รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคพี่ตอเต่า)EP.5 สิ่งที่พี่ตุ๊คิด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาคพี่ตอเต่า)EP.5 สิ่งที่พี่ตุ๊คิด  (อ่าน 468 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2024 22:51:21 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
สารบัญ

EP.1 แนะนำเรื่องและตัวละคร

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.1แนะนำเรื่องและตัวละคร

 

คำเตือน
นิยายเรื่องนี้แต่ขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง

ไม่มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

องกรณ์ หรือหน่วยงานใด สถานที่และเหตุการณ์ถูกสมมุติขึ้นมาเท่านั้น

เนื้อเรื่องเหมาะกับผู้มีอายุ

18 ขึ้นไป

เนื้อหามีความรุนแรงทางเพศ

มีคำศัพท์วัยรุ่นและคำหยาบค่อนข้างเยอะ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เนื้อเรื่องมีการบิดเบือนจากความจริง

 

เรื่องนี้ส่วนหนึ่งของ

รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (เป็นภาคพี่บ้านตอเต่า) เป็นภาคแยกมาจากของพี่ๆ

จากเรื่อง รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน (ภาค น้องๆ เขารักกัน และพี่ๆ

ก็จะรักกัน)

 

ปล.เรื่องนี้อาจจะซับซ้อนและมีหลายคู่หลายภาค

และตัวละครค่อนข้างเยอะมาก

คนแต่งจะพยายามทำให้ไม่งงนะคะ

ฝากไว้ในอ้อมกอดสักเรื่องนะคะ

เขียนดีหรือไม่ดียังไง หรือต้องปรับปรุงยังไง

บอกได้เลยนะคะ

(อย่าด่าแรงเด้อ)

 

                     ภาคบ้านพี่ตอเต่า พี่ตุ๊ หรือภูริภัทร์ พี่ชายคนโตของบ้านตอเต่ากันบ้าง ภาคนี้พี่ตุ๊จำเป็นต้องไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการแทนคนเก่าที่ประสบปัญหาความเครียดเนื่องจากมีผู้อิทธิอีพลต้องการให้พ่อของเขาขายที่ดินที่ ที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนอีกสาขาหนึ่งของเขาเพื่อจะได้นำไปทำศูนย์การค้าและนี้คือสาเหตุที่ลุงหนึ่งของเขาได้ส่ง บรรดาน้องชายที่ค่อนข้างเกเรแต่ทว่าเขาเองก็ต้องลงมาช่วย แต่เหตุผลหลักๆ ของเขานั้น คือเขา น้องชายที่เป็นลูกบุญธรรมของพ่อเขา ได้มาทำหน้าที่ครูผู้สอนโรงเรียนนี้ นั้นคือครูพัฒน์ ตุ๊รักครูพัฒน์เกินกว่าน้องชายมานาน แต่ว่ามันมีกำลังแพงบางที่กั้นระหว่างเขาสองคน ตุ๊จะทำลายกำแพงนี่ได้ไหม แต่เหตุการณ์ในอดีตมันก็ย้อนกลับมาหาเขาสองคน เหตุการณ์ที่เขาเคยเป็นแฟนกับเพื่อนรักของครุพัฒน์ นั้นก็คือขวัญ แต่ว่าขวัญกลับนอกกายเขาไปมีอะไรกับลูกพี่ลูกน้องของเขานั้นคือพี่อ้น (พี่คนโตของบ้านอ.อ่าง) ตุ๊เองไม่ได้เสียใจเพราะว่าตุ๊ไม่ได้รักขวัญ ตุ๊แค่อยากมีโอกาสได้ไปไหนมาไหนกับพัฒน์ถึงแม้จะมีขวัญไปด้วยทุกทีก็ตามจนกระทั่งขวัญเสียชีวิต และนั้นก็ทำให้พี่ตุ๊กับพี่อ้นตัดขาดความเป็นเพื่อน สาเหตุที่แท้จริงที่ขวัญเสียชีวิตคืออะไร ยังไม่มีใครทราบที่แน่ชัด แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ทุกปีพี่ตุ๊ต้องไปร่วมงานทำบุญครบครอบวันเสียชีวิตของขวัญ และทางบ้านขวัญกับมองว่า ครูพัฒน์คือต้นเหตุที่ทำให้ขวัญกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

 

   
เป็นกำลังใจให้ไรท์หน่อยนะคะ แนะนำได้อย่าแรงนะ คนแต่งขี้ใจน้อย แต่ยินดีรับฟังค่ะ

ยินดีนำมาปรับปรุงนะคะ ปล. มีคำผิดต้องขออภัยนะคะ เราไม่มีแป้นพิมพ์ภาษาไทย

แต่จะตรวจทานหลายรอบก่อนจะลงนะคะ ถ้าคำไทยคำไหนเราใช้ไม่ถูก แนะนำเราได้เลยนะคะ

รักคนอ่านค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวอีกเรื่องนะคะ



พี่ตุ๊

ภูริภัทร์ พี่ชายคนโตของบ้านตอเต่า เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนของพ่อภาคย์



ครูพัฒน์

ครูสอนวิชาภาษาไทยและคณิตศาสตร์และเป็นผุู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนของพ่อบุญธรรม

เขายังแอบรักพี่ชาย ลูกชายคนโตของพ่อบุญธรรมตัวเอง

แต่เขาก็กลัวว่าความรักของเขามันจะทำให้พ่อบุญธรรมของเขาถูกมองไม่ได้

ทำให้เขาต้องเก็บมันเอาไว้ แสดงออกได้ก็ต่อเมื่อทั้งคู่อยู่กันตามลำพังแค่นั้น

และทั้งคู่จะทลายกำแพงนี้ได้ไหม


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.1 ผู้อำนวยการคนใหม่ ครึ่งแรก

      พิเศษ ดารารับเชิญพี่โอม ของบ้านอ.อ่าง

      Part’ s พี่โอม ผมชื่อโอม ผมเป็นน้องชายคนที่สองของพี่อ้น ผมเป็นพี่ชายของน้องแอ้ ตอนนี้ผมเป็นได้เป็นครูฝึกทหารใหม่ ครูฝึกนักเรียนรดด้วย ดังนั้นผมจึงต้องเกรียนให้มากกว่าประมาณนั้น และวันนี้ผมก็พาสมัครพรรคพวกมาเพื่อมาจับเด็กที่ยกพวกมาตีกันที่โรงเรียนของอาผม อาภาคย์ ตามคำสั่งของพ่อผม พ่อผมก็ได้รับการขอความร่วมมือจากอาภาคย์และพี่ตุ๊มาอีกอี พี่ตุ๊ก็คือพี่ชายของบ้านตอเต่า พี่ชายคนโต เมื่อก่อนสนิทกับพี่อ้นแต่มาเกิดเรื่องผิดใจกัน ผมเชื่อว่าพี่ตุ๊กับพี่อ้นก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกันแต่แค่ ต่างคนต่างกลัวเสียฟอร์ม เพราะว่าอันนี้พี่อ้นเป็นคนสั่งผมมาอีกทีเหมือนกัน

 
            อันที่จริงพี่อ้นเป็นคนได้รับคำสั่งแต่พี่อ้นเขาขอให้ผมมาแทน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่อ้นติดภารกิจสำคัญหรือไม่กล้าอยากเจอหน้าพี่ตุ๊กันแน่ แต่ผมเชื่อว่าพี่อ้นกับพี่ตุ๊ บรรลุนิติภาวะกันแล้ว คงไม่ใจร้อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่พี่ชายขอมาผมเป็นน้องก็จัดให้และช่วงนี้ทางค่ายของผมมีโครงการคืนเด็กที่ยกพวกตีกันกลับสู่ครอบครัวโดยการพาตัวมาเข้าค่ายฝึกกับพวกผม และนี้ก็จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่พวกมต้องมารับไป ทะนุบำรุงและดูแล นี่ผมคัดพี่ๆ นักกล้ามมาดูแลเทคแคร์โดยเฉพาะ ดูที่กล้ามอกเด้งดึงกันทุกคนเช่นพวกผม

   “โอ๊ยย! พี่นั้นไข่ผม” ผมหันไปมองมีนักเรียนร้องเพราะว่า ทหารที่มากับผมเพื่อนๆ ผมทั้งนั้น มันกำลังค้นตัวเพื่อหาอาวุธที่พวกน้องๆ เขาพกมา

   “ก็เพื่อซ้อนอาวุธไว้” ไอ้ปอมมันพูด ผมหันไปมองของเด็กมันมึงยังจะจับเล่นอีกเหรอ

   “ก็ต้องตรวจให้ละเอียดแล้วนี่ทำไมไม่พก สมุดปากกาละครับ มาเรียนไม่ได้มาออกรบ พกมาทำไม มันไม่ดี รู้ไหมครับ!!!” ไอ้ปอมพูด ไม่พูดเปล่าตะโกนใส่เด็กมันอีก ไอ้นี่มันโหดแบบสุภาพ แต่ว่าโหดครับ ผมหันมายิ้มสยดสยองเล่นเอาน้องที่พวกทหารกล้าที่ผมพามาตรวจค้นหาอาวุธถึงกับยืนตัวลีบ ผมนะเป็นหัวหน้าหน่วยแล้วเลยได้แต่ยืนเอามือไขว้หลังพอ และมองดูแล้วมีนักเรียนที่จับมาได้เกือบยี่สิบคน

        "มึงเจออะไรบ้างไหมเนี๊ยะ เห็นคลำนานแล้วเนี๊๊ยะ" ผมถามไอ้ปอม
        "ไม่เจออะไรเลย "ไอ้ปอมมันพูด
        "เฮ้ยย!!" น้องมันร้องตกใจเพราะว่าไอ้ปอมบอกว่าหาไม่เจอแสดงว่าเล็กมาก ผมก็ชะเง้อมอง
        "มองแทบจะไม่เห็นเลยนะ" ผมพูด หยอกมันเล่น มันไม่ขำแถมทำท่าจะร้องไห้ด้วย
        "หยอกๆ มันมีแต่น้อยไปหน่อย ดูของพวกพี่นี้" ผมพูดและโชว์ความอลังการ กางเกงมันฟิตมากไงเลยชัดเจนไม่ต้องพูดมากให้ภาพมันเล่าได้เลย
        "อุ้ยยย!!" พากันร้องตกใจ
   “โอม” พี่ตุ๊ เดินทำหน้าหล่อมาทางผม ผมก็ตะเบ๊ะครับ

   “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมึง ว่าแต่จับได้หมดไหมวะ” พี่ตุ๊ถามผม และหันไปมองนักเรียนที่น่าจากโรงเรียนอื่นๆ

   “ไม่หมดพี่ มีน้องๆ ของพวกเราพี่ที่หลุดไปได้ มันกระโดดขึ้นรถใครไปก็ไม่รู้พี่ แม้มันเกรียนจริงๆ เกรียนเหมือนใครก็ไม่รู้เนอะพี่เนอะ “ผมรายงาน พี่ตุ๊สะบัดหน้าหันมามองผม ก่อนจะหันมาเท้าเอวมองผม ผมคงรู้คำตอบแล้วแหละ เฮอๆ ว่าเหมือนใคร

   “อันนั้นพี่จัดการเองและนี้เดี๋ยวรอให้ผู้ปกครองเด็กพวกนี้มาก่อนน่ะ เพราะว่าจะพาไปได้ ผู้ปกครองต้องอนุญาตซะก่อน” พี่ตุ๊พูดผมหันไปยิ้มให้คนยืนข้างๆ พี่ตุ๊ พอพี่แกเห็นเข้าก็เหลียวไปมองด้านข้างและหันกลับมามองผมไม่แถมด้วยท่ากอดอกอีกต่างหาก เล่นเอาโอมสะดุ้งครับ

   “อุ้ย!!” พี่ตุ๊ทำเอาผมสะดุ้งที่หันมาเพราะว่าผมกำลังส่งยิ้มหวานๆ ให้น้องครูพัฒน์ แต่ผมก็ต้องหุบยิ้มลงในทันที

   “ผู้กองครับ ได้ครบหมดแล้วครับอาวุธที่น้องๆ เขาพกกันมา ถูกยืดเอาไว้ได้หมดแล้วครับ  ก็จะมีไม้ทีสามสิบอันครับผม และมีดสปาต้าร์สิบสองเล่ม ปืนปากกา 5 กระบอก และ มีดพกสิบเล่ม มีลูกระเบิดปิงปองอีกสามลูก” หมวดเนมครับเพื่อนของผม ผมหันมามองอาวุธที่กองไว้จากการตรวจคนได้จากพวกเด็กยกพวกมาอาละวาดที่โรงเรียนกัน

   “แล้วไหนไม้ตีปิงปองละจ่า ผมเห็นแต่ลูก ยืดมาให้ครบซิจ่า” ผมถามจ่าสมาน จ่าแกสะปัดหน้ามามองผม

   “เห็นมีแต่ลูกปิงปองแล้วไม้ละจ่า อันนี้ของกลางนะจ่า แสดงว่าเด็กคงเขามาท้าดวลกัน “ผมพูด จ่าถึงกับสะบัดหน้ามามองหน้าผมก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัว

   “หน้าตาอย่างไอ้พวกนี้เหรอครับผู้กองจะมาท้าดวลตีปิงปองกัน ขำตายเลยครับ” จ่าพูดก่อนจะหันไปมองเด็กๆ รอบๆ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ

   “อันนี้น่ะมันระเบิดที่เด็กมันประดิษฐ์ขึ้นมาเองครับ เขาเรียกลูกระเบิดปิงปองครับ” ผมก็ต้องเบิ่งตามองไปที่จ่าประคับประคองมาแถมจ่าแกเล่นประคองซะเหมือนลูกรักเชียว

   “อย่าครับผู้กอง เดี๋ยวมันระเบิดเปรี้ยงปร้างขึ้นมาครับ ผมเอาไปวางไว้ในที่ปลอดภัยดีกว่าครับ” ห้ามผมจับด้วยนะ ผมก็โบกไม้โบกมือเอาออกไปแล้วกัน

   “ชื่อน่ารักเนอะจ่าเนอะแต่ของเราน่ารักกว่า ระเบิดน้อยหน่า” ผมพูดพี่ตุ๊หันมาเหล่ตามองผม ผมก็เดินเข้าไปสำรวจของกลางอื่นอีก

   “พกอาวุธมาได้กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักเชียว” ผมหันไปพูดชมเด็กๆ ที่นั่งก้มหน้าอยู่เพราะว่าทหารอย่างพวกผมเล่นใหญ่กว่านี้เยอะ อาวุธพวกนี้มันยังเล็กน้อยกว่าพวกผมเยอะ หันมาดูนี้พวกผมมากันอาวุธกันมาครบมือไม่ว่าจะปืนยาว ปืนสั้น ปืนไรเฟิลและปืนใหญ่ (อันนี้อาวุธลับในกางเกง) พวกผมขนเอามาหมด แต่เอามาขู่เฉยๆ พอพวกผมหันไปมองแต่ละคนที่นั่งก้มหน้ากันหมดเพราะว่าผมสั่ง

   //ก้มหน้าลงไป!!!!!! // เด็กเกรียนรีบทำตามทันทีและพวกผมก็หัวเราะกันคิกคักๆ

   “พี่ตุ๊ครับ พัฒน์ไปดูตรงโน้นก่อนนะครับ พัฒน์คิดว่าผู้ปกครองที่เราติดต่อไปเริ่มทยอยมากันบ้างแล้วครับ เดี๋ยวพัฒน์จะแจกเอกสารแจกแจงเองนะครับ” ครูพัฒน์พูด

   “เดินไปไกลไหมครับน้องพัฒน์” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

   “ทำไม มึงจะเดินไปส่งพัฒน์เหรอ” พี่ตุ๊หันมาถามผม หน้าพี่เขานิ่งมาก ผมก็มองว่าพี่จะให้หรือไม่ให้

   “พี่โอมนี้เป็นทอทหารรับใช้ได้ทุกระดับประทับใจ ให้พี่...” ผมพูดและต้องชะงักพี่ตุ๊ทำท่ากำปั้นต่อยฝ่ามือตัวเองเบาๆ แม้จะไม่ได้แสดงออกมาหนักนั้นคือ โอมมึงเยอะครับ ผมหันมายิ้มแหย่ๆ ให้พี่ตุ๊แต่ดูท่าสายตาที่เหล่มองมาแล้วน่าจะไม่ให้

   “ดูแลตัวเองนะครับ พี่คงเดินไปส่งไม่ได้ ติดภาระตรงนี้ “ผมพูดและพัฒน์ที่หันมามองผมและยิ้มๆ ให้ผมก่อนจะเดินออกไป ผมแอบโบกมือลับหลังพี่ตุ๊แต่ก็ไม่พ้นสายตาที่มองมาจากหางตาอันแหลมคม คู่นั้น

   “มึงนี้มันไม่ทิ้งแถวพี่มึงเลยนะ “พี่ตุ๊พูด และผมก็คิดว่านั้นคือคำชม ผมหันไปมองพี่ตุ๊ที่เดินไปหาบรรดาครูและพี่ตุ๊ก็ขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำการพูดออกไป มีผู้ปกครองมานั่งเกาอี้ที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ พี่ตุ๊หันมาโบกมือให้ผมก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเวทีเล็กและรับไมโครโฟนไป

   “สวัสดีครับท่านผู้ปกครองทุกท่านและผมต้องขอขอบคุณที่ท่านได้สละเวลาอันมีค่าของท่านเพื่อมารับฟังขอเสนอของผม ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อภูริภัทร์ หรือเรียกผมว่าครูตุ๊ก็ได้ครับ”

   “ผมมารักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงเรียนนี้ โดยการแต่งตั้งจากท่านประธานบอร์ดนั้นคือคุณพ่อของผม คุณภาคย์ พิทักษ์คุณไพศาลเรื่องฤทธิไกรครับ ยินดีที่ได้รู้จักผู้ปกครองทุกท่านครับ” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปยิ้มกับทีมงานของผมที่พากันเลิกคิ้วสูงกันเป็นแถว ผมรู้ครับว่าพี่เขานามสกุลยาวได้อีกครับ ส่วนผมนะ ผู้กองเอกราช อัครวิทเดชากุล ว่ายาวแล้วเจอของพี่ตุ๊ไปยาวกว่าอีก กลับไปบอกพ่อว่าเราหานามสกุลมาต่ออีกหน่อยไหม เฮอๆ อุ้บพี่ตุ๊หันมามองฉีกยิ้มก่อน

   “ผมได้ทราบถึงปัญหาเรื่องการยกพวกตีกันจากพวกเด็กนักเรียนมาได้พักหนึ่งแล้วและวันนี้ ผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะช่วยกันแก้ไข เพื่อหยุดการกระทำที่จะส่งผลต่อกระทบอันร้ายแรงในวันข้างหน้า โดยการที่ผมจะถามความสมัครใจจากท่านผู้ปกครอง ว่าจะให้เรานำเด็กๆ ของทานไปเพื่อรับการอบรบกับพี่ๆ เหล่าทหารกล้าของเราหรือไม่” พี่ตุ๊พูดและพวกผมก็ออกมายืนเรียงแถวตรงหน้าน้องๆ ทุกคนผมยืนตรงกลาง แต่ละคนหุ่นเท่ใช่ไหมล่ะ พี่ๆ ครูฝึกน่ะ

   “เอาละเงยหน้าขึ้นมามองพวกพี่ครับ!!!!” ผมตะโกนออกคำสั่ง ยังกับพี่ว๊ากก็ว่าได้ แต่ละคนก็พากันเงยหน้าขึ้นมามองพวกผมแถมบางคนก็ทำท่าสะดุ้ง มีคุณครูที่น่ารักเอาโทรโขร่งมาให้ผมใช่แทนการตะโกนสงสัยกลัวผมจะเสียงแหบ หันไปยิ้มขอบคุณคุณครูคนสวย นี่ถ้าโอมไม่แพ้ชะนี กินไปแล้วแต่นี่แพ้ ต้องขอผ่าน หันมาเล็งเด็กข้างหน้าผมนี้ แบบนี้ซิถึงจะสมน้ำนมเนื้ัอกับโอมหน่อย

   “ตามที่ท่านผู้อำนวยการรูปหล่อด้วย ได้กล่าวออกไปแล้วว่า หากผู้ปกครองท่านใด ไม่มีเวลา ที่จะอบอรมดูแลบุตรหลานของท่าน พวกเราเหล่าทหารกล้า ที่ว้าง ว่าง มากช่วงนี้ ขอเอาไปดูแล” ผมพูดก่อนจะหันมามองพี่ๆ ทหารรูปหล่อ

   “ใช่ไหมครับ พี่ๆ” ผมพูดและหันไปถามเพื่อนที่ยืนกอดอก พากันโชว์สองนิ้วแบบแร๊ปโยะว่าพร้อมมากที่จะดุแลอย่างใกล้ชิด

   “ไม่ต้องเป็นห่วงค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะว่า กินอยู่นอนกับพี่...ฟรีครับ” ผมพูด

   “เว้ย!!” ดูพากันร้องเสียงหลง พอบอกกินนอนกับพี่ร้องทำไมวะ ดีใจละซิท่า พวกพี่ใจป้ำครับ

   “ชุดก่อนหน้านี้เพิ่งกลับไป พี่พาไปดูแล ป้อนข้าว ป้อนน้ำ พาไปเล่น พาไปวิ่งเล่นด้วยนะ วันละสิบกิโลเมตรเอง เบาๆ พอตกดึกได้เวลานอนก็พาไปตบตูดนอนแค่นี้เองสบายจะตาย “ผมพูดแต่ทำไมน้องๆ พากันเงียบกริบ

   “และได้พากลับไปส่งบ้านเรียบร้อยเสียดายเนอะ สองอาทิตย์เอง น้อยไป รุ่นนี้เดือนหนึ่งเลยดีไหมครับ พี่ยินดีมาก” ผมพูดและหันมามองพี่ๆ พยักหน้ากันว่าน้อยไปดูแลน้องน้อยไป แต่ที่ได้ยินข้างหน้าผมนี้ทำท่าจะร้องไห้รออีกแล้ว

   “และนี่ได้ข่าวมาว่าน้องๆ ถึงกับนั่งพับเพียบคุยกับพ่อแม่ น่ารักเชียว เดี๋ยวน้องก็จะน่ารักแบบชุดนั้นเช่นกันครับ พี่คอนเฟิร์ม “ผมยืนเอามือไขว้หลังพูด

   “ดีเลยค่ะ เอาไปเลย ดิฉันนี้ไม่มีเวลา แค่ทำมาหากินก็จะตายอยู่แล้วจะให้มาจับตาดู ไม่ไหวหรอกค่ะ เอาไปเลยค่ะ อยู่บ้านงานการไม่ทำ เปลื้องข้าวด้วย เลี้ยงให้ดีแล้วทำไม่ได้ให้ไปอยู่กับคุณทหารดูบ้างเพื่อจะดีกว่าอยู่กับแม่!! “ป้าคนหนึ่งลุกขึ้นเหมือนกระทืบไลฟ์ให้พวกผม ผมยกนิ้วให้เลย

   “ลูกหรือหลานป้าคนไหนครับ เดี๋ยวผมจะได้เชิญไปรอบนรถเลยครับป้า” ผมพูด

   “ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าคุณทหารนะคะ มันดื้อ มันนักเลง หัวโจกเลยค่ะ ห้ามก็ไม่ฟัง พูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วค่ะ” ผมก้มมอง นั้นมันก้มหน้าแถมจะหมุดดินได้เลย

   “ทำเป็นเขิน ลุกขึ้นครับ คุณป้าอนุญาติแล้วไปครับพี่ดูแลให้ไม่ต้องร้องไห้ อย่าเพิ่งรีบร้อง เก็บเอาไว้ร้องตอนถึงที่โน่น เก็บน้ำตาเอาไว้ก่อน “ผมเองก็ดึงแขนมันขึ้น ที่อย่างนี้ทำเป็นใจเซาะ

   “แม่ ไม่ไปอ่ะแม่” นั้นไง รักแม่ขึ้นมาน้ำตามันไหลออกมาทันที แต่ทำไมก่อนจะตีกับเขาไม่คิดซะก่อนละครับผมคิดในใจ

   “ไปเถอะ ไปนั่งบนรถ ไปครับพี่ทหารพาน้องไปนั่งตากแอร์เย็นๆ เปิดให้เย็นเจี๊ยบเลยนะ เพราะว่าเหงื่อแตกนะน้องนี่ “นั้นไงผมบอกและมีพี่ทหารมาพาไป แต่ไม่ไปเลยต้องลากไป และป้าคนนั้นก็ลุกไปเป็นรายแรก เพื่อไปลงชื่อยินยอม

   “ผมขอเสริมอีกอย่าง ถ้าผู้ปกครองคนไหนไม่ยินยอมไม่เป็นไรแต่ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในโรงเรียนของผม ผมขอดำเนินการทางกฎหมายสูงสุดเพราะว่าผมถือว่าผมได้เตือนแล้วและผู้ปกครองก็ต้องดูแลบุตรของท่านเองหากท่านไม่ยินยอมให้พวกเขาไปเข้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดี ตามโปรแกรม คืนเด็กดีสู่อ้อมกอดพ่อแม่ “พี่ตุ๊พูด เท่านั้นแหละมีผู้ปกครองยกมือยินยอมกันหมดและเดินไปทางโต๊ะที่ได้จัดไว้แล้ว เพื่อลงชื่อมอบเด็กๆ ที่น่ารักให้พวกผมพาไปดูแลที่ค่ายทหารของพ่อผมกัน

   “เอาละโอม พี่ขอบใจนะ “พี่ตุ๊เดินมาหาพวกผม พวกเด็กที่พ่อแม่ให้พาไปอบรมก็เกือบทั้งหมด บางคนตอนแรกก็ไม่ยินยอมแต่ผมยืนยันว่าไม่มีซ้อมเด็กจนหนักแน่นอน พาไปหากิจกรรมกระจุ๋มกระจิ๋มแต่ แต่ก็โหดสำหรับน้องๆ แน่ๆ และนี้คือการฝึกความอดทน

   “ถ้าอย่างนั้นพวกผมพาเด็กๆ ไปเลยนะครับพี่ตุ๊ ดูครูพี่เลี้ยงแต่ละคนของผม อยากดูแลเด็กๆ กันแล้ว และอีกสองอาทิตย์ ผมพามาคืนนะพี่นะ” ผมพูดและยักไหล่บอกเพื่อนทหารให้พากันไปขึ้นรถ หันไปมองบนรถพากันร้องไห้กระจองอแงกันใหญ่เลย

   “ไปครับพี่ๆ ไปดูแลน้องๆ กันดูซิ ร้องไห้งอแงกันใหญ่แล้ว “ผมหันไปบอกแต่ละคนก็หันหลังกลับขึ้นรถทหารไปพร้อมกับเด็กๆ ที่น่ารักของพวกผม

 

       
   รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันภาคพี่บ้านตอเต่า (พี่ตุ๊ Xพัฒน์)


          Part’ s พี่ตุ๊ ผมชื่อตุ๊ ผมเป็นพี่คนโตของน้องๆ บ้านตอเต่า พ่อผมชื่อพ่อภาคย์ พ่อผมมีโรงแรมมากมายหลายสาขาทั่วประเทศและต่างประเทศและยังมีโรงเรียนสอนแบบสามภาษาหลายแห่งทั่วกรุงเทพและต่างจังหวัด ส่วนตัวผมเองก็จบปริญญาตรีมาหลายใบไม่ว่าจะสาขางานบริหาร, ศึกษาศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ปริญญาโท NBAและเศรษฐศาสตร์ ยังไม่รวมถึงใบประกาศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของผม (เพราะว่าผมตั้งตาเรียนอย่างเดียว เพื่อให้ได้หัวใจใครสักคนแต่ผมก็ไม่ได้มันมา)

       อีกเหตุผลหนึ่งผมตั้งตาเรียนเพื่อจะได้เก่งหนือใครในบรรดาลูกพี่ลูกน้องของผม ก็มีอ้น ดิม ส่วนโจนี้ผมไม่ได้ต้องการเหนือมันหรอกโจเป็นคนเรียนเก่งที่สุดผมอยากให้เทียบเท่ากันเท่านั้น เพื่อเราอยู่ในระดับเดียวกันแต่ยิ่งทำก็ยิ่งเหมือนผมนี่ไกลออกไป

   

         ตอนนี้ผมตัดสินใจมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนที่พ่อผมเปิดมาได้เกือบสิบปี โรงเรียนภาคย์วิทยาอินเตอร์เนชั่นนัล แต่มาช่วงสี่ปีที่ผ่านมามีปัญหามีทั้งพวกเด็กเกเรเข้ามาหาเรื่อง แถมผู้ปกครองพากันพาเด็กนักเรียนย้ายออกไปเรียนที่อื่นอีก และลุงหนึ่งเลยยื่นข้อเสมอให้น้องๆ ผมพวก ติ๊ก ดิว แอ้ พาย แจ็ค และบอยมาช่วยแก้ปัญหาโดยให้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง และด้วยความเป็นห่วงน้องๆ ผมเลยต้องลงมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแทนคนเก่าที่ลาออกไปเพราะปัญหามันมากเกินและเขาก็รับไม่ไหว ครูก็ทำเรื่องย้ายหลายคนและที่ผมต้องมาอีกประเด็นหนึ่งก็คือ พัฒน์ ครูพัฒน์ลูกบุญธรรมของพ่อผม ผมยอมรับว่าผมกับพัฒน์ไม่ใช่แค่พี่น้องกัน เป็นมากกว่านั้นมานานแล้วแต่พ่อยังไม่รู้เรื่องนี้ผมคิดว่านะ

 

              วันนี้เป็นวันดีซะด้วยที่ผมมาวันแรก ก็มีนักเรียนมาตีกันมีทั้งเทคนิค เทคโนและนักเรียนมัธยมตีกันเละเลย แต่ดีที่ผมทราบล่วงหน้าเลยจัดทหารมาพากลับไปดูแลที่ค่ายทหาร ผมมีสายสืบอยู่และพอจะรู้ว่าเด็กพวกนี้ก็โดนจ้างมาอีกทีจากพวกไม่หวังดีที่ต้องการให้พ่อผมปิดโรงเรียนนี้เพื่อจะได้เอาที่ตรงนี้ไปทำศูนย์การค้าแทนโรงเรียน และผมก็ต้องขอความร่วมมือกับผู้ปครองที่ประสงค์จะให้เด็กๆ เหล่านี้เข้ารับการอบรม ส่วนผู้ปกครองบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยให้พาเด็กตัวเองกลับไปได้ แต่ถ้าครั้งหน้าต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายโรงเรียนผมโดยไม่มีข้อยกเว้น

   

         ผลปรากฏว่ายอมรับกันทั้งหมดไม่มีใครขัดแย้ง นักศึกษาเหล่านี้ ก็ถูกพาขึ้นรถไปยังค่ายทหารของลุงของผมเอง พวกเขาดูแลดีไม่มีการซ้อมแน่นอน เห็นเด็กบางคนเปลี่ยนใจไปสมัครทหารเลยก็มี ผมเดินเข้าไปยังห้องประชาสัมพันธ์ ของโรงเรียน ผมเห็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์กำลังนั่งคุยกันกินขนมไปด้วย โดยไม่ได้สนใจหรือใส่ใจว่าจะมีใครมาติดต่อธุรและมีครูนั่งอยู่ด้วยสองคน

          “นี้ ครูพัฒน์อะไรนี้นะ เขาเป็นใครอ่ะ ทำไมเสนอหน้าทำนั้นทำนี้ตลอดเลยอ่ะ แก แกเห็นป่ะ” ผมได้ยินประโยคนี้ถึงกับยืนเอานิ้วเคาะที่เคาน์เตอร์เบาๆ ไม่ดัง เพื่อรอฟังว่าเขาจะพูดถึงพัฒน์ว่าอย่างไรต่อ

         “นี้ดูก็รู้ว่าเป็นเกย์ และได้ยินว่าลูกชายท่านประธานอ่ะหล่อมาก กะว่าทำดีเพื่อจะได้หรือเปล่าแต่ ตั้งแต่ฉันมาอยู่นี้เป็นครูมาจะสามปีแหละยังไม่เคยเห็นเลย เห็นท่านประธานมาครั้งเดียว แต่หล่อนะ ยังไม่แก่ด้วย”

        “จริงดิพี่หนูยังไม่เห็นเลย เสียดาย แต่คิดอีกที สงสัยครูพัฒน์อยากได้หรือเปล่า อยากเป็นผู้บริหารโรงเรียนนี้หรือเปล่า”

        “ขอโทษนะครับ ผมมาติดต่อธุระครับ” ผมเลยต้องขัดการสนทนา ก่อนที่ผมจะระเบิดอารมณ์ ไล่ออกทั้งคู่ และเจ้าหน้าที่ก็เดินมาหาผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มส่วนคนที่นินทาครูพัฒน์นะเดินออกไปวะก่อน นี้พัฒน์ไม่เคยบอกผมเลยว่าเขามาอยู่นี้ต้องเจออะไรบ้าง

         “ติดต่อเรื่องอะไรคะ” เสียงที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม ถ้าผมไม่ได้ยิน เขาคงเป็นเจ้าหน้าที่ที่น่ารักมา

         “ผมชื่อครูตุ๊นะครับ ผมเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ที่นี้” ผมพูด คนตรงหน้าผมยืนเอามืปิดปาก นิ่ง เรียกได้ว่าช๊อกไปเลย

         “พ… พี่… ผู้อำนวยการคนใหม่ค่ะ พี่!”

         “อุ้ย! สวัสดีค่ะ “อีกคนรีบลุกมาตรงด้านหน้าเคาน์เตอร์ทันที

         “เอาละ ผมจะรบกวนให้คุณประกาศเรียกประชุมครูทุกคนทั้งหมดตอนนี้เลยนะครับ “ผมบอกเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ออกประกาศเรียกประชุมครู ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกเพื่อตรงไปยังห้องทำงานผู้อำนวยการ

             “พี่ตุ๊ “พัฒน์เดินเข้ามาหาผมทันที ที่เดินมาเจอผม ผมหันมามองคนที่ยืนตรงหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้านั้น แม้จะดูไม่ค่อยสดชื่นหนักแต่เขาก็พยายามยิ้มให้ผม แต่ผมดันสังเกตเห็นบางสิ่งที่ปลายจมูกของพัฒน์ ดูแล้วน่าจะเป็นผงชอล์ก ผมเลยยกนิ้วโป้งขึ้นและเขี่ยเบาๆ ทำให้คนที่ยืนตรงหน้าผมถึงกับยืนตัวแข็ง

       “ปลายจมูกเลอะนะครับคุณครู” ผมพูดยิ้มๆ ให้ครูพัฒน์

       “เหนื่อยเหรอพัฒน์” ผมถามพัฒน์ ตอนนี้ผมเข้ามาอยู่ในห้องทำงานผู้อำนวยการเรียบร้อยแล้ว ครูพัฒน์ก็นั่งลงตรงข้ามกับผม ผมเห็นแฟ้มต่างๆ ที่รอการเซนต์จากผม ครูพัฒน์ได้จัดเอาไว้ให้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พัฒน์ช้อนตามองผมก่อนจะตอบ

       “ก็นิดหน่อยนะครับ พี่ตุ๊ และยิ่งช่วงนี้มีแต่เรื่องนะครับ ก็นักเรียนที่มาหาเรื่องนักเรียนโรงเรียนเรานะพี่ตุ๊ และช่วงนี้ก็เล่นมาตีน้องๆ เราทุกวัน วันก่อนก็เข้ามาจะฉุดเด็กที่มาเรียนกับบอยนะครับพี่ตุ๊ หน้าตาน่ารักเชียว “พัฒน์หันมาพูดกับผม ผมแอบยิ้มขำและปนสมน้ำหน้า มาเจอแบบนี้เป็นไงบ้างละ เพราะว่าเวลาไปไหนมีการ์ดดูแลก็ยังไม่วายไปหาเรื่องเขา ยิ่งเวลามีเรื่องกับใครก็ไม่ค่อยเกรงกลัว มาเจอแบบนี้ คงไม่กล้าเที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นอีกแน่ๆ

      “ครูพัฒน์ค่ะตอนนี้คุณครูทุกท่านมาพร้อมแล้วค่ะ “เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เดินมาที่ห้องทำงานผู้อำนวยการของผม ผมพยักหน้าบอกพัฒน์ว่าผมพร้อมแล้วเช่นกัน

    

            TBC

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2024 10:33:45 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.1.1 ผู้อำนวยการคนใหม่ ครึ่งหลัง

               Part’ s พี่ตุ๊ ผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับหันไปหยิบแฟ้มที่ครูพัฒน์เตรียมข้อมูลเอาไว้ให้ผม นั้นคือข้อมูลโรงเรียนของพ่อผม โรงเรียนนี้มีครูทั้งหมด 80 คน เป็นครูไทย 70 คน ครูต่างชาติ 10 คน ธุรการ 3 คน ประชาสัมพันธ์ 2 คน มีนักเรียนทั้งหมด 1,209คน ถือว่าน้อยกว่าทุกสาขาที่พ่อผมเปิดมาเลย ส่วนใหญ่จะ2000 กว่าคนขึ้น ผมเปิดแฟ้มรายงานอ่านไปด้วยขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปยังห้องประชุม โดยมีครูพัตน์ก็เดินตามผมเข้ามาติดๆ ด้วยเช่นกัน

           “สวัสดีครับ ผมภูริภัทร์หรือตุ๊ แต่เรียกผมว่าครูตุ๊ก็พอครับ ผมจะมารักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่โรงเรียนนี้ ในตอนนี้” ผมกล่าวทักทายคุณครูที่นั่งอยู่ในห้องประชุมใหญ่ และมองไปทั่วทั้งห้องทุกคนทำสีหน้าตกใจมิใช่น้อยที่เห็นผม ผมยอมรับว่าผมอายุยังน้อยเกินไป ประสบการณ์ยังไม่มากพอแต่ตอนนี้ผมต้องทำหน้าที่แทนคนเก่าก่อน เพื่อแก้ปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะหาคนใหม่ที่มีประสบการณ์มาแทน

             “สวัสดีค่ะคุณตุ๊” “สวัสดีครับคุณตุ๊” ผมพยักหน้าและนั่งลงด้านหน้าในตำแหน่งประธานเพราะว่าวันนี้ผมก็มาแทนพ่อผมเองด้วยและครูพัฒน์ก็นั่งถัดจากผมไปในตำแหน่งเลขาของผมเช่นกัน ไม่วายจะมีสาวๆ แอบกระซิบกระซาบกันด้วยความสงสัย

              “อะแฮม” ผมทำเสียงกระแอม ทำให้หยุดการสนทนาตามประสาสาวๆ ทันที

              “ดูแล้ว...อายุยังน้อยอยู่เลยแต่ที่แน่ๆ หล่อมากเลยอ่ะ ผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ “ผมได้ยินบรรดาครูเขากระซิบกัน ผมก็หันไปยิ้มให้และทำการเปิดประชุมทันที

             “ขอกล่าวสวัสดีคุณครูทุกท่านอีกครั้งนะครับ ที่ผมเรียกคุณครูมาประชุมวันนี้ ผมอยากพูดเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะว่าปัญหาเหล่านี้เราควรช่วยกันแก้ไขได้แล้ว นั้นก็คือ” ผมพูด

              “ปัญหานักเรียนตีกัน นักเรียนโรงเรียนอื่นมาท้าตีท้าต่อยเด็กนักเรียนโรงเรียนของเรา แต่ผมก็คิดว่าตอนนี้ปัญหาเหล่านี้กำลังถูกแก้ไขอยู่ เพราะว่าผมได้ทำเรื่องขอความร่วมมือกับหน่วยทางการทหาร หากพบว่ามีนักเรียนเข้ามาก่อความวุ่นวายเขาจะเชิญไปอยู่ในค่ายเพื่ออบรมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย “ผมพูดและมองบรรดาครูทุกคน ผมรู้ว่าบางคนก็ไม่อยากมาสอนที่นี้เพราะเหตุนี้เช่นกัน

               “และตอนนี้ ผมต้องการจะทราบถึงปัญหาอีกเรื่อง ที่มีผู้ปกครองพากันย้ายเด็กไปเรียนที่อื่น อันนี้คงต้องขอความร่วมมือคุณครูทุกคนพูดคุยกับผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ประจำชั้นของครูนะครับ” ผมพูด

              “ผมอยากให้ปีการศึกษาหน้ามีนักเรียนเข้ามาเรียนโรงเรียนเราเพิ่มขึ้นกว่านี้เพราะว่าโรงเรียนนี้มีพื้นที่กว้าง มีห้องเรียนมากมาย มีช็อปสำหรับเวิร์คช๊อปหลายหลัง มีสิ่งอำนวยความสะดวก โรงยิมก็เพิ่งจะสร้างใหม่” ผมพูด

              “แต่ว่าจำนวนนักเรียนในตอนนี้กับน้อยจนดูโหรงเหรงไปนะครับ ผมอยากได้เพิ่มสักสองสามร้อยคน ทำได้ไหมครับ” ผมพูดเป็นเชิงคำถาม ครูแต่ละคนก็พยักหน้า

                “ส่วนปัญหาครูและบุคลากรไม่เพียงพอนั้น ตอนนี้ผมกำลังจะสรรหาครูที่เหมาะสมมาบรรจุเป็นครูสอนที่นี้ ผมคาดว่าน่าจะเทอมหน้าพอดี อีกประมาณ สิบคน เป็นครูจบใหม่ไฟแรง “ผมพูด เท่าที่ผมเห็น ครูที่นี้แต่ละคนก็ล้วนแล้วอยู่กันมานาน ตั้งแต่โรงเรียนเพิ่งจะเปิดเลยก็ว่าได้แต่ครูมาใหม่ มาไม่นานก็ย้ายไปหมด ลาออกเองบ้างก็มี

              “อีกเรื่องนะครับ คือช่วงนี้โรงเรียนของเราจะมีการ์ดมายืนทุกมุมของโรงเรียน รบกวนครูประจำชั้นแจ้งเด็กนักเรียนในห้องเรียนของท่านด้วยนะครับ” ผมพูด

                “เพื่อว่านักเรียนจะไม่ต้องตกใจ พวกเขาเหล่านี้จะมาอยู่จนกว่าผมจะแน่ใจว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายครูหรือนักเรียนที่นี้อีก” ผมพูดบอก ตอนนี้ผมได้จัดจ้างการ์ดฝีมือดีมีทั้งชายและผู้หญิงมายืนดูแลความปลอดภัยเพิ่ม เพราะว่ารปภ สามคนน่าจะไม่เพียงพอกับสถานการณ์ในตอนนี้” ผมพูด

                 “เทอมนี้อาจจะงานเยอะหน่อยนะครับครูเพราะว่าเราต้องมีการประเมินโรงเรียนเข้ามาเพื่อเป็นตัววัดคุณภาพทางการศึกษาและนี้จะเป็นแนวทางการตัดสินของผู้ปกครอง ที่จะนำบุตรหลายของเขาเหล่านั้น มาเรียนที่นี้กันหรือไม่”

                “แต่ถ้าคุณครูมีผลงานที่ดี ผลการประเมินผ่านในระดับที่น่าพึงพอใจ ผมจะมีรางวัลให้คุณครูทุกคนแน่นอนและชิ้นใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เรียกว่าโบนัส ดังนั้นผมจึงขอความร่วมมือคุณครูด้วยนะครับ “ผมพูด บรรดาครูพากันตื่นตูมกับรางวัล

                 “ช่วงนี้ผมจะจัดอบรมครูบ่อยหน่อยนะครับ และผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหมครับเพราะว่าผมส่งไปอบรม ผมรับรองทุกท่านที่ไปอบรม จะได้อยู่โรงแรมดีมีเบี้ยเลี้ยงให้ตลอดการอบรม แค่ขอให้ไปเข้าร่วมเพื่อเปิดรับความรู้ใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนให้แก่เด็กๆ ที่โรงเรียนของเราและมันก็เป็นประโยชน์กับคุณครูเอง ที่จะได้เข้าไปแลกเปลี่ยนกับครูท่านอื่นๆ” ผมพูด

                 “อีกเรื่องหนึ่ง ผมกำลังจะเพิ่มสวัสดิการสำหรับครูที่มีบุตร เราจะมีการช่วยเรื่องค่าเทอมเข้ามาและมีทุนให้เด็กเรียนดีที่ต้องการต่อยอดไปถึงมหาวิทยาลัย ผมรบกวนครูส่งรายละเอียดของตัวเองว่ามีบุตรกี่คนเรียนที่ไหนและเกณฑ์การเรียนอยู่ในระดับใดให้แก่ครูพัฒน์ด้วยนะครับ เราจะได้จัดสรรงบประมาณให้นะครับ” ผมพูดเสริม

                “ตอนนี้ครูพัฒน์คือผู้ช่วยผู้อำนวยการของผม “ผมประกาศบอกทุกคน ทำเอาทุกคนหันมามองครูพัฒน์กันหมด

                   “ขอโทษนะคะ ท่านผู้อำนวยการ “มีครูผู้หญิงคนหนึ่งยกมือทันที ผมหันไปมอง แม้เรียกซะท่านเลย

                    “เรียกครูตุ๊ก็พอครับ ท่านนี้รบกวนเอาไว้เรียกพ่อผมจะดีกว่าครับ “ผมพูดปนหัวเราะ บรรดาครูก็พากันปิดปากขำผมอีก

                   “เชิญครับครู “ผมเปิดให้ครูคนที่ยกมือพูด

                   “คุณตุ๊แต่งตั้งให้ครูพัฒน์เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการเลยเหรอคะ ทั้งที่ครูพัฒน์เพิ่งจะมาบรรจุที่นี้ได้ไม่ถึงปีเองนะคะ “มีครูคนดังกล่าวทักท้วงขึ้นมา ผมหันไปมองดูแล้วน่าจะเป็นครูที่นี้มานานกว่าครูพัฒน์แน่นอน

                  “อันนี้คือคำสั่งของท่านประธานครับครู นั้นคือคุณพ่อของผมเอง ส่วนตำแหน่งของผมก็เป็นคำสั่งจากท่านประธานเช่นกันผมแต่งตั้งตัวเองไม่ได้ครับ “ทุกคนเงียบกริบครูที่ลุกขึ้นยกมือขอแย้งเรื่องครูพัฒน์ก็นั่งลง

                  “แต่ที่ครูพัฒน์ได้ตำแหน่งนี้ก็เพราะครูพัฒน์เขาเป็น….” ผมหันมามองหน้าครูพัฒน์ เขาก็ก้มหน้าลง

                  “ครูพัฒน์เขาเป็น ….” ทุกสายตาที่จ้องมองมาที่ผมกับพัฒน์สลับกันไปมา

                   “น้องชายผม เขาเป็นลูกบุญธรรมของพ่อผม ดังนั้นถ้าครูพัฒน์จะได้ตำแหน่งนี้  ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหมครับ” ผมพูดพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ ครูทุกคนพากันตกใจที่ได้ยินที่ผมเอ่ยออกไป ทำให้ผมต้องหันมามองครูพัฒน์ นี้แสดงว่าพัฒน์ไม่เคยบอกให้ใครทราบเลยเหรอว่าพัฒน์คือใคร ตอนพัฒน์นั่งก้มหน้าลงข้างๆ ผม

                 “ครูท่านใดมีข้อสงสัยถามได้เลยนะครับ ผมจะได้ตอบเพื่อให้หายข้องใจ ณ ตรงนี้และเราจะได้ปฏิบัติงานร่วมกันได้ เพราะผมเชื่อว่างานทุกงานจะลุล่วงไปได้ด้วยดี นั้นคือเราต้องเป็นทีมเดียวกัน” ผมพูดและสอดสายตาไปรอบๆ แต่ไม่มีครูคนไหนยกมือขึ้นถาม

                   “ถ้าไม่มีผมจะได้ปิดประชุมและผมหวังว่าจะไม่มีเสียงซุบซิบนินทาหรือว่าคำถามเกี่ยวกับครูพัฒน์มาเข้าหูผมอีกนะครับแต่ถ้ามีรบกวนเดินตรงไปที่ห้องทำงานผมได้เลยตลอดเวลา ผมจะมีคำตอบเอาไว้ให้ครับ” ผมพูดก่อนจะมองไปที่ครูคนที่นั่งนินทาครูพัฒน์ในห้องประชาสัมพันธ์นั้นเขาก้มหน้าลงทันที

                  “เพราะว่าก่อนที่ผมจะเดินขึ้นมาที่ห้องประชุมผมได้ยินครูบางคนพูดถึงครูพัฒน์ไม่ดี แต่ะถ้าผมยังได้ยินอีก ผมคงจะต้องเชิญไปเป็นครูสอนที่อื่นแทนหรือทำงานที่อื่นแทน เข้าใจตรงกันนะครับ “ผมพูดด้วยรอยยิ้มไม่ได้บึ้งตึงแต่ครูที่ผมบังเอิญไปได้ยินขณะที่นินทาพัฒน์ และครูสองคนนั้นก็อยู่ในห้องประชุมตอนนี้ เขาถึงกับหน้าถอดสีทันที

                 “ขออนุญาตค่ะ ครูตุ๊ ตอนนี้ทางเราต้องการครูสอนภาษาอังกฤษเพิ่มค่ะเพราะว่าครูอัลเบิร์ตจะต้องบินกลับประเทศด่วนค่ะเพื่อเดินทางกลับไปดูแลกิจการหลังจากที่คุณพ่อของคุณอัลเบิร์ตเสียชีวิตค่ะ ตอนนี้ก็มีครูยื่นใบสมัครเข้ามาสองสามคนค่ะ รอผู้อำนวยการคนใหม่ตัดสินใจเลือกนะคะ” ครูที่ทำหน้าที่ดูแลจัดสรรตำแหน่งครูแต่ทุกตำแหน่งต้องผ่านผมที่เป็นผู้อำนวยการก่อน ผมพยักหน้า

               “รบกวนครูส่งรายละเอียดให้ผมดูด้วยนะครับเพราะว่าผมไม่เห็นรายงานตัวนี้” ผมหันไปพูดครูคนนี้น่าจะทำงานด้านบุคลากรอยู่

               “ได้ค่ะคุณครูตุ๊”

              “ถ้าอย่างนั้น ผมขอปิดประชุมเพียงเท่านี้เพราะว่าเด็กๆ คงวุ่นวายในห้องกันน่าดูแล้ว ผมจะไม่เรียกประชุมบ่อยนอกจากจำเป็นจริงๆ แต่ถ้าครูท่านใดมีไอเดียขอเสนอที่เป็นประโยชน์ เข้ามาหาผมได้เลยนะครับที่ห้องทำงานของผม”

                  “ประตูห้องผมพร้อมเปิดต้อนรับทุกคนตลอด นั้นแปลว่าผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นของทุกคน ไม่ว่าท่านจะทำงานมาแล้วกี่ปีก็ตาม ผมยินดีรับฟัง ขอบคุณครับ “ผมพูดปิดการประชุมและบรรดาครูทุกคนก็เดินออกจากห้อง พร้อมสายตาที่มองมาที่พัฒน์ พัฒน์เขาไม่ได้ใช้นามสกุลของพ่อผมแต่พัฒน์ขอใช้นามสกุลของพ่อเขาแทน ดังนั้นทุกสายตาจึงมองพัฒน์ด้วยความฉงนกันหมด ผมพยักหน้าให้พัฒน์ตามผมเข้าไปในห้องทำงานหลังประชุม

                   ผมเดินออกมาจากห้องประชุมและตรงไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการของผมทันที ผมเปิดประตูให้พัฒน์เข้าไปก่อน พัฒน์นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของผม พัฒน์คงรู้ว่าผมจะบ่นเขาเรื่องอะไรแน่ๆ ก็เรื่องที่เขาไม่ยอมบอกทุกคนว่าเขาคือลูกบุญธรรมของพ่อผม ที่เป็นประธานใหญ่ของโรงเรียน

             “พี่ตุ๊…. พัฒน์ว่าครูเขาก็พูดถูกนะครับ เรื่องที่ตำแหน่งที่ตุ๊กับพ่อ ให้ผมน่ะ” พัฒน์พูด ผมเลิกคิ้วมองพัฒน์ทันที

             “พัฒน์ว่าตำแหน่งที่พี่ตุ๊ให้พัฒน์นะมันยังไม่สมควรจะได้ในตอนนี้นะครับ พี่ควรจะหาคนที่เขามีประสบการณ์มากกว่าพัฒน์ก่อนดีกว่าไหม” พัฒน์หันมาพูดกับผม ผมนั่งกอดอกมองพัฒน์อยู่ก่อนจะดันตัวเองขึ้นมานั่งตรงและดันเก้าอี้เข้า ผมมองหน้าพัฒน์ว่าทำไมเขาคิดแบบนั้นว่าเขายังไม่ดีพอสำหรับตำแหน่งนี้

            “แล้วมันไม่เหมาะสมตรงไหนเหรอพัฒน์ พัฒน์คือลูกของพ่อพี่คนหนึ่ง นี้คือตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วที่พี่เลือกให้” ผมบอกพัฒน์ สุดท้ายผมก็หลุดความจริงออกมาจนได้

            “ไหนพี่ตุ๊บอกว่าพ่อเป็นคนแต่งตั้งไงครับ” พัฒน์หันมาถามผม

             “ใช่พี่ยอมรับว่าพี่โกหกเขาแต่จริงๆ พี่แต่งตั้งเองเพราะถ้าพี่บอกไปตรงๆ ว่าพี่แต่งตั้งพัฒน์ขึ้นมา พัฒน์คงโดนนินทาเข้าไปอีก” ผมพูด ปลายนิ้วเรียวๆ ของผมเคาะโต๊ะทำงาน ผมไม่คิดเลยว่าพัฒน์จะมาเจออะไรที่กดดันเขามากขนาดนี้

             “ตอนแรกพี่ก็จะบอกเขาว่าพี่แต่งตั้งแต่ พี่ดันไปได้ยินเขานินทาพัฒน์ซะก่อน พี่เลยต้องบอกว่าพ่อแต่งตั้งและมันจะดูทำให้พัฒน์แข็งขึ้น” ผมพูด

             “ทำไมพัฒน์ไม่เคยบอกพี่ว่าพัฒน์โดนอะไรแบบนี้ที่นี่ ทั้งที่นี้มันโรงเรียนของเราและพัฒน์ก็คือเจ้าของโรงเรียนเหมือนกัน” ผมหันมาพูดและแอบต่อว่าพัฒน์ พัฒน์ไม่กล้าสบตาผมเลยทีนี้ พัฒน์หันไปมองทางอื่นแทน ผมรู้ว่าเขาไม่อยากเทียบเท่าพวกผมเพราะคำว่าลูกบุญธรรม

              “แล้วนี่พัฒน์ไม่เคยบอกครูคนอื่นเลยเหรอว่าพัฒน์คือใคร” ผมถามครูพัฒน์ เขาหันมามองหน้าผม

             “คือพัฒน์คิดว่ามันไม่จำเป็นนะครับและพัฒน์ก็มาทำงานเหมือนครูคนอื่นๆ “ครูพัฒน์หันมาพูดกับผม

             “อย่างน้อยก็จะได้มีคนเกรงใจพัฒน์บ้าง” ผมพูด

             “พัฒน์อยากได้ความสบายใจมากกว่าความเกรงใจนี่พี่ตุ๊ ผมเลยไม่ได้บอก ให้เขามองว่าพัฒน์เป็นแค่คนธรรมดาดีกว่า เหมือนพวกเขา” พัฒน์พูดพร้อมกับหลุบตาลง ผมก็ส่ายหัวเล็กน้อย ผมแอบเอื้อมมือไปอยากจะยีหัวเหมือนตอนพัฒน์ยังเด็ก แต่ว่าตอนนี้เขาคือครูพัฒน์แล้ว ที่ไม่ใช่เด็กน้อยของพี่ ผมเลยชักมือกลับซะก่อน

               “แล้วนี่น้องไปไหนกันก็ไม่รู้นะพี่ตุ๊” พัฒน์เอ่ยถ่ามถึงเหล่าบรรดาน้องๆ ตัวแสบของพวกผม ผมหันมามองพัฒน์ ยิ้มกริ่มเล็กน้อย

               “เอาไว้พรุ่งนี้พี่ค่อยรอเจอน้องๆ ตอนมาโรงเรียนดีกว่า เซอไพรส์ดี” ผมเงยหน้าขึ้นบอกพัฒน์ ระหว่างนั้นผมก็เริ่มหยิบเอกสารมากมายที่รอการเซนต์หลังจากที่ผู้อำนวยการคนเก่าที่เครียดจนป่วยและเป็นอัมพฤกษ์จนไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้ ผมจึงก็ต้องเข้าไปเคลียร์ทุกอย่างเอง โชคดีที่ผมคุ้นเคยกับเอกสารเหล่านี้อยู่แล้ว

              “พี่ตุ๊ รับกาแฟเลยไหมครับ” ครูพัฒน์ถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองครูพัฒน์

             “ขอบคุณครับ” ผมพูดพร้อมส่งยิ้มให้ครูพัฒน์ เขาก็รู้ดีว่าผมชอบดื่มกาแฟแบบไหนรสชาติยังไง พัฒน์ดูแลผมดีแล้วอย่างนี้ผมจะไม่รักได้ยังไงแต่ติดอยู่อย่างหนึ่งคือพัฒน์เป็นลูกบุญธรรมของพ่อผมและพัฒน์ก็เดินออกไป ผมก็ก้มลงเซนต์เอกสารมากมายจนกระทั่ง

           “ตี้ด” เสียงกดกริ่งที่หน้าประตูห้อง ผมเหลือบมองไปที่มอนิเตอร์ ใบหน้าครูพัฒน์ ปรากฏขึ้น

            “เชิญครับคุณครูพัฒน์ “ผมบอกพัฒน์ พัฒน์เดินเข้ามาพร้อมกับของว่างมาให้ผม ของว่างยามบ่าย ผมเงยหน้าขึ้นมองครูพัฒน์อีกทีก่อนจะรับกาแฟที่พัฒน์ไปชงกาแฟมาให้ผมขึ้นมาดื่ม รสชาติกลมกล่อมมาก

           “พี่ตุ๊จะนอนที่บ้านพักสำหรับผู้อำนวยการไหมครับ ผมจะได้ให้คนไปทำความสะอาดให้อีกครั้ง เพราะว่าพี่เล่นมาไม่บอกล่วงหน้าเลย” ครูพัฒน์ถามผมพร้อมกับบ่นผมไปด้วย ผมหันไปมองครูพัฒน์ ก่อนจะวางแก้วกาแฟลง

              “ทำไมไล่พี่ไปนอนบ้านพักผู้อำนวยการล่ะ” ผมถามพัฒน์ “หรือว่าไม่อยากให้พี่นอนบ้านพักหลังเดียวกับพัฒน์อยากให้พี่ไปนอนบ้านหลังใหญ่คนเดียวอย่างนั้นหรือไง” ผมถามพัฒน์แอบน้อยใจ แบบอยากให้มีคนง้อ

             “ไม่อยากดูแลพี่แล้วเหรอครับ “ผมถามพัฒน์อีก

             “พัฒน์ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อยนะพี่ตุ๊” พัฒน์พูดและทำแก้มป่อง

             “ถ้าอย่างนั้นพี่นอนบ้านหลังเดียวกับพัฒน์ โอเคนะครับ “ผมพูดพร้อมกับยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มและทานคุกกี้ธัญพืช ผมว่าพัฒน์ทำเองแน่ๆ พัฒน์เป็นคนชอบทำขนมเบเกอรี่ เขาหัดทำผ่านยูทูป พัฒน์ก็เปิดตารางงานของผมดู

              “พรุ่งนี้พี่มีประชุมบอร์ดผู้บริหารที่โรงแรมด้วยนะพี่ตุ๊ “พัฒน์พูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมไปด้วย

              “พัฒน์ด้วยน่ะ พัฒน์คือหนึ่งในบอร์ดผู้บริหารงานโรงแรมพี่จะประกาศพรุ่งนี้เหมือนกัน อันนี้คำสั่งพ่อจริงๆ” ผมบอกพัฒน์ พัฒน์หันมามองหน้าผมทำท่าจะค้านแต่ค้านไม่ออกตรงที่ผมบอกว่าคำสั่งพ่อจริง

              “แต่พัฒน์ไม่ต้องไปเหนื่อยทำเอกสารเพิ่มนะ พัฒน์คือหุ้นส่วน สามสิบเปอร์เซ็นต์ของโรงแรม” พอผมบอกพัฒน์ เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วมองผมเข้าไปอีก ผมรู้ว่าพัฒน์ชอบมองว่าเขาคือลูกบุญธรรมไม่สมควรได้อะไรมากมาย

              “อย่าทำหน้าแบบนั้นซิพัฒน์ พัฒน์ควรได้รับมัน อันนี้พ่อสั่งมา จะขัดคำสั่งพ่อหรือไง” ผมพูด พัฒน์ก็พยักหน้าเบาๆ ผมก็อดที่จะอมยิ้มให้พัฒน์ไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาทำหน้าเหมือนเง้างอนผมนิดๆ ผมรู้ว่าพัฒน์ไม่อยากได้แต่เขาสมควรจะได้ในฐานะบุตรบุญธรรมและถ้าพ่อเขาไม่สละชีวิตช่วยพ่อผม พ่อผมก็คงบาดเจ็บสาหัสและอาจจะเสียชีวิตจากการลอบสังหารครั้งนั้น

              “พี่ตุ๊ พัฒน์มีสอนต่อ ถ้าอย่างนั้นพัฒน์ไปก่อนนะครับ พี่มีอะไรก็ส่งข้อความหาพัฒน์นะครับพี่ตุ๊” พัฒน์พูดผมพยักหน้า

              “เดี๋ยวผมจะเลิกเร็วหน่อยจะได้ไปเตรียมที่นอนให้พี่ตุ๊ก่อน “พัฒน์หันมาบอกผม ผมยิ้มให้พัฒน์

               “ได้ครับ “ผมพูดแค่นั้น ผมก็ก้มหน้าก้มตาวุ่นวายกับเอกสารต่างๆ ตรงหน้า  ผู้อำนวยการคนเก่าเขาทำค้างเอาไว้ ปัญหาของโรงเรียนนี้คือมีผู้ปกครองพากันมานำบุตรหลานตัวเองออกไปอยู่โรงเรียนอื่นกันหมด แต่เหตุผลนี้ผมว่ามันน่าจะต้องมีคนเข้าไปปลุกปั่น บรรดาผู้ปกครองเหล่านี้ และประเด็นนั้นก็คงเป็นที่ดินตรงนี้ มีคนอยากได้เอาไปทำศูนย์การค้า



              TBC….


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.2 เหมือนมีบางสิ่งกั้นเอาไว้ NC
                    Part's พี่ตุ๊ ผมนั่งทำงานเอกสารไม่รู้นานแค่ไหน จนตอนนี้เกือบหนึ่งทุ่มได้แล้ว ผมคิดว่าผมลองปรับเปลี่ยนโรงเรียนนี้เป็นระบบกินนอนดู เพราะว่ามีเด็กที่อยู่ห่างไกลอยากจะมาเรียนแต่ไม่มีที่พักที่นี้ก็มีและมีการจัดหาครูสอนพิเศษมาเอาไว้ จะได้ไม่ต้องขวนขวายหาติวเตอร์แพงๆ ที่ในกรุงเทพกัน ผมเหลือบมองเวลาแล้วผมก็รีบวางมือลงจะได้ขับรถกลับไปที่บ้านพักครูของพัฒน์
               “สวัสดีครับคุณตุ๊ ไม่ซิ ท่านผู้อำนวยการคนใหม่” รปภ ที่อยู่ดูแลที่นี้มานาน ทักทายผมกำลังจะยกมือไหว้ผม
               “ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ ผมน่ะอ่อนกว่าตั้งเยอะนะครับ” ผมพูด
               “ก็เป็นถึงผู้อำนวยการนะครับ” เขาพูด
               “มันคือตำแหน่ง ผมก็ยังเป็นคนเดิมครับ “ผมพูด
               “สบายดีนะครับ” ผมถามเขาเขา
               “สบายดีครับ ไม่เจอกันนานพอสมควรนะครับ “ลุงเขาพูด
               “ผมไปอบรมครอสผู้บริหารโรงเรียนมานะครับ เป็นหลักสูตรต่างประเทศ”ผมพูด
               “นี้ไปตรวจรอบๆบ้านพักครูมาเหรอครับ” ผมถามเขา
               “ใช่ครับครู “ เขาพูดกับผม
               “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามเขาเพราะว่าเห็นสีหน้ามีพิรูจบางอย่าง
               “คือว่ามีเด็กรุ่นก่อนๆนะครับ ไปทำช่องทางหนีเรียนเอาไว้นะครับ ตรงโน้นน่ะครับ เป็นมรดกตกทอดเลยครับ เลยพากันหนีจนถึงรุ่นนี้เลยครับ” รปภ บอกผม ผมก็ต้องพยักหน้า รุ่นพี่รักรุ่นน้องน่าดู
                “งั้นพรุ่งนี้ ผมรบกวนไปชี้จุดให้ผมหน่อยน่ะครับ ผมอยากให้เด็กอยู่แต่ในโรงเรียน ไม่อยากให้ออกไปได้รับอันตรายข้างนอก ถึงไม่ใช่หน้าที่เราแต่ว่าเขามาเป็นนักเรียนที่นี้แล้ว ผมต้องดูแล รบกวนทีนะครับพรุ่งนี้” ผมบอกลุงเขา เขาก็พยักหน้า
               ผมเดินไปที่รถที่จอดอยู่ เพื่อจะขับกลับไปที่บ้านพัก ป่านนี้พัฒน์คงทำอาหารเอาไว้รอผมแล้ว  ผมไปถึงก็ได้กลิ่นอาหารโชยมาแตะที่ปลายจมูก ถ้าพัฒน์เป็นสตรี ผมว่ามีชายหมายปองน่าดู แค่คิดก็หึงแล้วซิ
               “กึก” เสียงประตูบ้านพักถูกเปิดออก ผมเดินเข้ามาก็ได้กลิ้นอาหารที่หอมฉุยลอยมาจากในครัว ผมว่าพัฒน์คงโปรดของผมแน่นอน ผมถอดรองเท้าหนังและนำเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ พัฒน์เป็นคนที่มีระเบียบเรียบร้อย ทุกอย่างถูกเก็บจัดเข้าที่เป็นระเบียบจนผู้หญิงบางคนก็ยังทำไม่ได้เท่าพัฒน์เลย
                 “หมับ” ผมเดินย่องๆ เข้าไปเงียบและกอดพัฒน์จากด้านหลัง จนคนที่ถูกกอดสะดุ้งสุดตัวขณะที่กำลังค้นหม้อบนเตาแก๊ส ผมว่าพัฒน์คงทำต้มยำน้ำใสที่ผมชอบทาน ผมหันไปมองมีผัดยอดมะระหวานกุ้งสดและยังมีกับข้าวอื่นอีกสองสามอย่าง
                “พี่ตุ๊ อย่ากอดพัฒน์แบบนี้ซิ “พัฒน์พูดเอ็ดผม ผมกำลังใช้จมูกซุกลงที่ซอกคอขาวๆ ของพัฒน์ ผมยอมรับว่าผมไม่กล้าทำแบบนี้ในบ้านของผมเอง ยิ่งต่อหน้าพ่อผมยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ต้องรักษาไว้แค่พี่ชายกับน้องชาย
                “ทำไมละครับ” ผมถามพัฒน์
                  “ก็…พัฒน์นะมีแต่กลิ่นอาหารนะครับคละคลุ้งไปหมดทั้งตัวและพัฒน์คิดว่าพี่ควรจะไปอาบน้ำได้แล้วนะครับ ท่านผู้อำนวยการ” พัฒน์พูดก่อนจะหันมาเหล่มองผมและหันไปสนใจของที่อยู่ในหม้อ ผมหรี่ตามองพัฒน์
                “ห้ามเรียกพี่ว่าผู้อำนวยการ ถึงจะเป็นก็เถอะ ฟังดูแก่มาก เรียกพี่ตุ๊ ห้ามเรียกครู ตอนอยู่บ้านยกเว้นที่โรงเรียน” ผมพูด พัฒน์หันมามองผม
                “เข้าใจไหมครับ”ผมถามพัฒน์
               “ถ้าไม่เข้าใจล่ะครับ” พัฒน์ถามผม
               “จะได้พาไปอบรมกันสองคนในห้องนอน”ผมพูด พัฒน์หน้าแดงขึ้นมาทันที
               “ไม่ไปด้วยหรอก ไปคนเดียวเลย” พัมน์พูดพร้อมกันหันหลังให้ผมทันที
               “ไปอาบน้ำซิพี่ตุ๊” พัฒน์บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ
               “เออพี่ตุ๊….พัฒน์เตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้แล้วนะครับบนที่นอน ห้องนอนพี่ตุ๊นะครับ” พัฒน์พูด นี้แสดงว่าให้ผมไปนอนอีกห้องเหรอ
                “แล้วพัฒน์นะ อาบน้ำหรือยังครับ” ผมกระซิบถามพัฒน์ เขาก็เงียบนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม และก้มหน้าลง ผมสังเกตใบหน้าของพัฒน์แดงขึ้นมาเรื่อๆ แสดงว่าเขินแน่ๆ
                 “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมพูดและปล่อยตัวพัฒน์เป็นอิสระก่อนจะเดินออกไป
 
                    ผมตรงไปยังห้องนอนอีกห้อง ผมรู้ว่าพัฒน์คงไม่อยากให้คนอื่นมองผมไม่ดี ผมไม่เคยมองว่าผมกับเขาเราต่างกันเลยสักนิด ผมยืนมองเสื้อผ้าจนไปถึงชุดชั้นใน ผ้าเช็ดตัวทุกอย่างพัฒน์เตรียมเอาไว้ให้ผมหมดแม้กระทั่งรองเท้าที่ใส่เดินในบ้านก็มี เตรียมให้ขนาดนี้แล้วผมจะไม่รักได้อย่างไร ตั้งแต่ก้าวแรกตอนเข้าไปในห้องน้ำ ของใช้ทุกอย่างถูกจัดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผมจัดการถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดและสวมเสื้อคลุมอาบน้ำแทน เปิดน้ำเอาไว้ในตู้อาบน้ำก่อน
 
                  Part’ s ครูพัฒน์ ผมเป็นลูกบุญธรรมของพ่อภาคย์ พ่อภาคย์เลี้ยงดูผมเหมือนลูกแท้ๆ ให้ความรักความเอ็นดูไม่ต่างกับพี่ๆ น้องๆ ทุกคน แต่ท่านก็ไม่ได้ปิดบังพ่อแม่ที่แท้จริงของผม พ่อเป็นการ์ดหรืออดีตนายทหารติดยศสัญญาบัตร ที่มีเรื่องจนต้องลาออกจากราชการ พ่อผมเป็นการ์ดดูแลพ่อภาษญ์จนวันหนึ่งเกิดการปะทะกันกับคนไม่หวังดีและพ่อผมก็ถูกคมกระสุนจนเสียชีวิต ตอนนั้นผมเพิ่งจะคลอดได้ไม่กี่วันและพอแม่ผมรู้ แม่ผมบอกว่าเขาไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูผมได้ พ่อภาคย์จึงรับอุปการะผมโดยมีคนดูแลผมอย่างทีเรียกว่าแม่นม จนผมเริ่มโตพ่อภาคย์จึงรับผมเข้ามาอยู่ในบ้านตอนนั้นผมก็เข้าเรียนชั้นประถมแล้ว
 
                  และการที่ผมได้มาอยู่ครอบครัวตัวตอเต่า ผมได้ใกล้ชิดผูกพัน จนผมรู้สึกว่าผมแอบหลงรักพี่ชายคนโต ของผมแต่ว่าผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะผิดมากไหม ที่ผมเองที่เป็นลูกบุญธรรมของพ่อภาคย์แต่ดันมาหลงรักลูกชายแท้ๆ ของท่านแบบนี้นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมควรจะแยกตัวเองออกมา ผมก็เลยขอมาเป็นครูสาขาที่ไกลจากกรุงเทพ แต่ด้วยปัญหามากมายเลยทำให้พี่ตุ๊ต้องลงมาช่วยแก้ไข
                   “พัฒน์!!” เสียงพี่ตุ๊เรียกผมดังออกมาจากห้องน้ำ หรือว่าผมลืมอะไรไปหรือเปล่าแต่ผมก็ว่าผมจัดให้หมดแล้วนะพี่ตุ๊ ผมก็รีบปิดแก๊สซะก่อนจะเดินไปที่ห้องที่ผมจัดเอาไว้ให้ ผมไม่กล้าที่จะเอ่ยปากให้พี่ตุ๊นอนห้องเดียวกับหรอก
                   “ครับพี่ตุ๊” ผมขานรับ แต่ทว่าผมก็ไม่เห็นพี่ตุ๊ในห้องนอนหรือว่าในห้องน้ำ แสดงว่าผมคงลืมอะไรสักอย่างแน่ๆ ผมเดินตรงเข้าไป สอดสายตาไปรอบ ก็ไม่เห็นพี่ตุ๊เลย
                    “หมับ” จู่ๆ ก็มีคนโผ่มาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่ทันมองมากอดผมเอาไว้ ผมหันมามองพี่ตุ๊นั้นเอง อ้อเขาแอบอยู่ด้านหลังของประตู
                     “พี่ตุ๊นี้เล่นอะไรเป็นเด็กๆ เลย ว่าแต่พี่เรียกพัฒน์ทำไมเหรอครับ ผมลืมอะไรไปหรือเปล่า” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พลิกร่างผมให้หมุนวนมาหาเขา มาหยุดตรงหน้าเขาและมองหน้าผม ผมเห็นพี่ตุ๊สวมแค่เสื้อคลุมแค่นี้ก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
                    “อาบน้ำกัน พี่อยากได้คนถูหลัง” พี่ตุ๊พูด ทำเอาผมนี่หน้าร้อนผาวขึ้นมาทันที
                    “เออ คือพัฒน์ ทำกับข้าวค้างไว้อยู่นะครับพี่ตุ๊” ผมพูดโดยไม่กล้าสบตา
                    “ทำอะไรเยอะแยะอยู่กันแค่สองคนเองนะ น้องๆ ไม่ได้อยู่นี้ซะหน่อย” พี่ตุ๊พูด ผมรู้สึกว่าชายเสื้อยืดของผมกำลังถูกถลกขึ้นพี่ตุ๊กำลังถอดมันออกไปอย่างว่าง่าย คือผมไม่ได้ขัดขืนอะไรพี่ตุ๊เลยสักนิด จนหลุดลอยไป
                     “ถอดออกซิครับ หรือว่าจะให้พี่ถอดให้” พี่ตุ๊กระซิบถามผมที่ข้างหูน้ำเสียงที่เบามากแต่มันก็เป็นเหมือนการออกคำสั่งที่ทำให้ผมไม่ยอมขัดขืน ผมก้มลองถอดมันออกไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ที่ยิ้มอย่างพึงพอใจ พี่ตุ๊จับมือเรียวๆ ของผมไปดึงสายขาดเสื้อคลุมอาบนั้นให้หลุดออกไป มันเผยให้เห็นว่าพี่ตุ๊ไม่มีกางเกงยางยืดอยู่ภายใน แผนอกที่ที่มีแต่กล้ามอก พี่ตุ๊เป็นคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีซิกแพคจากการเข้าฟิตเน็สและมีเทรนเนอร์ดูแล แต่ผมซิผอมแห้ง เพราะว่าผมไม่ค่อยชอบเข้าไปทำอะไรแบบนั้น
                   “ตุ๊บ” เสื้อคลุมถูกปลดออกไปกองกับพื้นห้องน้ำ เรียกได้ว่าตอนนี้ก็เปลือยเปล่ากันทั้งคู่ ผมนั้นเป็นคนร่างเล็กไปโดยปริยาย พี่ตุ๊เปิดประตูตู้อาบน้ำออก เขาดันผมเข้าไปก่อน สองแขนกำยำนั้นโอบเอวบางๆ ของผมเอาไว้และดันให้ตัวผมเข้าไปยืนอยู่ที่ใต้ฝักบัวที่มีสายน้ำไหล พี่ตุ๊รวบแขนผมทั้งสองข้างขึ้นไปครองรอบคอของพี่ตุ๊เอาไว้
                   “อ้าห์ “เสียงครางที่เล็ดลอดออกมา เมื่อริมฝีปากหนาๆ กำลังบดขยี่ริมฝีปากบางเฉียบของผม ร่างบางๆ ถูกร่างใหญ่กว่ากอดรัดเข้าไปเบียดเสียด ผมยอมรับว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกของผมกับพี่ตุ๊ แต่เราก็ไม่ได้มีโอกาสทำแบบนี้ด้วยกันบ่อย เพราะว่าถ้าอยู่บ้านพี่ตุ๊กับผมจะวางตัวเช่นพี่น้องปกติและผมก็ยังจำวันแรกของผมกับพี่ตุ๊ได้ดี วันที่ผมมอบความบริสุทธิ์ให้พี่ตุ๊ไปครอบครอง ผมไม่มีวันลิม
                  “อืม…อ้าห์” ผมร้องครางออกมาอีกครั้ง ยอดสองจุดที่แปะอยู่บนแผ่นอกของผมที่แข็งจนเป็นไตกำลังถูกดูดและคลึง พร้อมกับลิ้นที่ตวัดไปมามันทำให้ผมนี่เสียวซ่านไปหมดจนต้องเกร็งตัวเองและจิกปล่ายเท้า พี่ตุ๊เริ่มไล่จูบลงไปเรื่อยๆ จนถึงท้องน้อยของผม ผมก็ยิ่งแอ่นตัวเองเพราะว่ามันเสียวจนผมก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่
                  “ปึก” ผมดันพี่ตุ๊ให้หลังไปชนกับตู้กระจกและผมก็ย่อตัวลงในท่าย่องๆ พี่ตุ๊รู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร ผมนั่งคุกเข่าให้ตรงกับสิ่งนั้น พี่ตุ๊เขายืนแยกขาออกเล็กน้อย ผมจับสิ่งนั้นขึ้นมาและใช้ปลายลิ้นหยอกเล่นกับสิ่งนั้น ตอนนี้มันแข็งจนแทบจะแตกผมว่าพี่ตุ๊คงไม่ได้ระบายมาหลายวันแล้ว ผมจ้องมองพร้อมกับอ้าปากให้กว้างพอจะกลืนสิ่งนั้นเข้าไป จนตุงอยู่ในกระพุ้งแก้ม
                 “อ้าห์ ….พัฒน์ …..อื้มมมมม “พี่ตุ๊ยืนและแอ่นส่วนนั้น ผมช้อนตาขึ้นมองพี่ตุ๊ที่หลับตาพริ้มแหงนหน้าขึ้นตัวเกร็ง สังเกตได้จากเส้นเลือดที่คอที่ปูดโปน ผมก็ยิ่งหยอกเย้าใช้ปลายลิ้นตวัดไปมาจนคนที่ยืนอยู่สุดจะต้านทานอารมณ์ของความต้องการ พี่ตุ๊จับไหล่ผมเหมือนจะดันให้ผมลุกขึ้น และพลิกตัวผมให้เข้าไปอยู่ด้านในแทน แผ่นหลังผมชนกับกระจกพี่ตุ๊ก็ยกตัวผมขึ้นให้อยู่ในท่าอุ้มแตง ผมมองหน้าพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ส่งยิ้มมาให้ผม
                   “พี่รักพัฒน์นะครับ” พี่ตุ๊พูดบอกผม
                  “ผมก็รักพี่ตุ๊ แต่”
                  “พัฒน์ดีพอสำหรับพี่ เสมอ” แค่นั้นที่ผมอยากได้ยิน แค่นี้จริงๆ เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมไม่อยากไปไหนจากพี่
                  “โอ้ววว” นิ้วมือเรียวยาวของพี่ตุ๊สอดใส่เข้าไปในช่องทางรักของผม เริ่มที่ล่ะนิ้วและเพิ่มจำนวนไปจนผมจ้องจับไหล่พี่ตุ๊บีบมันแต่ไม่กล้าบีบแรง
                  “พี่จะใส่แล้วนะ “พี่ตุ๊พูดแอบขำผมอีกนะ ผมเหลือบตาลงมองพี่ตุ๊ ผมเองก็จะไม่ไหวแล้วคือประมาณ ใส่มาเถอะ ผมพร้อม
                 “โอ้วว” ผมร้องออกมาเมื่อผมสัมผัสได้ถึงความคับแน่นที่ช่องทางรักของผม พี่ตุ๊คอยๆ ดันสิ่งนั้นเขามาเรื่อย ขาผมก็เกร็งกอดรัดเอวพี่ตุ๊เอาไว้
                  “พัฒน์อย่าเกร็งซิ ทำตัวตามสบาย นะครับ แต่ถ้าเจ็บบอกพี่ “พี่ตุ๊พูดผมก็พยายามจะไม่เกร็ง หุ่นผมกับพี่ตุ๊ แตกต่างกันพอสมควร ผมเป็นคนร่างเล็ก บอบบางมาก พี่ตุ๊นะสูงใหญ่ไม่อ้วนมีแต่กล้ามเนื้อ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนร่างกายผมกำลังจะแตกแยกออกมาเป็นสองเสียง พี่ตุ๊ก็ค่อยๆ ดันเข้าไป เข้าไปจน
                    “ฟู่” เสียงลมหายใจที่พรุออกมาจากปากพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หยุดสักครูก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ ร่างผมก็ขยับขึ้นลง ช้าๆ ก่อนและค่อยเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมรู้สึกได้ถึงแกนกายของพี่ตุ๊ที่อยู่ในกายผมมันเกร็งขึ้นมาและกระตุกเล็กน้อยสองสามที ก่อนที่น้ำอุ่นๆ จะทะลักเข้าสู่กายของผม และไหลย้อนออกลงมาที่เรียวขาของผม
 
                     พี่ตุ๊กอดผมไว้พร้อมกับซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของผม ผมเองก็เรียบร้อยเช่นกัน เพราะผมใช้แขนข้างเดียวโอบรอบคอพี่ตุ๊และใช้อีกมือในการจัดการของตัวเอง มันพุงกระจายอยู่ที่หน้าท้องของพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ค่อยๆ ปล่อยให้ผมลงไปยืนและค่อยๆ ถอนแกนกายของเขาออกช้าๆ ผมเงยหน้ามองพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ยิ้มกรุ้มกริ่มให้ผม ผมนี้ก็ต้องก้มหน้าลงด้วยความอาย
                     “เล่นซะพี่เลอะไปหมดเลย สงสัยหลายวันแล้วเหมือนกันละซิหึ” พี่ตุ๊แซวผมแบบนี้ผมแทบจะหมุดหน้าหนีเลยก็ว่าได้
                      “มาถูหลังให้พี่เลยพัฒน์ “พี่ตุ๊พูดพร้อมกับดันผมกลับเข้าไปอยู่ภายใต้ฝักบัวอีกครั้ง สายน้ำที่หยุดไปก่อนหน้านี่้ก็ราดรดลงมาอีกครั้ง พี่ตุ๊หันไปหยิบฟองน้ำพร้อมครีมอาบน้ำส่งมาให้ผม ก่อนจะหันหลังให้ผมถูกหลังให้ แผ่นหลังเนียนๆ นั้น ผมเคยสัมผัสมาตั้งแต่เด็ก พี่ชายคนนี้ให้ผมขี่หลัง ผมจำได้ดีตอนที่ผมอยากจะขี่จักรยาน ผมหัดแต่ว่ามันล้มลงทำให้หัวเข่าเป็นแผลพี่ตุ๊เป็นคนแบกผมกลับมาบ้าน บางครั้งผมก็อยากจะหยุดมันไว้แค่นั้น ผมกลัวว่าวันที่พี่เจอคนที่ดีกว่าผม แล้วผมคงไม่ได้เป็นคนทำหน้าที่ตรงนี้แล้วผมจะทนอยู่ได้อย่างไร
                     “หันหลังซิครับ พี่ถูให้” พี่ตุ๊พูดกระซิบกับผม ผมก็จำใจหันหลังให้พี่ตุ๊ เราผลัดกันถูกตัวจนสะอาดทุกซอกทุกมุมก่อนจะรีบออกมาแต่งตัวและทานอาหารเย็นกัน และพี่ตุ๊ก็ช่วยผมเก็บล้างที่ห้ามแล้วเชียวแต่พี่ตุ๊ก็ยังจะช่วย บอกว่าอยากให้ผมไปนั่งพักได้แล้ว สอนมาทั้งวันเหนื่อยแย่แล้ว
                     “พี่ตุ๊ครับ ถ้าพี่ร้อนผมมีแอร์เคลื่อนที่อีกตัวนะ เพื่อว่าแอร์ในห้องนั้นจะไม่ค่อยเย็น” ผมพูดบพอคนที่เข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังผม แต่เขาไม่ตอบรับผม ผมก็เลยต้องหันหลังกลับมามอง พี่ตุ๊ ยืนกอดอกมองผม เขามาพร้อมกับหมอนหนุน
                     “พี่ไม่ชอบหมอนใบนี้เหรอครับ “ผมถามพี่ตุ๊ ผมคิดว่าพี่ตุ๊อาจจะมาขอเปลี่ยน
                      “พี่ชอบ เลยเอามาด้วย มานอนห้องนี้ด้วย จะให้นอนคนเดียวได้ไง มันแปลกที่ นอนไม่หลับ “พี่ตุ๊พูดและไม่พูดเปล่า กอดผมและโยนตัวผมขึ้นไปบนเตียงนอนทันที แน่นอนคนตัวเล็กอย่างผมหรือจะต้านทานได้ ลอยละลิ้วลงไปอย่างง่ายดาย
                    “นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเซอร์ไพรส์น้องๆ กันนะพัฒน์ “พี่ตุ๊พูด ผมก็คงต้องปล่อยให้คนตัวโตนอนกอดผมแบบนี้ที่นี่ คนอะไรตัวโตแต่บอกว่ากลัวเพราะแปลกทีนี่น่ะมุขชัดๆ เลย แต่มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธพี่ตุ๊ได้ คนที่ผมรักมาก ผมยอมให้ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ผมก็ยอม
 
            ผมยอมแม้กระทั่งให้พี่ตุ๊คบกับเพื่อนรักของผม ขวัญและคนที่ขอร้องผมก็คือขวัญขอให้ผมพูดให้พี่ตุ๊ลองคบกับเขา ผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่ตุ๊มีใจให้เขาหรือเปล่าเพราะว่าพี่ตุ๊ตอบตกลง มันเจ็บปวดมากและผมเองก็ผลักขวัญเข้ามาให้พี่ตุ๊เอง ภาพที่เราสามคนไปไหนมาไหนด้วยกันมันตำตาผม ทิ่มแทงใจผม จนบางทีผมเองก็อึดอัดแทนแต่สุดท้ายขวัญก็นอกกายพี่ตุ๊ไปมีอะไรกับพี่อ้น แต่ผมไม่รู้ว่าทำไม ขวัญถึงได้กระโดดตึกฆ่าตัวตาย จนครอบครัวเขามองว่าคนที่ผิดคือพี่ตุ๊และผม แต่มันหนักไปทางผม ทุกคนคิดว่าผมคือต้นเหตุทุกคนคิดว่าผมต้องการพี่ตุ๊ ใจผมนะต้องการแต่ผมไม่มีทางทำแบบนั้นได้เด็ดขาด ถ้าผมจะทำคงไม่ให้สองคนนั้นคบกันหรอก และทุกวันนี้พอวันงานครบรอบวันเสียชีวิตขวัญ พี่ตุ๊ต้องไปร่วมงานด้วยทุกปี

                  ผมยอมรับว่าผมเจ็บมันเหมือนกับว่าพี่ตุ๊ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่รักจะไปทุกปีแบบนี้เหรอ ส่วนผมเพื่อนรักก็ตามไปเช่นกันแต่ว่า การพ่อแม่เขาก็มองผมแบบไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ อย่างที่ผมบอก เขาคิดว่าผมเองที่ทำให้พี่ตุ๊กับขวัญผิดใจกันแต่เขไม่ได้มองว่าคนที่ทำนั้นคือขวัญเองต่างหากที่ไม่ซื่อสัตย์กับพี่ตุ๊ แต่ว่าตอนนี้ผมกับพี่ตุ๊สถานะที่ไม่รู้ว่าคืออะไร มันคลุมเคลือบอกไม่ถูก พี่น้องเหรอ แต่เกินพี่น้องไปแล้วน่ะ แต่ไม่ว่าสถานะอะไรตอนนี้ ผมก็ยอมเขาหมดแล้วทั้งกายและใจ
                   “นอนได้แล้ว ถ้าไม่ยอมนอนพี่จะชวนออกกำลังกายเหมือนตอนอาบน้ำอีกน่ะ “พี่ตุ๊พูด นั่นแหละที่ทำให้ผมรีบหลับตาลงทันที คุณครูใหญ่จอมหื่น พี่ตุ๊กระชับอ้อมแขนเข้ามากอดร่างเล็กๆ ของผมเอาไว้ แล้วผมจะดิ้นหนีไปไหนได้เหมือนลูกไก่ในกำมือพี่ตุ๊เข้าไปทุกวันแต่ว่าผมก็ยอมเป็นแบบนี้ อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป พี่ชายที่แสนดีของผม 
TBC...
 


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.3 แค่ลูกบุญธรรมที่เขาคิดกัน

         Part’ s ครูพัฒน์ วันนี้ผมรู้สึกดีกว่าทุกวันเพราะว่าไม่ต้องตื่นมาคนเดียวแล้ว มีคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ตลอดไปมาพักอยู่ด้วย ไม่รู้จะนานแค่ไหนหรือแค่แก้ไขปัญหาได้แต่ว่าแค่นี้ก็เกินกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้เยอะ ผมหันไปมองคนที่เดินออกมาเขายังสวมชุดนอนผ้าแพรที่ผมซื้อเอาไว้ให้ ผมแค่หันไปมองพี่ตุ๊แว๊ปหนึ่งก่อนจะหันมาสนใจอาหารในกระทะที่ผมทำเอาไว้ให้

   “อรุณสวัสด์ครับคุณครู ตื่นมาแต่เช้าเลย” เสียงดังมาจากด้านหลังพร้อมกับการสวมกอด

   “ฟ้อด!!” เสียงสูดดมความหอมจากต้นคอของผมดังจากคนด้านหลัง

   “อาบน้ำแล้วเหรอ” พี่ตุ๊กระซิบถามผม

   “ครับ ผมรีบอาบเพราะว่าผมมียืนเวรหน้าประตูครับวันนี้” ผมบอกพี่ตุ๊

   “ผมเตรียมอาหารเช้าให้พี่ก่อนแล้วผมจะรีบออกไปเลยครับ พี่ตุ๊ออกมาก็ทานอาหารเช้าก่อนนะครับ คุณผู้อำนวยการคนใหม่” ผมพูดก่อนจะเอี้ยวตัวมองพี่ตุ๊

   “ไม่รอพี่ออกไปด้วยเหรอพัฒน์” พี่ตุ๊ถามผม

   “พี่ตุ๊ก็ตามออกไปซิครับ พี่ไม่จำเป็นต้องไปแต่เช้าซะหน่อย” ผมพูดก่อนจะตักScumble egg วางไว้บนขนมปังที่ผมอบเอาไว้ให้พี่ตุ๊แล้ว มีผักสลัดจัดเอาไว้เรียบร้อย

   “ผมว่าพี่ตุ๊รีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่าจะได้ออกมาทานอาหารเช้านะครับ ผมคั้นน้ำส้มเอาไว้ให้พี่ตุ๊ด้วยนะครับ อยู่ในตู้เย็น” ผมบอกพี่ตุ๊ ก่อนจะหมุนตัวหันไปเก็บเอาอาหารที่ผมทำเอาไว้อุ่นไว้ในเตาอบรอพี่ตุ๊ออกมา

   “ชุดทำงานของพี่ผมแขวนเอาไว้ให้แล้วนะครับพี่ตุ๊” ผมบอกพี่ตุ๊

   “หมับ” จู่ๆ พี่ตุ๊ก็รวบเอวผมเข้าไปหาและผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว โชคดีที่ผมได้วางจานอาหารลงบนโต๊ะแล้ว ผมหันมามองพี่ตุ๊ ฝ่ามือผมก็ดันหน้าอกพี่ตุ๊อยู่ ดันแบบไม่ได้ผลักออก

   “อุ้ย! พี่ตุ๊ ผมต้องรีบไปครับ เดี๋ยวครูเมย์จะยืนคนเดียว” ผมบอกพี่ตุ๊ก่อนจะรีบดันออก ผมหันไปหยิบเอาทุกอย่าง

   “ขับรถพี่ไปน่ะพัฒน์ วันนี้พี่จะไปที่โรงแรมด้วย พัฒน์ต้องไปกับพี่ด้วย” พี่ตุ๊บอกผม

   “แล้วพี่จะออกไปยังไงละครับพี่ตุ๊”

   “พี่ออกไปได้ พี่โตแล้วส่วนพัฒน์ขับรถพี่ออกไป ห้ามเถียงพี่น่ะ คำสั่งท่านผู้อำนวยการ ห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาดนะครับ คุณครู…ตัวเล็ก” พี่ตุ๊บอกผมแถมยังสั่งห้ามขัดคำสั่งด้วย ผมก็ต้องหันไปหยิบเอากุญแจรถคันหรูของพี่ตุ๊

   “พี่ได้รับอิเมลจากครูที่จะมาสอนวิชาภาษาอังกฤษคนใหม่ เขาจะเข้ามาคุยกับพี่วันนี้และเขาจะมาดูสถานที่ด้วย ถ้าพร้อม เขาจะมาสอนเลยน่ะพัฒน์” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊

   “พี่ตุ๊แต่ว่าบ้านพักเรายังไม่เรียบร้อยนี่ครับ” ผมถามพี่ตุ๊ด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

   “เขาบอกว่าเขาอยากมาสอนนักเรียนแล้วนิพัฒน์ เขารีบกว่าพี่อีกน่ะ ดูเขาพร้อมมาก” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ

   “และพี่ก็ว่าดีน่ะ เขามาเริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับเราเท่านนั้นเพราะว่าคุณครูเริ่มบ่นกันแล้ว ตารางสอนแน่นมากพัฒน์” พี่ตุ๊ ผมพยักหน้าว่าจริง

   “ส่วนที่พักพี่ว่าจะให้เขาหาที่พักนอกไปก่อนและพี่จะจ่ายให้เขาน่ะ” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ส่วนพี่ตุ๊ก็เดินเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ผมรีบเดินลงไปจากบ้านพัก ก่อนจะหันไปมองบ้านพักครู พี่ตุ๊จะเริ่มปรับปรุงทุกหลังให้น่าอยู่มากขึ้น พี่ตุ๊พูดเอาไว้ก่อนที่พี่ตุ๊จะแพลนมาที่นี้

   “สวัสดีครับครูพัฒน์” มีคนทักทายผมแต่เช้า ผมหันไปมองลุงภารโรงนั้นเอง

   “สวัสดีครับลุงถนอม”

   “ออกแต่เช้าเลยนะครับครู”

   “ผมมียื่นเวรหน้าประตูความเรียบร้อยเหรอครับ มาแต่เช้าเลยนะครับ” ผมพูดกับลุง ภารโรง

   “มีคนเข้ามาทำบ้านพักครูหลังที่สิบนะครับ เห็นผู้อำนวยการบอกว่าจะมีครูคนใหม่เข้ามาอยู่เลยให้รีบทำครับ ผมจึงต้องมาดูทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนครับครู จะได้อำนวยความสะดวกให้ทีมช่างด้วยครับ” ลุงภารโรงพูด ผมพยักหน้า

   “งั้นผมไปก่อนนะครับ” ลุงภารโรงพูดก่อนจะขี่จักรยานคู่ใจผ่านผมไป



     ผมก็เดินไปขึ้นรถหรูของพี่ตุ๊ รถยนต์นำเข้า ราคาแพง ถามว่าถ้าผมบอกพ่อบุญธรรม ผมก็ได้แต่ผมไม่ ผมขับแค่รถคันล่ะไม่กี่แสนก็พอแล้วแต่นี่คำสั่งผู้อำนวยการก็ต้องทำตามแหละครับ เป็นครูตัวน้อยๆ ของพี่ตุ๊ไงเลยไม่กล้า ผมขับมาถึงที่โรงเรียนก็นำรถเข้าไปจอดที่ตรงที่จอดรถของผู้อำนวยการ ผมเดินลงจากรถตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าปกติจะมีพ่อครัวแม่ครัวมาแต่ว่าวันนี้ยังไม่มี ก็แน่ล่ะเมื่อวานมีตีกันจนห้องอาหารเปิดใช้งานไม่ได้ ผมหวังว่าเหตุการณ์เมื่อวานจะเป็นเหตุการณ์สุดท้าย

   “นี้แก ผู้อำนวยการหล่อมากเลยอ่ะ ยังไม่แต่งงานด้วย”

   “ไม่ต้องไปนั่งหวังหรอก ไม่ถึงแกหรอก”

   “ทำไมอ่ะ”

   “ก็มีครูพัฒน์อยู่ ใครก็พูดกันว่านางคอยตามติดคุณตุ๊ไม่ห่าง เหมือนจะหวงก้าง ทั้งที่เป็นแค่ลูกบุญธรรมไม่ใช่น้องแท้ๆ สักหน่อย” ผมชะงักเท้าหยุด เสียงนั้นดังอยู่ไม่ไกลแต่เขาคงไม่ได้สังเกตุว่าผมอยู่ตรงนี้

   “ครูพัฒน์ค่ะ” ผมสะดุ้งทันทีที่มีมือเล็กๆ มาแตะที่ต้นแขนผม

   “ขอโทษทีนะคะครูพัฒน์  เมย์ทำครูตกใจเลย” ครูเมย์บอกผม

   “เราออกไปยืนที่หน้าประตูกันเลยไหมคะ เด็กนักเรียนเริ่มทยอยเข้ามากันแล้วค่ะ” ครูเมย์ถามผม ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองสองคนที่เดินหายไปเพื่อขึ้นไปที่ห้องธุรการกันแล้ว

   “อย่าไปถือสาสองคนนี้เลยนะคะ เมย์ว่าที่เขานินทาว่าครูพัฒน์น่ะ คงจะเป็นเพราะว่าเขามีปมนะคะ อยากมีแต่ต้นทุนของคนเราไม่เท่ากันและสองคนนี้ก็ไม่น่าจะมีต้นทุนอะไรเลย แถมยังใช้เงินซื้อแต่ของแบรนด์เนมแต่ว่าหนี้บัตรเครดิตเพียบ” ครูเมย์พูด ผมหันไปมองครูเมย์

   “วันก่อนเห็นโวยวายกับธนาคาร คงโทรมาทวงเงินนะคะ” เมย์พูดพร้อมกับสั่นหัวไปด้วย

   “ผมรู้ครับว่าต้นทุนคนเราไม่เท่ากันแต่เขาสองคนน่ะมีสิ่งที่ดีกว่าผมอีกนั้นคือครอบครัว มีพ่อแม่ ส่วนผมน่ะเป็นลูกบุญธรรมก็จริงแต่ผมก็อยากได้ความรักจากพ่อแม่จริงๆ ของผมนะครับครูเมย์” ผมหันมาพูด ครูเมย์มองด้วยความเห็นใจ

   “ถ้าพ่อแม่ครูยังอยู่ เขาต้องภูมิใจในตัวครูพัฒน์ค่ะ ครูพัฒน์เป็นคนดีและจิตใจดีขนาดนี้” ครูเมย์พูด

   ” เพราะตั้งแต่เมย์มาเป็นครูที่นี้ เมย์เห็นครูพัฒน์ทำทุกตำแหน่งเลยก็ว่าได้ เพื่อโรงเรียนนี้ เพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน แต่ว่าคนอื่นน่ะเขาอาจจะมองครูพัฒน์ไม่ดีก็เพราะว่าเขาอิจฉาครูพัฒน์มากกว่า อย่าไปใส่ใจกับคำพูดคนเหล่านั้นเลยนะคะ ครูพัฒน์ทำดีที่สุดแล้ว” ครูเมย์พูดให้กำลังใจผม



     ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพากันเดินออก จะว่าไปวันนี้สภาพโรงเรียนก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วนี่ภารโรงจะทำไหวไหมน่ะ ผมแอบพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะไปยืนจุดที่ครูทำหน้าที่ยืนเวรยืน มีเด็กบางคนที่พ่อแม่มาส่งแต่เช้าก็มี พี่ตุ๊ว่าจะเปิดเป็นโรงเรียนกินนอนร่วมด้วยเพราะมีเด็กที่บ้านไกลมาเรียนที่นี้เขาจะได้สะดวกสบาย



    หลังจากทำหน้าครูยืนเวรหน้าประตูจนได้เวลาที่ผมจะพักก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ครูสอนตอนเช้า จะว่าไปตอนนี้พี่ตุ๊มาแล้ว ผมคงไม่จำเป็นต้องทำไปหมดซะทุกอย่างแล้วมั้ง ผมเดินไปที่ห้องทำงานพี่ตุ๊ ผมคิดว่าพี่ตุ๊น่าจะมาแล้ว เพื่อว่าพี่ตุณต้องการอะไรผมจะได้จัดหาให้เขาก่อนจะเข้าสอน

   “ตึ้ง!!” ผมกดกริ่งหน้าห้องทำงานผู้อำนวยการ พี่ตุ๊มีมอนิเตอร์คอยดูว่าใครที่มาอยู่ที่หน้าทำงานของเขา

   “เชิญครับคุณครู” พี่ตุ๊ส่งเสียงผ่านเครื่องนั้นออกมา ผมก็ผลักประตูทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณปลดล๊อกดังขึ้น

   “ยื่นเมื่อยไหมครับคุณครู” พี่ตุ๊ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม วันนี้เขาสวมเสื้อเขียวอ่อนพร้อมกับเนกไทที่เข้ากันกับเสื้อสีพื้นนั้น พี่ตุ๊ไม่ได้สวมสูทแค่พลาดเอาไว้ที่ขอบเก้าอี้ ผมเดินมาหยุดตรงหน้าเขา

   “นั่งซิครับ ยื่นมาตั้งแต่เช้าเมื่อยแย่แล้ว นั่งพักคุยกับพี่ก่อน” พี่ตุ๊ชี้นิ้วบอกให้ผมนั่ง

   “ก็ผมคิดว่าแค่มาแวะดูพี่ตุ๊นะครับ ว่าพี่ตุ๊ต้องการอะไรเพิ่มไหม ถ้าไม่ผมจะได้ไปทำหน้าที่ครูสอนนักเรียนครับ” ผมบอกพี่ตุ๊

   “ขยันจัง จะขึ้นห้องไปก่อนเวลาเหรอ” พี่ตุ๊หลี่ตาขึ้นมองผม มุมปากเขากระตุกเป็นรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ละมุนมาก

   “ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน

   “ทำไมนักเรียนไม่เอาแบบอย่างครูพัฒน์บ้างน่ะ บางคนได้เวลาแล้วยังพากันยื่นอยู่ด้านล่างอยู่เลยไม่ยอมขึ้นห้องซะที” พี่ตุ๊พูดปนหัวเราะ

   “ก็มีเด็กหลายคนที่ไปรอผมก่อนนะครับ” ผมบอกพี่ตุ๊

   “ตกลงพี่จะสอนวิชาสังคมแทนครูคนเก่าจริงๆ เหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าว่าใช่ ผมเหลือบไปเห็นหนังสือสำหรับใช่สอนเด็กวางอยู่ พี่ตุ๊เขาทำการบ้านมาดีเลยว่าเขาจะสอนวิชาอะไรและสอนยังไง

   ผมยอมรับว่าพี่ตุ๊เป็นคนที่เก่งมาก เป็นคนฉลาด เรียนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรียกได้ว่าทุกบ้านเลย แต่เก่งคนล่ะแบบกัน พี่ตุ๊นี่เก่งวิชาการ พี่ตุ๊เรียนจบที่ละสองปริญญาบัตรและเรียนสองที่ด้วย ตอนที่อยู่เมืองนอก วิ่งวุ่นเลยก็ว่าได้แถมงานโรงแรมก็ดูแลไปด้วยอีกเพราะว่าพ่อภาคย์มีโรงแรมต่างประเทศด้วย

   “พัฒน์จะขึ้นไปเลยไหม พี่จะขึ้นสอนพอดีเลย กะว่าจะไปเซอไพรส์น้องๆ ซะหน่อย” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน จัดเนกไทเข้าที่แต่ว่ายังเบี้ยวอยู่ ผมเดินไปช่วยจัดให้เหมือนทุกที พี่ตุ๊มองผม สายตาคู่นี้มันทำให้ผมนิ่งไปหลายวินาที ผมสังเกตริมฝีปากพี่ตุ๊ เหมือนกับว่าเขากำลังจะ จะ จูบแต่ว่าผมก้าวถอยหลังออกซะก่อน เพราะว่าผมควรให้เกียรติสถานที่ พี่ตุ๊มองผมยิ้มๆ

   “ขอบคุณนะครับ” พี่ตุ๊พูด ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือเตรียมขึ้นสอน

   “พี่ตุ๊แล้วโรงอาหารล่ะครับ ดูท่าจะใช่ไม่ได้วันนี้ แถมยังไม่มีพ่อค้าแม่ค้ามาด้วยครับ” ผมถามพี่ตุ๊

   “พี่มีคนทำความสะอาดแล้ว” พี่ตุ๊พูด ผมต้องขมวดคิ้ว

   “ก็ใครล่ะที่ทำให้มันเละแบบนั้นตั้งแต่เมื่อวาน น้องๆ เราไหม” พี่ตุ๊พูด

   “ก็ต้องชุดนั้นแหละทำและยิ่งเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน จะได้เป็นแบบอย่างเด็กคนอื่นๆ” พี่ตุ๊พูด ผมนี่แอบส่ายหัวเลย มิน่าเด็กๆ ถึงได้กลัวพี่ตุ๊น่าดู

   “พี่สั่งพิซซ่าไว้ให้เด็กๆ ที่มาวันนี้ เดี๋ยวพัฒน์ไปบอกให้คุณครูประกาศด้วยนะครับว่าเรามีอาหารกลางวันเลี้ยงทุกคน จะได้ไม่ต้องออกไปทานด้านนอก อันตรายกับเด็กๆ” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้ารับทราบ

   “พี่สั่งอาหารกลางวันของพี่และพัฒน์ด้วย มาทานกับพี่น่ะ” พี่ตุ๊บอกผม ผมหันไปมองพี่ตุ๊

   “พี่จะให้เจ้าหน้าที่ธุรการเดินไปแจ้งพ่อค้าแม่ค้า ว่ามีอะไรเสียหายให้แจ้งทางเรา เราจะรับผิดชอบ ช่วยเหลือเขา เขาจะได้พร้อมเปิดร้านให้เด็กๆ ให้เร็วที่สุด” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้า พี่ตุ๊เหมือนพ่อจังมุมนี้ เป็นคนใจดีช่วยเหลือหลายคนและนั้นก็ได้คนดีดีกลับมาด้วยเสมอ ผมยิ้ม พี่ตุ๊เงยหน้ามองผม ผมเลยต้องหุบยิ้มทันที

   “วันนี้ช่วงบ่าย คุณครูคนใหม่ที่ว่าจะมาสอนวิชาภาษาอังกฤษ เขาจะมาคุยกับพี่และสำรวจโรงเรียนตอนบ่ายนะพัฒน์” พี่ตุ๊บอกผม

   “ช่วงบ่ายไม่มีสอนไม่ใช่เหรอ ไปเดินไปเพื่อนพี่หน่อยเวลาพาเขาสำรวจโรงเรียนเพราะว่าพัฒน์ รู้ดีกว่าพี่แน่นอน” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ผม

   “หมับ” จังหวะที่ผมกำลังจะหมุนตัวเดินออก จู่ๆ ก็มีคนมาคว้าลำตัวผมเอาไว้แน่นอนผมไม่ทันได้ตั้งตัวก็เสียหลักจนไปชนกับแผ่นอกแน่นๆ ของพี่ตุ๊

   “ยิ้มหวานๆ แบบนี้ ห้ามไปยิ้มให้ครูผู้ชายคนอื่นๆ น่ะ” พี่ตุ๊กระซิบกับผม ทำเอาผมหน้าแดงขึ้นมาทันทีและพี่ตุ๊ก็ปล่อยให้ผมเดินออกไปจากห้อง ผมรู้สึกถึงความอุ่นๆ ที่เกิดจากเลือดที่สูบฉีดบนใบหน้าของผมทันที



    ผมเดินออกมาก็ตรงไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ทันที เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ประกาศให้ ทันทีที่ผมเดินมาจนถึงห้องประชาสัมพันธ์ ผมก็เจอกับคุณน้ำตาลที่สวมชุดแซกหนังสีแดงแถมยังสั้นมากถุงน่องลายสีดำ รองเท้าส้นเข็มแหล่มจนน่ากลัว กลัวว่าถ้ามันหักขึ้นมาคงได้กันไปล้มคว่ำกันบ้างล่ะ และที่ดูไม่สุภาพก็เสื้อเกาะอกจนเห็นเนินทะลักขึ้นนั้น ผมเห็นเด็กนักเรียนชายที่เดินผ่านยังหันมามองกันเลย ต่อให้เธอจะสวมเสื้อแจ็กเกตตัวสั้นมาด้วยก็เถอะ แต่มันก็เห็นได้ว่ามันดูไม่สุภาพกับสถานที่แบบนี้ เธอหันมามองผมก่อนจะใช้นิ้วคีบแว่นตาหนาๆ สีดำนั้นลง

   “อุ้ยตาย! นึกว่าใคร” ประโยคแรกที่เธอเอ่ยทักผม

   “สวัสดีครับคุณน้ำตาล ไม่ทราบว่าวันนี้มามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

   “มีธุระซิฉันถึงได้มา แต่ธุระของฉันน่ะ ไม่เกี่ยวกับลูกบุญธรรม ธุระของฉันมันเกี่ยวกับผู้อำนวยการคนใหม่เท่านั้น” เธอลอยหน้าลอยตาพูดกับผม

   “ฉันเอากระเช้ามามอบให้ผู้อำนวยการคนใหม่ย๊ะ! “คุณน้ำพูดกระแทกเสียงใส่ผม ผมถึงกับถอนหายใจแรงๆ เธอเรียนจบมาจากนอก นิสัยเธอดูหยาบกระด้าง ผมเองก็มีเพื่อนไปเรียนเมืองนอกหลายคน ยังไม่เท่าเธอเลยจริงๆ

   “ผู้อำนวยการขึ้นสอนแล้วครับ” ผมกลั้นใจตอบเธอไป

   “โกหก! ผู้อำนวยการที่ไหนจะต้องไปสอนเอง บ้าหรือเปล่า หรือว่าแกกันท่ากันแน่ นังพัฒน์!!” คุณน้ำตาลพูด สองคนที่ยืนอยู่ ผมรู้ว่าเธอสองคนได้มาทำงานที่นี้ก็เพราะพ่อเธอเป็นคนฝากมา ต่างก็พากันยืนเบ้ปากใส่ผมพร้อมกัน แถมยังพยักหน้าน้ำตาลเห็นด้วย อย่างนี่ซิน่ะ นายว่าขี้ข้าพลอย

   “ไปเลยไหมคะคุณน้ำตาล โบพาไปเองค่ะ ไปห้องผู้อำนวยการเลย วันนี้แต่งตัวสวยนะคะ คนหล่อก็ต้องเหมาะสมกับคนสวยและเก่งค่ะ โดยเฉพาะคุณน้ำตาละค่ะ มีลูกนี้ไม่อยากคิดนะคะว่าหน้าตาจะดีขนาดไหน คิกๆ” เจ้าหน้าที่ธุรการก็ ถือกระเช้าที่คุณน้ำตาลจะเอาไปให้พี่ตุ๊ ไว้พร้อมกับผายมืออย่างอ่อนน้อมถอมตน แต่นางไม่ได้ปฏิบัติอย่างนี้กับทุกคน ผมรู้ดี ปฏิบัติกับคนที่แต่งตัวดีเท่านั้น โดยเฉพาะนายของนาง

   “สวัสดีครับคุณป้า มาหาใครเหรอครับ” ผมเห็นป้าคนหนึ่งเดินมา ผมว่าน่าจะมาหาหลานเขาแน่ๆ ผมเดินเข้าไปหาแต่เจ้าหน้าที่ธุรการที่ยืนอยู่กับไม่ยอมทำหน้าที่รับติดต่อ ผมเดาว่าเพราะการแต่งกายแน่นอน

   “ป้ามาหาเด็กที่ชื่อจิรพัฒน์ แสงสีนะคะ พอดีป้าเป็นเพื่อนบ้าน จะมาบอกว่าแม่เขาน่ะไปโรงพยาบาล ป้าเองก็ติดต่อปูมันไม่ได้ค่ะ” ผมพยักหน้า ผมรู้จักเด็กคนนี้พอสมควร เขาเป็นคนขยันตั้งแต่แม่เขาป่วยเป็นมะเร็ง ป้าแป้ดที่เป็นแม่บ้านเขาเคยเข้าไปขอร้องพ่อบุญธรรม ว่าให้เด็กคนนี้เรียนให้จบที เพื่อว่าเขาจะได้มีงานทำดูแลแม่ของเขาได้

   “ได้ครับผมให้เจ้าหน้าที่ประกาศให้นะครับ” ผมบอกคุณป้าก่อนจะหันมามองเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ผมสองคนก็ยืนคุยกันไม่ได้ไกลกันมากแต่นางกับทำไม่รู้ไม่ชี้

   “คุณปรียาครับ ผมรบกวนประกาศเรียกเด็กที่ชื่อ จิรพัฒน์ แสงสี ให้หน่อยครับ ขอบคุณครับ” ผมหันไปเจอธุรการอีกคนที่เป็นเพื่อน เธอกำลังจะเดินตามเพื่อนเธอแต่ผมเรียกเธอไว้ซะก่อนและมอบหมายงานให้เธอ นางก็มองผมก่อนจะเบ้ปากใส่และหันไปเปิดเครื่องเพื่อนประกาศเรียกชื่อ ผมหันมาคุยกับคุณป้า

   “แล้วแม่ของเขาไปโรงพยาบาลเมื่อไหร่ครับ” ผมถามคุณป้าระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ประกาศ

   “เมื่อเช้าค่ะ แต่ป้าแค่แวะมาบอก แม่ของปูเขาน่ะบอกว่าไม่ต้องรีบไปหาเขา เขาไม่เป็นอะไรมากแค่อ่อนเพลียนะคะ ให้ปูไปหลังเลิกเรียนก็ได้ค่ะ” คุณป้าบอกผม

   “ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนได้ไหมคะ รถมอเตอร์ไซค์วินมันรออยู่เดี๋ยวมันบ่นเอาดิฉันฝากเรื่องไว้กับครูเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ” ป้าคนนั้นบอกผม ผมหันมามองเจ้าหน้าที่ธุรการ เธอก็มองแบบเหยียดๆ เธอมองคนแค่ภายนอกจริงๆ ป้าเขาสวมผ้าถุงเสื้อบ้านๆแต่เขาก็คือชาวบ้าน ไม่ใช่คุณหญิงคุณนานที่ไหนสักหน่อย ผมแอบสั่นศีรษะเบาๆเอื่อมระอากับเจ้าหน้าที่ธุรการสองคนนี้เหลือเกิน

   “ผมฝากแจ้งเด็กด้วยนะครับ ผมจะรีบไปสอน อย่าลืมบอกเด็กนะครับ อันนี้สำคัญกับเขานะครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ นางก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

   “เป็นแค่ลูกบุญธรรม ทำมาเป็นก่าง เชอะ! “ผมได้ยินแต่ก็ไม่อยากหันไปต่อปากต่อครับ ผมรีบเดินไปห้องที่ผมจะไปทำการสอนจะดีกว่า ผมตรงไปยังห้องที่ผมจะสอนเป็นวิชาแรก แต่ว่าผมเห็นเด็กๆ ยืนมุงที่หน้าห้องเรียน

   “มีอะไรกันเหรอ ทำไมยังไม่เข้าห้องเรียนกันล่ะ” ผมถามทุกคน

   “พวกหนูเห็นพี่ๆที่มีเรื่องกันเมื่อวานอ่ะค่ะครูพัฒน์ เขาลงไปช่วยกันทำความสะอาดในห้องอาหารค่ะ” เด็กนักเรีนหญิงคนหนึ่งพูด ผมก็เดิมมายืนดุเช่นกัน พวกน้องๆ นั้นเอง

   “หล่อแล้วยังนิสัยดีอีกด้วยอ่ะ นี่พี่เขาคงเป็นห่วงว่าพวกเราไม่ที่ทานอาหารกันแน่ๆ เลย” ผมพยักหน้า ผมเดาว่าพี่ตุ๊คงไล่ลงไปทำกันน่ะ แต่ก็ดีที่น้องๆ คิดบวกกัน

   “แต่ว่าพี่เขาจะทำเสร็จทันไหมอ่ะ ด้านนอกก็เละเทะเลยอ่ะ” คนอื่นเริ่มพูดกัน

   “เอาอย่างนี้ไหม ลงไปช่วยกันทำรอบนอกกันน่ะ วันนี้ครูจะไม่สอนหนึ่งวัน เราช่วยกันทำเดี๋ยวก็เสร็จ” ผมบอกทุกคน ครูห้องข้างที่ยืนอยู่ก็ชะเง้อมอง

   “พี่เห็นด้วยน่ะ ถึงเราจะไม่ได้ทำแต่นี้โรงเรียนพวกเรา “ครูท่านอื่นๆ พูดและพากันหันไปเดินเข้าไปบอกนักเรียนในห้องที่สอนอยู่และทุกคนก็ออกมาและพากันเดินลงไปเพื่อช่วยกันทำความสะอาด

   “ครูพัฒน์พี่ได้ยินประกาศว่า ผู้อำนวยการสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงทุกคนใช่ไหมคะ” พี่มารศรีครูสอนวิชาคณิตศาสตร์

   “ใช่ครับครู วันนี้เราไม่ต้องไปหาซื้ออาหารข้างนอกกัน วันนี้ไม่มีแม่ค้าพ่อค้ามาเลยค่ะ เมื่อวานข้าวของเสียหายเยอะ พี่ตุ๊กำลังให้การช่วยเหลืออยู่ค่ะว่าต้องซื้ออะไรเพิ่มบ้าง” ผมบอกครูมารศรี

   “คุณตุ๊นี้หล่อและใจดี เหมือนคุณพ่อคุณตุ๊เลยนะคะ พี่ไม่อยากไปเป็นครูที่อื่นก็เพราะคุณพ่อคุณท่านใจดี มีเมตตา” พี่มารศรีพูด

   “พี่จำได้ดีเลย ตอนที่สามีประสบอุบัติเหตุ พี่ไม่มีเงินรักษา โชคดีที่ท่านยื่นมือเข้ามาช่วย จนสามีพี่หายดี กลับมาทำงานได้ พี่นี้เกือบเสียเสาหลักของบ้านไปซะแล้ว พี่นี้ไม่ลืมบุญคุณท่านเลยค่ะ” พี่มารศรีพูด

   “หล่อและมากความสามารถอย่างคุณตุ๊นี้ ยังไม่มีแฟนอีกเหรอคะ ครูพัฒน์ “พี่มารศรีถามผม ผมหันไปมองหน้าเขา

   “ผมไม่ทราบนะครับ”

   “อะไรกัน เป็นถึงน้องชายคุณตุ๊เลยน่ะ” พี่มารศรีพูด ผมยิ่งพูดอะไรไม่ออก ผมถูกมองแค่สถานะน้องชายพี่ตุ๊แค่นั้น

   “เดี๋ยวพี่ไปคุมเด็กๆ ก่อนนะ ปล่อยให้ลงมาเล่นหรือปล่อยให้ลงมาทำงานกันก็ไม่รู้” พี่มารศรีบอกผม ผมพยักหน้า จะว่าไปห้องพี่ตุ๊ก็ลงกันหมดแล้วพี่ตุ๊ล่ะ ไปไหนน่ะ

   “ต้องไปถามนางครูพัฒน์ว่าพี่ตุ๊อยู่ไหน กันท่าอยู่ได้!” เสียงดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันไปมองไม่ใช่ใครอื่น คุณน้ำตาล นี้นางลงทุนเดินหาพี่ตุ๊ในโรงเรียนเลยเหรอ

   “นี่ คุณตุ๊เขาไปไหน ทำไมฉันไปที่ห้องแต่ไม่มี แกนี่ร้ายมากน่ะ ไม่ยอมบอกฉันใช่ไหม” น้ำตาลเธอเดินลงมาก็ใส่ผมเป็นชุด พร้อมกับคนสนิทที่เดินตามติดนางโดยไม่สนใจหน้าที่ที่เขาต้องทำ

   “คุณน้ำตาลครับ ผมนะบอกคุณน้ำตาลไปแล้วนะครับ ว่าพี่ตุ๊ เออ คุณตุ๊นะครับ เขามีสอนหนังสือตอนเช้า” ผมพูดด้วยความเอือมระอา

   “ฉันไม่เชื่อแกหรอกว่าคุณตุ๊ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนต้องลงไปทำหน้าที่สอนหนังสือเอง ไปหลอกเด็กเถอะไป๊!” คุณน้ำตาลพูด

   “ไม่ต้องไปหลอกเด็กหรอกมั้งครับ คุณเองเป็นผู้ใหญ่ ยังไม่เชื่อเลย นับประสาอะไรกับเด็ก” เสียงพี่ตุ๊ดังมาจากทานด้านหลัง

   “คุณตุ๊!! นี่น้ำตาลมาพบคุณตุ๊นะคะ” นางรีบปรี่เข้าไปหาพี่ตุ๊ทันที พี่ตุ๊เหลือบตามามองผมก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองคุณน้ำตาล

   “มาหาผม?” พี่ตุ๊ถามเธอด้วยความแปลกใจก่อนจะเปิดสมุดเช็ดดูตารางการนัดหมาย

   “ใช่ค่ะน้ำตาลไม่ได้นัดไว้ค่ะแต่น้ำตาลเอากระเช้ามาให้ เซอไพรส์ให้กับผู้อำนวยการคนใหม่นะคะ มาแสดงความยินดีค่ะ” คุณน้ำตาลพูดยิ้มหวานแต่พี่ตุ๊ ยังยืนนิ่งพร้อมกับมองกระเช้า คุณน้ำตาลเลยต้อหุบยิ้มทันทีเพราะว่าในกระเช้ามีแอลกอฮอล์ด้วยและยังหิ้วเข้ามาในโรงเรียนแบบนี้ด้วย

   “ผมรู้สึกยินดีนะครับแต่ว่าที่นี้โรงเรียน ไม่น่าจะมีสิ่งเหล่านี้ อันที่จริงน่าจะฝากไว้ที่ป้อมให้ผมจะดีกว่านะครับ” พี่ตุ๊พูดน้ำตาลเธอหน้าเจื่อนไปทันที ก่อนจะหันไปดุเด็กของเธอด้วยสายตา ว่าจัดกระเช้าไม่ถูกกาละเทศะ

   “เออ…ยินดีต้อนรับนะคะคุณตุ๊  น้ำตาลคือตัวแทนคนทั้งจังหวัดนี้ ยินดีมากๆ ค่ะที่คุณตุ๊จะมาอยู่ที่นี้ค่ะ” น้ำตาลพูด พี่ตุ๊ขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก

   “เป็นตัวแทนจังหวัดเลยเหรอครับ” พี่ตุ๊ถามคุณน้ำตาลกลับ

   “ผมคิดว่าไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับเพราะว่าผมไม่ใช่นายกรัฐมนตรีครับ” พี่ตุ๊พูด

   “และผมเองก็มาที่นี้กับพ่อผมบ่อยเหมือนกัน ดังนั้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกครับ” พี่ตุ๊พูด คุณน้ำตาลยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันมามองสองสาวข้างกายเธอ

   “คุณสองคน มานี้แล้วใครดูแลห้องประชาสัมพันธ์ละครับ ถ้ามีคนโทรเข้ามาติดต่อ ใครจะรับเรื่องละครับ” พี่ตุ๊ถามสองสาวข้างกายคุณน้ำตาล

   “พอดีพาคุณน้ำตาลมาตามหาคุณตุ๊นะคะ” หนึ่งในนั้นพูดพร้อมกับเจื่อนๆ ไม่แพ้คุณน้ำตาลนายของเธอเลย

   “งั้นก็กลับไปทำงานได้แล้วมั้งครับ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์กับธุรการ ควรทำงานที่ห้องทำงานครับ ไม่ใช่มาเดินชมโรงเรียน ขอบคุณนะครับ” พี่ตุ๊พูด เธอสองคนถึงกับหน้าเจื่อนไปตามๆกันเช่นกัน

   “อย่าไปว่าน้องเขาเลยนะคะพี่ตุ๊ ที่เขาพาน้ำตาลมาก็เพราะว่ามีคนไม่ยอมบอกน้ำตาลนะคะ ว่าคุณตุ๊ไปไหน ปล่อยให้น้ำตาลเดินตามหา จนเหงื่อแตกเลยค่ะ นี่เกือบจะเป็นลมอยู่แล้วนะคะ” คุณตาลพูด พร้อมกับทำท่าจะเป็นลมอีก

   “โอ้ยย! อยู่ๆ ก็หน้ามืดค่ะคุณตุ๊ขา” คุณน้ำตาลพูดและทำท่าจะเซไปหาพี่ตุ๊ แต่ว่าจังหวะนั้นโทรศัพท์พี่ตุ๊ดังขึ้นซะก่อนพี่ตุ๊เลยรีบกดรับแทนที่จะรับนาง นางก็เกือบได้ล้มฟรี ดีที่นางยังทรงตัวทัน

   //สวัสดีครับ ใช่ครับผมเป็นผู้อำนวยการครับ ครับผม เหรอครับ อ้อ ไม่เป็นไรครับ เป็นวันอื่นก็ได้ครับ ครับ ขอให้คุณแม่แข็งแรงไวไวนะครับ ครับผม ได้ครับ ยินดีอย่างยิ่งครับ …. //และพี่ตุ๊ก็ปลีกตัวออกไปรับคุณโทรศัพท์ แทนโดนไม่สนใจคนที่เซไปหา นางเกือบได้ลงไปนั่งจ้ำเบาแล้ว ดีทีเถอะตั้งหลักทัน คงได้อายขายหน้ากับเสียงหัวเราะเด็กๆ บ้างแหละ

   “คุณตุ๊!!” ผมก็หันมามองคุณน้ำตาลที่ยืนชักสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะหันมามองผม

   “ผมขอตัวนะครับ ผมต้องไปทำหน้าที่ของผม พ่อผมก็จ้างผมมาทำงานเหมือนกันครับ ดังนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อผมจ่ายให้ผมก็ต้องทำงานตอบแทนครับ ให้คุ้มค่าเหมือนกัน” ผมพูดก่อนจะเหลือบตาไปมองคนที่ยืนข้างๆ น้ำตาล ผมว่าเขาน่าจะคิดได้บ้างน่ะ ก่อนจะพยักหน้าและพากันเดินออกไป กลับไปห้องทำงานของตัวเอง ส่วนผมก็หันหลังเดินออกเช่นกัน ผมว่าผมควรจะลงไปดูน้องๆจะดีกว่าที่จะมายืนดูอะไรที่ไร้สาระแบบนี้ ส่วนพี่ตุ๊เองก็มีสายเข้ามาอีก ผมฟังดูแล้วน่าจะเป็นพ่อภาคย์แต่ผมเลือกเดินออกมาซะก่อน

   “รู้ตัวก็ดีว่าอยู่ในฐานะอะไร เป็นลูกบุญธรรมก็ทดแทนให้มันคุ้มๆ หน่อย” พอพี่ตุ๊คล้อยหลัง นางก็หันมาพูดตามหลังผม ผมเองก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางดูเหยีนดผมอย่างออกนอกหน้า ทั้งที่ความจริง ไม่ใช่ผมน่ะที่กันท่าพี่ตุ๊ พี่ตุ๊เองต่างหากที่แสดงออกชัดเจนว่า เขาไม่สนใจนาง นางเองกลับดูไม่ออกเองและยังมาโทษผมอีก

           TBC ...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.4 แค่เริ่มต้นเท่านั้น
              
          Part’ s ครูพัฒน์ ผมรีบเดินไปหาเด็กๆ โดยไม่อยากหันไปสนใจ ผมเห็นเด็กๆ ห้องผมสอน ต่างช่วยกันเก็บพวกถังขยะที่ล้มระเนระนาด คนอื่นๆ ก็ช่วยกัน มันเป็นภาพที่ดีมาก มันทำให้ผมรู้ว่าเด็กๆ ก็ยังรักโรงเรียนของเขาอยู่เหมือนกัน

   “ครูพัฒน์” เสียงพี่ตุ๊เรียกผม ผมหันไปมองเด็กๆ คนอื่นก็ยกมือไหว้พี่ตุ๊ ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ยังเดินตามมาหาผมอีก

   “วันนี้คุณครูคนใหม่เขาไม่สะดวกมาน่ะ แม่เขาเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน” พี่ตุ๊บอกผม ผมชักสีหน้าตกใจที่ได้ยินแบบนั้น

   “ไม่เป็นอะไรมากเขาว่าแค่อ่อนเพลียน่ะ เขาเลยขอเลื่อนไปก่อน” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองหา

   “มองหาใคร น้ำตาลเหรอ” พี่ตุ๊ถามผมก่อนจะมองตามสายตาของผม

   “พ่อนางโทรมาตามน่ะ ไม่รู้ว่าปล่อยให้ลูกสาวมาเพ่นพ่านในนี้ทำไม “พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊ แรงน่ะเนี๊ยะผู้อำนวยการของผม

   “อีกอย่าง ใครให้สองคนที่ทำงานในห้องธุรการและทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ พัฒน์” พี่ตุ๊ถามผม

   “พี่หมายถึง ปรียากับกชพรเหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊

   “ครับ” พี่ตุ๊พูด

   “พ่อของคุณน้ำตาลเขาฝากพ่อภาคย์ให้สองคนนี้เข้าทำงานเมื่อปีที่แล้วครับ วันนั้นผมไปหาพ่อที่โรงแรม พ่อนัดทานข้าวและคุณวันชัยกับคุณน้ำตาลก็ไปด้วย เขาไปขอให้พ่อรับสองคนนี้เข้าทำงานที น้องเขาตกงานอยู่” ผมพูด พี่ตุ๊มองหน้าผมแบบไม่อยากเชื่อ

   “ตอนนั้นธุรการคนเก่าของเรา เขาได้งานโรงเรียนอื่น เขาอยากออก เราเลยต้องการคนด่วนครับ” ผมพูด พี่ตุ๊พยักหน้า

   “นางทำงานมาปีกว่าแล้วใช่ไหมพัฒน์” พี่ตุ๊ถามผมกลับ

   “ครับ”

   “เหมือนเด็กฝึกงานไม่เลิกเลยน่ะ พี่เข้าไปดู เอกสารกระจัดกระจาย พี่ว่าหาอะไรก็ไม่เจอ” พี่ตุ๊พูด ผมยอมเลย มีปัญหาตลอด

   “นางทำงานเพื่อมาเอาใจนายของนางด้วยนะผมว่า” ผมพูด ผมคิดว่านางส่งคนมาเป็นสายมากกว่า

   “คุณน้ำตาลนี่เหรอ ทำยังกลับว่าเป็นคุณหนู ต้องมีคนติดตาม จะบอกว่า นางน่ะคุณหนูกำมะลอ พัฒน์น่ะเป็นคุณหนูมากกว่านางอีกเพราะว่าพัฒน์เป็นลูกของพ่อภาคย์เหมือนกัน เจ้าของโรงเรียน เจ้าของโรงแรม คุณวันชัยแทบจะไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างน่ะแค่สร้างภาพ” พี่ตุ๊พูด

   “แถมยังมั่นใจตัวเองเหลือเกินว่าสวย แต่สำหรับพี่สวยได้อย่างเดียวเลยผู้หญิงคนนี้ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง แต่งตัวก็ไม่รู้กาลเทศะเดินเข้ามาในโรงเรียนได้ยังไง แต่งมาแบบนี้หมาไม่เห่าบ้างหรือไงก็ไม่รู้ “พี่ตุ๊พูดว่าน้ำตาล ผมนี่ต้องกลั้นหัวเราะทันที เธอแต่งตัวสีแดงสด รองเท้าก็แดงและปากก็ทาลิปสติกสีแดง ชุดแซกก็รัดเข้ารูปอวดเอวคอด หุ้นทรงนาฬิกาทราย

   “จะว่าเป็นสาวมั่นใจในตัวเองสูงไหม” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับทำท่าคิด

   “พี่ว่าสิ่งที่นางทำมันเป็นเส้นบ้างๆ ระหว่างคนไม่มีมารยาทมากกว่า จะว่าเป็นคนหัวนอกไหม พี่ว่าเป็นคนไม่มีความคิดจะดีกว่า เพราะคนหัวนอกเขามีความคิดมากกว่านี้ เขาเจอโลกที่กว้างและเข้าใจอะไรได้ดีกว่านี้” พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองพี่ตุ๊

   “คุณครูตุ๊นี้เป็นผู้ชายปากร้ายนะครับ” ผมพูด

   “พี่ไม่ได้ปากร้ายกับทุกคนน่ะ ถ้าไม่ติดว่าคุณวันชัยนี่เขาสนิทกับพ่อและคอยช่วยพ่อเมื่อก่อน แม้จะเพื่อผลประโยชน์ก็เถอะ พี่คงตะเพิดไปแล้วตั้งแต่เห็นเขาหิ้วกระเช้ามีขวดเหล้ามาแบบนั้น “พี่ตุ๊พูด

   “พี่ว่าเราไปดูน้องๆ ในห้องอาหารกันดีกว่าครับ” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้า

   “ทุกคน วันนี้ครูตุ๊สั่งพิซซ่ามาเป็นอาหารเที่ยงน่ะ ทำเสร็จแล้วจะได้ทานอาหารเที่ยงกันนะครับ” ผมหันบอกนักเรียนห้องเรียนที่ผมสอนอยู่ เขาหันมาแสดงความดีใจกันใหญ่เลย ผมหันมายิ้มกับพี่ตุ๊

   “เย้ๆๆๆๆ” เด็กๆ พากันดีใจใหญ่เลย ผมหันมามองพี่ตุ๊ก่อนจะเดินตามเข้าไปด้านใน

   “จะว่าไป เด็กๆ ที่นี้เขาก็เป็นแค่เด็กที่ใสซื่อ น่ารักสมวัยของเขาน่ะ แต่ทำไมโรงเรียนนี้ถึงมีปัญหาเยอะซะก็ไม่รู้นะพัฒน์” พี่ตุ๊พูด

   “ผมว่ามีคนกำลังปั่นป่วนโรงเรียนเราอยู่นะครับพี่ตุ๊” ผมพูดก่อนจะหันมามองพี่ตุ๊

   “พี่ว่าพี่พอจะรู้น่ะว่าใคร แต่เราไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง” พี่ตุ๊พูด

   “ผมอยากให้พี่ตุ๊ระวังตัวด้วยนะครับ” ผมพูด ผมอยู่ที่นี้ได้สามปีกว่าก็พอจะได้ยินอิทธิพลของคนที่พี่ตุ๊พูดถึงเหมือนกัน เขาเป็นคนที่ใครๆ ก็นับหน้าถือตาและว่าเขามีเบื้องหลังที่น่ากลัวซ้อนอยู่

   “พัฒน์ก็ด้วยน่ะและที่พี่มาก็เพื่อ…” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊

   “เพื่อ?” ผมถามพี่ตุ๊ พี่เขาหันมามองผม

   “ปึก!!” ผมมัวแต่มองหน้าพี่ตุ๊เลยไม่ทันเห็นว่าลูกฟุตบอลลอยมาหาผมแต่ว่าพี่ตุ๊ใช้ฝ่ามือหนาๆ นั้นรับลูกฟุตบอลเอาไว้ได้ ผมรู้ว่าพี่ตุ๊เป็นตัวแทนทีมเล่นรักบี้ขอบมหาวิทยาลัยมาก่อน

   “ครูครับ ผมขอโทษครับ” เด็กที่เต๊ะลูกบอลลอยมา วิ่งมาขอโทษใหญ่เลย

   “ไม่เป็นไร แต่ทีหลังระวังหน่อยน่ะ อยากเตะไปเตะที่สนามน่ะรู้ไหม มันอันตราย เพื่อไปโดนน้องๆ เข้า” พี่ตุ๊หันไปบอกเด็กนักเรียนคนนั้น ก่อนจะส่งลูกฟุตบอลคืนให้ไป

   “ขอบคุณครับครู” เด็กคนนั้นบอกพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าและเขาก็วิ่งกลับไปหาเพื่อนๆ เขา

   “พัฒน์ บอกน้องๆ ไปหาพี่ที่โรงยิมน่ะเพราะว่าเราจะทานพิซซ่ากันที่นั่น “พี่ตุ๊หันมาบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้

   

              ผมเดินตามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ยกมือถือขึ้นมาโทรคุยกับใครสักคน ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเพราะมัวแต่มองแผ่นหลังพี่ตุ๊ พี่ชายที่แสนดีของผม ที่คอยปกป้องผมมาตลอดตั้งแต่ผมได้ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะลูกบุญธรรม ถึงผมจะไม่ได้โตมากับพี่ตุ๊ก็ตามแต่ว่าเป็นลูกบุญธรรมมานาน ตั้งแต่ผมลืมตาดูโลกและวันที่พ่อผมเสียไป ผมได้รับการช่วยเหลือจากพ่อบุญธรรมผมมาตลอด ดังนั้นผมจะใช้ทั้งชีวิตผมทดแทนบุญคุณท่านแต่ว่าหัวใจซิ ผมควรจะทำยังไงดันหลงรักลูกของคนที่มีบุญคุณกับผมแบบนี้ ทั้งที่มันไม่เหมาะสมเลยแต่ผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้สักที ไม่ใช่แค่หัวใจ ร่างกายผมก็ห้ามไม่ได้ แต่ผมไม่เสียใจน่ะเพราะว่าเขาสมควรได้มัน

   “พี่ตุ๊ ผมไปบอกน้องๆ ก่อนนะครับ พี่รอที่นั่นเลยก็ได้ครับจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา วันนี้ร้อนนะครับ” ผมบอกพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าเบาๆ ผมเห็นพี่ตุ๊เช็ดเหงื่อหลายรอบแล้วคงร้อน และผมก็แยกตัวออกไป ผมตรงไปยังที่น้องๆ ทำความสะอาดอยู่ ตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้า ก็ช่วยกันทำความสะอาดอีกแรงเหมือนกัน

   “ใกล้เสร็จกันหรือยังครับ ถ้าเสร็จแล้วไปรวมตัวกันที่โรงยิมเลยนะทุกคน พี่ตุ๊มีเรื่องจะพูดด้วยนะทุกคน ไปหาพี่ตุ๊ที่โรงยิมกันนะครับ” ผมถามน้องๆ ทุกคนก็หันมาไปมองตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกันและเขาก็วางอุปกรณ์ทำความสะอาดเอาไว้ ก่อนจะเดินตามผมไปยังโรงยิม

 

            บังเอิญผมหันไปเจอเด็กที่ชื่อปู เขายังอยู่แสดงว่าสองคนนั้นไม่ได้บอกเด็กเหรอว่าแม่เขาเข้าโรงพยาบาลด่วน ผมนี่พ่นลมหายใจออกมาทันที ผมรู้ว่าถ้าไล่เธอออก คงมีปัญหาแน่ๆ เพราะคุณน้ำตาลอะไรต้องคิดว่าผมกลั่นแกล้งเธอและทำให้เธอเสียหน้า แต่ผมกลับคิดอีกอย่าง เหมือนกับว่าเธอส่งสองคนนี้มาเป็นสายมากกว่า ผมหันมามองน้องๆ ที่เดินเข้าไปในโรงยิมกัน ผมรีบเดินแยกไปหาเด็กคนนั้นทันที

   “ปู วันนี้ไปช่วยน้าหน่อยน่ะ วันนี้มีงานด่วนจริงๆ ลูก”

   “ได้ครับ ป้าแป้ดแต่ผมขอกลับไปดูแม่ก่อนนะครับ” ผมได้ยินการสนทนาของเด็กคนนั้นกับแม่ครัวที่ชื่อแป้ด เธอเคยทำงานที่โรงแรมของพ่อผมมาก่อนแต่ว่าเธอเลือกที่จะลาออกมา อยากมาขายอาหารที่โรงเรียนมากกว่าและเขาก็ออกมาทำหน้าที่แม่ครัวที่นี้เกือบสิบกว่าปีได้แล้ว

   “ครูพัฒน์ มีอะไรหรือเปล่าคะ” น้าแป้ดเขาหันมาทักทายผมพอดี

   “คุณๆ เขาทำความสะอาดกัน น่ารักนะคะ ลูกหลานคุณท่านนี้ เก่งและเป็นคนดีนะคะ โตขึ้นไป เป็นใหญ่เป็นโตเหมือนคุณพ่อของพวกเขาแน่นอน” น้าแป้ด ผมยิ้มให้น้าแปดเป็นการขอบคุณ

   “ปู ไปทานพิซซ่ากันกับเพื่อนๆ ซิลูก” น้าแป้ดบอกเด็กคนนั้น

   “ผมมานี้ ผมมีเรื่องจะคุยกับจิรพัฒน์หน่อยนะครับ” ผมพูด น้าแป้ดหันมามองเด็กคนนั้น

   “ครับครู” จิรพัฒน์เข้ามาหาผม ผมไม่ได้สอนห้องเขาหรอกแต่ผมก็ได้ยินมาจากครูหลายคนว่าเขาเรียนเก่งแต่ทางบ้านมีปัญหา แม่เขาป่วยหนักเป็นมะเร็ง

   “มีคนบอกเธอหรือยังว่าแม่ของเธอ ถูกส่งไปโรงพยาบาลด่วน มีป้าข้างบ้านมาแจ้งครูและนี่เขาก็รีบกลับไปแล้ว” ผมบอกจิรพัฒน์ เด็กคนนี้สีหน้าตกใจขึ้นมาทันที

   “ตายแล้ว แม่เราไปโรงพยาบาลเหรอปู” น้าแป้ดเองยังตกใจเลย

   “งั้นผมต้องไปโรงพยาบาลก่อนนะครับครู” ปูตกใจพูดเสียงสั่น

   “ใจเย็นๆ น่ะ ครูคิดว่าแม่เธอน่าจะไม่เป็นอะไรมาก เพราะว่าคนข้างบ้านเธอเขาบอกว่าแม่เธอแค่อ่อนเพลียและเขาบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้ ดังนั้น อย่ากังวลไปน่ะ” ผมถามเด็กคนตรงหน้ากลับ

   “ว่าแต่แม่เธอป่วยเป็นมะเร็งใช่หรือเปล่า” ผมถามจิรพัฒน์

   “ครับ แม่ผมป่วยเป็นมะเร็งครับครู” จิรพัฒน์ตอบผม

   “ถ้าอย่างนั้น ครูอนุญาต ให้เธอไปได้เลย ครูจะแจ้งครูประจำชั้นของเธอให้น่ะ” ผมบอกจิระพัฒน์ เขาพยักหน้าก่อนจะหันไปเก็บของ

   “ป๊อด!! บอกไอ้คม เอารถกระบะขับพาพี่ปูเขาไปโรงพยาบาลตอนนี้หน่อย” น้าแป้ดเขาก็รีบหารถไปส่งจิรพัฒน์ทันที

               ผมเองก็รู้สึกใจหายแทน ผมเองไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เหมือนกัน แม่ผมคลอดผมมาแต่พอพ่อผมเสียชีวิตแม่ก็เลือกที่จะไม่พาผมไปด้วยเพราะว่าแม่ผมไม่พร้อมจะดูแลผมตามลำพังโดยไม่มีพ่อผม ถามว่าผมโกรธแม่ผมไหม ผมไม่โกรธครับ ผมรู้ว่าแม่ไม่อยากเอาผมไปลำบากด้วยเลยเลือกให้ผมอยู่กับพ่อบุญธรรมของผม   ขณะที่ผมเดินออกไปนั้น ผมหันไปเห็นพี่ตุ๊เดินออกมาพอดี พี่ตุ๊ยืนมองไปรอบ ๆ ผมเดาได้ว่ามองหาผมแน่นอน ผมรีบเดินเข้าไปหาทันที

   “พัฒน์ หายไปไหนมา “พี่ตุ๊ถามผม

   “ผมไปหาเด็กที่ชื่อจิรพัฒน์นะครับ พอดีมีคนมาหาและแจ้งว่าแม่เขาไปโรงพยาบาลด่วน ผมเองก็รีบไปสอนเลยแจ้งกับประชาสัมพันธ์ ให้ติดต่อเด็กแต่ว่า…” ผมพูด

   “เขาไม่บอก” พี่ตุ๊พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจขึ้นมาทันทีและทำท่าจะขึ้นไปที่ห้องประชาสัมพันธ์อีก

   “พี่ตุ๊!! พอเถอะครับ งานเขาคงเยอะนะครับ ช่วงนี้ผู้ปกครองโทรมาคอมเพลนกันเยอะนะครับ” ผมดึงแขนพี่ตุ๊เอาไว้ซะก่อน พี่ตุ๊หันมามองหน้าผมก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา

   “พี่ตุ๊คุยกับน้องๆ เสร็จแล้วเหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้า

   “แล้วนี่ออกมาทำไมละครับ ไม่ทานพิซซ่ากับน้องๆ เหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊

   “ไปทานกับครูพัฒน์บนห้องดีกว่า พี่ให้เขาเอาไปส่งไว้ที่ห้องรับรองครับ” พี่ตุ๊พูด ผมยิ้มกริ่มเล็กน้อย

   “ผมขอไปจัดโต๊ะอาหารให้พี่ตุ๊ ที่ห้องรับรองก่อนนะครับ” ผมพูด

   “พี่ขอขึ้นห้องไปเซนต์เอกสารด่วนก่อนนะครับ เจอกันที่ห้องรับรอง” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินแยกไป



             พี่ตุ๊ก็ขึ้นไปที่ห้องทำงานของพี่ตุ๊ ห้องผู้อำนวยการ ผมตรงไปห้องรับรองทันที ผมเห็นกล่องพิซซ่าวางเอาไว้อยู่แล้ว ผมเปิดดู พิซซ่าหน้าที่ผมชอบ พี่ตุ๊สั่งเอาไว้ให้ ห้องนี้ผมเอาไว้ เป็นให้พี่ตุ๊ทานอาหารกลางวัน จึงมีอุปกรณ์และตู้เย็น มีทุกอย่างพร้อม ขณะที่ผมจัดทุกอย่างอยู่ ผมก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เรือนนี้ผมรักมากเพราะว่าพี่ตุ๊ซื้อให้ผมเองแต่ว่าทำไมนานจังน่ะ ยังไม่มาสักที ผมก็จัดทุกอย่างเรียบร้อยรอพี่ตุ๊สักพัก ประตูก็ถูกผลักเข้ามา ผมหันไปมอง คนนั้นคือพี่ตุ๊

   “พี่ตุ๊ ทำไมพึ่งมาละครับ อาหารเย็นหมดแล้วมั้งครับ” ผมถามพี่ตุ๊โดยไม่ได้มองหน้าพี่ตุ๊ ผมกำลังหันแตงโมและผลไม้เอาไว้ให้พี่ตุ๊ทานหลังทานอาหารด้วย

   “พี่ลงไปบอกรปภ ที่ดูแลการเปิดปิดประตู ให้เขาเปิดให้เพื่อนของเด็กที่พัฒน์บอกพี่ว่าแม่เขาป่วย เข้าโรงพยาบาลไปหาเพื่อน เพื่อว่ามีอะไรต้องช่วย” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊

   “คนที่ชื่อเดี่ยว” พี่ตุ๊บอกผม

   “ผมได้ยินมาเหมือนกันนะว่าเขาคบกันอยู่นะครับ จากเด็กๆ ในโรงเรียนนี่แหละครับ” ผมพูดพี่ตุ๊พยักหน้าแต่สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่

   “เขามาขอพี่ตุ๊เหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊

   “เปล่าหรอก ติ๊กเขาเดินขึ้นไปหาพี่และบอกให้พี่ลงไปอนุญาตให้หน่อยน่ะ เขาเป็นเพื่อนติ๊ก” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ผมวางมีดลงก่อนจะหันมามองพี่ตุ๊

   “มันคงไม่ใช่อย่างที่พี่คิดน่ะ” พี่ตุ๊พูดแค่นั้นก่อนจะนั่งลง ผมยกจานผลไม้ไปให้พี่ตุ๊ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ พี่ตุ๊เช่นกัน ผมก็จัดการตักพิซซ่าใส่จานให้พี่ตุ๊ พี่ตุ๊สั่งมามีพาสต้ามาด้วย ที่ผมชอบซะด้วย ผมรินน้ำผลไม้ให้ตุ๊ พี่มองหน้าผมก่อนจะทานอาหารกลางวันด้วยกัน

   “พัฒน์ วันนี้ไปโรงแรมด้วยกันนะ อย่าลืมล่ะ” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้า ผมเองไม่เคยไปโรงแรมนั้นตามลำพังเลย จะไปก็ตอนที่ไปเจอพ่อและไปทานอาหารกับพ่อที่นั่น ตอนพ่อมาประชุมหรือเยี่ยมโรงเรียนนี่ในฐานะประธานบอร์ดจองเครือข่าย ผมสังเกตเห็นสีหน้าพี่ตุ๊ ดูกังวลเล็กน้อย น่าจะเป็นเรื่องของติ๊ก เห็นพี่ตุ๊ดุกับน้องๆ แต่ว่าพี่ตุ๊รักน้องมากจริงๆ ผมสังเกตเห็นพี่ตุ๊ หยิบมือถือมาส่งข้อความ

   “พี่ตุ๊ ทำไมไม่ทานให้เสร็จก่อนล่ะครับ มันไม่ดีกับพี่นะครับ” ผมเอ็ดพี่ตุ๊

   “พี่ส่งข้อความหาตอลน่ะ วันนี้ไม่ไปเรียนแต่ว่าให้พี่เมฆ พาไปเที่ยวไหนไม่รู้ พี่ส่งข้อความหาก็ไม่ตอบ” พี่ตุ๊พูด

   “พี่ตุ๊”

   “พี่รู้ว่าตอลโตแล้วแต่ที่พี่เป็นห่วงคือเรื่องพี่เมฆ พัฒน์” พี่ตุ๊พูด

   “พี่ตุ๊ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่พี่คิดก็ได้นะครับและพี่เมฆน่ะก็เป็นการ์ด ดูแลพ่อและน้องๆ เขาคงไม่กล้าขัดใจเลยตามใจตอลแค่นั้นเอง” ผมพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊มองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

   

   ผมก็กับพี่ตุ๊ก็ทานอาหารกันต่อเสร็จเรียบร้อย พี่ตุ๊ก็ขอตัวไปเซนต์เอกสารและเคลียร์งานเก่าๆ ที่อดีตผู้อำนวยการคนก่อนทำค้างเอาไว้ งานมันเยอะปัญหาก็เยอะ เลยทำให้เขาเครียดจนไปต่อไม่ได้ ผมนี่เห็นใจพี่ตุ๊มากจริงๆ ผมเองก็อยากจะช่วยแต่บางอย่าง ผมก็ไม่กล้าก้าวก่ายมากเกินไปเพราะสายตาแต่คนมองไม่เหมือนกัน มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดาและยิ่งผมเป็นแค่ลูกบุญธรรม ยิ่งมองว่าผมกำลังพยายามเอาหน้าแต่ไม่มีใครคิดเลยว่าผมอยากตอบแทนผู้มีพระคุณของผมต่างหาก

 

   TBC

 

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.5 พี่มาเพื่อดูแลพัฒน์ ครึ่งแรก


       Part’ s พี่พัฒน์ หลังจากพี่ผมสอนคาบสุดท้ายเสร็จ ผมก็ลงมายืนรอพี่ตุ๊ ผมถือแฟ้มเอกสารรอพี่ตุ๊อยู่ พี่ตุ๊บอกว่าจะพาผมไปที่โรงแรม พี่ตุ๊นัดประชุมคณะกรรมการและผู้ถือหุ้น ดังนั้นพ่อของคุณน้ำตาลต้องไปด้วยแน่นอนและคุณน้ำนี่ก็คงไปด้วยเช่นกัน ขนาดเจอกันเมื่อเช้า ยังมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ผมหนักใจตรงนี่แหละ

      “ถ้าอย่างนั้นก็ตามที่ผมบอกเลยแล้วกันน่ะครับ เพราะว่าผมต้องการให้เสร็จทันก่อนที่กีฬาประเพณีจะเริ่ม โรงเรียนนี้ปีนี้จะเป็นเจ้าภาพนะครับคุณพจน์” พี่ตุ๊เดินคุยเรื่องงานมาพร้อมกับผู้รับเหมาที่มารับเหมาตัดสวน ทันทีที่ทั้งคู่จบการสนทนา พี่ตุ๊หันมามองผม พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า



     ตอนนี้ผมยืนรอพี่ตุ๊อยู่ตรงที่รถประจำตำแหน่งผู้อำนวยการ เป็นรถฟอจูนเนอร์สีดำภายในตกแต่งหรู นั่งสบาย ที่พิเศษคือเป็นรถกันกระสุนสั่งทำพิเศษ  พี่ตุ๊เดินมาหาผม ผมก็เปิดประตูให้พี่ตุ๊ขึ้นไปก่อน แต่พี่ตุ๊หันมามองผมและใช้นิ้วเขี่ยปรอยผมด้านหน้า ที่จู่ๆ ก็ตกลงมาปรกหน้าผากผมแบบไม่ตั้งใจ พี่ตุ๊ใช้นิ้วเรียวๆ เขี่ยขึ้นไป

   “ขึ้นก่อนซิพัฒน์” พี่ตุ๊พูด อ้าว! ผมก็ต้องก้าวเท้าขึ้นไปก่อนจนได้ และตามมาด้วยพี่ตุ๊ และพี่คนขับรถก็เดินมาปิดประตูให้ทันที

   “ไปที่โรงแรมเลยใช่ไหมครับคุณตุ๊” คนที่ขับรถก็คือพงษ์ศักดิ์ อดีตพลแม่นปืนที่มีเรื่องจนต้องลาออกจากราชการ และพี่เขาก็มารับเป็นบอร์ดีการ์ดและคบชับรถให้พี่ตุ๊ในตอนนี้

   “ครับพี่พงษ์” พี่ตุ๊เอ่ยปากบอกก่อนจะหันมามองผม ที่นั่งถือแฟ้มเอกสารอยู่ ก้อนจะหันไปหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาดเอาไว้ แต่จู่ๆ ก็มีมือมาจับสายเข็มขัดผม ผมหายใจอุ่นๆ ของพี่ตุ๊ ราดรดอยู่ที่แก้มผมเพราะว่าพี่เขาเอี้ยวตัวมาหยิบสายเข็มขัดและคาดผ่านตัวผมไปให้แทน ผมยอมรับว่าพี่ตุ๊เป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น

   “กึก” เสียงตัวล๊อกที่ประสานกัน ผมถึงได้ค่อยหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย

   “หึ หึ” คนข้างๆ ผมหันไปหยิบเข็มขัดตัวเองมาคาดบ้างก่อนจะหัวเราะในลำคอ และหันมาแบมือขอแฟ้มเอกสารจากมือผม ทันทีที่พี่ตุ๊หยิบไปดู เขาก็ช้อนหางตามองผม ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมได้แต่ถือน่ะไม่ได้ถือวิสาสะเปิดอ่านน่ะ

   “เราจะทานอาหารเย็นที่โรงแรมเลยน่ะพัฒน์ พี่แจ้งคุณวีรญาเอาไว้แล้ว ว่าพี่จะทานอาหารเย็นกับพี่พัฒน์ที่นั้นเลย หลังจากประชุมเสร็จ” พี่ตุ๊บอกผม ผมก็ต้องพยักหน้าคงต้องตามนั้น

   “ก็คงต้องตามนั้นล่ะครับ เพราะว่าผู้อำนวยการบอกผมมาขนาดนี้แล้ว ผมคงไม่บอกหรอกครับว่าจะกลับมาทานอาหารที่บ้านอีก “ผมหันพูดจากับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันมากระตุกยิ้มที่มุมปาก ผมรู้สึกชอบเวลาที่ผมกับตุ๊อยู่กันตามลำพังแบบนี้เพราะว่ามันทำให้ผมกับพี่ตุ๊เหมือนอยู่ในโลกของผมสองคน เองไม่แน่ใจ เพราะว่าผมเป็นลูกบุญธรรมหรือพี่ตุ๊เลยกังวลว่ามันทำให้ทางพี่ตุ๊ดูไม่ดี ดังนั้นพอเวลาอยู่ที่บ้านโน้นพี่ตุ๊กับผมก็จะนิ่งๆ

   “พัฒน์ พี่เลือกครูสอนภาษาอังกฤษมาใหม่แล้วน่ะหนึ่งคน ชื่อครูวินแต่ออกจะเป็นเพื่อนสาวของพัฒน์สักหน่อยนะครับ พี่ดูแล้ว พี่เขาว่าสอนดีทีเดียวนะและน่าจะเอนเตอร์เทรนเก่งด้วย " พี่ตุ๊หันมาบอกผม ผมก็พยักหน้ารับทราบ

   “แต่ว่าบ้านพักเรายังไม่เรียบร้อย พี่จะปรับปรุงบ้านพักครูใหม่ซะก่อน ดังนั้นเขาจะพักที่โรงแรมจนกว่าจะเสร็จนะพัฒน์” พี่ตุ๊บอกผม

   “ครับ ผมจะประสานเรื่องให้นะครับ คุณผอ” ผมพูด

   “พัฒน์ เรียกพี่เหมือนเดิมได้ไหม” พี่ตุ๊เหลือบตามองผมแต่ก็ยิ้มที่มุมปาก

   “ทำไมละครับ” ผมถามพี่ตุ๊กลับ

   “ฟังแล้วดูว่าพี่แก่อ่ะ ท่านผอ พี่ตุ๊ดีกว่าน่ะ “พี่ตุ๊พูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ

   “คุณตุ๊ครับ ผมเห็นรถคุณวันชัยขับเข้าไปในโรงแรมแล้วครั พร้อมกับสมุนอีกสองสามคัน” พี่พงษ์บอกพี่ตุ๊ ผมหันมามองพี่ตุ๊ พี่ตุ๊แค่ยิ้มให้ผมแค่นั้น

   “เขาคงไม่คิดจะทำอะไรที่อุกอาจกับผมวันนี้หรอกครับพี่พงษ์ เพราะว่าถ้าเขาทำเช่นนั้น มันไม่คุ้มกันเชื่อผมซิ” พี่ตุ๊พูด ผมเริ่มที่จะกังวล ผมหันมามองพี่ตุ๊

   “ทำไมมองพี่อย่างนั้นล่ะครับพัฒน์ “พี่ตุ๊ถามผม

   “พี่... เออ...” ผมไม่รู้จะพูดดีไหม ผมก็กลัวว่าจะทำให้พี่ตุ๊มองผมไม่ดีแต่กังวล

   “วันนี้ประชุมบอร์ดผู้บริหาร ดังนั้นอาจจะมีคนที่ ไม่สบอารมณ์กับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นน่ะพัฒน์ แต่พี่ว่าไม่น่าจะมีอะไรที่น่ากังวล” พี่ตุ๊พูด ขณะที่รถกำลังถูกนำเข้าไปจอดที่ด้านหน้าของโรงแรม

   “คุณตุ๊ครับ ผมมีการ์ดคอยดูแลคุณตุ๊ทุกจุด ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” พี่พงษ์บอกพี่ตุ๊ก่อนที่พนักงานของโรงแรมจะมาเปิดประตูให้

   “สวัสดีครับคุณตุ๊ สวัสดีครับคุณพัฒน์” ผมก็ยิ้มทักทายก่อนจะเดินตามพี่ตุ๊เข้าไปติดๆ พนักงานทุกคนรู้กันดีว่าพี่ตุ๊คือใครและสำคัญอย่างไรในโรงแรม ส่วนผมน่ะ มีคนรู้บ้างไม่รู้บ้างแต่ทุกสายตากับมองผมเหมือนผมเป็นคนมาเกาะครอบครัวพี่ตุ๊ยังไงก็ไม่รู้

   “คุณตุ๊สวัสดีค่ะ “ผู้หญิงที่แต่งตัวดีภูมิฐาน เสื้อสูทขับกับหุ่นสูงเพรียว เธอเดินมาหาพี่ตุ๊ อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผมก่อน 

   “นี่คงจะเป็นคุณพัฒน์ใช่ไหมคะคุณตุ๊” ผู้หญิงคนนี้ถามพี่ตุ๊ เธอรู้จักชื่อผม

   “ใช่ครับคุณวีรญา นี่คือครูพัฒน์….. น้องชายของผมครับ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองผม ผมก็ส่งยิ้มทักทายคุณวีรญาอีกที”

   “ยินดีที่รู้จักนะคะ คุณพัฒน์” คุณวีรญาพูด คนนี้ซิน่ะที่เป็นเลขาอีกคนของพี่ตุ๊

   “คุณวีรญาคือเลขา เคยทำงานกับพ่อมาก่อนนะพัฒน์ตั้งแต่รุ่นพ่อกับแม่ของเธอแล้วและนี่เธอเก่งเรื่องกฎหมายพี่เลยดึงเธอมาช่วยที่นี้เช่นกัน “พี่ตุ๊กระซิบกับผม

   “คุณตุ๊ค่ะ ผู้ถือหุ้นมากันครบแล้วค่ะ ตอนนี้เอกสารวาระการประชุมก็เรียบร้อยแล้วค่ะ “คณวีรญาบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินตามคุณวีรญาเข้าไปพร้อมกับพี่ตุ๊ ผมแทบจะไม่ได้มาที่โรงแรมนี้เลย แต่ก็มีมาบ้างตอนมาหาพ่อและพี่ตุ๊ สองสามครั้งได้ในปีนี้ ระหว่างที่กำลังเดินผ่านพนักงาน แต่ละคนก็ยกมือไหว้พี่ตุ๊กันทุกคน บางคนก็ยกมือไหว้ผมแต่บางคนก็ยิ้มทักทายแบบไม่แน่ใจในสถานะของผมที่มากับพี่ตุ๊ในวันนี้ ส่วนพี่ตุ๊ก็เดินคุยเรื่องงานกับคุณวีรญา

   “ถ้าอย่างนั้นวีไปจัดการให้นะคะ คุณตุ๊กับคุณพัฒน์เข้าห้องประชุมก่อนนะคะ” คุณวีรญาพูดก่อนจะเปิดประตุห้องประชุมผู้บริหารของโรงแรมหรู คนที่มาพักและส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เจ้าของบริษัท นักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ผมเดินตามพี่ตุ๊เข้าไปในห้องมีผู้มาเข้าประชุมแต่งตัวดีภูมิฐานกันทั้งนั้น

   “คุณตุ๊มาแล้วนั้น “มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอชี้มาที่พี่ตุ๊

   “คุณหญิงประวันรัตน์น่ะ เจ้าของร้านทองและเครื่องเพชร ที่มีชื่อเสียงที่นี้น่ะพัฒน์” พี่ตุ๊บอกผม พี่ตุ๊ยกมือไหว้ทุกคนรวมทั้งผมด้วยก็ทำตามพี่ตุ๊เช่นกัน

   “พี่ตุ๊เดินไปนั่งตรงกึ่งกลางของโต๊ะประชุม ผมก็มองหาว่าผมจะนั่งตรงไหนดี เพราะว่ามีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ พี่ตุ๊หันมามองผม

   “คุณน้ำตาลครับ คุณนั่งที่ครูพัฒน์นะครับ” พี่ตุ๊บอกผู้หญิงคนนั้น เธอหันมามองหน้าผม ชักสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

   “แต่ตรงนี้สำหรับผู้บริหารไม่ใช่เหรอคะ เลขาฯ ต้องนั่งด้านหลังตรงโน้นไม่ใช่เหรอคะพี่ตุ๊ “เธอลอยหน้าลอยตาพูด ก่อนจะหันมาส่งสายตาให้พี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันมามองผ ผมก็สั่นศีรษะก่อนจะหันไปหาเก้าอี้นั่ง

   “คุณน้ำตาลครับ ที่ตรงนี้ผมขอเว้นเอาไว้ให้พัฒน์นั่งนะครับเพราะว่าพัฒน์คือหุ้นส่วนคนใหม่ และผมก็กำลังจะประกาศเร็วๆ นี้ เชิญครับ” พี่ตุ๊พูดเสียงดังให้ทุกคนในห้องประชุมหันมามองผมเป็นตาเดียวกันและคุณน้ำตาลเธอก็จำต้องลุกขึั้นไปอย่างเสียมิได้ เหลือเก้าอี้ที่ว่างเปล่าเอาไว้ให้ผม ผมเดินไปนั่งตามที่พี่ตุ๊พยักหน้าบอกผม

   “สวัสดีครับ ผมตุ๊ ทุกท่านคงจะเคยเจอผมมาที่นี้กับคุณภาคย์ คุณพ่อของผมที่เป็นเจ้าของโรงแรมนี้ มาบ้างนะครับ “พี่ตุ๊พูด ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ จนไปสะดุดที่ชายวัยกลางคนที่นั่งติดกับคุณน้ำตาล

   “สวัสดีครับวันชัย”  ผมไม่เคยเจอคุณวันชัยมาก่อนแต่เจอคุณน้ำตาลและก็พอจะทราบว่าพ่อของเธอมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง เขาเลยกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลคนหนึ่งเช่นกัน

   “สวัสดีครับคุณตุ๊ แม้ไม่เจอกันไม่กี่เดือนดูคุณตุ๊ ดูเปลี่ยนไปนิดหน่อยน่ะครับ เข้าสู้วัยทำงานเต็มตัวแล้วซินะครับ” ทักทายพี่ตุ๊

   “ครับ “พี่ตุ๊พูด ตอนนี้คุณวีรญากำลังเดินแจกเอกสารไปรอบโต๊ะ ก่อนจะมาถึงผมกับพี่ตุ๊ ในเอกสารระบุแต่งตั้ง นายพัฒน์ นั้นคือชื่อของผม เป็นผู้ถือหุ่น สามสิบเปอร์เซ็นต์ส่วนพี่ตุ๊น่ะห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เสี่ยวันชัยและลูกถืออยู่ สิบห้าเปอร์เซ็นต์ และคนอื่นๆ ตามลำดับ

   “นี่มันอะไรกันน่ะคุณตุ๊ ทำไมผมกับลูกสาวได้แค่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ และเด็กคนนี้ใครกันถึงได้มาเอาไปตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ “เสี่ยวันชัยเอ่ยถามขึ้นทันที

   “พัฒน์คือลูกบุญธรรมของพ่อผม และนี่คือคำสั่งจากท่านประธานใหญ่ ผมเองไม่ได้เป็นคนแต่งตั้งขึ้นมาเอง

   “อะไรกันน่ะพ่อ อีครูนี้มันได้เยอะกว่าน้ำหวานอีก” ผมแอบได้ยินเธอพูดกับพ่อของเธอว่าผม ผมหันมามองพี่ตุ๊ว่าจะดีเหรอ ผมเองก็ไม่อยากมีปัญหาเพิ่มเลยน่ะ

   “คุณน้ำตาลมีปัญหาเหรอครับ ถ้ามีปัญหาผมยินดีจะซื้อคืนทั้งหมดและยกให้พัฒน์คนเดียว” พี่ตุ๊พูดผมหันไปมองหน้าพี่ตุ๊

   “ไม่มีค่ะคุณตุ๊ ก็แค่ เออ คิดว่า จะเหมาะสมเหรอคะ คุณพัฒน์น่ะ เขาจบครูมา น่าจะถนัดงานสอนหนังสือมากกว่ามาเป็นนักบริหาร” น้ำตาลเธอพูดขึ้น ผมหันมามองพี่ตุ๊

   “ผมไม่คิดอย่างนั้นครับ ถ้าพัฒน์สอนหนังสือได้ และคนที่พัฒน์สอนมาเขาอาจจะจบไปเป็นนักบริหารก็ได้น่ะครับ นั้นก็แปลว่าพัฒน์ก็มีความสามารถมากพอที่จะมาเป็นนักบริหารงานได้เช่นกันครับ”

   “แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ” พี่ตุ๊ถามผู้ที่มาเข้าร่วมประชุมในวันนี้ ทุกคนหันมามองหน้ากันก่อนจะหันมาสั่นศีรษะตอบพี่ตุ๊

   “ขอบคุณครับ เพราะว่านี้คือจุดประสงค์ของพ่อผมที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ได้เป็นคนออกคำสั่งมาอีกที “พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมาส่งรอยยิ้มให้ผม และพี่ตุ๊ก็เริ่มเปิดการประชุมถึงนโยบายที่ต้องปรับเปลี่ยน และแจงผลประกอบรายได้ที่ผ่านมา รวมถึงได้ทำเข้าร่วมโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล ดังนั้นจะมีการจัดบรูธที่โรงแรมนี้อาทิตย์ละครั้ง มีการนำเสนองานให้นักเรียนที่ต้องการหารายได้พิเศษไม่ใช่แค่โรงเรียนของพี่ตุ๊แต่รับทุกโรงเรียนที่สนใจ ผมก็นั่งฟังไปจนจบการประชุม

   “ถ้าอย่างนั้นผมขอปิดการประชุมไว้แค่นี้น่ะครับ การประชุมครั้งหน้าผมจะให้เลขาฯ ของผมคุณวีรญาเป็นคนแจ้งอีกทีนะครับ เลิกประชุมได้ครับ ขอบคุณทุกท่านมากครับ “พี่ตุ๊พูด ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับผมว่าเลิกประชุมแล้วและก็คงจะลงไปหาอะไรทานกันเลย และจังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นพร้อมกับพี่ตุ๊

   “คุณตุ๊ค่ะ อยู่ทานอาหารด้วยกันก่อนซิคะ น้ำตาล คิดว่าเราน่าจะคุยกันบ้างนะคะ “คุณน้ำตาลพูดเชื้อเชิญพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันมามองผม

   “ก็ได้ครับ พอดีผมกับพัฒน์ก็ว่าจะอยู่ทานอาหารเย็นที่นี้ก่อนจะกลับด้วย” พี่ตุ๊พูด ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

   “คุณตุ๊จะกลับกรุงเทพฯเลยเหรอคะ” คุณน้ำตาลเอ่ยถามพี่ตุ๊

   “ผมไม่ได้กลับกรุงเทพครับเพราะว่าผมมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนของพ่อผม ดังนั้นผมต้องอยู่ที่นี้ครับ ” พี่ตุ๊พูด และคนที่หันมามองพี่ตุ๊คือคุณวันชัยพ่อของคุณน้ำตาล

        "แหมน้ำตาลก็คิดว่าพี่ตุ๊จะแค่มาและกลับ ไม่ต้องนั่งประจำที่นี้อะไรแบบนี้นะคะ" น้ำตาลพูด
        "พ่อผมจ้างผมมาทำงานอีกที ผมก็ต้องทำงานให้เต็มที่เหมือนเช่นคนอื่นๆครับ ผมจะมาเช้าชามเย็นชามไม่ได้ครับ คนอื่นๆเขาจะเอาเยี่ยงอย่างและต่อให้ผมเป็นผู้บริหารก็ตามครับคุณน้ำตาล"พี่พูด คุณน้ำตาลเธอก็แอบมองบนเล็กน้อยผมสังเกตุได้เพราะว่าเธอลอยไปลอยมาไม่ได้เข้าไปช่วยงานพ่อเธอเลยด้วยซ้ำ
       
   “อ้าวแล้วผู้อำนวยการคนเก่าล่ะตุ๊ เขาไม่กลับมาทำหน้าที่เดิมของเขาแล้วหรือตุ๊” คุณวันชัยถามพี่ตุ๊

         “เขาป่วยครับ ผมเลยต้องมาบริหารงานแทนไปก่อน พร้อมกับมีผู้ช่วยคือครูพัฒน์อีกคน” พี่ตุ๊พูด คุณน้ำตาลสะบัดหน้ามามองผมสองสามครั้งก่อนจะเบ้ปากใส่ผม

   “ถ้าอย่างนั้นเราอยู่ทานอะไรกันก่อนเลยนะครับคุณตุ๊ ผมก็ไม่ได้คุยกับคุณและพ่อของคุณเลย มาแต่ล่ะครั้งก็จะรีบเดินทางกลับตลอดน่ะครับ “คุณวันชัยพูดกับพี่ตุ๊ ส่วนลูกสาวนี้ยืนมองพี่ตุ๊ ด้วยท่าที่ที่บ่งบอกได้ว่าเขากำลังให้ท่าพี่ตุ๊อยู่

   “แล้วคนนี้ใช่ลูกบุญธรรมที่คุณภาษญ์รับมาเลี้ยงดูไว้ใช่หรือเปล่าครับ” คุณวันชัยเขารู้เรื่องผมดี เพราะว่าเหตุการณ์ที่พ่อผมถูกยิงเขาก็อยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน เขาหันมามองผมก่อนจะคลี่ยิ้มให้ผม

   “ใช่ครับ พัฒน์คือลูกบุญธรรมของพ่อผม”

   “ผมเองก็เจอแบบผ่านๆ นะครับ เป็นคุณครู งานหนักและเหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกันนะครับคุณครูพัฒน์ และเห็นว่าช่วงนี้ มีปัญหาเรื่องผู้ปกครองด้วยไม่ใช่เหรอครับ” คุณวันชัยเอ่ยถามผมขึ้น พี่ตุ๊หันมาชำเลืองตามองผมก่อนจะตวัดสายตากลับไปหาคุณวันชัยในทันที

   “ทราบได้อย่างไรครับคุณวันชัย”

   “มีผู้ปกครองมาร้องเรียนกับผมหลายคนน่ะครับ ว่าโรงเรียนคุณภาคย์ ดูไม่น่าเชื่อถือและผมก็พูดแก้ให้น่ะครับว่า เป็นที่เด็กไม่ใช่ที่โรงเรียนหรอก”

   “อืมม ขอบคุณนะครับคุณวันชัย” พี่ตุ๊พูด ผมฟังดูพี่ตุ๊ไม่ค่อยเชื่อคุณวันชัยเท่าไหร่แต่ก็ตามมารยาท

   “ถึงยังไงเราก็เอื้อกันมาตลอด และจะยังเอื้อกันตลอดไป” พี่ตุ๊หันมายิ้มให้ผม

   “คุณตุ๊ค่ะ จัดโต๊ะไว้ให้แล้วค่ะที่ห้องอาหาร”

   “คุณวีรญาครับ ผมขอเพิ่มอีกสองที่น่ะครับ ผมจะชวนคุณวันชัยทานด้วยนะครับ “พี่ตุ๊หันไปพูดก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ผมออกเดิน พี่ตุ๊เดินมาคู่กับผม

   “หมับ” จู่ๆ ก็มี่คนมาจับแขนพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หยุดเดินก่อนจะหันไปมองคุณน้ำตาล

   “ขอน้ำตาลเดินควงด้วยคนได้ไหมคะ เดินกับหนุ่มหล่อๆ แบบนี้ คุณครูพัฒน์คงไม่ว่านะคะ ถ้าน้ำตาล จะขอควงแขนพี่ชายครูพัฒน์สักวัน” เธอพูดขอผม ผมหันมามองพี่ตุ๊

   “เป็นแค่น้องพี่ชาย ไม่หวงหรอกมั้งค่ะ” คุณน้ำตาลพูดกับผม

   “หมับ” พี่ตุ๊จับมือเธอออก

   “คือว่าพนักงานเขาให้การเคารพผมกัน ถ้าผมมาทำตัวแบบนี้มันจะทำให้พวกเขาหมดความนับถือผมกันนะครับคุณน้ำตาล” พี่ตุ๊พูดก่อนจะเดินก้าวเท้าออกทันที โดยไม่ได้รอคุณน้ำก่อนจะผ่านผมเขาก็ใช้นิ้วสะกิดผมให้รีบเดินตาม

   TBC...




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.5.1 พี่มาเพื่อดูแลพัฒน์ ครึ่งหลัง

            Part’ s ครูพัฒน์ ผมหันมามองคุณน้ำตาลเธอยืนกำหมัดแน่น ผมเดาได้ว่าเธอคงโกรธที่โดนพี่ตุ๊ปฏิเสธทั้งที่เธอเป็นผู้หญิงที่สวย แต่ตัวหรูมีระดับแต่พี่ตุ๊บอกผมว่าพ่อเธอไม่ได้มีรายได้มาจากธุรกิจที่ถูกกฎหมายหรอก ผมเดินตามพี่ตุ๊ไปติด ส่วนคณน้ำเธอหยุดรอหันไปคุยกับพ่อของเธอ ผมเองก็รีบเดินจนทันพี่ตุ๊ ผมเห็นคนที่ยืนตามมุมต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีที่ใส่หูกันหมดเหมือน เหมือนเขาไม่ใช่แค่พนักงานของที่นี้



             “พวกเขาคือบอดี้การ์ดน่ะพัฒน์” พี่ตุ๊กระซิบ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาหาร



              “พี่ไม่ค่อยไว้ใจสองพ่อลูกนี่เท่าไหร่นะครับพัฒน์” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ ผมเองก็ไม่ไว้ใจเช่นเดียวกัน แต่เราก็คงเอื้อกัน เพราะว่าคุณวันชัยเป็นคนที่มีหน้ามีตา มีคนเข้าหามากมาย แม้กระทั่งผู้ปกครองเด็กที่เรียนที่โรงเรียนของพี่พ่อภาคย์เช่นกัน ผมเข้ามานั่งข้างพี่ตุ๊และจู่ๆ เก้าอี้อีกข้างของพี่ตุ๊ก็ถูกเลื่อยออกอย่างรวดเร็ว โดยคุณน้ำตาล เธอเลือกที่จะนั่งประกบพี่ตุ๊ พี่ตุ๊แค่ปรายตาไปมองก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ผมนั่งลง และคุณวันชัยก็นังลงตรงข้ามกับพี่ตุ๊



              “ผมสั่งไวน์ คุณตุ๊ดื่มได้นะครับ?” พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม



             “ได้นิดหน่อยนะครับเพราะว่าผมต้องขับรถกลับเองวันนี้ ขอดื่มแค่แก้วเดียวนะพอได้ครับ “พี่ตุ๊พูด ผมก็หลุบตาลงใจจริงไม่อยากให้พี่ตุ๊ดื่มเลย



            “กึก!” มีคนเอาเท้ามาเตะเท้าผมแม้จะมีรองเท้าก็รู้สึกได้ ผมเงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้ามกับผม นั้นคือคุณน้ำตาล เธอเบ้ปากใส่ผมก่อนจะหันไปทางอื่น



          “คุณตุ๊ค่ะ คุณตุ๊มาอยู่ที่นี้เลยเหรอคะ” คุณน้ำตาลหันมาเอามือเท้าค้างเอ่ยถามพี่ตุ๊ แววตาที่มองพี่ตุ๊เป็นประกายแวววาว



         “ครับ ช่วงนื้ ทำไมเหรอครับ” พี่ตุ๊ถามเธอกลับ



        “แวะไปทานอาหารบ้านน้ำตาลบ้างซิคะ” น้ำตาลพูดเชิงออดอ้อนเพื่อเชื้อเชิญพี่ตุ๊ไปทานอาหารที่บ้านของเธอ



        “ผมก็งานเยอะมากน่ะคุณน้ำตาลไหนจะดูแลโรงเรียนและโรงแรมอีก แต่ผมไม่ชอบทานอาหารที่อื่นเท่าไหร่ ผมเป็นคนทายยากนะครับ ต้องรู้ใจผมเท่านั้นถึงจะทำอาหารได้ถูกปากผม” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองผมแว๊ปหนึ่ง คุณน้ำตาลเธอคงรู้ว่านั้นหมายถึงผมนั้นเอง เธอยิ่งเบ้ปากเข้าไปใหญ่



          “สั่งอะไรมาทานกันเลยไหมครับ “คุณวันชัยเลยเปลี่ยนเรื่องแทน ผมก็เปิดดูเมนูของห้องอาหาร พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม จู่ๆ คนของพ่อเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่งโทรศัพท์ให้



            “ผมขอตัวสักครูนะครับพอดีมีสายด่วนเข้านะครับ” คุณวันชัยและเขาก็เดินออกไปกับลูกน้องคนสนิท พี่ตุ๊หันมามองผมอีกครั้ง



         “ทานอะไรดีล่ะพัฒน์”



         “ผมไม่ค่อยหิวเลยอ่ะพี่ตุ๊ “ผมกระซิบเบาๆ พี่ตุ๊เงยหน้ามองคุณน้ำตาล เธอนั่งไขว่ห้าง เอียงลำตัวไปทางพี่ตุ๊แบบตรงเหมือนเธอไม่ตั้งใจแต่ตั้งใจทำ คอเสื้อก็แหวกลงมา



          “พี่ตุ๊ค่ะ มีเมนูอันไหนแนะนำน้ำตาลบ้างคะ น้ำตาลเพิ่งจะกลับมาจากแอลเอนะคะ เลยไม่ค่อยรู้ว่าอะไรที่น่าทานของที่นี้ แนะนำนิดหนึ่งค่ะ” คุณน้ำตาลพูดก่อนจะช้อนสายตามองพี่ตุ๊ ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะรอการจุมพิต สายตาเธอจับต้องแต่พี่ตุ๊



         “ถ้าอย่างนั้นผมว่าขอคำแนะนำจากพัฒน์ดีกว่าครับ"จู่ๆ พี่ตุ๊ก็โยนมาให้ผมทันที ผมสะบัดหน้าไปมองพี่ตุ๊

         " เพราะว่าผมก็ไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงเท่าไหร่ ผมแทคแคร์ดูแลไม่เป็นครับ ผมว่าลองถามพัฒน์ดูนะครับ เขาอ่อนโยนจนผู้หญิงบางคนก็ชิดซ้าย เพื่อว่าพัฒน์จะให้คำแนะนำที่ดีกว่าผม” พี่ตุ๊หันไปตอบ คุณน้ำตาลถึงกับชำเลืองตามามองผมแบบเสียมิได้



         “ทำไมคุณตุ๊ไม่ลองดูอะไรใหม่ๆ บ้างล่ะคะ เพื่อว่าจะ…เปลี่ยนอุดมคติเดิมๆ นะคะ” น้ำตาลพูดก่อนจะหันมามองผมแว้ปหนึ่งและหันไปมองพี่ตุ๊เหมือนเดิม



           “อย่าเลยครับ เชื่อผม มันอาจจะไม่เหมือนในหนังรักโรแมนติกซ์แต่จะออกไปทางหนังสยองขวัญ” พี่ตุ๊ชิ้งตอบซะก่อน จังหวะที่คุณวันชัยเดินกลับมาที่โต๊ะพอดี



         “คุณตุ๊ครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมมีปัญหานิดหน่อยต้องรีบไปแก้ไขนะครับ เด็กๆ ที่ทำงานกับผมนะครับ” คุณวันชัยพูด



         “เชิญครับคุณวันชัย มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองคุณน้ำตาล



          “พ่อค่ะ หนูไม่รีบขออยู่ทานอาหารกับคุณตุ๊…. และ…” น้ำตาลเธอหันไปบอกพ่อเธอก่อนจะปรายตามองพี่ตุ๊



          “คุณพัฒน์” อันนี้กระแทกเสียงก่อนจะฉีกยิ้มส่งมาให้ผม



          “โอเค ถ้าอย่างนั้นพ่อให้คนอยู่สองสามคนน่ะ น้ำตาล และคุณตุ๊ รบกวนไปส่งลูกสาวผมหน่อยนะครับ มืดค่ำดึกดื่นผมเป็นห่วงน่ะครับ” คุณวันชัยพูดกับพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าก่อนจะหันมามองหน้าผมพร้อมกับเหลือกตาขึ้นบน ผมแอบส่ายหัวเบาๆ ผมสามคนก็ดูเมนูและสั่งอาหาร ผมไม่ทานอะไรหนักๆ เลยสั่งซีซ่าสลัดแทน ส่วนพี่ตุ๊เขาสั่งเป็นสเต๊กแทนแต่ไร้มันพร้อมกับสลัดผักออแกนิกส์ส่วนคุณน้ำตาลผมไม่แน่ใจ เราสามคนทานกันไปก็คุยกันไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคุณน้ำตาลแย่งคุยซะมากกว่า



            “คุณน้ำตาลครับ ผมต้องรีบกลับกันนะครับ เพราะว่าผมก็มีสอนหนังสือพรุ่งนี้” พี่ตุ๊เป็นฝ่ายพูดขึ้น



           “อะไรกันค่ะ เป็นถึงผู้อำนวยการ ยังต้องสอนเองเหรอคะ สอนทำไมกันคะให้เหนื่อยเปล่า ๆ “คุณน้ำตาลพูดขึ้น



           “ก็ผมเรียนจบครูมาก็ต้องสอนหนังสือไม่ใช่เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเรียนทำไมล่ะ ถ้าจะให้นั่งเฉยๆ” พี่ตุ๊พูดสวนขึ้นทันที



           “ปึก” ผมรีบเอาเท้าสะกิดพี่ตุ๊เบาๆ ผมเองไม่เคยทำแบบนี้แต่นี่มันจะดูไม่ดี ผมรู้ว่าพี่ตุ๊เหนื่อยและเริ่มจะงอแงอยากจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านพักแล้ว ผมสั่นศีรษะกับพี่ตุ๊



              “ก็ได้ค่ะ แล้วพี่ตุ๊มาวันไหนอีกเหรอคะ น้ำตาลจะได้”



             “ผมก็บอกไม่ได้น่ะครับ ต้องถามคนดูแลคิวงานให้ผมดู พัฒน์น่ะครับ"พี่ตุ๊ขยันโยนกลับมาให้ผมจังเลย "ว่าไงครับพัฒน์ พี่มีคิวว่างไหมครับ” พี่ตุ๊ถามผม ผมก็มองพี่ตุ๊



          “ไม่มีวางเลยเหรอ เสียดายจังนะครับคุณน้ำตาล “พี่ตุ๊รีบพูดซะก่อนทั้งที่ผมยังไมได้เช็กตารางงานให้เลยด้วยซ้ำ และยังทำท่าจะลุกขึ้นไปอีก



         “ผมจะขอไปคุยกับคุณวีรญาสักครู่นะครับ คุณน้ำตาลรอผมก่อนแล้วกันน่ะครับ เพราะว่าคุณพ่อคุณเขาบอกให้ผมไปส่งคุณให้หน่อย” พี่ตุ๊พูดก่อนจะฉีกยิ้มให้คุณน้ำตาล



          “ยินดีค่ะพี่ตุ๊ ว่าแต่ คุณพัฒน์นี้ล่ะคะ กลับก่อนเลยไหมคะ “คุณน้ำตาลหันมาถามผมทันที



         “ผมมารถคันเดียวกันครับคุณน้ำตาล ต้องกลับพร้อมกัน รถของผมนั่งได้สี่คนสบายๆ “พี่ตุ๊พูดและรีบเดินออกไป ผมก็หันมามองคนที่นั่งตรงข้ามผม เบ้ปากก่อนจะหันไปมองรอบ



         “ทำไมอยากเลื่อนขึ้นเหรอ “จู่ๆ คุณน้ำตาลเธอก็ถามผม



        “เออ คุณน้ำตาลหมายความว่าอะไรครับ”



             “อยากเลื่อนขั้นจากลูกบุญธรรมมาเป็นลูกสะใภ้แทนนะเหรอ” ผมก็ต้องสูดลมหายใจเขายาวๆ ทำไมต้องคิดว่าผมต้องอยากทำแบบนั้นด้วยน่ะ



            “คุณน้ำตาล ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นน่ะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



             “การกระทำน่ะมันก็บอกอยู่ว่า แกหวงก้าง ใครเขาก็พูดกัน แม้กระทั่งคนในโรงเรียนยังพูดเลยและนี่ไปให้ท่าอีท่าไหนล่ะ ถึงได้หุ้นไปตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ ลีลาดีเหรอ” ผมถึงกับหน้าชาทันที



           “เป็นแค่ลูกบุญธรรมแต่ดันมาเสนอหน้าในตำแหน่งผู้ถือหุ้น เอ๊ะหรือว่า เป็นอะไรกับคุณภาคย์ล่ะ หึ!” เธอเริ่มลามปรามถึงพ่อบุญธรรมของผม ผมก็ต้องกำมัดแน่น



             “ฉันว่ากลับไปเป็นครู นั่งสอนหนังสืออย่างเดียวจะดีกว่าไหม คุณครูบ้านนอก” คุณน้ำตาลพูด



           “ดูฉันนี้จบจากไหน จบจากนอก ฉันนี้ควรจะได้หุ้นและมานั่งเป็นผู้บริหารไม่ใช่แกที่จบมาจากวิทยาลัยครูธรรมดา” คุณน้ำตาลพูด ผมเห็นพี่ตุ๊เดินกลับมาพอดี ผมเลยเลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับนางดีกว่า ผมก็หันไปและทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมกลับ ผมเองก็ไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างคุณน้ำตาลโต้ตอบไปผมก็เสียเปรียบเปล่าๆ เพราะว่าผมเป็นผู้ชาย



              “กลับกันเลยเหรอคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลรีบเปลี่ยนสีหน้าก่อนจะหันมาทำเป็นว่าเธอคือผู้หญิงที่ดูอ่อนหวาน โลกสวย แต่ความจริงเธอไม่ใช่เลย



          “ครับ ว่าแต่คุยอะไรกันครับ ดูหน้าตาเหมือนคุยเรื่องเครียดๆ “พี่ตุ๊ถามขึ้น ผมก็ไม่อยากให้พี่ตุ๊ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ผมเลยเลือกที่จะ



         “ไม่มีอะไรครับพี่ตุ๊ “ผมพูดแต่พี่ตุ๊กลับมองผมกับคุณน้ำตาลสลับกันไปมา



           “พี่ตุ๊ค่ะ น้ำตาลว่างค่ะ ช่วงนี้จะให้น้ำตาลไปช่วยงานที่โรงเรียนบ้างไหมคะ “คุณน้ำตาลเดินมาจับแขนพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ก้มลงมองที่มือของเธอ



            “ผมมีคนช่วยอยู่แล้วครับ นั้นคือคุณครูพัฒน์ครับ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะค่อยๆ แกะมือคุณน้ำตาลออก



            “ยังไม่มีใครตอบคำถามผมเลยน่ะครับว่าคุณสองคนคุยอะไรกัน “ผมและคุณน้ำตาลหันมามองพี่ตุ๊กันทั้งคู่



             “ผมได้ยินการสนทนาของคุณทั้งคู่น่ะเพราะว่าผมวางโทรศัพท์ผมไว้ที่นี้ และผมก็ใส่แอร์พอร์ตเอาไว้ด้วย คุณน้ำตาล ผมได้ยินทุกอย่างที่คุณพูดกับพัฒน์ “พี่ตุ๊ได้ยินสิ่งที่คุณน้ำตาลพูดกับผม คุณน้ำตาลถึงกับมีสีหน้าถอดสีทันที



             “เออ น้ำตาลไม่ได้พูดอะไรนี้ค่ะคุณตุ๊”



              “คุณโกหก ผมได้ยินชัดเจน ถ้าคุณยังไม่ให้การเคารพพัฒน์ ผมก็มีสิทธิ์จะถอดคุณออกจากผู้ถือหุ้นของโรงแรมผมได้เช่นกัน” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันมามองผม



             “ว่าไงครับ ผมจะได้โทรคุยกับคุณพ่อคุณตอนนี้ว่าท่านจะเหลือแค่หุ้นของท่านเท่านั้น” พี่ตุ๊พูดและทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ว่า



             “คุณตุ๊ค่ะ น้ำตาลผิดไปแล้วค่ะ แต่ที่น้ำตาลพูดก็เพราะว่ามี พนักงานหลายคนพูดกันค่ะ น้ำตาลก็เลย พูดตามเขาว่ามาค่ะ” คุณน้ำตาลรีบห้ามพี่ตุ๊ซะก่อน



              “คนไหนล่ะครับ ผมจะได้จัดการขั้นเด็ดขาด ว่าไงครับคุณน้ำตาล พาผมไปชี้ตัวซิครับ ว่าคนนั้นคือใคร ผมจะได้ทำโทษให้ถูกคน” พี่ตุ๊พูดสายตาที่ดูจริงจังมองคุณน้ำตาล ส่วนคุณน้ำตาลยืนหน้าซี้ดทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้หน้าตาพี่ตุ๊นิ่งเอาเรื่องมากเหมือนกัน ทำให้ผมต้อง



              “พอเถอะครับพี่ตุ๊ ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ นะครับ ผมต้องไปเตรียมตัวสอนหนังสือเด็กอีก มีอีกหลานเรื่องเลยครับที่ผมต้องทำ นะครับ” ผมพูดเพื่อไม่ให้เรื่องไปกันใหญ่ ผมคิดว่าคำการที่พี่ตุ๊บอกคุณน้ำตาลว่าเขาได้ยินขนาดนี้ เขาก็คงไม่กล้าพูดอีก



             “อย่าให้ผมได้ยินอีกนะครับคุณน้ำตาลและผมก็จะให้รถของโรงแรมไปส่งคุณแทนแล้วกันนะครับ พัฒน์เขาเหนื่อยแล้ว ผมก็อยากพักแล้วนะครับ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะหยิบมือถือที่วางเอาไว้บนโต๊ะขึ้นมาและหันไปเรียกคุณวีรญาเธอเข้ามา



          “คุณวีครับ ผมรบกวนจัดหารถไปส่งคุณน้ำตาลที่บ้านเธอให้ผมทีนะครับ ขอบคุณครับ” พี่ตุ๊พูดก่อนจะเดินมาจับต้นแขนผมและพาผมเดินออกจากตรงนั้นทันที คุณน้ำตาลหันมามองหน้าผม ดูเธอคงจะโกรธที่เธอเสียหน้า ส่วนผมเองก็เดินออกมาพร้อมพี่ตุ๊ จนถึงด้านหน้าของโรงแรม



           “ถ้าพี่ไม่วางมือถือเอาไว้ เราก็คงจะไม่ยอมบอกพี่ซิน่ะ พัฒน์ ว่าเขาพูดไม่ดีอะไรกับพัฒน์บ้าง” พี่ตุ๊หันมาบ่นผมทันทีผมต้องยืนนิ่งหลุบตาลง และจังหวะนั้นรถคันหรูของพี่ตุ๊ก็มาจอดที่ด้านหน้า แสดงว่าวันที่พี่ตุ๊มาวันแรกเขาขับรถมาเองแต่เอามาจอดไว้ที่โรงแรม รถหรูซูเปอร์คาร์ ราคาเกือบห้าสิบล้านมาจอดรออยู่ด้านหน้า รถของพี่ตุ๊เอง แสดงว่าพี่ตุ๊ขับรถคันนี้มาและมาไว้ที่โรงแรมก่อนจะให้คนขับรถเอารถประจำตำแหน่งมาให้พี่ตุ๊ใช่แต่ก็หรูเหมือนกันแต่คันนี้แรงกว่า พี่ตุ๊เปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่งหน้าทันที



           “พี่ไม่ต้องไปหรอกครับพี่พงษ์ พวกพี่จะได้พักผ่อนกันพรุ่งนี้พักกันตามสบายนะครับเพราะว่าผมไม่ได้ไปไหนดังนั้นพี่ไม่ต้องตามไปคุมกัน คอยดูแลแขกคนสำคัญที่มาที่นี้แล้วกันนะครับ “พี่ตุ๊หันไปบอกพี่พงษ์ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถและขับออกไปทันที



           “หมับ” พี่ตุ๊หันมาคว้าข้อมือผมไปกุมเอาไว้



           “พัฒน์พี่ไม่ได้มาเพื่อช่วยน้องๆ แต่พี่มาเพื่อดูแลพัฒน์” พี่ตุ๊พูดก่อนจะหันไปมองถนน



           “ดังนั้นมีอะไรพัฒน์ต้องบอกพี่เข้าใจไหม “พี่ตุ๊บอกผมอีกครั้ง



           “ครับพี่ตุ๊” ผมพยักหน้าเบาๆ



            “ฟ๊อด!” พี่ตุ๊จับมือผมไปหอม ก่อนจะหันมาส่งยิ้มที่ดูอบอุ่นที่สุด

             ภาพวันแรกที่ผมได้เข้าไปในบ้านพ่อภาคย์ ผมกลัวมากแต่พอได้เห็นรอยยิ้มพี่ตุ๊ มันดูอบอุ่นจนความกลัวผมหายไป พ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมเพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่วันพ่อภาคย์รับอุปการะผมไว้แต่มีคนดูแลผมจนผมโตนั่นแหละผมถึงได้เข้าไปในบ้านหลังนั้น และนั้นความรู้สึกของผมก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นผมแอบรักพี่ตุ๊ แต่ว่าสถานะของผมที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้คือลูกบุญธรรมและตัวพี่ตุ๊เองผมก็รู้ว่าเขารู้สึกอะไรกับผมแต่ว่ามันยังเหมือนไม่เต็มร้อยหรือว่าเขากลัวคนจะมองผมไม่ดีด้วย ผมได้แต่เอาหัวทุยๆ ของผมพิงหัวไหล่พี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันมาชำเลืองมองผมเป็นระยะๆ



TBC...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.6เหมือนมีบางสิ่งกันเขาอยู่

                Part’ s พี่ตุ๊ ผมชอบช่วงเวลานี้ที่สุดทีได้กลับมาอยู่กับพัฒน์แบบนี้ มันทำให้ผมกับพัฒน์เป็นตัวของตัวเองที่สุด มันเกิดขึ้นกับผมช่วงหนึ่งก่อนที่ผมจะกลับมาช่วยพ่ออย่างเต็มที่ พัฒน์ไปดูแลผมและนั้นมันทำให้ผมกับพัฒน์เป็นของกันและกันและตอนนี้ผมมาเพื่อปกป้องคนของผม 

                 เช้าวันนี้พัฒน์ทำอาหารเช้าเอาไว้รอผมแล้วแต่ว่าพัฒน์รีบออกไปเพราะว่ามีครูที่ต้องมายืนเวร ไม่สามารถมายืนเวรได้เพราะลูกสาวเขาป่วย เขาเลยต้องพาไปคลินิกแต่เช้า พัฒน์เป็นคนเกรงใจเลยยอมไปหมด แต่ใช่ว่าผมจะไม่เห็นด้วยในบางเรื่องเพราะบางอย่างเราก็ต้องยอมเพื่อคนในองค์กรของเรา แต่ผมทราบมาว่า เขาชอบขอให้พัฒน์ยืนเวรตอนเช้าให้บ่อยๆ เหมือนจะโกหกด้วยซ้ำเรื่องที่บอกว่ามาไม่ได้และครั้งนี้ผมควรจะเชื่ออีกหรือไม่ ผมคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้เช่นกัน ผมไม่อยากให้เขาเอาเปรียบเพราะว่าพัฒน์ที่เป็นคนเกรงใจและรักษาน้ำใจคนที่ทำงานด้วยกันแบบนี้ แต่พัฒน์กลับเชื่อเขาไปซะทุกครั้ง ผมคิดว่าโรงเรียนนี่มีหลายสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข อย่างแรกคงเป็นบุคลากรก่อนเลย

                  ผมนั่งทานอาหารเช้า ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งนั้น ผมอมยิ้มให้กับสิ่งที่พัฒน์ทำไว้ให้ผม ผมยอมรับว่าผมรักพัฒน์ รักมากจริงๆ แต่ว่ามันเหมือนมีอะไรมาปิดกั้นผมเอาไว้อยู่ ผมเคยถูกคนที่ผมรักมากปฏิเสธมาทั้งที่ผมคุ้นเคยสนิทกับเขามากและนี้มันาอาจจะทำให้ผมกลัว แต่ว่ากับขวัญ ผมคบเพราะว่าพัฒน์กลัวเพื่อนเสียใจ พัฒน์เองก็เป็นคนชักนำขวัญเข้าหาผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ขวัญก็น่ารักไม่แพ้พัฒน์ ผมเกือบจะรักเขานะแต่ว่าจบเห่ ตรงที่ดันไปนอนกับไอ้อ้น!!

                   Rrrr เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมา เบอร์ที่โทรเข้าคือแม่ของขวัญ ขวัญคืออดีตแฟนของผม ถึงแม้ว่าขวัญจะเสียชีวิตไปแล้ว 8 ปีแต่แม่ของเขาก็ยังติดต่อผมอยู่เหมือนให้ผมรับผิดชอบแบบระยะยาวที่เขาต้องเสียลูกชายอันเป็นที่รักไปเพราะว่าก่อนหน้านี้ เขาอยากได้ผมเป็นลูกเขยมากจนตัวสั่น นั้นเป็นเพราะว่าเขารู้ว่าผมเป็นลูกใครแต่นี่ที่ผมยังติดต่อคือเพราะสาเหตุการเสียชีวิตของขวัญมันคลุมเครือว่าผมหรือว่าไอ้อ้นกันแน่ที่ทำให้ขวัญเลือกไปจบชีวิตแบบนั้น ผมน่ะตัดพัฒน์ออกไปเพราะว่าผมรู้จักพัฒน์ดีแต่ว่าไอ้อ้นมันเหมือนกับว่า มันบอกผมไม่หมด ยังมีใครอีกคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ติดที่อีโก้ผมก็สูง เลยไม่ยอมปริปากถามไอ้อ้นตรงๆ

             //วันเกิดของขวัญเขาอาทิตย์นี่ ตุ๊มาได้ไหมลูก ขวัญคงดีใจ ถึงน้องจะเสียไปหลายปี แม่ก็เชื่อว่า น้องยังคิดถึงตุ๊น่ะ มาให้แม่กับพ่อหน่อยน่ะตุ๊// น้ำเสียงที่ร้องขอให้ผมไปทุกปี ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ น้องๆของผมบอกให้ผมตัดขาดบ้านนี้ไปได้แล้ว เขาไม่ควรโทษผมหรือพัฒน์ได้แล้ว ใช่ครับ ผมไม่เคยเอ่ยถึงอีกคนให้เขาได้ยินเรื่องไอ้อ้น ขวัญเสียไปแล้วไม่อยากทำให้เกิดมลทินมากไปกว่านี้

             //ผมขอดูก่อนนะครับ ผมมาดูแลโรงเรียนต่างจังหวัดให้พ่อนะครับ ตอนนี่ยุ่งมากจริงๆ ครับ ถ้าผมไปได้ผมจะบอกนะครับ ขอบคุณครับ// ผมบอกคนปลายสายไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง

             //โรงเรียนที่พัฒน์ไปเป็นครูเหรอลูก// ผมถึงกลับอึ้งไปหลายนาที เขาเดาได้ยังไง โรงเรียนพ่อผมมีเป็นสิบ ผมหันซ้ายหันขวา เขารู้ได้อย่างไร

             //แม่ทราบได้ยังไงครับ// ผมถามกลับทันที ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยและครั้งล่าสุดที่เจอกันก็คือปีที่แล้ว

             //แม่เดาค่ะ// ทันทีที่ผมได้ยินคำตอบ ผมพยักหน้าเบาๆ เดาได้แม่นเหมือนรู้มากกว่า เขาไม่ต้อนรับพัฒน์เหมือนต้อนรับผมสักเท่าไหร่ เพราะเหตุนี้ผมเลยไม่ค่อยอยากไปแล้วและน้องๆ ผมก็ไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะต้าร์ ผมเองก็ลากต้าร์ไปด้วยทุกครั้งต้าร์ก็รู้จักขวัญเป็นเพื่อนกันในแก๊งแต่พอผมคบกับขวัญ ต้าร์ไม่พูดกับขวัญเลยนับจากนั้นและยิ่งมาตอนหลังๆ ที่เขาแอบไปมีอะไรกับไอ้อ้น ต้าร์ยิ่งเข้าหน้าขวัญไม่ติดไปด้วย ดังนั้นพาไปทีไรทีไร มีเรื่องกับเขาตลอด

              //ครับ ผมมาช่วยพัฒน์ครับเพราะว่าโรงเรียนนี้เป็นของพ่อผมและพัฒน์ก็เป็นน้องชายผมที่ผมต้องมาช่วยครับ// ผมตอบคนปลายสาย

              //คุณแม่ครับผมต้องไปแล้วครับ ผมมีประชุมตอนเช้าครับ เอาไว้ผมจะแจ้งอีกทีนะครับ บายครับ//ผมรีบตัดบทบอกว่าจะรีบไป ทั้งที่ผมไม่มีประชุมหรอกวันนี้ ผมเหลือบมองเวลา นี่ก็น่าจะเจ็ดโมงสี่สิบแล้วดังนั้น ผมควรจะไปถึงโรงเรียนได้แล้วและวันนี้ผมก็มีสอนห้องน้องๆ อีก แต่ว่าสอนตอนบ่าย

               //อย่าลืมนะตุ๊ แม่กับพ่ออยากเจอตุ๊ อย่างน้อยปีละครั้งก็ยังดีนะ ตุ๊ก็เหมือนลูกชายจองพ่อกับแม่อีกคนเหมือนกัน น่าเสียดายที่ขวัญเสียชีวิตไปซะก่อน ป่านนี้คงได้แต่งงานกันไปแล้วซิน่ะ// ผมแอบพ่นลมหายใจออกมาทันที ผมไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นเลยในตอนนั้นเพราะว่าพึ่งจะคบกันเอง

                //ผมต้องไปแล้วจริงๆ ครับคุณแม่ สวัสดีครับ// ผมพูดตัดบทและวางสายทันที คุณแม่เริ่มดึงเรื่องเก่าๆ เข้ามาในการสนทนาแบบนี้ แม่เขาไม่เคยรู้อีกมุมของลูกที่น่ารักของเขาเลย ผมเองก็ไม่เคยพูด ผมแค่อยากให้แม่เขาที่เสียใจกับการเสียลูกชายไป จำแต่ภาพดีดีไม่ใช่ภาพที่อาจจะทำให้เขาถึงกับยกมือทาบอกตัวเองก็เป็นได้ แน่ล่ะทั้งคู่เป็นครูอาจารย์และตอนนี้ก็เกษียณกันแล้วด้วย

                  ตื้ดๆๆๆ ข้อความเข้ามาอีกแล้ว อย่าบอกน่ะว่าแม่จะตื้อผมอีกน่ะ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นข้อความถูกส่งเข้ามาจากคุณน้ำตาล

                    (คุณตุ๊ค่ะ วันนี้น้ำตาล อยากชวนไปทานอาหารกลางวันได้ไหมคะ มีร้านอาหารเปิดใหม่ค่ะ เขาอยากให้น้ำตาลไปเป็นลูกค้าคนพิเศษนะคะ น้ำตาลเลยอยากชวนคนพิเศษอีกคนของน้ำตาลไปด้วย ไปกันนะคะ นะคะ นะคะ) ผมต้องมองบนทันที วันอะไรของผมว่ะเนี่ย คนนี้ก็อีกคน ไม่ทำการทำงานเลยหรือไง ว่างและดูออก

                     (ผมไม่ว่างครับวันนี้ ผมต้องทำงานครับ งานผมเยอะมากครับคุณน้ำตาลและผมก็สะดวกจะทานอาหารที่โรงเรียนครับ ผมมีพ่อครัว ทำอาหารอร่อยมากอยู่แล้วครับ ดังนั้นผมไม่ไปนะครับ ขอบคุณครับ) ผมส่งข้อความตอบเธอก่อนจะลุกขึ้น ผมรีบเก็บทุกอย่างใส่เครื่องล้างจาน บ้านพักครูของผมมีเครื่องล้างจานทุกหลังครับ เอาใจคุณครูขนาดนี้ ยังมีครูอยากลาออกไปอยู่ที่อื่นกันอีก

                      ตื้ดๆๆๆๆ ข้อความเข้ามารัวๆ แต่ผมไม่อยากอ่านไร้สาระผมเลยเลือกที่จะเก็บมือถือใส่กระเป๋าเสื้อสูทเอาไว้ อากาศร้อนผมเลยเลือกที่จะสวมแค่เสื้อเชิ้ตไม่ผูกเนกไท สวมเสื้อสูทผ้าที่สั่งตัดเป็นพิเศษ ไม่ร้อน เหมาะกับอากาศเมืองไทย

               (พัฒน์ ยืนเวรหน้าโรงเรียนเสร็จหรือยังครับ) ผมโทรหาพัฒน์ทันทีที่พัฒน์กดรับสายผม

               (กำลังจะเดินเข้าไปคุมนักเรียนเข้าแถวครับ) พัฒน์บอกผม

               (เจอน้องๆ เข้ามากันหมดแล้วใช่ไหมพัฒน์) ผมถามพัฒน์

               (มากันเกือบหมดแล้วครับ ยกเว้นติ๊กกับเดี่ยวครับ ดิวบอกว่ากำลังตามมา พัฒน์เป็นห่วงอยู่ครับ โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย กลัวมีอุบัติเหตุและนี่ประตูปิดแล้วด้วยพี่ตุ๊) พัฒน์บอกม ติ๊กยังมาไม่ถึง ผมหันไปมองนาฬิกา นี่มันแปดโมงแล้วน่ะ เขาควรจะมาถึงตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงสี่สิบ

                (พัฒน์ เข้าไปด้านในเลย น้องตัวดีพี่จัดการเองครับ) ผมพูดก่อนจะรีบคว้ากุญแจรถของพัฒน์ ส่วนรถหรูของผมน่ะผมให้พัฒน์ขับออกไป รถคันนั้นของผม ผมแทบจะไม่ได้ขับเลย มันหรูมาก ราคา ห้าสิบกว่าล้าน ไม่อยากออกไปขับ กลัวเจอพวกหัวร้อนและถ้าชนขึ้นมา ผมว่าดราม่าบังเกิดเพราะว่าตัวผมเองเป็นคนขับรถแบบใจเย็นและระมัดระวังที่สุดเพื่อคนที่รักผม

                 “ตื้ดๆๆๆๆๆ” ผมกดโทรศัพท์หาติ๊กแต่ว่าไม่ติด ผมก็รีบขับรถและนำรถเข้าไปจอดที่จอดรถสำหรับผู้อำนวยการทันที ผมรีบลงจากรถก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปที่หน้าประตูทางเข้า ผมเหลือบมองเวลา นี่มันแปดโมงสิบแปดแล้ว นั้นไง น้องตัวดีกำลังยืนคุยกับรปภ อ้อนวอนอยากจะเข้ามาละซิ ผมแอบสั่นหัวเล็กน้อย

                 "สายแล้วนะครับ ห้ามเข้าแล้วครับ” รปภ ของโรงเรียนผมบอกสองคนนั้นตามที่ผมบอกเขาเอาไว้ ผมยืนมองสองคนนั้น ยังพยายามต่อรองกับรปภของโรงเรียนอีก

                 “ผมจัดการเองครับ ขอบคุณครับ” ผมพูด รปภ หันมามองผมก่อนจะพยักหน้าและหลบให้ผมเข้าไป ผมยืนมองติ๊กและเดี่ยว ดูสภาพแล้ว น่าจะรอรดึกทั้งคู่

                  "พี่ตุ๊ ทั้งคู่ขานชื่อผมพร้อมกัน

                   "ทำอะไรกันอยู่นี่มันแปดโมงสิบกว่านาทีแล้วน่ะ และเวลานี้คือเวลาที่เพื่อนๆ เข้าแถวกัน ทำไมเพิ่งจะมากัน ติ๊ก เดี่ยว "ผมพูดเชิงต่อว่าพร้อมกับเหลือบตาลงมองเวลาที่ข้อมือนาฬิกาหรูของผม

                    "ทำรายงานเมื่อคืนครับพี่เลยนอนตื่นสาย"เดี่ยวเป็นคนตอบผมเองแต่น้องตัวดี ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

                    "ทำรายงาน อิบ อืบ หรือเปล่า เลยมาถึงป่านนี้! "ผมพูดพร้อมกับทำนิ้วเหนือหัวแบบว่า อิบ อิบ

                    “รายงานพี่ตุ๊แน่นอนไม่ใช่ อิบ อิบ ก็สั่งเองจำไม่ได้หรือไง วิชาที่พี่สอนอ่ะ โคตรยากเลยอ่ะและก็เยอะด้วยให้ยังกับทำวิทยานิพนธ์จะให้อะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ เรียนก็ตั้งแปดวิชาต่อวัน ไม่ได้เรียนวันล่ะวิชานี่พี่ตุ๊และทุกวีชาก็ให้การบ้านทุกวัน” ผมหันไปมองน้องคนเล็ก มันบ่นแทบไม่ปล่อยให้มีช่องหายใจเลยหรือไง น้องขาวีนของพวกผม ผมหันไปมองไอ้หนุ่มที่อยู่ข้างๆ ติ๊กแทย

                     “อุ้ยย!” แค่นี้สะดุ้งเลย

                     “จริงเหรอเดี่ยว” ผมถามเดี่ยว

                    “รายงานพี่นั่นแหละและเมื่อวานไอ้เดี่ยวมันไปเยี่ยมแม่เพื่อนป่วยที่โรงพยาบาล เลยมาช่วยช้า กว่าจะเสร็จเกือบตีสอง "ติ๊กพูด ผมหันไปมองเดี่ยว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นอยู่นั่นแหละ ผมแอบคิดว่า ตกลงใครจะให้คำตอบที่ดีกว่าบ้าง แค่ผมเหลือบมองเวลาอีก ถ้าไม่ให้เข้าก็ขาดไปหนึ่งวิชาซิน่ะ

                    "อืมม เข้ามาได้ และพี่จะให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครั้งหน้าโดนทั้งคู่"ผมพูดก่อนจะหันไปพยักหน้ากับ รปภ ให้เขาเปิดประตูเล็กให้ทั้งคู่เข้ามาได้ ทั้งคู่เข้ามาก็ยกมือไหว้ผมและวิ่งไปทันที ผมส่ายหัวเบาๆ ผมมองไปด้านนอก ช่วงนี้จะการ์ดของผมแต่นอกเครื่องแบบ จะคอยดูแลด้านนอก ทำเหมือนเป็นพ่อค้าบาง เป็นคนสัณจรไปมาบ้าง

                    “ถ้ามีใครจะออกด้านนอก แจ้งผมทุกครั้งนะครับ อันนี้คือความปลอดภัยของนักเรียน” ผมหันไปบอกกับรปภ เขาก็ตะเบะรับทราบทันที ผมยิ้มตอบก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ผมเหลือบมองเวลา พัฒน์มีสอนคาบแรกแต่ว่าคาบสองว่าง ผมคิดว่ารอทานอาหารว่างพร้อมกับพัฒน์ดีกว่า

                    // คุณตุ๊ครับพวกผมถึงโรงแรมของคุณตุ๊กันแล้วครับ// มีข้อความจาก เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านการบริหาร สาขาที่กรุงเทพ จะเข้ามาช่วยผมเรื่องเอกสารชั่วคราวเพราะตอนนี้เอกสารเละมาก จะว่าไปชวนพัฒน์ไปด้วยดีกว่า

                   (พัฒน์ คาบสองพัฒน์ว่าง พี่จะชวนไปโรงแรมกับพี่หน่อย พี่มีคนมาขอพบครับและไปไม่นานครับพี่ต้องรีบกลับมาเซนต์เอกสารต่อครับ) ผมส่งข้อความหาพัฒน์

                    (ครับพี่ตุ๊) พัฒน์ตอบกลับมาสั้นๆ แปลว่าพัฒน์สอนอยู่

                    RRRR กดโทรศัพท์หาคนขับรถของผมทันทีและคนที่รับสายคือพี่สมพงษ์ เขาคือคนขับรถและการ์ดประจำตัวของผม

                     (ครับคุณตุ๊) พี่สมพงษ์

                      (ผมจะไปโรงแรมครับพี่พงษ์ อีกสามสิบนาที มารอรับผมด้วยครับ ที่ด้านหน้าตึกหนึ่งครับ)

                       (ได้ครับคุณตุ๊)

                       ผมก็กดวางสาย ตอนแรกผมนัดพี่พงษ์เอาไว้ตอนบ่ายโมง ที่จะไปประชุมแต่นี้ผมต้องไปคุยกับพนักงานที่ผมขอให้มาช่วยจากสาขาใหญ่ที่กรุงเทพ ผมต้องให้คนมีประสบการณ์มาช่วยก่อนแล้วค่อยหาคนใหม่และให้เขาเทรนงานให้เพราะคนที่ทำอยู่เดิม ไม่เป็นงานอะไรเลยจริงๆ

                        ผมยืนมองไปรอบๆ นักเรียนที่นี้ก็น่ารักดี มีสัมมาคารวะ ทุกคนทำความเคารพผม ผมก็ยิ้มตอบ ต่อให้เป็นผู้บริหาร ผมก็ต้องมีมิตรไมตรกับเด็กๆ ที่นี้ ก่อนจะขึ้นไปห้องทำงาน ผมคิดว่าเดินดูโรงเรียนก่อนดีกว่า ผมให้บริษัทที่รับปรับปรุงตกแต่งสวน ปกติรับงานที่โรงแรมของผม ผมให้เขามาทำที่โรงเรียนผมด้วยเหมือนกัน

                       RRRRR โทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมหยิบมาดู ถึงผมจะไม่ได้คุยกันทุกวันแต่เบอร์ลูกพี่ลูกน้องทุกคนผมมีหมด เบอร์ไอ้เดฟ พี่ชายของดิว น้องไอ้ดิม บ้านดอเด็ก ผมกดรับสายทันที

                       (ว่าไงเดฟ) ผมถามคนปลายสาย

                       (สวัสดีครับพี่ตุ๊) มารยาทดีแท้ เดฟนี้เป็นน้องไอ้หมอดิมแถมมันกวนตีนผมเหมือนเพื่อนมัน ไอ้อ้น

                       (สบายดีไหมเรา พึ่งกลับมานิใช่ไหมเดฟ) ผมถามเดฟ

                       (สบายดีครับพี่ เออ พี่ตุ๊ ผมรับปากไอ้ดิวแล้วนะพี่ ว่าจะไปเป็นโค้ชให้เด็กในโรงเรียนพี่นะครับ) เดฟบอกผม

                       (ขอบใจนะเดฟ ที่เข้ามาช่วย) ผมบอกคนปลายสาย

                       (ผมเต็มใจพี่และช่วงนี้ก็ไม่ยุ่งด้วยครับ) เดฟบอกผม

                        (เข้ามาวันไหนล่ะ) ผมถามเดฟ

                        (วันนี้เลยครับพี่ ผมว่างครับ) เดฟพูด

                        (มากับคู่หูเราไหม) ผมถามเดฟ

                        (ครับพี่ ไปกับไอ้เอ็กซ์ เออ มันอาสาเป็นผู้จัดการทีมให้ด้วยพี่) ไอ้เดฟพูด ผมพ่นลมหายใจออกมาทันทีที่บ้านอออ่าง น้องไอ้อ้น พี่น้องไม่ทิ้งกันเลย เหมือนกันไง

                        (เยี่ยม!!) ผมพูด

                        (ขอบคุณครับพี่) ไอ้เดฟพูด มันไม่รู้เลยใช่ไหมว่าผมประชด

                        (เยี่ยมมาก! ดังนั้นมาแล้วห้ามยุ่งกับเด็กนักเรียนพี่เด็ดขาด!!) ผมพูดกับคนปลายสาย ไอ้สองคนนี้ สายกินเด็ก ถึงไม่สนิทแต่รู้กิตติศัพท์ดี

                        (ผมไม่กินแน่นอนครับ ผมสองคนมีเด็กเป็นของตัวเองครับพี่) ไอ้เดฟพูด

                        (ดีแล้ว ที่มีเป็นของตัวเอง เพราะแค่ปัญหาที่มีตอนนี้ ก็ทำให้พี่ก็ปวดหัวมากอยู่แล้ว โอเคน่ะ) ผมพูด จังหวะนั้นผมหันไปมองที่ตรงที่นั่งดูการแข่งขัน สนามเล็ก เป็นสนามแข่งขันเซปักตะกร้อแต่ก็ใช้เป็นสนามแข่งแบดมินตั้นบ้าง และสิ่งที่ผมเห็นคือ น้องชายผม ติ๊ก นั่งอยู่ระหว่างขาเพื่อนที่ชื่อเดียวแบบนั้น มันที่โล่งแจ้งมากและเด็กคนนี้พัฒน์บอกว่า คบอยู่กับคนชื่อปู ตกลงมันยังไงกันแน่

                        (คุณตุ๊ค่ะ ทางจังหวัดขอเชิญประชุมเรื่องเกี่ยวกับการต่อต้านยาเสพติดในโรงเรียนค่ะ ตอนบ่ายสองโมงค่ะที่ศาลากลางจังหวัดค่ะ) เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานส่งข้อความหาผม เขาแจ้งผมเอาไว้นานแล้วแต่ว่ายุ่งๆ ผมเลยลืมไปซะสนิทเลย ผมเคยขอให้เขาเข้ามาช่วยตรวจสอบแต่ว่าทุกอย่างที่ขอไปเงียบมากจนตอนนี้ผมต้องให้คนของผมทำแทนแต่ตอนนี้มาขอให้ผมไปประชุม แต่ผมก็ไปน่ะ ในเมื่อเขาเชิญผมไป

                        (ได้ครับ ขอบคุณครับ) ผมส่งความตอบกลับไปก่อนจะกลับสนทนากับเดฟต่อ

                        (เดฟ พี่มีประชุมตอนบ่าย ถ้าพี่กลับมาทันน่ะพี่จะลงไปคุยกับเราแต่ถ้าไม่ทันเอาไว้คุยกันวันอื่นนะเดฟ) ผมบอกเดฟ

                         (รับทราบครับพี่ตุ๊) ไอ้เดฟพูดก่อนจะวางสายไป ผมหันไปมองคนสวน เขาก็ยิ้มให้ผมก่อนจะเล็มต้นเข็มให้ได้รูปทรง แต่ว่าผมก็เห็นเขามองน้องชายผมอยู่และเด็กคนอื่นๆ ก็มองไปที่คู่นั้น นี้จะมาเป็นคู่จิ้นอะไรกันในโรงเรียนแบบนี้ไม่ได้ (หรือว่าโหมดพี่หวงน้องกันแน่ ฮาๆ)

                         ผมเดินตรงดิ่งไป ผมเห็นเด็กคนอื่นๆ เขาเล่นตีแบทกันแต่คู่นั้นดันไปนั่งซุ่มหัวแถมยังเอาเสื้อแจ็คเก็ตมาคลุมเอาไว้อีกมันน่าจริงๆ มันยิ่งทำให้คิดว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ ผมเดินผ่านเด็กๆ ที่กำลังทำกิจกรรมอยู่ที่ลานและผมก็เดินผ่านไปจนถึงสนาม

                       “สวัสดีครับผู้อำนวยการ” ครูสอนวิชาพละทักทายผม ผมพยักหน้าตอบแต่สายตาผมมองคู่นั้นอยู่ ผมเดาว่าครูที่สอนคงเดาสายตาผมได้

                       “ดูท่าทางผู้อำนวยการคงมีธุระกับนักเรียนผมใช่ไหมครับ ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวสักครูนะครับ เมียสั่งของเอาไว้จะให้เมียไปเอานะครับ เฮอะๆ” ครูสอนวิชาพละ ภรรยาเขาขายอาหารอยู่ที่ห้องอาหาร ผมพยักหน้า เด็กๆ ในห้องของติ๊ก หันมาเจอผมก็ยกมือไหว้กัน ผมเดินเรียบๆ เคียงๆ ไปยังแสตนสำหรับนั่งเชียร์ ทั้งคู่ก็ยังไม่รู้อีกว่าผมเดินมา จนดิวหันมาเจอผมพอดี ดิวมองไปตามสายตาของผม เขาก็ยิ้มให้ผม ทุกคนพยักพเยิดไปที่คู่นั้น ผมค่อยๆ เดินขึ้นไปยืนระดับเดียวกัน แต่ก็ยังไม่รู้อีก ผมกอดอกมองว่าเมื่อไหร่จะรู้ตัว

                      “โป้ก!!” ดิวตีลูกขนไก่มาโดนใครก็ไม่รู้ ผมดูจากรองเท้า ไม่ใช่ติ๊กแน่นอน คนนั้นคือเดียว ที่ดิวมันตีลูกไก่มาโดน ส่วนคนที่นั่งอยู่กึ่งกลางระหว่างขานี้ ติ๊กชัดๆ เลย รองเท้าแบรนด์เนมหรู รองเท้านักเรียนยังใช้แบรนด์เนมอีก

                      “โป้ก โป้ก โป้ก” สาลูกติดยังไม่ขยับอีกให้มันรู้ไป ผ้าที่คลุมอยู่ถูกเปิดออก

                     "อะไรของมึง!!” นั้นยังไปตะโกนถามเพื่อนอีก ดิวพยักพเยิดมาทางที่ผมยืนอยู่ เท่านั้นแหละ เดียวตกใจจนสะกิดเรียกอีกคน

                     “ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก” ใช่เลยไอ้น้องชายของผม

                     “อะไรเดี่ยว กูง่วง มันยังไม่หมดคาบไม่ใช่เหรอไอ้วิชาพละอะไรเนี๊ยะ ให้กูนอนก่อน หมดคาบแล้วค่อยปลุกกู รายงานห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะฉิบหาย ยังกับทำวิทยานิพนธ์” บ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย รายงานน่ะไม่ได้เยอะอะไรเลย เรื่องรอบตัวทั้งนั้นที่ผมให้ไปทำมาเกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย์ ให้ไปหาตามหนังสือพิมพ์ข่าวสารแค่นี้เอง เดี่ยวก็เงยหน้ามองผมก่อนจะก้มลงกระซิบบอกติ๊กว่าผมมาแน่ๆ

                     "กูเคยเห็นแล้ว พี่กู เคยเห็นทุกวัน มาโรงเรียนยังเห็น นี้หลับกูยังต้องเห็นอีกเหรอ ให้กูอยู่ห่างๆ พี่กูบ้างเถอะเดี่ยว "ติ๊กพูด มันน่าจริงๆ

                    "ใช่ เห็นกันทุกเวลาแน่คราวนี้ นี่นั่งทำอะไรกันสองคน! "ผมถามคนที่หลับตาอยู่แถมยังสวมแว่นตาเรแบนด้วย

                    "เห้ย เสียงพี่กู” ยังดีที่จำเสียงพี่มันได้

                    "เว้ย!! " พอติ๊กหันมาเจอผมเท่านั้นแหละร้องตกใจทันที

                    "นั่งทำอะไร เอาเสื้อคลุมกันแบบนี้ด้วย คิดว่าไม่มีใครมองเห็นใช่ไหม ห๊ะ! " ผมถามทั้งคู่

                    "ก็มันง่วงและที่คลุมก็เพราะว่าแดดมันส่องอะพี่ตุ๊ " ติ๊กพูด เสียงอ่อยๆ

                    "แน่ใจนะ พี่ว่าถ้าจะรักจะชอบพี่ไม่ว่า อย่าทำแบบนี้ในที่โจ่งแจ้ง มันใช่เหรอติ๊ก! เดี่ยว! " ผมถามทั้งคู่ ทั้งคู่เงยหน้ามองผมสลับกับก้มหน้าลง

                   "ใครพี่ตุ๊ ผมกับมันเพื่อนกัน” ติ๊กพูด ผมหรี่ตามอง ผ้าคลุมและท่านั่งแบบนี้มันใช่แคเพื่อนกันแน่เหรอ ผมเคยผ่านชีวิตช่วงเวลาเดียวกันกับติ๊กและเดี่ยว ผมรู้ว่านี้ไม่ใช่แค่เพื่อนกันเขาทำกันแล้ว

                   “แหละนั่นแฟนมันพี่ตุ๊ ไอ้ต้นข้าว “ติ๊กพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กลุ่มที่เดินเข้ามา หนึ่งในนั้นมีแอ้ แต่ติ๊กบอกว่าต้นข้าว แต่ว่าชื่อที่พัฒน์บอก ชื่อปูไม่ใช่เหรอ ผมหันมามองคนที่ชื่อเดี่ยว ตกลงคนไหนแฟนไอ้คนนี้กันแน่

                 "นั้นแฟนมันนั้น"ติ๊กบอกผมพร้อมกับชี้คนที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ยังงงและไม่เข้าใจ มันยิ่งทำให้คิดว่าใช่แน่เหรอ คนเป็นแฟนกันต้องไม่ตกใจขนาดนี้ หันซ้ายหันขวาอีกด้วย ผมสังเกตติ๊กพยายามส่งซิกบางอย่าง

                 "เราเป็นแฟนเดี่ยวเหรอ "ผมถามคนที่ติ๊กบอกว่าเป็นแฟนของเดี่ยว ไอ้ตัวต้นเหตุก็ไม่กล้าสบตา

                 "ชะ ใช่ ใช่ คะครับ" คนที่ชื่อต้นข้าวตอบผมแบบตะกุกตะกัก

                  "งั้นแล้วไป "ผมพูดแต่ก็ยังไม่เชื่อเท่าไหร่ จังหวะนั้นมีข้อความเข้ามาพอดี พัฒน์นั้นเอง

                (พี่ตุ๊ ผมจะลงไปช้าหน่อยนะครับ) พัฒน์ส่งข้อความบอกผม ผมก็กำลังจะพิมพ์ว่าไม่เป็นไร ยังจัดการน้องชายคนเล็กอยู่ แต่คิดอีกทีไม่ดีกว่า พัฒน์ยิ่งบอกว่าผมน่ะเข้มงวดกับน้องเกินไป เกินกว่าพ่อทำซะอีก ทำให้น้องไม่ไว้ใจที่จะเปิดใจคุยกันกับผม โดยเฉพาะต้าร์

                 (ได้ครับ เจอกันครับ) ผมส่งข้อความหาครูพัฒน์ก่อนจะหันมามองทุกคน โดยเฉพาะน้องชายคนเล็กของผมแต่ผมเหลือบไปเห็นพัฒน์เดินออกจากห้องที่พัฒน์สอนแล้ว โชคดีที่ไม่ได้มองลงมา

                 “แต่ถึงไม่ใช่แฟนก็อย่านั่งกันแบบนี้ คนอื่นเขาคิด เข้าใจไหมติ๊ก” ผมพูดและทำท่าจะเดินลง ติ๊กขมวดคิ้วมองผม

                 “มันเหมือนนั่งจูบกันอยู่” ผมหันไปพูดแต่ไม่ได้ดังมากได้ยินกันแค่สามคน เดี่ยวหน้าซีดทันที ส่วนอีกคนมองผม ผมเดินก้าวเท้าลงไปด้านล่าง

                 "ไอ้เดฟ กับไอ้เอ็กซ์มากี่โมงดิว" ผมถามดิว น้องเกือบคนเล็กของบ้านดอเด็ก

                  "มาถึงนี้ก็ บ่ายสามโมงครึ่งครับพี่ตุ๊ " ดิวบอกผม ผมก็คิดว่าไม่น่าจะทันได้มาเจอไอ้สองหนุ่มนี่แน่ๆ ตอนแรกนึกว่าจะมาเร็วหน่อย

                   "โอเค พี่มีไปประชุมที่โรงแรมคิดว่าคงไม่ทันแต่พี่บอกเดฟเอาไว้แล้ว ถ้ามีอะไรที่ต้องการเพิ่ม จดรายการเอาไว้นะดิว พี่จะหาสปอร์นเซอร์ ไว้สนับสนุนทีมของเรา " ผมพูดเพราะดันมานัดประชุมด่วนซะก่อน

                   “พี่ไม่อยู่น่ะติ๊กไปเรียนออนไลน์ในห้องพี่ทำงานพี่พัฒน์ล่ะ “ผมพูดก่อนจะหันไปบอกติ๊ก นั้นไงทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที ที่บอกให้ไปเรียนออนไลน์ แต่ผมเห็นครูพัฒน์เดินลงข้างล่างแล้ว เขามองผม ผมก็รีบเดินออกไปหาพัฒน์ทันที พัฒน์มองผมก่อนจะชะเง้อมองไปด้านหลังของผมอีกที

                  “พี่ตุ๊ ไปหาน้องๆ มาเหรอครับ มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” พัฒน์ถามผม

                  “เออ… ไม่มีครับ พี่แค่เห็นน้องเขาเรียนวิชาพละเลยเดินเข้าไปคุยกันนิดหน่อยครับ” ผมบอกพัฒน์ พัฒน์พยักหน้าผมแต่สายยังมองน้องๆ อยู่ ก่อนจะหันมามองผมเช่นกัน

                  “แน่เหรอครับ ผมเห็นสีหน้าติ๊กไม่ค่อยดีเลยพี่ตุ๊” พัฒน์ถามผม ผมก็หันไปน้องชายคนเล็กที่นั่งทำนหน้าเซ็ง ถ้าบอกพัฒน์ไปตรงๆ ผมนี่จะโดนคุณครูตัวเล็กเอ็ดเอาแน่ๆ

                  “พัฒน์รถมาแล้วไปขึ้นรถเถอะ จะได้รีบไปและรีบกลับครับ” ผมพูดก่อนจะดันตัวพัฒน์ขึ้นรถไป และพี่พงษ์ก็ออกรถให้ผมทันที ผมหันมามองพัฒน์

                 “ดูท่าเขาน่าจะหงุดหงิดเรื่องอะไรแน่ๆ” พัฒน์หันมาถามผม ผมทำได้แค่ยิ้มๆ ไม่อยากบอกว่า น้องมันหงุดหงิดพี่มันนี่แหละ ผมเองก็ไม่อยากเป็นพี่ชายคนโตใจร้ายเพราะต้องคุ้มน้องๆ ที่ซุกซนมันเหมือนจับปูใส่กะดง ผมเองก็อยากเป็นพี่ชายที่สนิทกับน้องๆ เหมือนไอ้อ้น ไอ้ดิมเหมือนกัน แต่ด้วยหน้าที่การงานต้องวางตัว มันเลยเหมือนเป็นแพลตเทิร์นไปโดยปริยาย ผู้อำนวยการมันค้ำอยู่

                  “พัฒน์ อาทิตย์นี้วันเกิดขวัญ แม่เขาคงทำบุญให้ขวัญและเขาก็ขอให้พี่ไป พัฒน์ไปกับพี่น่ะ” ผมหันมาบอกพัฒน์ พัฒน์มองหน้าผมก่อนจะนิ่งไปหลายนาที

                  “พี่รู้ ว่าเขาไม่ค่อยดีกับพัฒน์เท่าไหร่ พี่ว่าจะไม่ไปแล้วแต่ปีนี้ไปสักหน่อยน่ะ” ผมบอกพัฒน์ พัฒน์พยักหน้ากับผม

                  “ไหนๆ ขวัญก็เสียไปหลายปีแล้ว พัฒน์ เลิกคิดได้แล้ว ใครจะพูดยังไงก็อย่าไปสนใจเลยน่ะ มันไม่ใช่ความจริง พี่รู้ดี” ผมพูดกับพัฒน์

                  “แต่แม่ของขวัญ เขาไม่ยอมรับตรงนี้ ทุกวันนี้เขาก็ยังคิดว่าผมเองเป็นต้นเหตุนี่ครับพี่ตุ๊” พัฒน์พูด ผมหันมามองพัฒน์ ผมอยากดึงพัฒน์เข้ามากอดแต่ผมยอมรับว่าผมไม่เคยแสดงต่อหน้าใครเลย ผมรู้ว่ามันไม่ดีกับพัฒน์ ในสายตาใครหลายคน ที่ผมแอบได้ยินมา ทุกคนมองว่าพ่อรับเลี้ยงพัฒน์เพื่อให้มาเป็นบำเรอพวกผม ความจริงมันไม่ใช่สักหน่อย ผมหันมานั่งอ่านเอกสารต่อ ส่วนพัฒน์ก็นั่งเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมหันมามองพัฒน์ ผมเอื้อมมือไปจับมือพัฒน์ พัฒน์หันมามองหน้าผม ก่อนจะยิ้มอ่อนให้ผมว่าเขาโอเค

                   TBC…




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.7 พัฒน์พยายามตามหาแม่ของเขา

            Part’ s พัฒน์ ผมนั่งรถมากับพี่ตุ๊มาที่โรงแรม พี่ตุ๊บอกว่าเขาเรียกประชุมเนื่องจากมีเรื่องด่วน แต่พี่ตุ๊ไม่ได้บอกว่ามีเรื่องอะไร ผมนั่งเงียบๆ โดยที่พี่ตุ๊ก็นั่งอ่านเอกสารในแทบเล็ตแบรนด์ดังของเขา ถือไว้มือหนึ่งแต่อีกมือยังจับมือผมเอาไว้และบีบเป็นระยะๆ พี่ตุ๊คงสัมผัสได้ว่าผมกังวลเรื่องที่จะไปทำบุญวันเกิดให้ขวัญ

             “พี่พงษ์ รอผมก่อนนะครับเพื่อว่าผมจะให้พัฒน์กลับก่อนเพราะว่าพัฒน์เขามีสอนนะครับ” พี่ตุ๊บอกพี่สมพงษ์ คนขับรถและการ์ดประจำตัวของพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันมาพยักหน้ากับผมให้ผมก้าวเท้าลงจากรถก่อน พี่ตุ๊ก็ลงตามมา โรงแรมหรูระดับ 7 ดาว พี่ตุ๊เดินลงมาก่อนจะจัดแต่งเสื้อสูทให้เข้าที่ ผมน่ะสวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวและเนกไทเป็นประจำอยู่แล้วแต่ถ้าออกงานจะพกเสื้อสูทมาด้วยสวมทับเอาไว้

               “คุณตุ๊สวัสดีค่ะ” คุณวีระญา เลขาและคนสนิทของพี่ตุ๊ เธอเป็นคนเก่ง เรียนต่างประเทศและเธอคือคนที่ได้ทุนเรียนดีจากพ่อภาคย์ตั้งแต่มัธยมจนไปเรียนต่างประเทศ

               “สวัสดีค่ะคุณพัฒน์ “วีระญาทักทายผม

               “สวัสดีครับคุณวี” ผมทักทายกลับเป็นปกติ

               “น้องๆ ที่คุณตุ๊เชิญมา รอพบคุณตุ๊ที่ห้องรับรองเรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญด้านในได้เลยค่ะ” คุณวีบอกพี่ตุ๊ ผมหันไปมองพี่ตุ๊ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า พี่ตุ๊ทำนิ้วคาดปาก ประมาณว่าอย่าพึ่งให้ผมถามอะไร ผมเดินเข้าไปด้านในกับพี่ตุ๊ พนักงานทุกคนให้การต้อนรับดีทุกคน

                “คุณตุ๊ค่ะ มาพอดีเลยค่ะ ดิฉันว่าจะโทรหาอยู่พอดีค่ะ” จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินสับเท้าเข้ามาหาพี่ตุ๊ เครื่องแบบที่บ่งบอกว่าเป็นพนักงานของโรงแรม ผมเดาได้ว่าน่าจะตำแหน่งหัวหน้างาน พี่ตุ๊เข้าไปคุยกับเขาก่อนจะพยักหน้ากับผมว่าขอเวลาสักครู่ ผู้หญิงคนนั้นหันมาส่งยิ้มให้ผมและทั้งคู่ก็เดินไปหามุมพูดคุยกันเรื่องงาน

               “คุณพัฒน์ รับอะไรดีคะเป็นของว่าง วีจะได้ให้น้องจัดไปให้ที่ห้องรับรองค่ะ” คุณวีถามผม

               “เออ ผมไม่ซีเรียสครับ ผมทานได้หมด” ผมตอบ

               “น้ำผลไม้เหมือนทุกครั้งนะคะและคุ้กกี้ เค้กรสส้มนะคะ อันนี้คุณตุ๊สั่งเอาไว้ก่อนแล้วค่ะ ทางไลน์ เอาไว้ให้คุณพัฒน์นะคะ” คุณวีบอกผม ผมยิ้ม พี่ตุ๊รู้ว่าผมชอบอะไรบ้าง

              “ของคุณตุ๊เป็นลองแบล็คนะคะ ไม่ใส่นมนะคะและของหวานเหมือนกันค่ะ” คุณวีพูด ผมพยักหน้าว่าถูกต้อง

              “วีขอตัวสักครู่นะคะ เดี๋ยววีกลับมาค่ะ” คุณวีบอกผม ผมพยักหน้า ผมเห็นพี่ตุ๊คุยงานอยู่ ในห้องด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธุ์ จังหวะนั้นผมหันไปเห็นพนักงานต้อนรับ ผมจำได้ว่าเธอค่อนข้างสนิทกับคุณน้ำตาลและเธอก็ได้ฝากงานให้ด้วย เธอมองผมเหยียดแต่ผมรู้สึกว่าเพื่อนเธอกำลังถ่ายรูปผมอยู่

                “ตามนี้เลยนะคะคุณตุ๊ ถ้าติดขัดอะไร พี่จะโทรหาอีกทีนะคะ แต่พี่คิดว่าไม่น่าจะติดขัดอะไรคะ ขอบคุณนะคะ” ผมหันมาเจอพี่ตุ๊ออกมาจากห้องนั้นแล้วก่อนจะแยกกับพนักงานออฟฟิศคนนั้น พี่ตุ๊เดินมาหาผม

               “คุณวีไปสั่งของว่างนะครับพี่ตุ๊” ผมบอกพี่ตุ๊

               “เค้กส้มกับน้ำผลไม้” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้า

                “พี่รู้ว่าเราชอบ” พี่ตุ๊พูด

                “ไปครับ น้องๆ รออยู่แล้วและนี่พี่กลับไปพร้อมพัฒน์เลยน่ะ ตอนแรกว่าจะคุยปัญหาภายในแต่ว่าคุณศิริกานต์เธอแจ้งว่าทุกอย่างน่าจะจัดการได้แล้ว ไม่ต้องห่วง” พี่ตุ๊พูด ผมทำหน้าสงสัยตรงที่ว่าน้องๆ รออยู่นี่แหละ พี่ตุ๊ดันผมให้เดินไปข้างหน้า ทุกการกระทำมันอยู่ในสายตาของสองคนนั้นตลอด ผมเดินไปตามที่พี่ตุ๊บอกผม ผมตรงไปยังยังห้องที่ถูกจัดเอาไว้ พี่ตุ๊เปิดประตูเข้าไป ผมก็พบว่ามีคนรออยู่สี่ห้าคน

               “สวัสดีครับ ขอโทษนะครับที่ให้รอ พอดีผมมีคุยกับเจ้าหน้าที่ออฟฟิศนะครับ” พี่ตุ๊พูดทักททายทุกคนที่อยู่ในห้อง พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม

              “ก่อนอื่น ผมขอแนะนำ นี่ครูพัฒน์ครับ ครูพัฒน์ เป็นรองผู้อำนวยการและเป็นที่มีอำนาจในการตัดสินแทนผมทุกกรณี” พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองหน้าพี่ตุ๊ทันที พี่ตุ๊ยิ้มให้ผม

               “สวัสดีครับครูพัฒน์”

              “สวัสดีค่ะครูพัฒน์” ทุกคนทักทายพร้อมกัน

               “พักที่นี้กันใช่ไหมครับเมื่อคืน” พี่ตุ๊ถามก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งแม้ว่าตาจะไม่ได้แต่ก็เลื่อนให้ผมได้ถูก ผมนั่งลงข้างๆ กับพี่ตุ๊

                “ครับ พวกผมเดินทางออกมาตอนบ่ายครับ ทันทีที่ได้รับหนังสือแจ้งครับ”

                 “ขอบคุณนะครับ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ทุกคนจะได้ย้ายกลับทันทีที่ทุกอย่างเข้าที่” พี่ตุ๊พูด นั้นแปลว่าทุกคนมาจากบริษัทใหญ่แน่นอน พี่ตุ๊หันมามองผมนั่นแหละว่าให้ผมพร้อมจดที่พี่ตุ๊จะพูด ผมแอบค้อนเล็กน้อย ให้มาในฐานะเลขาส่วนตัวด้วยเหรอผมก็จดทุกบันทึกทุกอย่าง ถึงได้รู้ว่าพี่ตุณให้คนที่เคยทำงานธุรการของโรงเรียนสาขาใหญ่

                “คุณประภากร จะมาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการที่โรงเรียน” พี่ตุณพูด มีคนมาทำหน้าที่ธุรการหนึ่งคนที่โรงเรียน ผมได้ยินตรงนี้ผมหันมามองพี่ตุ๊ แล้วสองคนนั้นละ ที่พ่อคุณน้ำตาลฝากให้ทำงาน

               “จะมาเพิ่มอีกแต่ตอนให้คุณประภากรทำไป พอเข้ามาอีกสองคน คุณประภากรจะเป็นคนเทรนงานคนใหม่เอง” พี่ตุ๊หันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ

               “คุณเอกชัยกับคุณมยุรี จะมาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่โรงแรม “ผมสะบัดหน้าไปมองพี่ตุ๊อีกที รับเพิ่มเหรอ หวังว่าคงจะไม่ใช่

                “เพื่อจะได้มาแทนสองคนที่น้ำตาลฝากไว้เหมือนกันครับแต่พี่รอให้ได้หลักฐานที่แน่ใจในการปลดซะก่อนและพี่จะเรียกผู้ถือหุ้นมารับทราบรวมไปถึงคุณวันชัยและคุณน้ำตาล” พี่ตุ๊หันมากระซิบกับผม ผมว่างานนี้เธอเม้งผมแน่นอน และคนอื่นก็มาทำตำแหน่งงานอื่นๆ ในโรงแรม ผมเหลือบมองเวลา ผมต้องกลับไปที่โรงเรียนแล้วเพราะว่าผมมีสอน

                “ถ้าอย่างนั้นตามนี้เลยนะครับ เจอกันวันจันทร์ วันเริ่มงานเลยนะครับ ขอบคุณครับที่มาในวันนี้ “พี่ตุ๊พูดปิดการประชุม

                 “คุณประภากร ผมรบกวนประสานงานกับครูพัฒน์นะครับ ครูพัฒน์จะเป็นคนอธิบายงานให้คุณทราบเพราะว่าคนเก่าเขาไม่รู้งานอะไรเลย ผมว่า เขาสอนคุณไม่ได้แน่นอนครับ” พี่ตุ๊พูด คุณประภากร พยักหน้าพร้อมกับหันมายิ้มให้ผมและพวกผมก็ทานของว่างกัน

                 “พี่ตุ๊ครับ ผมต้องกลับไปที่โรงเรียนแล้วอ่ะครับ” ผมบอกพี่ตุ๊

                 “ได้ซิ พี่ไปส่งก่อน ส่วนพี่จะไปประชุมที่ศาลากลางจังหวัด พี่ได้รับอิเมลมา เรื่องการปราบปรามยาเสพติดตั้งแต่ก่อนจะมาที่นี้แล้ว “พี่ตุ๊พูด

                  “พี่ว่าเรื่องนี้ เราต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วแหละพัฒน์เพราะว่าคนที่เรากำลังจะสู้อยู่ เขาก็มีแบ็คดีและแบ็คของเขาก็ ไม่ใช่อื่น เป็นคนต่อต้านองค์กรของเรา ดังนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์กรเราเช่นกัน” พี่ตุ๊พูด นี้พี่ตุ๊รู้ทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้นคุณวันชัยก็กำลังคิดไม่ซื่อกับพ่อภาคย์อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่พ่อภาคย์ช่วยเหลือเขามาตลอด ผมแอบส่ายหัวเล็กน้อย คนไม่รู้จักบุญคุณ
                 
                  “งั้นพัฒน์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมบอกพี่ตุ๊ ก่อนจะขอตัวออกไปทำธุระด้านนอก ผมเข้าไปในห้องน้ำสำหรับพนักงาน ผมไม่ไปใช้ปะปนกับแขก จะอยู่ไปด้านในหน่อยแต่ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่แขกใช้เท่าไหร่ แค่แยกโซนกันแค่นั้น ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องน้ำผู้หญิงที่อยู่ก่อนห้องน้ำชาย ผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเสียงดังรอดออกมาจากตรงอ่างล้างมือในห้องน้ำหญิง

                 “ใช่ค่ะคุณน้ำตาล อย่างที่ส่งไปให้ดูเลยค่ะ เมื่อก่อนไม่มานะคะ ตอนนี้มาตามติดเลยค่ะ เมื่อก่อนมาหาพ่อแต่ตอนนี้ มากับลูก สงสัย ได้ทั้งพ่อและลูกชายเขาเลยค่ะ คงอยากเลื่อนขั้นค่ะคุณน้ำตาล จากเมียพ่อเป็นเมียลูก แหม เขาไม่เหมาะเหมือนคุณน้ำตาลหรอกค่ะ สวยและยังจบจากนอกขนาดนี้ ดีกรีดีกว่าเยอะค่ะ บร้าๆ”

                       ผมนี่ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นี่เขาคิดกับผมแบบนี้เลยเหรอ ทำไมจิตใจถึงได้ต่ำมากและการที่เรียกคุณน้ำตาล ผมเดาได้เลยว่าเป็นใคร ประชาสัมพันธ์ที่เป็นขี้ข้าให้คุณน้ำตาลเพราะว่าเธอหางานให้ทำ เลยตอบแทนโดยการเม้าส์ผมเพื่อเอาใจนายว่างั้นแต่ว่าผมเองเป็นคนไม่ชอบต่อปากต่อคำด้วย ผมจึงรีบเดินจ้ำอ้าวไปเข้าห้องน้ำและรีบทำธุระส่วนตัวจะได้รีบกลับไปโรงเรียนดีกว่า ระหว่างที่ผมเดินออกมา ผมก็เห็นคุณวีรญากำลังยืนกอดอกโดยมีสองสาวที่นินทาผมอยู่ ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่

                   “เธอควรจะรู้จักเกรงใจเพื่อนร่วมงานบ้าง ไม่ใช่แอบมาเม้าส์กันปล่อยเพื่อนทำงานอยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้น เขาจะจ้างเธอมาทำไม จริงไหมและนี่ อยากเลื่อนขั้นเหมือนกันใช่ไหม” คุณวีรญาพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

                   “เลื่อนจากคนที่มีงานทำเป็นคนไม่มีงานทำแทน นั้นคือคนตกงาน เธออยากได้อย่างนั้นเหรอ เพราะคนที่จ้างเธอคือคุณตุ๊กับคุณพัฒน์ ไม่ใช่ คุณน้ำตาล เธอแค่ฝาก เข้าใจผิดนะเธอสองคนน่ะ” คุณวีรญาพูด สองคนนั้นหน้าจื่อนไปทันทีแต่ผมดูแล้วเขาไม่สำนักอะไรเท่าไหร่หรอก

                    “กลับไปทำงานได้แล้วและทำหน้าที่ตัวเองให้ดี ไม่ต้องเที่ยวมาส่องชีวิตใคร ชีวิตเธอนี่ที่ควรจะส่องดูว่าดีพอหรือยัง โอเคน่ะ ไปได้แล้ว” คุณวีรญาพูดและสองคนนั้นก็รีบเดินกลับออกไปทันที คุณวีรญาหันมามองผม

                   “คุณตุ๊ให้วีจับตาดูสองคนนี้ว่ามีพฤติกรรมอะไรกับคุณพัฒน์บ้าง คุณตุ๊ก็พอจะได้ยินมาจากพนักงานของเราหลายคนแต่เขายุ่งไม่ได้เพราะว่าคุณน้ำตาลเธอคิดว่าเธอใหญ่ ใครยุ่งกับเด็กเธอไม่ได้” คุณวีรญาพูด

                   “แต่ไม่ใช่กับคุณตุ๊ค่ะ คุณตุ๊แค่รอหลักฐานค่ะ” คุณวีรญาบอกผม

                    “ใจจริงผมก็ไม่อยากใจร้ายแบบนั้นนะครับคุณวีเพราะว่าตอนนี้ งานหายากมากนะครับ” ผมพูด

                   “ใช่ค่ะ งานหายาก คนอยากทำงานเยอะนะคะ ดังนั้น คนนั้นที่ถ่วงให้เราไม่ประสบผลสำเร็จ วีว่าก็ไม่ควรเอาไว้นะคะ สองคนนี้ ดีแต่รายงานนาย เอาใจนายตัวเอง นางไม่เคยรู้เลยว่า นายตัวเองถือหุ้นน้อยกว่าคุณพัฒน์ซะอีก น่าขำนะคะ” คุณวีรญาพูด ผมเดินออกคุยออกมาพร้อมกับคุณวีรญา พี่ตุ๊ยืนรออยู่แล้ว พี่ตุ๊ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้วย คุณวีรญาก็พยักหน้าให้ผมก่อนจะแยกตัวออกไปเพื่อทำหน้าที่ของเธอ ผมเข้ามายืนไม่ใกล้ไม่ไกลจากพี่ตุ๊

                    (ได้ครับอา ผมคิดว่าเราต้องหาข้อมูลทุกอย่างแบบเงียบๆ ผมทราบครับ ครับอา เออ ผมยังไม่ได้คุณกับไอ้อ้น ครับอา รอให้อ้นมันว่างก่อนแล้ว ครับ ครับ สวัสดีครับ)  พี่ตุ๊คุยกับอาภีมปภพแน่นอน ได้ยินชื่อพี่อ้นแบบนี้ มันจะมีหวังที่พี่อ้นกับพี่ตุ๊จะกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกใช่ไหม ผมอยากให้เป็นแบบนั้น รูปภาพถ่ายตอนที่พี่ชายคนโตของแต่ล่ะบ้านดูแลน้องๆ ของตัวเองและพี่ๆ ก็สนิทกัน ผมเข้ามาทีหลังแต่ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของคำว่าเพื่อนที่โตมาด้วยกันเพราะว่าผมโตมาแค่คนเดียวแต่พอได้เข้ามาอยู่บ้านพ่อภาคย์ ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

                “พี่คุยกับอาภีมน่ะ เกี่ยวกับแก้งค้ายาข้ามประเทศ คุณวันชัยน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย” พี่ตุ๊ พูดผมพยักหน้าเบาๆ

                “พี่บอกให้คนไปทำความสะอาดโรงยิมให้แอ้แล้ว วันนี้เด็กจะมาลองเรียนวันกแรกแต่น่าจะไม่เยอะ” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้า พี่ตุ๊ยังหันมามองหน้าผม

                 “เป็นไงบ้าง สองสาวนั้นนินทาอะไรพัฒน์อีก” พี่ตุ๊ถามผมยิ้มๆ

               “พี่ตุ๊ทราบเหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊

                “ทราบครับ ดังนั้นพี่จึงแบ่งหุ้นของพี่เพิ่มให้พัฒน์ เพื่อจะได้เหนือกว่าคุณน้ำตาลและนั้นพัฒน์ก็มีอำนวจมากกว่าพอจะตัดสินใจว่าจะ เก็บเธอไว้ไหมหรือจะหาคนทำงานใหม่ที่ดีกว่า” พี่ตุ๊พูด ผมมองพี่ตุ๊ นี่โกหกผมอีกแล้วที่ว่าพ่อเป็นคนให้ผมแต่จริงๆ พี่ตุ๊นั้นเอง

               “พี่ขอโทษที่บอกเขาแบบนั้นแต่นี้ก็เป็นคำแนะนำจากพ่ออีกทีน่ะ” พี่ตุ๊พูด

               “พ่อเหนื่อยแล้ว พ่ออยากวางมือแล้ว ดังนั้นทุกอย่าง เราต้องช่วยกันพัฒน์ “พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้า ผมน่ะช่วยอยู่แล้วเพราะว่านี่คือการตอบแทนบุญคุณคนที่ทำให้ผมได้มีชีวิตที่ดีและดูแลผมแทนพ่อแม่จริงๆ ของผม ผมเองไม่เคยโกรธแม่ผมเลยแต่ว่าผมเองก็ตามหาเขาไม่เจอ

               “พัฒน์…พี่ถามจริงๆ ที่พัฒน์เลือกมาที่นี้เพราะว่าบ้านแม่ของพัฒน์อยู่ที่นี้ใช่ไหม” พี่ตุ๊ถามผม ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ผมพยักหน้าเบาๆ

               “ผมได้ไปดูแล้ว เขาย้ายไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่พ่อภาคย์รับผมเป็นลูกบุญธรรม” ผมพูด

              “แต่ว่าแม่ผมเขาหายไปไหน ผมก็ไม่ทราบ ไม่มีใครรู้เพราะว่าแม่ไม่ใช่คนที่นี้ตั้งแต่แรกแค่ย้ายตามพ่อมา ผมทราบแค่นั้นจากพ่อภาคย์อีกที” ผมพูดเบาๆ

               “เอาน่ะ พี่จะให้คนช่วยสืบให้” พี่ตุ๊พูด

               “ทีหลังบอกพี่ซิ อยากได้อะไร อยากทำอะไร พี่จะได้ช่วย อย่าแอบคิดคนเดียวอีกน่ะ เข้าใจไหม” พี่ตุ๊พูด

                 “เพราะว่า…” พี่ตุ๊พูด ผมเงยหน้ามองหน้าพี่ตุ๊

                  “คุณตุ๊ครับ รถของคุณตุ๊มารอรับคุณตุ๊ที่ด้านหน้าแล้วครับ” จู่ๆ พนักงานของโรงแรมก็เข้ามาบอกว่ารถพี่ตุ๊อยู่ด้านหน้าแล้ว พี่ตุ๊หันไปพยักหน้าก่อนจะดันผมให้เดินไปข้างหน้าก่อน ผมก้าวเท้าขึ้นรถไปก่อน พี่ตุ๊กำลังคุยกับพี่สมพงษ์อยู่ ผมนั่งมองผู้ชายคนนี้ พี่ชายคนโตของบ้านและเป็นพี่ชายที่แสนดีของผม แม้จะเป็นมากกว่าพี่ชายแต่ผมก็ไม่กล้าเปิดเผยสถานะที่แท้จริงๆ ผมกลัวจะทำให้ซีอีโอ หน้าใหม่ไฟแรงต้องมาตกเพราะว่าผม ผมคู่ควรแล้วจริงๆ เหรอ สิ่งที่ผมคิด

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2024 11:45:02 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.8 สิ่งที่ตุ๊คิดกับพัฒน์
                Part’ s พี่ตุ๊ หลังจากที่ผมไปประชุมกับเจ้าหน้าที่โรงแรม ใช่ครับผมต้องการเคลียร์คนของน้ำตาลออก ผมว่านี่แหละคือสปายของพ่อเธอแต่ที่ผมไม่อยากเอาไว้เพราะว่า ทุกคนล้วนแสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจกับพัฒน์ ดังนั้นพ่อจึงส่งผมมาเพื่อทำหน้าที่ปกป้องคนของครอบครัวผม

               ความจริงแล้ว เขาคือของผมที่ผมต้องดูแล แต่ด้วยหลายอย่างที่ถูกมองมาตลอดว่าพ่อผมรับเลี้ยงพัฒน์เพื่อเรื่องนั้นหรือเปล่า มันทำให้ผมไม่กล้าเปิดเผยหรือว่าผมขี้ขลาดเกินไปกันแน่ ทั้งที่หัวใจผม ผมรักพัฒน์ รักมานานแล้วแต่ที่ผมยอมเป็นแฟนขวัญเพราะว่าพัฒน์เป็นคนขอให้ผมรักคำขอจากเพื่อนรักของเขา มันเหมือนจะไปได้ดีเพราะว่าขวัญก็เกือบจะได้ใจผมแต่สุดท้าย ความจริงก็ปรากฏ ตัวตนจริงๆ ของขวัญ ที่ไม่ได้ตรงปกอย่างที่พ่อแม่เขาเข้าใจมันก็ปรากฏเมื่อขวัญเจอไอ้อ้นแต่มันมีสิ่งที่คาใจผมอย่างหนึ่งคือ ใครกันที่เป็นคนเรียกขวัญออกไปคุยวันนั้น ไม่ใช่พัฒน์แน่นอน
             “คุณตุ๊ครับ” ผมสะดุ้งเพราะว่ามีว่ามัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ระหว่างที่ฟังการบรรยาย ผมฟังมาหลายรอบแล้วเลยทำให้เบื่อๆ หลักการแต่ว่าเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ทำตามนั้นทุกอย่างเพราะว่าผู้มีอิทธิพล ที่เป็นเจ้าพ่อค้ายาและสวยจำนวนมหาศาล ที่ซื้อใจคนเหล่านี้ได้
            “ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้เริ่มต้นจากชุมชนก่อนเราควรจะเริ่มต่อต้านเรื่องนี้กันได้แล้ว ก่อนที่จะขยายวงกว้างและมันอาจจะไม่สามารถหยุดได้ นั้นแปลว่าอนาคตของเยาวชนก็จะตกเป็นทาสยาเสพติด” ผมพูด
            “ผมไม่ได้ต้องการทำเพื่อนักเรียนของผมเท่านั้น ทุกโรงเรียนครับ “ผมพูด
            “เรื่องนี้ผมขอรอการอนุมัติจากนายก่อนนะครับคุณตุ๊ ส่วนเรื่องที่คุณตุ๊กังวลใจที่ว่ามีคนของแก้งค้ายาเสพติดไปเพ่นพ่านแถวๆ โรงเรียน ผมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยสอดส่องดูนะครับ “ผมพยักหน้าขอบคุณแต่ว่าตอนนี้ผมมีการ์ดนอกเครื่องแบบแล้ว เขาก็รายงานผมตลอดว่าคนที่ไปนั้นเป็นคนของเสียวันชัยทั้งนั้น
ผมเหลือบมองเวลาตอนนี้บ่ายสี่โมงแล้วระหว่างที่ผมนั่งรอการปิดการประชุมอยู่ ผมเหลือบไปเห็นคุณวันชัยที่กำลังเดินผ่านห้องที่ผมนั่งประชุมกัน มีคนเดินตามเป็นขบวน
             “คุณคงต้องทำการบ้านหนักหน่อยนะครับคุณตุ๊เพราะว่าคตนที่คุณกำลังมีปัญหาด้วย เขาก็มีแบ็คดีไม่แพ้คุณ เขาหนุนบุคคลในเครื่องแบบอยู่ ทางพวกคุณน่าจะรู้ดีว่าเขาคือใคร” ผู้ว่าการจังหวัดเขาหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ
             // พี่ตุ๊ครับ ผมกับเอ็กซ์ต้องกลับก่อนครับเพราะว่าพ่อผมพิ่งจะบอกผมว่า ผมสองคนต้องเข้าอบรมพรุ่งนี้ครับพี่ ผมเลยต้องเรีบกลับกันวันนี้เลยครับ// เดฟส่งข้อความหาผม
            //ขอโทษทีน่ะเดฟ พี่ยังไม่เลิกประชุมเลย ถ้าอย่างนั้นคราวหน้ามาแล้วเข้ามาคุยกับพี่ด้วยน่ะ พี่มีเรื่องอยากจะคุยด้วยสักหน่อย ขับรถดีดีล่ะ// ผมส่งข้อความบอกเดฟก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า ไม่นานการประชุมสัมมนาหารือ ระหว่างนั้นผมคิดว่าบางทีพวกผมอาจจะต้องลงทำอะไรกันสักอย่าง รอแบบนี้ เด็กๆ อาจจะมีปัญหาและมันก็กระทบต่อการเรียนพวกเขา
             “ขอบคุณนะครับคุณตุ๊ที่สละเวลามาร่วมประชุมวันนี้และทางผมรับทราบแล้ว รอการอนุมัติจากทางผู้ใหญ่อยู่ และผมจะแจ้งให้คุณตู่ทราบนะครับ ขอบคุณครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป

                  ผมหันไปมองคุณวันชัย เขาหันมาเจอผมพอดี เขาก็พยักหน้าทักทายผม ผมก็ทักทายตอบ แต่ผมไม่เห็นลูกสาวเขาน่ะ ผมรู้ว่าเขาฟอกเงินด้วยเช่นกัน ใช้เด็กๆ ที่มีปัญหา ติดยาบ้าง ไม่ได้เรียนบ้าง ไม่มีอนาคตว่างั้น เอามาทำงาน ส่งยา ทำทุกอย่างที่ผิดกฎหมายและรับแทนเขา เป็นผู้ใหญ่ที่แย่มาก
                  (พี่พงษ์ครับ ผมกำลังจะเดินลงไปครับ ผมต้องรีบกลับไปโรงเรียนแล้วครับ) ผมโทรบอกพี่พงษ์คนขับของผม
                  (ได้ครับคุณตุ๊ ผมจะนำรถไปจอดด้านหน้าดีกว่าครับ ผมเห็นการ์ดคุณวันชัยดูแล้วไม่น่าไว้ใจครับคุณตุ๊) พี่พงษ์ เขาทำหน้าที่การ์ดที่ดีและมีความสามารถ
                   (ขอบคุณครับพี่ เจอกันด้านหน้าเลยครับ) ผมบอกพี่พงษ์ ก่อนจะก้าวเดินลงไปด้านล่าง มันแค่ชั้นเดียว ผมไม่อยากใช้ลิฟต์ ระหว่างที่ผมกำลังเดินลงไป
                 “สวัสดีครับคุณตุ๊” จู่ๆ ก็มีคนทักทายผมจากด้านหลัง ผมหันไปมอง คุณวันชัยนี่เอง
                 “สวัสดีครับคุณวันชัย คุณนี่เป็นคนสำคัญของที่นี้น่ะครับ ไปที่ไหนก็เจอคุณ “ผมหันไปพูด
                 “คุณตุ๊ มาที่ศาลากลางเหมือนกันเหรอครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ถ้ามี ผมจะได้ช่วยครับคุณตุ๊”
                 “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ได้รับเชิญให้มาฟังการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที ผมเคยร้องเรียนไปนะครับ ว่ามีพวกค้ายาเสพติด พยายามนำสิ่งที่ทำลายอนาคตพวกเขามาให้พวกเขานะครับและผมในฐานะผู้บริหารโรงเรียน ผมคงทนดูไม่ได้” ผมหันไปพูดกับคุณวันชัย สายตาผมมองประสานสายตาของคู่นั่นของเขา มันอ่านได้มากมายว่าเขาคนนี้ไม่ใช่คนซื่อสัตย์กับใคร
               “จริงเหรอครับ อันที่จริง แจ้งผมให้ผมช่วยก็ได้นะครับ ผมเองก็เป็นที่นับหน้าถือตาของคนที่นี้ ยิ่งได้ยินแบบนี้ ผมยิ่งไม่สบายใจ” คุณวันชัยพูด
              “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้เจ้าหน้าที่น่าจะกำลังหารือกันเพื่อจะได้ช่วยกันปกป้องเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ” ผมพูด
              “ส่วนคนต้นคิด ผมว่าเขาน่าจะต้องหาวิธีจัดการเหมือนกัน “ผมพูด คุณวันชัยยิ้มที่มุมปาก ผมเดาว่าเขารู้ว่าผมเริ่มรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างแล้วแหละ
               “บางที่มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คุณตุ๊คิดก็ได้นะครับ ผมว่าคุณน่ะ กลับไปบริหารที่กรุงเทพจะดีกว่า อย่าหาว่าอาสอนเลยน่ะ คุณยังอ่อนประสบการณ์และที่นี้ ไม่ใช่สวรรด์อย่างที่คุณคิด อาเป็นห่วง” คุณวันชัยพูด
               “ผมก็อยากรู้ว่าความถูกต้องมันจะพ่ายแพ้ให้กับคนที่ทำสิ่งที่ผิดจริงๆ หรือครับ” ผมพูดเชิงถามคุณวันชัย
               “ผมเชื่อว่ายังมีอีหลายหน่วยงาน ที่เงินก็ซื้อเขาไม่ได้ “ผมพูด คุณวันชัยมองหน้าผม เขาเข้าใจความหมายดีว่าผมหมายถึงเขานั้นเอง
              “คุณตุ๊ครับ รถของคุณตุ๊มารอรับที่ด้านหน้าแล้วครับ” จู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามาแจ้งผม ผมพยักหน้าขอบคุณ
              “ผมขอตัวนะครับคุณวันชัย “ผมพูดเขาก็พยักหน้าและผมก็ยกมือไหว้ ในฐานะที่เขาก็รุ่นๆ เดียวกับพ่อผม
              “ผมอาจจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นของโรงแรมเร็วๆ นี้นะครับ ผมจะแจ้งการปรับเปลี่ยนโยกย้ายพนักงานนะครับและผมอยากให้คุณวันชัยกับคุณน้ำตาล เข้าร่วมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ” ผมพูดพร้อมกับเดินออกและตรงไปที่รถประจำตำแหน่งของผม ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปนั่งในรถ ผมพยักหน้าบอกพี่พงษ์ให้ออกรถได้เลย
               (พัฒน์) ผมโทรหาพัฒน์ทันที
               (ครับพี่ตุ๊)
               (เข้าบ้านพักหรือยังครับ) ผมถามพัฒน์
                (ผมตรวจการบ้านเด็กๆ อยู่ครับ)
                (งั้นเข้าบ้านพักพร้อมพี่น่ะพัฒน์ พี่พึ่งจะออกมาจากศาลากลางครับ) ผมบอกพัฒน์
                (ได้ครับพี่ตุ๊) พัฒน์พูด
                (ผมตรวจรายงานที่พี่ตุ๊ให้น้องๆ ทำแล้วนะครับ) พัฒน์พูด
                (พี่ว่าจะกลับไปตรวจพอดีเลย) ผมพูด
                (ไม่เป็นไรครับ พี่ตุ๊ยุ่งๆ ผมทำแทนได้) พัฒน์พูด
                 (งั้นพี่จะรีบกลับไปรับเราน่ะและกลับไป…) ผมพูดก่อนเหลือบตามองพี่พงษ์
                 (แช่น้ำอุ่นๆ ให้สบายตัวสักหน่อย) ผมพูด
                 (ได้ครับ อันที่จริงให้ผมกลับไปก่อนแล้วเตรียมน้ำอุ่นให้พี่ดีกว่าไหมครับพี่ตี) พัฒน์พูด
                 (ไม่ดีกว่า กลับเข้าไปพร้อมกัน รอพี่ที่ห้องทำงานโอเคน่ะ เจอกันครับ) ผมพูด ก่อนจะวางสายไป ผมก็เหลือบมองกระจกมองหลังด้านหน้า ผมเห็นรถตามมา เป็นฟอร์จูนเนอร์สีดำ
                 “คุณตุ๊ ผมว่าเรากำลังโดนตามครับ” พี่พงษ์พูด ผมพยักหน้าพอจะทราบแต่ผมว่าเขาไม่กล้าทำอะไรอุอาจตอนนี้หรอก แต่พี่พงษ์ก็เตรียมความพร้อมโดยการหยิบปืนในลิ้นชักมาเอาไว้ก่อน พร้อมกับมองที่กระจกหลังเป็นระยะๆ จนกระทั่งขับไปถึงทางเข้าโรงเรียนและรถคันนั้นก็ขับเลยไป ผมคิดว่าเขาอาจจะผ่านไปที่อื่นหรืออาจจะตั้งใจมาขู่ผมเฉย ถ้าแค่ต้องการผ่าน เขาน่าจะแซงไปได้แต่นี้ขับตามติด ผมมองพี่พงษ์ พี่เขาพยักหน้ากับผมก่อนจะลงไปเปิดประตูและนำรถขับเข้าไปด้านใน

               ขณะที่ผมกำลังจะผ่าน บริเวณที่มีรถจอด เป็นรถของเด็กนักเรียนที่เข้ามาจอด มีไม่กี่คนหรอกที่มีรถเก๋งรถกระบะ ผมเห็นรถที่ของดิว น้องชายบ้านดอเด็กจอดอยู่และมีอีกคัน คันนั้นน่าจะเป็นรถของเดี่ยว ผมเหลือบมองเวลา ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้วยังไม่กลับกันอีก
               “พี่พงษ์ครับ จอดรถให้ผมหน่อยครับ ผมเห็นรถนักเรียนจอดอยู่นะครับ” ผมบอกพี่พงษ์ พี่เขาพยักหน้าก่อนจะนำรถเข้าไปจอดให้ผม ผมก้าวขาลงจากรถและตรงไปที่รถกระบะหรู โฟล์วีล ยี่ห้อดัง ผมเดินไปมอง ไม่มีใครอยู่ด้านหน้าคนขับแต่พอจะเห็นอะไรแว๊ปๆ ที่ตรงคนข้างๆ คนขับ มันก็ไม่แปลกเพราะว่าแตกเนื้อหนุ่มกันแล้ว ผมเคาะกระจกรถก่อนจะก้าวถอยหลังออกมา สักพักคนที่ลงมาคือดิว กระดุมเสื้อที่ติดแบบลวกๆ ไม่ต้องถามว่าทำอะไรอยู่ ดิวลงมาเจอผมก็ยกมือไหว้ ผมเห็นคนที่ตามลงมาคือแอ้อีกคนเขาก็ยกมือไหว้ผมเช่นกัน
               “ทำอะไรกันในรถ ดิว แอ้” ผมถามทั้งคู่ จังหวะนั้น ติ๊กและเดี่ยวเดินเข้ามาพอดี ทั้งคู่มองผมโดยเฉพาะติ๊กที่มองผมกับดิวและแอ้สลับกันไปมา
                 “ทำไมยังไม่กลับบ้านกันล่ะ” ผมถามทั้งสี่คน
                 “ซ้อมดนตรีอยู่อ่ะพี่ตุ๊เพราะว่าจะขึ้นร้องเพลงวันศุกร์ไง “ติ๊กเป็นคนตอบผม
                  “แล้วมีอะไรกันอ่ะพี่ตุ๊” ติ๊กถามผม ผมสังเกตเห็นสายตาแอ้ อันนี่ใช่ไหมคือเหตุผลที่แอ้ยอมติ๊กทุกอย่าง ผมสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของพวกเขามาพักใหญ่ จากที่เคยตัวติดกันสามคนเริ่ม ต่างคนต่างต้องมีทางเดินของตัวเอง ถึงแม้จะเกิดวันเดียวกันหรือปีเดียวเหมือนเช่นผม โจ อ้น ดิม พอโตขึ้นก็ต้องไปตามเส้นทางที่ครอบครัวปูเอาไว้เหมือนกัน
                 “ไม่มีอะไร กลับบ้านกันได้แล้ว มันเย็นมากแล้วน่ะและมันก็อันตรายด้วย พี่ไม่อยากให้ขับรถกันมืดๆ ค่ำๆ “ผมพูด ผมหันไปมองดูแอ้ผ่อนลมหายใจออกมาทันที โล่งอก ผมคิดว่าต้องเรียกทั้งคู่มาคุยเป็นการส่วนตัวสักหน่อย เพราะว่าการที่เขาไปจู๋จี๋กันแบบนี้ในรถมันไม่ดี
                 “เจอกันพรุ่งนี้น่ะ ห้ามมาซ้ายเกินกว่าเจ็ดโมงสี่สิบห้า “ผมพูดแต่ว่าที่บอกห้ามมาสาย ผมหันมามองติ๊กและเดี่ยวเพราะทั้งคู่มาสายเมื่อเช้า ติ๊กทำปากมุบมิบๆ ผมแอบสั่นหัวน้องชายคนเล็ก ที่ได้พี่ชาย ที่ชื่อต้าร์มาเต็มๆ ดื้อเหมือนกันเป๊ะ! ผมหันหลังเดินกลับไปที่รถและก้าวขาขึ้นรถไปทันทีเพื่อหาพัฒน์ ผมสังเกตจากกระจกมองหลัง ผมเห็นว่าทุกคนขึ้นรถและขับรถออกกันไปแล้ว
                  “พี่พงษ์ ผมจะเข้าบ้านพักกับพัฒน์เลย พี่ก็ไปพักผ่อนตามอัธยาศัยได้เลยนะครับ พี่หมดหน้าที่แล้วครับ ผมขอบคุณมากนะครับ วันนี้” ผมพูด พี่พงษ์มองผมผ่านกระจกพร้อมกับผงกศีรษะน้อมรับคำขอบคุณของผม บุคลากรคือสิ่งสำคัญที่ผมควรรักษา แม้กระทั่งน้ำใจเล็กๆ น้อย ด้วยการกล่าวขอบคุณทุกครั้ง

               ผมก้าวเท้าลงจากรถ ผมเห็นพัฒน์เดินลงมาพอดี พัฒน์มองหน้าผม ผมเดินตรงไปช่วยพัฒน์ถือของ ที่พัฒน์นำกลับไปบ้าน พัฒน์คือครูที่ทำทุกอย่างด้วยอุดมการณ์และเป็นครูที่มาจากความรู้สึกลึกๆ เขาจึงเต็มที่กับการเรียนการสอน ผมอยากให้ครูทุกคนเอาอย่างพัฒน์จริงๆ คนที่มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณของการเป็นครูอย่างแท้จริง
              “พี่ขับเองครับ” ผมพูดพร้อมกับแบมือขอกุญแจรถ พัฒน์เข้ามานั่งข้างผม ผมก็หันไปมองพัฒน์ ผมเห็นมีบางสิ่งติดที่ตรงแก้ม น่าจะเป็นหมึกปากกา มันมีสีฟ้าอ่อนๆ
              “พัฒน์” ผมเรียกพัฒน์ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหาพัฒน์
              “ปึด” ผมใช่ปลายนิ้วโป้งยื่นไปพัฒน์ก็มองผมค้างและผมก็ค่อยๆ เช็ดเบาๆ
             “แก้มเลอะน่ะ ทำให้พี่รู้เลยว่า คุณครูคนนี้ งานเยอะจริง” ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะหันกลับและขับรถพาพัฒน์กลับบ้านพัก

                  บ้านพักครูที่ดูธรรมดา ไม่มีคนใช้เหมือนที่บ้านผมที่กรุงเทพ บ้านโซนที่พวกผมอยู่ บ้านหลังใหญ่ เหมือนเป็นหมู่บ้านย่อมๆ บ้านทั้งหกหลังปลูกติดกันแต่มีสี่หลังที่ไม่มีใครอยู่ เป็นบ้านลุงกฤษณะ บ้านอาภูมิ บ้านอาเปรมดิ์และบ้านอาเป้ ที่ว่างแต่ว่าอาเป้ก็มาบ้างช่วงหลังๆ นี่ มาพักผ่อนกับแฟนอาเป้ นั้นคือพี่อธิคม ลูกชายคนโตลุงสามแฟนพ่อผมเอง ความรักของพ่อผมก็อยู่ในสายตาของพวกผมมาตลอด ลุงสามที่ดูแลพ่อผมมาตั้งแต่พวกผมยังเด็กจนตอนนี้ ผมเองก็ดูแลพัฒน์มาตั้งแต่พ่อพาพัฒน์เข้ามาอยู่ในบ้าน ถึงตอนที่พัฒน์เข้ามาอยู่เขาจะโตแล้วก็ประมาณเจ็ดแปดขวบแต่ผมก็ดูแลเขาในฐานะพี่ชายคนโตของบ้าน ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งเปลี่ยนไปแต่มันก็มีช่องว่างที่ทำให้ผมสับสนว่า ผมรักพัฒน์แบบไหนแต่ที่แน่ๆ ผมรักและเป็นห่วงเขามาก อยากดูแลเขาไปแบบนี้ตลอด แต่พัฒน์ซิ เขารู้สึกเหมือนผมไหม และที่ผมยังลังเลเพราะ ลูกบุญธรรม นี่แหละ ผมควรจะทำแบบนี้หรือไม่ ฟู่!!
               TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
               
EP.9 อะไรที่พี่ตุ๊กำลังตามหา

              Part’ s ครูพัฒน์ ตั้งแต่พี่ตุ๊มาอยู่ด้วยแบบนี้ผมรู้สึกดียังไงบอกไม่ถูกแต่ก็รู้สึกอึดอัดไปพร้อมๆ กันเพราะสายตาคนหลายคนที่มองว่าผม คิดการใหญ่อยากจะจับพี่ตุ๊ พวกเขาคิดว่าผมอยากจะสบายทางลัดซิน่ะ แต่ไม่ใช่เลย ถ้าผมอยากสบายผมคงเรียกร้องนั้นนี่กับพ่อบุญธรรมผมไปแล้ว แต่ผมไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ขนาดเรียนยังไม่กล้าจะเลือกมหาวิทยาลัยดีดีๆ เลย ผมสอบเข้าวิทยาลัยครูแค่นั้นเอง แต่ผมก็จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่มันก็ยังถูกมองว่าผมทำไมไม่จบเหมือนคนอื่น ที่ไปเรียนเมืองนอก อันที่จริงพ่อเสนอให้ผมไปเรียนกับพี่ตุ๊แต่ผมไม่อยากไป อยากอยู่ดูแลพ่อในช่วงที่คนอื่นๆ ไปเรียนเมืองนอกกัน คนนั้นคือพี่ตุ๊ แต่ก็มีช่วงที่พ่อส่งผมไปดูแลพี่ตุ๊ที่เรียนหนัก เรียนสองที่พร้อมๆ กัน มันทำให้ผมใกล้ชิดพี่ตุ๊มากขึ้น ผมมีอะไรกับพี่ตุ๊ ผมยอมเพราะว่าหัวใจและร่างกายผมมันให้พี่ตุ๊ไปหมดแล้ว
               “หมับ” ผมยืนคิดอะไรเพลินๆ ผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีคนเข้ามาสวมกอดเอวผม กลิ่นน้ำหอมที่พี่ตุ๊ใช้ประจำ ผมไม่ได้ซื้อให้หรอกส่วนใหญ่จะเป็นต้าร์หรือไม่ก็ติ๊กที่เลือกให้ ผมไม่เก่งเรื่องพวกนี้ ผมเองต้าร์ยังซื้อให้เลย ซื้อให้เยอะแยะจนใช้ไม่หมด ผมเหลียวมองพี่ตุ๊
               “พรุ่งนี้กลับบ้านกันน่ะพัฒน์ พ่อสั่งพี่ว่าให้พาพัฒน์กลับบ้านด้วย อันนี่พ่อสั่งพี่มาอีกที ห้ามขัดน่ะ” พี่ตุ๊บอกผมแถมยังดักคอผมขนาดนี้อีก ผมน่ะจะไม่ค่อยกลับทุกอาทิตย์ สองอาทิตย์กลับที บางที่ผมก็เลือกที่จะอยู่เวรโรงเรียนแทนครูคนอื่นๆ เพราะทุกคนก็มีครอบครัวอยากใช้เวลาวันหยุดกับครอบครัวมากกว่า ผมเป็นคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ผมรู้ว่าไม่มีอะไรแน่นอน วันนี้อยู่ครบแต่พรุ่งนี้อาจจะไม่ครบก็ได้ ผมจึงเลือกที่จะอยู่แทนครูหลายๆ คน
                “พัฒน์ เรามีครูหลายคนให้เขาผลัดกันอยู่เวรบ้างน่ะ ส่วนพัฒน์น่ะกลับไปหาพ่อบ้าง พ่อคิดถึง” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
               “พี่มาอยู่นี้แล้ว กลับทุกอาทิตย์เลยน่ะ พ่อน่ะคิดถึงและเป็นห่วงเรามากน่ะพัฒน์” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ แอบอมยิ้มไปด้วย
              “พี่บอกพัฒน์ว่า วันนี้ครูคนใหม่จะมาใช่ไหมครับ” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊หันไปหยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด พวกพี่เขาต้องใช้อะไรที่ไฮเทคออยู่แล้ว มันช่วยให้งานง่ายขึ้น พี่ตุ๊กดเข้าไปเช็กดู
               “ใช่แล้วพัฒน์ เขาบอกพี่ว่าอย่างนั้นน่ะแต่แค่มาดูสถานที่แค่นั้น” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ดีเหมือนกันจะได้มีครูมาสอนนักเรียนเพิ่มซะที
               “พี่แอบกลัวน่ะว่าเขาจะเปลี่ยนใจเหมือนกันพัฒน์เพราะว่าตอนนี้เราต้องการครูเพิ่มให้เพียงพอเสียก่อน” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ผมเองอยากจะช่วยพ่อและพี่ตุ๊แบ่งเบาภาระเรื่องนี้แต่ผมก็ไม่กล้าออกตัวทำอะไรมากหนัก แค่นี้ก็เป็นขี้ปากแย่แล้ว ก็อย่างว่าแหละมีคนรักก็ต้องมีคนชังเป็นเรื่องธรรมดา
                “แต่ครูอัตราจ้างคนอื่นก็เตรียมพร้อมจะมาอีกน่ะ อย่าทำหน้ากังวลอย่างนั้นซิ” พี่ตุ๊พูด ผมก็คลี่ยิ้มบางๆ ผมรู้ว่าพี่ตุ๊ไม่อยากให้ผมกังวลมากจนเกินไป
                “ก็ผมอยากให้โรงเรียนของเรา มีนักเรียนเข้ามาเรียนเพิ่มสักทีนะครับพี่ตุ๊” ผมพูด พี่ตุ๊มองหน้าผม
               “พี่ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ครูหรือนักเรียนแต่อยู่ที่…” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊
                “มีคนกำลังปั่นป่วนโรงเรียนเราอยู่” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมอง นี้ขนาดโรงเรียนน่ะยังมีอีกเหรอ พี่ตุ๊มองผม ผมก็มองพี่ตุ๊ เขายิ่งมองจ้องผมเข้าไปอีก ก่อนจะพลิกตัวผมให้มาอยู่ในอ้อมแขนของพี่ตุ๊โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว และพี่ก็ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้มาก ผมก็ต้องหลับตาปี๋ทันที
                  “ปึด!” ปลายนิ้วมือเรียวยาวของพี่ตุ๊ปัดบางสิ่งที่ติดอยู่ตรงปลายจมูกผมออกไป ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดู ผมเห็นพี่ตุ๊มองผมอยู่ แถมยัง
                  “หึๆ “หัวเราะผมอยู่ในลำคอ ผมรีบใช้ฝ่ามือตีที่แผ่นอกคนตัวโตกว่าทันที
                 “พี่ตุ๊!”
                 “อะไรกัน ก็พี่เห็นว่ามีอะไรมันติดที่ปลายจมูกเลยเอาออกให้ นี่คิดว่าพี่จะทำอะไรล่ะ” พี่ตุ๊ถามผม ถามแบบเจ้าเล่ห์ซะด้วย
                 “เออ … ไม่ได้คิดนี่ครับ” ผมพูดและทำท่าจะดันพี่ตุ๊ออก ผมน่ะคิดว่าพี่ตุ๊จะจูบต่างหากแต่ช้าไป
                 “อืมมม” ริมฝีปากนั้นประกบจูบผมจริงๆ รอบนี้ จูบอยู่หลายนาทีก่อนจะถอนปากออก
                 “รอบนี้ของจริง” พี่ตุ๊พูด ผมยู่ปากใส่ พี่ตุ๊ก็ถึงได้ปล่อยผมเป็นอิสระ
                 “ทานอาหารเช้าได้แล้วพี่ตุ๊” ผมพูด พี่ตุ๊เดินไปหยิบเอาน้ำส้มที่ผมคั้นเอาไว้ทุกวัน อยากให้พี่ตุ๊ได้รับวิตามินครบถ้วนแม้กระทั่งเรื่องอาหารก็ด้วย ผมจัดการตักอาหารใส่จานก่อนจะยกไปให้พี่ตุ๊และผมคนล่ะจาน
                  “ระหว่างบ้านหลังใหญ่กับบ้านหลังเล็กๆ แบบนี้ พัฒน์ชอบแบบไหนมากกว่ากัน” จู่ๆ พี่ตุ๊ก็ถามผม ผมเงยหน้ามองพี่ตุ๊แว๊ปหนึ่ง
                 “ผมไม่ได้คิดถึงบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่อ่ะครับพี่ตุ๊ แต่ขอให้บ้านหลังนั้นมันอบอุ่นก็พอแล้ว” ผมบอกพี่ตุ๊ พี่ตุ๊เขามองหน้าผม จังหวะนั้นโทรศัพท์พี่ตุ๊ดังขึ้นพอดี พี่ตุ๊หรี่ตามองมือถือตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเองและผมเดาว่าน่าจะไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคยแน่นอน
                 //สวัสดีครับ ผมตุ๊ครับ อ้อสวัสดีครับคุณน้ำตาล มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ โทรหาผมแต่เช้าแบบนี้// ผมก็ต้องชะงักเพราะว่าคนที่โทรมาแต่เช้าคือคุณน้ำตาล
                // ผมไม่ว่างครับ ผมมีธุระทั้งวันเลยครับ ใช่ครับผมทราบว่าผมเป็นผู้อำนวยการแต่ว่างานผมก็ต้องทำครับคุณน้ำตาล ผมจะบอกอีกทีนะครับว่าผมจะว่างเมื่อไหร่แต่ไม่ใช่วันนี้และเร็วๆ นี้แน่นอนครับ” พี่ตุ๊พูดเขาหันมามองหน้าผม
               //ผมทานอาหารเช้าอยู่ครับ ถ้าคุณอยากเข้ามาก็เชิญครับ ครับผม ครับ งั้นก็แค่นี้ก่อนนะครับ ผมจะได้รีบรัปทานอาหารเช้าและรีบไปออกไปครับ งานรอผมอยู่ ผมทราบครับว่าผมไม่จำเป็นต้องออกไปแต่เช้าแต่ผมเป็นผู้อำนวยการครับ ผมต้องปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดีก่อนนะครับ” พี่ตุ๊พูดพร้อมกันสั่นหัวไปมาด้วยแสดงว่านางไม่ยอมวางสายแน่นอน
               //งั้นผมขอทานอาหารเช้าก่อนได้ไหมครับคุณน้ำตาล ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ บายครับ//พี่ตุ๊พูด ผมหันมามองพี่ตุ๊ พี่เขาก็ตักอาหารทาน ผมเองก็ไม่กล้าถามว่าคุณน้ำตาลเธอโทรมาหาพี่ตุ๊แต่เช้าทำไม
               “หลังสิบโมงเช้าพัฒน์มีสอนมั้ยวันนี้” พี่ตุ๊ถามผม
              “ไม่มีครับ ผมมีสอนอีกทีตอนสิบเอ็ดโมงสิบถึงเที่ยงครับพี่ตุ๊” ผมบอกพี่ตุ๊
              “ถ้าอย่างนั้นเข้าไปทานอาหารว่างเป็นเพื่อนพี่หน่อยซิ เอาคุกกี้ธัญพืชที่พัฒน์ทำและกาแฟไปให้พี่ที่ห้องทำงานด้วยน่ะ วันนี้เอกสารพี่เยอะเลย” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้า
                “วันนี้พี่ไม่เข้าไปห้องน้องๆ น่ะพัฒน์ พัฒน์เข้าแทนพี่ทีน่ะและอย่าลืมถามแอ้ว่าอุปกรณ์ที่เขาต้องใช้มีครบหรือยัง เด็กๆ เขาอยากจะมาเรียนกันแล้ว “พี่ตุ๊บอกผม
                 “ครับพี่ตุ๊ ผมจะถามแอ้เขาให้นะครับ” ผมบอกพี่ตุ๊
                 “วันนี้ตอนบ่ายอย่าลืมนะครับพี่ตุ๊ วันนี้น้องๆ ของเรา ขึ้นเวทีร้องเพลงกันนะครับและบอยแจ็คหลุยส์ธรรณ์เขาลงสมัครประธานนักเรียนด้วย” ผมบอกพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้า
                 “พี่ถึงได้บอกคุณน้ำตาลว่าพี่ยุ่ง นางจะชวนพี่ไปนั้นไปนี่ ไร้สาระจริงๆ” พี่ตุ๊พูด ผมเหลือบมองพี่ตุ๊ แต่แอบยิ้มดีใจ ผมนั่งทาอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย ผมก็นำภาชนะใส่ในเครื่องล้างจาน ก่อนจะเดินไปหยิบเอาวิตามินให้พี่ตุ๊ทานทันทีหลังอาหาร ผมต้องคอยจัดหาไว้ให้พี่ตุ๊เช่นกันแต่ว่าอันนี้เต้ น้องชายคนที่เรียนเภสัชกรเขาจะแนะนำผมมาอีกที ผมก็ดีใจที่ได้ทำหน้าที่ดูแลคนที่ผมแอบรัก
                  “อาหารเสริมครับพี่ตุ๊” ผมนำถ้วยวิตามินที่พี่ตุ๊ควรจะทานเสริมมาวางไว้ให้พี่ตุ๊ พี่เขามองผมก่อนส่งยิ้มให้ผมและเทวิตามินทั้งหมดใส่อุ้งมือก่อนจะทานทั้งหมด
                  “เราไปโรงเรียนกันได้แล้วมั้งครับพี่ตุ๊” ผมบอกพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้ากับผม
                 ตึ้ง!! ข้อความเข้ามือถือพี่ตุ๊อีกครั้ง
                 “ไปครับพัฒน์ วันนี่ยุ่งทั้งวันเลย เพราะว่ามีคนที่จะมาปรับปรุงสระว่ายน้ำให้เรา เราจะเปิดเป็นสระว่ายน้ำสำหรับคนนอกเดือนหน้า มีการสอนว่ายน้ำเด็กๆ ฟรีด้วย ตอนนี้พี่กำลังติดต่อครูว่ายน้ำที่สะดวกจะมารับสอนเด็กๆ ที่นี่ให้พี่อยู่” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย ผมอยากให้เด็กๆ ว่ายน้ำเป็นกันทุกคน ส่วนตัวผมน่ะที่ว่ายน้ำเป็นก็พี่ตุ๊นี่แหละที่เป็นคนสอนผมให้ผมว่ายน้ำเป็น พี่ตุ๊ก็ยังสอนผมขับรถเพื่อจะได้เดินทางไปไหนมาไหนได้

*****

                    Part’ s พี่ตุ๊ ผมขับรถพาพัฒน์มาที่โรงเรียนด้วยกันเช้าวันนี้เพราะว่าพัฒน์ไม่ได้ยืนเวรตอนเช้า ระหว่างที่ผมขับรถออกมา ผมก็หันไปมองพัฒน์เป็นระยะๆ รอยยิ้มที่ดูเรียบๆ แต่ว่ามันแฝงบางสิ่งเอาไว้ พัฒน์ไม่ใช่พูดทุกอย่างแต่ให้ผมเดาทุกอย่างมันก็คงเป็นไปไม่ได้ บางสิ่งมันก็ทำให้ผมเดาไม่ออกจริงๆ
              “พัฒน์… โอเคหรือเปล่าที่จะไปงานทำบุญวันเกิดให้กับขวัญน่ะ?” ผมถามพัฒน์ พัฒน์หันมามองหน้าผม
              “ถ้าพัฒน์อึดอัดหรือไม่สบายใจ บอกพี่ได้น่ะ “ผมพูด พัฒน์ก็ยังนิ่งอยู่ เหมือนกำลังใช้ความคิด
              “พัฒน์?” ผมเรียกพัฒน์ขณะที่นำรถเข้ามาจอด พัฒน์หันมามองหน้าผม
             “ผมโอเคนะครับเพราะว่าขวัญก็เป็นเพื่อนผมแต่…” พัฒน์พูด
              “แม่ของขวัญเขาไม่มองแบบนั้น เขาคิดเสมอว่าผมคือต้นเหคุอ่ะพี่ตุ๊” พัฒน์พูด ผมมองหน้าพัฒน์
              “พี่ว่ารอบนี้พี่จะคุยกับแม่ของขวัญเองน่ะและพี่ก็คิดว่า พี่กับครอบครัวขวัญคงจะไม่ติดต่อกันอีกทั้งที่พี่ยังมีบางสิ่งที่อยากรู้” ผมพูด พัฒน์หันมามองหน้าผมทันที
              “พี่อยากรู้เรื่องอะไรเหรอครับ?” พัฒน์ถามผม
               “เขาพูดเหมือนกับว่าเขามีบางสิ่งที่บอกว่ามีคนไปหาขวัญวันนั้นและมันคือสาเหตุที่ทำให้ขวัญเสียชีวิต พี่อยากรู้ว่าแต่…มันก็ไม่ชัดเจนสักที” ผมพูด พัฒน์มองหน้าผมตกใจพอสมควร
                “เขาพูดว่ามีคนนัดขวัญออกไปและคนนั้นคือคนในบ้านของพี่เอง…พี่เลยอยากรู้ว่าใครและเขาเองก็บอกว่ามีบางสิ่งที่เป็นของสำคัญ เขาได้จากมือขวัญ ตอนเขาไปรับศพขวัญ” ผมพูด พัฒน์มองหน้าผม พัฒน์กลืนน้ำลายลงคอ
                 Rrrrr จู่ๆ โทรศัพท์มือถือพัฒน์ก็ดังขึ้น พัฒน์รีบกดรับสายทันที
                  (สวัสดีครับครู ว่ายังไงนะครับ มีเด็กโดนตะปูตำเท้าเหรอครับ ได้ครับ ผมมาถึงแล้วครับ ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบขึ้นไปเดี๋ยวนี้ครับ) ผมหันไปมองพัฒน์ แสดงว่างานเข้าใช่ไหม
               “พัฒน์มีเรื่องเหรอ?” ผมถามพัฒน์
              “ครับพี่ตุ๊ ผมต้องรีบไปครับ ครูที่ห้องพยาบาลบอกว่ามีเด็กโดนตะปูตำเท้านะครับ ผมอาจจะต้องพาเขาไปโรงพยาบาลด้วยครับ พี่ตุ๊” พัฒน์พูด
              “ผมจะรีบไปและรีบกลับครับ” พัฒน์พูดก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที
                    ผมก็ก้าวเท้าลงจากรถลงมา ผมมองพัฒน์ที่เดินจ้ำอ้าวเพื่อไปดูเด็กที่โดนตะปูตำเท้า พัฒน์เป็นห่วงเด็กขนาดนี้ พัฒน์น่ะเกิดมาเพื่อเป็นครูตัวอย่างที่ดีให้โรงเรียนของพ่อผมจริงๆ ผมว่าพัฒน์น่าจะดูแลโรงเรียนของพ่อผมได้ดีไม่แพ้พวกผมแน่นอน
                    Rrrr โทรศัพท์ผมดังขึ้นพอดี ผมหยิบขึ้นมาดูก่อน ช่วงนี้ต้องดูเบอร์ก่อนเลย ถ้าเป็นคุณน้ำตาล ผมก็จะไม่ค่อยรับแต่นางก็ตื้อเหลือเกินโทรจิกๆ จนผมต้องรับสายเธอ แต่โชคดีที่เบอร์นี้ไม่ใช่
             (สวัสดีครับ ผมตุ๊ครับ)
              (สวัสดีครับครูตุ๊ ผมนิวัฒน์ครับจากบริษัทXXXX) เขาคือบริษัทที่รับสร้างและดูแลสระว่ายน้ำให้ผมมาตั้งแต่พ่อผมเริ่มปลูกสร้างโรงแรม เราเกื้อหนุนกันมานานเป็นสิบๆ ปี ตอนนี้เขาก็ดูแลสระว่ายน้ำที่โรงเรียนให้ผมด้วย
              (สวัสดีครับคุณนิวัฒน์)
               (คุณตุ๊ครับ วันนี้ผมจะส่งทีมงานของผมจะลงไปที่พื้นทำความสะอาดสระว่ายน้ำให้ครับและวันนี้ลูกชายผม คนที่พึ่งจบใหม่จะไปทำการตรวจสอบน้ำในสระว่ายน้ำด้วยครับ พนักงานผมแจ้งว่าคุณตุ๊ต้องการใช้สระว่ายน้ำสำหรับเด็กๆ เร็วๆ นี้ด้วยนะครับ)
               (ใช่ครับ ผมจึงต้องการแน่ใจว่าสระว่ายน้ำของผมสะอาดและปลอดภัยครับ ที่ผ่านมาเราแทบจะไม่ค่อยได้เปิดใช้ครับ)
                (ไม่มีปัญหาครับคุณตุ๊ ทางผมจะดูแลอย่างดีครับ)
               (ขอบคุณครับ)
                (ผมจะให้ลูกชายผมไปติดต่อเจ้าหน้าที่เหมือนทุกครั้งนะครับ ขอบคุณครับคุณตุ๊)
                 ผมกดวางสาย ตอนเช้านี้ผมว่าจะเซนต์เอกสารให้เรียบร้อยก่อนเพื่อจะได้ลงไปดูน้องๆ แสดงคอนเสิร์ตในวันนี้ ผมคิดว่าถ้าทีมงานของบริษัทมาถึงค่อยลงมาดูแล้วกัน ผมรีบเดินไปที่ห้องประชาสัมพันธ์เพื่อให้เข้าพาทีมที่มาทำความสะอาดสระน้ำไปส่งก่อน จังหวะที่ผมเดินขึ้นไป ผมก็รับเปิดประตูเข้าไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ทันที
                ตึ้ง!! เสียงข้อความถูกส่งเข้ามาในมือถือของผม ผมหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ของพัฒน์นั้นเอง
                (ผมจะพาเด็กนักเรียนไปโรงพยาบาลนะครับพี่ตุ๊) ผมรีบกดโทรหาพัฒน์ทันที
                (พัฒน์)
                (ครับพี่ตุ๊)
                (เด็กเป็นเยอะเหรอพัฒน์) ผมถามพัฒน์
                (ไม่เยอะหรอกครับแต่ผมคิดว่าเด็กควรจะได้รับยาฉีดบาดทะยักนะครับพี่ตุ๊)
                (ให้พี่ไปด้วยไหมพัฒน์) ผมถามพัฒน์
                (ไม่เป็นไรครับ ผมจะรีบไปรีบกลับครับและครูหน่อยจะเข้าสอนแทนผมครับ) พัฒน์บอกผม
                (งั้นก็รีบไปรีบมานะพัฒน์… พี่…)
                (ครับ?)
                 (พี่เป็นห่วงครับ) ผมพูด
                  (ครับผม) พัฒน์ตอบผม
                  จังหวะนั้นผมกำลังเดินผ่านห้องประชาสัมพันธ์และธุรการ ผมว่าจะบอกให้เจ้าหน้าที่เป็นคนพาคนที่มาทำความสะอาดสระน้ำให้หน่อย ผมจะได้เคลียร์งานให้เสร็จและรีบลงไปดูน้องๆ แสดง จังหวะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไป แต่ว่ามีคนเปิดออกมาซะก่อน คนนั้นคือครูปิ่น เธอตกใจพอสมควรที่เห็นว่าเป็นผม
                “อุ้ย! คุณตุ๊ สวัสดีค่ะคุณตุ๊” ครูปิ่น
               “สวัสดีครับครู” ผมทักทายคุณครูตอบ ผมสังเกตเห็นครูปิ่นมองหันหลังกลับไปก่อนจะปิดประตูลง
              “ครูมาติดต่อธุระกับเจ้าหน้าที่ธุรการเหรอครับ” ผมถามครูปิ่นทันที
              “ใช่ค่ะ ดิฉันว่าจะขอลากิจค่ะดิฉันต้องพาลูกสาวไปหาหมอนะคะ น้องมีนัดค่ะกับแพทย์เฉพาะทาง อยู่ไกลซะด้วยค่ะและต้องไปพรุ่งนี้แล้วแต่ว่าเอกสารดิฉันยังไม่ได้รับการตอบรับเลยค่ะว่าจะให้ดิฉันหยุดได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้คงต้องเลื่อนค่ะและหมอคนนี้ก็นัดยากมากค่ะ เลื่อนไปรอบนี้คงรออีกเดือนกว่าเลยค่ะ” ครูคนนี้พูด ผมนี่เห็นใจครูทุกคน
               “ถ้าอย่างนั้น ผมอนุมัติเลยครับครู เอกสารผมเซนต์ให้ทีหลังได้ครับ เรื่องนี้สำคัญ ไปได้เลยครับ “ผมพูด
                “ขอบคุณนะคะคุณตุ๊ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ “ครูปิ่นพูด
                “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ครูมีสอนห้องไหนครับ ให้ผมหาคนสอนแทนให้ด้วยไหมครับ “ผมพูดและถามครูคนนั้นกลับ
               “มีครูเข้าสอนแทนให้แล้วค่ะเหลือแต่อนุมัติเท่านั้นแหละค่ะ แต่ถ้าคุณตุ๊อนุมัติให้ดิฉันแบบนี้ ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ” ครูปิ่นขอบคุณผมทันที ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองคนในห้องผ่านกระจกเข้าไป เขาสองคนยังนั่งเมาส์กันกินของดองในห้องทำงาน ผมเคยบอกแล้วว่ะให้ไปนั่งทานให้เป็นระเบียบมีห้องสำหรับเบรกให้ก็ควรทานที่นั่น ผมสั่นหัวไปมาเล็กน้อย
               “คุณตุ๊ค่ะ สองคนนี้ ทำงานแบบแย่กว่าเช้าชามเย็นชามอีกนะคะ ครูหลายคนบ่นมาแล้วนะคะ เธอสองคนไม่รู้งานอะไรเลยค่ะและความรับผิดชอบไม่มีเลยค่ะ” ครูพูด
             “ไม่ว่าจะรับเรื่อง เบิกจ่ายอะไรก็ไม่ทำให้สักอย่างค่ะ บางทีครูหลายคนต้องควักเงินตัวเองจ่ายไปก่อนเพื่อให้งานดำเนินการไปได้แต่ว่ากว่าเงินจะมาถึง นานมากค่ะครูตุ๊” ครูพูดด้วยความอัดอั้นตันใจ ผมพยักหน้าเข้าใจ
                “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะจัดการให้แต่ว่าผมต้องการหลักฐานมากกว่านี้ครับ ผมเองเห็นความสำคัญของคนในองค์เป็นหลักครับ ไม่ได้เห็นแก่เด็กเส้น ถ้าเขาไม่ชอบงานนี้ผมจะให้เขาไปหางานอื่นที่เขาถนัดกว่า” ผมพูดยิ้มๆ
                “ดูแล้วไม่มีงานไหนให้นางทำหรอกค่ะ” ครูปิ่นพูด
               “ดิฉันเชื่อว่าคนอยากทำงานและทำได้ดีกว่า ยังมีอีกหลายคนค่ะ “ครูพูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ
               “ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวไปสอนเด็กก่อนนะคะ “ผมก็พยักหน้าและครูปิ่นก็เดินไปเพื่อกลับไปสอนนักเรียน
                   ส่วนผมนี้ยืนสูดลมหายใจเข้าปอด จะได้ไม่ระเบิดใส่ ผมเองไม่อยากให้ภาพพจน์ผมเสียเพราะสองคนนี้ ถ้าผมเชิญออกตอนนี้ หลักฐานไม่เพียงพอและมันอาจจะทำให้เสี่ยวันชัยและลูกสาวเสียหน้า แต่ถ้าผมมีหลักฐานมากพอเขาก็อ้าปากเถียงผมไม่ได้เช่นกันว่าทำไมผมให้คนของเขาทำงานต่อไม่ได้ ผมคิดว่าเธอสองคนกำลังยักยอกเงินที่ทำเบิกกิจกรรมต่างๆ เพราะว่าเอกสารก็ส่งเบิกปกติแต่เงินกลับไปถึงช้าและเงินเดือนเล็กน้อย กลับมีของแบรนด์เนมใช้ น่าแปลกมาก ผมเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ
                (นี่แก่…เขาลากลูกชายคนที่ตัวเองเรียกว่าพ่อบุญธรรมไปนอนนอนบ้านพักเดียวกัน แน่นอนเขาต้องอ่อย มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่ให้ท่าและยิ่งคุณท่านไม่อยู่ด้วย คงให้ท่าเต็มร้อยเลย)
                (แหม! อาจจะเป็นแค่ของเล่นก็ได้น่ะ ถ้าจริงๆ คงเปิดตัวไปแล้ว เพราะว่าใครก็รู้คุณเขายังโสด ฉันยังอยากได้เลยแต่ติด คุณน้ำตาลนี่แหละ)
                (แกปากดีเหมือนเขาไหมล่ะ คนนั้นน่ะ)
                (แต่ฉันได้ยินจากคุณน้ำตาลบอกว่า นางกำลังจะหุบทุกอย่างอ่ะแก ได้หุ้นที่โรงแรมด้วยแต่ว่าคุณน้ำตาลกำลังหาแผนการหุบให้มากกว่านั้นอีก)
               (แล้วจะฮุบยังไงให้มากกว่าอะแก)
               (ถ้าคุณน้ำตาลได้คุณตุ๊ แน่อนคุณน้ำตาลได้มากกว่ายายครูพัฒน์แน่นอน คิกๆ) ผมถึงกลับสั่นหัวไปมา คิดว่าผมหัวอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ คิดว่าผมจะไม่เลือกบ้างหรือไง ถ้าได้อย่างคุณน้ำตาลมา ผมว่าไม่มีใครจะดีกว่า เธอไม่มีอะไรเลยจริงๆ
               ก๊อกๆ ผมเคาะกระจกเบาๆ
              “เห้ย! คุณตุ๊มา” สองสาวที่นั่งเมาส์กันอยู่สะดุ้งก่อนจะลุกขึ้นและเดินมาที่ตรงหน้าเคาน์เตอร์พอดี
              “คุณตุ๊มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงอ่อนเสียงหวานน่ารักเชียวแต่ว่าภาพที่เธอพูดจาใส่ร้ายคนอื่นมันกลบความสวยเธอหมดไปแล้วสำหรับผส
               “ครับแน่นอนผมมาติดต่อธุระครับ” ผมพูด
              “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่า จะทานอาหารให้ไปที่ห้องด้านหลังและคุณควรจะมีหนึ่งคนประจำที่หน้าเคาน์เตอร์ตรงนี้ ไม่ใช่นั่งหลบข้างในทั้งคู่แบบนั้นและเวลาใครมาติดต่อเขาก็มองหาคุณไม่เจอนะครับ” ผมพูดเธอสองคนยิ้มเจื่อนๆ ทันที ผมเหลือบมองเวลา ผมเองก็ไม่อยากเสียเวลากับเธอสองคนมากหนัก
             “ผมเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ ผมมีงานเยอะครับ “ผมพูด
            “ผมจะรบกวนคุณคนใดคนหนึ่งพาพนักงานที่จะมาทำความสะอาดสระน้ำไปให้ผมหน่อยครับ ทีมช่างเขาจะเข้ามาติดต่อและช่วยพาเขาไปที่สระว่ายน้ำด้านหลังทีนะครับ” ผมพูด
             “ได้ซิคะคุณตุ๊ “หนึ่งในนั้นตอบผม ผมพยักหน้า
            “อีกเรื่องหนึ่ง ผมจะมีเจ้าหน้าที่ธรการมาเรียนรู้งาน ผมอยากให้คุณเคลียร์ พื้นที่เพื่อจะได้ ให้เขาทำงานได้สะดวกนะครับ เขาชื่อคุณประภากร จะมาวันจันทร์นี้” ผมพูด
            “ได้ซิคะ เราสองคนยินดีม๊ากค่ะ ที่จะสอนงานให้เด็กใหม่” เธอพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าหันยิ้มๆ ผมเดาได้เลยคงโยนงานมากกว่าสอนงาน ผมก็ยิ้มตอบทันที แต่เสียใจคนที่ผมส่งมาเขามีประสบการณ์แน่นกว่าเธอสองคนเยอะ
              “รบกวนจัดการตามที่ผมขอไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ” ผมพูดพร้อมกับหันหลังเดินออก ก่อนจะเดินออกไปผมเหลือบไปเห็นเอกสารที่กองสุมในตะกร้านั้น น่าจะเป็นเอกสารที่มายื่นเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่ทราบ ผมแอบสั่นหัวไปมาอย่างเอือมระอา ผมคิดในใจนี้เด็กฝากจากเสี่ยวันชัย เด็กเขาไม่มีใครสักคนที่มาฝากงาน แทบจะไม่มีความสามารถอะไรเลย ไม่ว่าจะงานโรงแรมหรืองานธุรการที่โรงเรียน แน่ล่ะถ้าไม่ได้ฝากคงหางานยากแน่นอน ผมเหลือบมองเวลาที่ข้อมือ เวลานี้ นักเรียนเข้าห้องเรียนกันหมดแล้วดังนั้นผมเลือกที่จะเดินขึ้นไปพบปะน้องๆ และนักเรียนในห้องในฐานะครูประชันของพวกเขา ตอนแรกผมจะให้พัฒน์แต่ว่าพัฒน์พานักเรียนที่โดนตะปูตำเท้าไปโรงพยาบาล ผมเลยคิดว่าขึ้นไปทักทายน้องสักหน่อยจะดีกว่า

               ตึ้ง!!!เสียงข้อความเข้ามือถือผม ผมรีบหยิบขึ้นมาอ่านทันที

               (ตุ๊ อย่าลืมนะลูก มาทำบุญวันเกิดน้องขวัญที่บ้านแม่วันเสาร์นี้แม่ทำบุญเพลจ๊ะ แม่อยากเจอตุ๊น่ะ ช่วงนี้งานคงยุ่งมาก อย่างน้อยมาให้แม่เจอบ้างนะลูก) ผมก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาทันที สิ่งที่คาราคาซังผมมานานหลายปี กับครอบครัวนี้ หรือว่าผมควรจะจบมันสักทีเพื่อจะไปแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ไม่มีใครเห็นด้วยที่ผมจะไปเพราะมีสิ่งที่แคลงใจผมอยู่ ผมไม่อยากให้มันใช่สิ่งที่ผมคิด นั้นแปลว่าขวัญอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ผมก็หาสิ่งนั้นไม่เจอสักที

             TBC...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
             
  EP.10 พี่ตุ๊หึงครูพัฒน์

               Part’ s พัฒน์ ผมกลับมาจากการพาเด็กนักเรียนไปโรงพยาบาลเพราะว่าโดนตะปูตำเท้า ผมเลยต้องพาเขาไปเพื่อรับการฉีดวัคซีนบาดทะยักและทำแผลที่โรงพยาบาลและผมก็พาเด็กไปส่งบ้านเพื่อให้หยุดพัก ก่อนจะรีบกลับมาสอนหนังสือต่อ ผมนั่งคิดตลอดทาง ผมเองก็ไม่อยากไปเจอหน้าแม่ของขวัญแต่ขวัญคือเพื่อรักของผม
                   ตอนแรกๆ แม่ของขวัญก็เอ็นดูผมดี ยิ่งตอนที่ขวัญบอกกับแม่เขาว่า พี่ตุ๊กับเขาคบกัน แม่เขาก็เอ็นดูผมอยู่น่ะแต่มามีช่วงหลังๆ ที่เขารู้ความจริงๆ ว่าผมไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของพี่ตุ๊ เขาเริ่มระแวงผมแทนลูกชายเขาขึ้นทุกวันๆ จนกระทั่งขวัญเสียชีวิต นั้นยิ่งถาโถมมาที่ผม เขาคิดว่าผมคือมือที่สามของขวัญกับพี่ตุ๊ แน่ล่ะเขาวาดฝันเอาไว้ไกลมา ถึงขั้นการจัดงานแต่งงาน แน่ล่ะ พี่ตุ๊เป็นใคร ลูกชายคนโตของเจ้าของโรงแรมชื่อดังและโรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ ผมไม่อยากคิดเลยว่าจะไปเจอะบ้าง แต่ว่าพี่ตุ๊ชวนผมทั้งที่ผมก็ต้องไป
            (พัฒน์ สอนเสร็จแล้วลงไปเจอกันที่ห้องอาหารเลยนะครับพี่จะทำพิธีเปิดก่อนแล้วเราค่อยทานอาหารกัน วันนี้น้าแป้ดเขาทำอาหารกลางวันให้พี่และพัฒน์ทานครับ) พี่ตุ๊ส่งข้อความหาผม ผมอ่านก่อนจะเก็บมือถือลงไป ผมก็ทำการสอนต่อไม่นานก็หมดคาบ
            “นักเรียนทำความเคารพ”
             “ขอบคุณครับคุณครู”
             “เอาล่ะพากันไปที่โรงอาหารได้แล้วครับ เจอกันคาบหน้าพร้อมการบ้านนะครับ” ผมพูดก่อนจะเก็บหนังสือและเดินออกไป
                     ผมตั้งใจจะเอาทุกอย่างไปเก็บที่ห้องพักครูก่อน ผมเองก็นั่งอยู่ในห้องพักครูเหมือนครูคนอื่นๆ ทั้งที่พ่อเคยเสนอให้ผมดูห้องพักเป็นส่วนตัวแต่ไม่ต้องการเพราะว่ามันาอาจจะทำให้เขามองผมแย่ลงไปกว่าเดิมมากกว่า ขณะที่ผมเดินลงไปชั้นล่างเพื่อจะไปที่ห้องพักครูก่อน ผมสังเกตเห็นออกมาจากผู้ชายคนหนึ่ง เขาสวมกางเกงยีน เสื้อช๊อป ดูแล้วน่าจะเป็นสายช่างดูจากเสื้อช๊อปที่เขาสวมทับมา เขายืนหันลีหันขวางไม่รู้จะไปทางไหนดี
             “ขอโทษนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” ผมเดินตรงไปถามเขาทันที คนที่ถูกถามหันมามองผมด้วยอาการตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเกาหัวตัวเองเบาๆ
             “ครับ ผมคิดว่าผมหาทางไปไม่ถูกครับ “เขาพูด
             “มาพบใครหรือเปล่าครับ” ผมถามเขากลับ
             “เออ…มา..หาคนรู้ใจครับ” ผมถึงกลับถลึงตามองเล็กน้อย
             “ไม่ใช่ ผมล้อเล้นครับ ผมมาจากบริษัทนะครับ ผมมาทำความสะอาดสระว่ายน้ำครับแต่ว่าผมไปไม่ถูกครับ ผมเลยมาติดต่อเจ้าหน้าที่แต่ว่าเขายุ่งนะครับ เขาเลยให้ผมเดินไปตามป้ายเอง” ผมพยักหน้าเบาๆ เพราะว่พี่ตุ๊บอกผมเอาไว้แล้ว แต่ว่านี้ไม่น่ารักเลยน่ะที่เขาเดินไปตามป้ายเองแบบนี้ ผมสั่นหัวเบาๆ
              “เจ้าหน้าที่เขาบอกผมแล้วครับแต่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนะครับและเขาก็บอกว่าเขายุ่งมากตอนนี้ครับ ให้ผมไปถามทางคนอื่นแทนถ้าหาไม่เจอนะครับ” ผมถึงกับต้องพยักหน้าเบาๆ
             “เอาอย่างนี้น่ะครับ ผมจะพาไปเองนะครับ เดี๋ยวรอผมสักครู ผมเอาของไปเก็บก่อนครับ” ผมพูด
             “ยินดีครับ” เขาพูดผมหันมามอง ผมต่างหากที่ควรจะบอกเขาประโยคนี้ถ้าเขาขอบคุณผม
             “ยินดีที่จะรอครับ คุณครู” ผมพยักหน้าก่อนจะยิ้มเล็กน้อย หนุ่มตรงหน้าดูแล้วน่าจะพึ่งจบใหม่ด้วยซ้ำ
                    ผมรีบเดินเอาของเข้าไปเก็บ ตอนนี้ครูหลายคนคงลงไปที่โรงอาหารแล้ว พี่ตุ๊เช่นกันเพราะว่าเขาบอกให้ผมไปเจอเขาที่นั่นแต่นี้ผมคงไปสายหน่อย ผมเลือกที่จะไม่ส่งข้อความบอกเพราะว่าพี่ตุ๊จะต้องเดินตรงมาและโวยวายกับสองสาวนั้นแน่ๆ และเธอคงได้โทรหานายเธอให้มาที่โรงเรียนอีก ผมเองไม่อยากเจอหน้าเธออยู่ด้วย
              “ขอโทษนะครับที่ให้รอ ไปกันเลยนะครับ ผมพาไป” ผมเดินออกมาก็เจอ พนักงานที่มาทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ผมยิ้มอ่อนให้เขาพร้อมกับพาเขาเดินไป
               “ขอโทษนะครับ เป็นครูใช่ไหมครับ”
               “ใช่ครับ ผมเป็นครูที่นี้” ผมพูด
                “สอนวิชาอะไรครับ” เขาถามผม
                “ผมสอนวิชาภาษาไทยครับ” ผมพูด
                “ดีจังครับ ผมเองภาษาไม่แข็งแรงครับ อยากให้สอนให้บ้างจังครับ” ผมหันมามอง น่าจะจบแล้วน่ะ
                “สอนอะไรอีกละครับ ผมว่าคุณน่าจะเรียนจบแล้วมั้งครับ” ผมพูด
                “อยากเข้าใจภาษาให้มากกว่านี่นะครับ ภาษารักครับ” ผมสะบัดหน้าไปมอง ร้ายเหมือนกันน่ะเนี่ย ผมเดินลงมาถึงชั้นล่างพอดีเลย ผมหันไปมอง ผู้อำนวยการของผมเดินตรงดิ่งมาทางผมกับหนุ่มที่มาทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
                 “พัฒน์ ไปไหนมา “พี่ตุ๊ถามผมทันที หนุ่มช่างคนนี้ก็มองผมและมองพี่ตุ๊สลับกันไปมา พี่ตุ๊หันไปมองหนุ่มช่างคนนั้นเช่นกันเป็น เชิงถามว่าเขาคือใครด้วยสายตา
                 “พี่ตุ๊ครับ นี้คือคนที่มาจากบริษัทเพื่อมาทำความสะอาดสระว่ายน้ำนะครับ” ผมพูด
                  “คุณครับ นี้คือคุณตุ๊ครับ ผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ครับ” ผมพูด
                 “ชื่อพัฒน์เหรอครับ ผมว่าจะถามอยู่พอดีเลย ว่าแต่พัดลมหรือเปล่าครับ ถ้าใช้ผมจะได้เรียก คุณแฟนแทนดีกว่า” เขาพูดขึ้นทำให้พี่ตุ๊ถึงกับสะบัดหน้าไปมองเต็มๆ ตาเลยทีนี้ ผมนี้ก็อึ้งไปหลายวินาที แฟนภาษาอังกฤษแปลว่าพัดลม เข้าใจเล่นมุกนะ ผมคิดในใจแต่พอผมหันไปเจอพี่ตุ๊ ผมก็ต้องหันมาพยักพเยิดให้เขาไปหันคุยกับผู้อำนวยการนั้น ไม่ใช่ผม เล่นหยอดต่อหน้าผู้อำนวยการผมแบบนี้ด้วยอีก
                 “อ้อ…สวัสดีครับคุณผู้อำนวยการ” เรียกซะพี่ตุ๊ผมดูแก่ทันที เขายกมือไหว้พี่ตุ๊
                 “คุณคือ??” พี่ตุ๊ถามเขากลับทันที
                “ผมชื่อนิรุจน์ ผมเป็นลูกชายของคุณนิวัฒน์ครับ พ่อผมส่งมาครับ และผมก็พาลูกน้องผมมาทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ส่วนผมเองก็จะมาตรวจสอบคุณภาพน้ำด้วยครับ “ผมหันไปมองหน้าเขา เขาเป็นลูกเจ้าของเลยเหรอ พี่ตุ๊พยักหน้าเบาๆ
                “ลูกคุณนิวัฒน์ พึ่งจบมาใหม่ใช่ไหมครับ” พี่ตุ๊ถามเขากลับ
                “ครับ ผมจบวิศวะมากครับ” จบวิศวะมาด้วยเหรอ ผมหันไปยิ้มๆ ให้เขาก่อนจะหุบยิ้มเพราะพี่ตุ๊นี่แหละ
                “แล้วนี่ทำไมมาด้วยกันได้ละครับ” พี่ตุ๊ถามน้ำเสียงดูดุดันมาก
                 “ผมบังเอิญเจอคุณครูครับและคุณครูเขาว่าจะพาผมไปที่สระว่ายน้ำเองนะครับ” พี่ตุ๊หรี่ตามองผมทันที
                 “ผมขึ้นไปถามประชาสัมพันธ์ตามที่พ่อบอกผมเอาไว้แต่ว่าเขายุ่งนะครับ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าจะไปทางไหนอะไรยังไงนะครับ หาไม่เจอครับผม” หนุ่มช่างคนนี้พูด พี่ตุ๊หันมามองผม เวลาดุนี้ก็น่ากลัวใช่เล่นเลยพี่ตุ๊
                 “หลงทางเหรอ” พี่ตุ๊ถามยิ้มๆ ยิ้มแบบแปลกๆ
                 “หลงครับ แต่ตอนนี้ผมว่าผมกำลังหลงคุณครูครับ” ผมสะบัดหน้าไปมอง ไม่น่ะ อย่าจุดไฟให้ผม!!!
                “อืมมม!!!” พี่ตุ๊พยักหน้าแต่สีหน้านี้เดาได้เลยว่าไฟอะไรที่น้องคนนี้จุดให้
                “โรงเรียนผมกว้างนะครับผมยอมรับแต่ไม่ได้ซับซ้อนครับขนาดที่ว่าหาไม่เจอเพราะว่าโรงเรียนนะครับไม่ใช่เขาวงกตและผมก็มีป้ายบอกตลอด น่าจะช่วยคุณได้ดีทีเดียว"พี่ตุ๊พูดพร้อมกับชี้ป้ายว่าอธิบายไปทางไหนบ้าง นิรุจน์เขาเงยหน้ามองก่อนจะพยักหน้า
 " แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าไปไม่ถูก ผมจะให้…” พี่ตุ๊พูดก่อนจะมองไปรอบๆ
                “คุณครูคนนี้ไปส่งผมก็ได้ครับ ผมคุยกับครูค้างอยู่นะครับ อยากคุยต่อ” เขารีบชี้นิ้วมาที่ผมทันที ระบุให้เป็นผมไปส่งเขาด้วยว่าแต่เราคุยอะไรค้างไว้เหรอ ผมหันไปมองหน้าเขา
                “ไม่ได้ครับ!” พี่ตุ๊รีบพูดปฏิเสธทันที
                “ไม่ได้เพราะว่าผมมีพิธีเปิดชมรมของนักเรียนในห้องอาหารตอนนี้ ครูพัฒน์เขาเป็นผู้ช่วยผมโดยตรง เขาจำเป็นต้องอยู่ในพิธีครับ คุณ…” พี่ตุ๊พูด
                “นิรุจน์ครับ เรียกรุจน์เฉยๆ ก็ได้ครับ กันเองดีครับ” คุณนิรุจน์พูดยิ้มๆ แต่ดูสีหน้าพี่ตุ๊ไม่กันเองแน่นอน จังหวะนั้นสองสาวเดินลงมาพอดี เธอถึงกับออกอาการตรงใจที่เห็นพี่ตุ๊ ผมและคุณนิรุจน์ เธอคงตกใจคุณนิรุจน์มากกว่าและเธอคงจำเขาได้
                 “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมบอกให้คุณพาคนทีมที่จะมาล้างสระว่ายน้ำไม่ใช่เหรอครับ” พี่ตุ๊ถามเธอสองคนทันที
                 “ทำไมถึงปล่อยให้ครูพัฒน์เป็นคนพาไป อันนี้หน้าที่คุณนะครับ ไม่ใช่หน้าที่ครูพัฒน์ครับ คุณธุรการครับ” พี่ตุ๊พูด
                “เออ … คือ... “เธอทำท่าอึกอัก ก่อนจะหันมามงอหน้าผม
                “คุณตุ๊ค่ะ พอดีมีผู้ปกครองนะคะโทรมา สองสามคน หนูสองคนก็ยุ่งมาก เลยบบอกให้เขารอก่อนแต่ว่า…” เธอพูด
                “แต่ว่าอะไรครับ” พี่ตุ๊ถาม
               “เขาไม่รอค่ะและคงออกมาเองและก็คงเจอครูพัฒน์ ครูพัฒน์ก็อาสาเองนะคะ เหมือนทุกทีนะคะ” ผมหันไปมองหน้าเธอ
                “แต่ดิฉันก็ออกมาแล้วนะคะ พอออกมาก็เห็นเขายืนคุยกันกับครูพัฒน์ คุยกันแบบสนิทกันมาก หนูก็นึกว่ารู้จักกันมานานมากแล้วนะคะ “ผมหันไปมองเธออีกที ผมนี่น่ะรู้จักเขามาก่อน
                “ดิฉันเห็นแล้ว คิดว่าครูพัฒน์คงอยากเทคแคร์เองด้วยค่ะ หนุ่มๆ หลายคนที่มาติดต่อ ครูพัฒน์ก็อาสาดูแลทุกคนเลยค่ะแถมได้ยินมาว่า ดูแลได้ดีกว่าเราสองคนอีกนะคะ” ผมหันไปมองหน้าเธอเต็มๆ ผมนี่นะ
                “คุณครับ…ผมไม่เคยรู้จักครูพัฒน์มาก่อนครับ “คุณนิรุจน์พูด
                “แหมก็เล่นคุยกันหวานขนาดนั้นนี่ค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าคนพิเศษซะอีกนะคะ พูดง่ายๆ นึกว่าแฟนกันนะคะ “เธอพูดเกินจริงไปเยอะมาก พี่ตุ๊หันมามองหน้าผมแว๊ปหนึ่ง
               “แต่ถ้ารู้จักก่อนก็ดีซิครับ เสียดายน่าจะมาเร็วกว่านี้ จะได้…” แต่ดันมาหักมุมแบบนี้ เขาหันมามองหน้าผม
               “อะแฮม!” พี่ตุ๊ ทำให้คุณนิรุจน์สะดุ้งทันทีกับเสียงกระแอมของพี่ตุ๊
               “พอแล้วครับ ไหนๆ คุณก็ลงมาแล้ว พาเขาไปที่สระว่ายน้ำตอนนี้เลย” พี่ตุ๊พูด
               “อ้าวแล้ว…” เธอทำท่าจะพูดว่าผมอยากจะพาไปซิน่ะ
               “ผมคิดว่าครูจะพาผมไปซะอีกนะครับ แหมอยากปรึกษาหลายเรื่องเลยครับ” เขาหันมาพูดกับผม
               “ผมคิดว่า คุณควรจะไปที่สระว่ายน้ำนะครับ คนงานรออยู่ไม่ใช่เหรอครับ เขาคงอยากทำงานแย่แล้วและคุณเองก็จะได้ประเมินและแจ้งผมว่าต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง ผมรีบใช้สระว่ายน้ำครับ “พี่ตุ๊พูดก่อนจะดันผมออกให้ห่างจากคุณรุจน์อะไรนี่
                “ผมใช้เดือนนี้นะครับดังนั้นงานคุณควรจะเสร็จก่อน โอเคนะครับ เชิญครับ คุณนิรุจน์” พี่ตุ๊พูดก่อนจะดึงแขนผมเดินไปทันทีที่
                “ครูแฟนครับ ผมเลิกงานแล้วแวะมาหาที่ห้องพักได้ไหมครับ ผมมีเรื่องอยากถามครับ” ยังตะโกนตามหลังผมมาอีก
                “ไม่ต้อง งานเยอะ มีประชุมต่อ ไม่ต้องมา ขอบใจมาก ไปดูสระว่ายน้ำเสร็จแล้ว กลับได้เลย บาย!!!” พี่ตุ๊หันไปตอบแทนผม พร้อมกับลากแขนผมเดินไปกับเขาทันทีตรงไปที่โรงอาหาร รีบเดินจ้ำๆ ไม่พูดไม่จาอะไรอีก
                “พี่ตุ๊!!” ผมเรียกพี่ตุ๊
                “เดินคุยมากับหนุ่มด้วย ให้พี่นั่งรอนะครับคุณครู” พี่ตุ๊หันมาพูดกับผม
                “พี่ตุ๊ ผมพึ่งจะสอนหนังสือเสร็จครับ” ผมพูด
                 “แต่ออกมาเจอ ..” พี่ตุ๊พูด ผมหยุดมองพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ก็หยุดเช่นกัน
                “ผมบังเอิญออกมาเจอและก็เขาไปไม่ถูก ผมเลยว่าจะ...พาไป” ผมพูด
                “พาไปเองด้วย “พี่ตุ๊หันมาพูด
                “ก็สองสาวนั้นเขาไม่พาไปและที่เขาพูดมา เขาก็โกหกแต่งเรื่องทั้งนั้นด้วย” ผมพูด
                “ว่าผมอาสาเอง ผมไม่ได้อาสาเพราะว่าผมอยากแทคแคร์อย่างที่สองสาวนั้นพูด แต่ผมทำในสิ่งที่เขาขี้เกียจทำต่างหาก” ผมพูด
                 “พี่รู้แล้วแหละว่าเขาโกหก” พี่ตุ๊พูด
                “ถ้ารู้แล้วว่าเขาโกหก แล้วพี่จะมาโกรธผมทำไมเนี่ย” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าพี่ตุ๊
                “ก็…” พี่ตุ๊หันมาพูด
               “ก็อะไรละครับ คุณผู้อำนวยการ” ผมหันมาถาม
               “เรียกเต็มเลยนะ คุณผู้ช่วยผู้อำนวยการ” พี่ตุ๊พูด
               “คุณตุ๊ค่ะ กำลังมองหาพอดีเลย พี่จะเชิญครูตุ๊ขึ้นพูดเปิดการพูดหาเสียงของการชิ่งตำแหน่งประธานโรงเรียนพอดีเลยค่ะ ตอนนี้เลยค่ะคุณตุ๊” ครูเดินออกมาเพื่อตามหาพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าก่อนจะดึงแขนผมและเดินเข้าไปด้านในและพาผมเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ตุ๊ซะด้วย ถ้าไม่ลากผมเข้าไปนี้ผมคงเลือกนั่งที่อื่นแทน ที่อย่างนี้มาทำเป็นห่วงผมน่ะ พี่ตุ๊บ้า! แต่ทำไมผมแอบยิ้มน่ะ
                TBC ...

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.11.ครูคนใหม่ที่น่าสงสัย 1
               
                    Part’ s ครูตุ๊ หลังจากที่คุณผู้ช่วยผู้อำนวยการของผม ถูกหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ หนุ่มรุ่นน้องซะด้วยพึ่งจบใหม่ มาแจกขนมจีบ ทำเอาผู้อำนวยการอย่างผมหึงขึ้นมาทันที ผมน่ะรู้จักพัฒน์ดีและที่ผมหึงไม่ใช่เพราะสองสาวนั้นพูดใส่ไฟพัฒน์แต่ผมหึงเพราะว่าไอ้หนุ่มคนนี้มันแสดงอาการที่บอกได้ชัดเจนว่ากำลังจะจีบพัฒน์ของผมอย่างออกนอกหน้า มันน่าจริงๆ
           “คุณตุ๊ค่ะ น้องชายคนเล็กคุณตุ๊นี้เสียงดีมากเลยนะคะ ไม่ทราบว่าจะได้เป็นนักร้องหรือเปล่าคะ” ผมสะดุ้งตอนที่ครูหันมาถามผม วันนี้น้องชายคนเล็กของบ้านตอเต่า ได้แสดงบนเวที โดยการจับไมโครโฟนเป็นนักร้องนำและเขาก็ได้ตั้งชมรมดนตรีขึ้นด้วย ผมหันมามองครูคนที่เอ่ยปากชมน้องชายคนเล็กของผมก่อนจะยิ้มๆ
           “เป็นดาราด้วยใช่ไหมคะ” ครูอีกคนถามผม
           “ใช่ครับ” ผมตอบก่อนจะหันไปมองพัฒน์ ที่กำลังคุยกับครูท่านอื่นๆ จะว่าไปพัฒน์ก็มีคนรักเขาอยู่ไม่น้อยน่ะ ยิ่งนักเรียนก็หลายคนมากที่รักและเคารพพัฒน์ ผมว่ามีแค่บางส่วนเท่านั้นที่แสดงอาการหมั่นไส้พัฒน์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคนของคุณน้ำตาลลูกสาวเสียวันชัย
            “ดูแล้วไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ตัวจริงกับตอนอยู่ในวงการบันเทิงนี่แตกต่างกันมากนะคะ” ครูนิดา คนที่นั่งข้างๆ ผมพูดกับผม ครูเขาเป็นครูแนะแนว ผมฟังจากที่ครูพูด ว่าครูเขาค่อนข้างเข้าใจวัยรุ่นดีทีเดียว
            “ตอนที่เขาอยู่ในวงการบันเทิงเขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่มันก็ทำให้เขาพลาดความสดใสวัยเด็กตามวัยของเขาไป แต่ว่าตอนนี้เขาดูสมวัยตามวัยของเขานะคะ คุณตุ๊ว่าไหมคะ” ครูนิดาพูด ผมพยักหน้าว่าใช่
           “แต่ดูแล้วในวงการบันเทิง คุณติ๊กนี้ค่อนข้างจะวีนเก่งมากค่ะแต่ในโรงเรียนเธอดูเป็นคนล่ะคนกันเลยทีเดียวค่ะ” ครูนิดาพูด ผมพยักหน้าอีกทียอมรับเลย ว่าน้องชายผมเบาลงมากในเรื่องขี้วีนเหวี่ยงใครต่อใคร คงเป็นเพราะว่าเพื่อนๆ ช่วยเตือนสติ โดยเฉพาะแอ้นี่แหละ

              ติ้ง!!!จู่ๆ มือถือผมก็ดังขึ้นเนื่องจากมีข้อความเข้า ผมหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจากเบอร์ครูคนใหม่ ผมจำได้ดี

              // สวัสดีค่ะครูตุ๊ นี่ครูวินนี่นะคะ ดิฉันเดินทางมาตามจีพีเอสที่เจ้าหน้าที่ได้ส่งให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ดูฉันจะขอเข้าไปพบคุณตุ๊ก่อนเลยนะคะ อยากเห็นโรงเรียนของคุณตุ๊ค่ะ เลยขอมาก่อนค่ะ ตอนนี้ก็น่าจะใกล้ถึงแล้วค่ะ สักประมาณ หนึ่งชั่วโมงค่ะ//ครูคนใหม่ ผมอ่านขอ้ความแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ ครูวินคนนี้เขาใช่ค่ะกับผมตลอดเลย
             // ดิฉันขอทราบรายละเอียดเบื้องต้นก่อนด้วยนะคะ//ชัดเจนเลยว่าครูเขาอ่อนโยนเยี่ยงสตรีแน่นอน อ่านข้อความนี้แสดงว่าต้องอ่อนหวานแน่นอน พูดจาไพรเราะ ตัวเล็กแน่นอน
             // ได้ครับ ผมจะเตรียมเอาไว้ให้ครับ// ผมส่งข้อความตอบไป จังหวะนั้นน้องๆ ยังคงร้องเพลงกันสนุกสนาน ดูนักเรียนทุกคนก็สนุกสนานไปด้วย ผมเห็นแบบนี้คงต้องจัดให้นักเรียนบ่อยๆ หน่อยแต่จังหวะนั้นผมเห็นไอ้คนที่ชื่อนิรุจน์อะไรนี้เดินมาชะเง้อคอมองหาพัฒน์แน่นอนนี่มันหาเรื่องมาหาพัฒน์แน่นอน
            //พัฒน์! ขึ้นห้องไปช่วยพี่หาเอกสารที่จะให้ครูคนใหม่ดูกับพี่หน่อยนะครับ” ผมพูดพร้อมกับดึงแขนพัฒน์ให้ลุกขึ้น พัฒน์หันมามองหน้าผมแบบไม่เข้าใจมากหนัก
             “เร็วพัฒน์ พี่รีบครับ” ผมพูดพร้อมกับดึงแขนพัฒน์ไปกับผมทันที
             “คุณสองคน รับเรื่องกับผู้รับเหมาให้ผมด้วยนะครับ ผมย้ำว่าดูให้ละเอียดด้วยนะครับ เข้าใจนะครับ อันนี้หน้าที่คุณสองคน “ผมพูดพร้อมกับดึงแขนพัฒน์ เดินออกไปอีกทางทันที พัฒน์หันมามองหน้าผมพร้อมกับสีหน้าไม่เข้าใจแต่ผมก็พาพัฒน์ออกไปด้านนอกจนได้
            “พี่ตุ๊อะไรจะรีบขนาดนี้เนี๊ยะ!” พัฒน์ถามผมทันที
            “รีบซิก็ไอ้เวร….” ผมหันมาพูด พัฒน์ถึงกับขมวดคิ้วมองหน้าผม
            “ไม่ซิ พอดี ครูคนใหม่ซิ ขอรายละเอียดก่อนพี่เลยต้องรีบออกมาไง” ผมพูดเหมือนแก้ตัวแต่จริงๆ ก็ใช้ครับ พัฒน์มองหน้าผมก่อนจะหันไปมองด้านหลัง ไอ้คนที่ชื่อนิรุจน์อะไรกำลังยืนชี้โบ้ชี้เบ้คุยกับเจ้าหน้าที่ธุรการอยู่พอดี
            “ครูคนใหม่แน่นะครับ ที่ทำให้พี่รีบขนาดนี้” พัฒน์ถามผม ผมหันมายิ้มกริ่มให้ครูพัฒน์
            “แน่ครับ” ผมพูดก่อนจะมองไอ้คนนั้นเดินตามธุรการสอบคนไปแบบเสียมิได้แต่ก็ยังมองหา ผมเดาว่ามองหาพัฒน์แน่นอน
            “ไปครับพี่รีบ ถ้าเขามาแล้วพี่ไม่พร้อมเสียหน้าแย่เลย” ผมพูดก่อนจะดึงแขนพัฒน์ไป
            “พี่รอที่ห้องทำงานนะครับ” ผมบอกพัฒน์ พัฒน์พยักหน้าก่อนจะเดินแยกตัวออกไป ผมก็ตรงไปที่ห้องทำงาน ผมตรงไปเปิดดูไฟล์ที่ผมเก็บเอาไว้ เกี่ยวกับใบสมัครงานครูคนใหม่ ผมเปิดดูมาก่อนแล้ว โรงเรียนที่น้องเขาเรียนตอนประถมโรงเรียนเดียวกับขวัญเลยน่ะ แต่คงไม่รู้จักกันหรอกผมว่าน่ะ
             ตื้ด!! จู่ๆ เสียงมีคนมาขอพบผมกดกริ่งที่หน้าห้องทำงานของผม จะว่าไปพัฒน์น่ะไม่ต้องกดเปิดเข้ามาได้เลย ผมก็เลยต้องเปิดกล้องดู ปรากฏว่าเป็นน้องชายของผมเอง ติ๊ก ผมถึงกลับขมวดคิ้วเป็นปมทันทีก่อนจะเดินไปที่
             “ติ๊ก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พี่ยุ่งอยู่” ผมถามน้องชายของผม ดูสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่าไม่สบอารมณ์กับอะไรมาแน่นอน ติ๊กก็เงยหน้ามองหน้ผม
              “ว่าไงเรา?” ผมถามติ๊ก
             “พี่ตุ๊ เพื่อนไอ้เดี่ยว ไอ้ดิวและแอ้อ่ะ คนเดิม คนที่ชื่อปูอ่ะ” ติ๊กพูด ผมเปลี่ยนมาเป็นยืนกอดอกมองน้องชายผม ที่หันไปมองทางอื่นแทนไม่ยอมมองหน้าผม
             “มีเรื่องอะไรอีกล่ะ” ผมถามติ๊ก
             “มีคนบอกไอ้เดี่ยวว่า ปูเขาหายตัวไปอ่ะพี่ตุ๊ อาจจะมีคนพากไปขาย พวกไอ้เดี่ยว ไอ้ดิว แอ้และไอ้ต้นข้าวมันก็เลยจะออกไปดู ดังนั้นพี่คงต้องลงไปบอกรปภ แล้วแหละว่าให้มันออกไปได้” ติ๊กพูด
              “จริงเหรอ” ผมถามติ๊ก
             “ไอ้ป๊อดลูกคนขายอาหารบอกเดี่ยวมา “ผมพูด
            “แล้วทำไมเขาไม่แจ้งความล่ะ” ผมถามติ๊ก
            “พวกมันรีบไป มันกลัวปูเป็นอะไรไปก่อนนะพี่ตุ๊และมันคงไม่อยากให้ปูเสียมากไปกว่านี้” ติ๊กหันมาบอกผม ผมได้ยินเด็กๆในโรงเรียนนี้พูดถึงปูกันเหมือนกัน ผมเองก็ไม่อยากเชื่อที่ได้ยินมาว่า เด็กคนนี้ เคยขายตัวเพื่อแลกเงิน ผมเข้าในนะว่าต้นทุนคนเราไม่เท่ากันแต่ถ้าใช่ ผมก็ต้องคุยกับเขาเพื่อหาทางเลือกที่ดีกว่านั้นให้เขา เพราะว่าเด็กคนนี้เรียนดี
            “พี่ตุ๊ “ติ๊กเรียกผม ผมพยักหน้าว่าผมจะไปจัดการเอง
            “งั้นพี่ลงไปดูเอง” ผมพูด
            “พี่ตุ๊ มีอะไรให้ทำบ้างไหมอ่ะ ไม่อยากเข้าเรียน เบื่อ!!” ติ๊กพูด
           “งั้นก็เข้าไปทำงานเอกสารหรือไม่ก็หาอะไรทำ เกี่ยวกับที่เราเรียนอยู่ก็ได้น่ะ” ผมบอกติ๊ก จังหวะนั้น ก็มีข้อความเข้ามือถือผมพอดีเลย
            // คุณตุ๊ค่ะ ดิฉันมาถึงแล้วค่ะ จะให้ดิฉันขึ้นไปหาที่ห้องทำงานเลยไหมคะ //
            //สักครูครับเดี่ยวผมลงไปที่ห้องธุรการครับ// ผมส่งข้อความตอบไป
            “ติ๊ก พอดีพี่มีครูคนใหม่ เขามาหาพี่ พี่จะลงไปพบเขาเลย ถ้าพี่พัฒน์มาบอกว่าลงไปหาพี่ที่ห้องธุรการเลยนะ” ผมบอกติ๊ก เขาก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ห้องทำงานผม ผมได้ยินเสียงปรับแอร์ทันที ผมเปิดมันก็เย็นอยู่แล้วน่ะ นี่ปรับลงอีก ผมแอบสั่นหัวเบาๆ แต่ว่าตอนนี้ผมรีบ


                     ผมเลยรีบเดินไปที่ประตูป้อมยามทันที ช่วงนี้ผมเข้มงวดกับการเข้าออกโรงเรียนเป็นพิเศษ คนของผมรายงานมาว่ามีคนของเสี่ยวันชัยมาขับรถวนไปวนมา ผมเดาได้ว่า คนของเสี่ยกำลังจะเป็นพวกส่งยา ผมไม่อยากให้เด็กๆ ในโรงเรียนนี้เป็นทาสยาเสพติด เลยต้องหาทางป้องกันเพื่อพวกเขาจะได้ไม่เสียอนาคตไปเพราะผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว หากินกับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กๆ ในโรงเรียนของผมเองแบบนี้
              “พวกคุณอีกแล้ว ยังไม่เลิกเรียนเลยครับ จะไปไหนกันอีกครับ” ผมเดินมาถึงได้ยินเสียง รปภ กำลังคุย น่าจะเป็นสามคนที่ติ๊กบอผม เดี่ยว ดิวและแอ้ ผมเองก็อยากถามติ๊กตรงๆ เหมือนกันว่ายังไงกันแน่ ผมได้ยินเด็กนักเรียนคุยกันประมาณว่า รักรักสามเส้าระหว่างติ๊ก เดี่ยวและปู แต่ที่ผมฟังดู มีแต่คนบอกว่าติ๊กไปแย้งเดี่ยวมาจากปู ผมเองไม่เชื่อและไม่อยากให้ติ๊กถูกมองไม่ดีแบบนั้น ผมคิดว่าต้องคุยกับเดี่ยวก่อน ว่าเขาเอายังไง
             “เปิดให้เขาเถอะครับ” ผมพูดทำให้ทั้งหมดหันกลับมามองผม รปภ ก็ทำความเคารพผมเหมือนทุกครั้ง ผมก็พยักหน้าว่าที่เหลือให้ผมจัดการเอง ผมมองทั้งหมดสี่คนตอนนี้ เขาหันมายกมือไหว้ผมพร้อมกันหมด ผมมองหน้าคนที่ยืนตรงหน้าผม นั้นคือเดี่ยว
             “เออ พี่ตุ๊ พวกผมจะไป…” ดิวทำท่าจะอธิบาย ผมยกมือว่าไม่ต้องอธิบายแล้ว
             “ติ๊กบอกพี่แล้ว ว่าให้พี่ลงมาเพราะว่าถ้าไม่มีคำสั่งพี่เขาก็จะไม่เปิดประตูให้เราออกไปได้” ผมพูด ทุกคนทำสีหน้าแปลกใจ โดยเฉพาะดิวและแอ้ แน่ล่ะ น้องผมดูแรงแต่ก็ไม่ใช่คนไม่เห็นใจใครน่ะ
             “ที่ผมอยากไปเองเพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่ามันร้ายแรงขนาดไหนและที่สำคัญคือถ้าไม่ร้ายแรงมากและให้พี่ไปเอง มันอาจจะเป็นผลเสียกับตัวพี่ครับ” เดี่ยวพูด มันน่าแปลกทำไมรู้สึกว่าเด็กคนนี้ความคิดโตเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ผมแอบยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าว่าผมเข้าใจ
             “ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวกันด้วยน่ะ มีอะไรที่เกินความสามารถของเรา ให้รีบโทรหาพี่นะดิว เข้าใจไหม อย่าเข้าไปโดยพลการถ้าไม่ปลอดภัย เป็นอันขาด “ผมพูดเชิงออกคำสั่ง
 
                     ผมเชื่อว่าดิวและเดี่ยวนี่เอาตัวรอดได้ดีและแอ้อีกคนแต่อีกคนดูเด็กไปแต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนชำนาญในพื้นที่ ผมพอจะรู้จักเด็กคนนี้จากติ๊กว่าเขามาเพื่อต้องการตามหาความจริงของพี่ชายเขาที่ถูกพักการเรียนไปและพี่ชายเด็กคนนี้ทำให้โรงเรียนผม ถูกจับตามองเช่นกันเพราะตอนนั้นมันค่อนข้างน่าตกใจที่เด็กนักเรียน ออกไปตั้งแก้งและมีอาวุธปืนในครอบครองแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะว่าเด็กคนนี้ไม่ปฏิเสธอะไรเลยแต่เขาก็หมดอนาคตทั้งที่เขากำลังจะไปได้ไกล ผมรู้ว่าเขาสอบติดวิศวะมหาวิทยาลัยดังซะด้วย ช่างน่าเสียดายแทนพ่อแม่ของเขาแต่ว่าพอเด็กคนนี้กลับเข้ามาอีกมันทำให้ผมอยากจะตามเรื่องนี้ขึ้นมาแต่คงต้องรอให้ผมเคลียร์เรื่องเสี่ยวันชัยไปซะก่อน ผมว่าเสี่ยวันชัยนี่แหละคือต้นเหตุของปัญหาในตอนนี้
              Rrrr เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาเป็นเบอร์โทรจากห้องธุรการ ผมกดรับสายทันที
              (สวัสดีค่ะ คุณตุ๊ คุณตุ๊ค่ะ มีคุณครูคนใหม่มารขอพบคุณตุ๊ค่ะ)
              (ครูวินนี่ใช่ไหมครับ) ผมถามคนปลายสายทันที
              (ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้เขาขึ้นไปที่ห้องทำงานผู้อำนวยการเลยไหมคะ)
              (ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ด้านล่างแล้ว ผมจะไปหาเขาที่ห้องธุรการเลย “ผมพูด
              (รบกวนเตรียมน้ำเอาไว้รับรองแขกของผมด้วยครับ ขอบคุณครับ) ผมพูด พร้อมกับวางสาย ผมเดินตรงไปยังห้องธุรการทันที
               // พัฒน์ ครูคนใหม่มาแล้ว เอาเอกสารลงมาหาพี่เลยนะครับ // ผมพูดและจังหวะนั้น ผมหันไปเห็น รถของเสียวันชัยพอดีเลย เขามาติดต่อ ผมจะมีที่จอดรถสำหรับรถของคนที่ติดต่อเรื่องสำคัญของโรงเรียนเท่านั้น ที่จะเข้ามาจอดภายในโรงเรียนได้ ผมเดาว่าเป็นคุณน้ำตาลแน่นอนที่อยู่ในรถ ผมเองก็ไม่อยากประสาทเสียกับเธอหนักหรอก
              TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.11.1 ครูคนใหม่ที่น่าสงสัย 2

                   Part’s พี่ตุ๊ ผมจึงรีบเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานของผมเพื่อไปพบครูคนใหม่ ครูวินนี่ ชื่อน่ารักเชียวผมคิดในใจ ผมคิดคงเป็นครู่ที่อ่อนหวาน จิตใจดี มีเมตตาแน่นอน แต่ทันทีที่ผมเดินขึ้นไปถึง ผมก็พบเจอใครสักคนที่ยืนอยู่ รูปร่างอาบอั้น แต่งตัวสีสันสดใสฉูดฉาด โดดเด่นมาตั้งแต่ห้าร้อยเมตรแรก เสื้อผ้าที่สวมใส่ สไตล์การแต่งตัวที่เรียกได้ว่าไม่แคร์สายตาใคร ไม่แคร์โลกจะดีกว่า ภาพครูที่ผมเห็นในใบสมัครนั้นผมต้องพับเก็บไปได้เลยมั้ง การแต่งตัวที่ดูยากไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ ดูแล้วผู้ชายแน่นอน

               “สวัสดีครับ” ผมทักทายคนที่ยืน กดโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่พึ่งออกมาตีตลาดรุ่นล่าสุด แอบเปิ้ลถูกกัด

               “ใครอีกล่ะ ถ้าหันมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องน่ะ ฉันคงไม่มาแล้วแหละ โรงเรียนอะไร ใหญ่โตซะเปล่าแต่จ้างคนทำงานที่พูดจาไม่รู้เรื่องมาทำงาน เสียเวลาจริงๆ” ผมได้ยินถึงกับหน้าชาไปทันที แสดงว่าสองคนนั้นแน่นอนที่เขาพูดถึง ผมคงไม่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะจ้างเธอต่อ

              “ผมเองครับ ผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ครับ” ผมพูด คนที่ผมทักทายหันมามองผม แสดงอาการตกใจพอสมควร
             “สวัสดีค่ะ คุณตุ๊ใช่ไหมคะ” เขาถามผมกลับทันที
             “ใช่ครับ ผมเองครับ” ผมพูด
            “นี่ใช่คุณวินหรือเปล่าครับ” ผมถามคนตรงหน้า
            “ชื่อวินนี่ค่ะ!!!” ผมถึงกลับต้องแคะหู เรียกไม่ครบแค่นี้ถึงกับออกอาการเลยเหรอครับ ผมเห็นชื่อเดิมชื่อประวินนี่ครับ
            “คือผมเห็นว่าชื่อเดิมชื่อประวินนะครับ” ผมพูด
            “ชื่อเก่ามากค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าก่อนเข้าวงการดีกว่าค่ะแต่ก็รู้ตัวมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ถ้ารู้ก่อนคงไม่ให้พ่อกับแม่ตั้งหรอกค่ะ” ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้า (แอบคิดในใจ แบบนี้ก็ได้เหรอแต่ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้)
            “งั้นผมก็ต้องเรียกวินนี่ใช่ไหมครับ” ผมถามคนตรงหน้า
             “ค่ะ วินนี่ค่ะ จะปลื้มมากกว่าค่ะ “ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้าแบบนี้ก็ได้ 
             “ผมได้ยินเหมือนครูวินนี่บ่นอะไรสักอย่าง แต่ผมก็ต้องขอโทษในความไม่สะดวกหลายๆ อย่างด้วยนะครับ” ผมพูด
            “ไม่เป็นไรค่ะ วินนี่ก็ขอโทษด้วยนะคะ ที่เผลอบ่นอะไรไปนิดหน่อยนะคะ “คนตรงหน้าผมพูด ผมพยักหน้าเบาๆ แต่ดูท่าคุณคนตรงหน้าเหมือนมองอะไรจากด้านหลังของผม ผมเองก็เดินมาคนเดียวน่ะ ผมหันไปมองตามเขาก่อนจะหันมาเจอกัน
            “คุณมองหาใครอยู่เหรอครับ” ผมถามพร้อมกับมองตามแต่ที่ครูเขามองนี้ไปทางด้านหลังผม
             “หรือว่าคุณมากับใครหรือเปล่าครับ” ผมถามคนตรงหน้า พร้อมกับมองอย่างระวาดระวังตามเขาไปด้วย
             “ครูวิน” ผมเรียกเขา
             “วินนี่ค่ะ พรินซิเพิ่ลค่ะ” ครูตรงหน้าผมพูด เรียกขาดก็ไม่ได้
             “ตกลงคุณมองหาใครครับ” ผมถามครูเขา
           “ไม่ได้มากับใครคะ แค่มองหา เออ มองหา …” คุณวินนี่พูด ผมก็มองหน้าเขาว่าเขามองหาใคร
           “คือเห็นในอิเมลที่ตอบกลับไปนะครับ ว่าให้ติดต่อผู้อำนวยการหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการนะคะ เลยคิดว่าน่าจะเดินมาพร้อมกันค่ะ” เธอพูด ผมหันมามองหน้า ก็จะงงๆ หน่อยๆ
          “ถ้าเขาไม่สะดวกมาก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็ต้องได้เจออยู่ดีเพราะว่านี้คือสิ่งที่ วินนี่ตั้งใจมาก” คุณวินนี่พูด ผมก็หันมามอง ตั้งใจมาพบผมหรือว่าตั้งใจมาพบมาพบผู้ช่วยผู้อำนวยการ ไม่ใช่ผมที่เป็นผู้อำนวยการเหรอ ผมแอบคิดในใจ
           “อุ้ย!” คุณวินนี่ตกในที่หันมาเจอสายของผมพอดี
           “ตั้งใจมาพบผู้อำนวยการค่ะแต่วินนี่คิดว่าผู้อำนวยการน่าจะงานยุ่งกว่าผู้ช่วยผู้อำนวยการนะคะ “คุณวินนี่พูด ผมก็พยักหน้าว่าเหมือนจะเข้าใจแต่ผมสังเกตคุณวินนี้ก็ยังมองหาอยู่แต่ก็หันมายิ้มให้ผมเป็นระยะๆ
          “ว่าแต่คุณวินนี่ขับรถมาจากไหนครับ” ผมถามคุณวินนี่
          “ขับมาจากขอนแก่นค่ะ” ผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง ไกลอยู่น่ะ
          “พอดีมีงานที่กรุงเทพนะคะ งานทำบุญให้พี่ที่วินนี่รักและเคารพมากที่สุด เขาเสียชีวิตไปหลายปีแล้วค่ะ วินนี้เลยผ่านมาเพื่อมาดูโรงเรียนคุณตุ๊ก่อนกำหนดด้วยไงคะ วินนี้อยากมาดูหน้า…” คุณวินนี่พูด ผมก็มองวินนี่ มาดูหน้าผมเหรอ
          “นักเรียนค่ะ เคยเห็นแต่นักเรียนอินเตอร์ค่ะ เฮอะๆ ไม่ค่อยได้สอนเด็กบ้านๆ น่าตาใส่ซื่อแบบนี้เลยนะคะ” คุณวินนี่พูด ผมก็ยิ้มๆคือว่าเด็กเหล่านี้ไม่ใช่อย่างที่ครูวินนี้คิดแน่นอนเพราะว่าโรงเรียนผมขึ้นอันดับหนึ่งนักเรียนมีเรื่องเลยตอนนี้ แต่ผมก็แค่ยิ้มๆให้กับครูวินนี่พร้อมกับเริ่มตงิดเล็กน้อย มันดูแปลกๆน่ะครูคนนี้
          “แล้วนี่คุณวินนี่จะขับรถไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับ” ผมถามคุณวินนี่
          “กรุงเทพค่ะ แต่งานมีพรุ่งนี้ค่ะ” คุณวินนี่พูด
         “ผมก็จะกลับพรุ่งนี้เหมือนกันครับ มีงานเหมือนกันครับ” ผมพูด ผมต้องไปงานทำบุญวันเกิดให้กับขวัญอดีตคนเคยรัก
         (ผมกับขวัญเลิกกันก่อนที่เขาจะเสียชีวิตแต่ว่ามีแค่ผมกับขวัญและพัฒน์ที่รู้เท่านั้น ตอนนั้พ่อแม่เขายังไม่รู้
         “บังเอิญนะคะ ไม่รู้บังเอิญโดยตั้งใจหรือเปล่านี่ซิคะ” คุณวินนี่พูด แต่จังหวะนั้นผมหันไปเจอคุณน้ำตาลเดินมาแต่ไกลพร้อมกับคุยโทรศัพท์มาด้วย ผมเลยคิดว่าคุณน้ำตาลอะไรนี่น่าจะหาเรื่องให้ผมกับคุณวินนี่ได้คุยกันไม่รู้เรื่องแน่นอน
        “ผมคิดว่าเราไปหาที่คุยกันทางโน้นดีกว่าไหมครับ” ผมพูดก่อนจะผายมือไป คุณวินนี่นี้ก็ยืนงง ทำท่าเหมือนจะไม่เข้าใจหรือเหมือนรออะไรสักอย่างอยู่ดี    
         “คุณวินนี่ครับ เชิญด้านโน้นดีกว่านะครับ” ผมต้องหันไปเร่งครูวินนี่ให้รีบเพ่นก่อนดีกว่า
        “เชิญครับ” ผมพูดและคุณวินนี่ก็เดินตามไปทางที่ผมผายมือ ผมหันมามองคุณน้ำตาลแว๊ปเดียวก่อนจะรีบเดินตามคุณวินนี่ออกไป บางสิ่งที่ผมแปลกใจกับคำพูดของคุณวินนี่ ผมภาวนาว่าขอให้เป็นแค่ผมคิดไปเองมากกว่า ผมก็รีบพาคุณวินนี่ไปหาที่นั่งคุยกันทันที
         (พัฒน์ พี่พาคุณวินนี่หนีคุณน้ำตาลไปห้องประชุมเล็กน่ะเพราะว่าพี่กลัวว่านางจะพาพี่คุยกับคุณวินนี่ไม่รู้เรื่อง) ผมส่งข้อความหาพัฒน์ ก่อนจะรีบเปิดประตูห้องประชุมเล็กและคุณวินนี่ก็เข้าไปนั่ง
         (พัฒน์ พี่ขอเครื่องดื่มมารับรองคุณวินนี่ด้วยนะครับ พี่ไม่อยากออกไปสั่งสองสาวนั้นเพราะว่าไม่อยากไปเจอคุณน้ำตาลเหมือนกัน) ผมส่งข้อความหาพัฒน์ก่อนจะผายมือให้คุณวินนี่นั่งลง คุณวินนี่ก็มองผมยิ้มๆ พร้อมกับหย่อนก้นลงที่เก้าอี้
         “ปึก!!” เสียวงดังจนผมเองก็ตกใจ เสียงดังเหมือนเก้าอี้จะหัก
          “ดูเก้าอี้ไม่ค่อยแข็งแรงเลยนะคะคุณตุ๊ เฮอะๆ” คุณวินนี้พูด
          “สงสัยจะเก่า เอาไว้ผมเปลี่ยนใหม่ครับแต่ว่าตอนนี้อะไรๆ ยังเริ่มปรับปรุงอยู่นะครับ” ผมพูด
         “วินนี้ก็พอจะมีประสบการณ์ค่ะ” ผมก็มองครูวินนี่ด้วยความแปลกใจ
         “เป็นช่างซ่อมมาก่อนเหรอครับ” ผมถามด้วยความแปลกใจ ถ้าใช่จะยินดีมากผมคิดในใจ
         “วินนี่ดูเหมือนเด็กช่างเหรอคะ!!!” วินนี่ถามผมกลับแอบค้อนใส่ผมด้วย
         “ก็เห็นบอกผมว่ามีประสบการณ์นี่ครับ” ผมพูด
         “วินนี่หมายถึงประสบการณ์ในการช่วยดูแลงานบริหารจัดการโรงเรียนนะคะ พอจะช่วยคุณตุ๊ได้บ้าง พอจะมีไอเดียใหม่ๆอะไรได้บ้างนะคะ ไม่มากก็น้อยค่ะ” ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้า
         “แต่ไม่ใช่ช่างซ่อมแน่นอนค่ะ วินนี่หุ่นออกจะบอบบางนะคะ พริ้นซิเพิ่ลค่ะ” ครูวินนี่พูด
         “งั้นเราเริ่มคุยกันเลยนะครับ “ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ผมก็หยิบมือถือมาอ่านแต่ว่าพัฒน์ก็ยังไม่ตอบผมเลยว่าจะลงมาเลยไหม
         “ผมเริ่มเลยนะครับว่าโรงเรียนของผม มีอะไรบ้าง “ผมพูดและผมก็บรรยายถึงโรงเรียนของผม มีจำนวนนักเรียนเท่าไหร่ มีครูกี่คนและสิทธิ์ผลประโยชน์ที่จะได้รับ สวัสดิการ บร้าๆ ผมพูดๆ ไปจนครบแต่ว่าผมใช้การพูดแบบรวบรัดเอา
          “ครูวินนี่มีอะไรสงสัยถามได้เลยนะครับ แต่ว่าวันนี้ผมพูดรวบรัดสักหน่อยนะครับ” ผมพูด
          “ไม่เป็นไรค่ะเพราะว่าวินนี่เองก็ไม่ชอบฟังอะไรเยอะๆ นานๆ ค่ะ” วินนี้
          “แล้วมีข้อสงสัยอะไรไหมครับ” ผมถามครูวินนี่พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าพัฒน์จะลงมาหรือยัง
          “ครูพัฒน์นี้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการเหรอคะ “ครูวินนี่ถามผม ผมก็ต้องขมวดคิ้วเพราะว่าที่ผมพูดๆ ไปนั้นไม่มีอะไรที่ผมเอ่ยถึงพัฒน์เลย ผมพูดเกี่ยวกับโรงเรียนล้วนๆ เลยแต่เขากลับถามถึงครูพัฒน์เฉยเลย
          “ครับ ครูพัฒน์เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการครับ” ผมพูดพร้อมสีหน้าแปลกใจ
          “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามคุณวินนี่กลับทันทีเช่นกัน
          “วินนี่ก็ได้ยินมาตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วค่ะ มีแต่คนบอกว่าครูพัฒน์ประสบการณ์ยังน้อยและที่สำคัญครูพัฒน์ก็ไม่ได้จบสายบริหารมาด้วย คือถ้าเทียบชั้นกับคุณตุ๊ก็ค่อนข้างต่างกันมากเพราะว่าคุณตุ๊ จบมาไม่รู้กี่ใบกี่สถาบันและแต่ล่ะที่ก็ต้องหัวกะทิเท่านั้นถึงจะเข้าได้แต่ครูพัฒน์จบ...” ครูวินนี้พูด ผมนี้อึงเลย รู้รายละเอียดของผมแน่นพอสมควร
           “วิทยาลัยครู “ผมตอบ
           “ผมไม่รู้ว่าคุณวินนี่ได้ยินได้หรือได้ฟังอะไรมา ผมอยากบอกว่าพัฒน์น่ะ เขาช่วยงานพ่อผมมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำครับ คลุกคลีกับตรงนี่มานานครับ ตัวผมเองยังอ่อนประสบการณ์กว่าพัฒน์อีกนะครับเพราะว่าผมไปเสียเวลาเรียนที่ต่างประเทศหลายปีและส่วนใหญ่ผมก็ช่วยงานพ่อผมที่ต่างประเทศ งานโรงแรมนะครับ” ผมพูดชมพัฒน์
           “ดังนั้น งานเกี่ยวกับโรงเรียน พัฒน์เขามีประสบการณ์มากกว่าผมเยอะครับ เขารู้เยอะกว่าผมมากครับ ผมยังต้องถามครูพัฒน์หลายเรื่องเลยครับ” ผมพูด คนที่นั่งตรงหน้ามองหน้าผมนิ่ง จนผมเองก็เดาเขาไม่ถูกว่าตอนนี้คนตรงหน้าผมคิดอะไรอยู่
           “ผมเชื่อนะครับ ว่าไม่ว่าจะจบมาจากไหน ไม่สำคัญครับ สำคัญที่ว่าทำงานเป็นหรือเปล่าแค่นั้นครับ” ผมพูด
           “เรียนเก่งก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าเขาต้องทำงานเก่งเสมอไปนะครับ” ผมพูด ครูวินนี่ยิ้มเจื่อนๆให้ผม
           “แหม ถ้าอย่างนั้น คนในนี้ก็คงอิจฉาครูพัฒน์กันหลายคนนะคะ ถึงได้พูดจาใส่ร้ายกันได้ขนาดนี้” ครูวินนี่พูด
           “แล้วเรื่องที่พักละคะ” ครูวินถามผม
           “บ้านพักครูของผม ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างรีโนเวทครับแต่ว่าไม่นานครับ ผมจะรบกวนครูวินนี่ไปพักที่โรงแรมก่อนได้ไหมครับ ส่วนเรื่องค่าที่พักผม ไม่คิดครับ พักฟรีจนกว่าห้องพักครูจะเสร็จเรียบร้อยครับ” ผมพูด
           “แย่จังนะคะ แต่ก็โอเคค่ะ ที่ครูตุ๊ ให้พักที่โรงแรมหรูฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายนะคะ อันนี้วินนี่โอเคมากค่ะ” ครูวินนี่พูด
           “ขอห้องมีอ่างสปาด้วยนะคะ วินนี่ชอบนอนแช่เครื่องประทินผิวนะคะ ขออ่างใหญ่ๆ หน่อยนะคะ อ่างเล็ก อึดอัดค่ะ” ผมก็มองครูวินนี่ คงต้องอ่างใหญ่พอสมควรเพราะหุ่นครูวินนี่ตอนที่ผมอ่านข้อความกับตอนที่เจอตัวจริงนี่ต่างกันกับที่ผมคิดไว้เยอะ ถามว่ารูปก็ไม่น่าจะดูอวบระยะท้ายสุดขนาดนี้
          “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้ครูพัฒน์ประสานงานเรื่องที่พักให้นะครับ” ผมพูดแอบคิดในใจ
          “ขออ่างสปาด้วยเหรอ ห้องไหนวะจะมีอ่างใหญ่ขนาดนี้” ผมแอบพูดกับตัวเองเบาๆ
          “อะไรนะคะ” คุณวินนี่คงแอบได้ยินอีก
          “ไม่มีอะไรครับ ผมว่าจะให้พัฒน์ดูห้องพักพิเศษให้เลยนะครับแบบมีอ่างสปาครับ มีวิวให้ดูด้วยเลยครับ” ผมพูดยิ้มๆ
              Rrrrr จู่ๆ มือถือของครูวินนี่ดังขึ้นและครูวินนี้ก็กดรับสายทันที
          (ครูวินนี่!!!บอกไม่รู้จักจำเลยนะ ตอนนี้จำได้หรือยังล่ะ ดี อย่าให้ทบทวนหลายรอบ ครูวินนี่ วินนี่ มันยากหนักหรือไง งั้น ก็แค่นี้น่ะ คุยงานอยู่ บาย!!) ผมก็มองคนตรงหน้า
           “ขอโทษทีนะคะ วินนี่ไม่ชอบให้เรียกชื่อขาดค่ะ ขนาดมีแค่สองพยางค์นะคะ มันยังเรียกแค่วิน มันน่าโมโหค่ะ “ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้าเบาๆ ห้ามเรียกขาดว่างั้น ต้องเรียกวินนี่
            “สงสัยวินนี่ต้องขอตัวก่อนนะคะเพราะว่าคนขับรถรออยู่นะคะ ต้องรีบไปกรุงเทพต่อ” ครูวินนี่พูด
            “น่าจะรอสักหน่อยนะครับ ผมบอกให้ครูพัฒน์ เอาเครื่องดื่มและของว่างมาให้นะครับและจะได้รู้จักกันเพราะว่าครูวินนี่อาจจะต้องติดต่อประสานงานกับครูพัฒน์มากกว่าผมนะครับ” ผมพูด
            “แหม ก็เสียดายนะคะเพราะว่าตั้งใจมาก” ครูวินนี่พูด
            “ตั้งใจมาเจอครูพัฒน์เหรอครับ” ผมครูวินนี่กลับ
            “ตั้งใจมาเพื่อ…” ครูวินนี่พูด
            “มาเพื่อเป็นครูสอนที่นี้ค่ะและก็ตั้งใจอีกอย่างคือได้เจอผู้อำนวยการที่อายุยังน้อยแล้วก็อยากเจอผู้ช่วยผู้อำนวยการเหมือนกันค่ะ เห็นคุณตุ๊ชมหนักชมหนาว่าเก่ง อยากจะเจอจะได้เรียนรู้งานเอาไว้บ้างนะคะ” ครูวินนี่พูด
             “แต่วินนี่รีบจริงๆ ค่ะ” ครูวินนี่พูด
             “แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ วินนี่ได้เจอแน่ๆ ค่ะ ครูพัฒน์นะคะ” วินนี่พูด เน้นด้วยว่าได้เจอแน่ๆ
             “เออ..ครับ… เจอแน่นอนครับ” ผมพูดแต่ก็แอบคิดอะไรในใจแต่ก็ไม่น่าจะใช้น่ะ เพราะว่าครูวินนี่กับครูพัฒน์ของผมไม่น่าจะเคยเจอกันมาก่อน แต่ทำไมรัศมีบางอย่างมันดูแปลกๆ ครูวินนี่ก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบเอากระเป๋าทรงหมอนใบใหญ่ แว่นตาหนาเตอะมาสวมใส่
             “ร้อนนะคะ เมืองไทย ปกติอยู่แอลเอค่ะ ไม่ค่อยได้กลับ แบงค๊อกเท่าไหร่ค่ะ พอกลับมาที รู้สึกว่าเมืองไทยมันร้อนแบบ ฮิลมิดนะคะ ไม่เหมือนเมืองนอก มันร้อนแบบ อันคอมเทเบิ้ลนะคะ” ครูวินนี่พูด ผมพยักหน้าเข้าใจแล้ว เหงื่อครูวินนี่นี้แตกมากเหมือนมีใครเอาน้ำมาราดเลยครับ
              “บายค่ะ” บายแบบคนต่างชาติทันที
              “ซียูทูมอโรวนะคะ” ผมก็มองครูวินนี่
             “พรุ่งนี้เหรอครับ” ผมถามครูวินนี่กลับทันทีเพราะว่าทูมอโรว์มันแปลว่าพรุ่งนี้และพรุ่งนี้มันวันเสาร์ครับ มาทำไมครับ ผมคิดในใจ
              “มันเดย์ค่ะ ขอโทษทีค่ะ ในหัวนะคิดแต่ปากซิไว้เกิ้นค่ะ ซียูออนมันเดย์ค่ะ มายด์เฟิร์สเดย์ค่ะครูตุ๊ “ครูวินนี่พูดพร้อมกับเดินลุกขึ้นแต่ว่าดูท่าจะลุกจากเก้าอี้ยากน่าดู
              “ปึก ปึก ปึก” ครูวินนี่ที่ทำท่าจะพยายามลุกขึ้นแต่เก้าอี้ไม่เป็นใจเหมือนตอนนั่งลงไป
              “ครูครับ ค่อยๆ ครับ ระวังครับ” ผมพูดด้วยความเป็นห่วงเก้าอี้ครับ
             “ห่วงวินนี่หรือเก้าอี้คะ” ครูวินนี่ถามผม
             “ทั้งคนและเก้าอี้นะครับ” ผมพูดแต่ในใจ เก้าอี้ผมครับ ผมก็มองว่าครูวินนี่จะออกได้ไหม ผมหยิบมือถือมารอแล้ว ถ้าไม่ได้จะได้ตามช่างมาไขดีกว่าให้เขาพังเก้าอี้ผม
              “ออกมาได้ไหมครับ ถ้าไม่ได้ผมจะได้ตามช่างมาครับ คุณวิน” ผมถามครูวินนี่ด้วยความตกใจ
              “วินนี่ค่ะ!!” นั้นตุ๊โดนเลย
              “โอเคครับ คุณวินนี่ก็วินนี่ครับ” ผมพูด เรียกชื่อขาดก็ไม่ได้
              “ต้องได้ซิคะเพราะว่าวินนี่ก็สู้ชีวิตค่ะ เก้าอี้สู้มา วินนี่สู้กลับค่ะ ไม่โกงค่ะ ไม่ต้องเป็นหวงค่ะ “ครูวินนี่พูดก่อนจะพยายามลุกให้ได้
              “ปึด” หลุดออกมาได้ หัวใจผมจะวาย
              “ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมาทางปากทันทีที่คุณวินนี่หลุดมาจากเก้าอี้ผมได้
             “ครูวินนี่มาวันจันทร์นะครับ ผมจะได้สั่งโต๊ะทำงานไว้ให้พร้อมเก้าอี้ที่ใหญ่กว่านี้ครับ” ผมพูด
             “ครูตุ๊นี่ น่ารักนะคะ จะให้ดี แบบ นั่งสบายเหมือนได้สปาตลอดเวลายิ่งดีค่ะ เป็นครูสอนงานหนักนะคะ งานหนักมากค่ะและวินนี่มานี่ คงหนักมากเหมือนกันค่ะเพราะว่าในหัวนี้แพลนไว้เยอะมากค่ะ ตั้งแต่จะได้มาเป็นครูที่นี้… “ครูวินนี่พูด ผมก็มอง ถึงกับแพลนเลยเหรอ
             “แพลนว่าจะสอนยังไงดีนะคะ ตื่นเต้นเหลือเกินค่ะ” ครูวินนี่พูด ขณะที่เดินออกไปจากห้อง ผมก็ยิ้มๆ ให้ครูวินนี่ ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ หรือว่าผมคิดไปเองกันแน่ หรือว่าช่วงนี้ผมเครียดงานเอกสารมากไป จะว่าไปนี่พัฒน์ก็ยังไม่ลงมาเลยและคุณน้ำตาลนี้ไปหรือยังก็ไม่รู้

               ผมเช็กข้อความที่ผมส่งหาครูพัฒน์ เขาก็อ่านข้อความแล้วน่ะแต่ไม่ได้ตอบผม ผมเองก็ไม่เห็นคุณน้ำตาล ผมคิดว่ารอสักหน่อยดีกว่าให้แน่ใจว่าเธอออกไปแล้วค่อยขึ้นไป ระหว่างนี้ลงไปดูสระว่ายน้ำก่อนแล้วค่อยขึ้นไปก็ยังทัน นางคงไม่อึดทนรอผมนานขนาดนั้น ผมแอบคิดในใจ
           
               TBC…
 




ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.12 พี่ตุ๊ปกป้องพัฒน์

      Part’ s พี่ตุ๊ ผมเดินลงมาส่งครูวินนี่ น่าแปลกใจทำไมผมรู้สึกคุ้นๆ หน้า มันแค่รางๆ เท่านั้นหรือว่าผมจะคิดไปเอง คนเราหน้าเหมือนกันก็มีอยู่เยอะแยะไปผมคิดในใจ ระหว่างที่ผมเดินกลับมานั้นผมก็ตั้งใจว่าจะเดินไปที่สระว่ายน้ำพอดี ไปสำรวจดูความเรียบร้อย ผมไม่ได้บอกพัฒน์หรอก กลัวพัฒน์อาสาลงมาดูแทน แสดงออกไม่ได้ว่าหึงแต่จริงๆ ก็คือหึงนั่นแหละ ก็ไอ้ลูกชายของบริษัทผู้รับเหมาที่ผมจ้างมาปรับปรุงดูแลรักษาสระน้ำของผม ดันจีบพัฒน์ของผมออกหน้าออกตาขนาดนั้น แต่ผมเดาว่าน่าจะพากันกลับไปหมดแล้วเพราะว่าจะหมดเวลางานแล้วและน่าจะมาใหม่วันจันทร์ ระหว่างนั้นผมก็เดินมาเจอกับแจ็คกับบอยพอดีเลย เขาเดินมาดูสระว่ายน้ำด้วยกัน

      “แจ็ค บอย” ผมเรียกแจ็ค ทั้งคู่หันมามองผม

      “เป็นไงบ้างสระว่ายน้ำที่พี่ให้เขารีโนเวทให้ ดีขึ้นไหม” ผมถามแจ็ค

      “ดีขึ้นครับพี่ตุ๊ ขอบคุณนะครับ นี่ผมเองก็อยากมอบโอกาสดีดีให้กับเด็กนักเรียนที่นี้หลายๆ คนเลยครับ ที่ผมคิดว่าเขาน่าจะไปได้ไกล และอาจจะไกลกว่าผม ถ้ามีคนสนับสนุนเขานะครับพี่ตุ๊” แจ็คพูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วยเพราะโรงเรียนนี้เคยได้แชมป์นักว่ายน้ำระดับภาคมาแล้ว

      “พี่ก็อยากให้โรงเรียนนี้ที่เคยเป็นแชมป์ด้านกีฬากลับมาท้วงแชมป์คืนเหมือนปีก่อนที่จะมีเรื่องเข้ามาน่ะ” ผมพูด

      “พี่ตุ๊ครับ” แจ็คเรียกผม

      “ผมโทรคุยกับไอ้ดิวมันแล้ว ตอนนี้ปูปลอดภัยดีแล้วครับ ปูไม่ได้หายไปไหน เพื่อนของสรจักร ลูกคนเล็กของลุงสามนะครับเป็นคนได้ตัวไป” แจ็คบอกผม ผมพยักหน้าผมรู้จักสรจักรถึงจะไม่ได้สนิทกันด้วยวัยที่ต่างกันและเขาเป็นลูกชายคนเล็ก ลูกหลงของลุงสาม คนที่เป็นแฟนของพ่อผม

      “แต่เรื่องนี้ ไอ้จักรมันไม่เกี่ยวครับพี่ตุ๊เพราะว่ามันไม่รู้ตรงนี้แต่ว่าเพื่อนมันนะได้ตัวปูมาจาก คนที่ทำเพื่อเงินเล็กๆ น้อยๆ นะครับ ไอ้จักรมันบอกจะจัดการเอง เป็นการไถ่โทษแทนเพื่อนมันนะครับพี่ตุ๊” แจ็คพูด ผมก็พยักหน้า ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วนเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน ความปลอดภัยของเด็กนักเรียนถึงบางทีอาจจะนอกเวลาเรียนก็ตาม

      “อีกเรื่องนะครับพี่ตุ๊ ไอ้ดิว แอ้ กลับบ้านพักกันเลยครับเพราะว่ามาถึงก็เลิกเรียนพอดีและมันก็จะพาปูไปหาแม่ของเขาที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ค่ายทหารของพ่อดิวด้วยครับ” แจ็คพูด

      “ผมได้ยินมาว่าปูเขาค้างค่าเทอมอยู่ด้วยนะครับพี่ตุ๊” บอยพูด

      “พี่รู้เพราะว่า เจ้าหน้าที่การเงินส่งเอกสารให้พี่แล้วแต่พี่ขอหาเหตุผลที่จะยกเลิกเรื่องค่าเทอมเขาก่อนนะ พี่น่ะเต็มใจช่วยเด็กที่ขยันและตั้งใจเรียน” ผมพูด ผมกำลังสืบหาข้อมูลเด็กคนนี้อยู่

      “ให้พวกผมช่วยก็ได้นะครับ” แจ็คพูด

      “อันนี้ให้เป็นหน้าที่พวกพี่ดีกว่าน่ะแจ็ค บอย พี่ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือให้เป็นความรับผิดชอบของพี่ “ผมพูดยิ้มๆ เขาสองคนก็พยักหน้าเข้าใจ

      “ถ้าอย่างนั้น พี่ขอขึ้นห้องทำงานก่อนน่ะ พี่มีงานเอกสารค้างอยู่ “ผมพูด

      “เรากลับเข้ากรุงเทพน่ะ อย่าถเลไถลไปไหนล่ะ ลุงณะกับอาภูมิเขากำชับพี่หนักมาก” ผมพูด

      “โดยเฉพาะไอ้โจพี่ชายเราน่ะแจ็ค ว่าให้กำราบเราหน่อย “ผมพูด

      “ผมคนเดียวเหรอพี่” แจ็คถามผมทันที

      “ก็เราน่ะหัวโจกเลยไง ห้ามพาบอยเสียด้วยเข้าใจน่ะ “ผมพูดก่อนจะเดินออก ผมรู้ว่าเด็กรุ่นนี้เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองและอยากจะทำตามสิทธิ์ตัวเองให้ได้มากที่สุดแค่นั้น รุ่นผมก็เป็นแต่พอถึงจุดที่เรียกว่าอิ่มตัว มันจะเข้าระบบของมันเองโดยปริยาย ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะเป็นเหมือนพวกผมเช่นกัน

            ผมเดินขึ้นไปบนห้องทำงานของผมทันที ผมหันไปมองเห็นเด็กๆ นักเรียนออกมายืนมองต่างก็พากันซุบซิบกัน ผมเดาว่าน่าจะมีเรื่องที่หน้าห้องทำงานผมแน่นอนและมันก็จริงซะด้วย ผมเห็นคุณน้ำตาลกำลังยื้อแย่งเพื่อจะเข้าห้องทำงานของผมและคนที่มีเรื่องกับเธออยู่คือติ๊กนั้นเอง ผมเดินเข้าไปโดยไม่ได้ส่งเสียงอะไร จนกระทั่งเข้าไปใกล้ๆทันทีที่ผมเดินเข้าไปถึง ผมก็เห็นคุณน้ำตาลนี้เหมือนถูกผลักลงไปที่พื้นแต่ว่าผมน่ะเดินมาและมองดูเหตุการณ์แต่ไกลๆแล้ว ทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ไม่มีใครผลักเธอ

      “อ้าย!! ช่วยด้วยค่ะ เด็กนักเรียนทำร้ายค่ะ” คุณน้ำตาลโวยวายเพื่อเรียกให้คนหันมามองเธอแต่ว่าที่ออกมายืนมองน่ะ พากันขำเธอกันทั้งนั้น เธอคงไม่รู้ซิน่ะว่าเด็กๆ เหล่านี้เขามีทีวีกัน ฉากแบบนี้ในละครหลังข่าวเยอะแยะไป ผมนี่อายแทนเธอจริงๆ คุณน้ำตาลหันมาเจอผมเข้า ทำหน้าเศร้าทันที

      “คุณตุ๊ค่ะ เด็กนักเรียนคนนี้ทำร้ายร่างกายน้ำตาลค่ะ เขาทำตามคำสั่ง ครูพัฒน์ค่ะ ครูพัฒน์เขาสั่งให้เด็กคนนี้ทำร้ายน้ำตาลค่ะ” เธอรีบหันมาฟ้องผมทันที ผมหันไปมองน้องชายคนเล็กที่ยืนกอดอกมองบนใส่นางร้ายนอกจอ

      “นี่ ช่วงนี้ยุ่งมากไหม” น้องชายคนเล็ก ปากไว้เป็นที่หนึ่ง น้องรักไอ้ต้าร์มันเลย ปากมันพอกันเลย รีบถามคุณน้ำตาลทันที

      “ไม่ยุ่ง จะทำไม” เธอรีบหันไปตอบติ๊กทันควันเช่นกัน

      “จะให้ผู้กำกับหนังติดต่อไปเล่นบทนางร้ายให้หน่อยแม่งแสดงเหมือนจริงมาก” ติ๊กพูด

      “แต่ดูแล้วในชีวิตจริงเธอนี้คงไม่มีบทดีกับเขาบ้างเลยมั้งเพราะแค่คิดดีดียังทำไม่ได้เลย” ติ๊กพูด ผมหันไปมองน้องชายแอบส่ายหัวเบา ๆ ว่าอย่าไปจุดไฟ แต่ติ๊กไม่ฟังผมเลยสักนิด

      “ติ๊ก!!!” ผมเรียกติ๊กให้เบาลง ก่อนจะหันไปมองคุณน้ำตาลที่นั่งเงยหน้ามองผม ทำท่าจะลุกแต่ก็ลุกไม่ขึ้นแถมยังส่งสายตาอ้อนวอนให้ผมช่วย นางยื่นมือมา ผมก็สุภาพบุรุษพอสมควร ผมเลยทำท่าจะช่วยดึงเธอขึ้นมาแต่ว่ามีคนเข้ามาขวางผมซะก่อนนั้นคือติ๊ก

      “พี่ตุ๊อย่า ผมดีกว่า” ติ๊กพูดพร้อมกับย่อตัวลงไปเพื่อจะดึงแขนคุณน้ำตาลขึ้น ดูสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปของเธอ สายตาที่มองผมตอนแรกกับติ๊กมันต่างกันมาก ผมเห็นติ๊กทำท่ากระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับคุณน้ำตาลก็ไม่รู้แต่ดูท่าเธอจะไม่ยอมลุกและจู่ๆ เธอก็ดีดตัวลุกพรวดขึ้นมาทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆ

      “อ้ายย!! ไหน ๆ มันอยู่ไหน) )) ) “คุณน้ำตาลถามพร้อมกับมองหา สายตาที่ดุหวาดกลัวและขยะแขยง

      “ไหนล่ะ แมงมุมน่ะ “เธอถามติ๊กทันที ผมเดาได้เลยว่าติ๊กหลอกให้เธอลุกขึ้นนั้นเอง

      “ไปแล้ว” ติ๊กพูดพร้อมกับลอยหน้าลอยตา

      “โกหก!!” น้ำตาลพูดพร้อมกับมองหน้าติ๊กอย่างไม่พอใจ

      “คุณก็โกหกไม่ใช่เหรอ โกหกหาว่าผมผลัก ดังนั้นนี้เราก็เสมอกัน” ติ๊กพูด

      “นิ!!...” เธอทำท่าจะต่อว่าแต่ผมคิดว่า มันน่าอับอาย เด็กๆ ที่ยืนมอง บางห้องครูที่เข้าสอนก็เรียกเข้าห้องเรียนแต่บางห้องที่ไม่มีครูก็พากันยืนมองพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ผมเลยต้องห้ามทัพซะก่อนจะอายขายหน้ามากไปกว่านี้

      “พอเถอะครับ เด็กๆ มองกันหมดแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ อธิบายให้ผมฟังหน่อย” ผมเอ่ยถาม ผมมองหน้าทุกคนจนมาหยุดที่พัฒน์ ดังนั้นผมคิดว่าคนที่อธิบายได้ดีที่สุดคือพัฒน์

      “ครูพัฒน์” ผมผายมือให้พัฒน์อธิบายดีกว่า

      “คือคุณน้ำตาล…” พัฒน์ทำท่าจะอธิบาย

      “พอดีน้ำตาลนะคะ มีเรื่องจะมารายงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนค่ะ มีคนรายงานที่พ่อของน้ำตาลว่าเด็กของที่นี้ไปสร้างความเดือดร้อนค่ะ น้ำตาลเลยว่าจะมาคุยกับคุณตุ๊ ไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่” จู่ๆ เธอก็พูดแทรกพัฒน์ชึ้นมาซะเฉยๆ ผมหันมามองหน้าติ๊ก คนที่ยืนชักสีหน้าไม่พอใจ ผมเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของเธอเท่าไหร่ เธอทำตัวเหมือนคนตรงๆ มั่นใจในตัวเองมากไปจนแยกไม่ออกระหว่างคนตรงๆ หรือคนไม่มีมารยาทกันแน่

      “แต่ว่ามีคนไม่ยอมบอกน้ำตาลกันท่าใหญ่เลยค่ะและยังสั่งให้เด็กที่นี้ ทำร้ายน้ำตาล น้ำตาลก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นะคะ” น้ำตาลพูด ผมเห็นสายตาเธอมองไปที่พัฒน์ นั้นแปลว่าเธอหมายถึงพัฒน์

      “คุณไม่ได้บอกผมแบบนี้เลยนะคุณน้ำตาล คุณบอกว่าจะมาหาคุณตุ๊แต่ผมบอกว่าคุณตุ๊ไม่อยู่ แต่ถึงอยู่ คุณน้ำตาลก็ควรจะนัดล่วงหน้าเพราะว่าช่วงนี้คุณตุ๊งานเยอะ มีเอกสารต้องเซนต์มากมาย ส่วนเรื่องด่วนอะไรของคุณ คุณไม่ได้บอกผมเลยด้วยซ้ำ” พัฒน์พูด ผมน่ะเชื่อพัฒน์ ผมรู้จักพัฒน์ดีและรู้จักคุณน้ำตาลอะไรนี้ดีเหมือนกัน

      “อ้าว! ฉันต้องบอกเธอด้วยเหรอ นี่เรื่องสำคัญมากควรจะบอกคุณตุ๊มากกว่าน่ะ คุณครู เพราะว่าคุณตุ๊คือผู้บริหารโรงเรียนนี้” น้ำตาลพูด ประโยคนี้โดนใจผมมาก ผมนี้พ่นลมหายใจออกมาทันที เธอน่าจะเข้าใจอะไรดีตั้งแต่รู้ว่าน้ำตาลคือลูกบุญธรรมของพ่อผมแล้วน่ะ ดังนั้นพัฒน์ก็มีหน้าที่ไม่ต่างไปจากผมเลยสักนิด

      “คุณน้ำตาล คุณคงไม่ทราบว่า พัฒน์เขาเป็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการครับ ดังนั้นตำแหน่งพัฒน์กับตำแหน่งของผมไม่ได้ต่างกันมากครับ คุณสามารถบอกได้ทุกเรื่องครับ เหมือนกันครับ” ผมพูดด้วยความเอื่อมระอาที่ต้องคอยทบทวนความจำให้เธอตลอดที่เธอพยายามกดพัฒน์ลง ว่าพัฒน์ไม่ได้ต่ำไปกว่าเธอเลย

      “คิก คิก คิก” เสียงหัวเราะคนข้างๆ ผม จนผมต้องหันไปมอง ผมแอบสั่นหัวเบาๆ

      “เป็นไงล่ะ ไม่ศึกษาข้อมูลก่อนจะมาแบทเทิลเขาก็ยังงี่แหละ” ติ๊กพูด

      “หน้าแตก!!” ติ๊กพูด คุณน้ำตาลสะบัดหน้าไปมองติ๊ก

      “ก็น้ำตาลไม่ทราบนี่ค่ะ” น้ำตาลพูด อันนี้ยิ่งทำให้ผมแปลกใจมาก ผมว่าเธอน่ะทราบดีและทราบมานานแล้วดีกว่า

      “แต่!! ที่ร้ายแรงมากไปกว่านั้นคือเด็กคนนี้ เขาทำร้ายน้ำตาล แบบนี้คุณตุ๊ควรจะเรียกผู้ปกครองมารับผิดชอบนะคะ “เธอพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ติ๊ก ติ๊กถึงกลับชี้หน้าตัวเอง คดีพลิกจนได้ ผมนี้อยากจะบ้า!! มันก็ไม่ต่างกันหรอกเพราะว่าคนที่เธอกำลังมีเรื่องด้วยก็น้องชายผมเอง

      “เออ คุณน้ำตาลครับ ผมว่าอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะครับ ผมให้เด็กขอโทษได้ไหมครับ” พี่ผมพูดก่อนจะหันไปมองติ๊ก พยักพเยิดให้ติ๊กขอโทษจะได้จบๆ แต่น้องหัวดื้อผมทำท่าจะไม่ยอม

      “ขอโทษคนแบบนี้เพื่ออะไรอ่ะ ไปขอโทษหมายังดีซะกว่ามาขอโทษคนแบบนี้และที่สำคัญนางเป็นคนผิดไม่ใช่ผมนะครับคุณผู้อำรวนการ “ติ๊กพูดนั้นหนักเข้าไปอีก

      “เห็นไหมคะ ไม่ได้ค่ะ เรียกผู้ปกครองเด็กมาค่ะ” น้ำตาลพูด ผมหันมามองคู่กรณีคู่ใหม่ สลับกันไปมา

      “คือผมว่าไม่ดีกว่านะครับ “ผมพูดเพื่อพยายามอธิบายคุณน้ำตาล

      “อยากเรียกพ่อผมมาอย่างนั้นเหรอ” ติ๊กถามคุณน้ำตาลเชิงท้าทายแล้วแบบนี้ใครจะหยุดผมคิดว่าไม่หยุดแน่นอน

      “ใช่ ไปเรียกมา ฉันจะรอ” มีเหรอที่คุณน้ำตาลหัวรั้นคนนี้จะยอมลดราวาศอก

      “ไม่ต้องไปเรียกที่ไหนไกลหรอกครับ ผู้ปกครองผมน่ะ อยู่ใกล้ๆ นี่ครับ” ติ๊กพูด ติ๊กมองหน้าผม ผมก็มองหน้าติ๊กและชี้ตัวผมเอง นั้นหมายถึงผมอย่างนั้นเหรอผู้ปกครองน่ะ

      “เป็นใครเหรอ ครูหรือว่าภารโรงล่ะแต่ฉันเดาว่า ภารโรงมากกว่า” คุณน้ำตาลถามติ๊ก คำถามนี้ทำให้คนที่ถูกถามกระตุกยิ้มที่มุมปาก

      “คุณน้ำตาล” ผมเรียกเธอเพื่อให้เธอใจเย็นลงแต่ดูท่าจะไม่เป็นผล

      “ลงไปเรียกมา ฉันกับคุณตุ๊จะนั่งรอในห้อง” น้ำตาลพูดท้าทายแบบนี้ คนตรงหน้าเธอจะยอมเหรอเพราะคนนี้ฟาดมาหนักต่อหนักแล้ว ติ๊กพยักหน้า

      “ไม่ต้องรอครับเพราะว่าอยู่ตรงนี้แล้ว ผู้ปกครองของผมน่ะ เขายืนอยู่นี้และตรงนี้ ตรงหน้าคุณนี่!! “ติ๊กพูดพร้อมชี้นิ้วมาที่ผม นั้นไงยืนมาให้จนได้ น้องรักของผม นี้อยากจะตีเข่ากับอากาศซะจริงๆ ให้มันได้แบบนี้ ผมคิดในใจทำไมไม่ขอโทษเขาไปเรื่องจะได้จบ

      “ฮาๆ ตลกตายเลย ใครจะเชื่อว่าคุณตุ๊นี่น่ะ ผู้ปกครองเธอ โกหก!!” คนตรงหน้าผมไม่เชื่อแถมยังหัวเราะด้วย

      “พี่ตุ๊ บอกเขาไปซิครับว่าพี่คือใครแล้วเป็นผู้ปกครองผมได้หรือไม่ได้” ติ๊กหันมาให้ผมแสดงตัวตนแบบนี้

      “พี่พัฒน์เขาก็เป็นผู้ปกครองผมเช่นกันนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็มีผู้ปกครองสองคนตอนนี้ เลือกเอาเลยจะคุยกับใครแต่ผมคิดว่า คนนี้ดีที่สุด คุยเลย คุณผู้บริหารโรงเรียน” ติ๊กพูดและชี้ไปที่พัฒน์

      “ไม่จริงใช่ไหมคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลถามผมทันที สีหน้าเธอเริ่มไม่ค่อยมั่นใจเท่าตอนแรก

      “เออ จริงครับ” ผมพูด เธอยิ่งชักสีหน้าตกใจและไม่เชื่อในสิ่งที่เธอได้ยินเท่าไหร่หนัก ผมพยักหน้ายืนยันอีกทีว่าใช่ เธอถึงกับลดความมั่นใจลงไปเกือบหมดทันที

      “นักเรียนคนนี้เขาเป็น น้องชายคนเล็กของผมครับ “ผมพูดและชี้ไปที่ติ๊ก ติ๊กยืดอกทันที

      “อะไรนะคะ?” คุณน้ำตาลสะบัดหน้ามามองผมสองทีติดกันทันที

      “ใช่ครับ น้องชายคนเล็กของผมเอง ชื่อติ๊กครับและที่ผมไม่ให้เรียกพ่อเขามาเพราะว่าพ่อเขาก็คือพ่อผม” ผมพูดย้ำอีกครั้ง

      “และพ่อผมก็ไม่อยู่ครับ ไปธุระต่างประเทศ” พี่ผมพูด

      “ดังนั้นผมก็รักษาการผู้ปกครองไปก่อน” ผมพูดก่อนจะหันไปมองติ๊ก น่าจริงๆ

      “นะ…. นะ…น้องชายเหรอคะ” คุณน้ำตาลถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากพอสมควร

      “ครับ คุณน้ำตาล ผมนี่แหละลูกชายคนเล็กของพ่อภาคย์ “ติ๊กพูดย้ำอีกที

      “คนที่เป็นดาราใช่ไหมคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ คนนั้นแหละ

      “ที่ว่าขาวีนสุดๆ” น้ำตาลพูด ชมติ๊กแบบนี้ ติ๊กหันขวับมามองทันทีแต่เธอยังโชคดีที่พัฒน์เขายืนใกล้ๆ กลับติ๊ก พัฒน์เลยแตะแขนติ๊กเอาไว้ซะก่อนไม่อย่างนั้นได้มีการฟาดกันบ้างแหละ คนนี้ก็ไม่ธรรมดา

      “นี่ชมเหรอ…” ติ๊กถามคุณน้ำตาล

      “แต่…ผมไม่ได้วีนทุกคนน่ะ วีนเฉพาะคนที่ กวนประสาทผมก่อน” ติ๊กพูดพร้อมกับเลิกคิ้วสูงมองน้ำตาล คุณน้ำตาลตอนนี้มีสีหน้าเลิกลักทำอะไรไม่ถูก

      “เมื่อกี้เหรอ…เออ... ไม่ใช่ค่ะ น้ำตาลน่าจะสะดุดขาตัวเองค่ะและน้ำตาลก็ตกใจมาก เลยคิดว่า คุณผลักนะคะ เฮอะๆ “คุณน้ำตาลรีบกลับลำทันที

      “หน้าตาดีนะคะ น้องชายคุณตุ๊ หล่อทั้งบ้านเลยเนอะ “คุณน้ำตาลพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและทำท่าจะเข้าไปกระชับมิตรกับติ๊กแต่ติ๊ก็คือติ๊ก เขารีบขยับออกแบบรังเกียจขึ้นมาทันที

      “แสดงเก่งทุกบทบาทเลยเนอะ คนเดียวได้หมดทุกบทแต่รู้สึกว่าบทคนบ้านี่เล่นได้เนียนเหมือนคนบ้าจริง” ติ๊กพูด ผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กพร้อมๆ กับคุณน้ำตาลทันที ยังจะก่อไฟอีก

      “ติ๊ก!!” ผมเรียกติ๊ก

      “ตกลง เขาทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ” ผมหันมาถามคุณน้ำตาลทันที จะได้รีบๆ จบปัญหาและแยกย้าย

      “ไม่ค่ะ น้ำตาลคิดว่าเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ” คุณน้ำตาลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

      “ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วไปครับ” ผมพูด

      “ว่าแต่คุณน้ำตาลมีเรื่องอะไรสำคัญมากเหรอครับ” ผมถามคุณน้ำตาลอีกที คือประมาณว่าถ้าไม่มีจะได้เชิญกลับ

      “เราเข้าไปคุยกันในห้องสองคนดีไหมคะ” คุณน้ำตาลพูดเชื้อเชิญผมเข้าห้อง มีเหรอที่ผมจะเข้าไปคุยกับเธอสองคน ผมไม่เคยเลยจะดีกว่า

      “ผมรีบนะครับ ผมต้องไปดูงานที่สระว่ายน้ำก่อน” ผมรับหาเรื่องชิ่งหนีทันที

      “คุณน้ำตาล รายงานกับครูพัฒน์ได้เลยนะครับเพราะว่าครูพัฒน์เขาก็รับเรื่องนี่ได้ เขาเป็นเจ้าของโรงเรียนเหมือนผมเช่นกันโอเคนะครับ"ผมพูดคุณน้ำตาลทำท่าจะอ้าปากคัดค้านที่ผมบอกเธอ

      " ผมรีบจริงๆครับคุณน้ำตาล ผมไปก่อนนะครับ ” ผมชิ่งพูดพร้อมกับหันไปพยักหน้ากับพี่พัฒน์ ดูท่าทางคุณน้ำตาลเธอจะไม่ยอมถอยทัพกลับไปง่ายดังนั้นผมจึงควรจะเป็นฝ่ายเพ่นเองจะดีกว่า  ผมเชื่อว่านางไม่กล้าทำอะไรพัฒน์หรอก ติ๊กยืนอยู่ตรงนั้น เขาเรียกว่ามวยถูกคู่จะดีกว่า ส่วนผมเองที่ยอมแพ้ยกธงขาวให้กับยายคุณหนูน้ำตาลอะไรนี้ ผมรีบเดินไปและผลุบเข้าห้องน้ำครูทันที ผมเข้าไปยืนทำธุระระหว่างที่รอให้คุณน้ำตาลออกไป

      (คุณพ่อค่ะ น้ำตาลเบื่อยายครูพัฒน์อะไรนี่จังเลยค่ะ น้ำตาลเข้าหาคุณตุ๊ไม่ได้เลย น้ำตาลทราบดีค่ะแต่น้ำตาลอยากได้คุณตุ๊นี่ค่ะ หล่อและเก่ง น้ำตาลไม่สนหรอกค่ะ แหมถ้าคุณตุ๊ได้ลองน้ำตาลอาจจะลืมรสนิยมเดิมๆ ไปเลยก็ได้นะคะ แต่น้ำตาลต้องการกำจัด ครูพัฒน์เสียก่อน ได้ค่ะกลับไปคุยกันที่บ้านก่อน ค่ะคุณพ่อ บายค่ะ”

                "สงสัยอยากลองดีกับซิท่า เดี๋ญวได้เห็นดีกัน " คุณน้ำตาลเธอพูด ก่อนจะก้าวขาเดินฉับๆลงไป


          ผมนี่ยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ที่ได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ผ่านไป เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ถึงไม่เข้าหูผมเองก็มีคนได้ยิน เขาก็ต้องมาบอกผมอยู่ดี ผมยืนรอจนสิ้นเสียงรองเท้าของเธอ ผมคิดว่าผมควรจะยื่นคำขาดกับพ่อเธอได้แล้วเรื่องที่เธอเข้ามาปั่นป่วนพัฒน์ในโรงเรียนแบบนี้

      (สวัสดีครับคุณตุ๊ โทรหาผมนี่มีเรื่องอะไรให้อาช่วยหรือเปล่าครับ) เสี่ยวันชัยรีบกดรับสายผมทันที

      (สวัสดีครับเสี่ย) ผมพูด

      (ผมอยากรบกวนเสี่ย เตือนลูกสาวเสี่ยหน่อยน่ะครับ เธอเข้ามาทำกิริยามารยาทไม่ค่อยจะดีต่อสายตาเด็กๆ ในโรงเรียนผมนะครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้เธอเข้ามานะครับ ผมคิดว่าเธอไม่ได้มีธุระอะไรที่จะต้องเข้ามาพบผมในโรงเรียนและในช่วงเวลาที่ผมทำงานด้วย” ผมพูด

      (และคนที่ถูกมองไม่ดีคือลูกสาวเสี่ยเอง ผมขอนะครับ อย่าทำให้เราต้องหมางใจกัน อย่ากดดันให้ผมต้องทำในสิ่งที่พ่อผมเองยังไม่อยากทำกับเสี่ยและลูกสาวเลยนะครับ เข้าใจนะครับ) ผมพูด คนปลายสายนิ่งเงียบไปหลายนาที

      (คุณตุ๊ ลูกสาวผมน่ะเขาพยายามจะสานสัมพันธุ์กับคุณ ผมว่าคุณน่าจะดูเธอออกแต่ทำไมคุณมองเจตนาลูกสาวผมแบบนี้ละครับ มันเป็นการไม่ให้เกียรติลูกสาวผมเลยนะครับ) เสียวันชัยพูด

      (ผมให้   เกียรติเธอแล้วครับ ผมจึงให้คุณที่เป็นพ่อของเธอเป็นคนพูดเองจะดีกว่า ถ้าให้ผมพูด ผมก็จะไม่เกรงใจและรักษาน้ำใจเหมือนคุณเองนะครับ คุณวันชัย) ผมพูด

      (ดังนั้น คุณเป็นพ่อของเธอ คุณน่าจะเตือนเธอได้ดีกว่าผมแต่ถ้าเธอยังไม่ฟังคุณ ผมคงต้องใช้มาตราการเด็ดขาดนั้นคือประกาศห้ามเธอเข้ามาในโรงเรียนผม)

      (และผมก็เชื่อว่าพ่อผมก็คงไม่ยอมเหมือนกันเพราะว่าเขามาก่อกวนพัฒน์โดยตรง พัฒน์คือลูกชายของพ่อผมอีกคนนะครับคุณวันชัย) ผมพูดคนปลายสายก็นิ่งไปอีก

      (นั้นแปละว่าคุณควรจะให้ลูกสาวคุณให้เกียรติครูพัฒน์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ทำกิริยาแย่ๆ ใส่พัฒน์เขา นั้นก็แปลว่าคุณสองคนไม่ให้เกียรติพ่อผมเหมือนกันนะครับ) ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

   (ก็ได้ครับ ผมจะคุยกับยายน้ำตาลเอง จะไม่ให้ลูกสาวผมไปวุ่นวายอะไรกับครูพัฒน์อีก)

   (ไม่เข้ามาเลยถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจะดีมากครับคุณวันชัย ขอบคุณครับ) ผมพูดพร้อมกับรีบตัดบทวางสายไปทันที อย่างน้อยผมก็ต้องปกป้องคนของผมเหมือนกัน นั้นคือพัฒน์


               ผมเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของผมทันที ผมเปิดประตูเข้าไปส่ิงที่ผม มันทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้  ผมเห็นพัฒน์กำลังคุยกับติ๊กอยู่ น่าแปลกน่ะ ผมเป็นพี่ชายแต่บางที่เหมือนกลับไม่เข้าใจน้องชายตัวเองเท่ากับพัฒน์เลย ผมเลยต้องให้พัฒน์เป็นคนคุย แม้กระทั้งต้าร์เองก็เช่นกัน

        “พี่ตุ๊ ไปดูสระว่ายน้ำมาแล้วหรือครับ” พี่พัฒน์หันมาเจอผมพอดี

        “ดูมาแล้วตอนที่ลงไปส่งครูคนใหม่เขาน่ะและอุตสาห์ว่าจะไม่เจอคุณน้ำตาลแล้วเชียว” ผมพูด

        “ตอนแรกก็หลบอย่างดี นึกว่าจะขึ้นมาไม่เจอ ที่ไหนได้มายืนต่อปากต่อคำกับ…” ผมพูดพร้อมกับหันมามองหน้าตัวต้นเหตุ เป็นไงล่ะ ปากร้ายทั้งนอกจอและในจอเลยน้องชายผม

           “ผมก็ไม่ได้อยากต่อปากต่อคำกับเธอแต่ว่าเธอยืนด่าพี่พัฒน์ฉอดๆ ผมคงไม่ทน” ติ๊กพูด ไม่อยากต่อปากต่อคำอะไร เถียงกันราวกับตั้งโต๊ะโต้วาทีเลยก็ว่าได้

             “แต่ถ้าพี่ตุ๊ทนได้ก็เรื่องของพี่” นั้นไงพาลมาหาผมทันทีเลย ผมนี่ก็ไม่อยากทนแต่ผมไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมานั่งทำสงครามประสาทกัน น้องๆ ที่หัวร้อนของผมนี่ไม่เข้าใจผมสักคนแต่ผมเชื่อว่ามีพัฒน์คนเดียวนี่แหละที่เข้าใจ

             “ติ๊ก พี่ไม่ได้ทนแต่ว่าบางเรื่องมันก็พูดยาก” ผมพูด

             “แต่พี่โทรหาพ่อของคุณน้ำตาลแล้วน่ะ สั่งว่าห้ามเธอเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น พ่อของเธอก็รับปากพี่แล้วน่ะ” ผมพูด ดูติ๊กก็พอใจระดับหนึ่งแต่ยังไม่วางใจเหมือนผมเช่นกัน ผมหันมามองพัฒน์ ผมรู้ว่าพัฒน์ก็รำคาญนางไม่แพ้กัน พัฒน์ไม่ใช่คนชอบก่อกวนใครก่อนหรือโต้ตอยอะไรใครเลย
 
             “พี่เจอแจ็คแล้ว เขาบอกว่าปูปลอดภัยดีแล้ว “ผมพูดกับติ๊ก ดูสีหน้าติ๊กเปลี่ยนไปทันที

             “แอ้ ดิว ก็กลับบ้านพักเลย” ผมบอกติ๊กเขาก็ไม่โต้ตอบอะไร

             “งั้นผมกลับบ้านพักเลยเหมือนกันเพราะว่าผมจะไปทำรายงานต่อที่บ้าน ผมจะมาหาพี่ตุ๊ตอนเช้าเลยน่ะ จะได้กลับบ้านกัน” ติ๊กพูดพร้องกลับเก็บของบนโต๊ะทำงานของผมจนเรียบร้อย

              “งั้นผมกลับบ้านเลยน่ะพี่ตุ๊ ผมจะมาหาพี่ตุ๊พรุ่งนี้เช้า ผมจะกลับกรุงเทพกับพี่ตุ๊และพี่พัฒน์เลย” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้
 
              “พี่จะไปส่งเราก่อนเพราะว่าพี่จะไปงานทำบุญวันเกิดพี่ขวัญเขา” ผมบอกติ๊ก ติ๊กหันมามองผมอีกที ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด

              “พรุ่งนี้มาแต่เช้าน่ะจะได้ออกแต่เช้า บอกพี่คนขับรถให้ไปรับแต่เช้าเลยล่ะ” ผมบอกติ๊ก เขาเดินออกไปพอดี ผมหันมามองหน้าพัฒน์ ทันทีที่ประตูห้องทำงานผมปิดลง ผมต้องพ่นลมหายใจออกมาทันที ไหนจะเรื่องโรงเรียน งานเอกสารที่คนเก่าทำค้างเอาไว้และไหนจะเรื่องนักเรียนและนี้ยังมีคุณน้ำตาลอะไรนี้อีกและนี้มามีเรื่องน้องชายคนเล็กอีก

             “พี่ตุ๊ ผมว่าลืมเรื่องคุณน้ำตาลไปก่อนเถอะ แค่นี้พี่ก็แก้ไม่ทันอยู่แล้ว” พัฒน์พูด ผมมองหน้าพัฒน์ มีคนเดียวเลยที่เข้าใจผมแต่ว่า

            “พี่ต้องจัดการก่อนเลยน่ะพี่ว่าและข้ามเรื่องอื่นมาก่อนเลยเพราะว่า พัฒน์สำคัญกับพี่น่ะ ไม่มีพัฒน์ พี่จะผ่านทุกเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไง “ผมพูด

             “แต่เรื่องน้ำตาลมันไม่สำคัญนี่ครับ ผมว่านักเรียนเราสำคัญกว่าครับ ผมอยากเห็นพวกเขาเรียนจบและมีอนาคตนี่ครับ” พัฒน์พูด ผมยิ้มให้พัฒน์ ผมว่าพ่อผมโชคดีมากที่ได้พัฒน์มาเป็นลูกบุญธรรม

              “เออ พี่เจอครูวินนี่ ครูคนใหม่แล้วน่ะ ตอนแรกพี่ว่าจะให้เขารอเจอพัฒน์แต่ว่าเขารีบน่ะ” ผมพูด

             “ก็พัฒน์ดันมาเจอคุณน้ำตาลพัฒน์เลยไม่ลงไปเพราะพัฒน์คิดว่าพี่ตุ๊อยากได้สมาธิในการคุยกับครูคนใหม่นี่ครับ” พัฒน์พูด

               “ครูคนใหม่ เขาขอห้องพักที่มีอ่างน้ำ สปาด้วยนะพัฒน์” ผมพูดกับพัฒน์ พัฒน์หันมามองหน้าผม

               “คงต้องยอม ตอนนี้เราต้องการคู่และเขาเป็นครูสาขาที่เราขาดพอดีเลยพัฒน์ ยอมเขาหน่อยน่ะ” ผมพูด

              “ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ยอมนี่ครับคุณผู้อำนวยการแต่ว่าพัฒน์ก็ไม่เคยเจอครูคนไหนขอแบบนี่สักคน” พัฒน์พูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย แต่ก็ดันมาในช่วงที่ขาดพอดีเลยต้องยอมว่างั้น

              “ว่าแต่ของว่างล่ะครับ” ผมถามพัฒน์

              “มีครับ ผมเอาไว้ในห้องพี่แล้ว ผมคิดว่าครูคนใหม่จะเข้ามาในห้องทำงานพี่ซะอีก” พัฒน์พูด

               “งั้นขอทานของว่างกับผู้ช่วยผู้อำนวนการผมหน่อยนะครับ” ผมพูดก่อนจะนั่งลง พัฒน์จัดการของว่างและชากาแฟมาให้ผมทันทีและถูกใจผมวะด้วย เรียกได้ว่าไม่ต้องพูดให้มากความเลยว่าต้องการอะไรยังไง พัฒน์รู้ใจผมไปหมดและเข้าใจทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ ผมจิบชาและขนมที่พัฒน์ตั้งใจทำให้ผม ยิ่งทานก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความตั้งใจทำของพัฒน์

                TBC

 

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.13 (พี่ตุ๊Xครูพัฒน์)จดหมายปริศนา


         Part’ s ครูพัฒน์ วันนี้เรียกได้ว่ามีเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องเลยทีเดียวและโชคดีที่วันนี้  ผมไม่ค่อยมีชั่วโมงเข้าสอนเยอะและติดกันแถมวันนี้ยังมีกิจกรรมเปิดชมรมดนตรีและมีการหาเสียงเลือกตั้งประธานโรงเรียน ที่บอกว่าดีที่ไม่ได้สอนทั้งวันเพราะว่ามีเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องเข้ามา เรื่องแรกก็มีผู้รับเหมาเข้ามาติดต่อ สองสาวที่ทำงานที่ห้องธุรการ เธอคงเห็นว่าเขาดู้เหมือนช่างทั่วไป สวมเสื้อกาวน์เด็กช่างเข้ามาเลยไม่อยากประสานงานอะไรด้วย ผมเองก็ต้องอาสาพาไปแต่ดันมาเจอพี่ตุ๊ซะก่อน แถมคุณนิรุจน์อะไรนี้ก็จีบผมต่อหน้าพี่ตุ๊และยังมีคุณน้ำตาลเข้ามาก่อกวนอีกจนผมไม่ได้ลงไปเจอครูคนใหม่เพราะว่าผมพยายามกันคุณน้ำตาลไม่ให้ลงไปกวนพี่ตุ๊ ผมอยากจะบ้าตายนี้แค่อาทิตย์แรกๆที่พี่ตุ๊มานั่งตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนน่ะ ดูซิยังวุ่นวายกันขนาดนี้เลย แต่ก็แน่ล่ะ ก็คุณผู้อำนวยการของผมทั้งหล่อและอายุยังน้อย ใครก็อยากได้เป็นเรื่องปกติ และพึ่งจะผ่านการคัดสรรเป็นซีอีโอของโรงแรมหรูของพ่อบุญธรรมผมอีก

         “พัฒน์” พี่ตุ๊เรียกผมทันทีเข้ามาในบ้านพัก ผมกลับมาบ้านพักก่อนเพราะว่าพี่ตุ๊บอกจะขอเคลียร์เอกสารก่อน ส่วนผมก็รีบเพื่อกลับมาทำอาหารเย็นให้พี่ตุ๊ก่อนจะได้ทานกันตามเวลา

         “ครับพี่ตุ๊” ผมหันไปมองพี่ตุ๊

         “อาบน้ำหรือยังครับ” พี่ตุ๊เดินเข้ามาหาผม

         “ยังครับเพราะว่าผมยังทำอาหารเย็นให้พี่ตุ๊อยู่เลยแต่ใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ผมหันไปพูดกับพี่ตุ๊ขณะที่พี่ตุ๊เดินเข้ามาคลอเคลียกับผมจากด้านหลัง

         Rrrr จู่ๆ มือถือผมก็มีข้อความเข้า ผมหันไปหยิบมือถือของผมขึ้นมาดู

         (พี่พัฒน์ ผมจะกลับไปนอนที่บ้านพักกับพี่และพี่ตุ๊น่ะเพราะว่าผมไม่อยากตื่นมาแต่เช้าเพื่อไปหาพี่สองคนอ่ะ ผมเลยเปลี่ยนใจไปนอนที่บ้านพักด้วยกันเลย เดี๋ยวเจอกันนะครับพี่พัฒน์) ติ๊ก ส่งข้อความหาผมว่าจะมานอนที่บ้านพักกับผมและพี่ตุ๊

         “มีอะไรเหรอพัฒน์” พี่ตุ๊ถามผม

         “ติ๊กบอกจะมานอนด้วยอ่ะครับพี่ตุ๊” ผมพูด

         “อ้าว!! มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย” พี่ตุ๊พูดเชิงถาม ผมสั่นหัวไปมาว่าไม่แน่ใจ

         “ว่าจะชวนคุณครูไปแช่น้ำอุ่นด้วยกันอยู่แล้วเชียว” พี่ตุ๊พูดด้วยน้ำเสียงที่เสียดาย ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ก่อนจะหันมาทำอาหารต่อ โชคดีที่วันนี้ผมทำไวเผื่อ เหมือนผมจะรู้เลยว่าจะมีคนมาทานด้วยอีกคน พี่ตุ๊เดินเข้าในห้องพักเพื่ออาบน้ำ ผมเองก็ยังคงทำอาหารต่อ

         ตื้ด!!! เสียงมือถือสั่นเพราะว่ามีข้อความเข้า ผมหันไปมองแต่ว่าเครื่องที่สั่นไม่ใช่ของผมแต่เป็นของพี่ตุ๊ พี่เขาวางเอาไว้ข้างๆ มือถือผม ผมยอมรับว่าพี่ตุ๊ไม่เคยมีความลับอะไรกับผมเลยแม้กระทั่งตอนที่คบกับขวัญ ผมหยิบมือถือพี่ตุ๊ขึ้นมาเพื่อว่าเป็นข้อความด่วน ผมจะได้รีบให้พี่ตุ๊ติดต่อกลับทันที แต่ว่าที่ผมเห็นคือข้อความจากแม่ของขวัญ เขาส่งบางสิ่งมาให้พี่ตุ๊ดูเป็นรูปของขวัญ ตอนที่จัดงานวันเกิดที่บ้านขวัญ พี่ตุ๊ก็ซื้อของขวัญให้ขวัญเป็นสร้อยคอทองคำขาวและที่สำคัญมันเหมือนกับของผมเช่นกันแต่ผมไม่เคยใส่เลยเพราะว่ามันอาจจะทำให้ขวัญคิดอะไรไปไกลระหว่างผมกับพี่ตุ๊แต่ว่าสร้อยเส้นนั้นไม่ได้อยู่กับผมแล้ว มันหายไปนานแล้ว

         “พี่ตุ๊ พี่พัฒน์” ผมได้ยินเสียงเรียกจากด้านนอก น่าจะเป็นติ๊กซิน่ะ ผมวางมือถือของพี่ตุ๊เอาไว้ก่อนจะเดินออกไป ผมเห็นติ๊กถือกระเป๋าเดินทางแบรนด์หรูมาพร้อมกระเป๋าเป้แบรนด์เดียวกัน สีหน้าบ่งบอกได้ว่ามีเรื่องมีแน่นอน

         “ติ๊ก” ผมเรียกติ๊ก ติ๊กมองหน้าผมก่อนจะมองหาพี่ตุ๊

         “พี่ว่าเราเข้าห้องไปก่อนไหม เพื่อว่าเราอยากจะอาบน้ำก่อน” ผมพูดกับติ๊ก เท่านั้นแหละ ติ๊กเข้ามากอดผมทันที ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังร้องไห้ ผมเอามือลูบหัวติ๊กเบาๆ ถึงไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ก็รักไม่แพ้กันเพราะว่าผมเหมือนเกิดมาในครอบนี้เหมือนกัน ที่ผมรู้สึกถึงแม้ว่าผมจะพยายามไม่เทียบเท่าก็ตาม

         “ติ๊ก พี่ไม่รู้น่ะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่อยากจะให้ติ๊กเข้มแข็ง วันนี้เจอเรื่องไม่ดีพรุ่งนี้ก็จะเจอเรื่องดีเองน่ะ ไม่มีใครจะเจอเรื่องไม่ดีไปตลอดหรอกน่ะ” ผมพูดปลอบใจคนตรงหน้า

         “พี่พัฒน์อย่าบอกพี่ตุ๊น่ะ” ติ๊กพูดก่อนจะปาดน้ำตา

         “พี่ว่าเราไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหม พี่ทำอาหารเอาไว้ จะได้มาทานกัน” ผมพูด

         “ไปนอนห้องพักพี่ตุ๊น่ะ” ผมพูด

         “แล้ว” ติ๊กถามผม

         “พี่ตุ๊น่ะ เอาไว้เก็บเสื้อผ้าแค่นั้นเอง” ผมพูด

         “แสดงว่านอนห้องพี่พัฒน์เหรอ” ติ๊กถามผมยิ้มๆ ผมพยักหน้าเบาๆ

         “คนอะไร ปากกับใจไม่ตรงกัน น่าจะฟ้องพ่อน่ะ “ติ๊กพูดผ

         “ไม่ใช่ว่าผมจะฟ้องเพราะว่าพ่อจะได้กีดกันพี่พัฒน์น่ะ พ่อจะได้ให้พี่ตุ๊ทำอะไรสักอย่างเพื่อจะได้ชัดเจนกว่านี้กับพี่พัฒน์” ติ๊กพูด ผมยิ้มให้น้องชายคนเล็กของบ้านตอเต่า

         “ไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมพูด ติ๊กพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินลากกระเป๋าเข้าห้องที่ผมจัดเอาไว้ให้พี่ตุ๊ตั้งแต่แรก

         “ครูพัฒน์ครับ ผมเอาเสื้อผ้าที่ครูส่งซักมาส่งครับ” ผมได้ยินเสียงตะโกนเรียกดังมาจากหน้าบ้าน ผมเดินออกไปดู คนมาเรียกไม่ใช่ใคร เป็นครูที่โรงเรียนนี่แหละและแฟนครูเข้ามารับจ้างซักรีด ให้ผมเลยอยากช่วยเนื่องจากครูเขามีลูกเล็ก อันที่จริง ผมส่งให้ทางโรงแรมซักรีดให้ก็ได้แต่ผมคิดว่าช่วยเหลือครูด้วยกันจะดีกว่า

         “ขอบคุณนะครับ ครูวีรศักดิ์” ผมพูดก่อนจะรับเสื้อผ้ามา

         “ครูพัฒน์ครับ พอดีผมเจอ รปภ เขาบอกว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ครูพัฒน์ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วนะครับ เขาเลยฝากผมมาให้อีกทีครับครูเพราะว่าลุงแกลืมนะครับ “ครูวีรศักดิ์บอกผม ผมก็รับมาดู จ่าหน้าซองถึงครูพัฒน์

         ผมพยักหน้าขอบคุณก่อนที่ครูวีระศักดิ์จะเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไป ผมก็หอบเอาเสื้อที่ส่งซักรีดใส่ไม้แขวนมาเรียบร้อย ขึ้นไปบนบ้าน ผมวางเสื้อผ้าลงก่อนเพราะว่าพี่ตุ๊น่าจะยังอาบน้ำอยู่ ผมหยิบเอาซองจดหมายนั้นมาเปิดดูเพื่อว่าเป็นผู้ปกครองบางคนเขียนมาเพื่อคอมเพลนการทำงานแต่ไม่กล้าไปยื่นที่เจ้าหน้าที่ธุรการเพราะว่าเธอทำงานยิ่งกว่าเช้าชามเย็นชามซะอีก ผมเปิดซองก็เห็นว่ามีกระดาษพับอยู่ ด้านในเป็นกระดาษA4 ที่พับมาอย่างเรียบร้อย ผมเปิดออกมาดู อาจจะเป็นรัก

            ถึง เพื่อนทรยศ

                  มีความสุขดีน่ะ ไม่รู้สึกผิดอะไรบ้างหรือไง ต่อให้ผ่านมากี่สิบปี ก็ควรจะมีสำนึกผิดบ้างไม่ใช่ลอยหน้าลอยตามีความสุขอยู่คนเดียว กับคนรักของเพื่อน ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอยังมีความสุขอยู่ได้ ทั้งที่ตัวเองทรยศหักหลังเพื่อนรักและแย่งคนรักของเพื่อนไปหน้าด้านๆ ทำเป็นนางเอกที่แสนดี แต่เชื่อเถอะว่า กรรมจะตามทันแกเร็วๆ นี้ ฉันนี่แหละจะมาลงทัณฑ์แกเอง นางงูพิษ

            จากเซลามูน

   

            ผมได้อ่านแล้วถึงกลับอึ้งไปหลายนาที นี้ใครกันและที่เขาพูดหมายถึงใครที่บอกว่าผมแย้งมา พี่ตุ๊อย่างนั้นหรือและใครกันที่ผมทรยศเพื่อนรัก อย่าบอกน่ะนั้นคือขวัญน่ะ ไม่น่าจะใช่เพราะว่าถ้าใช่จดหมายนี้ควรจะส่งตรงมาหาผมตั้งนานไม่ใช่รอเอาป่านนี้เพราะว่าขวัญก็เสียชีวิตไปเจ็ดปีแล้ว

         “พัฒน์ อ่านอะไรอยู่” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมายืนประกบผมจากด้านหลัง ผมจะซ้อนก็ไม่ทันแล้วมั้ง

         “พัฒน์ อะไรน่ะ” พี่ตุ๊ถามผม ผมสั่นหัวว่าไม่มีอะไรและกำลังจะขยำทิ้งแต่ว่าพี่ตุ๊ดึงจากมือผมไปซะก่อนและอ่านดู พี่ตุ๊ขมวดคิ้วไปด้วยระหว่างที่อ่านข้อความในจดหมายนั้น

         “ใครคงเล่นพิเรนทร์ละมั้งพัฒน์” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับขยำจดหมายนั้นทิ้งเสียเอง

         “ลงท้ายเซลามูนซะด้วย นี้คงดูการ์ตูนทุกวันหยุดซิน่ะและดูท่าจะเป็นยุกต์เก้าศูนย์ด้วย สมัยนี้ไม่มีแล้วน่ะ เซลามูนนะพัฒน์” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับเป็นขยำกระดาษนั้นเองก่อนจะโยนลงถังขยะไป

         “ใครเอามาให้เหรอครับคุณครู” พี่ตุ๊ถามผม ผมมองพี่ตุ๊ เขาสวมชุดกางเกงผ้าแพรเสื้อยืดบางๆ สีขาว กลิ่นสบู่ที่หอมฉุยมาเตะปลายจมูกของผม

         “ว่าไงครับ” พี่ตุ๊ถามผมอีกครั้ง ผมสะดุ้งเพราะว่ามองพี่ตุ๊นานไปหน่อย รูปร่างที่ดูสมสวน สูงยาวเขาดีทำให้ผมลืมความตกใจไปซะสนิทเลย

         “เออ...ครูวีระศักดิ์นะครับพี่ตุ๊ ครูเขาบอกว่ามีคนฝากเอาไว้ให้ผมที่รปภนะครับ แต่รปภเขาลืม เขาเลยฝากครูวีระศักดิ์เข้ามาให้ผมอีกทีนะครับ” ผมพูด

         “เดี๋ยววันจันทร์พี่จะไปถามเอากับรปภเองน่ะ ว่าใคร” พี่ตุ๊พูดกับผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น

         “แต่พี่ว่าน่าจะเป็นเด็กเล่นพิเรนทร์มากกว่า อย่าไปคิดมาก” พี่ตุ๊พูดกับผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ

         “ครับ” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อผ้าเพื่อจะเอาไปเก็บในห้องนอนและผมจะได้แขวนเสื้อผ้าใส่ตู้เก็บ ผมเองก็จะได้อาบน้ำบ้างจะได้มาทานอาหารเย็นด้วยกัน ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบออกมาจากห้องนอน ผมเดินออกมาก็เจอสองคนพี่น้องเขานั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน ติ๊กน่ะเปิดแมคบุ๊คดูนั้นดูนี้มากกว่าดูทีวี ส่วนพี่ตุ๊เขาชอบติดตามข่าวสารบ้านเมือง พี่ตุ๊มักจะนั่งดูข่าวมากกว่าท่องอินเทอร์เน็ต

         “พัฒน์ครับ เข้าไปในห้องครัว พี่ฝากเอามือถือมาให้พี่หน่อยนะครับ “พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ พี่ตุ๊ยังไม่ได้เดินไปหยิบซิน่ะเพราะว่าพี่เขาลืมเอาไว้ตอนที่แวะคุยกับผม ผมเดินเข้าไปในห้องครัว เช็กดูอาหารว่าสุกดีหรือยังจะได้จัดโต๊ะอาหารและผมก็หยิบมือที่วางอยู่ ขึ้นมา ผมก็เห็นมีข้อความเข้ามาจากแม่ของขวัญอีกแล้ว ถามว่าผมเองก็ไม่อยากเสียมารยาท ผมก็เลยลองเปิดดู

         (ตุ๊ แม่อยากจะคุยกับตุ๊เป็นการส่วนตัว แม่มีเรื่องที่อยากให้ตุ๊ช่วย มาเร็วหน่อยนะลูก) แม่ของขวัญส่งข้อความบอกพี่ตุ๊ให้ไปเร็วหน่อย ผมเองก็ไม่ได้อะไรแต่ว่าผมดันบังเอิญเห็นว่าพี่ตุ๊ได้ลบรูปที่แม่ของขวัญส่งมาให้พี่ตุ๊ไป ทำไมจู่ๆ มุมปากของผมมันกระตุกเป็นรอยยิ้มก็ไม่รู้

         “ยิ้มอะไรน่ะ” จู่ๆ ก็มีคนมากระซิบข้างๆ หูผม จนผมตกใจเกือบทำมือถือเครื่องใหม่ล่าสุดตกพื้นแล้วไหมล่ะแต่ว่าพี่ตุ๊เขารับเอาไว้ได้

         “พี่ตุ๊!!” ผมหันมาเอ็ดผู้อำนวยการของผม โตแล้วแท้ๆ เลยเนี๊ยะ!

         “แค่นี้ก็ตกใจ ว่าแต่ยิ้มอะไรในมือถือพี่เหรอครับ” พี่ตุ๊ถามผมยิ้มๆ ผมนี้อายเลย ที่พี่ตุ๊เห็นว่าผมเปิดมือถือพี่เขา

         “ผมขอโทษครับ พอดีผมเห็นข้อความเข้ามือถือพี่นะครับ ผมคิดว่าเป็นข้อความสำคัญแต่ว่าเป็นข้อความจากแม่ของขวัญนะครับ” ผมพูด พี่ตุ๊ก็เปิดอ่านก่อนจะมองหน้าผม พี่ตุ๊ก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะวางมือถือลงเอาไว้ที่เดิม

         “อ้าว!! พี่ไม่เอามือถือแล้วเหรอครับพี่ตุ๊” ผมถามพี่ตุ๊

         “ไม่ล่ะ เลิกงานแล้ว ไม่ติดต่อใครแล้ว เวลานี้เป็นเวลาของคนในครอบครัว” พี่ตุ๊พูดยิ้มๆ ผมแอบยิ้มเล็กน้อย แล้วหรอกให้ผมเข้ามาหยิบให้ทำไมก็ไม่รู้

         “จัดโต๊ะเลยน่ะ น้องชายคนเล็กหิวแล้วครับ” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าได้และผมก็กับพี่ตุ๊ก็ช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร พี่ตุ๊น่ะ น่ารักเสมอ ตั้งแต่มาอยู่นี้ ไม่เคยปล่อยให้ผมทำคนเดียว ช่วยจัดโต๊ะ ช่วยเก็บล้าง อยู่จนผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยเข้าห้องนอนพร้อมกัน

         “ติ๊ก มาทานอาหารเย็นได้แล้ว” พี่ตุ๊เรียกน้องชายคนเล็ก ผมก็จัดการนั่งลงกันคนล่ะมุม ติ๊กเดินออกมาเขามองผมก่อนจะนั้งลงตรงข้ามกับผมสองคน ติ๊กไม่พูดอะไร นั่งลงมองจานข้าวที่ผมวางเอาไว้ให้ ผมยิ้มๆ ให้ติ๊ก ก่อนจะตักอาหารจานโปรดที่ทุกคนชอบเหมือนกันหมด ให้ติ๊กทันที

         “ขอบคุณครับพี่พัฒน์” ติ๊กพูด ผมหันมาเจอสายตาของพี่ตุ๊ที่หันมาชำเลืองมองผม ผมเข้าใจได้ทันทีว่า ของเขาล่ะ ผมก็ตักให้พี่ตุ๊เหมือนกัน ผมนั่งทานกันเงียบๆ ผมมองดูติ๊กแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ เขาเอาแต่เขี่ยข้าวไปมา ทานก็ทานน้อยมาก ผมแอบคิดว่าผมทำอาหารไม่ถูกปากเขาหรือเปล่า แต่ดูพี่ตุ๊ทานได้ปกติน่ะ

            “ติ๊ก” ติ๊กสะดุ้งเฮือกทันที ทั้งที่ผมไม่ได้เรียกเขาเสียงดังเลยแสดงว่าในหัวเขากำลังว้าวุ่นกลับอะไรอยู่

         “เป็นอะไร เขี่ยข้าวอยู่นั่นแหละหรือว่าพี่พัฒน์ทำไม่อร่อยล่ะ” พี่ตุ๊ถามติ๊ก

         “ไม่มีทางที่พี่พัฒน์ทำไม่อร่อยแต่วันนี้ติ๊กไม่ค่อยหิวอ่ะ” ติ๊กพูดก่อนจะรวยช้อนไว้ด้วยกันนั้นแปลว่าเขาอิ่มแล้ว ทั้งที่อาหารในจานแทบจะไม่พร่องลงไปเลย

         “แน่ใจนะ หรือว่าไม่สบายเนี๊ยะเราน่ะ หึ!” ผมถามติ๊กก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากดูเพื่อวัดว่ามีไข้ไหมแต่ว่าอุณหภูมิก็ดูปกติดี

         “ตัวก็ไม่ร้อนนะ” ผมพูด

         “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำดีกว่า ผมว่าจะเข้านอนแล้ว วันนี้ร้องเพลงเหนื่อยอ่ะพี่พัฒน์ พี่ตุ๊” ติ๊กพูดแสดงว่าตอนที่เข้าไปเขาไม่ได้อาบน้ำเลย ผมหันมามองพี่ตุ๊ พี่ตุ๊ก็ไม่ได้พูดอะไร ทานอาหารต่อ ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกัน พี่ตุ๊คอยตักอาหารให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้งและพี่ตุ๊ก็จะช่วยผมเก็บล้างทุกครั้งเช่นกัน ถึงจะมีเครื่องล้างก็ตาม

         “พี่ไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนเลยน่ะพัฒน์” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้า

         “แน่ใจน่ะที่จะให้พี่ไปนอนกับติ๊กน่ะ” พี่ตุ๊หันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าแน่นอน ก็ไม่บ่อยที่น้องจะมาขอนอนด้วยและยิ่งในเวลาแบบนี้ด้วย ผมว่าพี่ชายนี้ดีที่สุดที่จะเป็นคนปลอบเขาได้

          พี่ตุ๊หายไปสักพัก ส่วนผมเองก็จัดการทำนั้นทำนี้ต่อ พอกลับเข้าไปที่ห้องนอน ก็ไม่เจอพี่ตุ๊แล้ว ผมเดาว่าพี่ตุ๊น่าจะไปที่ห้องนอนอีกห้องแล้ว ผมเองก็เปลี่ยนเป็นชุดนอน ก่อนจะหยิบเอางานประเมินมาตรวจดูก่อนและผมก็ต้องจัดตารางให้ครูคนใหม่

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอน ผมเดินไปเปิดประตูก็พบว่าเป็นผู้อำนวยการของผมนี่เอง

         “มีอะไรเหรอครับพี่ตุ๊” ผมถามพี่ตุ๊

         “ลืมอะไรไปหรือเปล่า...หึ!” พี่ตุ๊ถามผม ผมยิ้มกริ่ม ทุกคืนผมต้องทำนมาอุ่นๆ และใส่น้ำผึ้งไปเล็กน้อยให้พี่ตุ๊ทาน

         “ทำเผื่อติ๊กเขาด้วยซิ จะได้หลับสบายอีกคน ดูท่าจะมีเรื่องไม่สบายใจ เห็นนั่งใจร้อนอยู่” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าพร้อมกับเดินออกจากห้องนอนไปพร้อมกับพี่ตุ๊

         “ตกลงแล้ว น้องมีเรื่องไม่สบายใจอะไรเหรอครับพี่ตุ๊” ผมถามพี่ตุ๊

         “ก็คงเป็นรักวัยรุ่นเหมือนที่พี่ก็เคยเป็นไง” พี่ตุ๊พูด ผมมองพี่ตุ๊ ผมพยักหน้าเบาๆ

         “บางทีมันอาจจะเป็นแค่เส้นบ้างๆ ที่ขวางกั้นเอาไว้ก็ได้นะครับ อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่มันรู้สึกยิ่งห่างไกลออกไป อยากคว้าเอาไว้แต่ มันไปไม่ถึงสักที” ผมพูด พี่ตุ๊หันมามองหน้าผม ผมหันไปรินนมใส่แก้วและใส่ไมโครเวฟเพื่ออุ่นนม พี่ตุ๊มองผมก่อนจะเดินเข้ามาประกบผม

         “พี่ตุ๊ ไม่เอาน้องอยู่” ผมพูด พี่ตุ๊ยิ้มกริ่มที่มุมปาก พี่ตุ๊รวบเอวของผมเอาไว้พร้อมกับยกตัวผมขึ้นมานั่งบนโต๊ะ ริมฝีปากหนาๆ นั้นประกบจูบทันทีอย่างถนุถนอม ผมเองก็เผยอริมฝีปากรอรับแม้จะแอบค้านเพราะว่าไม่เคยแสดงแบบนี้ต่อหน้าน้องๆ พี่ตุ๊ ถึงตอนนี้ติ๊กจะไม่ได้ออกมาก็เถอะ จู่ๆ ติ๊กก็เดินออกมา ผมรีบดันพี่ตุ๊ออกก่อนทันที พี่ตุ๊แค่หันไปมองติ๊กแว๊ปหนึ่ง ติ๊กมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มอ่อนๆ ให้ผมสองคน

         “นมอุ่นๆ น่ะพี่พัฒน์เขาอุ่นเอาไว้ให้ ผสมน้ำผึ้งลงไปหน่อยจะได้หลับสบายติ๊ก มาดื่มซิ” พี่ตุ๊บอกติ๊ก ผมหันไปหยิบแก้วออกมาจากไมโครเวฟก่อนจะเติมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยและส่งให้ทั้งคู่

         “งั้นผมไปนอนก่อนนะพี่ตุ๊ พรุ่งนี้เราทานอะไรกันก่อนออกเดินทางนะครับ ผมจะตื่นมาทำให้แต่เช้าเลย” ผมบอกพี่ตุ๊

         “ราตรีสวัสดิ์น่ะติ๊ก “ผมพูดก่อนจะเดินมาลูบหัวเขาเบาๆ และเดินกลับไปที่ห้องนอน ผมจะทำงานสักหน่อยก่อนจะเข้านอน จะว่าไปก็แปลกๆ อยู่น่ะที่มีพี่ตุ๊นอนอยู่ข้างๆ ทุกคืนแต่คืนนี้ไม่มี แต่ไม่เป็นไร พี่ตุ๊เป็นพี่ชายคนโตของบ้าน เป็นที่พึ่งให้กลับน้องๆ ในเวลาที่น้องๆ ต้องการใครสักคนให้คำปรึกษา ผมเองก็เช่นกัน

         TBC…

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.14 ผมฝืนความรู้สึกพัฒน์มามากแล้ว


              Part’ s พี่ตุ๊ ผมและพัฒน์และติ๊ก ออกมากันแต่เช้าตรู่ ติ๊กก็รีบเข้าไปนั่งด้านหลังรถหรูทันทีเพราะว่าอยากจะนอนต่อและปล่อยให้ผมขับรถไปกับพัฒน์ คุยกันไปตลอด คุยนั้นคุยนี้แต่ก็ไม่พ้นเรื่องที่โรงเรียนอยู่ดี ผมเหลือบมองติ๊กเป็นระยะๆ หลับสบายเชียวน่ะด้านหลังนั้นน่ะ ผมคิดในใจ

   “ติ๊ก!!” ผมเรียกติ๊กเพราะว่าผมใกล้จะถึงบ้านแล้ว

   “ว่าไงพี่ตุ๊” ติ๊กงัวเงียถามผมกลับ

   “จะถึงบ้านแล้วติ๊ก” ผมบอกติ๊ก ติ๊กเขาก็เริ่มขยับตัวก่อนจะค่อยๆ ลืมตาและเขาก็ลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับมองไปรอบๆ ภายนอกรถหรูของผม ผมเป็นคนขับรถเร็วและเน้นปลอดภัย ผมเลยมาถึงเร็วก่อนกำหนด ผมหันไปมองติ๊ก

   (ฮัลโหลครับพี่เอ๋ ผมมาถึงกรุงเทพแล้วอะครับ แคสหน้ากล้องวันนี้เลยใช่ไหมครับ) ผมสะบัดหน้าไปมองน้องชายผม เขาโทรหาผู้จัดการส่วนตัวจนได้

   “ติ๊ก ไหนบอกว่าจะช่วยงานเอกสารไง” ผมถามติ๊ก พัฒน์ยังหันไปมองติ๊กเลย

   “เปลี่ยนใจแล้ว ผมว่าไปรับงานแสดงดีกว่า งานนนี้ ผู้กำกับดีด้วย ผมว่าผมจะได้กลับมาทวงบัลลังก์คืนก็เรื่องนี่แหละพี่ตุ๊” ติ๊กพูด ผมถึงกับส่ายหัวไปมาทันที ผมอยากให้ติ๊กวางมือจากวงการนี้ได้แล้ว อย่างที่ครูหลายคนพูดกับผม ตอนเข้าอยู่ในวงการ เขาดูเป็นคนหวีนเหวี่ยงและมันก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูแย่ ช่วงที่เขาห่างจากวงการ เขาดูดีขึ้นน่ะผมว่าแต่นี่จะกลับไปอีก ฉายาดาราหัวร้อนก็คงกลับมาพร้อมกลับบัลลังก์ซิน่ะ ผมคิดในใจ

   “พี่ตุ๊” พัฒน์แตะแขนผมเบาๆ ติ๊กก็คุยกับผู้จัดการส่วนตัวของเขาต่อถึงรายละเอียด

   (ผมจะรีบขับรถไปเลยพี่เอ๋ แค่นี้น่ะครับ ได้ครับ เจอกันครับ บายครับ) ติ๊กบอกผู้จัดการของเขาแถมยังจะขับรถไปเองอีกต่างหาก ผมยอมรับว่าแต่ล่ะคนมีใบขับขี่ตั้งแต่อายุยังไม่สิบแปด

   “ติ๊ก.. พี่ว่า เราให้คนขับรถพาเราไปดีกว่าน่ะ” ผมพูดทักท้วงติ๊ก

   “ไม่เอาอ่ะ เพื่อว่าผมจะไปปาร์ตี้กับเพื่อนต่อพี่ตุ๊และผมดูแลตัวเองได้ ผมมีสติพอ พี่น่าจะรู้จักผมดีน่ะพี่ตุ๊” ติ๊กพูด ผมยอมรับว่าเห็นแบบนี้ติ๊กขับรถไม่เคยประสบอุบัติเหตุอะไรเลย ผมพยักหน้าว่าเชื่อใจก็ได้แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมนำรถเข้าไปจอดที่บ้าน ติ๊ก็ลงจากรถก่อนจะไปหยิบกระเป๋าแบรนด์หรูลงจากรถและคนใช้ก็รีบมารับทันที และผมก็รีบนำรถออกจากตรงนั้นเพื่อตรงไปบ้านของพ่อแม่ของขวัญ ที่ห่างจากบ้านผมไปเกือบยี่สิบนาที น่าแปลกน่ะที่เขาเองกลับไม่เคยกล้าเข้ามาหาพ่อผมที่บ้าน ผมหันมามองพัฒน์ พัฒน์พยักหน้ากับผมว่าเขาโอเค

 

     ผมใช้เวลาไม่นานขับรถหรูมาจนถึงบ้านของพ่อแม่ของขวัญ ผมนำรถเข้าจอดที่จอดที่ทางพ่อแม่ของขวัญเขาจัดเอาไว้ให้ พ่อแม่ของขวัญเขาเป็นคนมีฐานะ เป็นผู้ดีเก่าพ่อของเขาเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็คิดเอาไว้ว่าลูกชายเขาต้องเข้าเรียนที่นี้เช่นกันแต่ว่าขวัญกลับมาเสียชีวิตเสียก่อนแม่ของขวัญก็เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังนี้เช่นกัน บ้านนี้มีพี่น้องหลายคนเท่าที่ผมทราบ

   “พัฒน์” ผมหันมาเรียกพัฒน์ ดูพัฒน์กังวลแต่ก็ยังหันมายิ้มกับผมว่าเขาพร้อมจะออกไปพร้อมแล้วแต่จู่ๆ ก็มีสายเข้ามาพอดี ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นเบอร์โทรของต๊ะจากต่างประเทศ

   “แป๊บนะพัฒน์ ต๊ะมันโทรมา “ผมบอกพัฒน์ พัฒน์พยักหน้า

   (ว่าไงต๊ะ) ผมถามต๊ะ ต๊ะคือน้องชายที่อายุห่างกันไม่ถึงปี เรียกได้ว่าหัวปีท้ายปี เหมือนไอ้หมอดิมกับหมอดรีม ไอ้อ้นกับอั้มประมาณนั้น ตอนนี้ต๊ะดูแลกิจการที่ต่างประเทศ ต๊ะไม่คิดจะกลับมาอยู่เมืองไทยเลยเพราะว่ามีความหลังที่เจ็บปวดซ้อนอยู่ พวกผมก็ไม่เคยคิดจะรื้อฟื้น ถ้าเขาไม่พร้อมพ่อและผมก็ไม่อยากบังคับเขา

   (พี่ตุ๊) ต๊ะเรียกผม

   (มีเรื่องเหรอต๊ะ) ผมถามน้องชายผม

   (ไม่เท่าไหร่พี่ พอดี มียูทูปเบอร์อ่ะ ไม่พอใจและดูท่าจะเอาโรงแรมเราไปปล่อยคลิปวิดีโอไม่ค่อยดี ผมว่าจะให้ทางโรงแรมทุกสาขา แบนยูทูปเบอร์คนนี้นะครับพี่ตุ๊) ต๊ะพูด

   (ได้ซิพี่จัดการให้ต๊ะ) ผมบอกน้องชายผม

   (แต่รอให้พี่กลับไปก่อนน่ะ พี่มาทำธุระ) ผมบอกน้องชายผม

   (พี่ตุ๊ ผมอยากให้พี่เลิกยุ่งกลับครอบครัวนี้สักทีเถอะพี่ พี่พาพัฒน์ไปน่ะ สงสารพัฒน์ ขนาดไอ้ต้าร์มันแข็งๆ มันยังเข็ดขยาดไม่อยากไปเลยพี่) ต๊ะพูด ผมก็หันมามองพัฒน์

   (แม่ของน้องขวัญน่ะ เขาดีก็จริงแต่ดีกับพี่คนเดียวน่ะ ไอ้ต้าร์มันบอกว่าเขาร้ายกับพัฒน์น่ะ ทั้งที่พัฒน์น่ะเป็นเพื่อนรักลูกเขาแท้ๆ) ต๊ะพูด

   (พี่จะไม่มาแล้ว พี่จะบอกเขาเหมือนกันว่ะต๊ะ ว่าครั้งนี้ครั้งสุดท้าย) ผมบอกต๊ะ

   (ครับพี่ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ผมมีสายเข้านะครับพี่ตุ๊ บายครับ) ต๊ะพูดก่อนจะวางสายไป ผมหันมามองคนข้างๆ ผมอีกที ก่อนจะพยักหน้าว่าพร้อมแล้วที่จะออกไปเผชิญ วันนี้มีรถมาจอดหลายคนเลย ผมเดาว่าน่าจะเป็นลูกหลานของแม่ขวัญเขา เมื่อก่อนยังเด็กๆ ตอนนี้น่าจะโตจนเรียนจบมีงานทำกันแล้ว ก็คงมีรถขับกันหมดแล้ว

   “พัฒน์ “ผมหันมาเรียกพัฒน์ ขณะที่ผมเดินออกมาจากรถแล้ว

   “ครับพี่ตุ๊” พัฒน์ตอบผม

   “พัฒน์ พี่สัญญาน่ะว่าจะไม่มาแล้ว ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย” ผมพูด

   “ครับพี่ตุ๊” พัฒน์ตอบผม ผมมองหน้าพัฒน์ ผมเห็นว่าปอยผมมันตกลงมาบังหน้าผากพัฒน์ ผมเลยใช้นิ้วตวัดขึ้นไป ใบหน้าที่ดูเรียบง่าย แต่ดูหวานละมุนในแบบที่พัฒน์เป็นมันทำให้ผมยิ้ม แต่มันก็มีความสับสนใจหัวผมอยู่ ว่าคนตรงหน้านี้ควรจะอยู่กับผมหรือว่าควรจะไปเจอสิ่งที่ดีกว่า แต่ใครก็ต้องถามอยู่ดีว่า ถ้าผมยังไม่ดีแล้วใครจะดีกว่า ผมตอบได้ว่าคนนั้นคือพ่อผมเอง พัฒน์ดูแลพ่อผมดีกว่าลูกแท้ๆ ของพ่อซะอีก

   “พี่ตุ๊ เข้าไปด้านในกันดีกว่า” เสียงที่ทำให้ผมตื่นจากภวังค์เพราะว่าผมมองพัฒน์นานไปหน่อย ผมยิ้มแก้เกร้อก่อนจะพยักหน้าและพากันเดินไปที่บ้าน ผมจอดรถค่อนข้างไกลไปหน่อย ดูจากจำนวนรถแล้ว ปีนี้คนมาเยอะ พ่อแม่ของขวัญเป็นที่รู้จักและบ้านเขาก็วงศาคณาญาติเยอะอยู่แล้วด้วย

   จังหวะที่ผมกำลังเดินผ่านรถที่จอดเรียงกันอยู่ จู่ๆ พัฒน์ก็หยุดชะงัก ผมก็ต้องหยุดตามก่อนจะหันมองไปตามที่พัฒน์มอง รถคันสีแดงแต่งลายคิตตี้ทั้งคัน มีตุ๊กตาคิ๊ตตี้เรียงอยู่ ดูท่าจะแฟนคลับตัวยงเลยแต่ว่า พัฒน์ไม่น่าจะใช้น่ะ

   “มีอะไรเหรอพัฒน์” ผมถามพัฒน์ พัฒน์หันมามองหน้าผม

   “ผมว่าผมเห็นรถคันนี้จอดที่โรงเรียนของเราเมื่อวานครับ ตอนที่ผมเดินลงมาเพื่อจะกลับบ้าน ตอนโรงเรียนเลิกพอดีนะครับ” พัฒน์พูด

   “พัฒน์คิดว่าเป็นรถของครูที่โรงเรียนเราอย่างนั้นเหรอ” ผมถามพัฒน์

   “พัฒน์ไม่แน่ใจครับพี่ตุ๊ แต่ว่าทุกอย่างในรถเหมือนกันยกเว้นทะเบียนรถ ผมเองก็จำไม่ได้ด้วยและรถคันที่ผมเห็นก็จอดอยู่ในช่องแขกที่มาติดต่อครับพี่ตุ๊” พัฒน์พูด

   “ไม่น่าจะใช้รถคันเดียวกันหรอกพัฒน์ เพราะเมื่อวานก็ไม่มีใครมาติดต่อพี่นอกจากครูคนใหม่และเขาก็ไม่น่าจะใช่สาวกคิตตี้แน่นอน” ผมพูดพัฒน์ยังคงมองรถคันนั้นอยู่

   “รถมันก็คันเล็กไป ขนาดเก้าอี้ที่ทำงานในห้องพี่ เขายังนั่งลงไปแล้วลุกไม่ขึ้นเลย ไม่ต้องถามถึงรถคันน่ารักคันนี้ เซลขายรถไม่แนะนำแน่นอนเชื่อพี่” ผมหันมาพูดกับพัฒน์ แน่นอนต้องยกแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบาย พัฒน์มองหน้าผม

   “ส่วนจะเป็นคุณน้ำหวาน ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เพราะนางมาแต่ล่ะทีขนคนมาคุ้มกัน ราวกับว่านางคือประธานาธิบดี “ผมพูด ผมยอมรับว่าผมคือผู้ชายปากร้าย พัฒน์หันมามองผมก่อนจะพ่นลมออกมาทันที พัฒน์ไม่ใช่ผู้ชายปากร้ายเหมือนผมไง เป็นแม่พระ ใจบุญมาก ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าแม่พระคนนี้ มีคนแอบว่าลับหลังได้ลงคอ

   “ตุ๊!!” เสียงที่ทำให้ผมต้องหันไปมอง แม่ของขวัญนั้นเอง เขาเดินตรงปรี่มาทางผมสองคนทันที

   “สวัสดีครับคุณแม่” ทั้งผมและพัฒน์ แต่ดูแล้วแม่ของขวัญ ตั้งใจรับไหว้แค่ผม

   “ตุ๊ แม่เห็นไม่เข้าไปสักที เลยเดินมาตามลูก” แม่ของขวัญพูด ผมหรี่ตาลงมอง รู้ได้ยังไงว่าผมมาถึงแล้ว

   “แม่ทราบเหรอครับ?” ผมถามแม่ของขวัญเขากลับ

   “แม่มองจากกล้องวงจรปิดน่ะ “แม่ของขวัญพูด ผมก็หันไปมอง มีกล้องวงจรปิดจริงๆ ด้วย มีหลายตัวเลย

   “ไปลูก ทุกคนรออยู่แล้ว โดยเฉพาะ ขวัญ ถึงเขาจะเสียไปแต่แม่ก็เชื่อว่าขวัญ คิดถึงตุ๊ตลอดเวลาแน่นอน” แม่ของขวัญพูด ไม่พูดเปล่าดึงแขนผมให้เดินตามทันเข้าไปด้วยแต่ไม่ดึงแขนพัฒน์ ผมหันมามองพัฒน์ก่อนจะขืนตัวไว้ แม่ของขวัญหันมามองผมและหันไปมองพัฒน์

   “อู้ย! แม่ขอโทษทีน่ะ พัฒน์ แม่ไม่เห็นลูก” แม่ของขวัญพูดว่าไม่เห็นพัฒน์

   “เข้าบ้านกันซิลูก” แม่ของขวัญพูดกับพัฒน์ ผมพยักหน้ากับพัฒน์จึงเดินตามเข้ามา ส่วนแม่ของขวัญก็จับแขนผมเอาไว้แน่น

   “คุณแม่ครับ ผมเดินเองดีกว่าครับเดี๋ยวจะพาคุณแม่หกขะล้มซะเปล่าๆ” ผมพูดก่อนจะแกะมือของคุณแม่เขาออก ผมหันไปมองพัฒน์เป็นระยะๆ

   “แม่ดีใจน่ะที่ลูกตุ๊มา ดีใจเหมือนแม่ได้เจอลูกตัวเองอีกครั้ง ถึงจะปีละครั้งก็เถอะ” แม่ของขวัญพูด

   “นี่พ่อเขาก็รออยู่น่ะ “แม่พูดกับผม ผมพยักหน้า

   “วันนี้คนมาเยอะกว่าทุกปีนะครับคุณแม่” ผมพูด แม่ของขวัญเขาหันมามองหน้าผม

   “ใช่จ้ะเพราะว่าน้องๆ ของขวัญเขาเรียนจบกัน มีงานทำกันแล้วก็มาได้เพราะว่าตอนเรียนก็เรียนกันหนักน่ะ เรียนที่ดีดีทั้งนั้น มหาวิทยาลัยดังๆ อะไรแบบนี้” แม่ของขวัญพูดแต่ทำไมเลือบไปมองพัฒน์ตอนที่บอกทุกคนเรียนมหาวิทยาลัยดังๆ ผมแค่แปลกใจ

   “มหาวิทยาลัยดัง ดัง ก็เป็นตัวเลือกที่ผมยอมรับว่ามาอันดับต้นๆ เวลาพิจารณาแต่ว่าคนทำงานเป็นกลับไม่จำเป็นต้องมหาวิทยาลัยดังนะครับ เท่าที่ผมเจอมา” ผมพูด แม่ของขวัญหันมามองผม

   “มันไม่ใช่ตัวชี้วัดสำหรับผมครับ” ผมพูด

   “ดูจากพัฒน์ซิครับ เก่งกว่าผมอีก แก้ปัญหาได้ดีกว่าผมอีกด้วย ผมเองยังต้องรับคำแนะนำจากพัฒน์เลยนะครับ” ผมพูดพัฒน์

   “อย่ามาท่อมตนเลยตุ๊ ตุ๊น่ะเรียนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าขวัญอยู่นี้คงได้ทำงานด้วยกันช่วยเหลือกันได้มากกว่านี้น่ะแม่ว่า” แม่ของขวัญพูด

   “ผมก็..” ผมก็จะพูดต่อ

   “เอาเถอะ เข้าไปหาน้องดีกว่า น้องน่าจะดีใจมาที่ตุ๊มา มาทุกปีเลยน่ะ เพื่อน้องนะตุ๊ แม่มีลูกคนเดียวพอตุ๊มาเป็นแฟนน้อง แม่คิดว่ามีลูกสองคนไปแล้วเนี๊ยะ ทุกวันนี้ตั้งตารอ” แม่พูดพร้อมกับรีบผลัดดันผมเข้าไป ผมหันมามองพัฒน์ เป็นแบบนี้ทุกที ปีที่แล้วต้าร์เดินออกไปเลย คนที่อีโก้สูงอย่างต้าร์ไม่ยอมใครอยู่แล้ว ผมหันมามองพัฒน์เป็นระยะๆ เช่นกัน พัฒน์พยักหน้ากับผมว่าเขาโอเค

                                               *****
   Part’ s พัฒน์ ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ เป็นแบบนี้ทุกปี ทุกครั้งที่มางานทำบุญให้ขวัญ ทั้งที่ผมเองที่รู้จักขวัญและพ่อแม่ของขวัญก่อนพี่ตุ๊ แต่พอขวัญประกาศว่าเธอเป็นแฟนพี่ตุ๊ เท่านั้นแหละผมเหมือนที่เขาเรียกกันว่าหมาหัวเน่า และยิ่งนับวัน มันก็หนักขึ้น เหมือนเขาพยายามกันผมกับพี่ตุ๊ เขาไม่เคยรู้ว่า ผมเองที่ช่วยให้เขาสองคนได้รู้จักและเป็นแฟนกันทั้งที่ในหัวใจผมเจ็บปวด ผมไม่กล้าเอื้อมที่จะคว้าพี่ตุ๊มาเป็นแฟน แม้กระทั่งตอนนี้ก็เถอะ

   “ถ้าพี่ขวัญอยู่ พี่ตุ๊กับพี่ขวัญคงเป็นคู่รักที่น่ารักมากน่ะ” น้องๆ ของขวัญพูด ผมเจอเขาบ่อยตอนที่ยังเป็นเพื่อนกับขวัญ แต่ว่าเขาก็เด็กๆ กัน สิบสองสิบสามตอนนี้คงเรียนจบกันหมดแล้ว พวกเขาก็ไม่ค่อยชอบผมหนัก ผมทราบดีและยิ่งขวัญมาเสียไป เขายิ่งเกลียดผมหนัก ทั้งที่ผมไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องนี้เลย

   ตึ้ง!! ข้อความเข้ามือถือของผม เป็นข้อความจากต้าร์ ผมรีบเปิดดูทันที

   (พัฒน์ พี่ตุ๊ยังพาพัฒน์ไปดูอะไรแย่ๆ ที่บ้านอีขวัญอีกเหรอ?” ต้าร์ถามผม ต้าร์ไม่ชอบขวัญเอาซะเลยแต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ต้าร์ไม่เคยบอกเรื่องนั้นแต่ที่แน่ๆ เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมากทั้งที่ก่อนก็เกือบจะสนิทกัน เราก็เหมือนแก้งเดียวกันมาก่อน แต่ต้าร์เขาเพื่อนหลายกลุ่มและต้าร์ค่อนข้างฮอต ต้าร์เคยเป็นนายแบบมาก่อนด้วยแต่โดนสั่งห้ามเมื่อต้าร์ไปมีเรื่องกับลูกนักการเมืองและนั้นต้าร์ก็ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ตอนนี้จะจบปริญญาตรีแล้ว พ่อยังไม่ให้ต้าร์กลับมาเลย

   (เดี๋ยวสักพักก็จะกลับแล้วล่ะต้าร์) ผมส่งข้อความกลับไป

   (เบื่อพี่ตุ๊ พัฒน์ควรจะบอกพี่ตุ๊ได้แล้วว่าไม่โอเคที่จะไป เหมือนที่ต้าร์ทำ เขาจะได้เลิกชวนพัฒน์ไปซะที) ต้าร์บอกผม ผมก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความ

   “วิน!!”

   “บอกว่าให้เรียกวินนี่!!! “ชื่อนี้ เหมือนชื่อครูที่มาใหม่เลย ผมรีบเงยหน้าขึ้นแต่ว่าผมเห็นแค่หลังแว๊ปๆ รูปร่างค่อนข้างหนาไปทางใหญ่

   “อีอ้วนรีบเข้ามา เดี๋ยวอีนั้นมันก็เห็นมาแกหรอกและคงไปบอกเขาคนนั้น คราวนี้แผนมึงแตกเองไม่มีใครทำ” ผมได้ยินแว้วๆ

   “นิพัฒน์” ผมสะดุ้งเมื่อมีคนเรียกชื่อผมแบบขอไปที

   “แม่ของพี่ขวัญเขาให้มาเรียกไปทานอาหารกลางวันน่ะ จะไปนั่งเสนอหน้าตรงโน้นไหมล่ะ” ผมหันมามองคนที่ถามผม นี้คือคำเชิญเหรอ

   “คุณตุ๊เขานั่งอยู่ตรงโน้นอ่ะ อยากไปไหมล่ะ “เธอถามผมยิ้มๆ

   “คุณเชิญผมแบบนี้เหรอ” ผมถามเธอกลับทันที

   “จะให้เชิญแบบไหนดีล่ะ ดอกไม้ธูปเทียนเหรอ “เธอถามผมกลับ

   “ฉันไม่ให้อภัยคนที่หักหลังพี่พวกฉันหรอกน่ะ ทำเป็นแม่สื่อให้พี่ขวัญเพราะตัวเอง ไม่มีค่าพอจะดึงเขาลงมาและนี้อะไร เอาตัวไปให้เขาลับหลังพี่ขวัญ “เธอพูด ผมถึงกลับลุกขึ้นมองหน้าเธอ เธอยิ้มที่มุมปากทันที

   “ทำไม พูดแทงใจดำเหรอ” เธอถามผม

   “ไม่ใช่ครับเพราะว่าทุกคำพูดที่คุณพูดมา มันไม่ใช่ความจริงแต่ที่ผมรู้สึกคือ คุณกล้ามาพูดแบบนี้ในงานวันครบรอบวันเสียชีวิตพี่ที่คุณรักมากแบบนี้เหรอ คุณควรจะพูดแต่เรื่องดีดีไม่ใช่เหรอครับ” ผมถาม จังหวะนั้นก็มีน้องๆ ของขวัญ ไม่ใช่พี่น้องแท้แต่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เธอพากันมายืนกอดอกมองผมแบบเหยียด

   “เวลาเอาคืนมันมาถึงแล้ว อีหน้าด้าน!!” คนตรงหน้าผมพูด ผมมองหน้าแต่ล่ะคน พี่ตุ๊ก็ถูกแม่ของขวัญดึงตัวอยู่ด้านใน คุยกับพ่อของขวัญและลุงป้าน้าอาของขวัญด้านในซะด้วย

   “อ้าวนี้ ไม่เรียก พัฒน์เข้าไปทานอาหารล่ะ” แม่ของขวัญเดินเข้ามาพอดี

   “ก็เรียกแล้วคุณน้าแต่ว่าจะให้ไปนั่งด้านนอกเหรอ” คนที่มาเรียกผมไปทานอาหารหันไปบอกแม่ขวัญ

   “นั้นซิ เธอจะยังกล้าไปเจอหน้าพ่อของขวัญเขาอีกเหรอพัฒน์” แม่ของขวัญพูด

   “แล้วตอนนี้ เป็นไงล่ะ ผลักตัวเองไปอยู่โรงเรียนต่างจังหวัดยังจะลากตุ๊ไปอยู่ด้วยอีกเหรอ สุดท้ายธาตุแท้เธอก็โผล่ออกมา” แม่ของขวัญพูด

   “แม่ครับ แม่เลิกโทษผมซะทีได้ไหมครับ ผมไม่ได้ทำให้ขวัญ เสียชีวิตนะครับ” ผมพูด

   “แกบอกให้ขวัญออกไปคุย แกทำให้ขวัญผิดใจกับตุ๊” แม่ของขวัญพูด

   “ผมไม่ได้..”

   “ฉันมีหลักฐานแต่ว่าฉันไม่ใช่กฎหมายเอาคือหรอกนะ ตอนนี้แกรอรับกรรมได้เลย” แม่ของขวัญพูด

   “แม่ครับ” ผมเรียกแม่ของขวัญ ผมพยายามจะอธิบาย

   “ฉันไม่เชื่อว่าแกไม่ใช่ต้นเหตุ แกน่ะคือต้นเหตุและทุกปีที่ฉันอยากให้ตุ๊มาเพื่อให้แกมาดูสิ่งที่แกทำ!!!” แม่พูด

   “นี้คือเหตุผลหลักใช่ไหมครับ คุณแม่” เสียงพี่ตุ๊ เดินเข้ามาพอดี แม่ขอวขวัญหน้าซีดทันที ตกใจที่เห็นพี่ตุ๊เข้ามาในห้อง พี่ตุ๊มองหน้าทุกคนจนไปหยุดที่แม่ของขวัญ

   “นี้คือเหตุผลใช่ไหมครับแม่!” พี่ตุ๊ถามแม่ของขวัญ

   “คุณแม่ครับ ผมว่ามันน่าจะเคลียร์กันไปนานแล้วนะครับ ขวัญก็เสียไปหลายปีแล้ว สิ่งที่ผมกับพ่อเคยบอกไปแล้วว่าพัฒน์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของขวัญ ทำไมแม่ยังไม่ยอมรับมันอีกครับ ว่าขวัญเขาเสียเพราะเขาฆ่าตัวตาย” พี่ตุ๊พูด

   “แม่มีหลักฐานว่าใครไปคุยกับขวัญ!!”

   “งั้นแม่ก็เอามาให้ผมดูซิครับ ผมมานี้เพราะว่าแม่ก็พูดคำนี่แต่ผมไม่เห็นสักที!!” พี่ตุ๊พูด

   “ตุ๊” แม่ของขวัญค่อนข้างตกใจที่เห็นพี่ตุ๊ขึ้นเสียง นี้เป็นครั้งแรกจริงๆ แต่ล่ะคนมองหน้ากันเลิกลักและพยักหน้าพากันเดินออกไป ผมเองก็จะหันหลังออกเช่นกัน

   “หมับ!” พี่ตุ๊คว้าข้อมือผมเอาไว้ซะก่อน

   “แม่ ผมจะไม่มาแล้วนะครับ ผมขอเป็นครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ผมไม่อยากรู้แล้วว่าหลักฐานบ้าบออะไรที่แม่มี ผมไม่สนแล้วและลูกชายแม่เขาเสียไปนานแล้ว “พี่ตุ๊พูด

   “เขาไม่ได้เสียชีวิตเพราะพัฒน์คือต้นเหตุ ไม่ใช่เลย” ผมพูด

   “แต่ขวัญเขา”

   “ผมกับขวัญเลิกกันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต” พี่ตุ๊พูด

   “แม่ ผมไม่อยากจะพูดด้านที่ไม่ดีของขวัญให้แม่รู้ แม่คิดเสมอว่าลูกแม่น่ารัก ลูกแม่เป็นเด็กแต่ความจริงแล้ว แม่น่าจะรู้ดีว่าขวัญเขาเป็นคนมีโลกสองใบมานานแล้ว” พี่ตุ๊ ผมหันไปมองพี่ตุ๊ พี่ตุ๊รู้เรื่องนี้ แม่เองยังชะงักเท้าถอยหลังเพราะตกใจ

   “แม่น่าจะทราบตรงนี้ดี ใช่ไหมครับ” พี่ตุ๊พูด

   “ด้านที่ไม่ดี ผมเลยไม่เอ่ยถึงเพราะว่าแม่ก็เสียใจที่เสียลูกไปแล้ว ส่วนพัฒน์น่ะ เขาเป็นเพื่อนที่ดีของขวัญตั้งแต่ที่เขารู้จักกันจนนาทีสุดท้ายพัฒน์ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของขวัญ” พี่ตุ๊พูด

   “แต่วันที่ขวัญเสีย” แม่ทำท่าจะอธิบายแต่พี่ตุ๊ยกมือห้ามเอาไว้

   “แม่ครับ พัฒน์ไม่ได้ไป ผมยืนยันได้” พี่ตุ๊พูด

   “เพราะว่าพัฒน์เขาอยู่กับผมทั้งวัน วันนั้น” ประโยคนี้ทำให้แม่ยกมือขึ้นมาปิดปาก

   “ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่ขวัญเคยพูดเอาไว้มันคือความจริง ตุ๊กับพัฒน์ ใช่ไหม” แม่ถามพี่ตุ๊

   “แล้วมาคบกับลูกแม่ทำไม” แม่ของขวัญถามพี่ตุ๊ ผมรู้แม่เขายังเสียใจเรื่องลูก ผมเองก็เสียใจเพราะว่าขวัญคือเพื่อนคนแรกของผม

   “เพราะ…. พัฒน์เขาขอให้ผมคบขวัญเพราะว่าขวัญเขา ขอพัฒน์อีกทีและขวัญเขาเหมือนเริ่มป่วย ผมไม่แน่ใจจะไบโพลาร์หรือว่าอะไร แต่พัฒน์เขาอยากประคับประคองให้ขวัญได้เรียนให้จบ ผมก็ทำตามที่พัฒน์ขอ” พี่ตุ๊พูด

   “ตอนแรกก็ไปกันได้ ผมก็คิดว่าน่าจะดีแต่สุดท้าย …” พี่ตุ๊พูด ผมมองพี่ตุ๊

   “แม่อย่ารู้เลยครับ ผมว่าแม่ปล่อยวางและจำภาพที่ดีขวัญดีกว่า ตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้ ขวัญเขาอาจจะไปเกิดใหม่แล้วก็ได้นะครับ “พี่ตุ๊พูด

   “ดังนั้นผมคิดว่าหน้าที่ของผมมันน่าจะพอแล้ว ขอบคุณนะครับคุณแม่ที่เอ็นดูผมเหมือนลูกคุณแม่แต่พัฒน์ก็เป็นลูกบุญธรรมที่พ่อผมรัก ผมก็ควรจะแคร์ความรู้สึกของพัฒน์เช่นกัน ในเมื่อแม่ไม่ต้อนรับพัฒน์ ผมก็ไม่จำเป็นต้องมาอีก ผมลานะครับ “พี่ตุ๊พูดพร้อมกับดึงแขนผมไป ผมหันไปมองแม่ของขวัญ ที่ทำท่าจะเป็นลม ลูกหลานแม่เขาก็วิ่งเข้ามาช่วยพยุง

 

   พี่ตุ๊ก็รีบลากแขนผมไอ้ออกไปจากตรงนั้น พี่ตุ๊เร่งฝีเท้าจนมาถึงรถ ผมหันไปมอง จู่ๆ ผมก็เห็นเหมือนใครสักคนแอบมองผมอยู่ แววตาเกรี้ยวกราดแต่ว่ามันผลุบหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนพี่ตุ๊ก็เปิดประตูและรีบให้ผมเข้าไปในรถ ส่วนพี่ตุ๊ก็รับเข้ามานั่งทำหน้าที่คนขับก่อนจะเร่งเครื่องยนต์รถสปอร์ตคันหรูออกไปทันทีโดยไม่ได้พูดอะไร ผมปล่อยให้ความเงียบทำให้พี่ตุ๊เย็นลง ผมไม่เคยเห็นพี่ตุ๊เดือดแบบนี้มาก่อนเลย

   “พัฒน์ พี่ขอโทษน่ะที่พี่ไม่ฟังน้องๆ ว่าเขาพูดอะไรแย่ๆ กับเราบ้าง” พี่ตุ๊พูด

   “ผมไม่ถือโทษโกรธแม่ของขวัญเขาหรอกครับ ผมเข้าใจ แม่เขารักขวัญมากมาเสียขวัญไปแบบนั้น “ผมพูด

   “พี่ไม่ได้อยากพาพัฒน์ไปเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้เพราะพี่ยังอาลัยอาวรณ์ขวัญนะพัฒน์พี่ตุ๊หันมามองผมแว๊ปหนึ่ง

   “พี่อยากรู้ว่าหลักฐานที่เขามือคืออะไรที่เขาบอกว่า มันเป็นของคนในบ้านเราและเขาก็มั่นใจว่าเป็นพัฒน์ “พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊ คืออะไร

   “ตอนนี้พี่ไม่อยากรู้แล้ว เขาจะเก็บมันไว้ก็เรื่องของเขาเพราะว่าขวัญก็เสียไปแล้ว นานแล้วด้วย” พี่ตุ๊พูด

   “คนที่พี่ควรจะแคร์คือคนที่ยังมีลมหายใจและอยู่ข้างๆ พี่นี้ครับ ไม่ใช่คนที่หมดลมหายใจไปแล้ว” พี่ตุ๊พูด ผมมองพี่ตุ๊ ตอนนี้พี่ตุ๊นำรถเข้ามาจอดในบ้านเรียบร้อยแล้ว

   “แต่พี่ยังคาใจบางอย่างแต่ช่างมันเถอะ ยิ่งหาก็ยิ่งทำให้คนข้างๆ พี่ลำบากใจไปด้วย ดังนั้นพี่ไม่หาแล้ว สิ่งนั้นน่ะ” พี่ตุ๊พูด

   “ถึงหาไปมักก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี “พี่ตุ๊พูด

   “พี่ตุ๊ ตามหาอะไรเหรอครับ “ผมถามพี่ตุ๊

   “เขาบอกว่าได้บางอย่างไป เขาน่ะไม่เอะใจการเสียของขวัญแต่เขาบอกว่ามีคนในครอบครัวนัดขวัญออกไปคุยและสิ่งที่เขาได้จากขวัญมันคือหลักฐานว่ามาจากบ้านเราพัฒน์ “พี่ตุ๊พูด

   “แต่มันน่าแปลกใจทำไมเขาไม่บอกพี่กับพ่อพี่ตั้งแต่แรกๆ ที่เราไปส่วมงานศพของขวัญแต่เขากลับเก็บมันมาได้ถึงตอนนี้และมาอยากรู้อะไรตอนนี้” พี่ตุ๊พูด

   “แล้วพี่ก็อยากรู้เหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊

   “มันคาใจพี่ พี่หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่พี่คิด พี่เองก็รอให้เขาบอกแต่เขาก็ไม่บอกพี่สักทีว่ามันคืออะไร บ้าชะมัด! “พี่ตุ๊พูด

   “เอาเถอะพี่ว่าพี่ไม่อยากรู้แล้ว พรุ่งนี้เราค่อยเดินทางกลับตอนเย็นๆ หน่อยแล้วกันน่ะพัฒน์เพราะว่าพัฒน์รีบกลับไปก็รีบทำนั้นทำนี้อยู่ดีไม่ได้พัก” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าว่าคงตามนั้น พี่ตุ๊ก็หันไปสนกับท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถมากมายหลากหลายขนาด มีทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ ดูวุ่นวาย ไม่แพ้ในหัวผมเลย มีความคิดวุ่นวายมากมาย ผมเองก็พยายามปล่อยวางให้ได้ พยายามทำตามที่พ่อภาคย์บอกผมเสมอว่าหูผมน่ะเลือกที่จะฟังได้ ฟังแต่สิ่งที่ดี สิ่งไหนที่ไม่ดีให้ปล่อยผ่านและสมองผมก็ควรจะเลือกจดจำได้ นั้นคือจำแต่สิ่งที่ดี อันไหนไม่ได้ก็หลงลืมไปบ้าง ผมพยายามแล้วแต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าการที่ได้มาอยู่ตรงนี้ เหมือนคนมีบุญแต่กรรมบัง มีแต่คนมองผมในแง่ไม่ดีตลอด

   TBC….

 

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.5 สิ่งที่พี่ตุ๊คิด

               Part’ s พี่ตุ๊ หลังจากที่กลับมาจากงานทำบุญครบรอบวันเกิดของขวัญ ขวัญเสียไป 7 ปีแล้วแต่ว่าผมยังได้รับคำเชิญจากแม่ของขวัญให้ไปร่วมทุกปี ปีแรกผมก็ลากต้าร์ไปด้วย ต้าร์เองก็รุ่นเดียวกับพัฒน์ เขาเป็นเพื่อนขวัญแต่ไม่สนิทกันมากเหมือนพัฒน์ พัฒน์น่ะอ่อนโยนมันเลยทำให้ขวัญมองความอ่อนโยนเป็นอะไรผมเองก็ไม่แน่ใจแต่ขวัญไม่เคยมองพัฒน์ในธานะเพื่อนที่จริงใจแน่นอนแต่พัฒน์บอกผมว่าเขาเข้าใจขวัญเพราะว่าขวัญป่วย เป็นโรคไพโบลาร์ เหมือนคนมีโลกสองใบในคนเดียวกัน มีโลกที่สวยงามและโลกที่เหมือนซาตาน และนี้ทำให้ผมทนคบขวัญไม่ไหวจริงๆ ผมไม่โกรธที่เขาไปนอนกับไอ้อ้นแต่ว่าผมโกรธเพราะว่าตอนนั้นไอ้อ้นมันทำให้ต้าร์เริ่มเปลี่ยนไปนี่แหละ ถึงต้าร์จะไม่ได้บอกผมว่าต้าร์แอบคบกับไอ้อ้น แต่ถึงขั้นไหน ผมว่าน่าจะยังไม่ไกลมาเลยพยายามกันต้าร์ออกมาจนส่งไปเรียนเมืองนอกนั่นแหละ

            ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนและเป็นห้องทำงานด้วยเช่นกัน ห้องนอนผมกว้างมาก ผมเดินไปยังประตูห้องนอน พร้อมกับเปิดเข้ามาและคนที่มายืนเคาะประตูไม่ใช่ใครอื่นนั้นคือน้องชายผมเอง ต๋อมกับแต๋ม เป็นคู่แฝดกัน

      “ว่าไง” ผมถามทั้งคู่

      “ผมจะกลับแล้วอ่ะพี่ตุ๊” น้องชายฝาแฝดบอกผม

      “เดินทางกลับดีดีล่ะและช่วยห้ามปรามน้องรักเราด้วยไอ้ต้าร์น่ะ ส่งไปอยู่ด้วยกันเพื่อช่วยๆ ดึงกันไม่ใช่ดันกันไปด้วย น่าจริงๆ” ผมพูด

      “มาเคาะประตูให้พี่ตุ๊บ่นแท้ๆ เลยอ่ะ” แต๋มบ่นผมทันที ผมชี้นิ้วน่าจะจริงๆ น้องชายแต่ล่ะคนของผม (ทำไมน้องไอ้อ้นมันไม่เหมือนน้องชายผมบ้างว่ะ) ผมแอบคิดในใจ ผมเหลือบมองยังมาทำปากขมุบขมิบนินทาพี่อีก

      “ให้ใครไปส่งที่สนามบิน หึ?” ผมถามทั้งคู่

      “พี่พงษ์ไงเพราะว่าพี่พงษ์เขาขอพ่อกลับไปหาภรรยาเขาอ่ะ ที่กำลังจะคลอดที่คลองสาม ส่วนพี่เมฆยังไม่กลับมาเลยและคิดว่าคงไม่รอล่ะ เดี๋ยวต้องไปวิ่งหาเกตขึ้นเครื่องอีก นี้ไอ้ตอลคงลากพี่เมฆไปหาที่ถ่ายรูปสวยๆ ไกลแน่ๆ เลย ป่านนี้ยังไม่กลับเลย” ต๋อมพูด ผมเหลือบมองนาฬิกาแบรนด์เนมหรู นี้พี่เมฆยังไม่กลับมานั้นแปลว่าตอลก็ยังไม่กลับเหมือนกันน่าจริงๆ น้องคนนี้

      “พี่ตุ๊ งั้นผมสองคนลาเลยน่ะและผมสองคนจะลงไปไหว้พ่ออีกคน ตอนนี้ไหว้พ่อเบอร์หนึ่งไปแล้ว เหลือพ่อเบอร์สองอยู่ด้านล่าง” แต๋มพูด ผมพยักหน้าแต่ว่ามันบอกว่าลงไปไหว้พ่ออีกคน นั้นมันก็ว่าผมเป็นพ่อมันซิ

      “ไอ้ต๋อม!!” ผมหันมาอยากจะเค้กกบาลมันจริงและทั้งคู่ก็เดินลงไปซะก่อน ผมเดินกลับเข้าห้อง ตั้งแต่กลับมาผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพัฒน์เลย พัฒน์หายเข้าห้องไปไม่รู้ไปนอนหรือไปทำอะไร ถ้าผมกับพัฒน์อยู่บ้าน ผมจะไม่แสดงอะไรเหมือนที่เคยทำที่บ้านพักครู ผมยังไม่กล้าต่อหน้าน้องๆ และยิ่งพ่อด้วย ผมยิ่งไม่กล้า ไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เหมือนกัน ผมได้ยินมาเยอะมากเกี่ยวกับพัฒน์และพ่อผม ผมรู้ว่าพ่อไปหาพัฒน์ บ่อยที่นั่นและพักที่โรงแรมเสมอ พัฒน์เองก็ดูแลพ่อผมดี ดีกว่าลูกแท้ๆ ซะอีก ทั้งที่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรม

      “กึก” ผมเปิดโน้ตบุ๊คลงก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะเดินลงไปด้านล่าง ระหว่างที่ผมเดินลงมาจนถึงชั้น จะว่าไปผมคิดว่าจะเข้าไปคุยกับพ่อผมเรื่องคุณวันชัยสักหน่อย เรื่องลูกสาวเขาด้วย ผมคิดว่าให้พ่อผมพูดเพื่อว่านายวันชัยจะฟังพ่อบ้าง พอผมเดินถึงทางเข้าห้องรับแขกสิ่งที่ผมเห็นคือพัฒน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ พ่อผม บีบนวดให้พ่อผม พ่อผมก็ลูบหัวอย่างเอ็นดู ต่อให้พ่อผมมีแฟนแล้วแต่ผมก็แอบคิดไม่ได้มันสับสน จนผมเองไม่กล้าดึงพัฒน์ออกมาเพราะว่าพ่ออาจจะต้องการพัฒน์มากกว่าผม หรือว่าเพราะผมเองที่ได้ยินสิ่งที่พนักงานโรงแรม ครูบางคนในโรงเรียน ต่างพูดถึงพัฒน์กับพ่อผม ผมเองพยายามไม่คิดอะไรตรงนี้

      “พี่ตุ๊!” ผมสะดุ้ง ก่อนจะหันมาเจอเต้ เต้เรียนมหาวิทยาลัยปีสี่แล้ว น่าแปลกเต้เลือกอยากจะเป็นเภสัชกรมากกว่า เขาชอบด้านยามาก 

      “พึ่งจะกลับมาถึงเหรอเต้” ผมถามเต้

      “ใช่ครับพี่ตุ๊ พอดีวันนี้มีคาปเรียนเสริมตอนเย็นนะครับพี่ตุ๊” เต้พูด ผมฟังเต้แต่ตายังมองพัฒน์อยู่

      “พี่ตุ๊มองใครอ่ะ พ่อหรือพี่พัฒน์” เต้ถามผม ผมหันมามองน้องชายอีกครั้ง

      “พ่อดิ “ผมพูด

      “แน่เหรอ” ไอ้เต้พูดพร้อมเลิกคิ้วสูง

   “ก็พ่อดิจะใครล่ะ จะเข้าไปคุยธุระกับพ่อหน่อยแต่พ่อยังคุยกับพัฒน์อยู่ “ผมพูดแก้เขิน จริงๆ แล้วมองพัฒน์มากว่า

      “พี่ตุ๊ สิ่งที่พี่เห็นอาจจะไม่ใช่ก็ได้น่ะ ส่วนสิ่งที่ฟังมาก็อาจจะไม่ใช่เหมือนกัน ผมว่าพี่ควรจะฟังจากปากพี่พัฒน์มากกว่า แต่น่าแปลกปกติพี่ชอบตัดสินใจให้น้องแต่ทำไม ไม่ทำให้ตัวเองบ้างล่ะ” เต้พูดก่อนจะเดินออกไป ทิ้งคำคมไว้ให้ผมคิดซะด้วย ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล่นเข้ามาในบ้านแล้ว ผมเดาได้ว่าเป็นเครื่องยนต์รถประจำบ้านของผมและเป็นรถที่ใช้รับส่งตอลและคนอื่นๆ ไปมหาวิทยาลัยและไปทำกิจกรรมนั้นนี้ ตอลเขาเข้าชมรมถ่ายภาพ

      (คุณตอลครับ ผมช่วยถือให้ครับ) พี่เมฆ คนขับรถและเป็นการ์ดฝีมือดีของบ้านผม เคยเป็นครูสอนยิงฝีมืดีและเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติมาก่อนด้วย แต่ว่าตอนนี้เขาเลือกที่จะลากมาทำงานให้พ่อของผม

      (พี่เมฆ อันนี้พี่เก็บไว้ทานน่ะ อร่อยดี)

      (ขอบคุณครับคุณตอล)

      “อะแฮม” ผมกระแอมเสียงเพื่อให้ทั้งคู่รู้ว่าผมยืนอยู่ ผมยืนกอดอกมองอยู่ด้านหลังทั้งคู่

      “พี่ตุ๊” ตอลหันมามองผมด้วยความตกใจก่อนจะหันไปรับของที่ซื้อมา ดูท่าจะไปเที่ยวตามตลาดน้ำมาแน่นอน เพราะเขาชอบไปหาสถานที่สวยๆ ถ่ายรูป

      “สวัสดีครับคุณตุ๊” พี่เมฆทักทายผม

      “เข้าบ้านตอล “ผมบอกตอล ตอลพยักหน้าก่อนจะหันไปมองพี่เมฆและเดินผ่านผมเข้าไป ผมหันมามองพี่เมฆ

      “พี่เมฆ พี่จะลากลับไปหาครอบครัวพี่บ้างใหม่ ผมยินดีน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยุ่งนะครับ” ผมพูด

      “ไม่ดีกว่าครับ “พี่เมฆบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

      “พี่ไม่ไปเยี่ยมลูกชายพี่เหรอครับ อายุเท่าไหร่แล้วนะครับ” ผมถามพี่เมฆ พี่เมฆมองหน้าผมก่นอจะหลบตาผมไป

      “อายุจะสิบแปดแล้วครับ” พี่เมฆพูด

      “ฑี่เมฆ พี่คงรู้ว่าผมไม่อยากให้หน้องผมที่มีอนาคตต้องหมองลงเพราะเรื่องพวกนี้ พี่เมฆคงเข้าใจนะครับ” ผมพูด พี่เมฆพยักหน้าผมเบาๆ

      “ผมว่าพี่ไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้พี่หยุดหนึ่งวันและวันอังคาร ผมจะรบกวนพี่ต้องไปส่งผมกับครูพัฒน์ที่โรงเรียนแทนพี่พงษ์ทีนะครับเพราะว่าพี่พงษ์เขาน่าจะอยู่กับภรรยาที่กำลังคลอดบุตรและแสตนบายที่นี้ด้วยดังนั้นพี่ต้องไปแทนพี่เขาสักพักนะครับพี่เมฆ “ผมบอกพี่เมฆ พี่เฆมนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง ผมเดินกลับเข้าไปด้านในทันที พอผมเดินเข้ามาก็เจอตอลยืนอยู่ แสดงว่าเขาได้ยินที่ผมพูดกับพี่เมฆ

      “ทำไมพี่ตุ๊ต้องให้พี่เมฆไปด้วยอ่ะแล้วใครจะไปส่งผมอ่ะ ผมต้องไปถ่ายรูปเพราะว่าผมเป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพพี่ตุ๊ก็รู้” ตอลพูดกับผม

      “เรามีคนขับรถหลายคนและพี่พงษ์ก็แสตนบายที่นี้แทน ไม่พอเหรอตอล” ผมถามตอล

      “พี่ตั้งใจ” ตองถามผม ผมหันมามองหน้าตอล

      “ใช่พี่ตั้งใจตอล” ผมพูด

      “ทำไมอ่ะ” ตอลถามผม

      “ตอล พี่เมฆเขามีลูกมีเมียแล้วน่ะตอล!” ผมหันมาบอกตอล

      “ตอลรู้มานานแล้ว” ตอลบอกผม ผมตกใจพอสมควร ตอลรู้อย่างนั้นเหรอแต่ก็ยังทำหรือ

      “เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมานานแล้วพี่ตุ๊” ตอลพูด

      “แต่เขายังคงสถานะพ่อแม่ของลูกเขาอยู่ตอลและที่สำคัญ ตอลก็ต้องไปเรียนเมืองนอกได้แล้วเมื่อเรียนจบ ดังนั้นพี่ไม่รู้ว่าพี่เมฆเขาอยากจะไปหาอาชีพอื่นทำหรือเปล่าเพราะว่าไม่มีใครอยากจมอยู่กับเราแบบนี้ไปตลอดหรอกตอล เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม” ผมพูด ตอลมองหน้าผมนิ่ง

      “ไปขึ้นบ้านนอนได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกับเดินแทรกไปทันที ผมเดินเข้าไปถึงก็เจอแค่พ่อผมนั่งอยู่ ผมเดินเข้าไปหาพ่อผม พ่อผมนั่งอ่านรายงานของโรงแรมทุกสาขาทั่วโลก พ่อหันมามองหน้าผม

      “ได้ยินเสียงคุยกัน เอ็ดอะไรน้องอีกล่ะตุ๊” พ่อหันมามองหน้าผมพร้อมกับถอดแว่นสายตาออก พ่อภาคย์มองผม

      “ตอลนะครับพ่อ” ผมพูด

      “ตุ๊ ไม่มีใครกำหนดทิศทางใครได้หรอกน่ะ เราเองก็เหมือนกัน ต่อให้เป็นพี่หรือว่าเป็นพ่อก็เถอะ” พ่อบอกผม

      “บางคนชอบคิดน่ะว่าของที่หนักมากๆ คือของที่มีค่ามาก จึงพยายามแบกมันเอาไว้ แต่ความจริงๆ มันก็แค่ก้อนหินที่ไร้ค้าแบกมาจนถึงที่หมายกลับไม่มีราคาอะไรเลย เสียเวลาเปล่าๆ “พ่อผมพูด

      “ปล่อยวางไปบ้างตุ๊ ยิ่งแบกยิ่งหนัก ไม่ใช่ซูเปอร์อีโร่ไม่ต้องไปแบกอะไรหนักหนาหรอกตุ๊ “พ่อพูด

      “พัฒน์เขาทำเอาไว้ให้ เขาบอกว่าเราไม่อยู่ในห้องน่าจะเดินไปรอตอลกลับบ้าน เลยฝากบอกพ่อว่าให้เราเอาไปดื่มด้วย จะได้หลับสบายและจะได้เลิกคิดนั้นคิดนี้ซะบ้าง คิดเยอะนะ น้องจะเรียกพ่ออีกคนกันหมดแล้ว” พ่อผมพูด ชมว่าผมหน้าแก่ขึ้นอีก ผมหยิบแก้วนมที่อุ่นเอาไว้พร้อมกับใส่น้ำผึ้งไปด้วย ให้ผมดื่มจะได้หลับสบาย พัฒน์ทำแบบนี้ให้ผมดื่มทุกคืน ตื่นมาก็เหมือนคนได้นอนผักเต็มทีจริงๆ นี้ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกันเลย อาหารเย็นก็ไม่ได้คุยกันมากเพราะว่าพัฒน์นั่งติดกับพ่อ ดูแลพ่อ ตักอาหารนั้นนี้ให้พ่อ หรือว่าผมหึงกันแน่ ไม่น่ะ ไม่น่าจะใช้

      “ตุ๊ พ่อจะไปทำธุระที่ต่างประเทศหน่อย” พ่อบอกผม

      “ไปกี่วันครับพ่อ” ผมถามพ่อผม

      “สักสามสี่วันน่ะ” พ่อบอกผม

      “เอาไอ้ตอลกับเต้ไปด้วยซิพ่อ ให้เรียนรู้การเดินทางบ้าง ไม่ใช่หาแต่ที่เที่ยวตลอน เมื่อเขาไปเรียนเมืองนอกจะได้ปรับตัว” ผมบอกพ่อผม พ่อหันมามองหน้าผมแอบสั่นหัวเบาๆ นี้คือแผนการให้น้องผมห่างๆ จากพี่เมฆบ้าง

      “ก็ได้ พ่อจะบอกตอลเองน่ะ ให้เราบอก มีหวังงอลอีกแน่นอน” พ่อบอกผม ผมยิ้มกับพ่อ

          ผมดื่มจนหมดแก้วก่อนจะเอาไว้วางเก็บไว้ในเครื่องล้างและคนใช้ในบ้านจะมาจัดการเองตอนเช้า พวกผมไม่จำเป็นต้องใช้พวกเขาเกินเวลามากหนัก ผมเดินกลับขึ้นห้อง ผมมองห้องนอนพัฒน์ ผมทำท่าจะเคาะประตูเรียกพัฒน์แต่ว่าผมไม่แน่ใจว่าพัฒน์จะนอนหรือยังนี่ซิ ใจก็อยากเรียก ใจก็อยากเข้าไปเพราะยังไม่ได้คุยอะไรกันหลังจากกลับมา ใจก็ไม่อยากรบกวน ผมง้างฝ่ามือเอาไว้แต่ไม่เตาะสักที

      “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องแต่ว่าไม่ใช่ผมที่เป็นคนเคาะเพราะว่ามือของผม ยังคงง้างรอการตัดสินใจอยู่ว่าจะเคาะเรียกดีหรืไม่ดีกว่า แต่ไม่ทันเสียแล้ว ผมจึงหันไปมองคนนั้นคือไอ้เต้น้องชายผม ไอ้น้องชายผม มันยิ้มให้ผมแบบเจ้าเล่ห์ให้ผม ผมจะหันไปด่าไอ้เต้แต่ว่าพัฒน์เปิดประตูออกมาซะก่อน มองผมแบบงง ดูจากชุดนอนน่าจะเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวเข้านอน

      “เออ พัฒน์พี่ไม่ได้..” ผมทำท่าจะปฏิเสธแต่ว่าไอ้เต้มันหายไปแล้ว มันทิ้งผมยืนอยู่หน้าประตูห้องพัฒน์คนเดียว ผมถึงได้บอกว่าพ่อสื่อเยอะมากทั้งบ้าน

      “พี่ตุ๊มีอะไรหรือเปล่าครับ” พัฒน์ถามผม

      “คือพี่จะ บอกว่า ขอบคุณเรื่องนมอุ่นนะครับ” ผมพูด พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ

      “ไม่เป็นไรนี่ครับเพราะว่าพัฒน์ก็ทำให้พี่ตุ๊ทุกวันอยู่แล้ว กลับมาบ้านก็ทำให้ปกติไม่ใช่เหรอครับ” พัฒน์พูด

      “เออ พี่จะมาบอกว่า นอนหลับฝันดีครับ” ผมพูด พัฒน์มองหน้าผมยิ้มๆ

      “นอนหลับฝันดีครับ คุณผู้อำนวยการ” พัฒน์พูด เรียกซะเต็มเชียว

      “ไม่ต้องทำแล้วนะงานน่ะและพรุ่งนี้พี่จะพาไปดูโรงแรมสาขาใหม่พึ่งจะทำพิธีเปิดไป โดยพ่อกับลุงเพราะว่าพี่ยุ่งแต่ว่าจะพาพัฒน์ไปดูสักหน่อย” ผมพูด พัฒน์ยิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

      “นอนหลับฝันดีครับ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ “ผมพูด ผมไม่กล้าขอพัฒน์นอนด้วยเหมือนที่บ้านพักหรอกครับ ผมเดินเลยไปยังห้องนอนของผมเอง เอกสารทุกอย่างทุกเก็บเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะมองแล็ปท๊อป มีงานมากมายแต่ว่าผมควรจะพักได้แล้วเหมือนกัน ที่ผมจะชวนพัฒน์เป็นโรงแรมหรู ถูกตกแต่งเอาใจคนต้องการสถานที่แต่งงานและเอาใจคู่รักที่จะมาพัก ถ้ามาเป็นครอบครัวก็ได้แต่ห้องสำหรับคู่รักจะจัดมุมให้เห็นวิวสวยๆ ของแสงไฟในกรุงเทพ ผมเลยจะลองชวนพัฒน์ไปดู วันจันทร์วันหยุดพรุ่งนี้พ่อไม่อยู่ด้วย

   TBC

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด