เหตุเกิดบนเตียงของห้องข้างเคียง 'วิศวะ' ฉบับรีไรท์ 21/1/2561
ตอนที่ 2 คนข้างห้องที่น่าสนใจ
หลังจากที่พี่ท็อปยอมให้ผมมานอนค้างที่ห้องอีกฝ่ายได้ ถึงแม้ว่าห้องของผมจะอยู่ถัดไปแค่ก้าวสองก้าว แต่ผมก็ถือโอกาสนี้เป็นตัวเร่งพัฒนาความสัมพันธ์ของเราไปในตัว มาตอนนี้ผมต้องรับหน้าที่เป็นเบ๊ประจำตัวของพี่ท็อป ซื้อข้าวกล่องกับโจ๊กหมูสับที่ร้านเจ้าประจำตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหอพัก
“เลือกอย่างไหน”ผมบอก ก่อนจะชูถุงข้าวกล่องกับโจ๊กให้พี่ท็อปเลือก เจ้าตัวชี้นิ้วมาที่ถุงโจ๊ก ผมจัดการเทโจ๊กใส่ถ้วย แล้วเตรียมยาให้พี่ท็อปก่อนอาหารและหลังอาหาร ระหว่างนั้นที่ทานมื้อเช้า ผมเหลือบมองอีกฝ่ายบ่อยๆ อย่างลืมตัว
“มองอะไร อยากแดกเหรอไง”พี่ท็อปมองหน้าผมตาปริบ ๆ อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะจักโจ๊กแล้วยื่นช้อนมาใกล้ ๆ ปากผม
“อยากแดกพี่ มากกว่าโจ๊กอีก”ผมพูดด้วยยิ้ม ไม่ทันขาดคำพี่ท็อปเลยแกล้งดันช้อนเข้ามาหา จนผมต้องอ้าปากงับอย่างเสียไม่ได้ ไม่ทันได้คิดว่าโจ๊กช้อนนี้ยังคงร้อนอยู่
“โอ้ย ร้อน”ผมรีบกลืนลงคอ เพราะมันร้อนเกินไป จะคายทิ้งก็ไม่ดีอีก ผมลิ้นชาน้ำตาเล็ด แต่พี่ท็อปหัวเราะ ท่าทงสะใจที่เห็นผมดิ้นอย่างกับไส้เดือน
“หึๆ สมน้ำหน้า มึงนี่คิดแต่จะปล้ำกูสินะ”พี่ท็อปปรามด้วยสายตาดุๆมาให้ผม
“ระดับผมไม่ปล้ำหรอก พี่สมยอมแน่นอน”ผมพูด พี่ท็อปขำหึ
ก๊อก ก๊อก
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังถี่ๆติดกัน พี่ท็อปมองหน้าผมเป็นนัยว่าให้ลุกไปดู ผมลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดประตูอย่างว่าง่าย คิดว่าเป็นมารผจญ
“มาหาใครครับ”ผมเปิดประตูออกพร้อมเอ่ยออกไป ลืมไปสนิทเลยว่านี่ห้องพี่ท็อป ผมมองหน้าผู้มาเยือนคนใหม่แล้วก็ต้องร้องอ๋อทันที แฟนเก่าพี่ท็อปนี่เอง มันชื่อ บอม มองผมด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่พอใจชัดเจน ที่สำคัญมันเป็นเด็กช่างเรียนเทคนิคฯไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยผมมากนัก
“มาหาแฟนกู แล้วมึงเป็นใครวะ”มันตะคอกดังลั่น ผลักผมแรงๆ ผมแค่ยิ้มยวนใส่มันแล้วไหวไหล่ก่อนจะเหลือบมองพี่ท็อปที่นั่งทานโจ๊กอยู่ที่โต๊ะอย่างไม่สะทกสะท้าน อีกฝ่ายยิ้มให้ผม
“แฟนใหม่พี่ท็อป”ผมตอบ มันทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะง้างหมัด แต่พี่ท็อปเดินมาห้ามซะก่อน
“ไอ้สอง กลับห้องมึงไป” สิ้นคำของพี่ท็อป ทำเอาผมไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมมองหน้าพี่ท็อป ไม่เข้าใจเจ้าตัวนัก
“มันเป็นใครวะ แล้วดูสภาพมึง”ไอ้บอมแทรกตัวกระแทกไหล่ผมเข้าไปหาพี่ท็อป ก่อนจะจับหน้าพี่ท็อปแล้วผลัก
“แน่ใจนะว่า...”ผมหันไปพูดกับพี่ท็อป เผื่อไอ้บอมมันลงไม้ลงมือกับพี่ท็อปขึ้นมา “เอาน่า มึงกลับไปก่อน”พี่ท็อปพูดเสียงห้วน ผมถอนหายใจแรง ไล่แบบนี้ จะอยู่ไปทำไม ผมเดินออกจากห้อง ไม่วายจะส่งสายตาเขม่นใส่แฟนพี่ท็อปเพื่อระบายอารมณ์
ผมปิดประตูห้องพี่ท็อปเสียงเสียงดัง รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าห้องตัวเอง จังหวะเดียวกันไอ้แว่นห้องฝั่งตรงข้ามเปิดประตูออกมายืนพิงกรอบประตู มองผมด้วยนิ่งๆ สายตาหลังกรอบแว่นนั้นเย็นชาเดาไม่ออก ผมไม่ชอบคนประเภทนี้จริงๆ เพราะไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่
“หึ...”มันส่งเสียงในลำคอก่อนจะมองหน้าผม จากนั้นปิดประตูแล้วเดินลงบันไดไปด้านล่างไป
“อะไรของมัน”ผมไม่เข้าใจพฤติกรรมของอีกฝ่ายนัก ผมถอนหายใจ ส่ายหน้ากับตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไปข้างในห้อง ได้ยินเสียงพี่ท็อปทะเลาะกับไอ้บอมแว่วมาให้ได้ยิน
ช่วงบ่ายผมเข้าคณะไปเรียนสองคาบ พอเลิกเรียนห้าโมงเย็น ก็มาที่ห้องเพ้นท์ชั้นล่างตามเคย นั่งทำงานดรออิ้งต่อให้เสร็จ เจอเพื่อหน้าเดิมๆอยู่เป็นประจำ ผมเหลาดินสอEEให้แหลมแล้วเน้นรายละเอียดที่บริเวณนัยน์ตาทั้งสองข้าง พยายามให้คล้ายคลึงกับเจ้าตัวมากที่สุด มองไปมองมาเหมือนว่ากำลังจ้องมองผมผ่านภาพวาด ผมนั่งงมอยู่ที่กระดานสเก็ตอยู่นาน จากนั้นก็บิดขี้เกียจไล่ความปวดเมื่อย หมุนดินสอในมือไปมา พลางถอนหายใจเบื่อๆทิ้งหลายครั้ง
เบื่อแฮะ ผมกดหาเบอร์ ‘โย’ รุ่นน้อง โรงเรียนเก่าของผมเอง กำลังเรียนม.4 วัยกำลังมันส์ ที่บ้านโยเคร่งครัดเรื่องแฟน เรื่องเพศ เน้นการเรียนจนทำให้โยต้องหาเพื่อนในโซเชียลฯแทน เพื่อเรียนรู้เรื่องเซ็กส์ ผมก็แค่ให้บทเรียนเด็กนั่นนิดหน่อย แน่นอนว่าก็ไม่ใช่กับผมคนแรกหรอก
[ครับ พี่สอง] น้ำเสียงที่ตอบกลับมาออกตื่นเต้น ติดกระแดะนิดๆในหางเสียงนั้น ทำให้ผมแค่นเสียงในลำคอ
“ว่างหรือเปล่า มาหาพี่หน่อยสิ”ผมถาม หยิบนาฬิกาในเสื้อมามองเวลา ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้วพอดี เพื่อนๆผมก็แยกย้ายกันกลับหอตั้งแต่เรียนเสร็จแล้ว
[ว่างครับพี่ เดี๋ยวผมไปหานะ คิดถึงพอดี]
“อือ มาที่หอพี่เหมือนเดิม ไม่ต้องรีบหรอก”ผมบอก ฝ่ายนั้นหัวเราะแล้ววางสายไป ผมเก็บของใส่กระเป๋าสะพายแล้วกลับไปที่หอพัก อย่างไม่เร่งรีบนัก เพราะโยคงไม่รีบบึ่งมาหาผมรวดเร็วภายในยี่สิบนาทีนี้แน่ ๆ ผมมาถึงห้อง ลองไปเคาะประตูห้องพี่ท็อป แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา คงไม่อยู่ ผมนิ่งไปแล้วกลับเข้าห้องของตัวเอง อาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น
ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมเดินไปเปิดให้โย เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบาง ผิวขาว ลักษณะไม่ค่อยแมนสมชายเท่าไหร่ ออกจะคล้ายคุณหนูเจ้าสำอาง ในตอนแรกก็ยังแมนๆอยู่หรอก แต่หลังๆมาสนิทกับผม เหมือนไม่ค่อยรักษากิริยาเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่อยากโละทิ้งเพราะโยเองก็ยังมีดีอยู่นี่
“ไม่เจอตั้งนาน คิดถึงแย่เลย”ผมเปิดประตูออกกว้างรับโย ขณะเดียวกันหนุ่มแว่นก็เดินกลับขึ้นมาที่ห้องออกมาพอดี มันมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ผมละสายตาจากมัน เมื่อโย ยื่นหน้ามาหอมแก้มแล้วรีบดันผมเข้าห้องก่อนจะปิดประตูดังปัง ไม่สนใจคนอื่น อันที่จริงไม่ได้มองซ้ายมองขวาเลยด้วยซ้ำ
“ปากหวานจริงๆ พี่สองเนี่ย”โยเดินจับมือผมไปที่เตียง
“หึ ก็คิดถึงจริงๆ”ผมบอกแล้วหัวเราะ ก่อนจะดึงร่างของเด็กหนุ่มมากอดแน่นเอนตัวลงเตียงไปพร้อมๆกัน
“เหรอ คิดถึงอย่างอื่นมากกว่ามั้ง”โยพูด แล้วจูบผมไปทั่วทั้งหน้า แล้วขึ้นคร่อมผมทันที ผมมองปากแดงอิ่มเอิบที่ผ่านการแต่งแต้มมาแล้ว เข้ามาก้มลงจูบ อีกทั้งมืออยู่ไม่สุขลูบผ่านใต้เสื้อไปตามลำตัว ร่างกายที่เคยผ่านมือมาแล้ว ไม่ต่างอะไรกับวัวเคยขา ม้าเคยขี่ ไม่นานนักก็เล่นสนุกกันเพลิน จนโยหมดเรี่ยวหมดแรงไป
“งั้นคืนนี้โยขอค้างกับพี่สองนะ”โยเอ่ยเสียงเล็กนุ่มรื่นหู ก่อนจะกอดผมไว้แน่น เนื้อตัวเปลือเปล่าแนบชิดกัน ผมถอนหายใจแรง ก่อนจะเหลือบไปหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดู มีไลน์ค้างจากพี่ท็อป ผมอ่านผ่านเหมือนว่าเจ้าตัวกลับมาที่ห้องแล้ว ผมดึงแขนอีกฝ่ายออกก่อนจะลุกออกจากเตียงทันที
“ไม่ได้หรอก พี่นัดเพื่อนไว้”ผมบอกปัด เพราะคืนนี้ผมจะไปนอนเป็นเพื่อนพี่ท็อป หนึ่ง เพื่อเร่งทำคะแนน สอง เพราะเป็นห่วงเจ้าตัวด้วย
“โธ่ นานๆจะเจอโยที พี่สองก็เป็นแบบนี้อีกล่ะ”อีกฝ่ายทำหน้าเง้างอน สายตาตัดพ้อมองผมอย่างไม่ลดละ
“คืนนี้ไม่ได้จริงๆ กลับไปนอนกับม๊าเถอะ”ผมบอกอย่างอดทน มาคิดดูอีกที โยมันต้องโกหกม๊ากับป๊าเพื่อมาหาผมแน่ ๆ ไม่น่าโทรหาโยเลย
“ก็บอกม๊าแล้วว่ามานอนกับเพื่อน แล้วคืนนี้โยจะนอนที่ไหน”โยยังคงดื้อดึงงอแง ทำให้ผมอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง ผมชักสีหน้าใส่
“เอาแบบนี้ โยนอนห้องพี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะไปหาเพื่อนเอง”...เพื่อนข้างห้องน่ะ โยเงียบไป แค่นั่งมองผมอย่างไม่พอใจ มือน้อยกำมัดแน่น มันคงโกรธที่ผมไม่แยแส ถ้าทำได้มันคงฟาดไม้ฟาดมือใส่ผมไปตั้งนานแล้ว
ผมเสนอทางเลือกให้โย ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปโดยไม่สนใจอีกฝ่าย “ก็ได้ๆ โยนอนห้องพี่สองคนเดียวก็ได้ พี่สองไปหาเพื่อนเถอะ”โยตอบ เหมือนว่ามันมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ แต่ผมล็อกไว้แล้ว ผมอาบน้ำอีกครั้ง เมื่อออกมาจากห้องน้ำ เห็ยว่ามันยังนอนอยู่บนเตียง
“แล้วก็อย่าค้นอะไรออกมาล่ะ”ผมพูด ก่อนจะหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าเงินติดมาด้วย ไม่ได้หันไปมองโยอีกว่ามีสีหน้าแบบไหน ผมออกจากห้อง แล้วเดินสามสี่ก้าวมาหยุดที่หน้าห้องของพี่ท็อป ผมเคาะห้องพี่ท็อป ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้ประตูห้อง
“ไง ...”พี่ท็อปเป็นฝ่ายเปิดประตู ผมยิ้มกว้างไปให้
“มันกลับไปแล้วเหรอ”ผมถามแล้วชะเง้อมองไปในห้องพอเป็นพิธี อีกฝ่ายมอง“อือ เข้ามาสิ”พี่ท็อปบอก ใบหน้านิ่งเฉย ไม่ยิ้มแย้ม อีกฝ่ายโกรธอะไรผมหรือเปล่านะ
“มึงมาทำไม”พี่ท็อปถาม มองหน้าผมไปด้วย ระหว่างที่กำลังหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงช้าๆ คิ้วย่นเข้ากัน ผมเห็นว่ารอยฟกช้ำบนหน้าพี่ท็อปเด่นชัดขึ้นและเปลี่ยนสีไปแล้ว ออกจะน่ากลัวอยู่เหมือนกัน
“บอกแล้วไง ว่าผมจะมานอนเป็นเพื่อน”ผมบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินไปล้างเท้าในห้องน้ำให้สะอาด เหลือบมองพวกโฟมล้างหน้า แปรงสีฟันในนี้แล้วเหมือนว่าเป็นของส่วนตัวสำหรับคนเดียว ไม่มีอะไรที่เป็นคู่ ผมยิ้มออกมาอย่างเบาใจ แสดงว่าไอ้บอมคงไม่กลับมาอยู่ในสาระบบของพี่ท็อปอีกแล้ว เมื่อผมเดินออกมา พี่ท็อปนั่งกอดอกมองก่อนจะพูดนิ่งๆ
“หึ แล้วเด็กตุ๊ดมึงล่ะ”พอได้ยินแล้ว ผมหุบยิ้ม หน้าบึ้งทันที
“ตุ๊ดไหน ไม่ใช่ตุ๊ดซะหน่อย”ผมรีบปฏิเสธ พี่ท็อปส่ายหน้าก่อนจะหัวเราะออกมา “แล้วมึงทิ้งมันไว้อย่างนั้นเหรอ”
“เปล่านะพี่ มันอยากนอนห้องผมเอง”ผมบอก พี่ท็อปไหวไหล่เหมือนไม่สนใจฟังผมเท่าไหร่ เพราะกำลังจัดเตียงนอน ตบ ๆ หมอนให้ฟู ๆ
“เออ ๆ กูจะนอนพักล่ะ เพลียนิดหน่อย วันนี้ไปเรียนมาด้วย วิชานี้ขาดไม่ได้อีก มึงปิดไฟซะ”พี่ท็อปสั่งไม่ได้มองหน้าผม อีกฝ่ายเอนตัวลงนอนบนเตียงมุมซ้าย ผมเดินไปปิดไฟให้ ในห้องมืดสลัวยังดีที่มีแสงไฟลอดผ่านม่านบางๆ
ผมเดินไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนข้างพี่ท็อป แม้จะยังไม่ง่วงนัก แต่ก็ไม่อยากกลับไปเจอกับโยตอนนี้อีก ผมเหลือบมองเจ้าตัวที่นอนหลับตาอยู่ ท่าทางไม่สบายเท่าไหร่เพราะเห็นผ่านความมืดว่าขมวดคิ้วอยู่
“ปวดแผลหรือเปล่าครับ”
“ก็มีนิดหน่อย ตามปกตินั่นแหละ ...มึงอย่าถามเรื่องไอ้บอมตอนนี้เลย”พี่ท็อปรีบพูดดักผม
ผมเลยถอนหายใจยาวๆ ในหัวคิดอะไรมากมาย ... ค่ำคืนนี้เหมือนมีเรื่องมากมายให้ผ่านพ้น ผมนอนคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่หลายนาทีก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย
...
ผมถูกปลุกโดยพี่ท็อป เห็นได้ชัดว่าสีหน้าพี่เขาดีขึ้น ผมผุดลุกขึ้นมานั่งมองพี่ท็อปที่กำลังแต่งตัวหลังอาบน้ำเสร็จ ผมขยี้ตาหาวนอน ก่อนจะลุกไปช่วยพี่ท็อป
“มาผมใส่ให้”ผมยิ้มบอกแล้ว ดึงเสื้อออกจากมือพี่ท็อปค่อยๆสวมแขนที่ละข้าง ก่อนจะติดกระดุมให้ทีละเม็ด ผมเหลือบมองหน้าพี่ท็อป ที่จ้องหน้าผมอยู่ตาไม่กระพริบ
“อยากจูบผมเหรอ แต่ยังไม่ได้แปรงฟันเลยนะ”ผมหัวเราะ พี่ท็อปส่ายหน้าเขกหัวผมเบาๆ
“ก็แค่คิดว่ามึงใช้ง่ายดีว่ะ เบ๊กูดี ๆ นี่เอง เอ... เหมือนหมาที่บ้านกูเลยว่ะ ชื่อทู พันธุ์ลาบาดอร์ด้วยนะ”พี่ท็อปหัวเราะ หนำซ้ำยังเปรียบเทียบผมซะเสียของหมด
“อย่างผมนี่คุณภาพดีกว่าหมาพี่ก็แล้วกัน”ผมพูดอย่างไม่คิดอะไร แล้วเอื้อมไปหยิบกางเกงขาสั้นแบบมีซิปมาให้ “มีเรียนไหม”พี่ท็อปถาม ผมคลี่กางเกงออก
“ไม่มีครับ แล้วพี่ล่ะ”ผมเงยหน้ามอง ขณะที่พี่ท็อปจับแขนผมไว้แล้วหย่อนขาลงมาทีละข้าง เจ้าตัวเบ้หน้าอย่างปวดแผล “กูลาเอา ปวดแผลว่ะ”พี่ท็อปย่นหน้า ผมรูดซิปกางเกงขาสั้นให้พี่ท็อปช้าๆ
“อ้อยอิ่งอะไรตรงเป้ากู ไอ้นี่”พี่ท็อปผลักผมออกไปห่างๆแล้วรูดซิปเอง ผมหัวเราะแค่แกล้งอีกฝ่ายเล่น
“มา ผมทายาให้”ผมพาพี่ท็อปไปนั่งที่เตียง ลากเก้าอี้มานั่งทายาให้อีกฝ่าย ผมจุ่มสำลีลงกับยาฆ่าเชื้อเบทาดีน ผมแตะเบาๆลงกับแผลเหนือโหนกแก้ม ระหว่างที่ในห้องเงียบ ทว่าหูของผมดันได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
“เสียงอะไร”พี่ท็อปเลิกคิ้ว กรอกตาไปมาแล้วหันไปมองทางห้องของผม ผมเงียบฟังดูบ้าง พอฟังดีๆเหมือนคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอย่างเมามัน เสียงนี้มัน...ไอ้โย ทำเอาผมหน้าเปลี่ยนสีด้วยความรู้สึกขายขี้หน้าต่อหน้าพี่ท็อป บวกกับความหงุดหงิดในตัวไอ้โยอีกคูณสอง ผมถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“เด็กมึงอะ หึ ใช่ย่อยเลย”พี่ท็อปหัวเราะ ผมรีบทำแผลให้พี่ท็อปด้วยใจที่ไม่สงบ ข่มอาการเดือดดางเอาไว้ แล้วลงไปซื้อโจ๊กให้พี่ท็อปให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินกลับห้อง ผมเปิดประตูออกอย่างแรงด้วยอารมณ์โมโห พอประตูเปิด เจอไอ้โยกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงของผู้ชายล่ำๆคนนึงอยู่
‘เวร ทำกันบนเตียงกูเลยเหรอ’ ผมกระชากมันออกเต็มแรง มันสองคนทำหน้าผงะตกใจร้องลั่น โดยเฉพาะกับไอ้โย “โอ้ย เฮ้ยพี่”มันร้องขณะที่กำลังลุกจากพื้น
“มึงนี่มัน...! นี่มันห้องของกูนะ”ผมตวาดใส่หน้ามัน
“ก็พี่ไม่สนใจโยอ่ะ ทำไมจะตีโยหรอ”เด็กนั่นเดินเข้ามาหาผมเหมือนท้าทาย
“เออ ไปให้พ้นจากห้องกู!”ผมลากมันสองตัวออกจากห้อง ไอ้โยโวยวายลั่น “ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีกนะมึง”ผมทิ้งท้ายบอกมัน ไอ้โยทำหน้าเหมือนจะไม่ยอม แต่ไอ้ล่ำนั่นลากตัวมันหนีไปก่อน
ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง และอารมณ์เสียออกไปที่นอกระเบียง จุดบุหรี่สูบทันที ก่อนจะยื่นหน้าไปมองทางระเบียงข้างๆ ที่ไม่เห็นอะไร นอกจากราวเหล็กจับของระเบียง เนื่องจากแต่ละห้องจะมีผนังปูนกั้นไว้ทำให้มองไม่เห็นระเบียงของห้องข้างๆ นอกเสียจากจะยื่นหน้าออกไปมองถึงจะเห็นราวระเบียงห้องข้างๆได้
“พี่ท็อป พี่ท็อปครับ!”ผมตะโกนเรียก
“ไรวะ”เสียงพี่ท็อปตอบกลับมา แค่เสียงก็โอเค ในตอนนี้ผมไม่พร้อมอยู่ในอารมณ์ที่จะเห็นหน้าพี่ท็อปหรอก คงได้หัวเราะเยาะผมแน่ ๆ ล่ะ ขายหน้าฉิบ ผมมองเห็นแค่ท่อนแขนของพี่ท็อปที่วางพาดอยู่ตรงระเบียงเท่านั้น
“เซ็ง”ผมบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้ “หึ แค่เด็กคนเดียว”พี่ท็อปหัวเราะเบาๆ
“มันหยามผม”ผมกระแทกเสียงหงุดหงิด กับไอ้โย ผมไม่ได้รักมัน หรือหวงก้างอะไร เพียงแต่มันเป็นเด็กผมนี่ แต่ดันข้ามหน้าข้ามตาผมแบบนี้ ไม่ชอบเลยแฮะ ผมสูบบุหรี่ต่อพ่นควันมะเร็งออกเป็นระยะ พี่ท็อปเงียบไป ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“ลองคบกับผมไม่ได้เหรอ ผมเทคแคร์เก่งนะ”ผมลองหย่อนเบ็ดไป แต่พูดมาจากใจจริง ผมหันมองไปทางด้านข้างมองเห็นมือพี่ท็อปที่กระดิกไปมาอยู่
“ไม่ล่ะ”คำตอบของพี่ท็อปทำให้ผมใจแกว่งไปนิดหน่อย เหมือนฟองอากาศแตกโพล๊ะ อีกฝ่ายเล่นตอบมาแบบไม่คิดขนาดนี้ ผมหน้าม้านไปเลย
“ทำไมล่ะ”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่เห็นว่ามีอะไรเสียหายตรงไหนด้วยซ้ำ เจ้าตัวเงียบไปหลายนาที ผมแค่รอคำตอบ
“ในเมื่อได้กูง่าย ๆ แล้ว คิดว่าจะเป็นแฟนกูง่าย ๆ เหมือนกันเหรอไงวะ”พี่ท็อปพูดเสียงเนือยๆตอบกลับมาเหมือนเป็นเรื่องน่าเบื่อ
“โธ อะไรกัน”ผมย่นหน้า ก่อนจะขยี้บุหรี่ลงกับราวระเบียงจนมอดดับไปแล้วโยนทิ้งลงถังขยะลูกเล็กตรงมุมระเบียงอย่างไม่แย่แส
“หึ... มึงนี่นิสัยเหมือนไอ้บอม...มีเด็กซุกซ่อน กูเกลียด”
“ตอนนี้ผมโสดไงครับ จะคบใครก็ได้ อย่าเอาผมไปเทียบกับมันเลย”ผมพูดอย่างไม่ชอบใจนัก ได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายเบาๆ
“แต่กูไม่ใช่เด็กมึง บอกให้รู้ไว้”อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงดึงดันเช่นเดิมจนผมไม่เห็นเส้นทางแห่งความเป็นไปได้จนต้องถอนหายใจแรงๆ
“ครับ ผมไม่เห็นพี่เป็นแบบนั้นซะหน่อย ผมคบใคร ผมก็ให้เกียรตินะ”ผมพูดความจริง ถ้าเป็นแฟนล่ะก็ ผมจริงใจและพร้อมเทคแคร์อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่เจอคนที่อยากได้มาเป็นแฟนเลยสักที ถึงได้ทำตัวเรื่อยเปื่อย
“จริงเหรอวะ”พี่ท็อปทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ
“จริงสิ ลองคบแล้วจะรู้”ผมหัวเราะแผ่วๆ พี่ท็อปเงียบเสียงไป “แล้วพี่เลิกกับไอ้บอมหรือยัง”
“..ยัง..”อีกฝ่ายตอบสั้นๆ ผมย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะพี่”
“...ต้องบอกมึงด้วยเหรอ”สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย เหมือนด่าผมทางอ้อม ผมเลยเงียบไป ไม่ง่ายจริงๆซะด้วยกับการคิดจะเดินหน้าเข้าหาพี่ท็อปเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ด้านความรู้สึก ผมไม่ได้ต้องการแค่ร่างกาย เพราะมันไม่ยากหรอก แต่ลองคิดดูจริงๆจังแล้วผมก็ได้แค่ร่างกายแน่
“ก็แค่ให้มันชดใช้ให้กูน่ะ มึงไม่ต้องรู้หรอก”พี่ท็อปตอบมาจนได้ ผมเลิกคิ้วสงสัย เลิกวอแวประเด็นนี้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเบื่อ
“โอเค ๆ ผมยอมเป็นกิ๊กก็ได้”ผมหัวเราะออกมา ทำทีพูดเล่นไปแบบนั้น
“มึงกับกูไปกันไม่ได้หรอก คงได้แค่สนุกๆ มึงมันรักสนุก แต่กูน่ะ...ต้องการคนจริงใจ ไม่รู้สิ เพราะกูผ่านมาเยอะ เจอแต่คนแย่ๆก็บ่อย กูเลยเบื่อว่ะ”ผมมองเห็นพี่ท็อปถือบุหรี่ไว้ในมือ
“ผมก็เป็นคนแย่ ๆ ด้วยเหรอพี่”ผมถาม มองมือพี่ท็อปที่ยกบุหรี่ไปสูบอย่างอดทน “มึงต้องให้กูบอกด้วยเหรอ”อีกฝ่ายพูดเยาะ ๆ ขณะมองควันบุหรี่ที่ลอยมาจากระเบียงห้องของเจ้าตัว
“ผมเป็นคนดีได้นะ ถ้าพี่ต้องการ”ผมเงียบไปนานสองนานก่อนจะเอ่ยออกไป ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาพูดแบบนี้กับใครด้วยซ้ำ แต่พี่ท็อปทำให้ผมมีแรงกระตุ้นอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ่าๆ มึงน่ะเหรอ จะหยุด”พี่ท็อปขำทันทีที่ผมพูดจบ
“ได้สิพี่ ถ้าผมอยากหยุดจริง ๆ ผมเองก็เซ็ง ๆ เหมือนกันนะแบบนี้”ผมบอก แหงนหน้ามองท้องฟ้ากระจ่างใสเหนืออาคารใกล้เคียงอย่างเหม่อลอย วันนี้มีเมฆไม่มาก และแสงตะวันเจิดจ้า
“ถ้าแค่เซ็ง แล้วอยากมาคบกัน กูขอบาย”พี่ท็อปพูดเสียงดังเหมือนให้ผมได้ยินชัดเจน ผมเม้มปากส่ายหน้า “ก็นึกว่าชอบเสี่ยงซะอีก อุตส่าห์ดีใจ”ผมหัวเราะออกมา
“เสี่ยงที่ว่าคือไม่ใช่ฐานะแฟนไง มึงมาแปลกนะวันนี้”พี่ท็อปยื่นหน้ามามองผมผ่านผนังกั้น ผมยิ้ม
“ผมไม่เคยไล่ตามใครเลยนะ พี่เป็นคนแรก.. ผมทำตามที่พี่สั่งได้ ผมเอาใจพี่ได้ ...ปกติผมไม่เอาใจใครหรอก แต่กับพี่ ผมยอมง่ายๆเลย”ผมมองใบหน้าพี่ท็อปที่ยังคงยื่นมามองผมอยู่ เจ้าตัวหดศีรษะกลับไปในระเบียงตามเดิมก่อนจะพูดออกมาให้ได้ยิน
“เสี่ยวว่ะ”
“พูดจริงนี่ครับ”ดันไม่เชื่อกันอีก ผมเลยเงียบไป “พักผ่อนเถอะพี่ ผมไม่กวนล่ะ”ผมบอกทิ้งท้าย ก่อนจะเดินกลับเข้ามาข้างในห้อง สองหูได้ยินพี่ท็อปเรียกชื่อผมกลับมาก็เท่านั้น
“โธ่เอ้ย”ผมสบถ ก่อนจะเตะไปที่กล่องกระดาษปอนด์กับกระดาษบรู๊ฟที่ม้วนไว้จนล้มลงระเนระนาด ผมหงุดหงิด ก่อนจะเดินไปดึงผ้าสีขาวที่คลุมขาตั้งรูปไว้ออก งานตอนนี้เหลือแค่ลงแสงเงาเท่านั้น ผมมองรูปสเก็ตนั้นอยู่นานจนถอนหายใจ “เฮ้อ...พี่ท็อป...”สงสัยผมจะชอบพี่ท็อปเข้าอย่างจังจริง ๆ ด้วย ถึงได้เพ้อขนาดนี้
...
ผมยังคงทำหน้าที่เมียแค่ในนามที่ดีของพี่ท็อป หึๆ อันที่จริงพี่ท็อปสั่งต่างหาก เห็นว่าผมใช้(งาน)ได้ สั่งแล้วทำตามทุกอย่าง เช้าวันนี้ผมเลยไปส่งพี่ท็อปที่คณะ คณะนี้นี่กว้างใหญ่จริงๆ ทำเอาคณะผมหมองไปเลยซึ่งอยู่ใกล้ๆกันนี่เอง งบน้อยก็แบบนี้
ผมใช้เคเอสอาร์คู่ใจไปส่งพี่ท็อป ผมจอดรถมอเตอร์ไซด์ที่หน้าตึกภาคเครื่องกลฯ
“บริการส่งถึงที่เลยครับ”ผมบอกก่อนจะดับเครื่องแล้วใส่ขาตั้งรถไว้ รับหมวกกันน็อคจากพี่ท็อปมาถือ ผมเห็นสายตาของเพื่อนร่วมภาควิชาจ้องมองมาทางเรา ก็นะ พี่ท็อปเล่นประกาศ จูบโชว์ว่าผมเป็นเมียเค้าซะขนาดนี้ พี่ท็อปยังไม่หายเจ็บดี แต่ไม่อยากขาดเรียนวิชาสำคัญๆ อีกอย่างถึงจะเจ็บอยู่แต่ความเท่ห์ความหล่อก็ใช่ย่อย กว่าผมจะจับพี่ท็อปใส่ยีนส์ขาดวิ่นตามแฟชั่นกับช็อปสีน้ำเงินแก่ ๆได้ก็ลำบากพอตัว
ผมดึงกุญแจรถออกมาถือไว้แล้วหิ้วกระเป๋าเรียนพี่ท็อปไว้ หนักใช่ย่อย
“เออ ขอบใจ ว่าแต่กูเจ็บแขนอยู่เลยว่ะ เดินไปส่งกูหน่อย”พี่ท็อปพูดเจือหัวเราะไปด้วย แววตาที่มองผมเหมือนผู้ชนะ ชี้มาที่กระเป๋าของตัวเองที่อยู่ในมือผม
เออว่ะ เล่นง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ “เอาใหญ่เลยนะพี่”ผมส่ายหน้า
“ป๊อดว่ะ แค่เดินไปส่งที่หน้าห้องเรียนกูเองนะ”พี่ท็อปส่ายหน้ายิ้ม ๆ กอดอกมองไปรอบตึก เจอเพื่อนตัวเองก็โบกมือทักทาย ยักคิ้วเล่นหูเล่นตา อากัปกิริยาหน้าชื่นตาบานแบบนี้น่าจะเกี่ยวกับการที่ผมตกเป็นเมียของเจ้าตัว ทั้งๆที่ความจริงแล้วพี่แกยังไม่ได้กดผมเลยสักนิด
“เออ ก็ได้ครับพี่”ผมยอมตกลง แล้วส่ายหน้า ก่อนจะเดินตามพี่ท็อปเข้ามาในบริเวณตึกเรียน มีเพื่อนพี่ท็อปเข้ามาคุยด้วยเป็นครั้งคราวแล้วหนำซ้ำแซวผมอีก
“วู้ๆ มาส่งถึงที่เลยว่ะ เป็นห่วงเพื่อนผมเหรอครับ”ก็ไม่ใช่ใคร พี่ธาม เพื่อนสนิทของพี่ท็อปเดินเข้ามากอดคอผมไปด้วยอย่างถือวิสาสะ ผมแค่มองหน้ามันนิ่ง ๆ แต่พี่แกไม่ได้สลดอะไรก่อนจะหัวเราะชอบใจ “เมียดุด้วยเว้ย ไอ้ท็อป”
“นี่พี่ ภูมิใจมากใช่ป่ะ ที่บอกคนอื่นว่าผมเป็นเมียอะ”ผมพูดกับพี่ทอปเบส เมื่อพี่ธามเดินละลิ่วนำหน้าขึ้นบันไดไปแล้ว ส่วนผมเดินไปกดลิฟต์ให้ “หึๆ แน่นอน ไม่งั้นเสียชื่อกู”พี่ท็อปยักคิ้วใส่ ผมลังเลเรื่องไอบอมนิดหน่อย
“แล้วไอ้บอมล่ะ ตกลงมันผัวหรือเมียพี่กันแน่”ผมถาม ชักไม่แน่ใจแล้วว่าไอ้บอมสถานะไหน พี่ท็อปยิ้มกริ่มมาให้ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของผม
“ฮึ ระวังตูดมึงให้ดีไอ้สอง เดี๋ยวกูเผลอใส่เข้าไปแล้วจะติดใจยาว กูขี้คล้านจะเป็นผัวมึง”พี่ท็อปพูดอย่างถือดี ทำผมหลุดขำ
“พูดดีซะด้วย ปากดีอีกแล้ว คืนนี้ไหมล่ะ”ผมท้าอีกฝ่าย ผมเอาจริงนะ แต่ไม่ทันที่พี่ท็อปจะอ้าปากตอบ ประตูลิฟต์ก็เลื่อนออก ภาพเบื้องหน้าทำให้ผมตกใจพอสมควร เมื่อเห็นฝูงชนคนเสื้อช็อปสีเดียวกับพี่ท็อปมายืนออ
เฮ้ย อะไรกัน ผมมองงงๆ แล้วเดินออกมากับพี่ท็อปหน้าบานกว่าเดิม ไอ้ที่เจ็บจากรอยช้ำดูเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ท็อป แม่งเมียตามมาคุม เข้าไปเรียนด้วยเลยไหม อาจารย์ภาคพี่ใจดีนะ”ใครสักคนเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาผมพูดล้อ
“อย่าดิพี่ ผมไม่ขำ”ผมตอบนิ่งๆ ต้องทำหน้าเซ็งเข้าไว้ พี่ท็อปแค่ยิ้มชอบใจเท่านั้น ก่อนจะเดินมากอดคอผมไม่สะทกสะท้านเดินไปยังหน้าห้องเรียน
“เออ ยอมให้ก็แล้วกันนะ”ผมกระซิบบอกเสียงนิ่งๆ ยอมให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นเมียอีกฝ่ายน่ะสิ ไม่ได้เขินอะไร แค่อายมากกว่า
“หึๆ ยอมไปตลอดเลยไม่ได้เหรอไง”พี่ท็อปหันมายิ้มกับผม ทำเอาผมชะงักไปอีกรอบ รอยยิ้มของพี่ทำให้ผมช็อตหลายครั้งแล้วนะ
“ตลกแล้ว ไม่ดีนะครับไม่ดี”ผมบอกแล้ววางกระเป๋าของพี่ท็อปไว้หน้าระเบียงห้องเพราะยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน พี่ท็อปจึงนั่งลง อย่างน้อยก็ไม่มีคนมาวุ่นวาย
“เออ จะคอยดู...มึงไปเหอะ”พี่ท็อปยิ้ม แล้วโบกมือให้ ผมผงกหัว “ไปแล้วนะ”ผมบอกก่อนจะเดินไม่สนใจเพื่อนร่วมชั้นปีของพี่ท็อป ระหว่างที่เดินกลับ ผมชะงักเมื่อเจอกับร่างสูงของหนุ่มแว่นที่อยู่ห้องตรงข้ามกับผม นี่มันเรียนอยู่วิศวะเครื่องกลฯด้วยเหรอ ผมมองมันอย่างแปลกใจ