Can I..? 50
มกรเดินลงมาจากชั้นบน เขาพาดสูทไว้ที่แขนข้างขวาและมีเนกไทอยู่ในมือข้างซ้าย เสื้อสูทและกางเกงแสลคเข้ารูปขับเน้นให้ผู้สวมใส่มีบุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ใบหน้าคมสันนิ่งเฉย ผมสั้นถูกจัดทรงมาอย่างเรียบร้อย ติดแค่ว่ามุมปากมีรอยช้ำจนม่วง.. ไม่งั้นชายหนุ่มคนนี้จะดูเป็นผู้บริหารที่ภูมิฐานคนหนึ่งเลยทีเดียว
มนธิชาเงยหน้าขึ้นจากการอ่านข่าวธุรกิจจากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ เธอมองลูกชายเดินเข้ามานั่งที่ประจำก่อนจะเอ่ยถาม "อ้าว..แม่นึกว่าแมนจะไม่ไปทำงานวันนี้"
มกรส่ายหน้า "ผมไปไหว วันก่อนก็โดดงานไปติดๆกันแล้ว วันนี้ไม่อยากเสียงานอีก"
คุณมนธิชามองอย่างทึ่งๆ "ไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้.."
มกรยกกาแฟขึ้นดื่มก่อนจะเริ่มจัดการกับอาหารของตัวเอง "ผมก็ไม่นึกว่าจะได้มานั่งทานข้าวเช้ากับแม่แบบนี้เหมือนกัน .. พ่อไปแล้วหรือครับ"
"เห็นว่ามีงานเช้านะ"
มกรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาจัดการอาหารเช้าขณะที่มารดาเริ่มเล่าเรื่องที่ทำงานเป็นเชิงชวนคุย
"แม่เห็นจากคลิปในกล้องวงจรปิดแล้วนะ ..คนที่เอาแฟ้มไปไม่ใช่คุณประคอง"
มกรขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมาทันที
“แล้วเป็นใคร?”
“ตอนนี้ยังจับไม่ได้ แต่ที่พวกผู้บริหารสงสัยกันก็คงเป็นหนึ่งในรองกรรมการผู้จัดการนั่นแหละ วันนี้พ่อเขาคงให้ตำรวจเข้ามาเก็บหลักฐานกับสอบปากคำอีก”
มกรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ทำให้คุณมนธิชาพูดต่อ
"แล้วก็คนที่เอาแฟ้มให้กลอยไปก็ไม่ใช่แมนเหมือนกัน" เธอมองหน้าลูกชายตรงๆ "แมนออกรับแทนน้องเพราะกลัวว่าแม่จะตำหนิน้องใช่ไหม"
มกรมีสีหน้าประหม่าขึ้นมาทันที โหนกแก้มเป็นปื้นแดงด้วยความอายที่ถูกมารดาจับได้ แต่เขาก็ไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธคำถามนั้น
"เอาเถอะ จะยังไงก็แล้วแต่ เรื่องนี้คลี่คลายแล้ว เหลือแต่ตามตัวคนร้ายมาเท่านั้นล่ะ"
ชายหนุ่มกระแอมเบาๆก่อนจะเอ่ยถามขึ้น "แล้วอีกนานไหมครับ"
"ไม่นานหรอก.. ยังไงวันนี้เข้าบริษัทแล้วไปขอโทษคุณประคองด้วยแล้วกันนะแมน คุณประคองเขาก็เหมือนผู้มีบุญคุณกับแม่.. เหมือนเป็นพ่ออีกคนเลยก็ว่าได้"
มกรพยักหน้ารับ "ครับ.."
ชายหนุ่มทานอาหารเช้าต่อไป ในขณะที่มารดาก้มอ่านข่าวเศรษฐกิจโลก..
ความเงียบที่ปกคลุมระหว่างกันมีบรรยากาศไม่เหมือนทุกวัน.. มันคือความเงียบที่ไม่มีแรงกดดันใดๆ ให้รู้สึกอยากหนีออกไปให้พ้นๆ มันก็แค่เงียบเพื่อฟังลมหายใจของกันและกัน เพื่อให้รับรู้ว่ายังมีครอบครัวที่นั่งข้างกันอยู่ตรงนี้
พอมกรทานอาหารเช้าหมด เขาจึงเอ่ยขอตัวออกจากห้องทานอาหารก่อน อย่างไรเสียเขากับแม่ก็ยังแยกรถกันไปทำงานอยู่ดี เพื่อความสะดวกในการออกไปติดต่องานข้างนอก แม่มีคนขับรถ ส่วนเขาขับไปเอง
ชายหนุ่มกำลังหยิบเสื้อสูทตอนที่คุณมนธิชาเอ่ยขึ้นเบาๆ "จริงๆก็ไม่ใช่แค่เรื่องของคุณประคองหรอกนะที่แมนต้องขอโทษน่ะ.."
"..ครับ?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อจู่ๆมารดาวางไอแพดในมือลง
"แมน..ต้องขอโทษแม่ด้วย" มนธิชาเอ่ยแล้วลุกขึ้นยืน เธอเดินเข้ามาหาลูกชายที่จ้องเธอเขม็ง
"แมน..ใส่ร้ายว่าแม่ไม่รัก ..ทั้งๆที่แม่มีลูกอยู่คนเดียว แม่อาจจะแสดงความรักไม่เก่ง แต่แม่กล้าบอกได้เต็มปากว่าแม่รักแมน ..รักมากด้วย" เธอเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง จ้องตรงไปที่ลูกชาย "แม่ไม่เคยคิดจะทำแท้งลูก ไม่เคยกินยา ไปได้ยินอะไรมาไม่รู้ แต่อยากให้เชื่อมั่นว่าแม่ไม่เคยคิดแบบนั้น"
มกรกลั้นหายใจอยู่ชั่วครู่ ในอกเต็มตื้นแล้วค่อยๆรู้สึกเหมือนมีบางอย่างพองฟูขึ้นมาเรื่อยๆจนล้นและแน่นจุกไปหมด เขาเผลอกะพริบตาช้าๆแล้วเบือนสายตาหลบ
"ผม..ก็อยากจะบอกแม่เหมือนกัน.. เมื่อก่อนผมอาจจะคิดมากกับอะไรหลายๆอย่างที่ได้ยินมา แต่วันนี้ผมจะค่อยๆปล่อยมันแล้ว.. แม่ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่เอาเรื่องพวกนั้นมาทำให้ชีวิตผมเดินไปผิดทางอีก จากนี้ไปผมจะเข้มแข็ง ผมจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จะไม่ยอมให้เรื่องพวกนั้นมาสั่นคลอนผมได้" มกรยิ้มออกมาแล้วคว้าเสื้อสูทขึ้นพาดแขน "ผมขอโทษที่มองความรักของแม่ผิดไป จากนี้คิดว่าเราสองคนคงมีอะไรให้ปรับตัวเข้าหากันอีกเยอะเลยนะครับ"
คุณมนธิชายิ้มแล้วสวมกอดลูกชายก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินออกไปทำงาน
คำพูดของมกรทำให้มนธิชารู้สึกว่า..ความจริงจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญอีกต่อไป ลูกชายของเธอพร้อมจะปล่อยให้อดีตเป็นเพียงอดีต โดยทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว
--------
เข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบจะสิบโมง..
แต่ณัฐวีร์ก็ยังไม่มาทำงาน จะมีก็แต่มกรที่นั่งตรวจแฟ้มเอกสาร และใช้คอมพิวเตอร์ไปอย่างไม่มีสมาธิ
เขาหยุดงานไปสองวัน มีงานวางกองอยู่บนโต๊ะรอให้เขาดูพอสมควร ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้มีอำนาจลงนามในเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่งานที่ต้องดูแลและเซ็นกำกับเพื่อรับทราบความคืบหน้าของงานก็ยังมีให้อ่านอยู่เนืองๆ
มกรมองมือถือตัวเอง ก่อนจะมองโต๊ะทำงานของน้องที่มือถือและกระเป๋าเงินของณัฐวีร์ที่ยังคงอยู่ในลิ้นชัก
ถ้าโทรเข้าบ้านจะรับไหมนะ
ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์มาไวเท่าความคิด ทำท่าจะกดหาหมายเลขบ้าน..แต่แล้วก็ชะงักมือไป
โทรไปตอนนี้น้องจะอยู่หรือ? บางทีณัฐวีร์อาจออกจากบ้านมาทำงานแล้วอยู่ระหว่างทางก็ได้? หรือถ้าอยู่แล้วจะรับโทรศัพท์ไหม? แล้วถ้ารับจะพูดอะไรกันดี? ขอโทษก่อนดีไหม? หรือควรอธิบายอะไร?
แล้วถ้าตอนนี้.. นัทอยู่กับแฟนนัทล่ะ? เขาจะพูดอะไรต่อไป?
ความลังเลทำให้มกรค่อยๆลดมือลง ปล่อยโทรศัพท์วางลงบนโต๊ะแล้วหันไปหยิบแฟ้มเอกสารมาแทน
ถ้าวันนี้น้องไม่มาทำงานจริงๆ ยังไงเสียเย็นนี้เขาก็ต้องแวะไปหาอยู่แล้ว.. ค่อยเข้าไปพูดคุยกันตอนนั้นน่าจะดีกว่าโทรไปไม่เห็นหน้า
มกรตัดสินใจตั้งสมาธิทำงาน
----
ปริมาณงานค่อยๆลดลง เมื่อชายหนุ่มเคลียร์เอกสารไปได้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์สายในบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
มกรขยับตัวไปรับ "ครับ.."
"คุณมกรคะ มีแขกมาขอพบค่ะ" เสียงหญิงสาวซึ่งเป็นโอเปอเรเตอร์ที่อยู่ชั้นล่างของตึกเอ่ยขึ้น
"ใครครับ?"
"เธอบอกว่าชื่อคุณแพรวค่ะ"
ชื่อนั้นทำให้มกรขมวดคิ้ว.. แพรวงั้นหรือ?
"มีธุระอะไร? ให้ผมคุยสายหน่อย" ชายหนุ่มเสียงเย็นขึ้นมาทันที ก็ไม่อยากจะขุ่นเคืองหรอกนะ..แต่พอได้ยินชื่อแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆเลย
โอเปอเรเตอร์รับคำแล้วส่งสายให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอกรอกเสียงลงไป
"สวัสดีค่ะ"
"ครับ..มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ"
คนฟังยิ้ม พูดมาแบบนี้เธอล่ะอยากจะยั่วโมโหเลยทีเดียว "ไม่มีอะไรค่ะ แฟนให้มาเอาของให้"
"..." ปลายสายเงียบเสียงไปชั่วครู่ก่อนจะบอกว่า "..ครับ เดี๋ยวจะให้เลขาเอาลงไปให้ รอที่ล็อบบี้นะครับ"
"อย่าพูดห่างเหินกันอย่างนั้นสิคะ.. แพรวว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ"
"เรื่องอะไรครับ?"
"ไม่ใช่เรื่องของแพรวหรอกค่ะ.. แต่เป็นเรื่องของนัท.." แพรวลดรอยยิ้มลง "คุณจะให้แพรวขึ้นไปหา หรือจะลงมาทานอาหารเที่ยงกับแพรวคะ"
มกรยังไม่ตอบรับ เขากำลังชั่งใจอยู่ว่าควรทำอย่างไรดี
ตอนนี้ก็เหมือนมีข้าศึกมาประชิดตัว เธอยื่นข้อเสนอที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ทั้งสองทางเลือก อย่างไรก็คือต้องเจอกับเธออยู่ดี
"เดี๋ยวผมลงไป.."
"ค่ะ.. งั้นแพรวจะไปนั่งรอที่ร้านข้างบริษัทนะคะ..” เธอพูดจบแล้วก็ส่งสายให้กับโอเปอเรเตอร์ไป
ยังไงวันนี้เธอต้องคุยกับแม้นศรีให้รู้เรื่อง!
---
ตอนที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องอาหารติดแอร์ข้างๆออฟฟิศ มกรก็เขม่นมองหน้าคนที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้วอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
"มองอะไรของมึง"
มกรพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด "ทำไมไม่โทรเข้ามือถือกู"
"ก็น้องแพรวเขาอยากคุยเอง" คนพูดหัวเราะเบาๆ ยิ่งเห็นมกรโวยแบบนี้แชร์ก็ยิ่งยิ้มกว้าง
"ทานอะไรดีคะ.. ของเราสองคนสั่งไปเรียบร้อยแล้ว"
"ไม่เป็นไร ผมยังไม่หิว" มกรบอกแล้วหันไปสั่งแค่น้ำดื่มเท่านั้น "นี่กระเป๋ากับโทรศัพท์ที่นัทลืมไว้ ดูเหมือนแบตจะหมดแล้ว"
ชายหนุ่มยื่นของมาให้ แต่แทนที่แพรวจะรับไปกลับกลายเป็นแชร์ยื่นมือมารับให้แทน
"ขอบคุณค่ะ" เธอบอกเรียบๆแล้วเริ่มเข้าเรื่อง "คุณพาแฟนแพรวไปไหนมา เมื่อวานเขาร้องไห้เยอะมาก คงไม่ได้ทำร้ายอะไรเขาใช่ไหมคะ"
มกรกระแทกตัวพิงพนักเก้าอี้ ในเมื่อเธอเปิดฉากเข้าเรื่องมาก่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีหรอกมั้ง "เป็นแฟนกันก็ถามกันเอาได้นี่นา เขาตอบว่ายังไงล่ะ"
"เพราะเขาไม่ตอบน่ะสิ แพรวถึงต้องมาหาคุณเอง"
มกรเมินมองไปทางอื่น "ผมก็ไม่มีอะไรจะบอกเหมือนกัน.."
"อย่านึกว่าแพรวไม่รู้นะคะ"
คนฟังหันขวับมาหรี่ตามองทันที "รู้อะไร..?"
"แพรวไม่ใช่เด็กๆที่จะมองไม่ออกว่านัทหายไปไหนมาทั้งคืน" หญิงสาวเองก็ไม่ยอมถอยเหมือนกัน เธอยกมือขึ้นกอดอกเอนตัวพิงเก้าอี้จ้องหน้ามกรเขม็ง
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ "รู้ก็ดี" เขาว่าแล้วยกแขนขึ้นมากอดอกเช่นกัน
"คุณต้องการอะไรจากนัท.."
"ผมต้องการอะไรมันก็เรื่องของผม"
"จะเรื่องของคุณคนเดียวไม่ได้ เพราะตอนนี้คุณลากเอาแฟนแพรวไปเอี่ยวด้วย หายไปด้วยกันทั้งคืนจะมาบอกว่าเป็นเรื่องของคุณคนเดียวได้ที่ไหน.. แพรวต้องการจะรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากนัท ถึงได้มาตามราวีเขาไม่เลิกแบบนี้"
มกรเมินไปทางอื่นอีกหน "มันเป็นเรื่องของผมกับนัท ยังไงคุณก็ไม่เกี่ยว"
"เกี่ยว ฉันเป็นแฟนเขา ต้องรู้ทุกเรื่อง!"
"งั้นก็รู้ไว้ว่าเขาเป็นเมียผม!! เป็นเมีย ไม่ใช่แค่แฟน!" มกรกระแทกเสียงบอก เล่นเอาคนในร้านหันมาเมียงมองกันยกใหญ่
"แล้วไง.." แพรวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มยียวน "ไม่เห็นจะแคร์ เขาเต็มใจเป็นเมียคุณหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"เต็มใจ! เมื่อคืนก่อนเขาอนุญาตเอง"
"แล้วทำไมวันต่อมาถึงเป็นแบบนั้น ทำไมเขาร้องไห้หนักแบบนั้น เพราะคุณไม่ได้ต้องการเขาจริงๆน่ะสิ" แพรวถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว
"คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้ต้องการเขา ถ้าไม่รักผมจะยอมทำทุกอย่างให้ได้อยู่กับเขาหรือไง ถ้าไม่รักผมจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ทำไม ผมจะต้องไปรักษาตัวทำไม เมื่อวานคุณก็เห็นว่าผมพยายามแค่ไหน แต่เขาไม่คุยด้วย.." มกรหันกลับมามองแพรว "ทั้งๆที่ผมบอกว่ารัก.. แต่เขาคงไม่รับฟัง..เพราะเขามีคุณอยู่แล้ว"
แพรวยักไหล่และยิ้มยียวน "ใช่ค่ะ เขามีเพื่อนดีๆอย่างแพรวอยู่ทั้งคน.."
หญิงสาวยิ้มกริ่ม
"ก็นั่นสิ..เขามี.." มกรทวนประโยคนั้น ก่อนหัวคิ้วจะขมวดและดวงตาจะฉายความงุนงงออกมาอย่างชัดเจน "คุณว่าอะไรนะ.."
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ "มีเพื่อนดีๆอย่างแพรวไงคะ"
"เพื่อน..." มกรย้ำเสียงเบาด้วยท่าทางยังประมวลผลไม่เสร็จ ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาจึงต้องการการยืนยัน ชายหนุ่มปลายตามองไปทางแชร์ก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีหัวเราะเบาๆเหมือนกัน..ไอ้ห่า..แม่งรู้นี่หว่า
"เพื่อนค่ะ.. นัทเป็นเพื่อนแพรว..วันนี้แค่อยากมาขอคำยืนยันจากพี่แมนว่ารักนัทจริงๆ จะมาฝากให้ดูแลนัทให้ดี"
"เอ่อ..." มกรรับมุกไม่ทัน ได้แต่อ้ำอึ้ง
"แมลงวันบินเข้าปากแล้วมึง" แชร์หัวเราะร่วน "ตามนั้น.. นี่เพื่อนนัท..” แชร์ชี้ไปที่แพรว ก่อนจะย้ายนิ้วมาชี้ตัวเอง “ส่วนกูนี่ แฟนเพื่อนนัท.."
"ห๊า!!" คราวนี้มกรถึงกับลุกขึ้นยืนเลยทีเดียว
"เฮ้ย ใจเย็นๆ นั่งลงๆ คนอื่นตกใจหมด"
มกรถึงกับมึนไปเลย “กูงงไปหมดแล้ว”
แชร์หัวเราะแล้วกวักมือให้เพื่อนนั่งลง พอเห็นว่ายอมนั่งลงมาแล้วเขาถึงได้บอก “ตอนแรกที่รู้ว่าเขาเพื่อนกันก็เหมือนมึงเนี่ย.. อึ้ง.. แต่พอรู้แล้วนี่นิ่งไม่ได้เลย ผมนี่ก็จีบซะ..”
แชร์หันไปยักคิ้วหลิ่วตากับแพรว หญิงสาวเองก็หัวเราะให้กับท่าทางตลกๆนั่น ดูเป็นคู่รักที่เข้าขากันดีจริงๆ
“มาเข้าเรื่องนัทกันดีกว่าค่ะ พี่แมนน่ะจริงจังกับเพื่อนแพรวมากแค่ไหนคะ”
มกรหันมามีสมาธิกับเรื่องตัวเองอีกครั้ง
“มากขนาดที่ว่าตัวพี่เองยังคิดไม่ถึง”
แพรวหรี่ตาลงอย่างจ้องจะจับผิด “งั้น.. พี่แมนจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้นัทสบายใจไหมล่ะคะ”
“ยอมสิ.. พี่ยอมทำทุกอย่างที่นัทต้องการ” ชายหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น
“แล้วถ้านัทให้ไปตายล่ะคะ?”
คำถามนั้นเล่นเอาแชร์หันขวับมามองแพรวอย่างตกใจ มกรเองก็เช่นกัน.. เขานิ่งขึงมองคนถามราวกับจะอ่านไปให้ลึกถึงใจเธอ
สุดท้าย ชายหนุ่มก็ส่ายหน้า.. พาให้แพรวเขม่นตามองทันที
“นัทไม่มีทางบอกให้พี่ทำแบบนั้น ..นัทไม่ใช่คนแบบนั้น นัทไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใคร ไม่มีทางบอกให้ใครไปตายหรอก”
แพรวกับมกรต่างมองตากัน แล้วสุดท้ายก็เหมือนจะเป็นฝ่ายหญิงเสียเองที่หัวเราะออกมาเบาๆอย่างยอมรับคำพูดของฝ่ายชายโดยดุษณี
“โอเคค่ะ..แพรวเชื่อว่าพี่แมนจริงจังกับนัท ถ้ายังไงก็ขอให้พี่แมนอดทนหน่อยแล้วกันนะคะ ณัฐวีร์น่ะบทจะหนีขึ้นมา แม้แต่หน้าเขาก็ไม่ยอมให้เห็นค่ะ” แพรวบอกด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวแพรวขอตัวไปห้องน้ำแป้บนึงนะคะ”
เธอเอ่ยแล้วลุกออกมาจากโต๊ะ ปล่อยให้เพื่อนสองคนนั่งรอไป พอเลี้ยวเข้ามาในห้องน้ำได้เธอก็เปิดกระเป๋าถือตัวเองออก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
ที่หน้าจอมือถือมีแสงไฟสว่างอยู่ ทำให้เห็นว่าโทรศัพท์กำลังถูกใช้สื่อสารกับใครบางคนอยู่
แพรวยกโทรศัพท์แนบแก้ม “ว่าไงล่ะคุณชายณัฐวีร์... ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหมคะ”
เธอพูดด้วยเสียงหัวเราะรื่นเริง
---------
หุ หุ หุ หมดแล้วๆ อัพ 3 ตอนพอนะคะ หมดสต๊อกแล้ว 5555