[จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)  (อ่าน 99185 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 9
รู้จักอย่างเป็นทางการ

“พี่ตี้ มีคนจากออแกไนซ์มาติดต่อบอกว่า นัดพี่ตี้ไว้อ่ะค่ะ”เสียงจากประชาสัมพันธ์คนสวย บอกผมมาผ่านเสียงโทรศัพท์

“พี่รบกวน พาเค้าไปห้อง meeting room 2 ที่พี่จองไว้ แล้วก็ฝากให้แม่บ้าน เสิร์ฟน้ำกับกาแฟให้ด้วย เดี๋ยวพี่ลงไป”เนื่องจากแผนกผมอยู่ชั้นบน และทางออแกไนซ์ก็มาก่อนเวลาเกือบ 20 นาที เลยต้องให้ทางนั้นต้อนรับไปก่อน ส่วนผมก็รีบโทรแจ้งทุกคนที่หลวมตัวเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้แหละครับ

วันนี้ผมจะได้เจอตัวเป็นๆ ของอีตาเซลล์ผู้กวนตีนนี่เสียที อยากรู้จริงๆ ว่าหน้าตาจะเป็นยังไง นี่ถ้าไม่เห็นข้อมูลเบื้องต้นที่ส่งมาพิจารณาก่อน ผมคงเปลี่ยนเลือกที่อื่นไปแล้ว อันนี้จริงๆ ก็ตัดสินใจเลือกแล้วแหละครับ แต่ก็แค่อยากเห็นรายละเอียดทั้งหมดด้วย และด้วยความหมั่นไส้อยากแกล้งด้วยอีกส่วนนึง

“ตี้ลงไปคุยกะเค้าก่อนก็ได้ ยังไงถึงเวลาพี่จะตามลงไป”เสียงจากหัวหน้าผมครับ วันนี้พี่แกได้รับมอบหมายให้เข้าไปดู และตัดสินใจแทนนายครับ ซึ่งเอาจริงๆ หัวหน้าผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอกครับ ถ้าคนไม่รู้จักแกจะรู้สึกว่าแกพูดมีหลักการน่าเชื่อถือ แต่ถ้าคนที่เคยร่วมงานกับแกบ่อยๆ จะรู้ว่าเวลาแกพูดนี่ มีแต่น้ำล้วนๆ ครับ ขี้โม้ไปเสียส่วนใหญ่ ผมรับคำหัวหน้าก่อนจะเตรียมอุปกรณ์ แล้วตรงไปยังห้องประชุมที่จองไว้

“สวัสดีครับคุณปรีติ”ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในห้องประชุม ก็มีเสียงทักทายผมขึ้น ซึ่งตอนนี้ในห้องเพิ่งมีคนอยู่แค่ 2 คนจากทีมออแกไนซ์ และคนที่กล่าวทักทายผม จากเสียงที่จำได้ก็คงไม่พ้น  Sale Director ตาวีระเกียรติ คนที่สุดแสนจะกวนตีนนั่นเองครับ และยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นคนคนเดียวกับที่ขับรถปาดหน้าแย่งที่จอดผมไปเมื่อวันก่อน นี่มันจะโลกกลมเกินไปแล้ว นี่ผมเปลี่ยนทีมออแกไนซ์ตอนนี้ทันไหมเนี่ย

“เรียกปาร์ตี้หรือตี้เฉยๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องเต็มยศขนาดนั้นก็ได้”แม้ในใจจะนึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าตานี่เอาเสียมากๆ แต่นี่มันเป็นงาน แถมเอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ทีมนี้ก็เข้ามาประชุมว่าเราต้องการรูปแบบงานแบบไหน พอรับไปเค้าก็เสนองานมาได้ตามวัตถุประสงค์ของเรา ที่สำคัญคือนายชอบทีมนี้ที่สุดนั่นแหละครับ

“ก็ยินดีที่ได้ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการ นะครับคุณปาร์ตี้ ผมวีระเกียรติ หรือเรียกอรรถก็ได้ครับ”ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าที่แอบเห็นแววตาเจ้าเล่ห์จากดวงตาของผู้ชายคนนี้ เค้ายื่นนามบัตรของเค้าแลกกับผม พร้อมทั้งน้องอีกคนที่มากับเค้า ที่เป็น Creative ของทีมและจะเป็นคนนำเสนองานในวันนี้

การนำเสนองานผ่านไปได้ด้วยดี เพราะดูทั้งคุณเซลล์มาดกวนกับน้อง Creative ค่อนข้างจะมืออาชีพมากเลยทีเดียว แม้คนนำเสนอจะดูยังอายุไม่มาก แต่เวลานำเสนอกลับดูลื่นไหล และน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างมาก ทางฝั่งบริษัทผมทุกคนที่เข้ามารับฟังในวันนี้ต่างมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าชอบมากทีเดียว แม้จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าคุณเซลล์มาดกวนนี่เท่าไหร่ แต่ในเรื่องงานผมก็ต้องยอมรับว่าเค้าทำได้ดีมาก และผมก็คงต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออกไปในเวลางาน ไม่งั้นงานนี้คงล่มไม่เป็นท่า เพราะเค้าและผมต้องประสานงานกันอีกเยอะ กว่าจะจบงานก็อีกหลายเดือนเหมือนกัน

“เห็นผลงานแล้วคุณปาร์ตี้ ยังอยากจะเปลี่ยนไปใช้บริการที่อื่นอยู่หรือเปล่าครับ”ขอถอนคำพูดเมื่อสักครู่ได้ไหมครับ เพราะไอ้ท่าทางมั่นใจจนน่าหมั่นไส้นี่ มันดูยั่วโมโหเหลือเกิน รู้ว่าเก่ง แต่ถ่อมตัวสักนิดก็ไม่มีใครว่าหรอกพ่อคุณ แต่ในเมื่อผมก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลย แค่ตอบกลับไปตามารยาทว่าคงไม่เปลี่ยนแล้ว

“ยังไงเราได้ทำความรู้จักกันแล้ว หวังว่าเราจะมีโอกาสไปนั่งดื่มด้วยกันสักวันนะครับ”พูดมาขนาดนี้ ผมเองก็เลยวัยใสใสมาพอควรแล้ว ก็พอเข้าใจนะครับว่าเค้าต้องการอะไร เพราะตั้งแต่วันก่อนที่เจอกันในร้านเหล้า เค้าก็พยายามจะเข้ามาทำความรู้จักกับผม แต่สำหรับผมคงยังไม่พร้อมที่จะลงสู่เกมเดียวกับเค้าหรอกครับ

“ตอนนี้ในเวลางาน ขอคุยแค่เรื่องงานแล้วกันนะครับ”ผมตอบออกไปอย่างที่พยายามจะรักษามารยาท แต่จริงๆ ก็อยากให้เค้าเข้าใจเจตนาของผมด้วยแหละครับว่า ขอติดต่อกับเค้าแค่เรื่องงานเท่านั้น

“แสดงว่านอกเวลางาน ผมคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณได้ใช่ไหมครับ แต่วันนี้ผมต้องรีบไปแล้ว ยังไงไว้เจอกันนะครับคุณปาร์ตี้”และไม่รอให้ผมได้ปฏิเสธอะไรอีกเค้าก็หันหลังเดินออกไปเลย นี่ผมจะมีเรื่องปวดหัวเพิ่มขึ้นมาอีกรึเปล่า ซึ่งก็ไม่ต้องให้ผมได้รอนานครับ เพราะข้อความในไลน์ของผมแจ้งเตือนขึ้นมาแล้ว

“ผมอรรถเองนะครับ อันนี้ไลน์ผม ไว้เราจะได้ติดต่อกันสะดวกๆ”นึกโทษตัวเองที่ตั้งค่าในไลน์ให้เพิ่มเพื่อนอัตโนมัติจากเบอร์ได้เลย นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องติดต่องานกันอีกหลายเดือนผมคงกด block เค้าไปแล้ว

“คุยกะใครอ่ะ”ไอ้เหมาแย่งมือถือผมไปอ่านข้อความ ถึงจะไม่ค่อยชอบให้ใครมาวุ่นวายกับมือถือเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสมากหรอกครับ เพราะยิ่งกะเพื่อนอย่างไอ้เหมาผมก็ไม่ได้มีอะไรปิดบังมัน ยกเว้นเรื่องเดียว คือเรื่องผมกับชาร์ปนั่นแหละครับ

“สรุปมึงจะบอกกูได้ยังว่ามึงกับไอ้ชาร์ปมีอะไรต้องเคลียร์กัน”นั่นแหละครับบอกแล้วว่ามันเซนส์ดี แล้วนี่ที่มาอยากดูมือถือผมก็เพราะเรื่องนี้ด้วยนี่แหละครับ

“กูบอกไปร้อยรอบแล้วไหม ว่าชาร์ปก็แค่จะให้กูเลี้ยง เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปิดบังเรื่องเอม”แม้จะเป็นเพียงคำโกหกแต่ผมก็คิดว่าผมโกหกแบบแนบเนียนแล้ว แถมพูดตั้งหลายรอบแล้ว แต่ไอ้เหมาก็ยังไม่ยอมเชื่ออยู่ดี ไม่รู้จะเซนส์ดีอะไรนักหนา จากวันที่มันบังเอิญได้ยินผมกับคุณแว่นคุยกัน มันก็ปักใจมาตลอดว่าต้องมีอะไรมากกว่าการเลี้ยงไถ่โทษ

“ในเมื่อมึงไม่ยอมบอก งั้นมาคุยเรื่องคนชื่ออรรถนี่ เค้าเป็นครายยย บอกเพื่อนมาเลยครับน้องตี้”นั่นไงล่ะจากเรื่องนึงสู่อีกเรื่อง

“ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมละครับ พี่เหมา”แม้จะบอกออกไปแบบนั้นสุดท้ายผมก็ต้องเล่าให้มันฟังอยู่ดีแหละครับว่านั่นคือใคร ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้าไม่มีคำพูดกวนบาทาไม่น่าจะใช่ไอ้เหมาตัวจริงๆ บางทีชื่อมันนี้ก็นึกอยากจะตัดสระเอออกเสียจริงๆ เพราะปากมันบางทีก็กวนเกินไปจนใกล้เบอร์นั้นแล้วละครับ

“มีแลกลงแลกไลน์กันด้วย ไหนบอกไม่ชอบ ไหนว่าเค้ากวนตีนมึงไง พ่อหนุ่มเซลล์มึงเนี่ย หรือพอเจอตัวเป็นแล้วเกิดสเปค เลยป่ะ”ดูเอาเถอะครับว่านี่ขนาดแค่เพื่อนผมยังต้องรับมือขนาดนี้ แล้วจากนี้ผมจะปวดหัวขนาดไหนที่อาจจะได้รับการรบกวนจากตาเซลล์มาดกวนนั่นอีก

“กูก็แค่ต้องติดต่องานกับเค้าเฉยๆ ไหม”ผมรับโทรศัพท์คืนจากไอ้เหมา หลังจากที่มันซอกแซกดูทุกมุมแล้ว แต่คงต้องบอกว่าเสียใจกับมันด้วย เพราะถ้าเป็นเรื่องการแชทต่างๆ ผมไม่ค่อยเก็บสักเท่าไหร่

“ไหนๆ มึงก็โสดไม่ลองจีบเซลล์หน้าหล่อนี่ดูวะ หรือถ้าเค้าจีบมึงก็ตอบตกลงเป็นแฟนกับเค้าไปเลย จะได้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที”ยิ่งคุยกับไอ้นี่ยิ่งเลอะเทอะครับ เลยต้องรีบแนกตัว ต่างคนต่างกลับไปทำงานน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า แล้วพอมีอะไรให้ทำก็ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปไวเหลือเกิน ผมนั่งทำงานเรื่อยๆ เผลอแป๊บเดียวก็ถึงเวลาเลิกงาน ผมกล่าวลาหัวหน้าที่ยังนั่งทำงานต่อ หัวหน้าผมชอบนั่งทำงานต่อตอนเย็นครับ เพราะกลางวันไม่ค่อยทำอะไร และอย่างที่บอกพอทำหลังเวลางานปกติ เวลาไม่รู้อะไร หรืออยากได้อะไร ก็มักจะสายตรงถึงผมนี่แหละครับ ที่ต้องลำบากจัดการให้

ระหว่างเดินไปยังมีจอดรถ โทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งผมที่ใช้เบอร์ส่วนตัวนี้ใช้ในงานก็ต้องกดรับ เพราะถ้าเกิดเป็นเรื่องงานขึ้นมาแล้วไม่รับ เกิดมีปัญหาตามมา ก็ซวยอีก แต่ถ้าเป็นเบอร์หัวหน้าผม วันไหนเบื่อๆ หลังเวลางานแบบนี้ผมก็ไม่รับสายนะครับ ยกเว้นถ้ามีการโทรซ้ำ เพราะคงมีอะไรเร่งด่วนจริงๆ แต่หลังๆ หัวหน้าผมเหมือนรู้ทัน เลยโทรซ้ำมันเสียทุกครั้งไป

“เลิกงานรึยังครับเนี่ย”ทันทีที่ผมกดรับ ปลายสายก็เอ่ยทักทายผมด้วยคำถาม แม้จะรู้สึกคุ้นเคยในน้ำเสียง แต่ผมเองก็ยังคงถามซ้ำว่าปลายสายที่ผมกำลังคุยอยู่นี่คือใคร และการคาดเดาของผมก็ยังคงแม่นยำ เพราะคนที่โทรหาผมก็คือ อีตาเซลล์มาดกวนที่ผมเพิ่งได้ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการในวันนี้นั่นแหละครับ

“คุณอรรถมีธุระ อะไรหรือเปล่าครับ”แม้พอจะรู้ว่าเค้าต้องการอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าเค้าจะรุกผมเร็วขนาดนี้ แถมผมเองก็ว่าตัวเองแสดงออกชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้คิดอยากจะร่วมเกมกับเค้า

“นี่นอกเวลางานแล้ว ถ้าเป็นธุระส่วนตัวนี่คุณปาร์ตี้พอจะมีเวลาให้ผมบ้างไหมครับ”อื้อหือ ฟังดูไม่เข้ากับบุคลิคกวนๆ นั่นสักนิด

“ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่าขอคุยแค่เรื่องงาน ถ้าไม่เกี่ยวกับงานผมคงต้องวางสายนะครับ”และไม่รอให้เค้าได้พูดต่อ ในเมื่อมั่นใจแล้วว่าเค้าไม่ได้จะคุยเรื่องงาน ผมเลยถือโอกาสเสียมารยาทวางสายเอาดื้อๆ นั่นแหละครับ ถ้าเป็นเรื่องงานผมยินดีเต็มที่นะครับ งานก็คืองาน แต่นี่นอกเหนือเวลางานแถมไม่ใช่เรื่องงาน ผมมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ

“ใจร้าย”ข้อความจากไลน์โชว์อยู่บนหน้าจอทันทีที่ผมกดเข้าไป ตามมาด้วยสติ๊กเกอร์ร้องไห้ ถูกส่งมาจากคนที่ผมเพิ่งวางสายไป

“อย่าเพิ่ง block ผมนะครับ เรายังต้องคุยงานกันอีกนาน”เหมือนจะอ่านความคิดของผมออก เพราะนี่กำลังตั้งใจจะ block เค้าชั่วคราว แล้วถึงเวลางานค่อยมาปลด lock อีกที แต่ก็ดูจะวุ่นวายมากเกินไป ผมเลยเลือกที่จะปิดแจ้งเตือนของบทสนทนานี้น่าจะง่ายกว่า

“อ่านแต่ไม่ตอบ อย่างน้อยก็เป็นลางดีว่ายังไม่ block”หลังจากได้อ่านผมก็จัดการกดพิมพ์ข้อความ เพื่อเตรียมที่จะส่งกลับไปเพราะถ้าปล่อยไว้ โดยที่ผมไม่ทำอะไรเลย ฝั่งนั้นก็คงไม่เลิกราไปแน่ๆ

“นี่จีบผมอยู่ รึเปล่า??? ถ้าจีบอยู่แนะนำว่าอย่าเลย เสียเวลาเปล่าๆ ครับ”ผมส่งกลับไปเพื่อแสดงเจตนารมย์ของตัวเอง และก็จริงครับว่านายอรรถนี่บอกว่าจะจีบผม อาจจะด้วยวัยของเราทั้งคู่ที่แม้จะยังไม่ได้มากนัก แต่เราก็คงอยู่ในจุดที่ไม่ต้องมาอ้อมค้อมกันแล้ว เค้าเดาเหตุผลว่าทำไมผมถึงบอกให้เค้าเลิกจีบผมไปต่างๆ นานา ทั้งว่าผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว มีแฟนเป็นตัวเป็นตน หรือยังไม่พร้อมคบใคร เมื่อผมตอบกลับไปว่าเหตุผลอะไรมันก็ไม่สำคัญ เพราะยังไงเสียผมก็ให้เค้าเข้ามาในชีวิตได้แค่คนที่ร่วมงานกันเท่านั้น

“ถึงคุณจะปฏิเสธ แต่รอดูได้เลยครับ ว่าผมนี่แหละจะทำให้คุณเปิดใจให้ผมจนได้”ช่างเป็นข้อความที่หลงตัวเองเหลือเกินครับ เอ้าผมจะรอดูแล้วกันครับว่าเรื่องนี้เค้าจะเก่งเหมือนปากว่าหรือเปล่า ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะเปล่าประโยชน์จะพูดกับคนที่ดันทุรังแบบนี้ 

ผมกำลังจะกดออกจากไลน์  หากแต่ว่ามีข้อความจากอีกคนเข้ามาพอดี เป็นข้อความที่ผมรู้สึกว่ามันจะได้ช่วยคลี่คลายเรื่องระหว่างผมกับอีกคนให้มันดีขึ้นเสียที เรื่องราวระหว่างผมกับชาร์ป

“วันเสาร์นี้ ออกมาเจอกันหน่อยไหม จะได้คุยเรื่องที่ค้างคาอยู่เสียที”

วันนี้พาคุณเซลล์มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ตามที่คาดเดา ว่าเขาคือใคร

ขอบคุณที่ติดตามเหมือนเดิมครับ

ออฟไลน์ makemehappy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อร๊ายตี้โดนจีบบบบ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 10
เพื่อนเหมือนเดิม???

“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น”

“มันบ้ามากเลย”ผมโพล่งออกไปหลังจากที่อีกฝ่ายเริ่มบทสนทนา วันนี้คุณแว่นนัดผมออกมาเจอที่ร้านกาแฟ ร้านนึงซึ่งตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า ใกล้ๆ กับบ้านของเค้า แม้จะตั้งใจมาแล้วว่าจะต้องสะสางเรื่องที่ค้างคาระหว่างเรา แต่พอเจอหน้ากัน เราทั้งคู่ก็ยังเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดคุยกันยังไง

“นั่นสินะ...มันบ้ามากจริงๆ”คุณแว่นขยับแว่นตาของตัวเองนิดนึงก่อนจะเอ่ยออกมาเนิบๆ เหมือนเป็นการพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า

“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก แล้วเราสองคนก็ลืมๆ เรื่องนี้ไปซะ”ผมตั้งใจพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หวังให้เค้าเข้าใจว่า ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น ไม่อยากให้เค้ามองว่าผมที่เป็นเกย์ ฉวยโอกาสตอนที่เค้ากำลังเสียศูนย์ และผมก็ยังอยากให้มิตรภาพ ความเป็นเพื่อนของเรายังคงอยู่

“แล้วยังไงต่อ”เขายังคงดูนิ่งเฉย นิ่งจนผมเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ เค้าโกรธผมไหม หรือเค้ายังพร้อมจะเป็นเพื่อนกับผม เหมือนเดิมหรือเปล่า

“เราสองคนก็ทำเหมือนว่าเรื่องคืนนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้น จากนี้เราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไง ชาร์ปโอเคหรือเปล่า”แว่นที่ตอนแรกถูกขยับให้เข้าที่ แต่ตอนนี้ถูกถอกออกวางลงข้างๆ แก้วกาแฟ ผมเผลอจ้องหน้าเค้าอย่างลืมตัว จนต้องรีบหลบตาลง เอาจริงๆ ผมก็ยอมรับนะครับว่า ชาร์ปเป็นเพื่อนที่บางครั้งทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ได้ คือเหมือนมีบางแวบที่ผมรู้สึกหวั่นไหว  ยิ่งเวลาเค้าถอดแว่น ผมว่าเค้ายิ่งมีเสน่ห์ แต่ก็เท่านั้นแหละครับ ในเมื่อสถานะ เราคือเพื่อน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเค้ามากไปกว่านี้อยู่แล้ว

“แต่เรื่องมันก็เคยเกิดขึ้นจริงๆ จะให้คิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น เราคงทำไม่ได้”ผมขมวดหิ้วเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เค้าพูดออกมา ว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

“แล้วชาร์ปต้องการยังไง”เราสองคนต่างมองหน้ากันนิ่ง อย่างใช้ความคิด ผมเริ่มคิดไปต่างๆ นานา ถึงขั้นว่าหรือผมกับเค้าจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก แต่ถ้าเราหลบเลี่ยงกันตลอด วันนึงไอ้เหมาก็คงสงสัยอยู่ดีว่าเรามีปัญหาอะไรกัน แล้วทางไหนถึงจะจบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดกันนะ ตอนนี้สีหน้าของชาร์ปเองก็ดูตัดสินใจลำบากเช่นเดียวกัน

“ตามที่ตี้บอกแหละ  เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”อีกแล้วใช่ไหม ผมโดนอำอีกแล้วสินะ สรุปแค่แกล้งให้เครียด เป็นอันว่า เราสองคนเห็นตรงกัน จากนี้ทั้งผมและเค้าก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เรื่องที่เกิดขึ้น มันจะถูกฝังไปกับเราสองคน บรรยากาศตอนนี้กลับไปสบายๆ อย่างที่เคยเป็น พอได้เปิดใจคุยกันแล้วมันก็โล่งอก จริงๆ นั่นแหละครับ ถือว่าได้เคลียร์สิ่งที่ติดค้างอยู่ในความรู้สึก

“ชาร์ปโอเคจริงๆ ใช่ไหม”ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ ว่าคุณแว่นจะไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรอีกกับการที่ได้เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน

“โอเค ดิ หรืออยากให้เราไม่โอเค”สายตาขี้เล่นจากอีกคนทำให้ผมรู้สึกว่า ผมน่าจะได้เพื่อนคนเดิมกลับมาแล้ว เรายิ้มให้กันอย่างสนิทใจ

หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว คุณแว่นถามว่าผมมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า เพราะตัวเค้าอยากจะดูหนัง แต่ไม่อยากดูคนเดียวเลยจะให้ผมดูเป็นเพื่อน เป็นหนังแอคชั่นไซไฟเรื่องนึง ผมที่ก็ไม่ได้มีอะไรจะทำอยู่แล้ว เลยตอบตกลงไปแบบไม่ลังเล เพราะความที่เค้าเอ่ยปากว่าจะเลี้ยง

หลังจากดูหนังจบ เราพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับหนังที่ดูจบอย่างออกรสออกชาด นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสดูหนังร่วมกับเค้า ปกติผมเป็นคนนึงที่พอดูหนังจบแล้วมักจะชอบวิเคราะห์เรื่องราวต่อ บางครั้งก็จะเข้าเวปบอร์ดเกี่ยวกับหนังเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับหนังเป็นประจำอยู่แล้ว พอได้มารู้ว่าอีกคนมีมุมนี้คล้ายๆ กันก็เหมือนมีอะไรคุยกันได้มากขึ้น

“ไปนั่งดื่มต่อกันไหม”ผมหันมองอีกคนที่เอ่ยชวน ซึ่งเค้าก็เพียงยักคิ้วเป็นเชิงถามผม แม้ผมจะมีอาการลังเลเล็กน้อยในตอนแรก แต่นี่มันเย็นวันเสาร์แล้วผมก็ไม่มีนัดที่ไหน จะให้ไปติดแหงกอยู่ที่บ้านก็คงน่าเบื่อไม่ใช่น้อย ส่วนคุณแว่นเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ การไปดื่มกับเพื่อนก็ไม่น่าเลวร้ายอะไรนี่เนอะ

แม้ตอนนี้ตะวันเพิ่งจะตกดินไม่นาน การสังสรรในค่ำคืนวันเสาร์อาจจะยังไม่เริ่มสำหรับหลายๆ คน แต่สำหรับพวกผมมันไม่ใช่ปัญหาเลย ตอนนี้เราอยู่ที่ร้านนั่งชิลๆ ร้านประจำเรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมไม่ได้เอารถมาเพราะตอนแรกไม่ได้กะจะไปไหนต่อเลยนั่งรถไฟฟ้าออกมาจากบ้าน กะว่าคุยธุระเสร็จก็จะกลับเลย กลายเป็นผมต้องติดรถคุณแว่นมาที่ร้าน ส่วนตอนกลับก็ค่อยเรียกแทกซี่ละกัน

บทสนทนาของเราระหว่างการดื่มเป็นเรื่องจิปาถะ ตั้งแต่เรื่องราวการทำงาน หนัง เพลง อาหารที่ชอบ จนบางแวปผมแอบรู้สึกว่า นี่เราเริ่มเหมือนเรามาออกเดทกันไหมเนี่ย อย่างที่เคยบอกว่าผมคงต้องเว้นระยะห่างระหว่างผมกับคุณแว่นนี่เพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพราะงั้นจริงๆ วันนี้ผมไม่ควรที่จะอยู่กับเค้าสองคนแบบนี้

“ชวนไอ้เหมาออกมาดื่มด้วยดีไหม หลายๆ คนจะได้ยิ่งสนุก”แต่ข้อเสนอของผมกลับถูกคุณแว่นคัดค้านโดยให้เหตุผลว่าอยากให้ไอ้เหมาได้มีเวลาอยู่กับแฟนบ้าง เดี๋ยวแฟนจะน้อยใจเอาว่าไม่มีเวลาให้ คุณแว่นไม่อยากให้ไอ้เหมามาซ้ำรอยเดียวกับตัวเอง

“เล่นเกมกันไหม”อยู่ๆ อีกคนก็ชวนผม และเกมที่เค้าชวนเล่นก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่เล่นทายชื่อเพลงที่นักดนตรีกำลังเล่น หรือเพลงที่ทางร้านเปิด พอเพลงขึ้นมา ใครตอบชื่อเพลงได้ก่อนก็ชนะ ใครแพ้ ต้องยกเครื่องดื่มหมดแก้ว ส่วนคนชนะอยากดื่มหรือไม่ดื่มก็ได้ ดูจากที่เป็นคนชวนเจ้าตัวคงมั่นใจในเรื่องเพลงพอสมควร แต่ผมเองก็มั่นใจไม่ต่างกันหรอก ผมว่าผมออกจะได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ เพราะผมมานั่งร้านนี้บ่อยกว่าเค้า แล้วเพลงที่ร้านเปิดในแต่ละวัน หรือที่นักดนตรีเล่น มันก็วนๆ ซ้ำๆ เพลงเดิม ซึ่งผมรู้จักแทบทุกเพลงอยู่แล้ว

ผ่านไป 20 เพลง ผมแทบจะชนะขาดลอยด้วยคะแนน 15:5 เพราะแม้เค้าเองจะรู้จักเพลงเช่นเดียวกัน แต่ผมมักจะนึกชื่อเพลงได้ก่อนเสมอ จนผมเริ่มรู้สึกว่านี่เค้าแอบอ่อนข้อให้ผมรึเปล่า แต่แบบนั้นจะได้อะไร เพราะเค้าต้องดื่มเบียร์ แก้วแล้วแก้วเล่า จนผมเองจากตอนแรกก็ดื่มตามเค้าบ้างแม้จะชนะ เพราะไม่อยากเสียเปรียบที่ได้ดื่มน้อยกว่า แต่ตอนนี้เริ่มยั้งตัวเอง เพราะคิดว่าผมน่าจะได้เป็นคนขับรถพาเขากลับเสียแล้ว ตอนนี้เวลาเริ่มล่วงเลยมาครึ่งค่อนคืน คนในร้านเริ่มแน่น จนเสียงพูดคุยกระจายไปทุกพื้นที่ เราเองก็ยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งดื่มเข้าไปมากเท่าไหร่ ความเกร็งที่เหมือนจะมีในตอนแรกยิ่งหายไป แล้วยิ่งคุยถึงชีวิตมหาวิทยาลัยของพวกเรา ซึ่งเป็นที่เดียวกัน เรื่องราวมันยิ่งดูสนุกสนานขึ้นไปอีก

“เฮ้ย ลุงแว่นหวัดดี พี่ตี้หวัดดีค่ะ”เสียงทักทายจากรุ่นน้องที่ทำงานทำให้เราสองคนหยุดบทสนทนาที่กำลังเถียงกันว่าเพลงที่กำลังเริ่มคือเพลงอะไรกันแน่ หญิงสาวที่เอ่ยทักทายเราคือน้องปลาผู้เป็นหลานรหัสของคุณแว่น และเป็นทีมงานในแผนกของไอ้เหมาด้วย เธอนั่งลงข้างลุงรหัสของเธอ ก่อนจะเอ่ยแซวคุณแว่นเรื่องที่เลิกกับชะเอม จริงๆ สำหรับผมมองว่าอาจจะเป็นการแซวที่แรงไป แต่ไม่เห็นคุณแว่นแสดงอาการที่ไม่พอใจออกมา เลยคิดว่าน่าจะด้วยความสนิทสนมในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องของทั้งคู่ คงสามารถพูดคุยเล่นกันได้เป็นเรื่องปกติ

