[ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!  (อ่าน 277609 ครั้ง)

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่ 33



ไม่รู้ว่าทุกอย่างกำลังเริ่มต้น หรือหลายอย่างกำลังเปลี่ยนไปกันแน่ .. ผมชักให้คำตอบกับตัวเองไม่ถูก



ในวันนี้วันที่ผมมีน้ำมนต์คนที่ผมรู้สึกว่าผมรักอยู่ข้างๆ แต่เหมือนผมต้องห่างคนที่เคยอยู่ข้างๆผมตลอดเวลาไปเช่นกัน .. ใช่แล้วครับ ไอ้โอ๊ตนั่นเอง , ตั้งแต่วันนั้นมา ผมกับมันก็ไม่ได้เจอะเจอหน้ากันอีกเลย มันพยายามหลบผมตลอดเวลา ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงสอบ ผมก็ยิ่งไม่ได้พบได้เจอมัน  มันจะเข้ามาสอบสายนิดหน่อย แล้วก็ออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นอย่างนั้นทุกวิชา จนมาถึงวันนี้


แต่ถ้าถามว่าผมทำข้อสอบได้ไหม ก็ต้องบอกว่าไอ้โอ๊ตมันยังดีที่คิดถึงพวกผม มันจะทำสรุปมาให้แล้วให้ไอ้บ่าวถ่ายเอกสารมาให้ผมอ่าน ซึ่งก็ทำให้ผมเข้าใจง่ายขึ้น


มาถึงวันนี้ เป็นการสอบวิชาสุดท้าย ผมเลือกที่จะทำข้อสอบอย่างไว เพราะคิดว่ายังไงซะวันนี้ผมต้องคุยกับมันให้รู้เรื่อง ผมหนีเรื่องนี้มานานแล้ว และตอนนี้มันก็กลายเป็นคนหนีซะเอง ต่างคนต่างหนี ก็ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง



เมื่อไอ้โอ๊ตทำข้อสอบเสร็จและลุกขึ้นไปส่งกระดาษคำตอบ ผมก็รีบลุกขึ้นไปส่งตามๆมันไป และเดินออกนอกห้องตามมันมา


“รีบไปไหนนักหนาของมึงวะ”  ผมถามขึ้นจากด้านหลัง มันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหยุดเดิน

“โป้ .. มึงมีไร” มันถามมาทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับมา

“ใจคอจะไม่คุยกับกูแล้วเหรอวะ” ผมถามไปเสียงอ่อน มันคงตกใจที่ผมมาทักมัน

“กู .. กูไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับมึงนี่” มันตอบมาตะกุกตะกักเหมือนเดิม

“แต่กูมี” ผมบอกมันไป มันค่อยๆหันหน้ากลับมามองผม

“มึงมีไร  รีบพูด กูจะไปเก็บของกลับบ้าน”

“รีบกลับจังเลยนะ ไม่ไปกินเลี้ยงกันก่อนละ สอบเสร็จทั้งที” ผมบอก

“เอ่อ ..”

“คืนนี้สองทุ่มเจอกันร้านเดิมนะ ต้องไปให้ได้ละ กูอยากคุยกับมึง” ผมบอกมัน

“อือ กูขอไปคิดดูก่อน ถ้าไปคงเจอกัน” มันตอบก่อนหันหลังกลับ

“ยังไงกูก็อยากให้มึงไป” ผมบอกมันอีกครั้ง ก่อนที่มันจะเดินจากไป



สำหรับผมตอนนี้ลืมไปแล้วครับ ว่าใครผิดใครถูกในเรื่องนี้ ถ้ามัวแต่มองว่ามันผิด ผมถูก มันต้องมาขอโทษผม ผมว่าผมคงเสียเพื่อนอย่างมันไปแน่ มันไม่ใช่ว่าจะไม่สำนึกนะครับ แต่มันยังไม่กล้าพอ มันคงคิดว่าตัวเองผิดมหันต์ แต่สำหรับเพื่อนอย่างมันแล้ว ผมพร้อมจะให้โอกาสมันแก้ตัวอีกสักครั้ง ..



เหมือนกับที่น้ำมนต์เคยให้โอกาสผม ..





ค่ำคืนนั้นผมและผองเพื่อน รวมทั้งน้ำมนต์ ช้างน้อย และหญิงก็ไปร่วมดื่มฉลองกันที่ร้านเดิม เพราะพวกผมเพิ่งสอบเสร็จ และพวกน้ำมนต์ก็เพิ่งเสร็จโปรเจคปลายปี ถือเป็นการปลดปล่อยไปในตัว

“วันนี้กินน้อยๆนะ” ผมบอกคนที่นั่งข้างผม โดยมีมือผมโอบเอวไว้หลวมๆ เพื่อไม่ให้อีกคนอึดอัดเกินไป

“รู้แล้วหน่า” น้ำมนต์ตอบมาก่อนจะยกแก้วตรงหน้าจิบเหล้าในแก้วเล็กน้อย นี่ขนาดปากบอกว่ารู้แล้วนะ แต่ก็ยังยกกิน แต่ก็นะ เมาแล้วน่ารัก ก็อยากให้เมาทุกวัน



ผมมองบรรยากาศโดยรอบ เพื่อมองหาว่าไอ้โอ๊ตจะมาตอนไหน ใจหวังว่ามันต้องมา เพราะไอ้บ่าวบอกว่า มันยังไม่กลับบ้าน แต่มันจะมาตอนไหน ไม่มีใครรู้ได้

“มึงทะเลาะอะไรกับไอ้โอ๊ตวะโป้ เห็นไม่คุยกันเลย ไอ้นั่นก็เอาแต่หลบหน้า” พี่เอกถามผมขึ้นกลางวง เรียกความสนใจจากทุกคนที่นั่งรายล้อมอยู่

“ไม่มีอะไรมากหรอก” ผมตอบไปยิ้มๆ เพื่อไม่อยากให้ใครกังวลอะไร น้ำมนต์มองหน้าผมอย่างกับต้องการพูดอะไรกับผม ก่อนที่หันกลับไปคุยกับช้างน้อยต่อ เหมือนไม่สนใจอะไรที่ผมพูดไป



สักพักไอ้โอ๊ตก็เดินเข้ามาในร้านครับ มันมาจริงๆด้วย ผมรีบวางแก้วเหล้าในมือมองมันที่เดินเข้ามา มันไม่ได้มาคนเดียวครับ มันมากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมและน้ำมนต์คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี


“แพร” เสียงของน้ำมนต์พูดถึงผู้หญิงคนนั้น เมื่อหันไปมองในทิศทางเดียวกับผม

“มาด้วยกันได้ยังไงน่ะ” ผมถามขึ้นเบาๆ

“เอ๊ย มาแล้วเว๊ย” เสียงไอ้บ่าวบอกเพื่อนๆในวง

“อ่าวเอ๊ย มานั่งนี้มา แหม พาสาวมาด้วย เด็ดไม่เบาเพื่อนกู หายไปนาน กลับมาก็โอเพนนิ่งเชียว” เสียงพี่เอกแซวมัน พร้อมกับกวักมือให้ไปนั่งโต๊ะข้างๆแก ซึ่งก็คือฝั่งตรงกันข้ามกับผม



“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ผมพูดกับมันพร้อมกับยิ้มๆให้

“ไม่มาได้ไง เพื่อน  ... ชวนทั้งที” มันพูดกับผมโดยเว้นช่องว่างหลังคำว่าเพื่อนเยอะพอสมควร จนเหมือนตั้งใจ

“แพรมาได้ยังไง” น้ำมนต์เอ่ยถามเพื่อนของเขาขึ้นบ้าง

“ก็พี่โอ๊ตชวนมา แพรก็เลยมาอ่ะ” เธอตอบสั้นๆ เข้าใจง่าย

“ไงไอ้โอ๊ต ไม่แนะนำให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยเหรอ เด็กใหม่มึงอ่ะ”  ไอ้บ่าวตะโกนถาม

“อ่อ ทุกคนนี้แพร ส่วนนี่เพื่อนๆโอ๊ต ปีโป้ บ่าว พี่เอก เอ็ม ส่วนคนอื่นๆ แพรน่าจะรู้จักนะ” มันพูดพร้อมกับแนะนำรายคน

“สวัสดีคะทุกคน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ผู้หญิงที่เพิ่งเป็นที่รู้จักแก่กลุ่มอย่างแจ่มชัด พูดขึ้น

“เด็กใหม่มึงน่ารักนะเว๊ย “ ไอ้บ่าวแซว

“เด็กบ้า เด็กบอไรมึง เพื่อนกัน” ถึงแม้คำว่าเพื่อนกันจะขาดห้วนไปบ้าง แต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามันต้องมีอะไรพิเศษจากการเขินอายของมัน ผมยิ้มกับมันเล็กน้อย แต่เมื่อมันมองมาสบตาผม รอยยิ้มของมันก็หายไปทันที เหลืองเพียงแค่ใบหน้าที่เฉยชาเหมือนเดิม



เวลาของค่ำคืนนี้ดำเนินไปอย่างช้าๆ เหล้าโซดาน้ำแข็งถูกยกจัดยกมาอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาดสาย บรรดาเพื่อนผู้ชายของผมเมื่อเกิดอาการมึนเมา ปากก็พร่ำพูดเรื่องราวต่างๆนานา เรื่องจริงบ้าง เรื่องเล่นบ้าง เพื่อสร้างสีสันให้ครื้นเครง ส่วนคนที่นั่งข้างผม ก็กินเบาๆตามที่ผมขอ มันเลยได้แต่นั่งยิ้มและชวนคนอื่นคุยไปตามประสา


ผมว่าตั้งแต่วันที่ไอ้บ่าวไปส่งน้องจอยกับช้างน้อย วันนี้สองคนนั้นดูสนิทกันผิดหูผิดตา แต่ก็คงไม่น่าแปลก เพราะไอ้บ่าวมันเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย มันเป็นมิตรกับทุกคนอยู่แล้ว ยิ่งช้างน้อยไม่ต้องพูดถึง ใครอยู่ด้วยก็ยิ้มแย้มได้ทั้งนั้น จะว่าไปน้ำมนต์ก็เคยบอกผม ว่าช้างน้อยมันแอบปลื้มไอ้บ่าวอยู่ แต่ผมก็ไม่กล้าเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้เขาหรอก เพราะไอ้บ่าวมันไม่ได้มีรสนิยมเหมือนกับผม แต่มันก็ไม่ได้ถือตัวรังเกียจหรือต่อต้านอะไร เพราะช้างน้อยก็ออกจะน่ารักสมชื่อขนาดนั้น ผิวขาวหน้าตี๋ (หรือหน้าหมวยดี) ที่ได้มาจากทางพ่อและแม่ ตัวเล็กๆ กำลังน่ารัก ผมทรงเกาหลีลากปะบ่า การแต่งตัวดูจะผิดหูผิดตาจากเด็กศิลป์ แต่ก็มีเสน่ห์และน่าหลงใหล ไม่แพ้คนอื่นๆในกลุ่มเค้าเลย
ถ้าไอ้บ่าวมันจะชอบช้างน้อยสักนิด .. ผมว่าคู่นี้ก็น่าลุ้นดี


“เอ๊ยมึง เดี๋ยวไอ้เดชมาด้วยนะเว๊ย” ไอ้บ่าว เพื่อนคนเดียวในกลุ่มที่รู้สึกว่าจะคุยกับไอ้เดชมากสุด พูดขึ้นหลังจากวางสาย

“อืมๆ” ผมได้แต่ขานรับในลำคอ เพราะยังไงซะ ไอ้เดชมันก็คือเพื่อน .. คือแก้วใบหนึ่งที่ผมเคยรักและหวงแหน

“เดี๋ยวมานะ อย่าดื่มเยอะละ” ผมบอกน้ำมนต์ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ออกมาสูบบุหรี่ ปกติผมไม่ได้เป็นคนติดบุหรี่มากมายอะไร แต่จะสูบเฉพาะเวลาเครียด และก็เวลาดื่มเท่านั้น ไม่ได้ติดถึงขั้นขาดไม่ได้ แต่ก็เลิกไม่ได้สักที ไม่รู้เป็นอะไร



ผมเดินมาที่สูบบุหรี่หน้าห้องน้ำ เป็นลานกว้างๆ จัดไว้สำหรับคนจะมาสูบบุหรี่โดยเฉพาะ ก้นบุหรี่ของลูกค้าคนอื่นยังมีไฟสีแดงๆที่จานรองก้นบุหรี่ แสดงให้เห็นว่าคนก่อนหน้าที่มาสูบ เพิ่งออกไปไม่นาน  ผมล้วงบุหรี่ออกจากกระเป๋า ก่อนจะหยิบไฟแช็คขึ้นมา ประกายไฟช่วยให้ปลายบุหรี่มีสีแดง ควันเล็กน้อยออกมาจากปลายนั้น



“ขอกูตัวดิ” เพื่อนที่ผมเชิญมาวันนี้ เดินเข้ามาพูดขึ้น ผมส่งซองบุหรี่ให้มัน ก่อนจะเอาบุหรี่ของตัวเองที่จุดเสร็จแล้ว สูบลมเข้าปาก และพ่นออกมา เพื่อต้องการซึมซับกลิ่น ไม่อยากให้มันตกลงไปทำร้ายปอดตัวเอง

“ขอต่อไฟหน่อย” ไอ้โอ๊ตพูดพร้อมกับเอาบุหรี่ของตัวเองเข้าปาก แล้วยื่นหน้าของมันมาต่อกับบุหรี่ที่ผมคาบอยู่ ภาพตอนนี้คือหน้าของเราสองคนห่างกันแค่บุหรี่ต่อสองตัว ผมจ้องมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ แต่มันกลับจ้องมองหน้าผมอย่างกับต้องการจะบอกอะไร


เมื่อไฟติดที่ปลายบุหรี่ของมันแล้ว ไอ้โอ๊ตจึงถอดหน้าออกไป สูบบุหรี่เข้าปอด และปล่อยควันออกมาทางจมูก


“ทำข้อสอบได้มั๊ย” ไอ้โอ๊ตใช้มือคีบบุหรี่ออกจากปาก ก่อนจะถามผม สายตามองไปข้างหน้า

“เรื่อยๆ ตามประสากูนั่นแหละ” ผมตอบไป ในท่าทางไม่ต่างจากมันนัก

“โทษทีที่ไม่ได้ไปติวให้” มันบอก

“อืม ไม่เป็นไร กูเข้าใจ”

“เข้าใจว่าไง” มันหันหน้ามาถามผม

“เข้าใจว่ามึงไม่สะดวกไง” ผมบอกมันไป ตามความคิดของตัวเอง

“อือ  ขอโทษว่ะ” มันพูดก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองอะไรของมันเหมือนเดิม

“เรื่องไรวะ” ผมถามมัน

“ทุกเรื่อง” มันพูดออกไป สายตาก็ยังจดจ่ออยู่ที่เดิม




“รวมทั้งเรื่องน้องเดียวด้วยมั้ย ?” เสียงปริศนาดังเข้ามาทางพุ่มไม้ ก่อนจะโผล่หน้าเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“ไอ้เดช / ไอ้เดช” เสียงของผมกับไอ้โอ๊ตดังขึ้น เมื่อหันไปเจอหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามา


“เออ กูเอง ตกใจหน้าซีดเชียวนะไอ้โอ๊ต” ไอ้เดชหันไปคุยกับไอ้โอ๊ต

“ตกใจเชี่ยไรมึง ก็มึงเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ใครบ้างจะไม่ตกใจ” ไอ้โอ๊ตพูดบอก

“แล้วเมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ เรื่องน้องเดียว ทำไม?” ผมสงสัยเลยถามมัน

“มึงก็ลองถามเพื่อนรักมึงดูสิ กูมันก็แค่เพื่อนที่มึงเคยสนิทด้วยก็แค่นั้น” ไอ้เดชยังไม่หยุดเล่นลิ้น

“มึงอย่าไปสนใจอะไรมันเลยไอ้โป้ ไอ้เดชมันคงเมาแล้ว คงอยากขอโทษมึงเรื่องไอ้น้องเดียว” ไอ้โอ๊ตพูดบอกผม

“เมาเชี่ยไร กูยังไม่ดื่มสักหยด” ไอ้เดชเริ่มโวยวาย

“งั้นไป ไปดื่มกัน นานๆทีได้เจอหน้า” ไอ้โอ๊ตรีบทิ้งบุหรี่ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปโอบคอไอ้เดช แล้วเดินหันหลังให้ผมไป




“เดี๋ยวก่อนพวกมึง ..” เสียงของผมทำเอาพวกมันสองคนหยุดชะงัก

“มี .. อะไรวะ” ไอ้โอ๊ตหันมาถามผม พร้อมกับยิ้มแบบฝืนๆ





“รอกูด้วย กูก็จะไปเหมือนกัน” ผมพูดพร้อมกับทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น ก่อนจะใช้เท้าขยี้ให้ไฟมอดอีกที พร้อมกับเดินตามพวกมันไป



พร้อมกับความค้างใจที่เพิ่มขึ้นมากมาย .. แต่ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้



สำหรับผมในตอนนี้ คงเหมือนคนที่อยากจะตักน้ำใส่ตุ่ม แต่เจอแต่น้ำที่ขุ่นมัว แต่ก็ต้องฝืนตักเข้าไป น้ำที่ขุ่นมัวที่มาใหม่ ปนเปเข้าเป็นเนื้อเดียวกับน้ำที่ใสเมื่อก่อน ยิ่งน้ำขุ่นมากขึ้นเท่าไหร่ สีของน้ำในตุ่มของผมก็เริ่มขุ่นมากขึ้นเท่านั้น ..


เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้โอ๊ต ถึงแม้ว่าผมพยายามลืมเรื่องต่างๆ และให้โอกาสมันกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของผมใหม่ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่มันได้ทำพลาดไปแต่อย่างใด คำขอโทษที่พูดออกมา ไม่รู้ว่ามีอะไรเคลือบแคลงใจอยู่อีกไหม มันทำให้ผมรู้สึกคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ ..

เรื่องไอ้เดช ที่เข้ามาพูดประโยคชวนโลกหมุน ให้หัวผมหมุนรอบเร็วกว่าเดิมเป็นสามเท่านั้นอีก ไม่ว่าจะแก้วอันตราย และอะไรเกี่ยวกับน้องเดียวนั่นอีก มันเป็นอะไรของมัน ทำไมชอบทำให้ทุกเรื่องมีปริศนา แล้วทำไมไม่พูดตรงๆออกมา
ตกลงผมควรจะเชื่อใจใครดี , ไอ้โอ๊ต , ไอ้เดช .. หรือตัวผมเอง



คืนนั้นไอ้โอ๊ตดูลุกลี้ลุกลนเป็นพิเศษ ให้ไอ้เดชนั่งกินเหล้าข้างๆ โดยที่เมื่อก่อนพวกมันไม่ได้มีที่ท่าว่าสนิทอะไรกันมากมาย ผมได้แต่ตั้งข้อสงสัย ชวนพวกมันคุยเรื่อยเปื่อย โดยหวังว่าน้ำเมาจะทำให้ความจริงที่อยากรู้ออกมาบ้าง

“บอกให้คนอื่นดื่มน้อยๆ แต่ตัวเองอ่ะ ชนลูกเดียวเลยนะ” น้ำมนต์สะกิดผม ผมหันไปยิ้มๆ

“ไม่ต้องมายิ้มเลย เดี๋ยวก็เมาเอาหรอก” โดนดุอีกครับ

“ไม่เมาหรอกครับ ปีโป้ซะอย่าง ไม่เมาง่ายๆหรอก” ผมตอบไปหน้ายิ้ม

“ตาเยิ้มขนาดนี้ เรียกว่าไม่เมาได้ไง” น้ำมนต์ยังไม่หยุดยัดเยียดความเมาให้ผม

“มันก็เยิ้มตลอดแหละ ... เวลาได้มองน้ำมนต์” ผมบอกพร้อมยิ้มอีก เขินๆยังไงก็ไม่รู้

“ไม่คุยด้วยแล้ว จะดื่มก็ดื่มไปเลย” มันสะบัดหน้าหนี  ผมได้แต่ยิ้มๆ ก่อนที่จะเอามือไปโอบกอดมันให้แน่นขึ้น น้ำมนต์ดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ผมกอดโดยดี



“เอ๊ย ไอ้เดช ช่วงนี้ทำอะไรอยู่วะ หายหน้าหายตาไปเลยนะมึง” ไอ้บ่าวตะโกนถามมาจากอีกฟากนึงของโต๊ะ

“ก็เรื่อยๆ ช่วยงานพ่อ ตามประสากูนั่นแหละ” ไอ้เดชตอบ

“แล้วเมียมึงละ ไปไหนแล้ว” มันถามต่อ

“กูเลิกหมดแล้ว”

“ไมคราวนี้โสดนานจังวะ ไม่รีบหาใหม่มาคลายเหงาหน่อยละ”

“กูอยากเจอรักจริงๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง” มันตอบมาพร้อมกับมองมาทางผม

“เหมือนกูเหรอ ?” ผมถามขึ้นเสียงสูง เชิงเล่นเชิงจริง มือก็ดึงน้ำมนต์มาชิดตัวมากขึ้น จนอีกคนส่งเสียงอึดอัดเหมือนไม่พอใจ

“เออ กูอยากมีแฟนน่ารักๆ แบบมึง” มันพูดพร้อมกับมองหน้าไปที่น้ำมนต์ รายนั้นก็ยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันมาทำตาดุใส่หน้าผม เชิงบอกว่าปล่อยได้แล้ว แต่เรื่องไรผมจะยอมละ

“พี่เดชคะ ช้างน้อยก็ว่างนะคะ” เสียงช้างน้อยดังขึ้นขัดจังหวะ

“น้องช้างน้อย พี่ยกให้ไอ้บ่าวมันดีกว่าครับ” ไอ้เดชสวนกลับ

“เอ๊ย ไหงโยนให้กูซะงั้นหรอก กูไม่ชอบกระเทยเว๊ย” ไอ้บ่าวเริ่มโวยวาย

“แหม พี่บ่าว ทำไมพูดอย่างงี้ละคะ คืนนั้นเรายัง  ...” ช้างน้อยพูดพร้อมทำท่าเขินอาย ยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้มากขึ้น ว่าคืนนั้นมันเป็นยังไง

“คืนนั้นทำไมช้างน้อย” พี่เอกเร่งถาม

“ก็คืนที่ไปส่งนังจอยไง พี่บ่าวยัง ..”

“หยุดเลยช้างน้อย  ไม่ต้องพูดไรแล้ว พวกมึงอย่าไปเชื่อ กูไม่ได้มีอะไรซะหน่อย” ไอ้บ่าวเริ่มร้อนตัว

“ม่ายยยยย กระซิกกระซิก พี่บ่าวจะทำแบบนี้กับช้างน้อยไม่ได้นะ” ช้างน้อยเริ่มออกนางเอกเจ้าน้ำตาแล้วครับ มือกรีดกรายดึงทิชชู่ที่วางอยู่กลางโต๊ะ เอาไปแตะๆริมขอบตา ประหนึ่งว่าน้ำตาซึม ท่าทางจริตจะก้าน ทำเอาไอ้บ่าวหัวเสียเลย

“ช้างน้อยอย่าพยายามฆ่าพี่แบบนี้สิ พี่ไปทำอะไรเราตอนไหน เพื่อนมันล้อพี่หมดแล้วนะ” ไอ้บ่าวถึงขั้นเว้าวอนเลยครับ

“ทำอะไรไว้ ก็รับผิดชอบสิ คนเราอ่ะ เห็นเราเป็นผักเป็นปลาหรือไง  ม่ายย ช้างน้อยแซดดดดดดด” เธอเล่นละครได้เนียนมากครับ เรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราได้ทุกคนเลย

“แหม พี่แค่หอมแก้มเองนะ” ไอ้บ่าวเริ่มหลุดมาแล้วครับ

“น่านนนนไง  ทุกคนนคะ ช่วยช้างน้อยด้วยนะคะ  ช้างน้อยไม่ยอม ช้างน้อยโดนพี่บ่าวย่ำยี” ตอนนี้เริ่มไม่รู้แล้วครับ ว่าสองคนนี้พูดจริงหรือกะเล่นเอาขำๆกันแน่

“แต่วันนั้นพี่บ่าวเมานี่ พี่บ่าวไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ช้างน้อยนะ” ไอ้บ่าวก็เริ่มตามน้ำแล้วครับ



จริงเท็จสลับกันไป มีแค่ช้างน้อยกับไอ้บ่าวเท่านั้นที่รู้ความจริง ระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน การหยอกล้อยังดำเนินไปเรื่อยๆตามทางของมัน พวกเรานั่งขำกับการหยอกล้อกันไปมาระหว่างช้างน้อยกับไอ้บ่าวอยู่พักใหญ่


อยู่ๆไอ้เดชกับไอ้โอ๊ตก็เดินออกจากกลุ่มไปเงียบๆ ผมหันหลังมองนิดหน่อย บรรยากาศในโต๊ะก็ยังคงครึกครื้น  ผมเลยเลือกเดินตามสองคนนั้นไปอย่างเงียบๆ ซึ่งผมคิดว่าพวกมันก็ไปยัดบุหรี่ลงปอดกันตามปกติ ผมเลยอยากยัดลงบ้าง



และผมคงได้เข้าไปยัดบุหรี่ลงปอดอย่างตั้งใจ ถ้าไม่เดินมาได้ยินอะไรเข้าเสียก่อน



“มึงจะบอกอะไรไอ้โป้”

“บอกในสิ่งที่มันควรจะรู้”

“มันไม่ควรจะต้องรู้อะไร”

“ต้องรู้สิ ต้องรู้อะไรหลายอย่างด้วย”

“รวมทั้งเรื่องของเราเหรอ ?”

“ถ้ามึงต้องการ กูก็พร้อม”

“เชี่ยเดช !!!”






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
แล้วเรื่องน้องเดียว อะไรยังไง งงมากมายยยยย

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง    :z3:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อ๊ากกกกกก ค้างที่สุดดดดดด
 :m31: :m31: :m31:

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
ยิ่งนาน ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับโอ๊ตขึ้นเรื่อยๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อะไรกันเหรอ โอ๊ตกับเดช อย่าบอกนะว่า รับทานกันไปแล้ว วะเฮ้ย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
มันคืือเรื่องอะไร  โอ๊ตมีอะไรกับเดชเหรอออ

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
(ถ้าจะอ่านตอนที่ 33 คอมเม้นก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 คอมเม้น)



เนื่องจากวันนี้นักเขียนนอนดึก แล้วบัเอิญเปิดไปเจอโปรแกรมหนังเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า มึง - กู เพื่อนกันจนวันตาย
นักเขียนรู้สึกทันทีทันใดว่า นักแสดงเรื่องนี้ ช่างเหมาะสม เหมาะเจาะกับนักแสดงเรื่อง กลรัก ... เปื้อนสี ของนักเขียนหลังเขาคนนี้เหลือเกิน

ถึงแม้ว่าบางคนจะไม่เหมือนอย่างที่บรรยายไว้ .. แต่ถ้านำไปจิ้นต่อตามภาพที่บรรยายบอกไว้ รับรองบรรเจิดแน่
และให้ดี ถ้าไปดูหนังเรื่องนี้กลับมา , เราจะได้จิ้นกันกระจายอีกที


มะ .. โม้มาซะยาวแล้ว เรามาดูกันว่าใครเป็นใครกันบ้าง ถูกใจไม่ถูกใจบอกนักเขียนได้นะ (นักเขียนว่าง และกำลังตัน จึงเอามาดูเล่นๆแก้เบื่อ)



นักแสดงเรื่องกลรัก .. เปื้อนสี  จากเรื่อง มึง - กู เพื่อนกันจนวันตาย

1.ปีโป้  รับบทโดย พระเอกลูกครึ่งสุดหล่อ มาริโอ้ (พยายามจิ้นๆ ให้เป็นจีนๆมีหนวด แล้วกลับมาหน้าใสนะ)


ส่วนนี่รูปจากในหนัง  เท่ซะ !!!!



2.น้ำมนต์ นายเอกของเรื่องรับบทโดยพระเอกหน้าหวาน เมาส์ บีโอวาย (พยายามจิ้นว่าผมยาวสลวยสวยเก๋นะ)


ส่วนนี่รูปจากในหนัง ผมสั้นไปนิด !!



3.หญิง



รูปจากในหนัง ดูลุยๆ น่ารักดี


4.ช้างน้อย


ปากมันๆ หน้าเด้งๆ ผมเริ่ดๆ ใช่เลยละ


5. เอ็ม

คนนี้ดูกวนๆ แต่หน้าดูจริงใจ จริงจังดี


6. โอ๊ต

หล่อไม่แพ้พระเอกเลย รายนี้


7.บ่าว

เข้มๆ บ้านๆ ทะเล้นๆ


8.พี่เอก
ดูโตกว่าหน่อย มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ดูกวนๆ


9.แพร
สวยสวย มาดเซอร์ๆ ผมยาวสวย

ภาพจากในเรื่อง ดูเป็นคุณหนูนิดๆ


10.เดช
หน้าตาทะเล้นกวนตีน

ออกแนวเด็กที่ไม่ค่อยได้เรียน อะไรประมาณนี้


11. แถม น้องจอย ให้อีกคน




12. และน้องเดียวด้วย !!!






หมดแล้ว ตัวละครเรื่องนี้เยอะมากกกกก แต่ก็เน้นคนสำคัญๆก็แล้วกัน ตัวละครทั้งหมดที่นำมาแทนนี้ มาจากนักแสดงภาพยนต์เรื่อง มึง - กู เพื่อนกันจนวันตายทั้งหมด  รับรองว่าถ้าไปดูเรื่องนี้ เหมือนได้ดู กลรัก .. เปื้อนสีในโรงแน่ๆ


เหมือนไม่เหมือน แตกต่างยังไงก็ต้องขออภัยนักอ่านทุกท่านด้วยนะครับ เอาเป็นว่าขำๆก็แล้วกัน
แต่ผมชักชอบพระ-นายคู่นี้นะ .. จิ้นได้น่ารักดี


ไปแล้ว , ไปแต่งต่อแล้ว กำลังเจ้มจ้นเลย !!!!




ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
ภาพอิมเมจ โอ๊ตดูแมนและบึกกว่าปีโป้อะ  :z3:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ภาพอิมเมจ โอ๊ตดูแมนและบึกกว่าปีโป้อะ  :z3:
หรือว่า โอ๊ต  ต้องเป็นคนกดปีโป้  ฮ่าๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
โอ๊ต-เดช แถมยังมีไอ้น้องเดียวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย 3P รึเปล่าหว่า :a5:

อิมเมจพี่บ่าวหล่อออออออ :m3:

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
บอกได้ว่า.........เง็งมากมาย

รอติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
อุ๊ย ในที่สุดก็ออกตัวละครมาให้จิ้นกันซะที ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปีโป้ อยากได้ๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
หรือว่า โอ๊ต  ต้องเป็นคนกดปีโป้  ฮ่าๆๆๆ

แอบฮา 555

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
ฮ่วย ไอ้พี่โอ๊ตมันจะมาไม้ไหนฟร่ะ

ออฟไลน์ maxiez2p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ถ้าอิมเมจตามนี้ . . . ช่วยหาคู่ให้เอ็มทีซิ
ผมขอร้อง XD

 o18 o18

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าอิมเมจตามนี้ . . . ช่วยหาคู่ให้เอ็มทีซิ
ผมขอร้อง XD

 o18 o18

เอ็ม คู่หญิงไงครับ กำลังจีบๆกัน

silent_loner

  • บุคคลทั่วไป
เดชกับโอ๊ตต้องมีปิดบังอะไรบ้างอย่างอยู่แน่เลย :เฮ้อ:
น่าจะเกี่ยวกับน้องเดียวด้วยนะเนี่ย

คู่ปีโป้น้ำมนต์น่ารัก แต่ฮาคู่ช้างน้อยพี่บ่าวมาก o13

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดด มันค้างอ่ะพี่ :z3:
ฮาช้างน้อยกับพี่บ่าว น่ารักดีนะคู่นี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
เอ็ม คู่หญิงไงครับ กำลังจีบๆกัน

สปอยยยยยย 5555

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่ 34



ค่ำคืนแสนยาวนานนี้เริ่มต้นตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน จนพระจันทร์ขึ้นแทนที่ การดื่มสังสรรค์ถือเป็นเรื่องปกติของช่วงหลังสอบเสร็จและเสร็จสิ้นกิจกรรม  ผมรู้สึกชอบเวลาได้อยู่กับเพื่อนๆที่ผมรัก และพี่ๆที่ผมสนิท และก็ได้อยู่กับนายปีโป้ในค่ำคืนแบบนี้แล้วสิ

มันอบอุ่นดีเนอะ ..


แต่ตอนนี้นายปีโป้ที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก็ไปนานกว่าที่คิด ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วง เพราะวันนี้รายนั้นก็เมาใช่ย่อย ปากบอกผมว่าอย่าดื่มมาก แต่ตัวเองก็ซัดไปซะเยอะ แต่ก็เข้าใจ ว่าอยากสนุกกับเพื่อน เพราะผมก็มองว่าค่ำคืนนี้สนุกจริงๆ


ช้างน้อยที่คอยสร้างอารมณ์ขันให้กับกลุ่มก็ยังพูดสร้างเสียงหัวเราะอยู่ไม่ขาดสาย โดยมีพี่บ่าวอยู่ข้างๆ คอยรับส่งมุขอย่างเข้าขา
หญิงกับพี่เอ็มก็ดูจะมีโลกส่วนตัวของเขาสองคน ที่ดูช่างมีความสุข และช่างน่าอิจฉา


“น้ำมนต์ ทำไมดื่มน้อยจังเลย” แพรทักผมขึ้นมาขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ

“อ๋อ เราไม่ค่อยอยากเมาเท่าไหร่ กลัวเมาแล้วรั่ว” ผมตอบไปยิ้มๆให้กับสมาชิกใหม่ของวง ที่มาร่วมแจมกับพวกเราครั้งแรก

“เหรอ อยากเห็นน้ำมนต์รั่วจังเลย” เธอตอบมายิ้มๆ ก่อนจะยื่นแก้วของเธอมา หมายจะชนแก้วกับผม ผมเลยยกแก้วชนเธอตอบ

“เป็นไงถึงมากับพี่โอ๊ตได้ล่ะ” ผมถามออกไป เมื่อได้ดื่มเหล้าในแก้วนั้นหมด

“พอดีเราคุยกับพี่เค้าได้พักนึงแล้ว แล้วพี่เค้าก็ชวนเรามา บอกว่าน้ำมนต์ก็มาด้วย เราเลยอยากมา” คำตอบของเธอทำให้ผมตีความหมายว่า ที่เธอมาเพราะผม ไม่ใช่เพราะพี่โอ๊ต .. เอ๊ะ ชักจะยังไงๆ

“อ๋อเหรอ ดีๆ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีครับ

“เดี๋ยวเรามานะแพร ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ผมบอกพร้อมกับลุกออกมา ใจจริงไม่ได้ตั้งใจจะมาเข้าห้องน้ำหรอก แค่อยากมาดูว่านายปีโป้ทำไมมานนานจัง



การเดินเข้าไปหานายปีโป้ของผมต้องหยุดลง เมื่อเห็นหลังของนางปีโป้ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้า  พร้อมกับเสียงคนสองคนกำลังคุยกัน ผมเดินเข้าไปใกล้นายปีโป้มากขึ้น มากขึ้น

“รวมทั้งเรื่องของเราเหรอ ?”

“ถ้ามึงต้องการ กูก็พร้อม”

“เชี่ยเดช !!!”

“มึงเลิกคิดว่าไอ้โป้จะชอบมึงได้แล้วไอ้โอ๊ต ยังไงมันก็คิดกับมึงแค่เพื่อน”

“มึงไม่ต้องมายุ่ง ยังไงมึงก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

“แต่กูกับมึง ..”

“มึงอย่าเอาเรื่องนั้นมาอ้าง กูแค่พลาด”

“เหอะๆ ครั้งแรกยอมรับว่าพลาด แล้วครั้งต่อมาๆล่ะ มึงพลาดหรือมึงเงี่ยนกันแน่”

“เชี่ยเดช หุบปากหมาๆของมึงซะ กูว่ามึงเมาแล้ว กูจะกลับโต๊ะแล้ว”

“เดี๋ยวก่อนมึง แล้วมึงไปดึงแพรเข้ามาอีกทำไม เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ”

“กูไม่ได้ทำไร แพรมันไม่ได้ชอบกูอยู่แล้ว มันชอบน้ำมนต์โน่น เป้าหมายกูกับมันเหมือนกัน”

“มึงนี่ตัวช่วยเยอะเนอะ ทั้งกู ทั้งแพร”

“มึงก็ชอบน้ำมนต์นี่ ไม่ได้ฝืนใจอะไรตัวเองไม่ใช่เหรอ”

“ชอบกับรัก ยังไงมันก็ไม่เหมือนกัน”

“เลิกพูดเหอะ กูไปแล้ว เดี๋ยวมีคนได้ยิน”



เมื่อสิ้นประโยคสนทนา นายปีโป้ก็ขยับตัวเล็กน้อย  ก่อนจะหันหลังกลับมามองผม สายตาของเขาไม่ต่างจากคนที่กำลังจะร้องไห้ ตาที่ดุดัน แววตาแดงกร่ำ หน้าที่ปราศจากรอยยิ้ม นายปีโป้มองผมอย่างตกใจ เช่นเดียวกันผมก็ตกใจกับสายตานั้น ก่อนที่เขาจะปรับสายตา แล้วเดินมาจับมือผม ลากไปจากจุดนั้น



นายปีโป้ลากผมเดินผ่านโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ ทุกคนมองผมกับนายปีโป้แบบงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ ผมไม่มีคำตอบให้กับสายตาที่มองมาอย่างสงสัยทุกคู่นั้น


นายปีโป้ลากผมมาจนถึงม้านั่งฝั่งตรงข้ามของร้าน ซึ่งเป็นลานจอดรถ  เขานั่งลงบนม้าหินอ่อนนั้นโดยมือของเขายังจับมือผมอยู่ ผมเลยลงไปนั่งข้างๆ


“นี่มันอะไรกันวะมึง กูงงไปหมดแล้ว” ประโยคที่หลุดออกจากปากนั้น ยากจะเดาว่าคนที่จับมือผมอยู่ กำลังแย่สักแค่ไหน

“คงไม่มีอะไรหรอก อย่าเพิ่งคิดอะไรให้มันมากเลย” ผมพยายามพูดปลอบ

“ไม่มีอะไรได้ไง มึงก็ได้ยิน สองคนนั้นมันต้องมีอะไรที่ปิดบังกู” สายตาที่ย้อนมาถามผมอย่างไม่พอใจ อารมณ์โกรธที่รอการปลดปล่อย

“ในเมื่อเค้ายังไม่พร้อมจะบอกเรา เราก็อย่าไปอยากรู้เลย”

“ให้กูโง่อยู่แบบนี้น่ะเหรอ โง่โดยไม่รู้ว่าสองคนนั้นมันกำลังเล่นอะไรกับกู ทำอะไรกับกูบ้าง” อารมณ์ของอีกคนเหมือนภูเขาไฟที่รอการปลดปล่อย แววตาเคลือบไปด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง

“แล้วเขาทำอะไรนายได้บ้างล่ะ เขาทำให้นายรักเค้าได้ไหมละ เขาแย่งเราไปจากนายได้ไหมละ แล้วเป็นไปอย่างที่เขาต้องการสักอย่างไหม” ผมสวนเขากลับบ้าง ถึงไม่ได้มีน้ำเสียงที่ใช้อารมณ์ แต่คำพูดก็พยายามข่มให้อีกคนรับรู้ถึงเหตุผลของผม


“เค้าไม่เคยได้ในสิ่งที่เค้าต้องการ  และเค้าจะไม่มีวันได้มันไป ถ้าเรายังเชื่อใจกัน” มือผมอีกข้างหนึ่งนำไปวางทับมือเราสองคนที่จับไว้ และกุมมือนั้นไว้อย่างแนบแน่น ตามคำที่ผมพูด แววตาของผมคงสื่อให้คนข้างๆรู้สึกดีขึ้น รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนในหน้าเขา ทำเอาผมยิ้มตามไปด้วย

“ขอบใจมึงมากนะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอามือมาโอบตัวผมไปไว้ในอ้อมกอดเค้า

“ในวันที่กูมีปัญหา กูขอแค่มีมึงข้างๆให้กูกอดแบบนี้ เรื่องที่ว่าร้ายแรงแค่ไหน กูเชื่อว่ากูจะผ่านพ้นมันได้”  มันพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับมือที่ลูบผมเล่นไปด้วย





ผมลากนายปีโป้กลับมาที่โต๊ะจนได้ เพราะอีกคนบอกยังไม่อยากจะไปเจอใคร ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเจอหน้าพี่โอ๊ต พี่เดช  แต่ผมก็บอกไปว่าอย่ามาทำนิสัยเด็ก โตจนมีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว ยังทำตัวแบบนี้


“ไปไหนกันมาวะ สองคนนี้” พี่เอ็มถามทันทีเมื่อผมกับนายปีโป้มาถึงโต๊ะ

“แหนะ อดใจไม่ไหว ไปซั่มกันมาแล้วเรอะ” พี่บ่าวเริ่มแซว

“ปากเสียไอ้บ่าว เดี๋ยวโดนตีนกูเลย” นายปีโป้หันไปดุพี่บ่าว ก่อนจะพาผมไปนั่งที่เดิม

“มานั่งนี่” ยังไม่ทันที่ผมจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ นายปีโป้ก็ลากผมไปนั่งบนตักซะแล้ว ผมรู้ดีว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไร ผมเลยต้องยินยอมเขาไป


“กูละอิจฉาสองคนนี้จริงๆ กว่าจะรักกันได้ก็ยากเย็น พอรักกันก็รักกันปานจะกลืนกิน” พี่บ่าวพูดถึงผมกับนายปีโป้ครับ

“พี่บ่าวก็มีช้างน้อยไง มามะ เรามารักกันให้หวานกว่าเค้าสองคน” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเดินไปทำท่าจะนั่งตักพี่บ่าวบ้าง

“เอ๊ยยย อย่ามานะมึง กูเอาเรื่องจริงด้วย” พี่บ่าวเริ่มป้องกันตัวเอง

“ว้ายยย จะเอาจริงๆเลยเหรอคะ ช้างน้อยยังไม่พร้อมเลย” แต่ดูที่ช้างน้อยตีความสิครับ ความหมายเป็นอย่างอื่นไปแล้ว

“โอ๊ย อินี่ ไปกลับหอกับกู เดี๋ยวกูจัดให้ชุดใหญ่” พี่บ่าวพูดพร้อมกับลุกขึ้นทำว่าจะไปจริงๆ

“ไปก่อนนะน้ำมนต์ ถึงจะรักกันหลังเธอ แต่ก็ได้กันก่อน ชั้นชนะย่ะ” ดูสิครับ ท่าทางดีใจออกนอกหน้าของเธอ ไม่ทำให้พวกเราอมยิ้มตามได้ไง

“พี่จะเอาหนูจริงเหรอ หนูยังซิงอยู่เลย” เธอหันไปคุยกับพี่บ่าว ทำท่าบิดตัวเขินอาย

“พี่บ่าวพาไปเลยค่ะ เอาให้กลับมาขาถ่างเลยนะคะ” หญิงที่อยู่ในสภาพกรึ่มๆ เริ่มอยากมีบทบาทบ้าง

“แหม นังหญิง อิจฉาก็บอกมาเถอะ พี่บ่าวอ่ะ มังกรนครศรีเลยนะ” น่านครับ ช้างน้อยอวดสรรพคุณ

“เอ๊ย จริงเหรอช้างน้อย” พี่เอก พี่เอ็มและคนอื่นๆตกใจกันใหญ่

“เอ๊ย ช้างน้อยก็พูดเกินไป พี่เขินนะเนี่ย”  พี่บ่าวนี่ก็ช่างเล่นตามนะครับ



ภายในบรรยากาศที่ดูเหมือนจะครึกครื้นนี้ มีคนนึงที่ไม่ขำกับสิ่งที่ตลกนั้น คนที่โอบผมไว้นี่แหละครับ เขาได้แต่ยกแก้วเหล้ากินอย่างไม่สนใจอะไรข้างนอก หน้าเขาหันไปมองหน้าพี่โอ๊ต พี่เดชสลับกันไปมา โดยที่ทั้งสองคนก็หันมองกลับมาบ้าง เหมือนทั้งสามต้องการจะสื่อสารอะไรกัน แต่ก็ไม่พูดออกมา เวลาหันหน้าเจอ นายปีโป้ก็จะยื่นแก้วไปชนกันมากกว่า


“เป็นอะไรวะโป้ ชนยับเชียว” พี่เอ็มคงสังเกตนายปีโป้มาพักนึง ถึงได้ถามไป

“กูอยากกินกับเพื่อน ไหนมึงยกแก้วมาชนกับกูหน่อย” นายปีโป้ตอบพี่เอ็ม ก่อนจะยื่นแก้วไปหา

“หมดแก้ว” เสียงแก้วชนกัน พร้อมกับเสียงจากปากนายปีโป้


“กินเยอะไปแล้วนะ” ผมหันไปบอกคนที่อยู่ข้างหลัง

“ไม่เมาหรอก เชื่อพี่นะคะ” จะเชื่อดีไหมเนี่ย สรรพนามเปลี่ยนไปซะขนาดนี้

“พี่เลยเหรอ ?” ผมย้อนถาม

“ทำไมล่ะ ปกติกับแฟนคนอื่น พี่ก็พูดแบบนี้” อ้อ จริงสินะ กับแฟนคนอื่นก็พูดเพราะ มีแต่กับผมที่พูดมึงกูกันอยู่ตลอด

“แล้วทำไมตอนไม่เมาไม่พูดล่ะ” ผมถาม

“ก็พี่ชินแล้วนี่คะ คราวหลังพี่จะพูดกับน้องน้ำมนต์เพราะๆนะ” ปากคนพูดนี่เฉิ่มด้วยกลิ่นเหล้า ตานี้หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า และนั่นจะขยับปากเข้าหาผมทำไมอีกล่ะนั่น

“ถอยเลย ไม่ต้องเอาปากมาใกล้” ผมบอกห้าม

“ทำไมละคะ พี่ขอหอมแฟนพี่ไม่ได้เหรอ” ดูครับ ปากว่ามือถึงจริงๆ มือตอนนี้ก็กอดผมแน่นกว่าเดิมอีก

“ไม่เล่นนะนาย เราอายคนอื่น ทั้งร้านมีแต่พวกเราซะที่ไหนล่ะ”

“พี่ก็ไม่ได้เล่นค่ะ พี่จะจูบจริงๆ” โอ๊ยย อยากจะบ้า

“น้ำมนต์ขา .. ถ้าหล่อนไม่ให้พี่ปีโป้ขาของช้างน้อยจูบ ชั้นจะยื่นหน้าที่ปัดแก้มกับอีทูดี้ประเทศเกาหลีให้พี่ปีโป้จูบเดี๋ยวนี้แหละ”  นั่นไงครับ เสียงช้างน้อยแขวะมานั่นแล้ว แปลว่าทุกคนในโต๊ะกำลังสนใจผมอยู่

“ช้างน้อย กำลังนอกใจพี่นะ” และเสียงพี่บ่าวก็ขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง

“ว้าย ตาเถน ช้างน้อยลืมตัว มีผัวแล้วชอบอ่อยไปทั่ว โอ๊ย แย่ๆๆๆ”  ดูกิริยาเธอครับ ทำท่าตกใจอย่างกับไฟไหม้บ้าน ผมเลยได้แต่ยิ้มๆ

“จ๊วบบบบ” ไม่ทันใด นายปีโป้ก็ขโมยหอมแก้มผมตอนเผลออีกแล้ว

“แอร๊ยยยยยยย พี่ปีโป้อ่ะ  ช้างน้อยอิจฉานะ”

“จะไปอิจฉาเค้าทำไม มาพี่ก็หอมเป็น จ๊วบบบบ”

“อร๊ายยยยยยยยยย พี่บ่าวละก้อ เป็นผัวหนูเลยนะ ทำบัดสีบัดเถลิงต่อหน้าประชาชีแบบนี้ พี่ทุกคนเป็นพยานนะคะ หนูสองคนได้กันแล้ว”

“ชิบหายแล้วกู ได้เมียในวงเหล้าแล้วหลาว” พี่บ่าวพูดใต้ออกมาเลยครับคราวนี้ คงหายเมากันเลยทีเดียว




“มีความสุขกันจังเลยเนอะ” อยู่ๆ เสียงพี่โอ๊ตก็ดังขึ้น ทำลายเสียงหัวเราะของทุกคน ทุกคนหันหน้าไปมองพี่โอ๊ต ที่ตอนนี้กำลังยกแก้วเหล้าเข้าปาก

“เป็นไรวะไอ้โอ๊ต จริงจังอะไรนักหนาวะ” พี่เอกถามมาอีกฟากหนึ่ง

“ไม่มีไรพี่ ผมแค่อิจฉา” พี่โอ๊ตตอบไป

“มึงจะอิจฉาทำไม น้องแพรก็นั่งอยู่ข้างๆมึง ทำไมไม่หวานบ้างล่ะ” พี่บ่าวถามขึ้นมา

“กูไม่ชอบโชว์หวาน”

“ไม่ชอบโชว์หวาน หรือไม่ได้ชอบเค้าจริงๆกันแน่”  เสียงของคนข้างหลังผม ดังผ่านใบหูผมไป

“นาย ..” ผมส่งเสียงเพื่อเตือนให้เขาเงียบๆ

“มึงพูดอะไรของมึงไอ้โป้” พี่โอ๊ตเริ่มมีอารมณ์


คนข้างหลังผมเงียบลง ถอนหายใจเข้าออกหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดอะไรออกไปด้วยสำเนียงเมาๆ อย่างคนจะร้องไห้

“มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะโอ๊ต คนที่กูเคยคิดว่าแสนดี ทำไมวันนี้มึงถึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน ทำไมวันนี้มึงถึงกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่กูตามแทบไม่ทัน คนที่ไม่เคยมีพิษมีภัยกับใคร ทำไมวันนี้มึงถึงดูลึกลับจังเลยวะ .. ทำไมมึงคนเดิมมันหายไปไหนวะ มึงบอกกูหน่อยซิ” ผมหันไปมองนายปีโป้ ที่พูดด้วยสายตาที่มองฟ้า แต่น้ำตาไหลอาบสองแก้ม


“เอ๊ย เป็นไรวะโป้ กูว่าถ้ามันเรื่องส่วนตัวก็เอาไว้คุยกันสองคนก็ได้นะเว๊ย” พี่เอ็มเห็นสถานการณ์ไม่ดีเลยพูดขึ้น

“ถ้ามึงเปลี่ยนไปเพราะกู กูขอโทษนะเว๊ย ที่กูให้อะไรที่มึงต้องการไม่ได้ กูมีให้แต่ความเป็นเพื่อน เพื่อนที่ไม่ว่ายังไงจะไม่สูญหาย จะไม่พังทลาย ไม่ว่ากูจะมีแฟนกี่คน กูก็ยังมีเพื่อนคนเดิม กูเลิกกับแฟนไปกี่คน กูก็ยังมีพวกมึงเหมือนเดิม มึงอย่าทำให้กูลำบากใจเลยโอ๊ต”  แม้ว่าประโยคที่นายปีโป้พูดไป จะดูเป็นเรื่องราวของคนสองคน แต่ผมเชื่อว่าทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เพราะสายตาของทุกคนไม่ใช่สายตาแห่งความสงสัย แต่เป็นสายตาของความสงสาร พี่เอกยกแก้วเหล้าดื่มอย่างไม่สนใจอะไร พี่บ่าวนั่งก้มหน้าเงียบมองแก้วเหล้าในมือ พี่เอ็มนั่งมองหน้านายปีโป้สลับกับหน้าพี่โอ๊ตไปมา พี่เดชนั่งเอามือกุมบ่าพี่โอ๊ตไว้

“มึงก็พูดได้ มึงไม่มาเป็นกูนี่” พี่โอ๊ตพูดขึ้นพร้อมกับลุกเดินออกไป

“แต่ถ้ามึงมาเป็นกู มึงก็จะไม่พูดแบบนี้ !!!” นายปีโป้ยังตะโกนบอกอีกครั้ง น้ำตาที่หลั่งออกมาของเขา ยังไหลออกมาเรื่อยๆ เพราะน้ำตานี้ด้วยกระมัง ถึงทำให้วงสนทนาวันนี้เงียบลงทันที


พี่โอ๊ตไม่ได้สนใจเสียงอะไรของนายปีโป้ เขาเลือกเดินออกจากร้านไป ก่อนที่แพรจะวิ่งตามเขา และพี่เดชก็ตามกลับไปเช่นกัน บรรยากาศในวงเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า จนยากจะกู้สถานการณ์กลับ ช้างน้อยที่ร่าเริง พอเห็นน้ำตาลูกผู้ชายของนายปีโป้ก็ไม่กล้าเปิดปากออกมาแม้แต่น้อย ผมหันหน้าเอามือเช็ดน้ำตาให้กับนายปีโป้ ที่มองหลังของเพื่อนหายไปจากร้าน บนโต๊ะไม่มีบทสนทนาใดๆอีกเลย


“กูเสียใจ” คำพูดของนายปีโป้พูดบอกผม แววตาเขาดูเศร้ามากมาย

“อือ เราเข้าใจ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าชีวิตคนเราการทะเลาะกับเพื่อนที่เคยสนิทและรักกัน มันทำร้ายจิตใจมากกว่าการเลิกกับแฟนอีก ผมไม่เคยมีแฟน แต่ผมรู้ว่าการไม่เข้าใจกับเพื่อนนี่มันเจ็บยังไง มันทรมานอย่างบอกไม่ถูก แฟนเสียไปก็หาใหม่ได้ แต่เพื่อนคนหนึ่ง นิสัยแบบหนึ่ง เสียไป .. คงเสียใจน่าดู




คืนนั้นเราแยกย้ายกลับกันด้วยบรรยากาศอึมครึม  คืนนี้ผมนอนค้างที่หอของนายปีโป้ เพราะว่าจะกลับตอนนี้ก็ดึกมาก และคนขับไปส่งก็อยู่ในอาการเมามากด้วย แต่ก็ยังฝืนขับรถกลับหอมาจนถึง


พอมาถึงหอก็ต้องพบกับคนบางคนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว


“พี่เดช” ผมเรียกชื่อนั้น เพื่อบอกนายปีโป้ว่ามีคนรออยู่ นายปีโป้หันไปมองตามผม ก่อนที่พี่เดชจะเดินเข้ามาหา

“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” พี่เดชพูดเมื่อเดินมาถึง

“มีไรก็พูดมา กูชักจะยืนไม่ค่อยไหวแล้ว”

“กูรู้มึงไหว”

“ก็พูดมาสิ มึงมีอะไร น้ำมนต์มันรู้เรื่องกูทุกเรื่อง มันคือคนที่กูไว้วางใจ และไม่ใช่คนนอกสำหรับกู” นายปีโป้บอกพี่เดชไป เมื่อพี่เดชมองมาทางผม เหมือนต้องการให้ออกไปก่อน

“เดี๋ยวเราขึ้นห้องก่อนก็ได้” ผมบอกนายปีโป้

“ไม่ต้อง อยู่กับกูตรงนี้แหละ” นายปีโป้ห้ามผม พร้อมกับจับมือผมแน่นขึ้น


แล้วบทสนทนาของทั้งสองก็เกิดขึ้น ภายใต้ความเคร่งเครียด


“มึงรู้อะไรมาใช่ไหม ถึงพูดอะไรไปอย่างนั้น”

“เออ กูรู้ แต่กูก็ยังไม่รู้ในสิ่งที่กูควรจะรู้”

“ไม่มีเรื่องอะไรที่มึงควรจะรู้แล้ว”

“ทำไมมึงถึงพูดกับกูกับไอ้โอ๊ตไม่เหมือนกันวะ ฮ่าๆ มึงนี่มันกลับกลอกจริงๆ”

“มึงจะว่ากูเลวยังไงก็ช่างมึง แต่มึงก็อยู่ของมึงไป ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรอีกแล้ว”

“ถ้ารักมันขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ทำให้มันรู้ละ”

“มันไม่ใช่เรื่องของมึง”

“มึงก็คงไม่ต่างจากมัน เจ็บเพราะความรัก ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก โดยไม่รู้เลยว่าเค้าจะรักเราไหม ถ้ากูเดาไม่ผิด ครั้งไอ้น้องเดียว มึงก็คงไม่อยากทำ แต่เป็นเพราะมัน”

“มึงคิดมากไปแล้ว กูแค่มาบอกมึงแค่นี้ กูไม่อยากเห็นมันเจ็บอีก” พี่เดชพูดพร้อมกับเดินออกไป

“แล้วมึงไม่เจ็บหรือไง” นายปีโป้ตะโกนบอกไป พี่เดชหยุดนิ่งอีกครั้ง

“กูรู้ว่ามึงก็เจ็บ ทำตามหัวใจของตัวเองบ้างเถะไอ้เดช อย่าทำตามที่คนอื่นบอกนักเลย ถึงคนนั้นจะมีอิทธิพลต่อหัวใจมึง แต่เค้าก็ไม่ใช่เจ้าของหัวใจมึง ยังไม่สาย ถ้ามึงจะเริ่มทำ  หัวใจ มันแตกต่างจากแก้ว ตรงที่มันสามารถแตกสลายได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มึงอาจจะมองว่าความเป็นเพื่อนของเราเป็นแก้ว มันแตกร้าวมาพอควรแล้ว แต่ความรัก มันคือส่วนของหัวใจนะเว๊ย มึงจะให้มันแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหรอ มึงไม่เจ็บเหรอวะ”



“กูทนมาตั้งนาน กูทำทุกอย่างเพื่อมันมาตั้งมากมาย แค่นี้อีกนิดเดียว ทำไมกูจะทำให้มันอีกไม่ได้วะ”  สิ้นเสียงของพี่เดชประโยคนั้น พี่เดชก็ขับรถออกไปจากหอของนายปีโป้


“พวกมึงมันดื้อ ดื้อกันทั้งหมด”  เสียงของคนข้างๆผมดังขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้ามามองผม ผมยิ้มให้เขาอีกครั้ง

“นายก็ดื้อไม่ต่างจากพวกเค้านักหรอก” ผมบอกไป

“แต่ผลของการดื้อของกู กูก็ได้มึงมานี่ และกูก็ไม่ได้ไปยื้อแย่ง บังคับฝืนใจใครด้วย” อีกคนตอบมา ผมไม่รู้จะตอบยังไงไปดี จะบอกว่าเขาบังคับให้ผมรักก็ไม่ใช่ บอกว่าเขาไปยื้อแย่งผมมาจากใครก็ไม่จริง เลยเลือกที่จะยิ้มให้

“ความรักมันเข้าใจยากจริงๆวะ” อีกคนพูดก่อนจะเดินมาจูงมือผมขึ้นหอเขาไป



ผมว่านายปีโป้พูดถูกอยู่ครึ่งหนึ่ง และผิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ความรักไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากหรอก ถ้าใจของสองคนที่รักตรงกัน  ถ้าเขาสองคนรู้สึกเหมือนกัน ความรักก็เป็นเรื่องง่ายของคนสองคน เหมือนคู่พี่เอ็มและคู่หญิง

แต่ถ้าความรักที่ไม่ตรงกัน แต่ใช้เวลาเพื่อจูนเข้าหากันให้มันเข้าที่เข้าทาง และใจตรงกัน ก็คงเหมือนผมกับนายปีโป้ กว่าจะรู้สึกเหมือนกัน มันต้องใช้เวลาในการศึกษา อย่างน้อยก็ความเชื่อมั่น ว่าเขารู้สึกแบบนั้นกับเราจริงๆ

และก็คงเหมือนพี่เดช กับพี่โอ๊ต ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าที่มาที่ไปของสองคนนี้เป็นอย่างไร และถ้าผมไม่เข้าใจผิดไป ผมว่าพี่เดชคงรู้สึกดีกับพี่โอ๊ตไม่น้อย เรื่องราวของน้องเดียว เรื่องราวที่ทำให้พี่เดชต้องออกจากวิทยาลัย เรื่องราวที่ทำให้บาดหมางกับนายปีโป้ ผมว่ามันต้องเกิดจากสิ่งที่พี่เดชทำให้กับอีกคน หรือไม่ก็เพื่อให้อีกคนสบายใจ

รักของพี่เดชดูยิ่งใหญ่กว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย แต่พี่โอ๊ตกลับมองไม่เห็นมัน เพราะพี่โอ๊ตใช้หัวใจทั้งดวงมามองที่นายปีโป้เพียงคนเดียว ในเมื่อใจไม่ตรงกัน รักก็เลยกลายเป็นเรื่องยากของคนสองคน



ผมก็ได้แต่หวัง ว่าใจของเขาทั้งสองคนจะตรงกัน และเรื่องมันจะจบลงด้วยดี







แค่หวังนะครับ

















“น้ำมนต์”  เสียงของอีกคนเรียกผม เมื่อเราสองคนเข้ามาในหอของนายปีโป้ และปิดประตูเสร็จ  สายตาเขาก้มต่ำมองมาที่ผม มือข้างหนึ่งท้าวประตู ข้างหนึ่งอยู่ที่ลูกบิด

“หือ ว่าไง” ผมขานรับเงยหน้ามองคนที่แววตาแดงกล่ำ ไม่รู้เพราะเหล้าหรือเพราะร้อง ลมหายใจมีแต่แอลกอฮอล์ หน้าแดงไปทั้งหน้า

“ไม่ว่าจะยังไง กูก็เลือกมึงแล้ว มึงเชื่อใจกูนะ กูจะไม่มีวันทิ้งมึง” อีกคนพูดด้วยสีตาตั้งมั่น

“ไม่เคยกลัวนี่ นายนั่นแหละ ที่ต้องระวังตัวไว้” ผมบอกก่อนจะเลื่อนมือตัวเองเปิดไฟห้อง

“ไม่มีทางหรอก มึงต้องไม่มีทางทิ้งกู” อีกคนพูดมาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว” ผมย้อนถาม

“คืนนี้นี่แหละ ที่กูจะทำให้มึงมั่นใจ”





นายปีโป้บอกผมก่อนจะเลื่อนมือจากลูกบิดไปปิดสวิตซ์ไฟที่ผมเพิ่งเปิดเมื่อครู่ หน้าของคนที่ก้มอยู่ ก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะแนบกับหน้าผม ริมฝีปากของเขาประกบเข้าพอดีกับริมฝีปากของผม


สายลมอ่อนๆพัดมาทางระเบียงที่ไม่ได้ปิด แสงสว่างจากข้างนอกที่บอกไมได้ว่าแสงจันทร์หรือแสงไฟฟ้าส่องเข้ามาทำให้ห้องดูไม่มืดจนเกินไป  เวลาและค่ำคืนนี้คงดำเนินอย่างเชื่องช้า ผ่านราตรีที่แสนยาวนาน อย่างที่ใครหลายต่อหลายคนต้องการให้เป็น





เช่นเดียวกันกับการจูบกัน .. ครั้งนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2011 00:50:38 โดย lungkhao »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ห๊าาาาาาา เค้าได้กันแล้วววว

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
อะฮะ อะฮะ คืนนี้จะไปถึงเลเวลไหนกันจ๊า  :m4:

โอ๊ตเอาคนมาเกี่ยวหลายคนจัง เจ้าเล่ห์นะเนี่ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
ปีโป้อ่ะ จูบน้ำมนต์ แค่นี้ ต้องปิดไฟด้วยเหรอ  :o8:

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
เอ๊ะ ๆ มันช่างน่าสงสัย คืนนี้จะไปถึงไหนกันหนอ  :-[

โอ๊ตใจร้ายมาก ทำร้ายคนไปทั่วเลย ทำคนอื่นเสียใจไว้เยอะ ตัวก็มาเจ็บแบบนี้ ยังไม่รู้สึกตัวอีก ไม่ยอมจบซะที ใจร้ายที่สุด

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
 o13น้ำมนต์สุดยอด บทจะเข้าใจก็เข้าใจง่ายดี
มีสติยั้งคิดชอบอ่ะ คนใจร้อนต้องได้แฟนแบบนี้แหละ
คนเขียนเก่งนะ ใช้คำพูดมาเขียนได้ซึ้งดี :3123:

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 :o8: เค้าแค่จูบกันหรือได้กันแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
โอ๊ตเจ้าเล่นะ :m16:

ออฟไลน์ zaferianight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย สงสารปีโป้ สับสนน่าดู ทรมานนะที่ได้มารุ้แบบนี้เหอเหอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด