ต้องขออภัยโมฯ ที่น่ารักทุกท่าน ที่วีใช้กระทู้นี้ของกลสิทธิ์ เขียนนิยาย 10 ตอนจบ
ต่อท้ายคุณกล เพื่อตอบแทนผู้อ่านที่ติดตามเรื่องราวของพวกเรามาโดยตลอด
ไม่เหมาะสมประการใด วีกราบขออภัยด้วยจิตคารวะไว้ ณ ที่นี้ด้วย
งานเขียนเรื่องนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากน้องเจ้าของยูสเซอร์ช่วยอัพนิยายให้
วีอาจจะมาไม่บ่อยนัก รับปากจะเขียนให้จบ เป็นความตั้งใจเพียงหนึ่งเดียว
สาระของเนื้อเรื่อง ต้องการสื่อวิธีเปลี่ยนโมหะจริต ความโกรธ และความอาฆาต
ให้กลายเป็นความรัก ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน แต่พื้นฐานต้องการให้บุคคลที่รัก
มีความสุข ด้วยจิตบริสุทธิ์และเป็นกุศล ไม่หวังสิ่งตอบแทน
ย่อมทำให้ประสบความสำเร็จโดยไม่คาดฝัน
โบราณมีคำกล่าวเอาไว้ 'อดเปรี้ยว ไว้กินหวาน' สอนคนไม่ให้ชิงสุกก่อนห่าม
โดยคนทั่วไปมักให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ
ไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควร ความจริงแล้ว คำว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
แท้จริงมีความหมายแฝง นั่นคือให้อดทน
เพื่อผลของความสำเร็จในวันหน้า..หากได้มาย่อมมีรสหวานล้ำนั่นเอง
เรื่องนี้มีพ็อตที่มา อิงตำนานเทพปกรณัมของไทยเล็กน้อย
ไม่ได้มีส่วนจริงเท็จแต่ประการใด เพียงแต่เกริ่นนำผูกเนื้อหา
เดินเรื่องให้เป็นไปอย่างที่คิดเท่านั้นเอง
หากกระทบต่อความรู้สึกและความคิดแย้งของคนอ่านท่านใด
วีกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ หวังเพียงให้อ่านเพื่อความบันเทิงใจ
สอดแทรกสาระเล็กน้อยไว้เป็นแนวคิดก็เท่านั้น
สุดท้ายขอบคุณนะคะ กับการตอบรับของคนอ่านเสมอมา
ด้วยรักและปรารถนาดี
ปราณวี. มะขามหวาน..น้ำตาลเปรี้ยว ครั้งหนึ่ง พระจันทร์ลักพาชายาพระพฤหัสบดี ฝ่ายสามีจึงตามมาเอาคืน พระจันทร์ไม่ยอมคืนให้
จึงเกิดสงครามเทวะ ทวยเทพและสวรรค์ต่างเดือดร้อน พระพรหมได้ห้ามสงคราม บังคับให้พระจันทร์คืนนางดาราชายา
แก่พระพฤหัสบดี และไม่ให้พระจันทร์เข้าเทวะสภาอีก
ตอนหลังพระจันทร์ไปวิงวอนพระศิวะช่วย พระศิวะจึงนำพระจันทร์ไปทำปิ่นปักผมเข้าไปในเทวะสภา
พระจันทร์จึงมีนามอีกอย่างว่า ‘ศิวเศขร’ พระจันทร์จึงได้เข้าเทวาชุมนุม เป็นเหตุให้พระจันทร์กับพระพฤหัสบดีไม่ถูกกันนับแต่นั้น..
หากปล่อยเรื้อรัง ช้านานอาจเกิดสงครามขึ้นอีก มหาเทพผู้เป็นใหญ่ พระผู้สร้างจึงกำจัดความบาดหมางด้วยพระองค์เอง
“เราจักทำโทษพวกเจ้า” เสียงทุ้มแฝงเมตตาจิตสูง กระนั้นกลับเด็ดขาดและทรงอำนาจ
ทำให้เทวะรูปงามที่คุกเข่าเบื้องหน้าสำนึกผิดย่ำเกรงอย่างที่สุด ได้แต่ก้มหน้าน้อมรับ เมื่อองค์พรหมผู้สร้าง
ถึงกับเป็นธุระจัดการปัญหาของพวกเขา
ต้นเหตุการทำสวรรค์ปั่นป่วนก่อสงครามเทวะ เพราะกิเลสครอบงำ หนึ่งบันดาลโทสะที่ถูกหยามศักดิ์ศรีชายาถูกลักตัว
อีกหนึ่งปฏิพัทธ์ชายาของเพื่อน ทั้งที่มีชายา 27 คน ยังไม่เลิกเจ้าชู้ อาศัยรูปลักษณ์ซึ่งงามพิสุทธิ์เป็นข้อได้เปรียบ
เกิดความบาดหมางบานปลาย กลายเป็นจุดเริ่มสงครามเทวะบนสรวงสวรรค์..สร้างความเดือดร้อนไปถ้วนทั่ว..
“สุดแต่พระองค์ทรงมีเมตตา” พระจันทร์รูปงาม สมคำลือในสามภพ ผิวนวลกระจ่างพระพักตร์ผุดผาดงามเลิศลักษณ์
เปล่งรัศมีอบอุ่นชวนลุ่มหลงน้อมรับอย่างสำรวม ด้วยสำนึกรู้ในการกระทำอันไม่บังควรของตนดี
พระพฤหัสบดี รูปกายสูงใหญ่สมชายชาตรี..งามสง่าพิลาศล้ำสมเป็นเทวะชั้นสูง ผิวพรรณผุดผ่องบุคลิกองอาจสง่าผ่าเผย
ให้ความรู้สึกนิยมเลื่อมใส ยังคงมีสีพระพักตร์นิ่งสงบ..ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาแต่อย่างใด
“แล้วเจ้าล่ะ พระพฤหัสบดี” องค์พรหมมหาเทพ หันไปกล่าวกับบุรุษรูปงามที่อกผายไหล่ผึ่ง..ยังคงพระองค์นิ่งสงบ
“ข้าพระองค์น้อมรับบัญชามหาเทพ แล้วแต่องค์ท่านจักทรงเมตตา” แม้ไม่ใช่ผู้เริ่มก่อเหตุ แต่มิอาจปัดความผิดพ้นตัว
เพราะตนลุแก่โทสะจึงเกิดศึกสงคราม ไม่ไตร่ตรองใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา..ย่อมผิดเช่นกัน
“เช่นนั้น..เจ้าทั้งสองจงฟัง ข้าจะให้พวกเจ้าถือกำเนิดยังเมืองมนุษย์ชดใช้ทัณฑ์ที่ได้กระทำ ตราบใดพวกเจ้า
ไม่รักใคร่กลมเกลียวซึ่งกันและกัน มิอาจคืนสู่สรวงสวรรค์เป็นอันขาด แม้ดับสิ้นอายุขัยจงเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารสืบไป
เว้นเสียแต่สลัดซึ่งความเกลียดชังที่พึงมีต่อกัน เมื่อนั้นพวกเจ้าจักได้กลับสู่สวรรค์ในกาลต่อไป”
“รับพระบัญชา..พระเจ้าข้า” สิ้นสุรเสียงขานรับ รัศมีเจิดจ้าประกายบาดตาสว่างขึ้นในทันที
ก่อนร่างทิพย์แห่งองค์มหาเทพจักสลายหายวับ
วินาทีถัดมาเทวะหนุ่มรูปงามทั้งสอง กลายเป็นแสงสีนวลพระจันทร์ แสงสีแสดของพระพฤหัสบดี
พุ่งลัดฟ้าสีดำท่ามกลางหมู่ดาวดาราดาษดื่นที่ส่องประกายระยิบระยับ ขณะเดียวกันดาวหางสีแสดทะยานตกจากฟ้ายามค่ำคืน
เพียงหนึ่งแสง ก่อนสลายหายไปในพริบตา..ใช้เวลาเพียงชั่วไม่กี่อึดใจ หากเปรียบเป็นเทวะหนุ่มหนึ่งในสองย่อมน่าแปลก
เหตุไฉนไม่ลงมากำเนิดพร้อมกัน นับอีกสี่ปีให้หลังจึงเกิดดาวหางแสงสีนวลอบอุ่นตาดิ่งจากฟากฟ้าสู่พสุธาในกลางวัน..
ทุกอย่างล้วนต่างกันเพียงไม่ถึงชั่วนาทีบนสรวงสวรรค์ แต่กลับผ่านไปนานถึง 4 ปีในโลกมนุษย์..
“ก๊อกๆ คุณตาลตื่นได้แล้วค่ะ” เสียงเคาะประตูไม้ บ่งบอกฐานะบ้านทรงไทยหลังใหญ่ สร้างจากสักทองทั้งหลัง
พร้อมเครื่องเรือนทำจากไม้สักล้วนๆ งดงามอร่ามรวมเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ล้วนปราณีตคัดสรรเข้ากันอย่างบรรจง
ปลุกใบหน้างามของหนุ่มวัย 17 กำลังงัวเงียออกจากภวังค์ความฝัน จะบอกว่าหล่อคงไม่ถูกต้องนัก เด็กหนุ่มเข้าข่ายงามจับตา
น่าจะดูเหมาะสมที่สุด ไม่ได้งามอย่างผู้หญิง ตรงกันข้ามกับมีรูปกายสูงใหญ่กว่าวัยเดียวกันจนเด่นสะดุดมาแต่ไกล
หน้านวลเนียนใสทุกสิ่งล้วนมีมาแต่เกิด จะว่าได้พ่อแม่มาก็พูดไม่เต็มปาก มีส่วนไม่ถึงเสี้ยว ที่เหลือต้องบอกว่าสวรรค์ปั้น
ตามบุญบารมีที่สะสมกันมาเสียมากกว่า..
เขาฝันเกี่ยวกับตำนานเทพปกรณัมไทย เคยฟังตอน 5 ขวบ แม่เลี้ยงมักเล่าให้ฟังก่อนนอน
พร้อมพี่มะขามเป็นประจำทุกคืน ก่อนพวกเขาจะไม่มองหน้ากันด้วยเรื่องบางอย่าง กระทั่งพี่มะขามต้องไปเรียนต่างประเทศ
ตามคำสั่งของพ่อ 12 ปีมาแล้ว ที่พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย....?
อัพนิยายให้พี่วีค่ะ พี่เค้าส่งต้นฉบับให้ทางเมลล์
ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เหะๆ แต่ไม่มีเวลาตรวจ พี่เค้าขอให้ช่วยขัดเกลา
ก็มีนิดหน่อย สำนวนยังคงเป็นพี่วี ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก
บอกตรงๆ คำพูดแนวนี้ไม่ค่อยถนัด ฮะฮ่าๆๆ..
ที่ผ่านมาเขียนแต่มึงฮาพาโวย มาเจอคำแบบนี้เข้าไม่ค่อยมั่นใจ
อีกอย่างตัวเองเป็นคนเขียนผิดเยอะ ขี้เกียจเปิดศัพท์ด้วย อันนี้ข้อเสียยิ่งใหญ่
พอพี่เขาส่งมาก็ไม่ค่อยกล้าแตะต้องนัก เพียงแค่ดูว่าไม่เพี้ยน ไหลลื่นเป็นน้ำเซาะหิน
ตามสไตล์พี่วีก็โอเคแล้ว เพราะส่วนตัวรออ่านเช่นกันค่ะ
Luk.