“แล้วนี่พี่มากันสองคนเหรอ”หลังจากที่คุณแว่นเอ่ยปากชวนน้องปลานั่งด้วยกัน แต่น้องปลาปฏิเสธเพราะว่ามากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ น้องปลาเริ่มทำหน้ากรุ้มกริ่มเมื่อถามประโยคนี้ออกมา เห็นแบบนี้ไม่ต้องสืบเลยว่าน้องปลาเป็นรุ่นน้องไอ้เหมากับคุณแว่น ดูมีความเจ้าเล่ห์และกวนตีนไม่แพ้กันเลย

“นั่นแน่ นั่นแน่”และเมื่อรู้ว่าพวกผมมากันสองคนก็ทำตาเล็กตาน้อย มองผมกับคุณแว่นสลับกันไปมา ก่อนจะลากให้คุณแว่นให้ลุกมานั่งข้างผม ผมกับคุณแว่นมองหน้ากันงงๆ กับการกระทำของรุ่นน้องคนนี้ แล้วจังหวะที่ผมกับคุณแว่นหันมองหน้ากัน ก็ได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังมาจากทางน้องปลา ซึ่งในมือถือโทรศัพท์ไว้บ่งบอกว่าเสียงเมื่อสักครู่มาจากไหน

“ทำไรเนี่ยยัยตัวแสบ”คุณแว่นหันไปถามพร้อมกับแย่งมือถือมาดู ซึ่งยื่นต่อให้ผมดูด้วย ก็เป็นรูปที่เราสองคนหันหน้าเข้าหากัน เป็นรูปหันข้าง มองเผินๆ ก็เหมือนกำลังจ้องตากัน ส่วนน้องปลาก็หัวเราะคิกคักพร้อมทำท่าเขินๆ จนผมเองหลุดขำท่าทีของน้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนหนูจิ้นพี่สองคนแล้วเนี่ย”ผมเพียงยิ้มๆ กับคำพูดของน้องปลา เพราะพอจะรู้แล้วว่าน้องปลาคงเป็นสาววายแน่นๆ แต่อีกคนดูจะไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องปลาพูด จนต้องมีการอธิบายกันยกใหญ่ กว่าจะเข้าใจ ว่าอะไรคือการจิ้น คุณแว่นนี่บางมุมก็น่าเอ็นดูนะครับ ขนาดคู่จิ้น ดาราชายหญิง ทั่วๆไป คุณแว่นยังเพิ่งจะเข้าใจวันนี้เองครับว่าอะไรคือคู่จิ้น

“แล้วทำไมตอนนี้ไม่จิ้นแล้วล่ะ”พอเข้าใจความหมายแล้วคุณแว่นก็เหมือนกำลังเล่นสนุกไปกับน้องปลาเพราะตอนนี้ ไหล่ผมถูกโอบจากเค้าพร้อมดึงให้ผมชิดเข้าหาตัวเค้า เพื่อให้น้องปลากดชัตเตอร์ รัวๆ

“ถ้ามัวแต่จิ้นให้ผู้ชายได้กัน ชาตินี้หนูก็ได้ขึ้นคานพอดีสิพี่”คำตอบของน้องปลา เรียกเสียงหัวเราะจากเราสองคนได้เป็นอย่างดี น้องปลานั่งพูดคุยอีกนิดก่อนจะขอแยกกลับไปรวมกับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน

“ปล่อยมือแล้วย้ายกลับไปนั่งฝั่งเดิมไหม”เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งทั้งที่น้องปลาก็ไม่อยู่จิ้นแล้ว แต่เค้าก็ทำเพียงลดมือลงจากการโอบไหล่ผม และขยับออกห่างเพียงนิดเดียว ไม่ได้ย้ายกลับไปนั่งฝั่งตรงข้าม เขากลับยกแก้วขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด แถมยังหันมายักไหล่ใส่ผม เค้าให้เหตุผลว่าฝั่งที่เค้านั่งมองไม่เห็นนักร้องทำให้เวลาเล่นเกม เค้าเลยตอบไม่ทันผมเลยขอย้ายมานั่งฝั่งเดียวกัน แต่พอผมจะย้ายไปนั่งอีกฝั่งเค้าก็รีบห้ามว่าจะเป็นการเอาเปรียบผม แต่ว่าดูเหมือนพอเกมดำเนินไป ต่อให้ตอนนี้ผมต่อให้เค้าตอบก่อนสัก 10 เพลง เกมนี้ผมก็ยังชนะขาดลอยอยู่ดี เพราะตอนนี้ดูเค้าเริ่มเมาจนใกล้ไม่มีสติแล้วละครับ

“สรุปเราเป็นคู่จิ้นกันเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆๆ”เค้าหัวเราะพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ผมดู เป็นรูปใน Facebook ที่น้องปลา tag เค้ามา มันคือรูปที่เค้าโอบไหล่ผมและเป็นจังหวะที่เราหันมองหน้ากัน คือตอนมอง ผมก็แค่คิดว่าเราสองคนนั่งชิดกันเกินไป กำลังจะให้เค้าขยับออกห่างและหัวเราะกับคำพูดของน้องปลา  แต่รูปที่ออกมา มันเหมือน เราสองคนกำลังหยอกล้อกันอยู่ สายตาผมเหลือบมองต่อที่ข้อความที่น้องปลาโพสต์

#ว่าจะไม่จิ้นแต่พอจิ้นเท่านั้นแหละฟินเลย
#ลุงรหัสของหนู
#ฝากแทกพี่ตี้

ยังไม่ทันที่ผมจะอ่านอะไรต่อ ก็มีข้อความแจ้งเตือนของผมเช่นกันว่ามีคนแทกรูปภาพมา ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้เหมานั่นเองครับที่แทกผม พร้อมตามมาด้วยการคอมเม้นต์ใต้รูปของมัน

“มึงสองคน นี่ตกลงยังไง กูขอคำอธิบาย”ตามมาด้วยอิโมจิยิ้มเจ้าเล่ห์ จนผมต้องรีบแก้ตัว เอ้ย อธิบายว่านี่ผมก็แค่มาเลี้ยงคุณแว่นไถ่โทษเรื่องที่ผมปิดบังเรื่องชะเอม อย่างที่เคยบอกมันไปแล้ว ผมวางโทรศัพท์ก่อนจะหันมาเจอว่าอีกคนกำลังจะสั่งเบียร์เพิ่ม จนผมต้องรีบห้ามเพราะตอนนี้ตัวเค้าเองไม่น่าจะดื่มไหวแล้ว ส่สนตัวผมถ้าดื่มเข้าไปอีกเกรงว่าจะขับรถกลับไม่ไหว จึงรีบให้เด็กเสิร์ฟคิดตังค์และลากคุณแว่นออกจากร้าน ดูเวลาแล้วผมน่าจะขับรถไปส่งเค้าก่อน ค่อยนั่งแทกซี่กลับ อาจจะถึงบ้านช้าหน่อย แต่พรุ่งนี้ก็วันหยุด ไม่ได้ทำอะไร มีเวลานอนทั้งวันแหละ

“ค้างนี่แหละ ดึกแล้วหาแทกซี่ยาก”คนเมาเริ่มงอแงเมื่อมาถึงบ้าน ตอนนี้เค้ากึ่งลากกึ่งดึงมือผมเข้าบ้าน ไม่ยอมให้ผมกลับ ซึ่งจริงๆ ผมสามารถสะบัดหลุดได้ง่ายๆ เพราะดูเค้าก็ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่แล้ว แต่ผมกลับเลือกลังเลที่จะอยู่ต่อ ผมเริ่มหาเหตุผลให้กับตัวเอง ว่าการค้างที่นี่ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทนง่วงกลับไปถึงบ้าน

“เราไม่ปล้ำหรอกน่า”แหมเมาขนาดนี้ยังจะปากดีอีกนะครับคุณแว่น นี่ผมก็อุตส่าไม่คิดอะไรแล้วยังจะมาสะกิดให้ผมคิดอีก ก็เลยเป็นอันว่าผมตกลงค้างที่บ้านเค้า เราต่างคนต่างแยกกันอาบน้ำโดยผมใช้ห้องน้ำที่ชั้นล่างของบ้าน ส่วนคุณแว่นก็ใช้ห้องน้ำในห้องตัวเอง ผมเป็นคนที่อาบน้ำเสร็จก่อน และเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงบอกเซอร์ และเสื้อยืดตัวโคร่งของเจ้าของบ้าน ผมเลือกนอนริมฝั่งนึงของเตียง และปิดเปลือกตาลง แม้จะรู้สึกเพลีย แต่ผมกลับรู้สึกหลับไม่ลง เพราะอยู่ๆ ภาพที่มันเคยเกิดขึ้นที่ห้องนี้กลับฉายซ้ำไหลเวียนอยู่ในหัวของผม ผมรีบพลิกตัวหันหลังให้พื้นที่ว่างที่เหลือของเตียงเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก มีเสียงเดินไปเดินมาจากเจ้าของห้องสักพักก่อนจะสัมผัสได้ว่าพื้นที่เตียงที่ว่างอยู่ยุบลง

“หลับยังอ่ะ”เขาเอ่ยถาม หลังจากต่างคนต่างเงียบอยู่พักใหญ่ แต่เราทั้งสองก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายก็ยังนอนไม่หลับ ดีไม่ดีผมว่าเรื่องที่มันรบกวนจิตใจของเราสองคนตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องเดียวกันเสียด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะตอนนี้ผมดันเกิดมีความต้องการขึ้นมาเสียด้วยสิ

“นอนเถอะ”ผมตอบออกไปโดยที่ไม่ได้ขยับตัว ยังคงนอนหันหลังให้อีกคน

“หันมาคุยกันก่อนดิ”พร้อมกับคำพูดนั้น ผมถูกแรงดึงจากอีกคนให้หันหน้าเผชิญกับเค้า เค้าจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองผมว่าสายตาเค้ามันเหมือนกำลังเว้าวอนขอบางอย่างจากผม

“จริงๆ เรื่องคืนนั้นมันก็ไม่ได้แย่ว่าไหม”สิ้นประโยคนั้นริมฝีปากของเค้าก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหาผม กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ก็เริ่มลอยมากระทบจมูกผม สิ่งที่ผุดมาในหัวคือผมต้องปฏิเสธเค้า แต่สิ่งที่ผมทำกลับกลายเป็นการจูบตอบเค้า

แวะมาต่อครับ

ขอบคุณที่ติดตาม ยังไงติชมได้เรื่อยๆ เลยนะครับ

ส่วนตอนหน้าค่อย  :hao6:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อะไรยังไงค่ะคุณแว่น
เหงาเมาเปลี่ยวใช่มั้ยเนี่ยะ
ตี้...หนูต้องระวังใจตัวเองนะคะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เราว่าผีเห็นผีนะ ถึงผีตัวหนึ่งมันจะะยายามปิดก็เถอะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 11
Friends with Benefits

เราผละหน้าออกจากกันเพื่อพักหายใจ สายตาที่มองกันตอนนี้มันบ่งบอกชัดเจนว่าเราต้องการอะไร เค้าโน้มหน้าเค้ามาจูบผมอีกครั้งอย่างดุดันซึ่งผมเองก็จูบตอบอย่างไม่ได้ยอมแพ้ สองมือของเค้าสอดเข้ามาในเสื้อตัวโคร่งของผม ลูบไล้ไปทั่วแผ่นอก ก่อนจะลากต่ำลงไปบริเวณหน้าท้อง ผมแทบหยุดหายใจเมื่อมือของเค้า ล้วงเข้าไปในบอกเซอร์สัมผัสกับปาร์ตี้น้อย ที่ตื่นตัวรอนานแล้ว เค้าหัวเราะในลำคออย่างผู้มีชัยเมื่อเห็นร่างกายผมตอบสนองสัมผัสจากเค้าอย่างรวดเร็ว  และเพียงไม่นานเค้าก็รูดบอกเซอร์ผมออกไปอย่างรวดเร็ว ผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเค้าดูเชี่ยวชาญเหลือเกิน แม้นี่จะเป็นครั้งที่ 2 ที่ผมมีอะไรกับเค้า แต่ถ้านับการมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันของเค้า มันไม่น่าจะเชี่ยวชาญขนาดนี้ แต่ความสงสัยผมก็อยู่เพียงครู่เดียว เมื่อเค้าจัดการเสื้อผ้าของเค้าเองลงไปกองข้างเตียงอย่างรวดเร็ว

ผมมองไปที่กลางลำตัวของเค้าด้วยใจที่หวาดหวั่น แม้ผมจะเคยสัมผัสมาแล้ว แต่ก็ยังกลืนน้ำลายลงคงอย่างยากเย็น แม้จริงๆ เค้าจะดูตัวหนาและสูงกว่าผมไม่มากนัก แต่แกนกลางของเค้าในเวลาที่พร้อมใช้งานแบบนี้ ก็ดูใหญ่โตกว่าที่ผมเคยเจอมา แม้ผมเองจะเคยผ่านการมีแฟนมาบ้างแล้ว และมีบ้างที่เป็น one night stand แต่ทุกคนที่ผ่านมาก็ถือว่าเค้าเป็นสถิติใหม่ที่ผมเคยเจอก็ว่าได้

ผมจ้องมองแกนกลางนั้นได้เพียงครู่เดียว เพราะถูกเค้าจับให้พลิกคว่ำ แล้วยกสะโพกผมลอยขึ้น ก่อนจะค่อยๆ สอดใส่แกนกลางลำตัวของเค้า เข้ามาในตัวผม ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ จนในที่สุดก็เข้ามาจนสุดได้ เค้าแช่ไว้อย่างนั้นครู่นึงพร้อมกับก้มลงมาฝังเขี้ยวเบาๆ ที่คอของผม จากนั้นเค้าค่อยๆ ขยับจังหวะเข้าออกช้าๆ จนเริ่มเห็นว่าผมพร้อมแล้ว จังหวะจึงถูกเร่งขึ้น และมันเริ่มเร่าร้อนจนผมต้องครางเป็นชื่อเค้าออกมา ซึ่งไม่รู้ว่าเค้าพอใจกับสิ่งที่ได้ยินหรืออย่างไรถึงได้กระแทกแรงขี้นทุกครั้งที่ผมเรียกชื่อเค้า

ความคิดที่เค้าดูช่ำชองการมีอะไรกับผู้ชายมากเกินไปแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง เพราะผมเองก็ไม่ใช่วัยใสไร้เดียงดา จนถึงกับแยกไม่ออกว่าสิ่งที่เค้ามอบให้ผมมันจะเป็นการกระทำของคนที่เพิ่งเคยทำแบบนี้ หรือคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว อีกอย่างคือผมสัมผัสได้ว่าเค้าดูไม่ได้รังเกียจที่จะมีอะไรกับเพศเดียวกัน และมันกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของผมกระพือขึ้นไปอีกเมื่อรู้สึกว่าเค้าเองก็อยากที่จะมีอะไรกับผม มือของเค้าเร่งจังหวะการกอบกุมส่วนอ่อนไหวของผม พร้อมกับที่เร่งจังหวะการเคลื่อนไหวเข้าออกในตัวผม จนในที่สุดผมก็ฉีดน้ำสีขาวขุ่นลงไปบนเตียงนอน แล้วเราจะนอนยังไงละนั่น แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมตกใจเท่าสัมผัสในร่างกายที่รู้สึกได้ว่ามีน้ำอุ่นๆ ถูกฉีดเข้ามาในร่างกาย

“ระ..เราไม่ได้...ไม่ได้ใช้ถุงยาง”ผมพูดออกไปทั้งที่หอบ แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงหัวเราะน้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจ และบอกว่ามั่นใจในตัวผมว่าไม่มีโรคร้ายอะไร ส่วนเค้าเองเพิ่งตรวจเลือดเมื่อไม่นาน เพราะจริงๆ กำลังคิดวางแผนเรื่องมีลูกกับชะเอม

“เมื่อกี้รู้สึกดีเปล่า”เค้าเอ่ยถามขณะที่เราทั้งคู่ยังเปลือยเปล่านอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน เค้าเอื้อมมือมาเสยผม เปิดหน้าผากให้ผม ค่อยๆ ลากนิ้วเรียวยาวนั้นไปรอบๆ ใบหน้าของผม สายตาจ้องมาที่ผมอย่างรอคำตอบ และคงหวังว่าจะได้ยินคำตอบที่ตรงใจ

“ก็ดี...แต่...”ผมเว้นจังหวะ เงียบไปจนเค้าต้องขมวดคิ้ว และเร่งเอาคำตอบจากผมว่าแต่อะไร

“มันดูดีไหลลื่น เกินไป...จน”

“เราเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน”ยังไม่ทันที่ผมจะถามออกไปจนจบ สิ่งที่ค้างคาในใจของผมก็ไขกระจ่าง แต่ถ้าเค้าเคยมีอะไรกับผู้ชาย มาก่อนแบบนี้ และก็ไม่ต้องรอให้ผมได้เดา เพราะเค้าเป็นฝ่ายเปิดปากออกมาเอง

“สมัย ม.ปลาย เราเรียนโรงเรียนชายล้วน ก็ตามประสาที่อยากรู้อยากลอง ก็เลยมีเรื่องแบบนี้เข้ามาบ้าง แต่เราก็ยังชอบผู้หญิงนะ เรามองว่ามันคือประสบการณ์ทางเพศอย่างนึง”นั่นคือสิ่งที่เค้าคิดงั้นเหรอ ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าควรรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้

“แต่เวลาเราคบใคร เราก็คบทีละคนนะ และเราก็ยังอยากสร้างครอบครัว แต่งงาน มีลูก มีครอบครัวที่มีความสุข”ดูเค้ายิ้มอย่างมีความสุขเมื่อพูดถึงเรื่องครอบครัว แต่ผมไม่มั่นใจเหมือนกันว่าถ้าเกิดวันนึงเค้าได้แต่งงานขึ้นมา ผู้หญิงที่แต่งงานกับเค้าจะยอมรับเรื่องราวพวกนี้ได้หรือเปล่า แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับผม มันอาจจะเป็นความลับเพราะผมคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แต่กับคนอื่นละ ผมเกือบจะพลั้งปากแสดงความความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ออกไป แต่เลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า

“แล้วนี่ระหว่างเรา...”แม้ผมพอจะเดาออกว่าการที่เค้ายอมเล่าให้ผมฟังขนาดนี้ เพราะเค้าต้องการอะไร แต่ผมเองก็ไม่อยากจะแสดงออกชัดเจนจนเกินไป ผมยอมรับว่าสิ่งที่เราต่างมอบให้กันมันสร้างความติดใจให้ผมมากเลยทีเดียวก็ตาม แม้ผมจะเว้นระยะให้อีกฝ่ายเอ่ยความคิดเห็นออกมา แต่เค้ากลับทำเพียงยักคิ้วเป็นเชิงย้อนถามผม

“Sex friend งี้เหรอ”ผมหลุดปากออกไปในที่สุด ผมเข้าใจความสัมพันธ์แบบนี้ดี เพียงแต่ไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์แบบนี้ ผมยอมรับว่าสามารถมีความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ได้รักได้ แต่การมีความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวแค่ทางกายแบบนี้ ผมว่ามันไม่น่าจะโอเคเท่าไหร่ ทว่าตอนนี้ผมคงพูดได้ไม่เต็มปากแล้วว่าสิ่งที่เกิดอยู่ระหว่างผมกับเค้ามันไม่ใช่ sex friend ต่อให้หยุดความสัมพันธ์ไว้แค่เพียงเท่านี้ มันก็คงลบภาพสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วไม่ได้

“ตี้คิดยังไงกับความสัมพันธ์แบบนี้ล่ะ หาความสุขร่วมกัน ต่างฝ่ายต่างได้ ไม่ผูกมัด ไม่หึงหวง ไม่ต้องทะเลาะ แค่เวลาเหงาก็มาเจอกัน”ผมคิดตามสิ่งที่เค้าพูด ความคิดในหัวผมกำลังตีกันว่าควรหยุดตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะยอมรับความสัมพันธ์นี้ต่อไป ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลือกทางไหนไปแล้ว สุดท้ายถ้าความสัมพันธ์นี้จบลง ระหว่างผมกับเค้า เราจะยังเป็นเพื่อนกันได้อีกหรือเปล่า


“ถ้าวันนึงเราคนใดคนนึงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา เราต้องยุติความสัมพันธ์นี้”ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเลือกที่จะพูดแบบนั้นออกไป แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมบอกออกไป เค้ายิ้มกว้าง และยอมรับข้อเสนอนี้

“ถ้าใครคนใดคนนึงเกิดมีความรู้สึกเกินเลยขึ้นมา หรือมีใครล้ำเส้นของอีกฝ่าย ก็ต้องหยุดเรื่องนี้เช่นกัน”

“กลัวชอบเราขึ้นมาจริงๆ เหรอ”เค้าหัวเราะชอบใจกับสิ่งที่ผมพูด แถมยังเอื้อมมือมาบีบจมูกผม ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยนะคุณแว่น

“ผมไม่ชอบคนใส่แว่น เพราะงั้นเสียใจด้วยนะครับคุณแว่น ที่เสน่ห์ของคุณคงทำอะไรผมไม่ได้”ผมเอ่ยออกไปอย่างท้าทาย ก่อนจะลุกขึ้น จะไปอาบน้ำชำระร่างกาย เค้าลุกตามผมมาทั้งที่ยังไม่มีอะไรพันกายเลยสักชิ้น ตกลงนี่คือคนเดียวกับเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ร้องไห้เพราะต้องเลิกกับแฟนจริงๆ เหรอ ดูเค้าไม่เหลือความเสียใจอะไรแล้ว

การอาบน้ำของเราผ่านไปด้วยความทุลักทุเล เพราะดันมีกิจกรรมเกิดขึ้นอีกครั้งในห้องน้ำ กว่าจะออกมา เปลี่ยนผ้าปูเตียงที่กลิ่นคละคลุ้งไปด้วยน้ำจากกามรมย์ของเราสองคน กว่าจะได้ล้มตัวลงนอนก็ปาเข้าไปเกือบเช้าแล้ว ผมปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกวันนี้มันยาวนานเหลือเกิน ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ผมรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดที่รั้งผมเข้าไปหา อ้อมกอดที่เหมือนจะอบอุ่นแต่มันก็ยังเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง








ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพตรงหน้าช่วยยืนยันว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้ฝันไป ผมกลายเป็น Sex friend กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ ผมค่อยๆ ยันตัวขึ้นเพื่อไม่ให้อีกคนรู้ตัว ผมเอนหลังพิงกับหัวเตียง เพ่งมองคนที่ยังหลับตาพริ้ม ใบหน้าเค้าก็ดูดีเป็นตี๋พิมพ์นิยมทั่วไป และผมก็ยังยืนยันว่าเวลา เค้าไม่ใส่แว่นดูน่าหลงไหลมากกว่าเวลาใส่แว่น แต่เรื่องรูปร่างหน้าตาเค้าเนี่ย ผมไม่ได้ติดใจอะไรมากหรอกครับ แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดตอนนี้คือ สิ่งที่ผมเองเคยคิดว่าเค้าเป็น จากมุมผมที่รู้จักเค้าตอนแรก จนถึงตอนก่อนที่เค้าจะเลิกกับชะเอม ผมมองเค้าว่าคือคนตั้งใจทำงาน หวังสร้างครอบครัวกับคนที่เค้ารัก แต่อีกมุมที่ผมได้รับรู้เมื่อคืน มันทำให้ผมต้องคิดใหม่ว่าคนเรามันมีได้หลายมุม และเราจะได้เห็นมุมไหนก็คงออกมาจากสิ่งเค้าอยากให้เรารับรู้เท่านั้น

“ตื่นนานแล้วเหรอ”เค้าดันตัวขึ้นมาข้างๆ ผมเพียงยิ้มบางๆ ตอบเค้า แต่ต้องสะดุ้งเมื่อเค้าสอดมือเข้ามาใต้ผ้าห่ม จนผมต้องรีบคว้ามือของเค้าไว้ เพราะเดี๋ยววันนี้จะไม่ได้ทำอะไรกันพอดี ผมรีบลุกเพื่อเตรียมจะอาบน้ำกลับบ้าน เพราะขืนอยู่ต่อผมว่าเราสองคนคงใช้ชีวิตอยู่แค่บนเตียงนี่แหละครับ เราต่างคนต่างแยกย้ายกันอาบน้ำคนละห้อง เพื่อป้องกันการนอกลู่นอกทาง

“เดี๋ยวเราไปร้านกาแฟปากซอย แล้วกลับเลยนะ”หลังจากที่ผ่านคืนหนักๆ มาแบบนี้ ถ้าได้กาแฟสักแก้วจะช่วยดึงพลังงานชีวิตผมกลับมาได้มากเลยแหละ

“ไม่ต้องไปหรอกเดี๋ยวชงให้ แล้วเดี๋ยวเราไปส่ง พอดีจะออกไปธุระข้างนอกพอดี”ผมยักไหล่เป็นการตอบตกลง เพราะมีคนไปส่งก็คงดีกว่าต้องไปเรียกแทกซี่กลับเอง ว่าแต่กาแฟที่จะชงให้เนี่ย จะกินได้หรือเปล่าเนี่ย ผมมองเค้าเดินเข้าไปในครัวก่อนจะเดินออกมาพร้อมกาแฟสองแก้ว แก้วนึงถูกส่งมาให้ผม ผมรับมาทำหน้าแหยงๆ พร้อมจิบอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะอยากจะแกล้งเค้า แต่พอได้ชิมเข้าไปจริงๆ รสชาดกาแฟที่เค้าชงมาก็ไม่เลวเลย

หลังจากดื่มกาแฟไปคนละแก้ว แต่ก็ดูเหมือนกระเพาะของเราจะยังต้องการอะไรมากกว่านั้น เพราะนี่ก็บ่ายแก่ๆ แล้ว คุณแว่นเลยอาสาจะทำอะไรให้กิน ตอนแรกผมเซอร์ไพรส์ที่เค้าบอกว่าจะทำอาหารให้ทานเพราะไม่คิดว่าเค้าจะทำอาหารเป็น แต่พอเห็นสิ่งที่เค้าทำเสร็จแล้ว ก็นึกขำตัวเอง เพราะไอ้ที่เค้าถือออกมาจากครัวคือมาม่าชามใหญ่ แหม ไอ้เราก็นึกว่าจะทำอะไรที่ดูดีกว่านี้

“สรุปคือจะมาตัดแว่นใหม่เหรอ”หลังจากที่ทานอะไรเสร็จเรียบร้อย เขาก็พาผมออกจากบ้าน และ ผมก็ได้รู้ครับว่าธุระของเค้าที่จะต้องทำคืออะไร ตอนนี้เค้าเดินนำผมมาหยุดอยู่ที่ร้านแว่นในห้างสรรพสินค้าแห่งนึง ซึ่งผมเลือกที่จะแยกขอดูของอะไรรอข้างนอกจะดีกว่า เพราะตั้งแต่เกิดมานี่ผมแทบไม่เคยเข้าร้านแว่นสายตาเลย ก็สายตาผมมันไม่เคยมีปัญหาเลยนี่นา

“สายตาสั้นลงอีกเหรอ ถึงต้องเปลี่ยนแว่น”ผมเอ่ยถามหลังจากที่ขึ้นรถมาเพื่อมุ่งตรงไปส่งผมที่บ้าน เค้าไม่ได้ตอบผม ทำเพียงอมยิ้ม และหันไปมองถุงจากร้านแว่น ที่วางอยู่เบาะหลัง แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นเพิ่มคือ รถเค้าดูมีอุปกรณ์อะไรเยอะแยะไปหมดเลย

“นี่รถหรือบ้านหลังที่สองเนี่ย มีแม้กระทั่งชุดทำงาน”ผมแซวออกไปขำๆ แต่เค้าก็อธิบายว่าบางครั้งต้องไปทำงานต่างจังหวัดเลยต้องมีการเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา

“ขอบใจที่มาส่งนะ ไว้เจอกัน”ผมบอกลาเมื่อถึงจุดหมาย แต่อีกคนกลับทำตัวอ้ำอึ้งเหมือนมีอะไรจะพูดสักอย่าง

“มีอะไรอีกรึเปล่า”ผมเอ่ยถามให้แน่ใจอีกครั้ง

“เราขอค้างนี่ด้วยได้ไหม”

มาอัพต่อคร๊าบบบบ

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ คือความติดใจในสิ่งที่ได้รับ


ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อว่าสุดท้าย ความสัมพันธ์มันจะไปจบที่ตรงไหน

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
หวายยยยยยย เรื่องมันชักจะถลำลึกไปเรื่อยแล้ว
ตี้ดูเป็นคนอ่อนไหว แล้วคุณแว่นดูเป็นคนเจ้าเล่ห์มารยาเยอะอ่ะ เริ่มเห็นเค้าลางของความวุ่นวาย

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
กลัวน้องตี้ของเรานี่แหละ ว่าจะไปรักชาร์ปเข้า
เราว่าแล้วชาร์ปน่าจะเป็นไบหรือไม่ก็ไม่อยากเป็นเกย์เปิดเผย
พอมีปาร์ตี้เป็นคู่นอนแล้วมันก็สะดวกไง
ปาร์ตี้ไม่เรียกร้องอะไร  อาจจะรู้สึกผิดด้วยซ้ำที่ปิดเรื่องชะเอม
สะดวกมากๆเลยสำหรับชาร์ป
นึกๆสงสารปาร์ตี้ขึ้นมารำไรแล้วสิ
ไม่รู้ทำไมนึกถึงนังโอเล่ขึ้นมาตะหงิดๆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hallowelt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกหน้าตึงขึ้นมาเฉยเลย
ขอให้คุณเซลล์จีบปาร์ตี้ติด ช่วยให้ปาร์ตี้จากสถานะอะไรแบบนี้ด้วยเถอะ สาธุ :call:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 12
ของฝาก


“ยังไงครับยังไง อธิบายมาเลยครับคุณปรีติ ตกลงนี่ผีผลักมึงสองคนแล้วใช่ไหม”ทันทีที่เจอหน้าผม ไอ้เหมาก็พุ่งเข้าแซว พร้อมยื่นรูปที่น้องปลาโพสต์ไปวันก่อน ยื่นมาจนจะทิ่มหน้าผมอยู่แล้ว นี่มันทั้งไลน์มาแซว โทรมาแซว เจอหน้ายังจะมาแซวเรื่องนี้อีก และผมก็ตอบไปเหมือนเดิมทุกครั้ง ว่ารูปเนี่ยน้องปลา จัดฉากให้ล้วนๆ ซึ่งจริงๆ น้องปลาก็เล่าให้ไอ้เหมาฟังแล้วด้วยนะครับ

“มองตากันหวานเชื่อมขนาดนี้ ตกลงได้กันยัง”ผมแทบสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม ไอ้นี่ก็แม่นยังกะตาเห็น ผมต้องรีบปฏิเสธไม่ให้มีพิรุธ แม้สิ่งที่ไอ้เหมามันเดาจะถูกก็เถอะ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณแว่นก็มีแค่เรื่องเซกซ์นั้น มันก็ดูไม่ได้น่าเอามาบอกคนอื่น และมันคงเป็นความลับไปตลอด

เมื่อวานคุณแว่นก็ค้างที่บ้านผม ซึ่งแน่นอนว่าเราสูญเสียพลังงานบนเตียงไปเยอะมาก จนเมื่อเช้าผมเกือบมาทำงานสาย เพราะลุกแทบไม่ไหว ส่วนอีกคนนั้น ตอนผมออกมา ยังไม่ยอมตื่น เพราะเช้านี้เค้าต้องเดินทางออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด ทำให้ไม่ต้องเข้าบริษัทแต่เช้าเหมือนผม เลยแค่ฝากเค้าล็อคบ้าน พร้อมกับให้กุญแจสำรองไว้

ผมอยู่บ้านคนเดียวมานานแล้วครับ ด้วยความที่พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมก็อยู่กับแม่มาตลอด จนแม่ผมเสียไปเมื่อ 2 ปีก่อน พ่อเคยชวนผมไปอยู่ด้วยตอนที่แม่เสียแรกๆ แต่ผมมองว่าไม่อยากไปเป็นส่วนเกินในครอบครัวใหม่ของพ่อ แม้จะไม่ได้บาดหมางหรือผิดใจอะไรกับครอบครัวใหม่ของพ่อ แต่ผมก็ไม่สะดวกใจที่จะไปอยู่กับเค้า เลยเลือกที่จะอยู่คนเดียวแบบนี้ดีกว่า

“เรื่องรูปนี่ตัดไป เพราะปลาเป็นคนจัดฉาก แต่ทำไมมึงไปกันสองคน ทำไมไม่ชวนกู”ไอ้เหมาเดินเข้ามาประชิดตัวผม พร้อมจ้องอย่างจับผิด แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมที่นัดกับอีกคนไว้แล้วว่าให้ตอบตรงกัน คือผมกับคุณแว่นบังเอิญเจอกันที่ห้างและผมที่เคยว่าจะเลี้ยงคุณแว่นไถ่โทษเรื่องชะเอม ส่วนที่ไม่ชวนไอ้เหมา อันนี้ไม่ต้องโกหกมัน เพราะเป็นเรื่องจริงที่ว่าอยากให้มันมีเวลาอยู่กับแฟน

“ไม่จริงอ่ะ อย่างมึงสองคนเนี่ยนะจะหวังดีให้กูสวีทกับแพท กูว่ามึงกลัวได้เลี้ยงกูกับแพทด้วยใช่ไหม”เออเนอะคนเรา บอกความจริงนี่ไม่เชื่อ แต่พอผมเออออกับสิ่งที่มันพูดมัน ดันเชื่อซะงั้น แล้วบทสนทนาของผมกับไอ้เหมาก็หยุดลง เพราะมือถือของไอ้เหมาดังขึ้น

“มึงไม่ได้เอามือถือมาเหรอ”หลังจากไอ้เหมารับสายก็หันมาถามผม คาดว่าคงมีคนตามหาผมถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นหัวหน้าผมนั่นแหละแกก็พอรู้แหละว่าถ้าผมไม่อยู่ที่แผนก ผมจะไปอยู่ที่ไหน ปกติก็ตามผมได้ที่แผนกของไอ้เหมานี่ละครับ นี่สงสัยแกคงทั้งโทรหาผม โทรเข้าแผนกของไอ้เหมาแล้ว นี่ถ้าห้องครัวนี่มีโทรศัพท์แกก็คงโทรมาแล้ว

“อัญเชิญไปรับแขกที่ตึก 1 ครับคุณปาร์ตี้”ไอ้เหมาทำท่าล้อเลียนผม ก่อนจะเดินแยกตัวออกไป ว่าแต่วันนี้ผมไม่ได้นัดใครไว้นิ แล้วเมื่อกี้หัวหน้าผมได้บอกอะไรไหมละนั่น ตกลงว่าผมต้องไปเจอใครต้องเตรียมอะไรไหมละเนี่ย แขกผมหรือแขกหัวหน้าก็ไม่รู้เนี่ย ผมตัดสินใจเดินไปตึก 1 แล้วกะว่าค่อยเอาโทรศัพท์จากนั่นโทรถามหัวหน้าอีกทีเพราะถ้าให้ผมเดินกลับไปห้องแผนกก่อน คาดว่าแขกที่มาหาผมเนี่ย คงจะได้รออีกนาน

“สวัสดีครับคุณปรีติ”เสียงทักทายมาแทบจะทันทีเมื่อผมมาถึงหน้าห้องรับรองแขก ซึ่งคงไม่จำเป็นต้องโทรถามหัวหน้าแล้วละครับว่าแขกที่ว่านั่นคือใคร ผมพ่นลมหายใจอย่างหน่ายๆ ก่อนจะทักทายกลับที่อาจจะดูไม่รับแขกสักเท่าไหร่

“ไม่ยักกะจำได้ว่าเรานัดกันนะครับ”ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ อีตาเซลล์สุดกวนนั่นแหละครับ เท่าที่จำได้ผมว่าผมนัดให้ทีมเค้า เข้ามาเริ่มเตรียมสถานที่เดือนหน้านี่นา แล้วอีกอย่างตอนมาเตรียมสถานที่ เหมือนเค้าเองก็ไม่ต้องมานะ แล้วที่โผล่มานี่คืออะไร นอกจากไอ้ข้อความบ้าๆ บอๆ ที่เค้าส่งมาให้ผมทุกวันนั่นยังไม่รบกวนผมไม่พอใช่ไหมเนี่ยถึงต้องมารบกวนด้วยตัวเองถึงนี่

“พอดีทางผมเหมือนจะวัดพื้นที่จุดที่จะตั้งเวทีไปผิด ก็เลยจะขอเข้ามาวัดอีกรอบ ผมโทรหาคุณแล้ว แต่คุณไม่รับ เลยติดต่อมาทางคุณวิชาญแทนครับ”จริงๆ ผมคิดไปแล้วนะครับว่าเค้าเอาเรื่องงานมาอ้างเพื่อกวนผม เพราะหลังจากคุยรายละเอียดงานกันชัดเจนแล้ว ไม่ว่าเค้าจะไลน์มาหรือโทรมาผมก็ไม่ตอบ อย่าเพิ่งมองว่าผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกนะครับ เพราะถ้าเค้าไลน์มาเรื่องงานผมตอบทุกอัน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เค้าเริ่มคุยเรื่องนอกงาน ผมก็จะเลือกที่จะไม่ตอบ

“งั้นก็ไปดูพื้นที่กันครับ”ผมเดินนำเค้าพร้อมกับทีมงานเค้าอีก 2 คน แม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อว่าทางเค้าวัดพื้นที่ผิดจริงๆ แต่ก็ไม่อยากมองเค้าในแง่ร้ายจนเกินไปหรอกครับ

“ตกลงคุณจะคุยกับผมแค่เรื่องงานจริงๆ เหรอครับ”ผมเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบครับ เพราะผมว่าผมบอกเค้าไปชัดเจนแล้ว ไม่ใช่ว่าผมอยากปิดกั้นตัวเอง เพียงแต่ผมรู้สึกว่าเค้าเองก็ไม่ได้คิดจะมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง แล้วถ้าเกิดเค้ามาแนวเดียวกันกับคุณแว่น ผมว่าผมคงยังไม่สามารถมีความสัมพันธ์แบบนั้นได้พร้อมกัน 2 คนในช่วงเวลาเดียวกันหรอกนะครับ

“คุณเองก็ยังไม่มีแฟน น่าจะลองรับผมไปพิจารณาบ้างน้า”เค้าพูดโดยไม่ได้หันหน้ามามองผม เพราะเราทั้งคู่ต่างจับจ้องอยู่ที่ทีมงานที่กำลังวัดพื้นที่อยู่ ผมหันมองหน้าเค้าที่ทำเป็นยิ้มอย่างท้าทายผมอยู่

“รู้ได้ไงว่าผมไม่มีแฟน”ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ตอบเค้าแล้วแต่พอมาพูดแบบนี้มันอดไม่ได้จริงๆ แม้เค้าจะเข้าใจถูกว่าผมไม่ได้มีแฟน แต่ผมเองก็ไม่อยากให้เค้ามาทำเหมือนรู้เรื่องผมดีแบบนี้

“แต่ก่อนเวลาเห็นคุณไปเที่ยว ก็มักจะเห็นคุณไปกับชะเอม หรือไม่ก็กลุ่มเพื่อนคุณ และเพื่อนคุณส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้หญิง เพื่อนผู้ชายที่คุณคบเค้าก็มีแฟนกันหมดแล้ว เพราะงั้นตัดผู้ชายทุกคนที่คุณเคยไปด้วยออกได้เลย ว่าไม่ใช่แฟนคุณสักคน ส่วนผู้หญิงยิ่งตัดไปได้เลย เพราะคุณแทบไม่เคยมองผู้หญิงเลย”นี่เค้าไปสืบข้อมูลผมมา หรือเค้าแอบสังเกตผมขนาดนั้นเลยเหรอ

“ไม่เลว ไม่เลว ผมคงประเมินคุณต่ำเกินไป”มุมปากเค้ายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราไปทำการบ้านเกี่ยวกับตัวผมมาขนาดนี้

“ผมรู้จักคุณนานแล้วละครับคุณปาร์ตี้ เพราะงั้นตอนนี้ผมจะเปิดโอกาสให้คุณได้รู้จักผมบ้าง จะได้ไม่ดูว่าผมเอาเปรียบคุณ”เดียวนะผมไม่ได้อยากรู้จักคุณขนาดนั้นไหมครับคุณเซลล์

“ถ้าคุณมีความสนใจในตัวผมขนาดนี้ ทำไมเพิ่งมาให้ผมรู้จักละครับ ทำไมไม่มาทำความรู้จักกันตั้งนานแล้ว”ผมหันไปสบตาเค้า เพื่อพยายามจับสังเกตว่าจริงๆ แล้วผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากผมกันแน่ จะจีบผมเพราะเหตุผลอะไร เค้าสนใจในตัวผมจริงๆ หรือแค่เห็นผมเป็นเกมที่ต้องเอาชนะ

“เอาชัดๆ เลยไหมครับ เพราะคุณปาร์ตี้เองน่าจะอยากถามว่าทำไมผมเพิ่งจะมาจีบคุณตอนนี้”เค้าจ้องมาที่ผมด้วยท่าทีที่จริงจัง จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อน

“ผมเพิ่งโสด”

ผมยังงงๆ กับสิ่งที่เค้าบอก แต่ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร เพราะทีมงานของเค้าที่วัดพื้นที่เสร็จแล้ว เดินกลับเข้ามาที่เราสองคน บทสนทนาถูกปรับเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องงานทันทีที่มีอีกสองคนเข้ามา ผมอธิบายย้ำรายละเอียดของการจัดพื้นที่อีกครั้ง แม้จริงๆ ทั้งหมดจะถูกชี้แจงทั้งในการประชุมและอีเมลแล้วก็ตาม

“คุณรอแปบนึงนะ”ขณะที่เรากำลังจะแยกกัน เค้ากลับบอกให้ผมยืนรอโดยที่เจ้าตัวเค้ารีบวิ่งไปยังที่จอดรถผู้มาติดต่อ ก่อนจะหิ้วถุงบางอย่างกลับมา ถุงใบใหญ่ที่ เค้าเดินถือกลับมายื่นให้ผม

“อ่ะ ของฝาก”ผมรับมาดูอย่างงงๆ ภายในถุงใบใหญ่นั้นมันเป็นแท่งทรงกระบอกสั้นๆ ป้อมๆ ห่อด้วยใบตอง หมูยอ มันคือ หมูยอนั่นเอง แม้ผมจะชอบกินของฟรี แถมหมูยอห่อใบตองแบบนี้ ผมเคยกินมันอร่อยไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทว่าผมคงรับมันไว้ไม่ได้

“อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับ ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ”ผมยื่นถุงนั้นคืน แต่เค้ายังยืนยันที่จะให้ผมรับไว้ให้ได้ คือผมก็ไม่ได้รังเกียจที่จะรับของจากเค้าหรอกนะครับ เพียงแต่มันไม่เหมาะเท่านั้นเอง

“ตอนนี้ทางผมอยู่ในฐานะว่าจ้างทางคุณให้เข้ามาทำงานอยู่นะครับ ผมรู้ว่าคุณอาจไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ถ้ามีคนอื่นรู้เกรงว่ามันจะไม่เหมาะนะครับ”ถึงมันจะเป็นเรื่องที่บางคนอาจจะมองว่าไม่มีอะไร แต่เรื่องแบบนี้มันก็มองได้หลายแบบครับ เพราะผมเป็นผู้มีสิทธ์ตัดสินใจเลือกทีมที่จะเข้ามาจัดงานนี้ และผมเลือกทีมงานเค้า แล้วเค้าเอาของมาให้ผมแบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากการให้สินบน แม้มันจะไม่ใช่อะไรที่มูลค่า มากมาย แต่ถ้ามีคนที่คิดร้ายกับเรา เรื่องนี้มันสามารถกลายเป็นผลกระทบวงกว้างได้เหมือนกันแหละครับ

“คุณคิดมากไปเปล่า ผมก็แค่ไปเที่ยวต่างจังหวัดมา ก็แค่ซื้อของมาฝากคุณ เจ้านี้อร่อยมากนะคุณ ไม่อยากให้คุณพลาดของอร่อย”แม้ผมจะอธิบายไปแล้ว แต่เค้าก็ยังดึงดันที่จะให้ผมรับของฝากจากเค้าให้ได้

“เอางี้ คุณก็บอกไปว่าผมให้คุณในฐานะเพื่อน หรือจะเป็นแฟนดีล่ะ”นั่นแหละที่เป็นปัญหา เพราะผมกับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกันสักอย่างเลยนี่สิ แต่ดูคนพูดไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยครับ

“ตกลงไหมครับคุณแฟน ทีนี้แฟนซื้อของมาฝากแฟนคงไม่มีอะไรผิดใช่ไหม”รอยยิ้มกวนๆ นั้นถูกส่งมาหาผมอย่างท้าทาย

“ผมรับไว้ก็ได้ ในฐานะเพื่อน...ร่วมโลก”

“โอเคครับ อย่างน้อยๆ เราก็ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว...เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนะครับ”เค้าขยับเข้ามาพูดเบาๆ ให้ได้ยินแค่ผมกับเค้าสองคน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ ผมยกถุงของฝากขึ้นดู แล้วก็นึกขำ คนจีบกันเค้าซื้อของแบบนี้มาฝากกันเหรอครับ

“อะไรอ่ะ”ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะอยู่ๆ ไอ้เหมาก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ นี่มันมีการมีงานทำบ้างไหมเนี่ย ดูลอยไปลอยมาเหลือเกิน แถมนี่ยังถือวิสาสะหยิบของในมือผมไปดู และยังมีความเผือกอยากจะรู้อีกว่าผมได้มาจากไหน ซึ่งผมก็ตอบมันไปตามตรง

“แหมๆ มีของฝ่งของฝากให้กัน แถมให้อะไรเป็นแท่งๆ แบบนี้มีความหมายอะไรรึเปล่าน้า”ไอ้ โอ้ยไม่รู้จะด่ามันว่าอะไรดีครับ ก็ไม่ได้อยากจะคิดทะลึ่งนะครับ แต่ท่าทางที่มันใช้ประกอบคำพูดนี่ อยากให้ทุกคนได้มาดูด้วยตาจริงๆ ครับ ผมไม่อยากต่อปากต่อคำกับมันมากเลยรีบเดินแยกตัวออกจากมันครับ

พอกลับถึงโต๊ะทำงานสิ่งแรกที่ผมหยิบมาดูคือโทรศัพท์ มันขึ้นสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสายทั้งจากหัวหน้าของผม จากอีตาเซลล์นั่น แล้วก็มีของอีกคนที่สร้างความแปลกใจให้กับผม คุณแว่นนั่นเอง วันนี้ตามที่เค้าบอกผมคือเค้าต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดนี่นา แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรหาผม เพราะจริงๆ ผมกับเค้าเนี่ยต่างมีเบอร์กันนานแล้วแหละครับ ตั้งแต่ที่ไอ้เหมาแนะนำให้เรารู้จักกัน แต่ก็แทบไม่เคยโทรหาอีกฝ่ายเลย ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อหรือโทรกลับไป ก็มีข้อความนึงโชว์มาที่หน้าจอของผม

“เย็นนี้ว่างหรือเปล่าพอดีมีเรื่องจะรบกวนให้ช่วย ยังไงถ้าสะดวกแล้วขอคุยด้วยหน่อยนะ”


มาต่อคร๊าบบบ

อิเล่คงจะดีใจที่ยังมีคนคิดถึง 555

มารอดูกันว่าระหว่างคุณแว่นกะอิเล่ ใครจะได้รับเสียงก่นด่ามากกว่ากัน

 :z3:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นว่าตี้จะตกหลุมรักเมื่อไหร่กับใคร
น้องกลัวดราม่าไปหมดแล้วพี่จ๋าาาา

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ตามมาอ่านเรื่องนี้ต่อ 555+
คือมันน่าติดตามมากครับ

ตี้กับคุณแว่นจะเป็นยังไงเนี่ย
Sex friends หรอ มันก็โอเคนะถ้ายินยอมทั้งสองฝ่าย
แต่ถ้า..ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มที่จะตกหลุมรักขึ้นมานี่สิ จะแย่.. 

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติดตามต่อไปปปป

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ลืมนิดนึง เพิ่งนึกได้
ปล. คนแต่งชอบกินเบียร์ใช่ไหมครับ 5555+

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
พอถึงจุดๆนึง ที่เขาต้องไปแต่งงานแต้วตี้จะทำยังไง ...

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 13
คุณแม่

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้นี่เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเหมือนกัน ตอนนี้เป็นว่า 6 โมงเย็นหน่อยๆ  ผมเงยหน้ามองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ในสนามบินแห่งนี้ ใช่แล้วครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง วันนี้เลิกงานปุปผมก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันที และนี่คือสิ่งที่คุณแว่นรบกวนผมมานั่นเอง

“คือแม่เราจะมาหา แต่ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า เราจะรบกวนตี้ไปรับแม่ที่สนามบิน แล้วพาไปส่งที่บ้านให้หน่อยได้ไหม”นั่นคือสิ่งที่เค้าบอกกับผม แม้จะรู้สึกลำบากใจ เพราะผมเองยังไม่เคยเจอกับแม่ของเค้ามาก่อน กลัวว่าจะทำตัวไม่ถูก แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ได้ปฏิเสธออกไป แถมตอนนี้ก็มารอคุณแม่อยู่ที่สนามบินแล้ว

จริงๆ แล้วเรื่องนี้ถ้าเค้ารบกวนไอ้เหมาน่าจะเหมาะกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะไอ้เหมาเองเคยไปบ้านคุณแว่นที่ภูเก็ตและเคยเจอทั้งพ่อทั้งแม่ของคุณแว่นแล้ว แต่ผมนี่สิยังไม่เคยเจอเลย ก่อนออกมาผมลองชวนไอ้เหมามาด้วยแล้ว แต่มันดันบอกว่าคุณแว่นไม่ได้ใช้มัน มันไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วย ถึงมันจะบอกว่าแม่ของคุณแว่นใจดี แต่ผมก็ยังรู้สึกเกร็งๆ อยู่ดี และยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำใจต่อ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แม่ของคุณแว่นนั่นเองที่โทรเข้ามา

“ปาร์ตี้เหรอลูก นี่แม่มาถึงแล้วนะ ตอนนี้รอกระเป๋าอยู่ ยังไงหนูรอแปบนึงนะลูก”ผมทำได้เพียงตอบครับคำเดียวสั้นๆ เพราะคุณแม่เล่นไม่เว้นช่องให้ผมได้พูดเลย แล้วเรียกผมว่าหนูนี่คุณแม่จะให้ความเอ็นดูผมเกินไปไหมครับ อีกอย่างผมเป็นผู้ชายนะครับแม่ ผมเปิดดูรูปคุณแม่ ที่คุณแว่นส่งให้ดูอีกครั้ง พร้อมกับชะเง้อมองคนที่เดินออกมา ผ่านไปสักระยะ ที่คนทยอยออกมาจนเกือบหมดแล้ว แต่ทำไมคุณแม่ยังไม่ออกมาอีกเนี่ย ผมกำลังจะกดโทรหาแล้วถ้าไม่มีคนมาทักซะก่อน

“ปาร์ตี้หรือเปล่าลูก”ผมหันมองผู้หญิงตรงหน้าที่มาทักผม ก่อนจะค่อยๆ พิจารณาอีกครั้งพร้อมกับยกมือไหว้ อย่างตกใจ เพราะคุณแม่ดูสาวกว่าในรูปเยอะเลยทีเดียว ที่คุณแว่นไปเลือกรูปจากที่ไหนมาให้ผมดู ผมรีบกล่าวขอโทษที่ไม่เห็นคุณแม่เพราะตัวจริงคุณแม่ดูยังสาวกว่าในรูปมาก พอได้ยินแบบนั้น คุณแม่ก็ชอบอกชอบใจใหญ่

“ขอโทษทีนะลูก เลยต้องลำบากมารับแม่แทนเจ้าชาร์ปเลย”ผมตอบกลับไปว่าไม่ต้องเกรงใจ พร้อมกับช่วยลากกระเป๋า ระหว่างทางที่เดินไปลานจอดรถ คุณแม่ก็คุยแทบไม่หยุดเลยครับ จากตอนแรกที่ผมเกร็งไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับคุณแม่ แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องกังวลเพราะ แทบไม่มีช่องไฟให้ผมได้พูดเลยล่ะครับ คุณแม่บอกว่าตั้งใจจะมาอยู่เป็นเพื่อนชาร์ปสักระยะ ตั้งแต่รู้ว่า ชาร์ปกับชะเอมเลิกกัน แต่เพิ่งเคลียร์งานที่บ้านเพิ่งเสร็จ ก็เลยจองตั๋วเครื่องบินก่อน แล้วถึงได้โทรหาชาร์ป แต่กลายเป็นว่าชาร์ปดันไปต่างจังหวัด กว่าจะมาก็คงพรุ่งนี้เย็นๆ ตอนแรกชาร์ปก็จะให้คุณแม่เลื่อนไฟลท์บิน แต่คุณแม่ดันไม่ยอมบอกเสียเงินที่จ่ายไปแล้ว ขนาดว่าชาร์ปจะออกค่าเครื่องให้ใหม่ คุณแม่ก็ไม่ยอม

“แม่ละดีใจ๊ดีใจ ที่ลูกแม่เลิกกับยัยชะเอมนี่ได้ อย่าหาว่าแม่เม้าท์เลยนะ ผู้หญิงอารายไม่ค่อยมีสัมมาคารวะ แม่ละไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ นี่แม่เกือบเคยตัดแม่ตัดลูกกะเจ้าชาร์ปเพราะแม่นี่มาแล้ว แต่สุดท้ายแม่ก็รักลูกอะเนอะ ถ้าลูกเรายืนยันหนักแน่นแล้วว่าเลือกคนนี้ แม่ก็ไม่อยากขัดความสุขของลูก แต่ตอนแม่รู้ว่าสองคนนี้เลิกกันนะ แม่แทบจะจุดพลุฉลองเลย”ครับนี่คุณแม่ไม่ได้เม้าท์เลย นี่ดูเหมือนเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเช่นกัน ว่าแม่ของคุณแว่น ไม่ชอบชะเอม

หลังจากออกจากสนามบินผมกะว่าจะแวะพาคุณแม่ทานข้าว แต่คุณแม่ดันให้ผมแวะซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อซื้อของสดไปทำกินเองที่บ้าน คุณแม่บอกว่ากินที่ไหนก็ไม่ถูกใจเท่าที่ทำกินเองที่บ้าน คุณแม่แทบจะเหมาของจากซุปเปอร์มาเก็ต จนผมต้องรีบห้าม แต่คุณแม่บอกว่า แม่ยังอยู่อีกหลายวัน แล้วพรุ่งนี้ถ้าคุณแว่นกลับมา ก็จะชวนผมกับไปเหมาแล้วก็แพทไปทานข้าวกันที่บ้านด้วย

“ตี้ชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหมลูก”พอได้ยินแบบนั้นผมต้องรีบปฏิเสธ เพราะถ้าขืนบอกอะไรเพิ่มไปอีก คาดว่าวันนี้คุณแม่จะอยู่จนซุปเปอร์ปิดเป็นแน่แท้ ขนาดของที่เพิ่งซื้อเสร็จเนี่ย คุณแม่บอกแปปเดียว ยังปาไปเป็นชั่วโมง ผมต้องหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังขึ้นรถ พอมาถึงบ้านคุณแว่นผมก็ต้องค่อยๆ ทยอยขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนคุณแม่ก็รีบเข้าครัว ซึ่งผมบอกไปแล้วว่าทำอะไรง่ายๆ สัก 2 อย่างก็พอ เพราะจะได้ไม่เหนื่อยมาก นี่คุณแม่ก็มาจากภูเก็ตผมว่าน่าจะได้พักผ่อนเร็วๆ น่าจะดีกว่าจริงๆ คุณแว่นก็บอกไว้แล้วว่าคุณแม่จะเป็นแบบนี้เรื่องกินข้าว ให้ผมยืนกรายพาไปกินที่ร้านจะได้ กินเสร็จมาส่งบ้านก็จะได้กลับเลย แต่ก็นั่นแหละครับ ผมแพ้ทางมนุษย์แม่ครับ ก็เลยต้องยอมตามใจ

“อย่าลืมทานหมูยอผมนะครับ ได้ลองแล้วจะติดใจ”ผมกดอ่านข้อความ ระหว่างที่กำลังขนของให้คุณแม่ นี่คุณเซลล์ กำลังแกล้งพูดจาสองแง่สองง่ามแน่ๆ เพราะไอ้สติ๊กเกอร์ที่ส่งตามมามันส่อเหลือเกิน ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงกดปิดไลน์ก่อนจะหยิบหมูยอนั้นลงจากรถเพื่อมาฝากไว้ในตู้เย็นบ้านคุณแว่น

“แม่ครับผมฝากหมูยอ ไว้ให้เผื่อเมนูพรุ่งนี้ด้วยนะครับ พอดีมีเพื่อนเอามาฝาก”คุณแม่รับคำก่อนจะเรียกให้ผมไปยกกับข้าวออกมาจากครัว ซึ่งทำเสร็จเร็วมาก แต่ส่วนนึงคงเพราะผมที่บอกคุณแม่ว่ากินสองคนก็ทำกับข้าวสองอย่างก็พอ โดยต่างคนต่างมีสิทธิ์เลือกได้ 1 เมนู ซึ่งสิ่งที่ผมเลือกมันคือ ไข่เจียว สุดแสนจะง่าย และใช้เวลาทำแค่แปปเดียว ส่วนอีกจานที่คุณแม่เลือกทำคือหน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง

หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ขอตัวกลับบ้าน แต่ไม่วายว่าคุณแม่กำชับให้ผมต้องมาทานข้าวกับคุณแม่อีกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกตามเคยแต่พรุ่งนี้ คงได้ไปทานข้าวด้วยกันทั้งผม ไอ้เหมา แล้วก็แพท เพราะดูเหมือนคุณแม่จะไม่ยอมให้ใครปฏืเสธคำชวนนี้

“ว่าไง”ผมกรอกเสียงไปกับสมอลทอล์ค หลังจากกดรับสายจากคุณแว่น เค้าขอบคุณผมยกยกใหญ่ที่วันนี้ไปรับแม่แทนเค้า แถมยังบอกอย่างตื่นเต้นว่าแม่เค้ารู้สึกถูกชะตากับผม

“ตะกี้คุยกะเรานะ มีการบอกอยากได้ตี้มาเป็นลูกชายแทนเราแล้ว เนี่ย สงสัยตี้จะกลายเป็นลูกรักแล้วเราคงเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ เลย”เค้าเล่าไปขำๆ อย่างไม่ได้จริงจังอะไรนัก ผมว่าส่วนนึงที่แม่ของคุณแว่นชอบผม คงเพราะผมโตมากับแม่ เลยพอจะเข้าใจหัวอกของบรรดาแม่ๆ ทั้งหลาย แม้ในตอนแรกผมจะเกร็งๆ ก็เถอะ แต่แม่ของคุณแว่นก็คล้ายๆ กับแม่ผม เลยจับจุดเข้าหาได้ง่ายมั้งครับ

“งี้เราขอไปสมัครเป็นลูกชายของแม่ชาร์ปอีกคนแล้วกันนะ”ผมพูดแซวออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่อีกฝ่ายกลับสวนมาจนผมแทบไปต่อไม่เป็นกันเลยทีเดียว

“ตำแหน่งลูกชาย คงมาแย่งเราไม่ได้เพราะเราไม่ยอมแน่ๆ แต่ตำแหน่งลูกสะใภ้ของแม่เรายังว่างนะ สนใจยื่นใบสมัครไหม”

“บ้า”ผมตอบออกไปได้แค่นั้นจริงๆ เพราะเกิดอาการใบ้กินขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ

“เขินเหรอ”ยิ่งเจอคำถามนี่เข้าไป ผมคงต้องรีบกดวางสายเพราะผมดันเขินขึ้นมาจริงๆ นี่แหละครับ คุณแว่นนี่ก็ยังจะมาหยอดอะไรกับผมเนี่ย ผมเปลี่ยนเรื่องคุยโดยบอกว่านี่ผมยังขับรถไม่ถึงบ้าน ยังไงไว้เจอกันอีกทีตอนเย็นพรุ่งนี้

“ถึงบ้านแล้วไลน์บอกด้วยนะ”เค้าบอกผมก่อนที่สายจะตัดไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเค้าเท่าไหร่ ว่าจะมาพูดคุยกับผมในทำนองหมาหยอกไก่นี่ทำไม ในเมื่อเราก็มีข้อตกลงกันแล้ว ว่าระหว่างเราสองคน ความสัมพันธ์ของเรามันอยู่ที่ตรงไหน

และแล้วก็ถึงเวลานัดทานข้าวเย็นที่บ้านของคุณแว่นอีกครั้ง ผมเป็นคนแรกที่มาถึงก่อนใคร เพราะเลิกงานปุปก็บึ่งตรงมาเลย ส่วนไอ้เหมาต้องวนไปรับแพทก่อน ส่วนคุณแว่นเจ้าของบ้านกำลังเดินทางกลับ น่าจะมาถึงพร้อมๆ กับไอ้เหมาพอดี ผมที่ถึงก่อนก็ทำหน้าที่เป็นลูกมือให้กับคุณแม่ครับ แต่เห็นรายการอาหารที่คุณแม่ทำแล้ว นี่คุณแม่คิดว่าทานกันกี่คนครับ กะเลี้ยงทั้งหมู่บ้านเลยรึไงเนี่ย

“เยอะขนาดนี้จะทานกันหมดไหมครับคุณแม่”อดที่จะแซวไม่ได้ครับ แต่คุณแม่ก็สวนกลับมาว่าถ้าไม่หมดวันนี้ไม่มีใครได้กลับบ้านแน่นอน ผมเลยย้อนไปอีกว่าบ้านยังมีห้องว่าง เดี๋ยวผมขอไปเตรียมที่นอนรอเลยแล้วกัน เราสองคนก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน พอมาเจอแม่ของคุณแว่นแบบนี้ ผมเองก็อดที่จะคิดถึงแม่ของผมเองไม่ได้ ถ้าตอนนี้แม่ผมยังอยู่ด้วยก็คงจะดีไม่น้อย

“เป็นไรหรือเปล่าลูก”แม่ของคุณแว่นคงจับสังเกตได้ แต่ผมก็บอกปัดไปว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่นึกถึงแม่นิดหน่อย แค่นั้นเอง แล้วก็เป็นจังหวะที่ไอ้เหมากับแพทมาถึงพอดี คุณแม่เลยไม่ได้ซักอะไรผมต่อ

“มาไอ้ตี้ เดี๋ยวให้แพทช่วยแม่ทำต่อ ส่วนมึงมาจิบเบียร์รอเป็นเพื่อนกูดีกว่า”ผมเลยได้ปลีกตัวออกมารอด้านนอกกับไอ้เหมา ไม่นานนักคุณแว่นก็กลับมาถึง พร้อมๆ กับที่อาหารเสร็จเรียบร้อย เราทุกคนช่วยกันยกอาหารออกมาวางที่โต๊ะกินข้าว ซึ่งทั้งคุณแว่นและไอ้เหมาก็คิดเหมือนผมว่า นี่จะกินหมดกันได้ยังไง

“เดี๋ยวนี้ไม่ใส่แว่นแล้วเหรอชาร์ป”คุณแม่เอ่ยทักคุณแว่น จนทุกคนต้องหันไปมอง ผมเองก็เพิ่งเกตว่าเค้าไม่ได้มีแว่นอยู่บนใบหน้า ตั้งแต่เข้าบ้านมาแล้ว แต่เค้าก็เพียงบอกผ่านๆ ว่าลืมหยิบแว่นจากในรถมา

“แล้วมึงมองเห็นเหรอว่ะ ปกติทุกทีไม่มีแว่นนี่มึงบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย”ไอ้เหมาเปิดประเด็นมาอีกแต่เจ้าตัวคนถูกถามก็ยังคงกอนข้าวไม่ได้ มีทีท่าสนใจอะไร ทั้งที่คนทั้งโต๊ะอาหารเนี่ยกำลังจ้องเค้าเป็นตาเดียวเพื่อรอคำตอบ

“กูใส่คอนแทค”คำตอบของเค้าทำเอาทุกคนแปลกใจ รวมทั้งผมด้วย เพราะจำได้ว่าไอ้เหมาเคยบอกผมว่าเค้าไม่ชอบการใส่คอนแทคเลนส์ เพราะยุ่งยากลำบาก เลยขอใส่แว่นดีกว่า และไอ้เหมาก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ถามซ้ำไปอีกว่าทำไมเค้าถึงเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์

“มีคนไม่ชอบที่กูใส่แว่น”หือ นี่ไม่ได้หมายถึงผมใช่ไหม เพราะจำได้ที่เค้าแซวผมวันก่อนที่เรามีอะไรกัน เรื่องกลัวผมไปเผลอใจชอบเค้า แล้วผมบอกว่าไม่ชอบคนใส่แว่น คงไม่หรอกม้าง แต่พอเห็นสายตาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เค้าทำแล้ว ผมก็ชักไม่แน่ใจ

“ใครว่ะ”ไอ้เหมายังคงทำหน้าที่เป็นคนซักต่อไป

“ก็ไม่มีอะไร แค่เวลาไปทำงานข้างนอกแล้วใส่แว่นมันไม่สะดวก ไม่ค่อยทะมัดทะแมง แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไร”ท่าทางการตอบของเค้าดูสบายๆ พร้อมกับกินข้าวไป แต่ผมว่าผมเห็นเค้าแอบอมยิ้ม อยู่แวปนึง แต่ก็ไม่ได้มีใครติดใจเรื่องเค้าใส่คอนแทคเลนส์อีก ว่าแต่ถ้าเค้าไม่ใส่แว่นแล้ว ผมจะยังควรเรียกเค้าว่าคุณแว่นอยู่อีกไหม

“เออ ไอ้ตี้เห็นหมูยอละนึกขึ้นได้ ตกลงอร่อยป่ะวะ”ไอ้เหมาตักยำหมูยอใส่จานตัวเองพร้อมกับทำท่าล้อเลียนผม เรื่องที่คุณเซลล์เอาหมูยอมาฝาก ผมเลยบอกไปว่าก็อันที่มันกำลังกินเนี่ยแหละ เพราะฝากคุณแม่ใส่ตู้เย็นไว้ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

“นั่นแน่ๆ”ไอ้เหมายังคงทำท่าล้อผมไม่หยุด นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงในคุณแม่จะลุกไปตบหัวมันสักทีแล้วครับ

“อะไรกันนิพวกมึงสองคน”ชาร์ปที่ไม่เข้าใจว่าผมสองคนแง่งๆ ใส่กันทำไมเอ่ยขัดขึ้น จนไอ้เหมาต้องอธิบาย แต่ไอ้คำอธิบายของมันนี่ก็นะ มันบอกว่าหมูยอเนี่ย แฟนผมเอามาฝาก แถมหัวเราะอย่างชอบใจ แถมทั้งแพททังคุณแม่ก็ดูจะชอบใจใหญ่ ที่ไอ้เหมาบอกว่าผมมีแฟน

“ไม่ยักรู้ว่าลูกตี้มีแฟน เห็นชาร์ปบอกยังโสด ถ้ารู้ว่ามีแฟนแล้วจะได้ชวนมาทานข้าวด้วยกัน หลายๆ คนสนุกดี”ไปกันใหญ่แล้วครับคุณแม่ นี่ได้ฟังที่ผมปฏิเสธไหมว่า อีตาเซลล์ที่ให้หมูยอผมมานี่ย เพื่อนกัน แถมเพื่อนห่างๆ แบบเพิ่งรู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่ดูคุณแม่จะเชื่อไอ้เหมามากกว่าผมแหละครับ

“แกร๊ก”เสียงวางช้อนที่ค่อนข้างดังทำไมทุกคนต้องหยุด แล้วหันมองเป็นตาเดียวกัน แต่คนที่วางช้อนเสียงดังนั้นกลับไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร เค้ายกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกโดยไม่ได้สนใจว่าทุกคนมองเค้าอยู่

“อิ่มแล้วเหรอลูก”เป็นคุณแม่ที่เอ่ยถามลูกชาย ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น

“ไม่เห็นมึงกินหมูยอ แฟนไอ้ตี้มันบ้างเลย อร่อยนะมึงเนี่ยๆ ลองหน่อย”ไอ้เหมายื่นมือตักยำหมูยอ ส่งให้ทั้งชาร์ป แล้วก็ผมด้วย แต่อีกคนเลื่อนจานออกจากตัวนิดหน่อยเป็นการบอกว่าไม่ทานแล้ว

“เป็นไรละเรา เห็นเพื่อนมีแฟนหมด แล้วตัวเองโสดอยู่คนเดียว แล้วงอนเหรอลูกแม่”สิ้นคำพูดคุณแม่ทุกคนก็หัวเราะกันสนุกสนาน จนชาร์ปต้อง รีบปฏิเสธว่าไม่ได้งอน บรรยากาศกลับมาครื้นเครง ผมกับไอ้เหมาจัดการอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยง อิ่มจนพุงแทบแตกกันเลยทีเดียว

หลังจากช่วยคุณแม่จัดเก็บประมาณนึง ทั้งผม ไอ้เหมากับแพทก็ขอตัวกลับ โดยมีชาร์ปออกมาส่งพวกผม ผมต้องให้เหมากับแพทออกไปก่อน เพราะรถของทั้งคู่จอดขวางรถผมอยู่ ระหว่างรอเลยเปิดดู ข้อความจากคุณเซลล์ ที่ก็ขยันส่งมาเหลือเกิน

“คุยกับแฟนเหรอ”คนที่ยืนรอส่งผมส่งเสียงมา ผมปฏิเสธไป อย่างที่ย้ำไปแล้วตอนทานข้าว แต่ดูไม่ค่อยมีใครยอมเชื่อผม ผมยิ้มให้กับข้อความในมือถือก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนที่จ้องผมอยู่แล้ว

“หึงเหรอ”ผมพูดเบาๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะเดินขึ้นรถ

“เปล่าซะหน่อย”เสียงของอีกคนตะโกนไล่หลังผมมา


แวะมาต่อคร๊าบบ

เรื่องราวก็ยังเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีอะไรมากนะครับของตอนี้ ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามเหมือนเดิมนะครับ

ปล.เรื่องดื่มเบียร์ คนแต่งชอบเบียร์สดมากครับ  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ขุ่นแม่ อยากได้ลูกสะไภ้แบบปาร์ตี้ จัง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชาร์ป ใส่คอนแทคเลนส์เพื่อปาร์ตี้แน่เลย
แถมเริ่มหึงหน่อยๆแล้ว
ติดตาม ชาร์ป ตี้ อย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ
ดีใจที่ไร้ท มาลงต่อ ชอบบบบ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกค่ะๆ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
หึงล่ะสิ  :m12:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 14
กลวิธีปกปิดความลับ

“มึงเนี่ยนะมีนัด”ไอ้เหมาทำท่าไม่เชื่อเมื่อผมปฏิเสธการไปดื่มกับมันในค่ำคืนวันศุกร์แบบนี้ จริงๆ ถ้ามันชวนผมวันอื่นๆ มันก็จะได้รับคำตอบแบบเดียวกันนี่แหละครับ เพราะช่วงนี้ผมเจอกับคุณแว่น แทบทุกวัน แต่ก็ไม่ได้นัดกันไปไหนหรอกนะครับ แค่สลับสับเปลี่ยนสถานที่ไม่บ้านผมก็บ้านเค้า จนตอนนี้ตู้เสื้อผ้าในห้องผมกับห้องเค้า เราต่างมีเสื้อผ้าของกันและกันอยู่ในนั้น หรือบางครั้งก็มีการหยิบเสื้อผ้าของอีกฝ่ายมาใส่ด้วย เพราะเราก็ใส่เสื้อผ้าไซส์ไม่ได้ต่างกันมาก

“แปลกตรงไหนที่กูมีนัด”ผมยังคงตั้งใจเปิดไฟล์งานเอกสารในคอมเหมือนเป็นงานด่วนที่ต้องรีบทำ หากแต่ถ้าไอ้เหมามันสังเกตสักนิดคงจะเห็นว่าไอ้ไฟล์ที่ผมเปิดอยู่นี่แค่เพียง copy สลับกันไปกันมาเฉยๆ ที่ต้องทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้มันมาวุ่นวายกับผมนานครับ และให้เลิกลาการตื้อของมันในการชวนผมไปดื่มเสียที

“ไม่แปลก ถ้ามึงมีแฟน แต่นี่มึงไม่ หรือมึงมีแฟนแล้วไม่บอกกู”ว่าแล้วว่าไอ้นี่มันเซนส์ดีครับ แต่มันก็ผิด ผิดตรงที่ผมไม่ได้นัดกับแฟน แต่เป็นนัดกับเพื่อน เพื่อนที่จริงๆ สนิทกับมันมาก่อนผมนั่นแหละครับ แต่จะให้ผมบอกกับมันได้ยังไงละครับ ว่าตอนนี้เพื่อนมันสองคน ได้กันแล้ว แต่ได้กันในฐานะ sex friends

“อย่ามาปิดบังเพื่อน บอกมาเลยว่ามึงนัดกับใคร”ดูเหมือนมันจะไม่ยอมลดล่ะ ที่จะตื้อผมครับ แต่เหมือนโชคเข้าข้างที่โทรศัพท์ผมดังขึ้นพอดี แต่คนที่ไวกว่าผมคือไอ้เหมาครับ มันคว้าโทรศัพท์ผมไปดูชื่อคนที่โทรเข้ามา

“ชะ ชะ ช่า นี่ใช่ไหมคนที่มึงนัด”เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาทำให้ผมเข้าใจในทันทีว่าทำไมไอ้เหมาถึงทำท่าแบบนั้น เพราะเบอร์ที่โทรเข้ามาคือคุณเซลล์ เจ้าประจำ แต่นั่นก็ทำให้ผมได้ไอเดียบางอย่าง จากที่ตอนแรกกะว่าจะเดินไปคุยให้ห่างจากไอ้เหมาแต่ตอนนี้ ผมเลือกที่จะรับสายให้มันได้ยินผมพูดนี่แหละครับ

“ครับคุณอรรถ”นี่ผมว่าคงเป็นครั้งแรกที่ผมกับเค้าด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าหมั่นไส้ขนาดนี้ ขนาดผมพูดเองยังอดจะรู้สึกหมั่นไส้ตัวเองไม่ได้เลยครับ มันคงจะฟังดูแปลก จนอีกฝั่งก็คงจับสังเกตได้ เพราะเค้าเองก็หลุดขำออกมา แม้เค้าจะชัดเจนว่าพยายามจะจีบผมแต่ผมเองก็ยังชัดเจนว่าไม่เล่นด้วย อีกอย่างในเวลางานแบบนี้ เค้าก็ยังทำตามที่ผมเคยบอกเอาไว้ ว่าขอคุยแค่เรื่องงานเท่านั้น

“เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ”ไอ้เหมาพยายามที่จะเงี่ยหูเข้ามาฟังในโทรศัพท์ผม แต่ผมใช้มือยันมันไว้ ไม่ใช่กลัวมันละลาบละล้วงนะครับ แต่ เดี๋ยวแผนแตกมันจะรู้ว่านี่ผมคุยเรื่องงานอยู่

“ผมไม่ติดขัดอะไรครับ...ครับ...ตามที่คุณอรรถว่าเลยครับ...ครับ...ตามนั้นเลยครับ”

“แล้วเจอกันครับ”จริงๆ คุณเซลล์เค้ากดวางสายตั้งแต่ผมบอกว่า “ตามนั้นครับ” แล้ว แต่เพื่อความสมจริง ผมเลยต้องจบด้วยประโยคท้ายนั้น ให้ไอ้เหมามันเชื่อ อย่างสนิทใจ ซึ่งก็ดูได้ผลมากเลยทีเดียว ผมไม่ได้โกหกอะไรมันเลยนะครับ แค่มันเข้าใจผิดไปเองทั้งนั้น จริงๆ ผมก็แค่ตอบรับการแก้ไขรูปแบบงานที่จะจัดซึ่งเค้าก็ส่งอีเมลมาให้ผมดูแล้ว แค่โทรมายืนยันอีกรอบ

“แหม แหม แหม สรุปนี่ไปถึงขั้นไหนกันแล้วครับคุณปาร์ตี้ ครับ อย่างงั้น ครับอย่างงี้ พูดเพราะมากกกก”ดูท่าจีบปากจีบคอมันแล้วผมแทบอยากจะถีบสักทีครับ

“กลับไปทำงานได้แล้ว กูจะทำงานเนี่ย”ขนาดเอ่ยปากไล่ขนาดนี้มันยังไม่ขยับครับ เวลาหัวหน้าผมไม่อยู่ห้องทีไร ไอ้นี่เป็นต้องมาสิงไม่ยอมไปไหน อย่างนี้เสมอแหละครับ

“จะเขินอะไรวะ ถ้าจะคบเซลล์หน้าหล่อนี่ก็เปิดตัวไปเลย”กูไม่ได้เขินครับคุณเพื่อนเหมา เพราะกูไม่ได้คบกับเค้า อยากจะตะโกนบอกมันออกไปดังๆ แต่ก็นั่นแหละครับ คงจะทำไม่ได้ แถมนี่ก็ต้องขอโทษคุณเซลล์ด้วยอีกคนนะเนี่ย แม้จะเป็นการขอโทษในใจ เค้าก็คงจะไม่ถือโทษผมหรอกมั้ง

ในที่สุดผมก็สลัดไอ้เหมาหลุดสักทีครับ ผมพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว นี่ผมจะปิดเรื่องนี้ยังไงไม่ให้ไอ้เหมามันสงสัย หรือต้องแอบเจอกันเฉพาะวันธรรมดา เพราะถ้าวันปกติ ผมกับไอ้เหมาส่วนใหญ่ก็เจอกันแค่ที่ทำงาน







ผมขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ซึ่งมีรถอีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว เค้าคงมาถึงแล้วสินะ ผมก้าวลงจากรถ ยืนมองนิดนึงว่านี่ถ้าเกิดวันดีคืนดี ไอ้เหมาทะเล่อทะล่ามาหาผม โดยไม่บอกกล่าว มันจะเกิดอะไร ขึ้น ผมว่าตอนนี้หลายๆ อย่างทั้งผมและชาร์ปก็ดูปล่อยให้คนอื่นสังเกตได้ง่ายเกินไป แต่จะว่าคนอื่นกคงไม่ใช่เพราะคนที่น่ากลัวที่สุด คงมีแค่ไอ้เหมาคนเดียวนี่แหละ

“ทำไมมาช้าจังเลย”ทันทีที่ผมปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน อีกคนที่รออยู่แล้ว เข้ามาดักหน้า พร้อมประกบปากมาโดยไม่ให้ผมตั้งตัวเลย ผมต้องรอจังหวะให้เค้าถอนปากออก เพื่อผลักให้เค้าออกห่าง

“ขอคุยก่อนได้ไหม”ผมบอกเสียงเรียบในขณะที่อีกคน ยังพยายามสอดมือเข้ามาในเสื้อผม มันคงเป็นความเคยชินจนเกินไปแล้วที่ทุกครั้งของเราสองคน แค่มาเจอหน้ากัน ก็ไม่มีการพูดจาอะไรกัน มันมักจะเริ่มด้วยการถาโถมเข้าใส่กันอย่างเร่าร้อนก่อน แล้วเรื่องอื่นๆ ค่อยมาว่ากันทีหลัง แต่ครั้งนี้ผมอยากตกลงหลายๆ อย่างก่อน เพื่อป้องกันจะไม่ให้ไอ้เหมาล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเราสองคน

“วันนี้ไอ้เหมาชวนไปดื่มหรือเปล่า”เค้าพยักหน้าเป็นการตอบรับ ซึ่งผมก็เดาไว้อยู่แล้วว่าเค้าก็ต้องถูกชวนเช่นกัน ซึ่งการปฏิเสธของเค้าอาจไม่ต้องยุ่งยากเช่นผม เพราะคุณแว่นไม่ได้ต้องเผชิญหน้ากับไอ้เหมา อย่างครั้งนี้ที่บอกไปแค่ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ก็สามารถปฏิเสธได้แล้ว

แต่ถ้าทั้งผมและคุณแว่น เอ่อแม้ตอนนี้เค้าจะไม่ค่อยใส่แว่นแล้ว ผมก็ยังชอบที่จะเรียกเค้าว่าคุณแว่นนะครับ เพราะจริงๆ ผมก็ไม่ได้ไม่ชอบที่เค้าใส่แว่น ที่พูดไปคราวก่อนก็แค่อยากพูดข่มเค้าแค่นั้นเอง ต่อครับต่อ คือถ้าทั้งผมและคุณแว่นต่างปฏิเสธไอ้เหมาพร้อมกันบ่อยๆ มันก็ต้องผิดสังเกตแน่ๆ

“ต่อไปถ้าวันไหนไอ้เหมานัด เราต้องไปกับมันก่อน ถ้าเราไม่ได้ติดธุระที่อื่นจริงๆ”เรื่องนี้ก็ดูแก้ได้ไม่ยากครับ เพราะจริงๆ ผมกับคุณแว่นเราก็ไม่ได้จำเป็นต้องเจอกันทุกวันขนาดนั้น ช่วงนี้เราสองคนอาจจะยังตื่นเต้นกับเพศรสที่มอบให้กัน แต่ผมว่าอีกสักพักเราสองคนอาจจะเริ่มเบื่อกันก็ได้

“ในรถของอีกฝ่าย เราจะไม่ทิ้งอะไรไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า เราเคลียร์ของในรถกัน”กรณีนี้กันไว้เผื่อวันไหนไอ้เหมาต้องขึ้นรถของพวกเราคนใดคนนึง เพราะตอนนี้ในรถคุณแว่นก็มีของของผมอยู่หลายชิ้นเหมือนกัน และเช่นเดียวกันกับรถของผมที่มีข้าวของ ของคุณแว่นเช่นเดียวกัน

“มือถือ เอามือถือมาเปลี่ยนชื่อ เราสองเมมเบอร์เปล่าๆ กัน โดยไม่ต้องใส่ชื่ออีกคน”จากที่ผมโดนไอ้เหมาแย่งมือถือไปดูชื่อคนโทรเข้า มันทำให้ผมต้องกันเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน แม้คุณแว่นจะพยายามแย้งว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกัน โทรหากันก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไร มันก็คงจะไม่แปลก ถ้าเราไม่ได้โทรหากันทุกวันแบบตอนนี้ เกิดวันไหนแจ๊คพอต โทรไปในวันเวลาที่ไม่เหมาะ ไม่ควรมันจะได้ไม่ผิดสังเกต นอกจากการเมมชื่อเบอร์แล้ว ผมยังจัดการตั้ง password line ให้เค้าด้วย พร้อมกำชับให้เค้าลบแชทที่เราคุยกัน หากอันไหนที่มันดูไม่เหมือนเพื่อนปกติคุยกัน

“นี่ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”เค้าทำท่าหน่ายๆ กับสิ่งที่ผมให้เค้าทำตาม

“ก็ถ้าเรายังอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับอยู่มันก็คงต้องทำแบบนี้แหละ”ผมย้ำกับเค้า เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงสักเท่าไหร่

“ไอ้เหมามันไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอกมั้ง”โหน้อยไปสิครับ ผมบอกกับเค้าว่าไม่ลองมาเจอไอ้เหมามันแทบทุกวันอย่างผม แล้วจะรู้สึก ว่าเรื่องแบบนี้มันฉลาดนักแล ยิ่งเดี๋ยวนี้มีน้องปลาเป็นผู้ช่วย งานการมันก็โยนให้น้องปลาเสียส่วนใหญ่ แล้วมันก็เอาเวลามายุ่งเรื่องชาวบ้านได้มากยิ่งขึ้น

“ครบหรือยังเนี่ย ไอ้กลวิธีปิดบังไอ้เหมาเนี่ย”เค้าพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม เค้าเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมทีละเม็ด แล้วใช้นิ้วลากกรีดจากแผงอกของผม ลากต่ำลงไปจนถึงเข็มขัด มือเค้าคว้าที่เข็มขัดผมเพื่อใช้ดึงตัวผมให้ชิดเข้าหา

“ขออาบน้ำก่อนได้ไหม เหนียวตัวมากเลยเนี่ย”ผมคว้ามือที่กำลังจะล้วงเข้าไปในกางเกงนั้นไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายมีท่าทีไม่พอใจ หากแต่มีสายตาวิบวับส่งกลับมาให้ผม แน่นอนว่าผมเข้าใจดีว่าสายตานั่นหมายความว่ายังไง เพราะเพียงไม่นาน ร่างเปลือยเปล่าของเราสองคน ก็มาอยู่ใต้ฝักบัวเดียวกัน สายน้ำที่เย็นช่ำ ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนรุ่มของเราลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

เราต่างมอบความหวาบหวามให้กัน มันยังเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ และหอมหวานสำหรับเราทั้งสองคน ที่แม้เติมเต็มให้กันเท่าไหร่ก็ยังไม่อิ่มเสียที ความรู้สึกนี้ผมว่า ผมคงไม่ได้รู้สึกไปเองคนเดียว สังเกตได้จากการตอบสนองของอีกฝ่ายก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ความรู้สึกนี้มันจะคงอยู่ยาวนานขนาดไหน วันนึงที่ความตื่นเต้น ความแปลกใหม่มันลดลง เราก็คงต้องจบความสัมพันธ์นี้

เมื่อถึงวันนั้น เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกันอย่างเดิมได้ไหม คงเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา แม้ในตอนแรกเราจะตกลงกันไว้แบบนั้น แต่เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ มันจะเป็นยังไงก็คงต้องรอดูกันต่อไป

“นี่เราต้องหาตัวหลอก ไว้เหมือนตี้ด้วยไหมเนี่ย”หลังจากผ่านกิจกรรมใต้ฝักบัวแล้ว ตอนนี้เราทั้งคู่ก็มานอนคุยกันที่เตียงของผม เขาเล่าถึงเรื่องวันนี้ที่ไอ้เหมาเข้าใจผิด ว่าผมจะไปกับคุณเซลล์ แถมไอ้เหมาก็โทรไปเล่าให้คุณแว่นฟังเป็นตุเป็นตะว่าผมคบกับคุณเซลล์อย่างจริงจังแล้ว

“ก็แล้วแต่ชาร์ปสิ หรือจะจีบใครเป็นเรื่องเป็นราว ก็จีบไปเลย แต่ถ้าตกลงคบกับใครจริงจังก็บอก เราจะได้ยุติความสัมพันธ์นี้”ผมบอกออกไปตามตรง เพราะมันคือสิ่งที่เราตกลงกันตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องคุณเซลล์จริงๆ ผมก็ไม่ได้จะใช้เค้าเป็นตัวหลอกอะไรหรอกนะครับ เดี๋ยววันหลังคงต้องหาทางทำความเข้าใจกับไอ้เหมาใหม่แล้วละครับ

“ถ้าเราไปจีบใคร ตี้จะหึงเราป่ะ”เค้าถามพร้อมกลับพลิกตัวมาคร่อมผมไว้ ก่อนริมฝีปากนั้นจะโน้มมาบดลงที่ริมฝีปากของผม ลิ้นสากๆ ของเค้าถูกส่งเข้ามาในโพรงปากของผม ผมปล่อยให้ลิ้นของเราได้หยอกล้อกันสักพัก ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเค้าออก

“บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่หึง”

“สักนิดก็ไม่เลยเหรอ”เค้าก้มลงมากระซิบข้างๆ หูของผม พร้อมกับใช้ฟันขบเบาๆ ที่ติ่งหูของผม



มาต่อเหมือนเดิมคร๊าบบบบ

ขอบคุณที่ติดตามกันเช่ยเคยครับ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
อะแฮ่มๆๆ อยากจะเห็นวันที่ทั้งสองยุติความสัมพันธ์แบบนี้จริงๆ
ดูสิใครจะรู้สึกอะไรก่อน หุหุ

Sex friend แบบนี้ระวังคนใดคนหนึ่งไปตกหลุมเข้าล่ะ เดี๋ยวถอนตัวไม่ขึ้น

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ชอบเหมา นางดูแสนรู้ จับผิดเก่งเหลือเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

อ่านไปลุ้นไป กลัวแจ็คพอตแตก  :katai1: :katai1: :katai1:

หลงใหลในความสัมพันธ์อันคลุมเครือนี้จัง แต่เรา #ทีมตี้ นะ


ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด