(เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6  (อ่าน 59435 ครั้ง)

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #90 เมื่อ08-08-2013 22:52:18 »

 :m25: :pighaun:
น้องรักมันร้ายเหมือนนะ  วางแผนมาอย่างดี 55

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #91 เมื่อ08-08-2013 23:43:10 »

 :katai4: น่ารักดีอ่ะคู่เนี่ย ชอบ ๆ

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #92 เมื่อ09-08-2013 00:21:25 »

 :pighaun: เลือดจะหมดตัว (หวานกันดีจัง )

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #93 เมื่อ10-08-2013 03:15:59 »

จบแฮปปี้จนได้ จุดพลุฉลองให้หมอคนดีกับนายรักคนเจ้าเล่ห์! :mc4:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #94 เมื่อ10-08-2013 08:42:55 »

 :-[ :-[ :impress2: :กอด1: :heaven

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #95 เมื่อ10-08-2013 08:52:21 »

ยินดีกับหมอเก้าด้วยได้พบรักแท้ที่รอมานาน

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #96 เมื่อ10-08-2013 10:17:43 »

ชอบตอนที่สี่ ฉากโกนขน เซ็กซี่มาก

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #97 เมื่อ11-08-2013 00:06:33 »

มาเร็วเคลมเร็วมาก คู่นี้ กลัวไม่ยั่งยืนอะ ห้ามหลอกกันนะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #98 เมื่อ12-08-2013 10:48:49 »

ตอนที่ ๖


หลังจากนั้นเราสองคนก็แทบจะตัวติดกันตลอด ทุกคืนและทุกวันที่เรามีเวลาว่าง เรามักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ส่วนมากจะเป็นที่บ้านของผม แต่บางครั้งผมก็ไปที่บ้านของเขาบ้าง หลังจากที่เขาทำอาการเย็นให้ผมกิน เรามักจะนั่งอิงแอบดูหนังด้วยกันในห้องนั่งเล่นของเขา แล้วจากนั้นผมก็จะนอนกับเขาที่นั่นไปเลย

เราสองคนใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน บอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างทั้งอดีต ความลับ ความฝัน และอนาคต และหลังจากเวลาผ่านไปสามเดือน เราก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ รักคือแฟนคนแรกของผม และผมก็หวังว่าเขาจะเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายด้วยเช่นกัน ผมรู้ว่าเขาเคยมีแฟนมาก่อนหน้านี้ แต่ผมไม่เคยคิดแม้แต่จะถามว่าคนพวกนั้นเป็นใคร ทำไมถึงเลิก หรือว่าพวกเขาทำอะไรกันมาบ้าง ผมรู้แต่เพียงแค่ในช่วงเวลาที่เรามีกันและกัน เราใส่ใจกัน รักกัน ดูแลกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

แน่นอนว่าเราก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสาคนรักทั่วไป แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนใจเย็นและสุขุมกว่าเขา ผมจึงมักจะคุยกับเขาด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ส่วนเขาที่อารมณ์ร้อนกว่า ก็มีนิสัยที่ชอบพูดอะไรตรงๆ ไม่โกหกหรือปิดบัง เราจึงแก้ปัญหาด้วยการหันหน้าเข้าหากันและเปิดอกคุยตั้งแต่เริ่มผิดใจกัน ถ้าหากเขาอารมณ์ร้อน ผมจะเย็น และเมื่อไหร่ที่ผมเสียใจหรือโกรธ สักพักเขาก็จะเป็นฝ่ายเข้ามาง้อและขอโทษ ความเข้ากันได้แบบนี้ทำให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนนับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเราจะกินและนอนด้วยกันแทบทุกคืนที่ผมได้กลับบ้าน แต่เขาก็ยังไม่ได้ย้ายมาอยู่กับผมถาวร เขาแค่ทิ้งเสื้อผ้าและของใช้ของเขาอยู่ที่บ้านของผมบ้าง ส่วนผมก็ทิ้งบางอย่างไว้ที่บ้านของเขาเช่นเดียวกัน ที่เราทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเราแคร์สายตาหรือความคิดของเพื่อนบ้านที่เราแทบจะไม่รู้จัก แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของรักที่ว่าในที่สุดเขาก็สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ดังใจหวัง ดังนั้นผมจึงไม่เคยคิดจะขอให้เขาย้ายออกจากบ้านของตัวเองมาอยู่กับผม

ความเปลี่ยนแปลงในตัวของผมคงทำให้เพื่อนๆ และคนรอบข้างบางคนสังเกตเห็นได้ พวกเขาถามว่าทำไมผมถึงดูอารมณ์ดีขึ้น ยิ้มแย้มมากขึ้น บางคนถึงขั้นเดาว่าผมคงจะมีแฟนแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธความเห็นเหล่านั้น ผมไม่เคยต้อง ‘เปิดเผย’ ตัวเอง และก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ผมอยากใช้ชีวิตของผมแบบเดิม แค่เพียงเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นก็พอ

คนๆ เดียวที่ผมรู้สึกว่าควรจะบอกเรื่องนี้คือพี่ฟ้า พี่สาวคนโตที่อายุห่างจากผมห้าปี เราสองคนสนิทกันมาก ผมรู้ว่าพี่ฟ้าจะเข้าใจผมและยอมรับได้ แต่ปัญหาคือพี่สนต่างหาก ที่ผมไม่รู้ว่าควรจะบอกเขาดีหรือเปล่า เพราะนอกจากเขาจะเป็นคนที่เคยทำให้ผมต้องกลัวและสับสนในตัวเองมาหลายปีแล้ว เราเองก็แทบไม่ได้เจอหรือคุยกันอีกเลย แม้แต่ทุกวันนี้ ผมก็ยังรู้สึกเกรงกลัวเขา รู้สึกว่าเขามีอำนาจที่เหนือกว่าผม เขาเคยแต่งงานและหย่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ผมจึงยิ่งไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเรื่องของผมกับรักให้เขารู้ดีหรือไม่ เพราะผมกลัวว่าเขาจะยอมรับผมไม่ได้และทำให้ผมรู้สึกแย่เหมือนเมื่อตอนนั้นอีกครั้ง

