“คุยอะไรกัน เล่ามาให้หมด” เมื่อทุกคนรวมตัวกันที่ห้องชวินอีกครั้งเจ้าของห้องก็เอ่ยปากถามหลังจากโดนเจ้าของเรื่องบ่ายเบี่ยงมานาน
“คุยแค่ไม่กี่คำเอง ไม่มีอะไรหรอก” สิงหาอมยิ้มตอบสั้นๆ โบ้ที่เพิ่งเลิกงานมายังไม่รู้เรื่องราวอะไรได้แต่มองซ้ายขวางงๆ
“มีเรื่องอะไรกัน” เมื่อไม่มีใครตอบ แถมสิงหาก็เล่นสงครามประสาทกับชวินไม่เลิกเขาเลยหันมาถามเต้ที่นั่งหัวเราะเพื่อนอยู่
“วันนี้พีทมันมาคุยกับสิงมัน ปิดห้องคุยกันสองคนไอ้ชวินเลยอยากรู้ไง สิงมันก็ไม่เล่าบอกให้รอมึงมาก่อน”
“อ้อ งั้นสิงก็เล่าสิ อยากรู้เหมือนกัน ทำไมพีทมันมาที่นี่ได้ล่ะ”
“ตามชวินมาจากงานน่ะ กูเลยคุยให้จบๆ สักทีจะได้ไม่ต้องพยายามอีก”
“เออนั่นแหละ คุยว่าไงก็เล่าสักทีสิครับคุณสิง ลีลานะมึง” ชวินขว้างหมอนอิงใส่ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อน ทำเหมือนมีเขาอยากรู้คนเดียวงั้นแหละ อยากทุกคนแต่ปล่อยให้เขาบ้าคนเดียว ไม่ยุติธรรมเลย แต่จะเลิกเซ้าซี้ก็ทำไมได้อีก เวร
“ก็ขอโทษ ขอคืนดี ขอโอกาสประมาณนั้น”
“แล้วมึงว่าไง”
“ไม่ว่าไง ก็บอกว่าจบกันแล้ว เลิกกันแล้ว ไม่ต้องมาหาอีก”
“แล้วไงอีก กูว่ามันต้องขอเป็นเพื่อนไปก่อนแน่ๆ เลย แล้วพอมึงใจอ่อนก็ค่อยกลับไปคบกัน ตามฟอร์ม”
“เออ พวกมึงก็เดาได้จะมาถามกูอีกทำไม”
“กูอยากรู้ว่ามึงตอบว่าไงมากกว่า ว่าไง”
“ก็บอกไม่เป็น กูกับพีทไม่เคยเป็นเพื่อนกันจะกลับไปเป็นเพื่อนได้ไง กูเลยบอกให้มันบอกมึงดีกว่า ฮ่าๆๆ”
“เหี้ย โยนขี้ให้กู ไม่เป็นเว้ย”
“เออ ก็แค่นั้น ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วมันจะเลิกจริงเหรอวะ นิสัยอย่างนั้นกูว่าไม่”
“กูก็ว่าไม่”
“อืม คิดว่าไม่เหมือนกัน”
“ก็แล้วแต่มัน ต่างคนต่างอยู่ ให้เจอกันตามงานกูก็คุยได้นะ ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว”
“กลัวแม่งจะเล่นข่าวมึงน่ะสิ เรื่องเหี้ยๆ งานถนัดบ้านมัน”
“ก็ช่างมัน อะไรก็เกิดก็เกิด เมื่อก่อนตอนเกิดเรื่องกูบ้าไปเองด้วย จริงๆ มีวิธีรับมืออีกเยอะแยะแต่ตอนนั้นกูคิดไม่ออก เซ็งด้วย ปิดจ็อบแล้วหนีไปอยู่กับพ่อแม่สบายใจกว่า แต่จริงๆ ปัญหามันก็ไม่ได้จบแค่นั้น ตอนแรกๆ ที่กูไปกูคิดตลอดเลยนะว่าไมเกิดเรื่องแบบนี้กับกูวะ กูพลาดอะไรไปตอนไหน ทำไมคนนั้นอย่างนี้ ถ้ากูทำอย่างนั้นจะเกิดอย่างนี้ไหม คิดวนๆ มีแต่คำว่าถ้ากับทำไมจนแม่เป็นห่วง พาลจะป่วยกันทั้งบ้าน แต่ก็ดีว่ะที่เกิดเรื่อง ทำให้สนิทกับพ่อมากขึ้นด้วย”
