กุญแจดอกที่ 11
เหลือเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้นก็จะถึงวันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลครบรอบหนึ่งปีที่หม่อมเจ้าอโนทัยสิ้นชีพิตักษัย พญาไม่เห็นว่าหม่อมเจ้าวิรงรองกับเทียมฟ้าจะเตรียมการอะไรเลย ที่เรือนไทยหลังใหญ่ก็เงียบสนิท ส่วนเรือนหลังเล็กที่พญาอยู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะในตอนนี้มีเพียงแค่พญาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เขานึกถึงตอนครบรอบวันตายของมารดา นายหัวพยนต์ยังจัดงานทำบุญให้เสียใหญ่โต แต่บิดาของเทียมฟ้าเป็นถึงหม่อมเจ้าที่มเครือญาติมากมายพญาเลยคิดว่าน่าจะมีการเตรียมงานให้สมพระเกียรติของท่าน เมื่อไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทางหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองมีเหตุขัดข้องอะไรหรือเปล่า เมื่อคืนเขาบอกกับเทียมฟ้าไปแล้วว่าจะขอเป็นเจ้าภาพจัดการทุกอย่างให้แต่เทียมฟ้าก็ไม่ยอมตอบรับอะไร จะให้เขาเซ้าซี้มากๆ ก็ดูจะก้าวก่ายเกินไป มาถึงเวลานี้อยากจะถามรายละเอียดแต่เทียมฟ้าก็ไม่อยู่ให้ถามแล้ว ขนาดเจ้ากระต่ายโดนเขาสูบพลังทั้งคืนก็ยังมีแรงตื่นออกไปแต่เช้า ทิ้งข้อความเอาไว้ว่าจะพาหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองไปทำธุระและจะกลับมาอีกทีในตอนเย็น
พญารู้สึกเบื่อเพราะไม่มีอะไรให้ทำจึงออกมาเดินเล่นรอบๆ วังของหม่อมเจ้าหญิงวิรงรอง ที่นี่ดูสงบร่มรื่นดีแต่พญาคิดว่ามันมีหลายจุดที่ควรซ่อมแซม พี่ชายสองคนของเทียมฟ้าแยกไปมีครอบครัวแล้วทั้งคู่ ส่วนเทียมฟ้าก็ต้องไปอยู่ที่เกาะกับเขา หม่อมเจ้าหญิงวิรงรองก็ต้องอยู่ที่นี่เพียงลำพังกับเหล่าคนรับใช้ พญาเลยจะพูดกับเทียมฟ้าเรื่องปรับปรุงซ่อมแซมวังให้ดี พญาไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรที่นี่ เขาก็แค่อยากให้ตัวเรือนมันแข็งแรง อยากช่วยจัดตกแต่งต้นไม้ใบหญ้าเสียใหม่ให้มันไม่รก ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองและคนที่อยู่อาศัยที่นี่ แต่ติดตรงไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงให้ดูไม่วุ่นวายจนเกินไป
“ยุงพะยา หนูมาแย้ว” หนูด้วงร้องเรียกพญาพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาโดยมีมีคุณกับโอบอุ้มเดินตามหนูด้วงเข้ามา
“อย่าวิ่งครับหนูด้วง” พญาห้ามไม่ทันขาดคำหนูด้วงก็ล้มลงทันที ยังไม่ทันที่พญาจะเข้าไปถึงตัวของหลานรักโอบอุ้มก็วิ่งเข้ามาประคองหนูด้วงให้ลุกขึ้นแล้วกอดปลอบก่อนใคร แทนที่จะตัวเล็กจะงอแงกลับยิ้มแฉ่งแล้วใช้มือเล็กๆ ตบหลังโอบอุ้มเบาๆ จนพญาไม่รู้ว่าใครกำลังปลอบใคร
“หนูเก่น หนูไม่เจ็บ โอ๋ๆ นะ ปี้โอดอุ้นไม่ต้อนเฉียใจ” หนูด้วงรีบพูดออกมาทั้งที่หัวเข่าของตัวเองมีรอยแดงจากการล้มเมื่อครู่
“พี่เป่าให้นะจะได้ไม่เจ็บ” โอบอุ้มโน้มตัวลงไปเป่าที่เข่าของหนูด้วงให้
“ปี้โอดอุ้นเป็นปู้วิเฉด หนูหายเจ็บจรินๆ” หนูด้วงรีบหันไปบอกมีคุณ
“ต่อไปหนูด้วงจะต้องระวังให้มากกว่านี้นะครับ” มีคุณสอนหนูด้วง ส่วนพญาอยากจะโอ๋หลานใจจะขาดแต่เมื่อเห็นว่ามีโอบอุ้มคอยปลอบและมีคุณก็สอนแล้วจึงได้แต่มองหนูด้วงด้วยความห่วงใยแทน
“ไปไหนกันมาถึงแวะมาที่นี่ได้” พญาถามมีคุณเพราะที่นัดกันเอาไว้คือทางนับตังค์จะพาโอบอุ้มกับหนูด้วงมาส่งในวันพรุ่งนี้ไม่ใช่วันนี้
“มาส่งให้ก่อน ตังเขากลัวว่ามีใครบางคนจะเหงา” มีคุณยักคิ้วให้พญา ตอนที่เดินเข้ามาเขาเห็นพญาเดินวนไปวนมาก็รู้ว่าพญากำลังเบื่อ คนไม่เคยจากบ้านไปค้างที่อื่นนานๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะทำอะไร อันที่จริงนับตังค์ไม่ได้ให้มีคุณพาหนูด้วงกับโอบอุ้มมาส่งหรอก แต่มีคุณเองที่อยากให้หนูด้วงกับโอบอุ้มได้มาอยู่เป็นเพื่อนพญาเลยพาทั้งสองคนมาส่งเอง
“น้องตังรู้ใจพี่จริงๆ” พญาได้ทีเกทับ มีคุณฟังแล้วก็ได้แต่ขำ
“ยุงเหงามั้ย” หนูด้วงถามพร้อมกับแววตาที่เป็นประกาย
“เหงาครับ” พญานั่งย่อตัวลงไปนั่งคุกเข่าที่สนามหญ้าแล้วอ้าแขนออก หนูด้วงจึงเดินมาให้พญากอด
“ไปดูตุ๊ดแกกันมั้ย แต่หนูไม่บอดปี้โอดอุ้น ปี้โอดอุ้นจัวตุ๊ดแก” หนูด้วงเอามือป้องปากแล้วกระซิบพญา
“น้าว่าตุ๊กแกมันหนีไปหมดแล้ว” พญายิ้มแหยๆ เพราะไม่คิดว่าหนูด้วงจะจำแม่นขนาดนี้
“เสื้อผ้าของหนูด้วงอยู่ในกระเป่านี่นะ แด๊ดกลับก่อนนะครับหนูด้วง ฝากดูน้องด้วยนะโอบ อย่าดื้ออย่าซนนะครับหนูด้วง” มีคุณบอกกับพญาก่อนจะหันมาพูดกับหนูด้วงและโอบอุ้ม
“จะไปไหนก็ไปเถอะ น้าหลานเขาจะใช้เวลาด้วยกัน เป็นห่วงไม่เข้าท่า” พญาเห็นมีคุณห่วงหนูด้วงเกินเหตุจึงทำเป็นออกปากไล่ อดหงุดหงิดในใจไม่ได้ว่าทำไมไม่มีใครไว้ใจตัวเองเลยสักคน
“ฉาหวัดดีครับแด๊ด บัยบาย บัยบาย” หนูด้วงยกทั้งสองมือขึ้นมาพนมและก้มศีรษะจรดลงไปที่ปลายนิ้วตามที่คุณย่านับดาวเพิ่งจะสอนให้ทำเมื่อคืนนี้ก่อนจะโบกมือให้มีคุณ
พญาเห็นกิริยาของหนูด้วงแล้วก็นึกทึ่งในตัวหลานชาย เขายอมรับว่าหนูด้วงเป็นผ้าขาวสะอาดที่พร้อมจะซึมซับสีต่างๆ ให้กับตัวเองและพร้อมจะเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเทียมฟ้าถึงพยายามช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น โชคดีแค่ไหนที่หนูด้วงไม่พูดกูมึงเพราะติดมาจากเขา ดีแค่ไหนที่เขายังมีเวลาแก้ไขตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเทวดาตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งดวงใจ พญาแอบลอบถอนหายใจในความไม่เอาไหนของตัวเองก่อนจะจูงมือหนูด้วงเดินไปนั่งเล่นที่ใต้ถุนเรือนไทยหลังเล็ก
“หนูไปเย่นน้ำพุได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ”
“ไม่ได้ครับ”
“หนูขึ้นต้นไม้ได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ”
“ไม่ได้ครับ”
“หนูขี่น้อนหมาได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ”
“ไม่ได้ครับ”
“หนูพายเยือได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ”
“ไม่ได้ครับ”
“หนูทำอะไดก้อไม่ได้”
หนูด้วงถอนหายใจพร้อมกับห่อไหล่ก่อนจะนั่งเท้าคางมองไปยังสระบัวที่อยู่ด้านหลังเรือนไทยหลังเล็ก เจ้าตัวเล็กกำลังรู้สึกเบื่อเพราะไม่ว่าจะขอไปทำอะไรยุงพะยากับโอดอุ้นก็ห้ามไปเสียหมด เจ้าตัวน้อยมีสิ่งที่อยากทำเต็มไปหมดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในอาณาเขตของราชสกุลสรลักษณ์ ไหนจะสระน้ำที่มีน้ำพุ่งขึ้นมาถ้าได้เอามือไปจับมันก็คงสนุก ไหนจะต้นไม้ต้นใหญ่มีมะม่วงอยู่บนนั้นถ้าขึ้นไปเก็บก็คงสนุก ไหนจะน้องหมาตัวใหญ่ที่วิ่งผ่านไปผ่านมาถ้าได้ขี่คอมันก็คงสนุก ไหนจะสระบัวที่มีเรือจอดอยู่ถ้าได้นั่งในเรือไปเก็บดอกบัวก็คงสนุก แต่ทำไมยุงพะยากับพี่โอดอุ้นถึงบอกแต่ว่าไม่ได้ครับไม่ได้ครับพร้อมกันอยู่นั่นแหละ
“โอบสงสารน้อง ให้น้องเล่นอะไรได้บ้างครับป๊า” โอบอุ้มเห็นท่าทางหงอยๆ ของหนูด้วงก็สงสารจับใจ ตอนอยู่ที่บ้านของน้านับตังค์หนูด้วงก็แทบไม่ค่อยได้เล่นอะไรแบบเด็กๆ เพราะทุกคนกลัวว่าหนูด้วงจะได้รับอันตราย
“ป๊าก็อยากให้หนูด้วงเล่นทุกอย่างที่ขอ แต่ถ้าหนูด้วงเป็นอะไรขึ้นมา ป๊าโดนทุกคนต่อว่าแน่ แล้วก็จะไม่มีใครให้หนูด้วงมาอยู่กับป๊าอีก” พญาถอนหายใจอีกครั้งเพราะรู้สึกสงสารหนูด้วงไม่ต่างกัน
“โอบเชื่อว่าป๊าจะไม่มีวันปล่อยให้หนูด้วงได้รับอันตราย” โอบอุ้มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พญามองแววตาที่ดูเชื่อมั่นของบุตรบุญธรรมก่อนจะมองไปที่หนูด้วงอีกครั้ง
“เอาก็เอา มา! หนูด้วง อยากทำอะไรบอกมาเลย น้าจะให้ทำทุกอย่างเลย เกิดเป็นพยัคฆ์มันต้องลุย” พญาตัดสินใจว่าจะไม่ห้ามหนูด้วงแล้ว
“เย้ หนูเย่นอะไดก้อได้ เย้” หนูด้วงได้ยินก็รีบลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นไม่เหลือท่าทางซึมเศร้าให้เห็นเลย
“เราเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ โอบว่าต้องเปื้อนแน่ๆ” โอบอุ้มเสนอ
“ในกระเป๋ามีแต่ชุดดีๆ” พญารื้อกระเป๋าของหนูด้วงดูก็เห็นว่ามีแต่เสื้อผ้าดีๆ
“โอบมีเสื้อยืดหลายตัว เดี๋ยวโอบขึ้นไปเอามาให้นะครับ”
“ดีเลย จัดมาเจ้าอุ้ม เอาผ้าขาวม้ามาให้ป๊าด้วยนะ” พญาเริ่มจะคึกคักขึ้นมาเหมือนกันที่จะได้เล่นอะไรสนุกกับหลานรักและบุตรบุญธรรม
เด็กรับใช้ในวังสรลักษณ์แอบลอบขำเมื่อเห็นแขกคนสำคัญของคุณชายน้องกำลังเล่นกับเด็กทั้งสองคนราวกับเป็นวัยเดียวกัน ไม่ว่าจะให้เด็กตัวน้อยขี่คอแล้วพาลงไปลุยในสระบัวขนาดย่อมที่ตั้งอยู่กลางสนามหญ้าหน้าวังเพื่อให้เด็กน้อยได้เล่นน้ำพุอย่างสนุกสนาน เสร็จแล้วก็พากันไปปีนต้นไม้เพื่อเก็บผลมะม่วงและมะยมกันในสวนด้านหลังเรือนไทยของหม่อมเจ้าวิรงรองจนเด็กรับใช้พลอยได้มะม่วงกับมะยมไปยำทานกันถ้วนหน้า หนูด้วงไม่ได้ปีนขึ้นไปด้วยแต่มีหน้าที่คอยเก็บผลมะม่วงกับมะยมที่พญากับโอบอุ้มเด็ดลงมาให้ แต่แค่นี้ก็ทำให้เจ้าตัวน้อยหัวเราะไม่หยุดเพราะขำที่ผ้าขาวม้าของพญาเกือบจะหลุดอยู่หลายครั้ง เสร็จจากการเป็นทาร์ซานชั่วคราวแล้วทั้งสามคนก็หยุดพักทานอาหารกลางวันที่เด็กรับใช้ทำมาให้ตามคำสั่งที่เทียมฟ้าสั่งเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน แต่เพราะไม่คิดว่าจะมีเด็กมาทานด้วยจึงมีแต่กับข้าวรสจัด พญาเลยสั่งให้ทอดไข่เจียวมาอีกหนึ่งจานเพราะรู้ว่าหนูด้วงกับโอบอุ้มทานง่ายไม่เลือกมาก
“แดดเริ่มร่มแล้วเดี๋ยวน้าจะไปพายเรือ แต่น้าว่าอย่าไปขี่หมาเลย สงสารมัน” พญาบอกกับหนูด้วงเพราะคิดว่าหมามันไม่ได้คุ้นเคยกับหนูด้วงก่อน ถ้าไปขี่มันมันอาจจะกัดเอาได้ ถึงดูแล้วหมาตัวนี้จะเชื่องและเดินตามติดหนูด้วงก็ตาม
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงตอบรับก่อนจะตักไข่เจียวเข้าปากคำโตเพราะรู้สึกหิว
“กินช้าๆ ครับ” โอบอุ้มเตือนหนูด้วงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเศษไข่เจียวที่ติดอยู่บนแก้มของหนูด้วงออกให้
“อุ้มรักน้องไหม” พญาถามเมื่อเห็นว่าโอบอุ้มคอยเป็นห่วงและไม่ยอมให้หนูด้วงคลาดสายตาเลย
“รักครับป๊า”
“ต่อไปอุ้มต้องคอยดูแลน้องนะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” พญารู้สึกดีที่โอบอุ้มเอ็นดูหนูด้วง เขาไม่เคยใกล้ชิดเลยไม่รู้ว่านิสัยที่แท้จริงของโอบอุ้มเป็นยังไง พญายอมรับว่าแอบสังเกตพฤติกรรมของโอบอุ้มตั้งแต่เด็กคนนี้กลับมา อยากรู้ว่าจะอิจฉาหนูด้วงหรือไม่ที่หนูด้วงเป็นที่รักของทุกคน แต่การกระทำหลายครั้งของโอบอุ้มทำให้พญาสบายใจและก็หวังว่าในอนาคตโอบอุ้มจะคอยอยู่ดูแลเป็นพี่ที่ดีให้หนูด้วงด้วยความจริงใจ
“โอบจะไม่ทำให้ป๊าผิดหวังครับ โอบจะตั้งใจเรียนและกลับมาดูแลป๊ากับหนูด้วง” โอบอุ้มพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เมื่อได้ยินคำว่าครอบครัวจากคนที่ให้ชีวิตใหม่ ป๊าเป็นเหมือนฮีโร่ในใจของโอบอุ้มเสมอมา
“ป๊าไม่เคยใส่ใจและถามไถ่เรื่องของอุ้ม ป๊าเป็นป๊าที่ไม่เอาไหนเลยว่าไหม” พญาพูดไปหัวเราะไป แต่เป็นการหัวเราะที่ทำให้โอบอุ้มต้องวางช้อนข้าวลงเมื่อได้ยิน
“ถ้าป๊าไม่เอาไหนจริงๆ ป่านนี้โอบอาจจะนั่งขอทานอยู่ที่ไหนสักแห่ง อาจจะติดยาหรือเป็นขโมย ป๊าให้โอกาสโอบได้เป็นอะไรมากกว่าเด็กเหลือขอ ป๊าเป็นป๊าที่วิเศษที่สุดของโอบครับ” โอบอุ้มแอบยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาเพราะทนไม่ได้ที่พญาว่าตัวเอง สำหรับโอบอุ้มแล้วพญาเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้ที่ทำให้วิชาโฮมรูมเป็นวิชาที่โอบอุ้มมีความสุขที่สุด เพราะมันเป็นเวลาที่คุณครูจะให้นักเรียนที่อยู่ประจำได้เขียนจดหมายหาครอบครัว โอบอุ้มมีครอบครัวให้เขียนหา มีที่ให้จดหมายไปถึง คนที่ทำให้โอบอุ้มรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนก็คือคนที่กำลังบอกว่าตัวเองไม่เอาไหน
“ยุงก้อเป็นปู้วิเฉดอ๋อ ยุงเฉกให้บันไดยอยได้เหมือนปี้โอดอุ้นมั้ย” หนูด้วงได้ยินคำว่าวิเศษก็ทำตาโต อยากจะเห็นบันไดลอยได้อีกสักครั้ง
“งานเข้าป๊าแล้วอุ้มเอ้ย” พญากำลังซึ้งกับคำพูดของโอบอุ้ม มาเจอเจ้าหนูอะไดร้องเรียกขอบันไดลอยได้ถึงกับไปต่อไม่ถูก คิดในใจว่านี่แหละเวรกรรมที่ไปอำหนูด้วงเอาไว้
“พายเรือสนุกกว่า ใช่ไหมครับป๊า” โอบอุ้มก็คิดไม่ออกว่าต้องทำยังไงเลยพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของหนูด้วงแทน
“ใช่ๆ พายเรือสนุกกว่าเยอะเลย” พญารีบสนับสนุน
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงพยักหน้าก่อนจะหันไปสนใจข้าวคลุกไข่เจียวต่อ
เมื่อข้าวกลางวันเริ่มย่อยและแดดร่มลมตกดีแล้วพญาก็พาหนูด้วงกับโอบอุ้มมาพายเรือเล่นในสระบัวขนาดใหญ่ที่อยู่หลังวัง หนูด้วงอยากจะเก็บดอกบัวที่กำลังเบ่งบานอวดสีชมพูหวานแต่ว่าก็สงสารมันเพราะยุงพญาเล่าว่าในสระบัวก็มีน้องปลาและน้องปลาเป็นเพื่อนกับดอกบัว ถ้าหนูด้วงเด็ดดอกบัวขึ้นมาน้องปลาก็จะเหงา หนูด้วงเลยได้แต่มองดอกบัวสีสวยด้วยความอาลัยอาวรณ์ แม้พญาจะสงสารหลานแต่ก็ไม่อยากให้หนูด้วงเด็ดดอกบัวขึ้นมาทิ้งขว้าง เขาอยากให้มันสวยอยู่ในสระน้ำอย่างที่มันควรจะเป็นมากกว่า
“น้อนหมาจะเย่นน้ำ ยุงดู ปี้โอดอุ้นดู ดูจิ ดูๆ” หนูด้วงส่งเสียงตื่นเต้นเหมือนเห็นเจ้าหมาตัวใหญ่ขนปุกปุยสีขาวกระดิกหางอยู่ที่ริมสระ
“เฮ้ยๆ อย่าลงมานะ น้ำมันมีแต่โคลน ขืนลงมาตัวดำแน่” พญารีบพายเรือเข้าฝั่งเพราะกลัวว่าหมาตัวโปรดของหม่อมเจ้าวิรงรองจะกระโดดตามพวกเขาลงมาในน้ำ
“มันคงติดใจที่หนูด้วงให้ไข่เจียวมันกิน” โอบอุ้มเดาเพราะว่ามันมาคลอเคลียหนูด้วงตลอด
“เวรแล้ว” พญาเผลออุทานออกมาเมื่อเจ้าหมาขนปุยกระโดดลงมาในน้ำแล้วว่ายตรงมาที่เรือ
“ปี้โอดอุ้น อุ้นน้อนหมาให้หนู ให้มันมาอยู่ด้วยกันบนนี้นะ” หนูด้วงเห็นน้องหมาว่ายมาตะกุยข้างลำเรือก็อ้อนให้โอบอุ้มอุ้มหมาขึ้นมา
“เรือมันลำเล็กครับ เราเอาหมาขึ้นมาไม่ได้หรอก” โอบอุ้มรีบอธิบายแต่หนูด้วงสงสารกลัวน้องหมาจะจมน้ำเลยโถมตัวไปด้านข้างเรือเพื่อจะอุ้มหมาเอง
“หนูด้วง อย่า!” พญาร้องห้ามด้วยความตกใจ โอบอุ้มรีบโผไปคว้าเอวหนูด้วงเอาไว้ พญาก็โผตัวตามอีกที เรือลำเล็กที่ต้องรับน้ำหนักอยู่ข้างเดียวเลยเอียงคว่ำ ทั้งสามคนจึงตกลงไปในสระบัว
“น้องปลอดภัยดีครับป๊า น้ำมันตื้น โอบยืนถึง” โอบอุ้มคว้าตัวหนูด้วงได้และถีบตัวออกจากเรือทันเลยรีบบอกพญา แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็หาพญาไม่เจอ
“หนูดื้อ” หนูด้วงรู้ตัวว่าไม่ฟังคำเตือนของพญาเลยรีบสารภาพออกมาก่อนจะโดนดุ
“ป๊าครับ! ป๊า!” โอบอุ้มร้องเรียกพญาด้วยความตกใจ
“ป๊าอยู่นี่ เรือมันทับเจ้าหมาตัวนี้ป๊าเลยลงไปงมหามัน” พญาโผล่ตัวขึ้นมาพร้อมกับหมาตัวโปรดของหม่อมเจ้าวิรงรอง เมื่อครู่เขากลัวว่าเรือจะคว่ำทับหนูด้วงกับโอบอุ้มจึงเอาตัวขวางเด็กทั้งสองเอาไว้ เมื่อเรือคว่ำเขาเลยโดนกระแทกเข้าที่หัวเต็มๆ
“ยุงพะยากะน้อนหมาดำมะหยึกกึ๊ดกือแย้ว” หนูด้วงชี้ไปที่พญากับน้องหมาซึ่งทั้งตัวเต็มไปด้วยดินโคลน
“ป๊าเลือดออก” โอบอุ้มเห็นว่าที่ศีรษะของพญามีเลือดไหลออกมาปนกับดินโคลนจึงรีบบอกด้วยความเป็นห่วง
“สงสัยหัวแตก ไม่เป็นไรไกลหัวใจเยอะ รีบพาน้องขึ้นก่อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” พญาบอกกับโอบอุ้ม
โอบอุ้มอุ้มหนูด้วงเดินย่ำโคลนขึ้นฝั่งไป ส่วนพญาก็อุ้มเจ้าหมาตัวใหญ่ขนปุยที่ไม่หลงเหลือสีขาวให้เห็นตามหลังไปด้วยความทุลักทุเล สาวใช้เห็นสภาพแขกของเจ้านายก็ตกใจรีบเข้ามาพา ‘เจ้างอแง” หมาตัวโปรดของหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองไปอาบน้ำพร้อมกับไปหาอุปกรณ์ทำแผลให้กับพญา
เสื้อยืดแขนยาวตัวใหญ่ของโอบอุ้มที่ให้หนูด้วงยืมใส่มันเปียกปอนและเปรอะเปื้อนไปหมด แขนเสื้อและชายเสื้อที่พับเอาไว้พอเปียกน้ำมันก็คลายตัวออกจนหนูด้วงเหมือนหนอนที่ถูกห่อมิดทั้งตัว พญาเห็นหนูด้วงยืนสั่นด้วยความหนาวก็รีบถอดเสื้อผ้าออกให้และพาหนูด้วงไปอาบน้ำเพราะกลัวว่าหลานจะไม่สบาย แม้โอบอุ้มจะอาสาอาบน้ำให้หนูด้วงเพราะอยากให้ป๊าไปทำแผลก่อนแต่พญาก็ห่วงว่าโอบอุ้มจะไม่สบายเหมือนกันเลยสั่งให้โอบอุ้มไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมาดูแลหนูด้วงต่อจากตัวเอง
“หนูด้วงตัวร้อนรึเปล่าอุ้ม” พญาอาบน้ำให้หนูด้วงเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง เมื่อเสร็จออกมาก็เห็นว่าหนูด้วงนั่งกอดเข่าหน้าหงอยเหงาจนนึกห่วง
“ตัวไม่ร้อนครับ” โอบอุ้มเอาหลังมือไปอังที่หน้าผากของหนูด้วงก่อนจะหันมาตอบพญา
“แล้วทำไมซึมแบบนั้น หนูด้วง...ไหนมาหาน้าซิ” พญานั่งลงข้างๆ หนูด้วงแล้วถาม
“หนูดื้อ” หนูด้วงลุกมายืนตรงหน้าของพญาแล้วแบมือส่งให้พญา
“จะเอาอะไรเหรอครับ” พญาถามเพราะไม่เข้าใจ
“หนูดื้อ ต้อนทำโทดหนู แต่ไม่เอาหยิด หยิดหนูเจ็บ ตีเจ็บมั้ย” ทุกทีถ้าหนูด้วงดื้อเมื่อไหร่ดาวเรืองจะหยิกหนูด้วงทุกครั้ง หนูด้วงไม่ชอบให้หยิกเพราะเจ็บเลยอยากให้ตีมือแทน แต่ก็กลัวว่าถ้าถูกตีมือจะเจ็บเหมือนกัน
“โธ่ น้าไม่ตีหนูด้วงหรอกครับ หนูด้วงไม่ได้ดื้อสักหน่อย”
“หนูดื้อ ทำให้ยุงพะยาเยือดออด” หนูด้วงมองที่แผลของพญาก่อนจะหลบสายตาเพราะรู้สึกผิด
“มันเป็นอุบัติเหตุ หนูด้วงแค่จะช่วยน้องหมา แต่ต่อไปหนูด้วงต้องถามผู้ใหญ่ก่อนว่าทำได้ไหม ถ้าผู้ใหญ่ไม่ให้ทำแปลว่ามันอาจจะทำให้หนูด้วงเจ็บตัวได้ เข้าใจไหมครับ” พญาอธิบายให้หลานรักเข้าใจ หนูด้วงพยักหน้าหงึกๆ รับรู้แต่ก็ยังยิ้มไม่ออก
“ยุงเจ็บมาดมั้ย” หนูด้วงยกมือขึ้นไปลูบที่แก้มของยุงพะยาก่อนจะน้ำตาคลอเพราะสงสาร
“ถ้าหนูด้วงเป่าให้นะ น้าหายเจ็บเลย” พญาพูดจบหนูด้วงรีบเป่าที่ศีรษะของพญาให้ทันที อันที่จริงแผลไม่ได้กว้างเท่าไหร่แต่มันโดนกระแทกแรงจึงปริแตก
“โห เจ้าอุ้ม หนูด้วงเป็นผู้วิเศษเหมือนเราเลย เป่าทีเดียวป๊าหายเจ็บเลยเนี่ย” พญาทำน้ำเสียงตื่นเต้น หนูด้วงพลอยทำตาโตและอมยิ้มจนแก้มตุ่ยที่ได้เป็นผู้วิเศษเหมือนคนอื่น
“นั่นสิครับป๊า เรามีผู้วิเศษเพิ่มแล้ว” คราวนี้โอบอุ้มเต็มใจที่จะหลอกหนูด้วงเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นหนูด้วงจมอยู่กับความเศร้า
“มัมๆ จะโกดหนูมั้ย” หนูด้วงทำหน้าเศร้าต่อเมื่อนึกถึงนับตังค์ เวลาโดนมัมดุทีไรมันสะเทือนถึงหัวใจของเจ้าตัวน้อยทุกที
“มัมไม่โกรธหรอกครับ น้าว่าเรามาฟังเพลงกันดีกว่า ดีไหมครับ...น้ามีกีต้าร์ตัวใหม่ด้วยนะ”
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นของเล่นใหม่ของยุงพะยา
“เอาเพลงอะไรดีครับป๊า” โอบอุ้มเห็นหนูด้วงยิ้มได้ก็โล่งใจ
“เอาเพลนคุ๊ดกี้ท้าทาย” หนูด้วงรีบเสนอเพลงที่ได้ยินแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่มาอยู่ที่กรุงเทพ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้ยินเพลงนี้ ปู่ช้วนก็ชอบเปิดแต่เพลงนี้จนหนูด้วงร้องตามได้บ้างแล้ว
“เพลงอะไร เจ้าอุ้มรู้ไหม” พญาทำหน้าฉงนก่อนจะหันไปถามบุตรบุญธรรมซึ่งกำลังนั่งหัวเราะอยู่
“โอบว่าป๊าคงร้องไม่เป็น พี่โอบว่าให้ป๊าเป็นคนเลือกเพลงดีกว่าเนอะแล้วเราสองคนมาช่วยปรบมือกัน” โอบอุ้มหันมาหว่านล้อมหนูด้วงเพราะคิดว่าป๊าพญาคงไม่เคยฟังเพลงคุกกี้เสี่ยงทายที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้แน่ๆ
“ก้อได้ก้อได้ ให้ยุงย้อง หนูจาเต้น” หนูด้วงลุกมายืนทำตาปริบๆ เพื่อรอให้ยุงพะยาร้องเพลงเสียทีและตัวเองจะได้เต้นประกอบ
“โอ้โห ต้องเอาเพลงที่เต้นได้ด้วยเหรอ งั้นเอาเพลงที่วัยรุ่นชอบก็แล้วกัน พร้อมนะ” พญาถามทั้งสองคน
แล้วพญาก็เริ่มต้นบรรเลงเพลงบัวลอยของวงคาราบาวให้เด็กน้อยทั้งสองคนฟังอย่างออกรสออกชาติ โอบอุ้มถึงกับอ้าปากค้างเพราะไม่เคยได้ยินเพลงวัยรุ่นของป๊ามาก่อน ส่วนหนูด้วงก็เต้นไปตามประสาเด็กแม้จะเต้นคร่อมจังหวะบ้างแต่อินเนอร์มาเต็มแถมยังดึงมือโอบอุ้มให้ลุกขึ้นมาเต้นด้วย เมื่อพญาร้องจบหนูด้วงก็ขอเล่นกีต้าร์บ้าง เจ้าตัวเล็กบอกว่าจะร้องเพลงคุกกี้ท้าทายแล้วให้พญากับโอบอุ้มเป็นคนเต้น แล้วเนื้อเพลงแบบดำน้ำของหนูด้วงรวมถึงฝีมือการงัดสายกีต้าร์ของเจ้าตัวเล็กพาเอาพญากับโอบอุ้มหัวเราะกันจนท้องแข็ง ทั้งสามคนพลัดกันร้องพลัดกันเต้นจนหมดแรงในที่สุดก็เลิกร้องเพลงแล้วพากันไปนอนเล่น นอนคุยกันไม่นานก็ผล็อยหลับสนิทกันหมดด้วยความอ่อนเพลีย
...
เทียมฟ้าเพิ่งกลับมาถึงวัง พอขึ้นมาเห็นสภาพทั้งสามคนนอนหลับกันอยู่บนเตียงสี่เสาก็พรูลมหายใจด้วยความโล่งอก ทีแรกที่สาวใช้มารายงานว่าทั้งสามคนตกลงไปในสระบัวก็ตกใจ ยิ่งรู้ว่าพญาถึงกับเลือดตกยางออกก็ใจหายแล้วรีบวิ่งขึ้นมาดูว่าเป็นยังไงกันบ้าง แต่ภาพที่เห็นในตอนนี้คือหนูด้วงนอนหลับอยู่บนตัวของพญา มีโอบอุ้มนอนกอดแขนของพญาอยู่ข้างๆ ทั้งสามคนทาแป้งจนหน้าขาวนวล เห็นแล้วเทียมฟ้าก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เพราะทั้งสามคนดูน่ารักมากจริงๆ
“กลับมาแล้วเหรอ” พญารู้สึกตัวตื่นเพราะเทียมฟ้ามานั่งลงข้างๆ
“เจ็บมากไหมครับ” เทียมฟ้าลูบที่ผ้าปิดแผลเบาๆ
“ไม่เจ็บ”
“ว้า น้องนึกว่าพี่จะบอกว่าเจ็บน้องจะได้จูบปลอบ”
“พี่เจ็บจัง เจ็บจนจะขาดใจ พี่ต้องตายแน่ๆ ถ้าพี่ตายฝากหนูด้วงกับโอบอุ้มด้วยนะ โอ้ย โอ้ย เจ็บจัง อุ๊บ...”
พญาพูดยังไม่ทันจะจบประโยคเทียมฟ้าก็ทาบทับริมฝีปากของตัวเองไปปิดปากของอีกฝ่ายทันที แค่บอกว่าเจ็บคำเดียวเทียมฟ้าก็จูบปลอบแล้ว ทำไมต้องเล่นใหญ่พูดอะไรไม่เป็นมงคลด้วยก็ไม่รู้ ปากพล่อยๆ แบบนี้เทียมฟ้าจะต้องจูบให้หลาบจำ ต่อไปจะได้ไม่พูดออกมาอีก
“คิดถึงพี่มากรึไง จูบจนหายใจไม่ออก นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ้าอุ้มกับหนูด้วงอยู่นะ หึ่ม” พญาทำเสียงขู่คนช่างยั่วเบาๆ
“คิดถึงสิครับ แต่นี่ตะวันจะตกดินแล้ว นอนกันแบบนี้เดี๋ยวคืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ”
“นอนไม่หลับก็ดีสิ” พญายิ้มเจ้าเล่ห์
“ลืมแล้วรึไงว่าวันนี้หนูด้วงมานอนด้วยนะ” เทียมฟ้าพูดไปขำไป
“เฮ้อ พญาผู้น่าสงสารต้องปล่อยเจ้ากระต่ายไปจริงๆ เหรอ” พญาทำเป็นตัดพ้อ
“ตุ๊ดแกจะมาแย้ว” หนูด้วงพึมพำออกมา พญาตกใจนึกว่าหนูด้วงตื่นเลยรีบชะโงกหน้ามาดูแต่ปรากฏว่าเจ้าตัวน้อยก็ยังหลับตาอยู่
“สงสัยคืนนี้ตุ๊กแกจะออกอาละวาด หนูด้วงถึงกับเอาไปฝัน” พญายกยิ้ม
“พี่นี่นะ...น้องปลุกหนูด้วงกับน้องโอบดีกว่า ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไปทานข้าวกันเถอะครับ” เทียมฟ้าเขินสายตาของพญาเลยหันไปปลุกหนูด้วงกับโอบอุ้มให้ตื่นเพื่อจะได้ลงไปทานข้าวเย็นด้วยกัน
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V