วันหนึ่ง ผมตัดสินใจโทรไปเล่าเรื่องของรักให้พี่ฟ้าฟัง และก็เป็นอย่างที่คิด พี่ฟ้าเข้าใจแถมยังดีใจกับผมที่ผมได้เจอคนดีๆ ที่จริงผมโดนดุนิดหน่อยด้วยซ้ำที่ไม่ยอมบอกข่าวดีให้เร็วกว่านี้ ก่อนวางสาย พี่ฟ้าบังคับให้ผมรับปากว่าจะพารักไปเจอเขากับสามีที่ภูเก็ตอย่างเร็วที่สุดด้วย ผมรู้สึกดีใจและมีความสุขจริงๆ ที่พี่สาวของผมเองก็ตื่นเต้นและอยากจะได้ทำความรู้จักกับแฟนของผม แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ผมก็ได้รับโทรศัพท์ที่คาดไม่ถึงจากพี่สน เมื่อเห็นว่าชื่อของคนที่โทรเข้ามาเป็นเขา ผมก็รู้สึกตระหนกทันที เพราะผมคิดว่าพี่ฟ้าโทรไปเล่าให้เขาฟังและเขาโทรมาเพื่อจะต่อว่าผม หรือพูดถึงเรื่องในวัยเด็กวันนั้นขึ้นมา ผมจึงตัดสินใจไม่รับสาย และกลับบ้านไปปรึกษากับรักก่อนว่าควรจะทำอย่างไรดี ซึ่งรักแนะนำให้ผมโทรกลับไปหาเขาวันรุ่งขึ้น เขาบอกผมว่าผมไม่ควรจะคิดกลัวอะไรไปก่อนเอง และควรที่จะเลิกนิสัยวิ่งหนีจากสถานการณ์ที่ตัวเองไม่มั่นใจได้แล้ว

ผมเห็นด้วยและทำตามที่รักบอก ผลปรากฏว่า สาเหตุที่พี่สนโทรมาหาผม เพราะเขาต้องมาทำธุระในจังหงัดที่ผมอยู่ เขาจึงอยากจะแวะมาหาผมและขออาศัยนอนด้วยสัก 2-3 คืน เขาบอกผมว่าเขาอยากจะเจอผมเพื่อเช็คดูว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า ซึ่งผมก็ผมตอบตกลง หลังจากวางสาย ผมเลยรีบโทรไปหาพี่ฟ้าและถามว่าได้บอกอะไรกับพี่สนไปบ้างหรือเปล่า ซึ่งเมื่อพี่ฟ้าบอกว่าเปล่า ผมก็ถอนหายใจและวางสายไปอย่างโล่งอก

“แล้วพี่สนเค้าจะมาเมื่อไหร่ล่ะ” รักถามผมขึ้น หลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่คุยโทรศัพท์ให้เขาฟังจบ

“วันจันทร์หน้าน่ะครับ และจะอยู่ถึงวันพุธ แต่ช้าสุดก็วันพฤหัส พี่เองคงไม่ได้เจอเค้าเท่าไหร่หรอก เพราะว่าต้องเข้าเวร แต่ว่าพี่อาจจะแลกเวรกับเพื่อนเป็นอยู่กลางวันแทน กลางคืนจะได้กลับบ้าน เพราะพี่ก็ไม่อยากให้มันอยู่คนเดียวเหมือนกัน”

“ทำไมล่ะ กลัวโดนพี่ชายตัวเองยกเค้าเหรอ” เขาหัวเราะ

“ไม่ใช่สิ พี่แค่รู้สึกไม่ดีที่มันอุตส่าห์จะมาหาพี่ แต่พี่กลับไม่อยู่บ้านต่างหาก ถึงพี่เองจะยังไม่รู้สึกสบายใจที่จะอยู่สองต่อสองกับมันสักเท่าไหร่ แต่ว่าพี่ก็คงไม่ควรจะหนีแล้วใช่มั้ยล่ะ โตๆ กันแล้วด้วย มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้ว”

รักลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมากอดผมจากทางด้านหลัง “ดีมากครับ คนเก่งของผม จำไว้นะ ผมอยู่ข้างๆ พี่เสมอ ไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอก ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็แค่เดินไปหาผมที่บ้าน โอเคมั้ย”

“ครับ” ผมลูบแขนเขาเบาๆ

“แต่แบบนี้ผมก็ไม่ได้เจอพี่ตั้งหลายวันน่ะสิ งั้นแบบนี้ต้องรีบฟัดให้หายอยากซะแล้ว!” เขาซุกหน้าลงบนซอกคอของผม จากนั้นก็ยกผมขึ้นจากเก้าอี้ แล้วอุ้มผมเดินเข้าห้องนอนไป

ยิ่งใกล้ถึงวันที่พี่สนจะมาถึง ผมก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเป็นทวีคูณ ผมเตรียมห้องนอนแขกที่แทบไม่เคยได้ใช้ไว้ให้เขา และจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวของรักเข้าห้องของตัวเองให้หมด ผมอดที่จะคิดและระบายให้รักฟังไม่ได้ว่าผมกังวลว่าจะทำตัวอย่างไรเวลาต้องอยู่กับพี่สนสองคน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเวลาเราเจอกัน เราก็มักไม่ค่อยได้อยู่กันตามลำพัง และทุกครั้งเวลาที่เราคุยกัน มันก็มักจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไป โดยที่ผมรู้สึกได้ว่ามันมีระยะห่างที่ทำให้เราไม่ใกล้ชิดกันแบบที่พี่น้องควรจะเป็น ซึ่งบางทีเขาเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ดูเหมือนจะไม่เคยสามารถลดช่องว่างตรงนั้นลงได้สักที

คืนวันอาทิตย์ รักมากินข้าวเย็นที่บ้านของผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราต้องห่างกันสักพัก เราเพิ่งจะได้นั่งลง และกำลังจะเริ่มกิน
เสียงออดหน้าบ้านของผมก็ดังขึ้น ผมคิดว่าคงจะเป็นเพื่อนบ้านคนไหนสักคนมาขอยืมหรือขอความช่วยเหลืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นบ้างนานๆ ครั้ง ผมลุกออกจากโต๊ะกินข้าวและเดินออกจากบ้าน ตอนแรกที่ผมเห็นร่างของผู้ชายยืนอยู่อีกฝั่งของประตูรั้ว ผมก็นึกสงสัยว่าเขาคือเพื่อนบ้านคนไหน แต่เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นและพบว่าคนที่ยืนอยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางอีกหนึ่งใบคือพี่ชายของผม ผมก็ถึงกับหน้าซีดเผือดทันที

“ไง ไอ้เก้า! เป็นไงบ้างวะ! พอดีเปลี่ยนแผนนิดหน่อยนะ ฉันตั้งใจจะโทรบอกก่อนเหมือนกัน แต่ว่าโทรศัพท์ฉันแบ็ตหมดว่ะ แล้วก็จำเบอร์แกไม่ได้ด้วย เลยต้องเข้ามาเองเลย มาเร็วไปคืนนึงแบบนี้นี่รบกวนรึเปล่าวะ”

“เอ่ออ... ไม่ๆ ไม่รบกวนหรอก เข้ามาก่อนสิ” ผมเปิดประตูรั้วออก

“ขอบใจๆ” พี่สนลากกระเป๋าเดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆ ผม “พอดีพรุ่งนี้ฉันต้องออกไปธุระแต่เช้าน่ะ ก็เลยกึ่งๆ โดนบังคับให้ออกมาเร็วหน่อย นี่ก็แยกกับเพื่อนๆ ที่โรงแรมและตรงมาหาแกเลย เพราะพอฉันบอกพวกนั้นไปว่าจะมานอนกับน้อง พวกมันก็เลยไม่ได้จองห้องไว้ให้”

“อ๋อ... เอ่ออ ครับ ว่าแต่พี่สนกินข้าวมารึยังล่ะ” ผมเดินนำพี่สนเข้าไปยังตัวบ้าน พยายามควบคุมน้ำเสียงและท่าทางให้เป็นปกติที่สุด “นี่เก้ากำลังจะกินข้าวพอดี”

“อ้าวเหรอ ถ้างั้นก็รบกวนหน่อยแล้วกัน แต่ฉันคอแห้งมากกว่าว่ะ มีเบียร์ติดบ้านอยู่บ้างมั้ย”

“ก็มีอยู่บ้างนะ แต่ไม่รู้พี่สนจะกินยี่ห้อนี้รึเปล่า”

“ยี่ห้อไหนก็กินหมดล่ะวะ ตอนนี้” เขาหัวเราะ

“ครับ” ผมเดินนำเขาเข้าบ้าน แต่แล้วเรากลับต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อรักที่เคยนั่งอยู่ในห้องกินข้าวเดินออกมายืนรอรับผมอยู่ในห้องนั่งเล่น

“สวัสดีครับ พี่สน!” เขายกมือขึ้นไหว้ทักทายพี่ชายของผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามแบบฉบับของเขา “จำผมได้มั้ย”

พี่สนมองหน้ารักงงๆ ก่อนจะหันมาหาผม คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน แล้วจึงหันกลับไปมองรักอีกครั้ง

“พี่สน นี่รักไง เคยเป็นรุ่นน้องของเราสมัยเรียน คนที่เก้าเคยติวให้ตอนเย็นอยู่ช่วงนึงน่ะ จำได้รึเปล่า พอดีน้องมันบังเอิญเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านฝั่งตรงข้าม”

“อ๋ออ!! จำได้แล้ว! พี่จำได้ว่าไอ้เก้ามันเคยต้องติวให้รุ่นน้องอยู่หนนึง แต่พี่จำหน้าเราไม่ได้จริงๆ ว่ะ ขอโทษที”

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ เพราะเราเคยเจอกันก็แค่สองครั้งเอง”

“พอดีวันนี้เก้าชวนรักมากินข้าวเย็นที่บ้านน่ะ เพราะไม่รู้ว่าพี่สนจะมา”

“อ้าว ฉันรบกวนแกรึเปล่าวะเนี่ย ไอ้เก้า”

ผมอยากจะพยักหน้าแล้วตอบว่า ‘ใช่’ เหลือเกิน “ไม่เป็นไรหรอก กับข้าวเยอะแยะพอสำหรับสามคนอยู่แล้ว มานั่งสิ”

สุดท้ายพี่สนก็ตัดสินใจดื่มแค่เบียร์หนึ่งกระป๋องและกินกับเล่นๆ อีกนิดหน่อยแทน เราคุยกันสัพเพเหระตลอดทั้งมื้อเย็น แต่ส่วนมากก็จะพูดกันถึงเรื่องงานของพี่สนมากกว่า จนเมื่อผมกับรักกินข้าวเสร็จแล้ว รักก็ขอตัวกลับบ้านก่อน ผมจึงนั่งคุยกับพี่สนต่อในห้องนั่งเล่น เราพยายามหาเรื่องมาคุยกันมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องงานของผม เรื่องครอบครัวของพี่ฟ้า เรื่องการเมือง กีฬา และก็วนกลับไปเรื่องงานของเขาอีกครั้ง ซึ่งยิ่งผ่านไปนาน ผมก็พบว่ามันยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ที่เราจะคุยกัน มันคงเป็นที่ใจของผมเองที่มีปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ถามถึงเรื่องของรักหรือชีวิตส่วนตัวของผมขึ้นมาเลยสักครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก พี่สนก็บ่นว่าง่วงและอยากจะเข้านอนเร็วหน่อย ผมจึงบอกให้เขาไปอาบน้ำก่อน ผมพาเขาไปยังห้องนอนของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาเคยมาที่นี่เมื่อนานแล้วก็ตาม แต่มก็รู้สึกเหมือนกับว่าต้องทำแบบนั้น จากนั้นผมจึงเดินแยกเข้าห้องนอนของตัวเอง หลังจากที่ผมนั่งๆ นอนๆ ดูทีวีอยู่ในห้องได้สักพักหนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงเขาเดินออกมาจากห้องน้ำและกลับเข้าห้องตัวเอง ผมจึงลุกออกไปอาบน้ำและกลับเข้ามาปิดไฟนอน

เช้าวันถัดมา ผมออกจากบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น พอสักราวๆ เจ็ดโมง ผมก็โทรบอกพี่สนเรื่องกุญแจและเวลาที่ผมน่าจะกลับบ้าน เมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนหัวค่ำ ผมก็รีบตรงกลับบ้านด้วยใจกังวลเล็กน้อย และทันทีที่ผมเดินเข้าไปในบ้าน ผมก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพี่สนกำลังยืนอยู่ในห้องกินข้าวโดยใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว

“ว่าไง คุณหมอ เหนื่อยมั้ย กินอะไรมารึยังวะ” เขาหันมายิ้มทักทายผม

ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่มองเป้ากางเกงของเขาที่เด่นนูนขึ้นมา “กินแล้วครับ พี่สนล่ะ”

“เรียบร้อยแล้ว พอดีเค้าพาไปเลี้ยงข้าวเย็นก่อนจะมาส่งที่นี่น่ะ แต่เอ้อ เมื่อกี้ฉันเจอไวน์อยู่ขวดนึง เลยขอจิบสักหน่อย คงไม่เป็นไรนะ เห็นมันเปิดอยู่แล้ว”

“ตามสบายเลยครับ” ที่จริงไวน์ขวดนั้นเป็นของรัก ไม่ใช่ของผมหรอก เพราะปกติผมดื่มแค่เบียร์อย่างเดียว แต่ผมมั่นใจว่ารักคงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว “อ้อ แต่พี่สนอย่าสบายมากเกินจนเผลอไปเปิดประตูรับแขกทั้งที่แต่งตัวแบบนั้นล่ะ” ผมพูดติดตลก

เขามองตามสายตาของผมไปที่เป้ากางเกงของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ “รู้แล้วน่ะ แต่ดึกป่านนี้แล้วแขกที่ไหนมันจะมาวะ”

“ก็ไม่แน่หรอก” ผมนึกในใจว่าถ้าเป็นรักล่ะก็ เขาอาจจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่ได้พูดออกไป

คืนนั้นเรานั่งคุยกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นห้องของตัวเอง ผมรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เข้านอนเร็วกว่าปกติไปโดยปริยาย และความเป็นจริงที่ว่าผมจะไม่ได้เจอรักอีกตั้ง 2-3 วันก็ชักจะทำให้ผมหงุดหงิดและเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะทนไหวมั้ยขึ้นจนได้

วันถัดมา วันที่สองที่พี่สนมาอยู่กับผม แต่ผมรู้สึกเหมือนนานมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ไปแล้วเรียบร้อย ผมกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าวันก่อนเล็กน้อย และพบว่าคราวนี้เขานุ่งผ้าเช็ดตัวแค่เพียงผืนเดียว มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจกว่าครั้งก่อนเสียอีก เขาบอกผมว่าเขาทำกาแฟหกใส่เสื้อและกางเกงที่ใส่วันนี้ จึงต้องรีบซักและกำลังจะไปอาบน้ำพอดี แต่ผมกลับมาเสียก่อน

อีกครั้งที่ผมจำต้องบอกเขาว่าให้ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟ เขาเดินตามเข้ามาหาผมและบอกให้ชงเผื่อเขาด้วยหนึ่งแก้ว ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคย มันคือกลิ่นโรลออนที่พี่สนใช้มาตลอดตั้งแต่เขาเป็นวัยรุ่น กลิ่นหอมจางๆ ที่ผสมกับกลิ่นจากร่างกายของเขาเอง เปล่า มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นแบบกลิ่นตัวหรอก แต่มันคือกลิ่นของคนๆ นั้นจริง เหมือนกับเวลาที่คุณไปนอนบ้านของเพื่อนสักคน แล้วได้กลิ่นอ่อนๆ จากหมอนหรือผ้าห่มของคนๆ นั้นแบบนั้นแหละ และมันก็ทำให้ผมนึกหวนย้อนกลับไปถึงเมื่อสมัย 10 กว่าปีก่อนขึ้นมาทันที

เราสองคนยกกาแฟมานั่งดื่มและคุยกันที่โต๊ะกินข้าว ผมอดที่จะเหลือบมองบริเวณนั้นทุกครั้งที่เขานั่งอ้าขาไม่ได้ ที่จริงแล้วพี่สนก็เป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งนะ สมัยตอนเขาอยู่มัธยม ก็มีผู้หญิงมาชอบเยอะ เวลาผ่านไปหลายปี เขาเริ่มปล่อยเนื้อปล่อยตัว จึงทำให้กลายเป็นคนเจ้าเนื้อขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงดูดีสมกับอายุ เขามีท่อนขาที่ใหญ่แลดูแข็งแรง และมีกล้ามแขนและกล้ามอกแบบที่ผมคงไม่มีทางมีได้ ถึงอาจจะไม่ได้แน่นและเข้ารูปเท่ากับรัก แต่ก็นับว่าดูดีกว่าคนวัยเดียวกันอีกหลายคนเยอะ

“เออนี่ ไอ้เก้า ฉันมีอะไรจะรบกวนแกหน่อยว่ะ” เขาพูดขึ้น

“อะไรครับ”

“คือ... มันก็น่าอายอะนะเว้ย แต่ตอนนี้ฉันเป็นผื่นตรงช่วงสะโพกและลามไปถึงที่ก้นเลยอะว่ะ แกจะช่วยดูให้หน่อยได้มั้ย”

หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร พี่สนก็ลุกขึ้นยืนและปลดผ้าขนหนูออกเรียบร้อยแล้ว เขาหันหลังให้ผม และผมก็เห็นว่าเขาไม่ได้โกหก เพราะตรงช่วงสะโพกด้านขวาไปจนถึงบั้นท้ายของเขามีรอยผื่นแดงอยู่จริง หลังจากตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่ผื่นร้ายแรงอะไร ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดกับการต้องมาเห็นพี่ชายตัวเองในสภาพเปลือยทั้งตัวแบบนี้อีกครั้งในรอบ 10 กว่าปี แต่ผมก็พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ข้างใน และแนะนำยาที่เขาสามารถไปซื้อได้เองด้วยคำพูดและน้ำเสียงแบบที่หมอใช้กับคนไข้ทั่วไป

“บางทีแกอาจจะต้องเช็คข้างหน้าด้วยมั้ง ว่ามันมีผื่นแบบเดียวกันรึเปล่า” เขาพูดพลางหมุนตัวหันมาหาผม

ผมพยายามจะหยุดเขา แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ทัน อีกครั้งที่ผมพยายามจะไม่มองที่อวัยวะของเขา เขายกขาขึ้นวางบนเก้าอี้ทีละข้างเพื่อให้ผมตรวจดูบริเวณต้นขาด้านใน ผมพบว่าตรงสะโพกขวาด้านในก็มีผื่นที่ลามมาถึงอีกนิดหน่อย ผมพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณบอกเขาว่าผมเห็นมันแล้ว ผมนั่งตัวแข็งด้วยความกลัว ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาช่างมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าผม และทำให้ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอายุ 12 อีกครั้ง

และแล้วจู่ๆ ไอ้น้องชายของพี่สนที่เคยอ่อนตัวก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาด้วยความตกใจทันที เขาส่งยิ้มที่มุมปากให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ดูยะโสเล็กน้อย และแสดงถึงความมั่นใจในตัวเองออกมาอย่างเต็มเปี่ยม รอยยิ้มแบบเดียวกับที่เขามีในวันนั้น! ผมได้แต่มองหน้าเขาด้วยความตระหนก เขาคงรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าอีกครั้ง

“ทำไมตอนนั้นแกต้องรีบวิ่งหนีฉันไปด้วยวะ ไอ้เก้า” เขาถามขึ้นในที่สุด เราต่างก็รู้ดีว่าเขากำลังหมายถึงตอนไหนอยู่ “แกไม่ชอบรึไง ตอนนั้นแกไม่ได้อยากจับมัน เหมือนที่แกกำลังรู้สึกแบบในตอนนี้เหรอวะ ทำไมแกต้องวิ่งหนีไปแบบนั้นด้วย”

ผมได้แต่นั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำอะไรต่อไปดี น้ำเสียงที่เขาใช้ ทั้งอ่อนโยนและมีพลัง แววตาที่เขากำลังมองผม ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าเขาคือพี่ชายคนเดิมของผม คนก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องในวันนั้นขึ้น มันทำให้ผมต้องใจเต้นรัวและไม่สามารถที่จะหาคำใดๆ มาพูดออกไปได้

“เก้า ฉันรักแกนะเว้ย” เขาพูดต่อ “แต่ทำไมตอนนั้นแกต้องปฏิเสธฉันแบบนั้นด้วยวะ แกไม่รู้รึไงว่าเรื่องในวันนั้นมันฝังอยู่ในใจของฉันขนาดไหน”

“พี่สน... เก้า... ตอนนั้นเก้าอายุแค่ 12 นะ เก้ากลัว เก้าตกใจ พี่สนไม่เข้าใจเหรอ” ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ “และที่สำคัญ พี่สนคือ ‘พี่’ ของเก้านะเว้ย เก้าชื่นชมและเอาพี่สนเป็นแบบอย่างมาตลอด แต่แล้วจู่ๆ... ไม่สิ เก้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นเก้าสับสนมาก มันมีความรู้สึกบางอย่างที่เก้าไม่ควรจะรู้สึก สิ่งที่เราไม่ควรจะทำ ไม่ควรจะเกิดขึ้น เก้ากลัวว่ามันจะผิด เก้าทำอย่างที่พี่สนอยากให้ทำไม่ได้หรอก เก้าก็เลย... ต้องออกไปจากที่นั่น”

ท่อนลำของพี่สนที่แข็งตัวขึ้นจนสุดกระตุกเบาๆ หนังหุ้มปลายของเขาร่นลงไปจนสุด เผยให้เห็นส่วนหัวที่บานเป็นดอกเห็ด น้ำหล่อลื่นใสๆ ไหลออกมาจากส่วนปลายของเขา ทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจของผมเต้นแรงจนราวกับมันจะหลุดออกมานอกหน้าอกอยู่รอมร่อ แถมไอ้น้องชายของผมเองที่แข็งมานานแล้วก็กำลังทำให้ผมรู้สึกเจ็บ

“แกเป็นเกย์ใช่มั้ยวะ ไอ้เก้า ฉันสงสัยมาตั้งแต่แกยังเด็กแล้ว” เขาพูดขึ้น แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่พูดขึ้นเพื่อเน้นย้ำความจริงมากกว่าจะเป็นประโยคคำถาม “เมื่อกี้ตอนที่ฉันกำลังจะซักผ้า ฉันเจอกางเกงในตัวนึงในตะกร้า แต่ดูจากขนาดแล้วมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นของแกแน่ๆ เพราะงั้นฉันเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นของไอ้รักมากกว่า ใช่มั้ย”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2013 21:46:49 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #99 เมื่อ12-08-2013 10:49:14 »

เราสบตากันอีกครั้ง ผมอยากจะเบือนหน้าหนีหรือเดินหนีเขาไป แต่ก็ทำไม่ได้ แววตาของเขากำลังจ้องมองผมอย่างทะลุทะลวงราวกับว่ากำลังพยายามอ่านความคิดของผมอยู่ ความคิดที่ผมยังไม่พร้อมจะให้เขารู้

“ทำไมแกไม่บอกฉันวะ ไอ้เก้า ทำไมแกถึงไม่พูดความจริงกับฉัน อย่างน้อยๆ แกก็น่าจะบอกฉันมาตั้งนานแล้ว... ถ้าไม่อย่างนั้น ตอนนั้นเราสองคนก็คงจะได้...” เสียงของเขาค่อยๆ จางหายไป เราสองคนเงียบกันไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อ “แกอย่าปฏิเสธความจริงอีกเลย  อย่าปฏิเสธว่าแกเองก็ไม่ได้ต้องการมันเหมือนกัน ทั้งตอนนั้นแล้วก็ตอนนี้ด้วย”

“ไม่... พี่สน เก้าไม่ได้...”

“ไม่ได้อะไร” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงท้าทาย

“พี่สน อย่าทำแบบนี้เลย...” ผมขอร้องเขา “มันไม่ดีนะเว้ย... มันไม่ถูกต้อง”

“มันจะไม่ดีได้ยังไงวะ ในเมื่อใจแกเองก็เรียกร้องอยู่ขนาดนี้แล้ว” เขาคว้ามือของผมขึ้นไปจับที่น้องชายของเขา

“พี่สน!!” ผมตะคอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ล้มฟาดลงไปบนพื้น

พี่สนผงะไปด้วยความตกใจ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยทำกิริยาแบบนี้กับเขามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขามองหน้าผม ส่วนผมก็มองหน้าเขาตอบ ในที่สุดผมก็ค้นพบความกล้าที่จะทำสิ่งที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้ว ผมกล้าที่จะปฏิเสธเขา และทำในสิ่งที่ถูกต้อง พูดในสิ่งที่ผมเก็บไว้ในใจมานานออกไป

“พี่สนอย่าทำให้เรื่องระหว่างเรามันแย่ไปกว่านี้อีกเลย เก้าขอล่ะ!” ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ก็ใช่ ที่เก้ารักพี่สนมาก เชิดชู บูชา และนับถือพี่สน เก้าอยากจะเป็นอย่างพี่สน พี่สนทั้งหน้าตาดี เล่นกีฬาก็เก่ง เพื่อนก็เยอะ เป็นคนแบบที่เก้าไม่ได้เป็น และไม่มีวันจะเป็น แต่มันไม่ใช่แบบนี้...!!”

เขายืนมองหน้าผมด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่กำลังได้ยิน ผมรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังสั่นเทาไปด้วยความกลัวและอารมณ์ที่อ่อนไหว ผมเกือบจะไม่สามารถหาคำพูดออกมาพูดต่อได้อีกแล้วด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าไม่ได้รักที่บังเอิญเดินเข้ามาในบ้านพอดี และกำลังยืนมองพวกเราอยู่ทางด้านหลังของพี่สนช่วยเอาไว้ การได้เห็นหน้าของเขา ทำให้ผมมีความกล้าที่จะพูดสิ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในใจมานานหลายปีขึ้นอีกครั้ง

“ใช่ครับ พี่สน เก้าเป็นเกย์ เก้าชอบผู้ชาย และเก้าก็กำลังคบกับคนๆ นึงอยู่ และคนๆ นั้นก็คือรักอย่างที่พี่สนคิดนั่นแหละ เราไม่ได้แค่มีอะไรกันเฉยๆ แต่เราเป็นแฟนกัน” ผมเดินผ่านที่สนที่ยืนแก้ผ้าอยู่ตรงไปหารัก

เมื่อพี่สนหันไปเห็นว่ารักกำลังยืนอยู่ข้างหลังของเขา เขาก็รีบก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาพันเอวเอาไว้ทันที

