมาจากภนต์ และนั่งรอเพลงที่ภนต์กำลังจะเปิด

.
.

เก็บเพลงรักนี้ ไว้ให้เธอ เมื่อวันใดที่เจอะเจอ
ฉันก็พร้อมและยินยอมมอบความรัก และจิตใจ
ชั่วนิรันดร์ (ชั่วนิรันดร์)


.
.

มีเพลงเพลงนึงที่เคยร้องให้เธอฟัง
แต่ไม่รู้ว่ายังจำได้หรือเปล่า
วันและเวลาอาจจะหมุนและเวียนไป
แต่ใจความในเพลงนั้นของเรา
ก็ยังคงเฝ้าย้ำพูดถึง ความรักที่ลึกซึ้ง
และยังคงตรึงในหัวใจนานแค่ไหน ก็เหมือนเก่า
เหมือนวันแรกที่เรา เจอกัน


.
.

แค่อินโทรและท่อนแรกขึ้นมา ผมก็รับรู้ได้ในทันทีว่านี่คือเพลงโปรดของผม เพลง ‘รักคุณเข้าอีกแล้ว’
ใจผมเต้นแรกขึ้นมาจนกลัวว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันนั้นจะสัมผัสได้

.
.
.

เก็บเพลงรักนี้ให้เป็นของขวัญ
ให้เธอได้รับได้รู้หัวใจของฉัน
แม้คืนวันจะเปลี่ยนแปลงสักแค่ไหน
แต่ใจของฉันที่รักเธอนั้น
ต่อให้ต้องลงนรกหรือขึ้นสรวงสวรรค์
ฉันก็จะไม่มีวันมอบให้ใคร


.
.

จะมีเพียงเธอแค่เพียงคนเดียว
และจะมีแต่เธอ เธอแค่เพียงคนเดียว
และจะเป็นเพียงคนเดียวเสมอไป
ที่ฉันฝากชีวิต ทั้งหมดไว้
โดยไม่มีวันทวงกลับคืน


.
.

ท่อนนี้เป็นท่อนที่ผมชอบมากที่สุดเลยแหละ เพราะมันเหมือนกับหัวใจที่ผมยอมให้ภนต์ และผมจะไม่มีวันทวงกลับคืนมา

.
.

ฉันขอมอบชีวิตทั้งหมดไว้
ฝากให้กับเธอเพียงผู้เดียว


.
.

ผม อนิละ ที่แปลว่า ลม และ นภนต์ ที่แปลว่า สุดขอบฟ้า
กับที่ตรงนี้โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ สายลมที่พัดมาแผ่วเบา
และใจผมที่รักแต่คนเดียวมาตลอดหกปี ณ วินาทีผมจะไม่มีวันลืม


.
.
.

“กลับบ้านกันเถอะ”

หลังจากเพลงจบผมก็หันกลับไปยิ้มให้ภนต์ ยิ้มแบบที่ผมชอบยิ้มเวลามองฟ้าแล้วคิดถึงแม่
ยิ้มแบบที่แม่เคยบอกว่าแม่รักรอยยิ้มนี้ที่สุด และเพราะเวลานี้ผมอยู่กับภนต์ผมจึงอยากให้เขาเห็นรอยยิ้มนี้
ยิ้มที่ผมมีความสุขในวินาทีสุดท้ายในการนั่งด้วยกันที่ตรงนี้ ผมจะจดจำทุกอย่าง
รวมไปถึงรอยยิ้มของภนต์ ยิ้มที่โชว์เขี้ยวๆเล็กๆนั่น เป็นยิ้มที่ผมรัก ก่อนที่มันกำลังจะกลายเป็นอดีตที่ประจำของเรา

“อืม กลับบ้านกัน”

.
.
.
.
.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2017 22:46:15 โดย bychr »

ออฟไลน์ bychr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า..
«ตอบ #3 เมื่อ14-02-2017 00:26:35 »

‘After Story’
.
.
.
.
.
ตอนนี้ผมกับภนต์เรากำลังเดินกลับบ้านพร้อมกันอย่างที่เคยทำมาตลอดหกปี
รอบตัวเรามีแต่ความเงียบอีกครั้ง
แต่ผมกลับรู้สึกว่าใจของผมมีความสุขกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เราไม่ได้เดินจับมือกัน หรือพูดคุยอะไรกัน
มีแค่เสียงฝีเท้าของเราสองคนที่กำลังก้าวไปเรื่อยๆ

เราเดินไปกันเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ปากซอยบ้านผมที่อยู่ตรงข้ามซอยบ้านภนต์

ผมเงียบ และภนต์ก็เงียบ

ผมยิ้ม และภนต์ก็ยิ้ม

“ไปก่อนนะ”

“แล้วเจอกันนะ”

แล้วเราก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน

เกิดเสียงหัวเราะขึ้นเบาๆระหว่างสองเรา และความสุขกำลังล้นปรี่อยู่ในอกผม
ไม่รู้ว่าภนต์จะเป็นเหมือนกับผมไหม แต่เมื่อมองหน้าภนต์ผมก็หวังเข้าข้างตัวเองว่าภนต์ก็คงจะ คิดเหมือนกัน

.
.
.
.
.

เราสองคนแยกกันแล้ว
ผมเดินกลับมาที่บ้าน และภนต์ก็กำลังเดินกลับบ้านภนต์เหมือนกัน
ระยะทางระหว่างเราสองคนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าใจเราใกล้กัน


จนกระทั่ง..


ผมไขกุญแจประตูรั้วก่อนจะเปิดประตูเข้าบ้าน


และ

.
.
.
.

ปัง!  ปัง!  ปัง!

.
.
.
.

ใจผมกระตุก และมันกำลังร่วงไปอยู่ที่ปลายเท้า
สมองผมเริ่มคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี
ผมรีบวิ่งออกจากบ้าน
บนถนนมีคนมุงหยุดยืนดูอะไรบางอย่าง
ผมได้ยินเสียงคนพูดในขณะที่ผมกำลังวิ่งว่า ‘มีคนโดนยิง’




ในที่สุดผมก็วิ่งมาถึงจุดที่ทุกคนกำลังยืนอยู่
มันใกล้บ้านภนต์เกินไป
ผมมองไปรอบๆเพื่อหาคนที่อยากเจอมากที่สุด
แต่ผมก็ไม่เห็น..
ผมนิ่ง และเริ่มก้าวขาไม่ออก
ลุงที่ยืนอยู่ข้างๆผมพูดขึ้นมาว่า
“น่าสงสารไอ้หนุ่มนั่นนะ เมื่อกี้มีพวกอันธพาลวิ่งตีกันมาแถวนี้
จนมีพวกนึงยกปืนขึ้นมายิง ทั้งๆที่อยู่ในชุมชน และก็โชคร้ายที่มีเด็กโดนลูกหลง”


เสียงไซเรนกำลังใกล้เข้ามา

คงมีพลเมืองดีโทรแจ้งตำรวจ และหน่วยกู้ภัยแล้ว

เสียงไซเรนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

พร้อมกับผมที่ค่อยๆก้าวเข้าไปในจุดเกิดเหตุ

เสียงไซเรนมาถึง

และพอดีกับที่ผมก็เห็น..



“นภนต์!!!!!!!”

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ผมกำลังมีความสุขมากๆ
เหมือนเพลงนั้นช่วยอะไรเราสองคนได้มากขึ้น
ถึงระหว่างทางจะมีแต่ความเงียบ แต่ใจผมดันมีแต่ความสุข

เราเดินไปกันเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ปากซอยบ้านผมที่อยู่ตรงข้ามซอยบ้านลม

ผมเงียบ และลมก็เงียบ

ผมยิ้ม และลมก็ยิ้ม

“แล้วเจอกันนะ”

“ไปก่อนนะ”

แล้วเราก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน

เกิดเสียงหัวเราะขึ้นเบาๆระหว่างสองเรา ความสุขกำลังล้นปรี่อยู่ในอกผม

.
.
.
.
.

ผมแยกกับลมแล้ว
ผมกำลังเดินกลับมาที่บ้าน และลมก็กำลังเดินกลับบ้านเหมือนกัน
ระยะทางระหว่างเราสองคนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าใจเราใกล้กัน



จนกระทั่ง..

.
.
.

“เฮ้ย พวกมึงอย่าหนีนะเว้ย!!”
“พวกมึงอย่าปล่อยให้มันรอดไปได้!!”


เสียงเอะอะโวยวายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
มีเสียงของผู้หญิงร้องปนมาอยู่บ้าง และเสียงตะโกนที่บอกอยู่ตลอดว่า ‘หลบไป’
ผมหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นพวกอันธพาลวิ่งไล่กันมาใกล้เรื่อยๆ



และ

.
.
.
.

ปัง!  ปัง!  ปัง!

.
.
.
.

ผมกำลังเจ็บ มันเจ็บกว่าตอนที่วิ่งหกล้มแล้วเข่าถลอกตอนเด็กๆมาก
ผมไม่มีแรงจะยืนอยู่แล้ว
ผมรับรู้ว่าผมกำลังค่อยๆทรุดลงไป
ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ไม่ไกล พร้อมเสียงตะโกนว่า ‘มีคนโดนยิง’
อ่า นั่นสินะ ผมน่าจะเป็นคนๆนั้น

เจ็บจังเลยแฮะ

ลมจะเป็นไงบ้างนะ พวกมันจะไม่ได้ไปหาลมใช่ไหม

ลมจะปลอดภัยใช่ไหม

นี่ผมกำลังจะตายหรือเปล่านะ

แต่ผมจะยังตายไม่ได้สิถึงวันนี้จะมีความสุขแต่ผมยังไม่ได้รอฟังคำตอบจากคำที่ผมเขียนเสื้อให้ลมเลย

ผมยังไม่ได้บอกพ่อแม่ด้วยผมสอบติดมหาลัยแล้ว

และผมยังไม่รู้เลยว่าลมเขียนเสื้อให้ผมว่าอะไร

แต่ผมเจ็บจังเลย..


“ลม..”

“นภนต์!!!!”

.
.
.
.

ฉันขอใช้ช่วงเวลาทั้งชีวิตที่ฉันมี
ฉันขอใช้ไปกับเธอ กับเธอ เธอคนนี้

.
.
.
.

เก็บเพลงรักนี้ให้เป็นของขวัญ
ให้เธอได้รับได้รู้หัวใจของฉัน
แม้คืนวันจะเปลี่ยนแปลงสักแค่ไหน
แต่ใจของฉันที่รักเธอนั้น
ต่อให้ต้องลงนรกหรือขึ้นสรวงสวรรค์
ฉันก็จะไม่มีวันมอบให้ใคร


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


ออฟไลน์ bychr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า..
«ตอบ #4 เมื่อ14-02-2017 00:36:22 »

‘The End of Story’





ผมชอบมองท้องฟ้า


เพราะพ่อเคยบอกว่าแม่กลับไปอยู่บนท้องฟ้าที่แสนสดใสนั่นแล้ว
พ่อบอกว่าแม่จากที่ๆแม่เคยอยู่มานานแล้ว ถึงคราวที่แม่จะต้องกลับไปอยู่ในที่ของแม่ ซึ่งนั่นก็คือท้องฟ้า
มันจึงเป็นสาเหตุที่ผมชอบมองท้องฟ้า


ในวันที่ผมยังเป็นเด็ก เวลาที่มองท้องฟ้าผมก็มักจะมองหาแม่ เผื่อว่าวันไหนผมจะเห็นรอยยิ้มของแม่ส่งมาให้ผมบ้าง
ผมได้แต่หวังว่าแม่อยู่บนฟ้าแล้วแม่จะมีความสุข และบอกให้แม่รอผมกับพ่อหน่อยนะ
อีกไม่นานเราจะต้องได้กลับมาอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแน่นอน


เวลาผ่านมาและผมโตขึ้น ผมเลิกมองหารอยยิ้มของแม่บนท้องฟ้าแล้ว เพราะผมรู้แน่นอนว่าคงไม่มีวันได้เห็น
แต่สิ่งที่ผมยังมองหาจากท้องฟ้าก็คือความสุข และความสบายใจที่ได้เห็นบ้านของแม่สดใส
หากวันไหนที่มันมืดครึ้มผมก็ได้แต่ภาวนาให้แม่กลับมามีความสุขเร็วๆ


จนเมื่อผมได้เจอเขา
ความหมายของการมองท้องฟ้าผมก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเหตุผล
เพราะเขาเปรียบเสมือนท้องฟ้าและผมชอบที่จะได้มองเขา




หากแต่วันนี้
ผมกลับเริ่มมองท้องฟ้าพร้อมหยดน้ำตาที่กำลังไหลริน
ภาพรอยยิ้มของคนตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอ
ในมือผมมีเสื้อนักเรียนที่สีเริ่มซีดจางจากเวลาที่ผ่านพ้นไป
แต่ยังมีคำๆนึงที่ยังคงชัดเจน

‘รัก’

คำที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงบนเสื้อ ผมจำได้ว่าใครเป็นคนเขียน
และผมก็จำได้ว่าผมเสียใจแค่ไหนที่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงหกปี เวลาที่เสียไปอย่างสูญเปล่า

น้ำตาผมยังคงไหลริน ผมพยายามที่จะไม่ร้องไห้
นอกเสียจากวันนี้วันที่ได้เห็นรูปรอยยิ้มของคนที่ผมรักที่ติดอยู่บนหินอ่อน วันที่ผมยอมให้ตัวเองร้องไห้ได้

“ลมรักภนต์นะ”

ผมพูดเบาๆพร้อมเสียงสะอื้น
สายลมพัดผ่านไปคล้ายจะปลอบโยน และนำพาเสียงที่ส่งมาจากที่ไกลแสนไกล
ไกลจนผมไม่อาจได้ยิน

“ภนต์ก็รักลม”

.
.
.
.
.
เก็บเพลงรักนี้ ไว้ให้เธอ เมื่อวันใดที่เจอะเจอ
ฉันก็พร้อมและยินยอมมอบความรัก และจิตใจ
ชั่วนิรันดร์



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2017 22:46:38 โดย bychr »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #5 เมื่อ14-02-2017 13:40:14 »

 :L2: :L1: :pig4:
Happy Valentine 's Day

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #6 เมื่อ14-02-2017 15:39:28 »

เศร้าๆเหงาๆ รับวาเลนท์ไทน์ #มีเมฆบ้างเป็นบางวัน   :mew6:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #7 เมื่อ14-02-2017 16:21:24 »

โธ่ สงสารนภนต์ เสียดายเวลา... ทั้ง ๆ ที่ใจตรงกันแท้ ๆ

ออฟไลน์ ryped

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #8 เมื่อ14-02-2017 23:51:36 »

ต่อไปเมื่อฟังเพลงนี้ เราก็จะนึกถึงเรื่องราวของสองคนนี้

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #9 เมื่อ15-02-2017 20:37:27 »

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ทรมานตัย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-02-2017 20:37:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #10 เมื่อ15-02-2017 22:18:37 »

เอ้ยยยยยยยย เหมือนจะมุ้งมิ้ง
แต่จบเศร้าซะงั้นนนนน

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #11 เมื่อ15-02-2017 22:47:10 »

 :mew4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: (เรื่องสั้น) ..สุดขอบฟ้า.. (จบ)
«ตอบ #12 เมื่อ17-02-2017 18:23:38 »

 :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด