เมื่อผมไม่อยากเป็นแค่พี่รหัส
เวลาบ่ายแก่ๆในวันสุดท้ายของการสอบกลางภาคทั่วทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้มักเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของนิสิต และเสียงเจี๊ยวจ๊าวโวยวายของพวกที่ยังมีแรงเหลือเฟือ ยิ่งวันนี้ที่เป็นวันศุกร์แล้วด้วยย่อมมีแต่เสียงพูดคุยนัดแนะไปสังสรรค์ตามประสาเพื่อนฝูงเพราะสะสมความเครียดมาทั้งอาทิตย์ ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาที่ไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยไหนคณะวิศวะยอมคู่กับร้านเหล้าเคล้าสุราและนารี
“เห้ย! ไอ้อิฐ วันนี้มึงจะไปประชาชื่นกับกูมั้ย?”
จากแรงสะกิดที่เกือบเรียกว่ากระแทกที่ไหล่ซ้ายทำให้ผมต้องหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสนิทที่ยืนทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามใส่ผม ประชาชื่นคือร้านเหล้ายอดฮิตในตอนนี้ที่อยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัย ร้านนี้เป็นร้านเหล้ากึ่งผับที่มักจะเป็นแหล่งมั่วสุมแหละสังสรรค์ของกลุ่มผมในทุกๆโอกาส
ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของเพื่อนผม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มนิสิตกลุ่มใหญ่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนข้างคณะพร้อมส่งเสียงโวยวายเหมือนทะเลาะกันตลอดเวลา หนึ่งในนั้นมีคู่นิสิตชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งหันหลังให้ผมมือขวาของนิสิตชายกำลังโอบรอบเอวบางของผู้หญิงผมยาวที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมหันหน้าเข้ารับฟังการออดอ้อนของเธอ คิ้วของผมเริ่มขมวดเป็นปม
ผมรู้ดีว่านิสิตกลุ่มใหญ่ตรงนั้นเป็นเด็กวิศวะภาคอะไร และผมก็รู้ดีว่าผู้ชายคนที่นั่งหันหลังให้ผมนั้นชื่ออะไร แต่สิ่งที่ผมไม่รู้คือผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
…เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมสั้นนิ อะไรจะยาวเร็วขนาดนั้น นั่นคงเป็นเด็กใหม่ของนายสินะ...แซน“ไอ้อิฐ!! มึงได้ยินที่กูถามมั้ยเนี่ย”
เสียงเรียกแทบตะโกนของเพื่อนผม ทำให้เสียงของกลุ่มนิสิตตรงโต๊ะหินอ่อนเงียบลง ก่อนคนที่ผมให้ความความสนจะหันหลังกลับมามองว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาของผมประสานกับคนที่ก่อนหน้านี้นั่งหันหลังให้ผมอยู่ รอยยิ้มมุมปากที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นส่งตรงมาถึงผม คิ้วเรียวที่ยกขึ้นเบาๆนั้นส่งมาเป็นเชิงทักทาย ทำให้หัวใจของผมกระตุกคล้ายกับเป็นมนต์สะกดของคนตรงหน้า กว่าจะรู้ตัวอีกทีจากแรงสะกิดที่หัวไหล่ในตอนแรกนั้นแปรเปลี่ยนมาเป็นแรงกระแทกของหนังสือเล่มหนากับหัวของผม
ผลัวะ!!! สงสัยมันคงกำลังจะทดสอบว่าสันหนังสือเล่มหนากับกะโหลกของผมอย่างไหนมันจะแข็งกว่ากัน
“นี่ไอ้อิฐ มึงจะตอบพวกกูได้รึยังว่าตกลงมึงจะเอายังไง”
ผมหันไปมองเพื่อนคนเดิมที่กำลังเรียกร้องเอาคำตอบจากผมและตอนนี้มันกำลังทำหน้าหาเรื่องใส่ผมอยู่ แต่มันกลับไม่ใช่แค่คู่เดียวที่จ้องผมอยู่เพื่อนของผมสี่คนพร้อมสายตาสี่คู่กำลังเค้นเอาคำตอบจากผม แถมส่งสายตาเอือมระอาใส่ผม
“ถ้ามึงอยากได้ไอ้แซนเป็นเมีย มึงก็ควรทำอะไรที่มันมากกว่าการยืนมองมั้ยวะ? กูเห็นแล้วกูสมเพชหวะ” เพื่อนสนิทเบอร์หนึ่งก็ไอ้คนเดียวกับที่ฟาดหัวเต็มแรง
“อดีตเดือนคณะมายืนแอบมองน้องรหัสของตัวเองมีความสุขกับสาวๆ แม่งอนาถลูกตา” นี่เพื่อนเบอร์สอง
“กูบอกแล้วว่ามอมเหล้าแล้วลากเข้าห้อง ถ้าแม่งไม่ยอมก็ทุบหัวลากขึ้นเตียงก็จบเรื่อง” และนี่ก็เพื่อนเบอร์สาม
“ตกลงมึงจะไปเมากับพวกกูมั้ย?”
ไอ้เบอรสี่ที่นิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ถามคำถามที่ยังคาใจมันอยู่ บอกตามตรงตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะกินเหล้า ความง่วงทำให้ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ พวกมันทั้งพยักหน้าเข้าใจในความเหนื่อยของผมและแยกย้ายกันกลับหอของแต่ละคนพร้อมนัดแนะว่าเจอกันอีกทีก็วันจันทร์หน้า
ก่อนที่ผมจะเดินออกจากคณะไปที่ลานจอดรถ สายตาของผมเสือกหันไปเห็นสิ่งที่ไม่หน้ามองเข้าพอดี หญิงสาวที่นั่งข้างน้องรหัสของผมเธอเขยิบกายและยื่นหน้าขึ้นไปหอมแก้มไอ้แซนพร้อมกับเสียงโห่ฮิ้วแหกห่าของกลุ่มเพื่อนมัน ขายาวๆของผมกลับเลี้ยวไปที่โต๊ะหินอ่อนแทนที่จะไปลานจอดรถ เพื่อนในกลุ่มของมันยกมือไหว้ทันที่ ผมเพียงพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรับรู้
“อ้าว พี่อิฐหวัดดีครับ”
น้ำเสียงที่ดูรื่นเริงนั่นน่าหมั่นไส้จนอยากจะกัดให้จมเขี้ยว คิ้วผมกระตุกเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นหน้าระรื่นของมัน รอยยิ้มและสายตาของมันที่แสดงออกมาเหมือนมันรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร ผมล่ะเกลียดสายตาแบบนี้ของมันชะมัด
“คืนนี้เข้าไปเอาชีสที่ห้องด้วย”
เสียงเข้มๆบวกกับสายตาดุๆของผมไม่ได้ทำให้คู่สนทนาสำนึกขึ้นมาสักนิดทั้งๆที่เพื่อนมันทั้งโต๊ะนั้นเงียบกริบ มันยังคงยิ้มและยักคิ้วข้างเดียวส่งมาให้ผม ผมหันหลังและเดินออกมาจากโต๊ะหินอ่อน ผมไม่คิดจะรอคำตอบเพราะนี่คือคำสั่ง!
“ดึกหน่อยนะพี่อิฐ เพราะผมต้องไปส่งเจนที่ห้องก่อน” ผมได้ยินเสียงตะโกนของมันไล่หลังมาแว่วๆ ตอนนี้ใจผมไม่อยากจะรอเวลา อยากจะกระชากให้มันเดินตามมาตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ผมกลับทำแบบนั้นไม่ได้เพราะอะไรนั้นเราทั้งคู่ต่างรู้ดี
ผมขับรถกลับมาที่หออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนหน้านั้นผมแวะกินข้าวที่ร้านข้าวมันไก่ไม่ไกลจากหอที่ผมอยู่เท่าไร ผมมองดูนาฬิกาที่ตอนนี้เข็มสั้นเพิ่งจะชี้ไปที่เลขสี่และเข็มยาวที่ชี้เลขสอง
บ่ายสี่โมงเย็นกับอีกสิบนาที...แต่คนที่ทำให้ใจผมลุกเป็นไฟมันกลับบอกผมว่าจะมาหาผมตอนดึกๆ ให้ตายเถอะมันจะทำให้ผมอกแตกตายจนได้สินะ คิดแล้วก็โมโห รอก็รอวะ! แล้วจะได้รู้กันว่าการที่มันทำให้ผมรอจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวมันบ้าง
ผมนั่งเช็คโซเชี่ยลไปต่างๆนาๆ มีเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมต้องมานั่งเช็คแอพฯพวกนี้ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจที่จะเล่น ผมมีไอดีทุกโซเชี่ยลแอพแต่ผมไม่เคยอัพเดทสเตตัสของตัวเอง เพราะผมใช้ประโยชน์แค่ กดติดตาม เพราะผมอยากเห็นความเคลื่อนไหวของมัน แค่มันคนเดียว เลื่อนเฟสลงมาได้ไม่นานผมก็เห็นรูปภาพที่ถูกอัพโดยคนที่ผมกำลังพูดถึง มันเป็นรูปที่ลิงค์มาจากอินสตาร์แกรมผมกดถูกใจในเฟส พร้อมสลับแอพเปลี่ยนเป็นอินสตาแกรม ผมกดค้นหาชื่อโปรไฟล์ของมัน
รูปที่มันอัพนั้นเป็นรูปยอดของต้นไม้ที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาตามช่องว่างของใบไม้พร้อมพร้อมขึ้นแคปชั่นที่ชอบทำให้ผมมักจะเกิดอาการคันยิบที่หัวใจ
465 likessanta_claus_ce ใจคนเรามันร้อนรุ่มยิ่งกว่าแดดที่แผดเผา^^#รอก่อนนะ
View all 58 commentstakrub_ce รีบไปนะมึงระวังองค์ลง
numnim คมจังเลยนะคะพี่แซน อยากให้มาบาดใจนิ่มจัง คิกคิก
yao_ce @takrub_ce องคชาติอะนะ 55555+
ผมเห็นแล้วอยากจะปามือถือทิ้งซะเดี๋ยวนี้ ผมไม่รู้ว่ามันอัพบอกใคร แต่ก็คงจะไม่พ้นสาวๆของมันนั่นแหละ อาทิตย์นึงมันจะควงสองคนหรือสามคน สาวๆพวกนั้นก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับมัน พร้อมยังยินดีที่เป็นสองหรือเป็นสามขอแค่ให้ได้ควงกับมัน แต่อีกใจของผมก็อดที่จะนึกถึงตัวเองไม่ได้ หรือมันจะบอกผม?
ไอ้แซนเป็นคนหน้าตาดี ขาวแบบคนสุขภาพดีมีอันจะกิน ตี๋แบบลูกคนจีนตามสมัยนิยม ลักยิ้มที่ข้างแก้มนั่นคือเสน่ห์ของมันเลยล่ะ แถมยังฐานะดีพ่อมันมีดีกรีเป็นถึงนักธุรกิจที่เห็นได้ตามหน้าข่าวเศรษฐกิจ ในความคิดของผมมันเป็นคนที่ปฏิเสธสาวๆไม่เป็น เพราะไม่ว่าใครที่เข้าหามัน มันก็พร้อมที่จะอ้าแขนรับเข้ามาเป็นในสังกัด อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนที่จะสอบผมยังเห็นมันควงอยู่กับสาวหมวยผมสั้นที่โรงอาหารอาคารเรียนรวมอยู่เลย มาวันนี้กลายเป็นสาวหน้าคมผมยาวคิดแล้วก็หงุดหงิด ผมกดออกจากหน้าแอพอินสตาแกรมและกดล็อคโทรศัพท์ผมว่าผมควรงีบสักพักให้ใจมันสงบลงก่อนดีกว่า...
-----------------------
------
พรึบ!!
เพราะแสงไฟในห้องที่สว่างขึ้นมากะทันหัน ทำให้ผมตื่นจากเข้าเฝ้าพระอินทร์ผมกระพริบตาเพื่อไล่ความมึนงงออกจากหัวสักพัก ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงยวบของเตียงบริเวณด้านข้าง แผ่นหลังที่หันหลังให้ผมกำลังก้มทำอะไรสักอย่างกับกระเป๋าของตัวเอง ผมหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง ...สองทุ่มครึ่ง
“กินข้าวยัง?” เสียงห้าวถามผมทั้งๆที่ยังนั่งส่งแผ่นหลังมาทักทาย
“อืม” ผมตอบเสียงเข้ม จะตอบเสียงอ่อนไม่ได้ ผมยังโกรธมันอยู่
“ไหนอ่ะชีสที่ให้มาเอา?” มันถามอีกครั้งพลางลุกขึ้นยืนและหันไปมองบนชั้นหนังสือ
“บนโต๊ะ”
ผมลุกขึ้นมานั่งตรงกลางเตียงเท้าแขนไปด้านหลัง และตอบมันไปด้วยน้ำเสียงที่ผมคิดว่าเข้มที่สุด ผมยังพยายามตอบเสียงเข้มเพื่อให้มันรู้ว่าผมยังโกรธอยู่และไม่พอใจกับการกระทำของมันในวันนี้ ทั้งๆที่ความโกรธของผมมันหายไปตั้งแต่ที่มันถามผมเรื่องกินข้าวในเวลาที่ไม่ได้ดึกมากตามที่มันตะโกนบอกผมไว้
ใช่ครับคนที่เข้ามาในห้องผมและเปิดไฟปลุกผมให้ออกจากการเฝ้าพระอินทร์ก็คือไอ้แซนน้องรหัสผม คนๆเดียวกับที่ทำให้ใจผมลุกเป็นไฟเมื่อตอนบ่าย แต่ตอนนี้มันหันมายืนจ้องหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ผมอยู่ปลายเตียงด้วยชุดอยู่บ้านธรรมดา ...ชุดธรรมดาที่เป็นแค่เสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงบอลขาบานๆ
“โกรธอะไรครับ?”
คำถามหลุดออกมาจากปากของมันที่กำลังอวดลักยิ้มท้าทายเปลวไฟในใจผมพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้
“ไหนว่าจะมาดึก?”
ผมถามเสียงเรียบ พยายามไม่สบตามันที่กำลังมองมาทางผม ผมบอกแล้วว่าผมเกลียดสายตากับรอยยิ้มของมัน มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนมันจะส่งผ่านมาให้ผมได้รู้ว่าผมไม่มีทางชนะมัน
“หึงเหรอ?” คำๆนี้หลุดออกมาจากปากของมันพร้อมกับมันที่กำลังใช้เข่าวางเบาๆที่เตียง มันค่อยๆขึ้นมาคร่อมตัวของผมไว้ ผมหันหน้าไปทางอื่นไม่อยากสบตา แต่มันกลับใช้มือขาวๆของมันประคองหน้าผมให้หันไปสบตามัน ในตอนแรกผมฝืนไม่ยอมหันไปตามแรงบังคับแต่มันกลับใช้นิ้มหัวแม่มือค่อยๆไล้ที่แก้มผมเบาพลางออกแรงขืนให้ผมหันไปตามที่มันต้องการ มันกำลังส่งสายตาเป็นเชิงออดอ้อน แค่เพียงเท่านั้นความโกรธที่พยายามจะแสดงให้มันเห็นกลับกลายเป็นแค่เสียงถอนหายใจของผม ใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นก็ขยับยิ้มมุมปากทันที ก่อนที่ใบหน้านั้นจะขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ
จุ้บ.. แรงสัมผัสที่ริมฝีปากทำให้ผมรู้สึกแพ้คนตัวขาวข้างหน้านี้อีกครั้ง...
“ทำไมพี่อิฐไม่ตอบแซนล่ะว่าหึงรึเปล่า?” น้ำเสียงที่ออดอ้อนของมันมักจะมาพร้อมกับสายตาหวานหยด สะโพกบางจงใจบดเบียดลงบนตักของผมอย่างเอาใจ ริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากมุมปากของผมและลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดแก้มผมอยู่ ปลายนิ้วเรียวที่จงใจนวดคลึงบริเวณท้ายทอยให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปจากริมผีปากอมชมพูตรงหน้าได้ ผมยิ้มมุมปากก่อนจะตอบคนร่างบอกออกไปตามความรู้สึกนะตอนนี้
“เปล่านี่ครับ” ก็ผมไม่ได้โกรธแล้วจริงๆนิครับ
พรึบ!
ผมพลิกคนตัวบางให้เป็นฝ่ายลงไปนอนหงายอวดลักยิ้มสวยอยู่บนเตียง มันรู้ดีว่าต้องทำยังไงผมถึงจะหายโกรธรู้ดีพอๆกับการที่จะทำยังไงให้ผมโกรธและโมโห ผมขยับลงไปจูบเบาๆที่ริมฝีปากของคนอวดดีตรงหน้า ลิ้นร้อนถูกส่งไปไล่ต้อนหยอกล้อจากเบาบางและหวานเลี่ยนเปลี่ยนเป็นหนักแน่นและเร่าร้อน ผมผละออกมาเล็กน้อยเพื่อให้คนตรงหน้าได้เว้นระยะหายใจ ก่อนที่มือบางจะนวดเบาๆท้ายทอยและโน้มคอผมลงไปรับจูบที่แสนเชิญชวน
เสียงจูบยังคงดังขึ้นพร้อมเสียงของลมหายใจของเราทั้งสองคน ผมทิ้งน้ำหนักตัวลงหาคนตรงหน้า ใช้มือข้างที่ว่างจากการประคองใบหน้าเรียวลูบไล้เอวบางที่แอ่นขึ้นมาเพื่อรับสัมผัส นั่นยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้น ผมผละออกจากริมฝีปากหวานมองคนที่กำลังนอนตาปรือขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ผมก้มลงสูดความหอมจากแอ่งชีพจรบริเวณใบหูไล่ลงมาถึงลำคอ
“อะ...อือ... อืม”
เสียงครางหวานแสดงออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อผมไล่ลิ้นแตะลงบนลำคอขาว มือเรียวทั้งสองข้างบีบเค้นบริเวณไหล่ของผม จิกขยุ้มเส้นผมเพื่อผ่อนคลายและระบายอารมณ์เสียวซ่าน เสียงหวานหลุดครางออกมาไม่หยุดปาก เรียวขาทั้งสองข้างแยกออกเพื่อให้ผมได้เข้าไปแสดงความใกล้ชิดกับอีกฝ่ายได้อย่างสนิทสนม
ผมไล่จูบลงมาบนอกที่ไร้เสื้อยืดตัวย้วยปกปิดแผ่นอกบาง แผ่นอกที่กำลังขยับขึ้นลงตามแรงอารมณ์ที่กำลังประทุ แต่อยู่ๆผมรู้สึกได้ถึงแรงผลักเบาๆ แซนผลักผมให้ลุกไปยืนปลายเตียง ส่วนตัวเองก็นั่งลงตรงขอบเตียง มือเล็กถูกส่งขึ้นมาเลิกเสื้อของผมพร้อมริมฝีปากบางที่พรมจูบไปทั่วหน้าท้องลอน ผมก้มลงมองดูแซนที่กำลังพยายามส่งซิกให้ผมถอดเสื้อออกแต่ผมไม่ถอด ยืนมองหน้าคนข้างล่างพร้อมยักคิ้วกวนๆส่งไปให้
เพี้ยะ!!
เจ็บสิครับมือเรียวฟาดลงมาที่แขนของผมเป็นเชิงให้ผมถอดเสื้อออกแต่เหมือนจะไม่ทันใจเลยจัดการลุกขึ้นมาถอดเสื้อให้ผมด้วยตัวเอง ลิ้นร้อนๆสีชมพูน่ากัดบรรจงแตะลงที่ยอดอกของผมอย่างเอาแต่ใจ ทั้งดู ทั้งเม้ม แถมใช้ฟันขบเบาๆสร้างความเสียวให้ผมได้ส่งเสียงครางไม่ขาดปากนี่เป็นครั้งแรกที่น้องรหัสตัวดีของผมลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายเล้าอารมณ์ให้ผม
ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโกรธ หรือหึงหวงน้องรหัสของตัวเอง และก็ไม่ใช่ครั้งแรกทีผมกับมันทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน ครั้งแรกของผมกับมันคือหลังจบงานเลี้ยงรับปริญญาพี่บัณฑิตตอนนั้นมันยังอยู่ปีหนึ่งผมอยู่ปีสอง ทั้งผมและมันมีอะไรกันเพราะแอลกอฮอลในร่างกาย ผมกับมันไม่ได้ทำแบบนี้กันบ่อยแต่ก็ไม่ได้ขาดหายไปเป็นเดือน แต่ถึงอย่างนั้นผมกับมันก็ไม่ได้พูดคุยหรือตกลงกันเรื่องสถานะ มันก็ควงผู้หญิงปกติไม่เหมือนผมที่มองแค่มัน
เหมือนตอนนี้ที่ผมกำลังมองมันอยู่ ปากบางที่กำลังขบเม้มยอดอกข้างหนึ่ง ในขณะที่ยอดอกอีกข้างของผมถูกปรนเปรอด้วยมือบางที่ขยับลูบไล้ แต่ผมก็ต้องเบิกตากว้างกับสัมผัสที่ผมไม่เคยได้รับจากคนตรงหน้า มือบางอีกข้างกลับถอดบ๊อกเซอร์ของผมออกและลูบไล้นิ้วมือไปตามแนวยาวของสิ่งที่อยู่กลางลำตัวของผม ความเป็นชายของผมขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อถูกสัมผัสด้วยมือทั้งสองข้าง มือบางทั้งสองกอบกุมแกนกายของผม ผมก้มลงไปมองสายตาหวานที่เงยขึ้นมาสบตากับผมอย่างยั่วยวน คนตัวเล็กกว่าก้มลงใช้ลิ้นร้อนแตะและวนรอบตรงส่วนปลาย ผมกัดฟันแน่นด้วยความเสียวที่กำลังก่อตัวอยู่บริเวณท้อง สายตาหวานเงยขึ้นมาสบตากับผมอีกครั้ง แถมยังแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากยั่วยวนอารมณ์ก่อนที่จะก้มลงไปมอบความอบอุ่นที่ส่วนปลายด้วยโพรงปากอุ่น ภาพตรงหน้าทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอ ผมขยับสอดมือไปกับเส้นผมของคนที่นั่งอยู่นวดเบาที่ศีรษะเพื่อระบายความเสียวซ่าน
แรงดูดเม้มตรงส่วนปลายพร้อมแรงขบเบาๆ อีกทั้งสองมือที่กำลังขยับขึ้นลงที่ส่วนโคนและตรงกลางแท่งร้อน ทำให้ผมแทบจะถึงฝั่งก่อนเวลาอันควร ผมผลักร่างเล็กให้นอนลงราบกับเตียง ถอดกางเกงของคนตรงหน้าออกทีเดียว แล้วผมก็แทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างเรียวขาที่แยกออกอย่างรู้งาน ผมก้มลงไปชิมความอ่อนหวานที่ยอดออกทั้งสองข้างสลับไปมา ปรนเปรอส่วนกลางลำตัวของร่างบางด้วยมือของผม ค่อยๆไล่ลิ้นร้อนลงไปตามหน้าท้องจนถึงส่วนอ่อนไหว และครอบครองมันด้วยปาก
“อ๊ะ อื้อ อื้อ.. อืมมม”
เสียงหวานที่ได้ยินมาพร้อมกับแรงจิกทึ้งที่บริเวณไหล่และเส้นผม ยิ่งผมขยับปากขึ้นลงเร็วเท่าไหร่ร่างเล็กตรงหน้ายิ่งส่งเสียงครางหวานออกมาไม่ขาดปาก พร้อมทั้งเสียงหอบถี่เมื่อใกล้จะแตะขอบสวรรค์ มือเล็กพยายามทุบไหล่ผมและผลักผมให้ออกจากส่วนกลางลำตัวของตัวเอง
“อะ อื้อ ออกไปกะ ก่อน อ๊ะ อ้า...”
ผมปล่อยให้ของเหลวไหลเข้าปากโดยไม่รังเกียจ ร่างเล็กหอบตัวโยนพร้อมส่งสายตาอาฆาตมาให้ผม แต่ไม่นานก็ต้องหลับตาหนีผมไป ผมคายของเหลวสีขาวขุ่นลงบนมือเพื่อใช้เป็นตัวช่วยก่อนที่จะส่งนิ้วเขาไปสำรวจที่ช่องทางคับแคบเพื่อให้เกิดความเคยชิน จากแรงบีบรัดที่นิ้วทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องถอนนิ้วออกก่อนที่จะส่งแท่งร้อนเข้าไปสำรวจแทน ผมหยิบหมอนมารองใต้สะโพกบางพร้อมกับแยกเรียวขาทั้งสองข้างให้กว้างกว่าเดิม ก่อนที่จะค่อยๆกดส่วนปลายเข้าไปตามทางคับแคบ แรงฉุดรั้งที่แขนจากคนข้างล่างทำให้ผมต้องก้มตัวลงไปหาก่อนที่แขนเรียวจะโน้มคอผมลงไปจูบเพื่อคลายความเจ็บ ผมค่อยๆขยับส่วนกลางลำตัวเข้าไปจนสุดและค้างไว้แบบนั้นเพื่อให้ช่องทางคับแคบนั้นปรับตัว
เพี้ยะ! “อื้อ เร็วๆสิ”
ร่างบางตีแขนผมพลางร้องบอกให้ผมรีบขยับอย่างเอาแต่ใจ ทำให้ผมต้องเริ่มขยับสะโพกเข้าออก และนั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ออกจากริมฝีปากบางนั่นก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสียงครางตลอดค่ำคืนอันยาวนานและแสนเร่าร้อน ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่สองร่างโผเข้ากอดก่ายซึ่งกันและกัน
-----------------
----------
----
แสงแดดตอนสายทะลุผ่านผ้าม่านผืนบาง ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนสิบโมงเช้าของวันเสาร์ ผมกระชับคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนได้ยินเสียงครางแบบหงุดหงิดของคนข้างกาย ผมกดจมูกไปที่ไหล่มน พลางสูดดมความหอมเข้าปอดตัวมันหอมกลิ่นครีมอาบน้ำของผม มันขยับตัวแสดงความรำคาญอย่างเปิดเผย แต่ผมไม่สนพยายามแนบคางที่มีไรหนวดขึ้นประปรายลงไปที่ไหล่ของคนในอ้อมกอด พร้อมถูขึ้นถูลงกวนตีนอีกคนเล่นอย่างอารมณ์ดี
เพี้ยะ! “อือ...มันเจ็บ!”
แต่รู้สึกอีกฝ่ายไม่ได้อารมณ์ดีไปด้วยกันเลย มือเรียวตีเข้าที่แขนผมก่อนที่จะส่งเสียงท้วงในลำคอ ผมขยับคนที่นอนหันหลังให้เปลี่ยนมานอนหงายก่อนที่จะลุกขึ้นคร่อมคนที่ยังไม่ตื่นดี
“แซน”
ผมเรียกคนในอ้อมกอดพลางใช้สองนิ้วคีบปากมันให้เป็นปากเป็ด แต่ก็ยังไม่มีอาการตอบสนองใดๆนอกจากคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
“แซนครับ”
ผมเรียกอีกครั้งใช้นิ้วดันจมูกของมันขึ้นให้เหมือนจมูกหมู ตอนนี้ตาชั้นเดียวกระพริบปริบๆ ก่อนจะปรือตาขึ้นมามอง
“อื้อ...มีอะไร”
เสียงงัวเงียที่ตอบออกมาทำให้ผมต้องอมยิ้มให้กับความน่ารักของคนตรงหน้า
“เป็นแฟนกับพี่นะ?”ตาชั้นเดี๋ยวที่ปรือๆเมื่อกี้เบิกโพลงจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า พร้อมหน้าที่กำลังขึ้นสีชมพูจางๆ ตาตี่ๆกระพริบปริบๆ ผมสังเกตเห็นน้ำตาที่เริ่มคลอของอีกฝ่าย แต่คนตรงหน้าผมก็ยังเงียบอยู่ดี
“อย่าเงียบสิ เป็นแฟนกับพี่นะครับ นะแซน”
ร่างบางตรงหน้าผมกระพริบตาถี่จนน้ำตาที่คลออยู่ออกจากหางตาและไหลลงบนหมอน
“มึงเพิ่งนึกออกเหรอว่าต้องขอกูเป็นแฟน ไอ้เหี้ยพี่อิฐ”เสียงสั่นๆที่ดังจนคล้ายตะโกนตอกใส่หน้าผมอย่างจัง เสียงตึกตักที่อกข้างซ้ายของผมเต้นเร็วจนทำให้มุมปากของผมยกยิ้มขึ้น ก่อนที่ผมจะสวมกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้นไปอีก
ตอนนี้หัวใจทั้งสองดวงของผมและแซนกำลังจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ผมหอมแก้มทั้งสองข้างของแซนดังๆให้มันรู้ว่าผมดีใจแค่ไหน
"แซนครับ"
"..."
"แซนครับ"
"อื้อ...ครับ"
“เค้าว่า sex ตอนเช้าทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า” และก่อนที่มันจะเอ่ยปฏิเสธผมก็จัดการปิดปากมันด้วยจูบยามเช้าก่อนที่จะเริ่มเฉลิมฉลองของคู่ข้าวใหม่ปลามันอีกสักรอบ^^
END**********************************************
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งขึ้นมา
จากปกติที่จะซุ่มเงียบเป็นนักอ่านเงาบ้างไม่เงาบ้าง
ยินดีรับคำติชมค่ะ