“เออ คิดได้ก็ดี กูรู้ว่าเรื่องแค่นี้ทำอะไรมึงไม่ได้หรอก แต่พอมึงไม่เปลี่ยนเบอร์ไม่ติดต่อพวกกูเลยแม่งก็ลังเลเหมือนกันนะว่ามึงจะสติแตกไปหรือเปล่า ไอ้ชวินก็ไม่อยู่กับล่องกับรอยเอาแต่โทษตัวเอง”
“ขอโทษทีว่ะ ตอนนั้นรู้สึกอยากชัตดาวน์ตัวเองสักพัก พอมีอะไรทำเพลินๆ ก็ลืมทางนี้ไปเลย แรกๆ ก็โกรธเลยคิดว่าปล่อยให้รู้สึกผิดไปแหละดี พอหายโกรธก็เลยติดต่อพวกมึงไง”
“เพื่อนเลว ปล่อยกูเครียดจนผมร่วง” ชวินด่าขำๆ นึกถึงเรื่องราววันนั้นแล้วได้แต่ถอดหายใจ คำถามที่ไม่มีคำตอบสำหรับทุกคนคือคำว่าถ้าหาก แม้แต่สิงหาผู้ชายที่เขาและเพื่อนๆ คิดว่าเพอร์เฟ็กที่สุดก็ยังไม่พ้นจากคำถามนี้ โชคดีที่สิงหาเป็นคนเข้มแข็งและเด็ดขาดแต่กระทั่งเรื่องหัวใจ พีทลืมคิดถึงเรื่องนี้ถึงทำให้เสียผู้ชายดีๆ ไป
วันรุ่งขึ้นสิงหาตื่นแต่เช้าเพราะมีถ่ายรายการทำอาหาร พิธีกรและเจ้าของรายการคือดาราหนุ่มที่เขาเคยร่วมงานด้วย คอนเซ็ปรายการคือแขกรักเชิญต้องทำอาหารหนึ่งอย่างและต้องเลือกวัสดุต่างๆ เองจากซุปเปอร์มาร์เก็ทที่เป็นสปอนเซอร์รายการ
“ปกติทำอาหารกินเองบ่อยเหรอครับ ดูคล่องมากเลย” พิธีกรรุ่นพี่ถามเมื่อดูท่าทางคล่องแคล่วในการใส่ปรุงหมักหมูสับสำหรับทำมีทบอล
“ไม่บ่อยครับ ถ้าอยากกินอะไรถึงจะทำเอง หรือนัดกินข้าวกับเพื่อนก็จะช่วยๆ กันทำมากกว่า”
“พี่รู้มาว่าสิงไปอยู่อังกฤษมาหลายปี คิดถึงอาหารไทยไหม หรือว่าทำกินเองที่นั่น”
“ใช่ครับ ผมไปอยู่มาหกปี จริงๆ พ่อผมเคยเป็นทหารมาฝึกที่ไทยเลยชอบอาหารไทยนะ แม่เลยทำให้กินบ่อย แต่ผมทำอาหารไทยไม่เก่ง ใส่เครื่องครบนะแต่รสมือมันไม่ได้เคยเป็นไหมครับ”
“ใช่ๆ พี่ก็เป็น อย่างส้มตำไง ต่อให้ตำเป็นแต่อร่อยไม่เท่าซื้อตามร้านจริงๆ มันไม่แซ่บ”
“ใช่เลยพี่ ส้มตำคือเมนูปราบเซียน เวลามีงานวัดไทยที่นั่นผมจะไปเดินหาส้มตำกินตลอด คนไทยตำเองแซ่บมาก แต่กินบ่อยไม่ไหว อาหารไทยที่นั่นแพง”
“กลิ่นหอมมากเลยนะ อยากให้คนทางบ้านได้กลิ่น ใส่เนื้อมะเขือเทศสดแบบนี้รสชาติมันจะสดชื่นกว่ามะเขือเทศบดในกระป๋องนะครับ อันนี้แล้วแต่ความสะดวก บางคนรีบๆ มีแบบกระป๋องติดบ้านก็สะดวกดี”
“จริงครับ ถ้าผมทำกินคนเดียวก็ซื้อแบบกระป๋อง ลวกเส้นคลุกๆ ใส่หมูสับกินได้เลย แต่วันนี้ถ้าทำอย่างนั้นเดี๋ยวไม่ได้โชว์ฝีมือ”
“โอเคโชว์ได้เต็มที่เลย เชื่อว่ามีทีมงานสาวๆ หลายคนรอชิมแล้ว”
“เดี๋ยวทำสุดฝีมือเลย ไม่อร่อยบอกอร่อยนะครับ”
“ฮ่าๆๆ ตกลงไงเนี่ย”
“ล้อเล่นครับ อร่อยๆ” สิงหากระพริบตาข้างเดียวเล่นกับกล้องอย่างรู้จังหวะ โปรดิวเซอร์รายการและทีมงานคนอื่นยืนมองแล้วความโล่งใจ หลายครั้งที่แขกรับเชิญทำอาหารไม่เป็น ทางรายการจะมีการเซ็ทอาหารขึ้นมานิดหน่อย มีการเตรียมเครื่องปรุงส่วนผสมต่างๆ ตวงใส่ถ้วยไว้ให้เทปรุงได้เลย ไม่ต้องกังวลว่ารสชาติจะไม่อร่อย พอถึงช่วงให้คนอื่นชิมจะได้ไม่เสียหน้ามาก วันนี้เซ็ทครัวขึ้นมากลางห้างก็มีประชาชนยืนดูมากพอสมควร เสน่ห์ของสิงหาไม่ได้ลดลงตามกาลเวลา เขารู้จักพูดเปิดประเด็นต่อบทสนทนาให้ดูผ่อนคลาย รู้จังหวะและมุมกล้องดีมาก
หลังทำอาหารเสร็จ พิธีกรและสิงหาชิมกันคนละหลายคำ พิธีกรยอมรับว่าอร่อยกว่าที่เขาคิดไว้ เขาเดินเข้าหากลุ่มฝูงชนทื่ยืนดูการถ่ายทำ
“สวัสดีครับคุณป้า เห็นยืนมองตั้งแต่ต้นเลย ลองชิมไหมครับ” พิธีกรเดินตรงไปหาหญิงสูงวัยคนหนึ่งที่ยืนมองตั้งแต่ต้น ท่าทางน่าจะไม่ใช่แฟนคลับสิงหาแต่สนใจการทำอาหารมากกว่า สิงหาช่วยม้วนเส้นสปาเก็ทตีใส่ส้อมพอดีคำแล้วยื่นให้ ต่อให้ไม่ใช่แฟนคลับแต่เห็นหนุ่มหล่อใกล้ๆ คุณป้าก็อดหัวเราะเขินอย่างน่ารักออกมาไม่ได้
“ชิมแล้วบอกตรงๆ ไม่ต้องเห็นแก่หน้าหล่อๆ ของคนทำนะครับ แหม ดูท่าคำนี้จะอร่อยเป็นพิเศษด้วยสิ” พิธีกรแกล้งแซวเรียกเสียงหัวเราะรอบด้าน คุณป้าหยิบส้อมเข้าปากเคี้ยวอาหารช้าๆ รสเปรี้ยวของมะเขือเทศให้ความรู้สึกสดชื่นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมากกว่าซอสแบบสำเร็จ กลิ่นหอมของเครื่องเทศทั้งหมดกระตุ้นความอยากอาหารได้ดี มีทบอลที่เปลี่ยนมาใช้เนื้อหมูแทนก็ปรุงรสได้ดี มีกลิ่นหอมของออริกาโน ทอดเป็นก้อนกำลังดี ไม่ยุ่ยเละเสียรูปทรง
“อร่อยมากๆ ปกติป้าไม่ชอบพวกอาหารฝรั่ง กะจะดูไว้ไปทำให้หลานกินแต่มันอร่อยจริงๆ คนแก่ก็กินได้”
“คุณป้ายังไม่แก่ยังหน่อยครับ ยังแข็งแรงอยู่เลย”
“ปากหวานนะพ่อคุณ ป้าขอยืมสูตรไปทำเองบ้างนะ”
“ได้เลยครับ ของทุกอย่างซื้อได้จากในห้างเลย ตัวซอสทำไว้เยอะๆ แล้วเก็บใส่ตู้เย็นได้นะครับ พอจะกินก็ทอดหมูแล้วเอาซอสมาคลุก แม่ผมก็ชอบทำอย่างนี้”
“โอ จ้ะๆ เดี๋ยวป้าจะลองไปทำ”
“เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้คนอื่นยืนกลืนน้ำลายแก้หิว เดี๋ยวผมจะให้ทีมงานแบ่งใส่ถ้วนเล็กๆ ให้ลองชิมกันนะครับ รายการออกอาหารทุกวันเสาร์แปดโมงเช้า ฝากติดตามด้วยนะครับ” พิธีกรเห็นฝูงชนยังให้ความสนใจเลยเตรียมให้ทีมงานเอาอาหารที่เหลือในกะทะอีกนิดหน่อยไปแบ่งกันชิม แต่สิงหากลับขออาสาทำใหม่ ไหนๆ ส่วนผสมทุกอย่างก็มีพร้อม เสียเวลาไม่นานแต่ได้กินกันทั่วถึงกว่าเดิมจะดีกว่า
“ขอบคุณนะสิง เอ็งทำอาหารอร่อยว่ะ พี่เพิ่งรู้”
“เมื่อก่อนทำไม่ค่อยเป็นเลยพี่ วันๆ ทำแต่งาน พอไปอยู่นั่นได้ลองทำมันก็สนุกดี อีกอย่างมันง่ายกว่าอาหารไทยด้วย ถ้าให้ทำอาหารไทยนี่ยากเลย ผมใส่พวกซอสไม่ถูก”
“เออจริง อาหารเอเชียนี่ส่วนใหญ่ไปปรุงในกระทะในหม้อ แต่ฝรั่งเขาจะหมักๆ ไว้หรือทำซอสไว้ก่อน ใครกะน้ำหนักมือยังไม่เก่งก็ยากหน่อย”
“ผมเคยลองทำผัดฉ่าทะเล อยากกินมาก เครื่องปรุงพร้อม สูตรเขียนน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 3 ช้อน ผมยืนงงเลย กะไม่ถูกว่าเหยาะกี่จึ๊กถึงเป็นหนึ่งช้อน เห็นคนทำเก่งๆ เขาไม่ต้องตวงกัน เหยาะๆๆ เสร็จ อร่อย ผมเสียเวลาตวงกว่าจะอร่อยพริกกระเทียมเกือบไหม้ตลอด ง่ายสุดคือให้แม่ทำ”
“ฮ่าๆๆ เออ เอ็งไปแสดงหนังก็พอ อย่ามาแย่งอาชีพพวกพี่ แล้วนี่กลับมาเต็มตัวแน่ใช่ไหม”
“ก็น่าจะงั้นนะพี่ ก็เริ่มรับงานแต่คงไม่รับละครเหมือนเมื่อก่อน พี่มีอะไรเรียกใช้ผมได้นะ ช่วงนี้ยังว่างๆ อยู่”
“พูดงี้แสดงว่ารับหนังไว้แล้วใช่มั้ย ของใครวะ”
“ของนักรบ แล้วพี่ไม่แสดงแล้วเหรอ”
“ไม่ค่อยว่ะ นานๆ จะรับละครสักเรื่อง ชอบทำอาหารมากกว่า สบายใจดี พี่มีเพื่อนทำรายการช่องยูทูบ มันอยากให้สิงไปออกอยู่นะ รายการอาหารนี่ล่ะ ไปกินตามร้านเก่าแก่ที่คนอาจจะไม่รู้จักแล้ว ไม่เน้นร้านกระแส อาจจะมีไปต่างจังหวัดแล้วแต่ว่าร้านอยู่ที่ไหนน่ะ สนใจไหม”
“ก็ได้นะ ขอแค่ไม่พูดเรื่องเก่าๆ ก็พอ”
“เออ พี่รู้น่ะ จริงๆ น่าจะพูดบ้างนะ พี่ไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นยังไงแต่พี่รู้ว่าเอ็งไม่ใช่คนผิดแน่ๆ พี่เอาใจช่วย มีอะไรให้ช่วยก็บอก เส้นสายพี่ยังพอมีอยู่บ้าง”
“ขอบคุณครับพี่” สิงหายกมือไหว้ ในใจรู้สึกผิดที่เขาเคยหันหลังให้กับหลายๆ คนเพียงเพราะคนไม่ดีไม่กี่คน คนรอบข้างชอบบอกว่าเขาเป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดา เวลาโกรธก็โทษคนอื่น พาลเกเรไปเรื่อย เพียงแต่การแสดงออกไม่ได้เอะอะโวยวายเลยมองว่าใจเย็น ส่วนการกระทำนั้นตรงข้าม อย่างที่เขาหนีจากเพื่อนฝูงและวงการไป นี่ก็คือการแสดงความโกรธแล้วพาลอย่างหนึ่ง แต่เขามักจะมีสติคิดได้ปลงตกเร็วหน่อย แค่ตัดสินใจจากไปใช้ชีวิตกับครอบครัวได้สักเดือนภาวะอารมณ์ทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ หาคำตอบให้คำถามในใจ แน่นอนว่าไม่ใช่การแบกรับความผิดทั้งหมด แล้วโทษตัวเองอย่างเดียวแน่นอน มีคนทำเรื่องไม่ดีใส่ เราไม่พอใจ โกรธ เกลียด เลิกคบ ทุกอย่างมันก็แค่นี้ แต่พีทกลับพยายามไม่เข้าใจ คนรักกันคบกันก็เพราะรัก ถ้าทำเรื่องเลวร้ายใส่อีกฝ่ายก็แสดงว่าไม่รักแล้ว เมื่อเขาไม่รักแถมยังทำเลวใส่อีกก็ไม่มีเหตุผลให้เรารักเช่นกัน ไม่รักก็ไม่คบ ส่วนเรื่องแย่ๆ พวกนั้นจะโกรธต่อหรือไม่มันก็สิทธิของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับอีกฝ่ายที่เป็นเพียงอดีตไปแล้ว
“ผมเขียนรายละเอียดงานคร่าวๆ ที่ต้องทำให้ได้มา ปิงลองเอาไปคุยดูนะครับว่าเขาพอทำได้ไหม ไม่ต้องขับรถตามผมไปทำงานด้วย ยกเว้นบางครั้งที่จำเป็นจริงๆ ก็อาจจะต้องไป อันนี้ต้องคุยกันอีกที” ถ่ายรายการเสร็จกลับมาถึงคอนโดฯ เห็นน่านนทีนั่งประจำตำแหน่งส่งยิ้มจนตาหยี เขาอดไม่ได้ต้องเดินเลี้ยวกลับมาหา ทักทายนิดหน่อยก่อนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วถือกระดาษที่จดรายละเอียดงานลงมาคุยต่อ
“ไม่ต้องคอยตามดูแลเวลาไปถ่ายละครถ่ายรายการเหรอครับ ปิงเห็นในละครเขาตามประกบตลอดนี่”
“ไม่ต้องครับ ถ้าสมัยวัยรุ่นก็มีตามเหมือนกัน แต่ตอนนี้โตแล้วก็ไม่ต้อง แต่ถ้าผู้หญิงก็จะมีตามประกบนะส่วนใหญ่”
“ปิงเคยเห็นเขาไปถ่ายเบื้องหลังรายการหรือละครบางคนเขาก็มีผู้จัดการนะ”
“บางคนคิวงานเยอะก็ต้องมีประกบครับ ช่วยขับรถให้บ้างหรือช่วยดูแลความเรียบร้อย อย่างผมเมื่อก่อนก็ต้องมีเพราะผมไม่ขับรถเอง เวลาอยู่บนรถก็จะท่องบทไม่ก็นอนพัก ออกงานก็ต้องมีคนประกบหน่อย บางงานเขาเลทกว่าเวลาที่ตกลงไว้แต่เรามีงานต่อ ผู้จัดการก็ต้องไปเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ หน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวมีหลายอย่างครับ ต้องมีคอนเน็คชั่นเยอะๆ คอยหางานใหม่ๆ ให้ด้วย แต่ที่ผมหาตอนนี้เป็นกึ่งๆ ผู้ช่วยมากกว่า”
“อืม ส่วนใหญ่เน้นพวกงานเอกสาร สัญญา นัดหมาย มีซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยเหรอครับ”
“พวกเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว น้ำหอม ครีมล้างหน้า บำรุงอะไรพวกนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาไปเดินซื้อเอง อาจจะรบกวนเดือนละครั้ง แต่งานส่วนใหญ่เป็นเรื่องเอกสารกับติดต่อหน่วยงานหรือบริษัทฯ มากกว่า เดี๋ยวผมต้องเริ่มลงคอร์สเรียนการแสดงเพิ่ม เรียนภาษามือ แล้วช่วงนี้ก็เตรียมสร้างบ้าน ถ้าแปลนเสร็จก็เริ่มสร้างเลย มันจะต้องติดต่อช่างนัดคุยงานตรวจงานบ้าง บางทีผมอาจไม่ว่างเองถ้ามีคนมาช่วยตรงนี้ก็จะเบาภาระไปเยอะ แล้วก็มีร้านที่กำลังจะเปิดกับเพื่อนอีก ต้องติดต่อศุลกากรด้วยเพราะจะนำสินค้ามือสองมาขาย สรุปคือผมดูแลตัวเองได้ แต่อยากได้ผู้ช่วยดูแลเรื่องอื่นๆ ให้ผมต่ออีกทีน่ะครับ”
“โห คุณสิงงานเยอะจัง ปิงนึกว่าคุณจะว่างๆ รับแต่งานแสดงซะอีก โปรเจ็คคุณเยอะมากเลย”
“ผมก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน แล้วปิงคิดว่าคนที่ปิงจะติดต่อเขาจะทำไหวไหม”
“น่าจะไหวนะครับ พี่ฝ้ายคล่องมาก งานคุณสิงเหมือนเน้นโทรคุยซะส่วนมาก พอนัดๆ แล้วค่อยขับรถไปใช่ไหมล่ะ พี่เขาน่าจะทำได้ แล้วต้องไปเรียนงานกับคนอื่นด้วยเหรอครับ”
“ใช่ครับ ตอนนี้พี่อ้วนผู้จัดการส่วนตัวนักรบเป็นคนช่วยดูแลผมอยู่ แต่เดี๋ยวหนังจะเริ่มเปิดกล้องพี่เขาก็จะไม่ว่างอีก พี่ฝ้ายของปิงต้องไปประกบพี่เขาคอยเรียนรู้งานแล้วก็อาจได้คอนเน็คชั่นมาด้วย เหมือนพาน้องใหม่ในวงการไปแนะนำตัวกับคนอื่นๆ เวลาติดต่องานแทนผมก็จะสบายขึ้น ถ้าติดต่องานใหม่ให้ผมได้ก็ได้เปอร์เซ็นต่างหากครับ ไม่รวมกับเงินเดือนที่ผมเขียน”
“เห็นตัวเลขแล้วปิงอยากสมัครเองเลยเนี่ย แต่ฟังแล้วปิงคงไม่ไหวแน่นอน”
“ถ้าปิงเปลี่ยนใจผมยินดีรับนะ”
“ไม่เอาหรอก ปิงพูดเล่น แล้วพรุ่งนี้คุณสิงไม่มีงานเหรอครับ”
“มีธุระตอนบ่ายนิดหน่อย พรุ่งนี้ปิงก็ทำงานเวลานี้ใช่ไหม”
“ครับ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เลย ออมรถเสียปิงเลยเหมารอบดึกคนเดียว คุณสิงอดกินอาหารร้อนๆ ไปหลายวันหน่อยนะ” ปกติถ้าเขามาตอนดึกปิ่นโตจะถูกแช่ในตู้เย็นจนเช้าสิงหาถึงมาเอาไป อาหารมันก็จะเย็นมากหน่อยแต่ยังอร่อยเหมือนเดิม น่านนทีแอบภูมิใจในเสน่ห์ปลายจวักของแม่ตัวเอง
“อุ่นก็อร่อยเหมือนเดิมครับ แล้ววันนี้ในปิ่นโตมีอะไร ทำไมไม่คิดเงิน”
“แม่ทำของไปถวายเพลครบรอบวันตายตาน่ะครับ เลยแบ่งมาให้จะได้ได้บุญด้วย แล้วก็...มีน้ำมนต์ด้วยหนึ่งขวด”
“อันนี้ถูกวัดแล้วใช่ไหม”
“อันนี้แก้ขัดไปก่อนครับ พอดีหลวงพ่อพรมน้ำมนต์ให้ปิงเลยขอที่เหลือใส่ขวดมา แต่วัดนี้ก็ดังนะครับ พระอาจารย์เทศน์เก่ง ตอนสวดมนต์ข้ามปีคนไปจองที่กันเต็มวัดเลย”
“ปิงก็ไปเหรอ ผมไม่เคยเลย แต่โบ้เพื่อนผมมันไปบ่อย”
“ปิงก็ไม่เคยไป แม่กับพ่อไปแต่ไม่ค้างนะครับ สวดเสร็จก็กลับ แต่ปีก่อนไม่ได้ไปแล้ว คนเยอะเบียดกัน สวดหน้าหิ้งพระที่บ้านก็ได้”
“ตอนอยู่อังกฤษผมก็เคยไปนะครับ วัดไทยที่นั่นก็จัดเหมือนกันแต่ผมไปเดินซื้อของกินแล้วก็กลับ ไม่ได้สวดมนต์กับเขาหรอก”
“อาหารไทยที่นั่นเป็นไงครับ ปิงเคยทำงานโรงแรม ส้มตำเอย ต้มยำเลย ไม่ใช่รสคนไทยสักนิดแต่ต่างชาติชอบมาก”
“ถ้างานในวัดไทยส่วนใหญ่ก็คนไทยนี่แหละครับทำ แซ่บไม่ต่างจากที่นี่แต่ราคาแพงมาก ส้มตำอย่างถูกๆ ก็ครกละสองสามร้อย ขนาดผมยังกินบ่อยไม่ไหวเลยครับ”
“แพงจัง กลับมานี่คุณสิงก็กินให้หายอยากเลยสิครับ ร้านในซอยปิงไม่ได้พาไปกินสักที ถ้าอยากกินคุณสิงโทรลงมาสั่งก็ได้ ลูกบ้านสั่งบ่อย”
“ผมอยากกินหลายๆ อย่างน่ะสิ แต่เพื่อนผมไม่ชอบกินเลย ถ้าปิงว่างกินเป็นเพื่อนได้ไหมครับ จะได้สั่งหลายๆ อย่าง ผมชอบซุปหน่อไม้กับตับหวานด้วย ไม่รู้ที่ร้านมีรึเปล่า”
“มีครับ ตับหวานอร่อยปิงชอบ กับยำคอหมูย่าง”
“พูดแล้วน้ำลายจะไหล ปิงว่างวันไหนล่ะครับ จะได้นัดไว้ก่อน” สิงหาเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบเลยถามย้ำกึ่งบังคับให้ว่าง
“ก็...อังคารหน้าดีไหมครับ ปิงทำงานครึ่งเช้า กินตอนบ่ายพอดี”
“โอเค นัดกันแล้วนะ ห้ามเบี้ยวนะครับ”
“ไม่เบี้ยวหรอกครับ คุณสิงน่ะ”
“โอเคครับ งั้นผมขึ้นห้องก่อนนะ จะได้กินมื้อดึกด้วย เริ่มหิวเหมือนกัน ปิงตั้งใจทำงานนะครับ”
“ครับผม คุณสิงก็รีบพักผ่อนนะ”
“ครับ ก่อนนอนเดี๋ยวผมโทรหาอีกทีนะ”
“มีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“โทรมาขอฝันดีไงครับ นะ”
“...ครับ”
ในห้องทำงานมีเสียงเพลงคลอเบาๆ ไม่ให้เงียบเหงาเกินไป มือข้างหนึ่งถือชามใส่ข้าวราดแกงเขียวหวานปลากราย มืออีกข้างยกน่องไก่ทอดแทะอย่างเอร็ดอร่อย ถึงจะดึกมากแล้วแต่มื้อสุดท้ายที่สิงหากินคือตอนบ่ายกว่า ถ้าไม่เห็นปิ่นโตเขาก็ลืมหิวไปเหมือนกัน สายตาคู่คมมองหน้าจอแล็ปท็อปที่ฉายภาพจากเมมโมรี่กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ ภาพเร่งความเร็วไปเรื่อยๆ เขาเปิดเล่นทุกไฟล์ต่อกันจนหมด ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวผิดปกติ มีภาพแม่บ้านที่จ้างให้ทำความสะอาด หลายครั้งที่ผ่านมาก็ทำงานเรียบร้อยดี ยิ่งเห็นภาพจากกล้องก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมมาตรฐานพนักงานของที่นี่ ทุกคนทำงานเต็มที่ทั้งต่อหน้าและลับหลังลูกบ้าน ล่าสุดแม่บ้านเพิ่งแจ้งเขาว่าขอลดเวลาทำงานเป็นสี่ถึงห้าชั่วโมงต่อวันแทน เพราะห้องค่อนข้างเป็นระเบียบ ใช้เวลาไม่นานขนาดต้องทำเต็มวัน เรียกได้ว่าซื่อสัตย์ต่อหน้าที่มาก ผมหยิบเมมโมรี่จากกล้องในห้องนั่งเล่นตัวแรกออก ใส่เมมโมรี่จากกล้องตัวที่สองในห้องนั่งเล่น กล้องนี้จะเห็นไปถึงหน้าประตู ระหว่างมองภาพเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มือก็ตักอาหารเข้าปากไปเรื่อยๆ จนหมดพร้อมคลิปจากกล้องพอดี เหมือนเมมโมรี่อันสุดท้ายจากกล้องในห้องนี้...ห้องทำงาน
—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—
ตอนหน้าเราจะมาอัพดึกๆ นะคะ
ป.ล. 2 คนข้างบนกลับมาอ่านให้จบตอนก่อนน้าาาาาาาาาา
ห้องสวยๆ จ้า
cr.Pinterest