“พี่สนเป็นพี่แท้ๆ ของเก้านะเว้ย อย่าทำให้เรื่องมันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย และที่จริงก็เป็นเพราะพี่สนด้วยนั่นแหละ ที่ทำให้เก้าต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดและความสับสนมาตั้งหลายปีจนกระทั่งได้มาเจอกับรัก เก้าไม่เคยรักใคร ไม่เคยรู้ว่าความรักเป็นยังไง ที่ผ่านมาเก้าได้แต่นอนอยู่กับความเหงาและความเดียวดาย เพราะเก้ากลัว เก้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบผู้ชายจนเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งทั้งหมดมันก็เป็นเพราะสิ่งที่พี่สนทำนั่นแหละ พี่สนทำให้เก้าได้แต่ถามตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่าเก้าเป็นอะไรกันแน่ เก้าผิดปกติตรงไหน และทำให้เก้าไม่เคยกล้าที่จะคุยกับใครเลย” ผมรู้สึกว่าน้ำตาเริ่มรื้นมาอยู่ที่ขอบตา “แม่งงง!! เก้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าชีวิตส่วนตัวของพี่สนเป็นยังไง แต่ชีวิตเก้ามันไม่มีอะไรเลย! มีแต่หนังสือเรียนกับการเป็นหมอ มีแต่โรงพยาบาลและคนไข้ ที่ผ่านมาเก้าก็อยากจะเป็นคนที่ถูกรัก ถูกกอด ถูกแสดงความห่วงใยบ้างเหมือนกัน...!!”

รักดึงตัวของผมที่กำลังสั่นเทาเข้าไปโอบเอาไว้ เขาลูบต้นแขนของผมเบาๆ เป็นการปลอบโยน

“ในฐานะที่พี่สนเป็นพี่ของเก้า พี่สนควรจะรักเก้า ดูแลเก้า คอยฟังและให้คำปรึกษาเก้าไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่มาทำให้เก้ากลัวจนต้องวิ่งหนีออกไปซ่อนอยู่นอกบ้าน และทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับเก้า ไม่เคยแสดงความเข้าใจเก้าอีกเลยนับตั้งแต่นั้นมา! พี่สนรู้อะไรมั้ย เก้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่คิดว่าชีวิตของเก้าเป็นยังไง แต่เก้าจะบอกให้ว่ารักคือแฟนคนแรกของเก้า และเป็นคนแรกที่เก้าเคยมีอะไรด้วย นั่นคือเก้าไม่เคยมีอะไรกับใครเลยจนกระทั่งอายุ 27 นะเว้ย! น่าทุเรศมั้ยล่ะ!!”

“พี่เก้าครับ...” รักพูดเบาๆ ก่อนจะก้มลงจุ๊บกลางกระหม่อมผม “เราเคยสัญญากันว่าจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วไม่ใช่เหรอไง”

ผมหลับตาลงและถอนหายใจเบาๆ “พี่สน ฟังเก้าให้ชัดๆ นะ เก้าไม่ได้ต้องการเซ็กส์จากพี่สนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และเก้าก็ไม่ได้ต้องการเซ็กส์จากพี่สนในตอนนี้ด้วย แต่เก้าต้องการความรัก ความอบอุ่น ต้องการให้พี่ชายของเก้ารักเก้าอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อก่อนพ่อกับแม่ของเราต่างก็ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้พวกเรา เก้าจึงรักทั้งพี่สนและพี่ฟ้ามาก เก้าแค่เคยคิดว่าพี่สนจะเป็นพี่ชายที่ทำหน้าที่เติมเต็มในส่วนที่พ่อขาดหายไปให้เก้าได้เท่านั้นเอง แต่ปรากฏว่าเปล่าเลย  พี่ฟ้าต่างหากที่ทำแบบนั้นให้เก้ามาตลอด”

เมื่อผมพูดจบ เราทุกคนต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย ความเงียบที่น่าอึดอัดคืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งห้อง ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ส่วนพี่สนก็เดินผ่านผมกับรักกลับขึ้นไปบนชั้นสองโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว

“พี่เก้า พี่ทำถูกต้องแล้วนะครับ” รักนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของผมและกุมมือของผมเอาไว้ “ผมภูมิใจในตัวพี่นะ”

“พี่รักเรามากนะครับ ‘รักที่สุด’ เลยด้วย ” ผมยิ้มให้เขาน้อยๆ

“ผมก็รัก ‘ดวงตะวัน’ ของผมเหมือนกัน” เขาฉีกยิ้มกว้างตอบผม แต่รอยยิ้มของเขาทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา ผมคงจะอัดอั้นไว้มากจนเกินไป

รักยังคงนั่งกุมมือของผมเอาไว้เหมือนเดิมในตอนที่พี่สนเดินกลับเข้ามาในห้องกินข้าว 20 นาทีให้หลัง เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว และถือกระเป๋าเดินทางอยู่ในมือ ที่สำคัญคือดวงตาของเขานั้นแดงก่ำแทบไม่ต่างไปจากของผม

“พี่จะให้ผมกลับไปก่อนมั้ย” รักถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ไม่ต้องหรอก อยู่ที่นี่แหละ” พี่สนพูดขึ้น เขาก้มลงมองบนพื้นครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเราสองคนสลับกัน “แกพูดถูกแล้ว เก้า ฉันผิดเองทุกอย่าง ฉันรักแกนะเว้ย ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ แต่ฉันคงตีความหมายของคำว่า ‘รัก’ ผิดไป ตอนนั้นฉันยังเด็ก ฮอร์โมนมันคงพลุ่งพล่าน และฉันก็คิดแค่ว่า ถ้าหากเราได้ทำแบบนั้นกัน แกน่าจะชอบและน่าจะรักฉันมากขึ้น ฉันเข้าใจไปเองว่านั่นคือสิ่งที่แกต้องการ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันคิดมันผิด ฉันไม่เคยตั้งใจจะสร้างบาดแผลให้แกจริงๆ นะเว้ย ไอ้เก้า ฉันเองไม่มีพี่ชาย เลยอาจจะไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของน้องชายที่ชื่นชมพี่ชาย อยากให้พี่ชายทำหน้าที่แทนพ่อนั้นมันเป็นยังไง แกพูดถูกเรื่องที่ว่าตอนเด็กๆ พวกเราก็ไม่ได้รับความใส่ใจจากพ่อแม่มากนัก” เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะก้มหน้า “ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้มันจะสายเกินไปรึเปล่านะเว้ย... แต่ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันนี้ไป จะได้มั้ย...”

“พี่สน...” ผมลุกขึ้นยืนและเดินไปหาเขา “เก้าขอโทษ เก้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่สนรู้สึกแย่แบบนี้หรอกนะ...”

“ไม่หรอก เก้า ฉันควรจะต้องรู้สึกแบบนี้แหละ มันถูกแล้ว ถ้าแกไม่พูดออกมา ฉันก็คงจะยังทำตัวเป็นไอ้งั่งอยู่ต่อไปและไม่ได้มีโอกาสได้แก้ไขตัวเองสักที...” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จนถึงตอนนี้ ฉันว่าแกคงพอเดาได้แล้วล่ะนะว่าทำไมฉันถึงได้หย่ากับเมีย”

ผมพยักหน้าเบาๆ

“เออ เอาเป็นว่าฉันคงไม่อยู่รบกวนแกสองคนแล้วว่ะ ฉันจะกลับไปนอนที่โรงแรมกับเพื่อนที่ทำงาน และหลังจากนี้ก็จะเป็นพี่ชายที่ดีขึ้น ขอแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดพลาดกับแกมาหลายปี และถ้าโชคดี ฉันก็คงจะมีคนรักที่ดีแบบที่แกมีไอ้รักทุกวันนี้บ้างล่ะนะ” เขายิ้มให้ผมกับรัก

“พี่สนจะไปจริงๆ เหรอ” ผมถาม

“ใช่ ฉันว่ามันดีที่สุดแล้วว่ะ ถ้าแกให้อภัยฉันเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ฉันจะรอ ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน จะกี่เดือนหรือกี่ปี ฉันก็จะรอ” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย

ผมส่ายหน้า “ไม่ต้องรอหรอก เก้าให้อภัยพี่สนแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น พี่สนก็ยิ้มกว้างออกมาและดึงตัวของผมเข้าไปกอดทันที มันคืออ้อมกอดแบบที่ผมต้องการมาตลอดทั้งชีวิต การกอดที่แนบแน่น อบอุ่น เต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ และเป็นอ้อมกอดที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย

“ขอบใจมาก ไอ้เก้า ขอบใจจริงๆ ว่ะ” เมื่อเขาปล่อยตัวของผมออกแล้ว เขาก็เดินตรงเข้าไปหารัก “ฝากดูแลน้องชายของพี่ด้วยล่ะ ไอ้รัก”

“แน่นอนครับ พี่สน”

“ถ้าแกทำมันเสียใจ แกโดนหมัดพี่แน่นะเว้ย!” เขาชูกำปั้นขึ้นตรงหน้า

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ!” รักยักคิ้วตอบกลับเป็นเชิงท้าทาย

หลังจากที่พี่สนกลับไป ผมก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกว่าสภาพจิตใจของผมมันล้าไปหมด ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำเอาผมหมดพลังงานจนไม่เหลือพอแม้แต่จะขยับตัว รักเดินมานั่งลงข้างๆ และดึงตัวของผมให้เอนลงไปนอนหนุนตักเขา ซึ่งก็ทำให้ผมผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2013 21:46:04 โดย ExecutioneR »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) Moving In
« ตอบ #99 เมื่อ: 12-08-2013 10:49:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #100 เมื่อ12-08-2013 12:48:18 »

ค่อยยังชั่วที่ลงเอยด้วยดี
เก้ากล้าที่จะพูดความรู้สึกออกมา ไม่กลัวและไม่หนี
ส่วนพี่สนก็ต้องยอมรับความจริง

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #101 เมื่อ12-08-2013 13:18:31 »

ในที่สุดก็เคลียร์เรื่องพี่สนซักที :mc4:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #102 เมื่อ12-08-2013 13:23:12 »

เรื่องที่ค้างคาใจมานาน ได้ปลดปล่อยออกมา เก้าคงโล่งสบายใจขึ้น

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #103 เมื่อ12-08-2013 14:05:52 »

ซีนอารมณ์รุนแรงมาก
อ่านไปใจสั่นไป

Gongy B.Du

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #104 เมื่อ12-08-2013 14:48:30 »

จบเรื่องไปอีกเปลาะนึงจนได้ ฮวู้... -w-;;

ออฟไลน์ phenomintna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #105 เมื่อ12-08-2013 15:53:27 »

ไม่อยากให้เป็นเรื่องสั้น มันสนุกมากกกกก :katai4:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #106 เมื่อ12-08-2013 17:53:44 »

น่ารักที่สุด

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #107 เมื่อ12-08-2013 19:00:44 »

 :katai1: :katai1:  :-[ :pig4: :heaven :call:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #108 เมื่อ12-08-2013 19:13:31 »

เฮ้ออออ
นึกว่าเรื่องจะใหญ่กว่านี้ซะอีก
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ อิอิ

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #109 เมื่อ12-08-2013 20:38:26 »

เครียดแทนเก้าเลยนะเนี่ย เฮ้ออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) Moving In
« ตอบ #109 เมื่อ: 12-08-2013 20:38:26 »





ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #110 เมื่อ12-08-2013 21:10:18 »

นึกว่าจะดราม่าวะแล้ว ดีแล้วที่เคลียร์กันได้

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #111 เมื่อ12-08-2013 22:02:13 »

ส่งท้าย...


หลังจากนั้นพี่สนก็ยังคงติดต่อกับผมอย่างต่อเนื่อง เราโทรคุยกันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งในช่วงแรกมันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เราต่างก็ยังคงมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนกันอยู่บ้าง แต่สุดท้ายความรู้สึกของเราก็เริ่มเข้าที่ จนเรารู้สึกสบายใจที่จะคุยกันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม และความสัมพันธ์ของเราสองพี่น้องที่พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ก็ทำให้พี่ฟ้าดีใจมากเช่นกัน นอกจากนั้นมันยังส่งผลทำให้ชีวิตสังคมของผมดีขึ้นอีกด้วย เพราะนอกจากผมจะกลายเป็นคนที่มีความสุขขึ้น ผมยังรู้สึกสบายใจที่จะเปิดใจให้กับผู้คนรอบข้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รักบอกผมว่า บางทีมันอาจจะเป็นเพราะในที่สุดผมก็ได้ระบายความอัดอั้นที่เก็บซ่อนไว้ในใจออกไป แต่ผมรู้ดีว่าเขาต่างหากที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมเป็นผมอย่างในทุกวันนี้

เมื่อวันเกิดของผมมาถึง ผมก็ได้รับเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตจากรัก เขาพาผมไปยังร้านอาหารโปรดของเรา ซึ่งที่นั่น เขาได้เชิญพี่ฟ้ากับสามี และพี่สนกับผู้ชายอีกคนที่ผมไม่รู้จักมาด้วย พี่สนแนะนำผู้ชายคนนั้นว่าเป็นแฟนของเขา ชื่อ เอก เขาสองคนคบกันได้สี่เดือนแล้ว เย็นเรานั่งคุยและกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข นั่นคือเซอร์ไพรส์วันเกิดครั้งแรกในชีวิตของผม มันทำให้ผมดีใจมาก แต่เมื่อเรากลับบ้าน รักก็ทำให้ผมต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อเขาบอกผมว่าเขาตัดสินใจที่ปล่อยบ้านของเขาออกให้เช่า โดยที่ถ้าหากผมอนุญาต เขาจะขอย้ายเข้ามาอยู่กับผมอย่างถาวร

