พี่เล้งแซ่บมาก
แซ่ซี้อ้ายลื่อเจ่กนั้ง
100%
ย้งกับเล้งกลับมาถึงเมืองกาญจน์ตอนเกือบจะสองทุ่ม ในบ้านกำลังวุ่นวายกับการเตรียมสถานที่ จิวยี่ไปดูความพร้อมของสถานที่กินเลี้ยงยังไม่กลับ ส่วนพรรณีนั่งคุยอยู่กับพ่อแม่ของณอร ทั้งหมดตกลงกันแล้วว่าจะใช้บ้านของเล้งเป็นบ้านเจ้าสาวก่อนเพื่อทำพิธีแห่ขันหมากแบบไทยอีกรอบแต่คราวนี้ไม่มีสินสอดทองหมั้นเพราะได้ทำกันไปเรียบร้อยแล้วจะมีเพียงสวมแหวนและรดน้ำสังข์ให้พี่ป้าน้าอาร้านตลาดและเพื่อนๆได้ร่วมพิธีเท่านั้น เช้ามืดย้งก็ตื่นมาเตรียมตัวและแต่งหน้าให้พรรณีเช่นเคย วันนี้อันอันขับรถมาตั้งแต่ตีสี่เพื่อนช่วยแต่งหน้าให้ย้ง ธีมเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาววันนี้คือชุดไทยสีงาช้างในขณะที่บ่าวสาวอยู่ในชุดไทยสีฟ้าอมเขียวที่ไปเลือกกันอยู่นานสองนาน ณอรแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จตั้งแต่หกโมงเช้า บ้านของเล้งถูกจัดแต่งอย่างสะอาดสะอ้าน พวงมาลัยดอกไม้สดพวงเล็กๆถูกแขวนตามเสาตามมุมต่างๆที่มีพวงดอกรักห้อย เมื่อขันหมากแห่มาความสนุกสนานก็ตามมาด้วยเช่นกัน เพราะเป็นพิธีแบบบ้านๆบรรดาลุงป้าน้าอาต่างโยกย้ายตามจังหวะของกลองยาวที่ตีแบบเอาเป็นเอาตายดังตั้งแต่ตลาดไปยั้นท่าน้ำ คนตีก็ตีแรงคนเต้นก็เต้นแรงไม่กลัวเอวหักไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าบ่าวที่เต้นจนโจงกระเบนแทบจะหลุด ระยะทางจากบ้านย้งถึงบ้านเล้งไม่กี่ร้อยเมตรแต่เต้นกันเกือบชั่วโมง หลังจากนั้นพิธีรดน้ำสังข์ก็เริ่มขึ้นตอนเก้าโมงเก้านาที แขกที่มาวันนี้แน่นขนัดกว่าจะแล้วเสร็จกินเวลาเป็นชั่วโมง โจ้เก็บภาพบรรยากาศของงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ย้งยี้เป็นคนคอยเตรียมน้ำสังข์ให้กับแขกพอเสร็จก็มีการถวายเพลพระจากนั้นจึงได้พักนั่งเล่นนอนเล่นกันเพื่อรอเวลากินเลี้ยงตอนเย็น ธีมของงานวันนี้เป็นแนวลูกทุ่งๆเพราะแขกที่มาก็เป็นชาวบ้าน จิวยี่กับณอรอยากให้ทุกคนมีความสุขเหมือนได้มาดูคอนเสิร์ต วงดนตรีที่จ้างมาเน้นร้องเพลงฮิตๆในอดีตดังนั้นจึงต้องคัดเลือกกันหลายหน พอสี่โมงเย็นแต่งหน้าแต่งตัวเป็นไอ้คล้าวกับอีทองกวาวเสร็จก็ยกโขยงกันไปที่โรงเรียนที่เช่าไว้ โต๊ะจีนถูกจัดเสร็จเรียบร้อยปูผ้าเรียบตึงส่วนอาหารจิวยี่ให้ตั้งเป็นซุ้มๆใครอยากกินอะไรก็ไปตักได้เลยเพราะเบื่ออาหารแบบโต๊ะจีนเต็มที มุมในสุดมีหมูหันตัวใหญ่กำลังส่งกลิ่นหอมด้วยหมักสมุนไพรจนทั่วตัว ย้งยี้ที่แต่งหน้าจัดเต็มพร้อมชุดกระโปรงลายดอกสีเหลืองสลับแดงเปรี้ยวจี๊ดมีต่างหูดอกทานตะวันดอกใหญ่ติดเดินมาพร้อมอันอันที่ก็เปรี้ยวไม่แพ้กัน เล้งมีท่าทางขัดเขินเพราะถูกจับแต่งหน้าทำผมแต่งตัวย้อนยุคไปไกลโข จะไม่อะไรเลยถ้ากางเกงที่ใส่จะไม่ใช่กางเกงขาม้าแบบที่คนยุคก่อนนิยม
“หล่อจะตาย หล่อกว่าสมบัติอีกพี่จะอายทำไม”ย้งเรียกความมั่นใจให้เล้งที่เดินกระบิดกระบวน ส่วนจิวยี่อยู่ในชุดที่เหมือนเอลวิสก็มืปานผมถูกเซ็ทเป็นทรงสูงมีกระปอยเหมือนหางหมูย้อยมาที่หน้าผาก ส่วนเสื้อเป็นเสื้อเข้ารูปปลดกระดุมเป็นเห็นแผงอก ณอรอยู่ในชุดลายดอกไม้สีชมพูสดใสน่ารักผมถูกตีโป่งมีจงอยตรงจอนคล้ายกับของย้งยี้กิมจูเป็นคนทำให้พอใกล้ห้าโมงเย็นบรรดาแขกก็เริ่มทยอยเข้ามาในงานจนเริ่มเต็มตอนหกโมง วงดนตรีเริ่มเล่นเพลงบรรยากาศคึกคักประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีและธงกระดาษให้ความรู้สึกเหมือนมาเที่ยวงานวัด อาหารเริ่มโชยกลิ่นยั่วล่อตาล่อใจหมูหันสุกได้ที่ส่งกลิ่นเชื้อเชิญ พิธีการในงานเริ่มทักทายแขกผู้มีเกียรติ จิวยี่ ณอร ย้งยี้และพรรณีเริ่มเดินทักทายแขกตามโต๊ะ ซองช่วยถูกยัดใส่มือทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวและพรรณีโดยที่พ่อแม่ของณอรนั่งอยู่หน้าเวทีไม่ได้เข้ามายุ่งตรงส่วนนี้ เมื่อทักทายแขกเสร็จจึงได้มีเวลาไปนั่งกินอาหารรองท้องเล็กๆน้อยๆ พอสองทุ่มทั้งหมดจึงได้ขึ้นไปขอบคุณแขกเหรื่อ เสียงชมเจ้าสาวว่าสวยไม่ขาดปาก จิวยี่ยิ้มก็ปากแทบฉีกถึงหู เรื่องราวความรักของทั้งคู่ถูกฉายผ่ายจอผ้าใบสีขาวเหมือนหนังกลางแปลงเรียกเสียงปรบมือได้ดังลั่นด้วยความชอบใจ พ่อแม่ของณอรเองก็พลอยหัวเราะขำไปด้วย เรื่องราวเริ่มตั้งแต่รูปตอนจิวยี่เพิ่งเกิด จนกระทั่งโต รูปในวัยเด็กของจิวยี่มีย้งยี้กับเล้งร่วมอยู่ด้วยแทบทุกรูป เล้งยิ้งจางๆกับภาพบนจอมันดีใจกับเพื่อนรักที่ได้แต่งงานสร้างครอบครัวกับผู้หญิงดีๆที่คอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับมัน ย้งยี้เองก็เช่นกัน เมื่อถึงรูปที่ณอรเขียนรูปหัวใจดวงเล็กๆบนเฝือกของจิวยี่มันก็อดขำไม่ได้
เหมาะสมกันดีแล้ว คนหนึ่งร้อนคนหนึ่งเย็น คนหนึ่งแข็งคนหนึ่งยอมอ่อนให้ จิวยี่โชคดีเหลือเกินที่ได้คู่ครองดีๆแบบนี้ ดวงตากลมจ้องร่างคนสองคนบนเวทีพร้อมรอยยิ้มที่ไม่จางลงแม้ซักวินาทีจนกระทั่งหนังสั้นของจิวยี่และณอรจบลงพิธีกรจึงมาพูดเข้าช่วงต่อไป เป็นช่วงรำวงย้อนยุคให้แขกได้ออกมาร่วมสนุกกันจนกระทั่งเกือบสี่ทุ่มแขกที่อายุมากกลับไปบ้างแล้วที่เหลือจึงเป็นกลุ่มเพื่อนๆของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสียมากกว่า จิวยี่กับณอรก็ออกไปวาดลวดลายด้วยเช่นกัน แม้จะเคอะเขินอยู่บ้างแต่ณอรก็ทำได้ดีจนกระทั่งจบเพลง จิวยี่จึงเดินไปหยิบไมค์โครโฟนขึ้นมา ณอรมองเจ้าบ่าวของหล่อนด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะปกติจิวยี่เกลียดการร้องเพลงเสียเหลือเกิน อ้างว่าร้องไม่เพราะบ้างล่ะ ผิดคีย์บ้างแหละ แต่จิวยี่ในตอนนี้กลับไม่มีเค้าของคนกลัวไมค์เลยซักนิด
“เพลงต่อไปนี้ผมขอมอบให้กับเจ้าสาวคนสวยของผมนะครับ ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างผมมาตลอดหลายปี แม้ผมจะงี่เง่าไปบ้างแต่ออนไม่เคยทิ้งผมเลย ผมสัญญาว่าชาตินี้จะรักคุณคนเดียว”ดนตรีบรรเลงหลังจากจิวยี่พูดจบเป็นทำนองเพลงฮิตของสุรพล สมบัติเจริญ เสียงโห่ร้องเกรียวกราวทันที น้ำเสียงทุ้มเริ่มเอื้อนเอ่ยบทเพลงออกมาอย่างมั่นใจ
"แซ่ ซี้ อ้ายลื้อ เจ็ก นั้ง
เป็นตายพี่ก็ยังรักเธอ
อาม่วย ทังหลายที่เฮียได้ เจอะเจอ
ยังไม่สวยเลิศเลอเท่ากับเธอคนเดียว
หากแม้ได้น้องมาเคียงคู่
จะพาไปดูหนังไทยทุกรอบเชียว
ซิวอิก ซิวหยี พี่จะพาน้องเที่ยว
จะไปไหว้เจ้าเจี้ยวที่เมืองชลบุรี
หว่างกิมเล้งร้องเพลงให้เจ้าฟัง
เสร็จจากดูหนังไปบางแสนดินแดนสุขี
ดูพระจันทร์ตกน้ำ ตกเมื่อยามราตรี
น้องกับพี่คุยกันที่บนหาดทราย
แซ่ ซี้ อ้ายลื้อ เจ็ก นั้ง
เห็นใจพี่บ้างเปล่าสาวไทย
หากแม้ได้เจ้ามาเป็นคู่ขวัญใจ
เฮียจะพาลื้อไป เจี๊ยะผักบุ้งไฟแดง…"
"เป็นอะไรร้องไห้ทำไม?"เล้งเอ่ยถามยามเห็นอีตัวดีน้ำตาไหลเป็นสายดวงตามันจับจ้องพี่สะใภ้ที่เดินไปคล้องพวงมาลัยแบงค์ร้อยที่พรรณีเตรียมมาให้ที่หน้าเวทีด้วยความขวยเขินอย่างแปลกใจ
"ย้งปลื้มใจดีใจที่เห็นเฮียยี่มีความสุข"มันตอบกลับเสียงสะอื้น ซบหน้ากับไหล่ของเล้งจนเล้งอดหัวเราะไม่ได้ มันยกมือขึ้นลูบผมย้งเบาๆแอบเบ้หน้ากับกลิ่นสเปรย์บนหัวย้งนิดหน่อย
"ดีใจก็ต้องยิ้มเยอะๆสิพี่ชายแต่งงานทั้งที”มันแกล้งว่าน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
"พี่ออนสวยจัง งานดีทุกอย่างเลย”ย้งยี้กวาดตามองรอบๆงานด้วยความชื่นชม
"อยากได้แบบนี้บ้างมั้ย?"เล้งเอ่ยถามมันเบาๆ อีตัวดีทำคิ้วขมวดด้วยเพราะเสียงโห่ร้องพร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นหลังจิวยี่ร้องเพลงจบทำให้ได้ยินไม่ค่อยถนัด
"หืม??”มันยืดตัวตรงหันไปถามเล้งเพื่อความมั่นใจ
หรือจะหูฝาด? หากแต่เล้งกลับจับมือของมันไปกุมไว้ทั้งสองข้าง ดวงตาที่มักเรียบนิ่งบัดนี้สว่างไสวราวกับมีดวงดาวกระพริบแสงอยู่ในนั้น
"เฮียหมายถึง...อยากแต่งงานกับเฮียมั้ย?"
...........
รอคำตอบในเล่มนะคะ คิกค้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
สัญญานะว่าจะซื้อ
จบแล้วน๊าไม่มีต่อแล้วนะ อุแง ขอบคุณทุกคนที่เข้ามารักอีตัวดีกับพี่เล้งนะคะ