เมื่อเขาพูดจบ ผมก็กระโดดเข้าไปกอดเขา ทำเอาเราล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นห้อง แน่นอนว่าผมต้องเห็นด้วยและอนุญาตอยู่แล้ว! เขาบอกผมว่าคนที่อยากจะมาเช่าอยู่ก็คือ โต๋ เพื่อนของเขาคนที่เคยช่วยขนของเมื่อวันที่เขาย้ายเข้ามาวันแรก เพราะโต๋กำลังจะแต่งงานกับแฟนของเขาที่เพิ่งตั้งท้อง พวกเขาจึงอยากจะขยับขยาย และรักเองก็อยากจะช่วยเหลือเพื่อนของตัวเองด้วยเช่นกัน

“ตอนแรกพี่คิดว่ารักจะไม่อยากย้ายออกจากบ้านของตัวเองซะอีก” ผมถามเขา

“ก็จริงนะครับ ผมก็ไม่อยากจะย้ายออกจริงๆ นั่นแหละ บ้านหลังแรกของผมนี่นะ ลึกๆ ผมก็รู้สึกเสียดายมันอยู่เหมือนกัน”

“อ้าว งั้นแน่ใจเหรอว่าตัวเองอยากจะมาอยู่กับพี่จริงๆ น่ะ”

เขายิ้มกว้าง “แต่ผมก็ไม่ได้ย้ายออกจาก ‘บ้าน’ ของตัวเองสักหน่อยนี่ ที่จริงต้องบอกว่าผมกำลังจะ ‘ย้ายเข้า’ มาอยู่สถานที่ที่ตัวเองเรียกว่าบ้านจริงๆ อย่างเต็มปากมากกว่า”

คำพูดของเขาทำให้ผมต้องยิ้มออกมา “พี่เองก็อยากให้รักย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ตั้งนานแล้ว แต่พี่ไม่อยากจะบังคับรัก”

“ผมเองก็อยากจะย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ที่บ้านของเรานี่นานแล้วเหมือนกันนั่นแหละครับ แต่ผมไม่อยากปล่อยบ้านหลังนั้นไว้เฉยๆ พี่เก้าเองก็รู้ว่าเวลาผมต้องนอนคนเดียวในบ้านหลังนั้นน่ะ ผมเหงาขนาดไหน” เขาทำเสียงอ้อน

“พี่ก็เหมือนกัน”

“สำหรับผม คำว่า ‘บ้าน’ มันไม่ใช่แค่ตัวสิ่งก่อสร้างหรอกนะครับ แต่คือ ‘คน’ ที่อยู่ด้วยต่างหาก คนที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น รู้สึกอยากจะกลับมาเจอ อยากกลับมานอนกอด และอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยทั้งชีวิต... ถ้าหากมีคนๆ นั้นแล้วล่ะก็ ผมก็ไม่แคร์แล้วล่ะว่าจะต้องอยู่ที่ไหน”

“เหรอครับ... แล้วเจอคนๆ นั้นรึยังล่ะ”

“เจอมานานแล้วล่ะครับ และผมก็จะไม่ปล่อยให้คนๆ นั้นหนีผมไปไหนแน่นอน!” เขาพูดพลางกำชับวงแขนที่กอดผมอยู่ให้แน่นขึ้น “สุขสันต์วันเกิดนะครับ คุณหมอก้าวตะวันของผม”

ผมที่เขินจนไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไรได้แต่นอนยิ้มและคิดขอบคุณฟ้าที่ส่งผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของผม เขาคือผู้ชายที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา เขามอบความกล้า ความสุข และความสดใสให้ชีวิตของผมที่เคยแห้งแล้ง เขาคือพลังที่ขับเคลื่อนผมให้สามารถลุกออกไปทำงานและเจอผู้คนได้อย่างมีกำลังใจ ไม่เคยมีเลยสักวันที่ผมจะไม่คิดถึงเขาและสิ่งดีๆ ที่เขานำพาเข้ามาสู่ชีวิตของผม ต่อจากนี้ไป เตียงนอนของผมจะไม่ต้องว่างเปล่าอีกแล้ว และบ้านของผมก็จะกลายเป็นครอบครัวเล็กๆ ของสองเรา ที่จะคอยเติมความชุ่มชื้นและความอบอุ่นให้แก่หัวใจของผมไปตราบนานเท่านาน

ลักษณ์ธิสุทธิ์... สุดที่รักของผมแค่เพียงคนเดียวจากวันนี้และตลอดไป



จบ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #112 เมื่อ12-08-2013 22:05:28 »

จบแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยทีเดียว สำหรับเรื่องสั้นในเซ็ต home เรื่องนี้

หวังว่าจะชอบกันนะครับ รอพบเรื่องใหม่ได้เร็วๆ นี้

สำหรับตอนนี้ มีทั้งหมด 3 เรื่องแล้ว 3 เรื่อง 3 อารมณ์แหละ

HOME เรื่องที่อบอุ่นที่สุดที่เขียนมา (น่าจะอย่างนั้น)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34147.0

Coming Back Home incest เรื่องแรกที่กระแสตอบรับดีเวอร์สัสๆ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37604.0

และเรื่องนี้ Moving In

ถ้าใครอยากอ่านเรื่องอื่นๆ ของผมก็คลิกในแฟนเพจหน้าแรกนะครับ แล้วเจอกันครับ จวฟๆ

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #113 เมื่อ12-08-2013 22:10:50 »

เอาเรื่องใหม่มาลงได้แล้วเฮีย  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #114 เมื่อ12-08-2013 22:26:26 »

เอาเรื่องใหม่มาลงได้แล้วเฮีย  :hao6: :hao6: :hao6:

ไวไปปะ ยังแต่งไม่จบเบยยยย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #115 เมื่อ12-08-2013 22:33:49 »

HBD คุณหมอก้าวตะวันค้าาาา

แต่จบแบบไม่รู้ตัวจริง ๆ นะ 555

zeaza

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #116 เมื่อ12-08-2013 22:42:44 »

จบแล้ววว เป็นเรื่องสั้นที่อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ
ยิ้มกับก้าวและรักอยู่หลายตอน อ่านเองเขินเอง ^__^
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #117 เมื่อ12-08-2013 22:49:08 »

จบแล้วว แอร๊
ขอบคุณพี่ต้นนะคะที่เอาเรื่องน่ารักๆมาลงให้อ่านกันแบบนี้
รออ่านเรื่องต่อไปด้วยค่า

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #118 เมื่อ12-08-2013 22:52:33 »

 :pig4:

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
«ตอบ #119 เมื่อ12-08-2013 22:54:44 »

อ่า จบแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด