"Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19  (อ่าน 249060 ครั้ง)

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #450 เมื่อ01-02-2015 22:56:13 »

เราว่าแมนมันเป็นคนที่โชคดีมากนะที่อย่างน้อยๆพ่อแม่ของนัทยังยกโทษให้
ที่ที่ตัวแมนเองมันทำเลวทำชั่วกับนัทมามากมายสารพัดขนาดนั้นยังใจดีใจกว้างกล้าปล่อยลูกตัวเองไปกับมัน
ซ้ำยังคอยดูแลสนับสนุนมันอันอีก หากถามว่าสงสารแมนมั๊ย เราตอบเลยว่าไม่อ่ะ สมควรแล้วที่โดนซะบ้าง
ขอให้นัทใจแข็งมากๆด้วยเถอะ เพราะเอาตรงๆแม้แมนมันจะทำตัวดีขึ้นมาแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับ
ว่าภาพในความเลวของมันอดีตมันยังคอยติดตาหลอกหลอนอยู่เลย เลยทำให้เราใจอ่อนสงสารแมนมันไม่ลงจริงๆ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #451 เมื่อ01-02-2015 23:27:59 »

แม้นชั้นยังเกลียดแม้นนะ แต่ก็สงสารอ่ะ

แม้นเองก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนได้เยอะมากด้วย แต่เรื่องที่เคยทำก็คือ เคยทำล่ะนะ ต้องรอให้นัทตัดสินใจเอง

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #452 เมื่อ01-02-2015 23:51:45 »

มาถึงขั้นนี้แล้วทำให้แม้นมันความจะเสื่อมไปเลยดีกว่า
จะได้ไม่ต้องจำ ไม่ต้องยึดติด
Find some peace for yourself.

การยึดติดเป็นเหมือนปมของชีวิต
ที่ผูกเป็นเงื่อน ยิ่งนานไปเส้นทางชีวิตมันก็ไม่ตรง

แม้นทำเรื่องโคตรร้ายไว้เยอะ
ตอนนี้เราเห็นการพยายามทำดีของแม้น
ตอนที่แม้นคุยกับพ่อของณัฐ เห็นชัดเลยว่าแม้นไม่เข้าใจความรักของคนเป็นพ่อแม่
เราที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่อาจจะด่า ทะเลาะกัน
ไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจความรู้สึกของแม้นได้หรอก
เพราะว่าถึงพ่อแม่จะทะเลาะกันด่ากันก็มีแสดงอารมณ์ความรู้สึก ความใกล้ชิด
แต่แม้นมันไม่ได้พวกนี้เลยนะ
แม้นไม่เข้าใจ empathy  (ความสามารถในการเข้าใจความยากลำบากของผู้อื่น หรือ การมีส่วนร่วมในอารมณ์กับผู้อื่น)

โกรธหรือไม่ยกโทษก็คือการยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดึตกับปมที่มาหน่วงในชีวิต
ยกโทษให้แต่ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ด้วยกันหรือรักกันก็เป็นอีกทางหนึ่ง
เราพยายามทำความเข้าใจกับแม้น เหมือนที่พ่อของณัฐ กำลังทำ และรับฟังแม้น
จะมีสักกี่คนที่พยายามทำความเข้าใจในตัวแม้น แม้กระทั่งเพื่อนของแม้นเองก็ยังไม่พยายามเข้าใจแม้นเลย
คนที่เติบโตมาด้วยความรักและความเข้าใจจะกระทำต่อคนอิ่นด้วยความรักและความเข้าใจเหมือนกัน
คนที่เปลี่ยนแม้นได้น่าจะอยู่ตรงจุดนี้

เราไม่ได้โลกสวย แต่เพราะว่าโลกที่เจอมามันบิดเบี้ยวและไม่น่าอยู่ ถึงได้พยายามทำให้มันน่าอยู่ขึ้นด้วยการคิดบวก

คนเขียนคะ  ตอนที่แม้นบอกพ่อของณัฐ ว่าไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนั้น เราตบหน้าผากเลยค่ะ
เพราะว่ามันชัดเจนมาก เสียดายที่ลูกของแม้นตายไปแล้ว ไม่งั้นแม้นจะเข้าใจอะไรดีขึ้นโดยการเลี้ยงลูก
ขอบคุณมากค่ะ มายาวๆแบบนี้ถูกใจมากๆ  รู้สึกเหมือนเป็นแม่แม้นเลยแฮะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2015 02:22:26 โดย Kano Jou »

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #453 เมื่อ02-02-2015 01:02:50 »

โอีญอึดอัด ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัด เมื่อไรจะพ้นดราม่าเนี่ย อดทนรอต่อไป

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #454 เมื่อ02-02-2015 02:10:23 »

ไม่รู้จะสงสารใครดี น้องนัทก็ถูกกระทำร้ายๆซ้ำซาก พี่แมนก็มีปัญหาครอบครัวถึงขั้นเป็นโรคจิต ถ้านัทไม่ให้อภัยคงได้เสียใจตายเป็นแน่ เห้อ :เฮ้อ:


เอาใจช่วยให้สองฝ่ายคืนดีกันแบบแฮปปี้นะคะ(คาดว่าใกล้จบแล้ว) :กอด1:

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #455 เมื่อ02-02-2015 03:10:21 »

สงสารทั้งแมนทั้งนัท... แต่ก็เกลียดแมนด้วย เอาจริง สิ่งที่แมนเจอ คนอีกมากมายก็เจอ รู้ว่าแม่เคยพยายามทำแท้ง แล้วไง อย่าโลกสวย ไม่ต้องโดนบังคับ คิดว่ายังเด็กอยู่เลย มาท้อง พ่อด่าจนแทบจะควักมดลูกออกมาให้ อิคนรักก็ช่วยไรไม่ได้ จะมีวูบที่คิดว่าจะทำ ยังไม่ผิดเลย คือคนมันก็มีสับสน หาทางไปไม่ได้ป่ะ แล้วมีอิพ่อที่แม่มชั่วร้ายขนาดนั้น แต่สุดท้ายแล้ว แม่ก็รัก ถึงจะไม่ค่อยมีเวลา ถึงจะเหมือนไม่มีพ่อ แต่ก็ไม่ใช่ถูกเลี้ยงมาอย่างลูกอิเย็นนางทาสนะ คิดว่าแม้นศรีเยอะไปอ่ะ อะไรจะปมเว่อขนาดนั้น คือถ้าเป็นเด็กๆอาจจะรู้สึกเยอะนะ แต่พอโตจนคิดได้ มันก็เข้าใจได้ป่ะ

งานนี้คนที่ทุเรศคืออิพ่อของแม้นค่ะ คือท้องอ่ะค่ะ ไม่ได้ทำได้คนเดียว ไม่ป้องกัน ไม่ระวัง ทำเค้าท้อง พูดตรงนะ ถ้าดีถ้ารัก แถมโตกว่าด้วย ไม่คิดถึงชีวิตคนรักมั่งเลยหรอ ว่าจะเป็นไงถ้าท้อง ทำไมตอนทำไม่คิด ตอนลำบากก็ช่วยเห้ไรไม่ได้ พอมารู้ว่าเค้าเคยพยายามทำแท้ง (โดนบังคับ สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ) แล้วมาโกรธ เฮ้ย มรึงมีสิทธิ์โกรธด้วยหรอคะ ต่อให้ขุ่นแม่คิดทำแบบไม่มีใครบังคับเลย เอ้า คือตอนลำบาก มรึงก็ช่วยเห้ไรไม่ได้ไง ถ้าเค้าจะมีวูบแบบไม่ไหวแล้ว เค้าผิดหรอ มรึงมาสู้กะเค้าด้วยหรอ อยู่เคียงข้างเค้าหรอ ตอนเค้าไร้ที่พึ่งอ่ะ คิดสิคิด พออ่านมาถึงว่า เพราะรู้ว่าเคยจะทำแท้งเลยมึนตึง สุดท้ายเหมือนปล่อยให้ขุ่นแม่สู้ชีวิตอยู่คนเดียว งี้ เห้มากค่ะขุ่นพ่อ

ส่วนอิขุ่นตาพ่อขุ่นแม่อิแม้น คงไม่ต้องพูดถึง ถ่อยค่ะ จบ...

งานนี้ ที่น่าสงสารมากสุดคือ ครอบครัวของนัท ทั้งครอบครัวเลยรวมนัทด้วย สงสารพ่อแม่ที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมด จนตอนล่าสุด มันคงเจ็บที่เคยยอม เคยส่งลูกให้อิแม้นด้วยตัวเองด้วยความไม่รู้ จุดนี้สงสารขุ่นพ่อมาก ถ้าเป็นเราได้รู้ความจริง คงกระทืบอิแม้นไส้แตกตายกลายเป็นตอนจบไปล่ะค่ะ คือมันเจ็บปวดนะที่เคยส่งลูกไปทรมานด้วยตัวเองเลย ทั้งๆที่ตอนนั้น ลองดูสภาพนัทที่โรงพยาบาล เอาจริงนะ ต่อให้เป็นแฟนกันจริง คือโดนข่มขืนแน่นอนค่ะ มันไม่ได้ปล้ำอย่างละมุนละม่อมล่ะนะ มีซ้อมมีต่อยอ่ะ คืออิแม้นโกหกได้ไม่สมจริงสุดๆ สภาพโคตรไม่น่าเชื่อ ขุ่นพ่อใจกว้างมาก ที่ไส้อิแม้นยังขดอยู่ครบ และพอรู้งี้แล้วนะ เป็นพ่อเป็นแม่นัทอ่ะ คงแบบแอบรับขุ่นแม่แม้นไม่ได้เนอะ ว่าเอาแต่ห่วงลูกตัวเองซะ ไม่เห็นหัวลูกคนอื่นเลย ทั้งๆที่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันด้วยนะ

เรื่องนี้ ครอบครัวนัทและน้องแพรวคือได้โล่เลยค่ะ ช่างเป็นคนดีศรีสังคมมาก

เฮ้อ แต่อิแม้นก็พยายามมาเยอะ ก็เอาเหอะ รอดูกันต่อไป ก็นะ ปิดเค้ามานาน จะดีก็ดีไม่สุด จะบอกก็บอกไม่หมด เจอคนอื่นช่วยบอกให้ สะใจเลยไม๊

555 เม้นท์ซะยาว ดีเทลจัดเต็ม ให้กำลังใจคนเขียน รออ่านต่อนะตัวเทอว์
//อิพี่ชายขุ่นแม่น้องมะม่วง งานนี้ต้องมีจัดหนักให้นางบ้างล่ะ ส่งแชร์ไปล่าไล่ปล้ำเบยยยยย

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #456 เมื่อ02-02-2015 10:08:43 »

 :katai1: :katai1: :katai1: อร๊ากกก มันช่างบีบหัวจ๊ายยย ว่าน้องนัทจะตัดสินใจยังไง  แต่ก็แอบสงสารนุ้งแม้นศรีนะ

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #457 เมื่อ02-02-2015 18:37:37 »

เฮ้ออออออ อึมครึม

ออฟไลน์ tong_pub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-5
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #458 เมื่อ03-02-2015 08:32:24 »

ตามอ่านทันถึงตอนปัจจุบัน
มีคำถามเดียวเลยค่ะ... จบแฮปปี้มั้ยคะ
ตอนนี้แทบไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงในหัวใจ สงสารมกรมาก
คือทำไรไม่ได้ รู้สึกผิดสุดๆแถมมีอาการทางจิตอีก อีกฝ่ายก็แทบไม่เห็นความพยายามของแมนเลย
เห้อ...แฮปปี้เถอะนะคะ คาดว่าถ้าเศร้าโศกไปมากกว่านี้คงมีคนอ่านนี่แหละค่ะที่ขาดใจตายก่อน...


 :undecided: :undecided:

ออฟไลน์ theG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #459 เมื่อ04-02-2015 15:38:50 »

เพิ่งตามอ่านทัน

บอกเลยว่ามาถึงตรงนี้ก็ยังไม่สงสารแมนอะ
ที่มันเลยเถิดมาอย่างนี้ก็เพราะแมนทำตัวเองทั้งนั้น ไม่เห็นว่าจะทำตัวดีขึ้นว่าเดิมสักเท่าไหร่เลย ยังใจร้อนชอบใช้กำลังเหมือนเคย ที่ตอนนี้นัทเข้าใจผิด เพราะแมนก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เปล่า?? จะทำนิสัยเลวๆ แบบนี้ด้วยเหตุผลว่าตัวเองมีปมตัวเองเป็นโรคจิตเภทมันไม่ได้หรอกนะ เอาเปรียบคนอื่นเกินไปมั้ย?

แล้วที่สารภาพกับพ่อแม่น้องน่ะ สารภาพเรื่องอะไรบ้าง? ไม่ค่อยเคลียร์ คือแบบ มันนานมากเลยนะกว่าแกจะกล้าสารภาพเนี่ย ไม่ได้แมนสมชื่อเลย ตอแหลปลิ้นปล้อนมาตลอด

ก่อนหน้านี้ที่ต้องอดทนกับความเจ็บปวดเรื่องนัทกับแพรว เราก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นการอดทนหรือเจ็บปวดสักเท่าไรเลย ก็ยังเห็นหาโอกาสลวนลามแต๊ะอั๋งนัทได้ตลอด หลายครั้งก็หลุดโมโหนัทแรงๆ นี่คืออดทน?? แล้วการที่เห็นคนที่เรารักไปรักคนอื่น แค่นั้นเจ็บปวด? เคยโดนนัททุบแขนให้หักคืนมั้ย? เคยโดนนัทซ้อมคืนมั้ย? เคยโดนนัทข่มขืนจนได้เลือดหรือเปล่า?

ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทนไม่ได้ สู้ไม่ได้ก็ตายๆไปเหอะแมน

ความรักไม่ใช่แค่รักก็จบหรอกนะ จะมาร้องตะโกนว่ารักอยู่ปาวๆ แต่ทำตัวระยำใส่คนที่รักมันก็ไม่ได้หรอก 

หลายคนบอกจะให้แมนกลับตัวเป็นคนดีบ้างไม่ได้เลยหรอ จะให้อภัยไม่ได้หรอ แต่ประโยคเดียวที่อยากบอกแมน

...แค่นี้มันยังน้อยไป...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
« ตอบ #459 เมื่อ: 04-02-2015 15:38:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #460 เมื่อ11-02-2015 11:27:31 »

ยังไม่ได้ลงตอนใหม่นะคะ เห็นคุณมอสบอกว่าจะมาอัพตอนใหม่ 22กุมภา นี้ค่ะ  :katai4:


#############

มีเวลาว่าง(มาก) เลยลองทำสารบัญมาให้ค่ะ จะได้อ่านกันง่ายขึ้น ^^

สารบัญ
ตอนที่ 1
ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
ตอนที่ 4
ตอนที่ 5
ตอนที่ 6
ตอนที่ 7
ตอนที่ 8
ตอนที่ 9
ตอนที่ 9.1
ตอนที่ 10
ตอนที่ 10.1
ตอนที่ 10.2
ตอนที่ 11
ตอนที่ 12
ตอนที่ 13
ตอนที่ 14
ตอนที่ 15
Special Part : Late Valentine's Day
ตอนที่ 16
ตอนที่ 17
ตอนที่ 18
ตอนที่ 19(End)


ตอนที่ 20
ตอนที่ 21
ตอนที่ 21.1
ตอนที่ 22
ตอนที่ 23
ตอนที่ 24
ตอนที่ 25
ตอนที่ 26
ตอนที่ 27
ตอนที่ 28
imageพี่แม้นกะน้องนัท
ตอนที่ 29
ตอนที่ 39.1

imageแม้นนัท(ภาคแรก)

ตอนที่ 30
ตอนที่ 31
ตอนที่ 32
ตอนที่ 33
ตอนที่ 34


#################

เดี๋ยวไปแปะไว้ที่หน้าแรกให้ด้วยค่ะ ^^  :katai5:

อ้อ! ปีที่แล้วมีตอนพิเศษ Valentine's Day ..แล้วปีนี้จะมีไม๊นะ #พูดลอยๆ  5555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2015 11:34:06 โดย pae666 »

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #461 เมื่อ11-02-2015 14:40:13 »

อ่านทันแล้วค่ะ

ขอกราบคารวะป๊าวี ป๊าเป็นทั้งพ่อและสามีที่ดีที่สุดเลย พระเอกตัวจริง  (เป็นพ่อคนอื่น แม้นศรีคงเดี้ยงซ้ำหลังสารภาพ)

รู้ผิดรู้ให้อภัย ความสุขของลูกคือที่สุด น่าอิจฉาคุณมนที่ได้สามีดีเยี่ยงนี้ น่าจะมีลูกอีกหลายๆคนนะคะ พันธุ์เค้าดีจริง

ไม่แปลกใจที่นัท เข้มแข็งได้ขนาดนี้ เพราะมีพ่อแม่ที่ดีมากๆนี่เอง

แม้นศรี เราให้อภัยคุณแล้ว น่วมตลอดเลย ภาคสองเนี่ย ถ้าเป็นกระท้อนคือโดนทุบจนเกินอร่อยไปแล้ว :laugh:

ปากพาซวยตลอด มาม่าก็อิ่มมากแล้ว อยากได้ของหวานบ้างจังค่ะ  :กอด1: นักเขียน


ออฟไลน์ comai0618

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #462 เมื่อ12-02-2015 18:24:17 »

อ่านทันสักที!!! สงสารนัทมากมายยยย :sad4:
จริงๆก็สงสารทั้งคู่แหละ แต่พี่แมนก็เหลือเกินนนน ชอบจังไอ้ประชดประชันเนี่ยยยยยย เฮ้ออ
ขอให้ตอนหน้าคุณพ่อคุณแม่ดีกัน ครอบครัวอบอุ่นทีเท้ออออออ

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 34 อัพอัพ 01.02.2015
«ตอบ #463 เมื่อ14-02-2015 18:11:18 »

 เสียน้ำตาตลอดนะพี่แมน ช่วงนี้บ่อน้ำตาแตกบ่อยจริง
ก็สงสารพี่นะ รู้ว่าชีวิตนี้คงขาดน้องไม่ได้ แต่พี่ต้องให้เวลานัทบ้างนะ
นัทผ่านสิ่งเลวร้ายที่พี่กระทำไว้มามากมาย น้องมันไม่อยากกลับไปสู่วังวนเดิมอีก
แต่เราก็รู้ว่าพี่จะไม่มีวันกลับไปทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว
ก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่แล้วกัน หัวใจนัทไม่หายไปไหนหรอก
มันอยู่ที่พี่มาตั้งนานแล้ว

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 48 อัพอัพ 22.02.2015
«ตอบ #464 เมื่อ22-02-2015 23:37:15 »

Can I..? 48

มื้ออาหารเย็นเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีอาหารพิเศษจากภัตตาคารใด เป็นแค่ผัดผัก แกงจืด และของทอดอีกสองสามอย่างเท่านั้น
ทั้งๆที่วันนี้พ่อและแม่ร่วมโต๊ะกันด้วยบรรยากาศแปลกออกไป แต่มกรกลับไม่ได้รับรู้มัน เขาจมอยู่กับความคิดของตนเอง ขนาดว่าคุณมนธิชาตักอาหารมาใส่จานให้ ลูกชายคนเดียวของเธอยังเขี่ยไปมาไม่ยอมตักทานเลย
มกรนั้นมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวัน เพราะพอกลับมาบ้านเขาก็ได้พักผ่อนเต็มที่ และได้รับยาที่มารดาจัดเตรียมไว้ให้ แผลก็ทำความสะอาดแล้วเป็นอย่างดี
ทว่า..แววตากลับยังเคลือบแฝงไว้ด้วยความกังวล
คุณลักษณ์วางช้อนลงทั้งที่เพิ่งทานไปได้ไม่ถึงครึ่งจาน พาลให้ภรรยาเองก็ฝืนทานต่อไม่ไหว ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็จับจ้องไปยังลูกชายที่แทบไม่แตะอาหารเลย
"แมน.."
ในที่สุดคุณมนธิชาก็เอ่ยเรียกลูกชาย ..คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย พอเห็นว่าบิดามารดาวางช้อนแล้วเขาก็เลยวางบ้าง
ภายในมันรู้สึกโหวงๆ ไม่หิวเลยสักนิด ..ความกังวลทำให้เขาไม่อยากอาหาร
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวเข้าห้องก่อน" เขาเอ่ยเบาๆ แล้วทำท่าจะลุกขึ้น ทว่าบิดาที่นั่งอยู่ใกล้คว้าแขนเขาไว้เสียก่อน
"เราไปคุยกันหน่อยดีไหม? มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า"
ในที่สุดคุณลักษณ์ก็เอ่ยถามออกมาจนได้
ลูกชายคนนี้ของคุณลักษณ์ เป็นลูกชายที่ถูกกีดกันความสัมพันธ์แบบพ่อลูกจากครอบครัวของแม่เด็กอย่างสิ้นเชิง
เขาถูกกีดกันอย่างไรน่ะหรือ?
คุณลักษณ์เคยได้รับจดหมายจากบิดาของมนธิชาเป็นข้อความสั้นๆที่นึกถึงขึ้นมาทีไรก็ยอกแสลงใจเสมอ ..จนวันนี้ก็ยังเป็นหนามแหลมคอยทิ่มตำทุกครั้งที่หยิบภาพลูกชายออกมาดู
---เด็กนั่นทางนี้จะดูแลเอง ไปตามทางของแกเสีย!
คุณลักษณ์หลุบตาลงมองมือตัวเอง เขาไม่กล้ามองหน้าภรรยา เกรงว่าสายตาตัดพ้อของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายเห็นความอ่อนแอ
---มนก็ไม่ได้ต้องการเด็กไว้ รวมถึงไม่ต้องการแกด้วย
ในอกปวดแปลบทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดในจดหมายนั้น
เขาถูกปฏิเสธจากมนธิชา เธอไม่ต้องการลูกของเขา ไม่ให้เขาเดินทางไปหาที่ต่างประเทศ และสุดท้าย..เธอส่งหนังสือหย่ามาให้..
หนังสือหย่าฉบับนั้นเขาฉีกมันทิ้ง ละเอียดจนไม่มีชิ้นดี เขาส่งกลับไปให้เธอ
เธอที่ใจร้ายเหลือเกิน..
ที่เชียงใหม่.. ครั้งที่เธอและเขาเป็นของกันและกัน จนกระทั่งมีแมนเป็นโซ่ทองคล้องใจ เธอกล่าวคำรักให้ฟังอย่างอ่อนโยน
ทว่า พอมีปัญหาเรื่องลูกขึ้นมา เธอกลับคิดจะเอาลูกออก เขาได้ข่าวว่าเธอเข้าโรงพยาบาลอันเป็นผลมาจากการกินยาเพื่อให้แท้ง แต่โชคยังเข้าข้างที่ลูกของเขาไม่เป็นอะไร
พอเขาจะไปหา ไปถามว่าเพราะเหตุอะไร เธออาจจะเครียดจนหาทางออกไม่ได้จนต้องทำแท้ง ซึ่งถ้าเธอบอกเขาแบบนี้ เขาก็พร้อมจะให้อภัยเธอ
แต่..เธอไม่ให้เขาพบ เธออ้างว่าญาติมาเยี่ยมมาก ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอท้องกับเขา เธอยังไม่ได้บอกใคร เธอส่งจดหมายมาพร้อมทะเบียนสมรสให้เขาเซ็น พอเซ็นกลับไปให้ เธอก็กอดทะเบียนนั้นแล้วบินไปอยู่ต่างประเทศ พร้อมกับคำกล่าวที่ว่า
---ไม่ต้องตามไป ต้องการพักผ่อนลำพัง
เธอทิ้งให้เขาสงสัยอยู่เกือบครึ่งปี ครั้นพอกลับมาประเทศไทย ใบหย่าก็มาถึงบ้านพร้อมกับบอกว่า ..เด็กเป็นของเธอ ..เธอจะดูแลคนเดียว.. เขาไม่มีสิทธิ์ในตัวลูกอีกต่อไป..
แต่เขายังรัก.. รักลูกของเขาเสมอ
ดังนั้น.. เธอจึงได้แต่เศษใบหย่าที่ถูกฉีกจนละเอียดเป็นคำตอบจากเขา..
หลังจากนั้น เขามาหาลูกบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้ามาถึงในบ้าน ความน้อยใจในคนรัก และครอบครัวของเธอที่กีดกันเขา ทำให้เขาต้องหนีหน้าไปอยู่ต่างจังหวัด ไปรับใช้ราชการอยู่ไกลๆเพื่อให้ห่างกัน เพื่อให้ทำใจ..
หลังจากนั้นเขายังได้รับใบหย่าอีกสองสามครั้ง แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่ยอมหย่า เขาส่งใบหย่าคืนให้แก่เธอ ทำให้มีจดหมายมาข่มขู่อยู่เนืองๆว่าภรรยาจะฟ้องหย่าเขา..
เขาเองก็เฝ้ารอหมายนัด..ถ้าต้องหย่ากันจริงๆเขาจะได้ฟ้องในสิทธิ์เลี้ยงดูลูกบ้าง
ตอนนั้นครอบครัวของเขายังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ถึงเป็นตำรวจก็เป็นตำรวจยศทั่วไป ไม่ได้มีเส้นสายอะไรให้พอจะมีใครมาคอยนับหน้าถือตาได้.. แต่เพราะบิดาของเขาได้โอกาสดี มีเพื่อนเป็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรี หน้าที่การงานของบิดาก็โดดเด่น ทำให้ต่อมาได้เลื่อนยศขึ้นอย่างว่องไว เขาเองก็พลอยได้อานิสงส์จากการทำงานอย่างขยันขันแข็งที่ต่างจังหวัดมาตลอดด้วยเช่นกัน พอเลื่อนตำแหน่งกลับมาอยู่ในกรุงเทพฯ ..สุดท้ายทางนี้ถึงได้เลิกตื้อจะหย่าไป..
ข่าวสังคมลงหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆว่านักธุรกิจสาวรุ่นใหม่ไฟแรงประสบความสำเร็จในโครงการต่างๆ เธอออกสังคม ไปงานการกุศลมากมาย.. แต่เขาไม่เคยเห็นลูกของเขาไปออกงานด้วยเลย
มีครั้งหนึ่งเขาไปหาลูกที่โรงเรียน..แต่กลับถูกปฏิเสธจากอาจารย์ประจำชั้น
---คุณมนธิชาห้ามไม่ให้ใครพบน้องค่ะ
---แม้แต่พ่อของเด็กหรือครับ?
อาจารย์คนนั้นอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า
---ห้ามทุกคนค่ะ
ตอนนั้นเขายังเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย แม้จะมีครอบครัวหนุนหลังอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเอานามสกุลที่บ้านมาวางอำนาจได้.. เขาจึงทำได้แค่มองลูกชายตัวเองอยู่ไกลๆ
และ..ห่างเหินกันมาจนถึงตอนนี้
แม้ระยะหลังจะดีขึ้นบ้าง ได้พบลูกบ่อยขึ้น ได้ทานอาหารร่วมกัน
แต่เพราะไม่เคยพูดคุยกัน ลูกก็มีโลกส่วนตัว ภรรยาก็มีงานยุ่งเหยิง เขาเองก็มีภาระหน้าที่ ต่างจึงทำทุกอย่างไปด้วยหน้าที่ เจอกันไม่นานก็แยกย้ายไปทำธุระของตนเอง
กระทั่งเมื่อวานนี้.. ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงเก่งอย่างมนธิชา ผู้หญิงที่ไม่ยอมก้มหัวให้เขามาตลอด ยกหูโทรศัพท์ต่อสายมาเองโดยไม่ผ่านเลขา เธอขอร้องเขาด้วยเสียงอ่อนหวาน ขอให้มาดูแลลูกชาย.. ทั้งที่เมื่อก่อนเธอไม่อยากให้เขาได้เจอลูกชายตัวเองด้วยซ้ำ
และยังต่อด้วย..ขอร้องให้เขาช่วยติดตามเรื่องภายในบริษัทเธอ จนเกือบจะสำเร็จลุล่วงด้วยดีอยู่แล้ว.. วันนี้เธอก็ให้เขาพักอยู่ที่นี่ด้วยกันเพื่อดูแลลูกชาย..
ทั้งที่เธอ ครอบครัวของเธอ.. กีดกันเขามาตลอด..
แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่อยากเสียเวลามาหาเหตุผลของการกีดกันและการเปลี่ยนแปลงไปของเธอตอนนี้ เพราะอย่างไรเขาก็ได้มาดูแลลูกชายอยู่ที่นี่แล้ว
ดวงตาของมกรที่มองตอบกลับมานั้น เคลือบแคลง สงสัย และเหมือนจะไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน
มกรไม่เคยถูกพ่อถามว่าเป็นอะไรไหม? ไม่สบายใจหรือเปล่า?
พอถูกถาม มกรถึงงุนงง สงสัย และทำอะไรไม่ถูก
เขาเดินตามบิดาออกไปที่ห้องนั่งเล่น พอคุณลักษณ์นั่งลงบนโซฟาตัวยาว เขาจึงทำท่าจะหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาเดี่ยว
"มานั่งนี่เถอะ"
คุณลักษณ์ตบที่ว่างข้างตัว แล้วรอจนมกรขยับมานั่งด้วยกันก่อนจะถามต่อ
"ว่าไง..มีอะไรอยากจะเล่าให้พ่อฟังไหม?"
มือใหญ่ของมกรกุมเข้าหากัน เขาวางมันสบายๆลงบนตัก และจับจ้องมือที่กุมกันไว้ ..นิ่ง..นาน
หางตาเห็นว่ามารดาเดินมาสมทบ แล้วนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวไม่ห่างไป แค่เอื้อมมือก็ถึงกัน
มารดา..ก็นิ่งรอเช่นกัน
เกือบสิบนาที..
ครอบครัวนี้ต่างอยู่ในความเงียบงัน
สายตาของพ่อและแม่จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของลูก
กระทั่งลมหายใจก็ยังถูกจับจ้อง.. และรอ.. รอให้ลูกพร้อมจะเปิดประตูออกมา
คุณมนธิชารู้ว่ามกรทราบเรื่องผิดๆมา และคาดเดาเอาว่าคุณลักษณ์เองก็อาจจะรู้อะไรไม่ถูกต้องมาเช่นกัน.. เธอจึงต้องการการเปิดใจจากทั้งสองคน
แต่ปัจจุบัน..เรื่องลูกสำคัญกว่าเรื่องของเธอเอง สำหรับคุณลักษณ์ ไว้เธอค่อยอธิบายก็ได้ แต่สำหรับลูกชาย.. เรื่องของลูกต้องเดี๋ยวนี้
คุณลักษณ์เอง..ด้วยความห่างเหินมาเนิ่นนาน และด้วยรู้ว่าลูกไม่สบายทางด้านจิตใจ จึงได้รอ... รอให้ลูกชายเอ่ยออกมาด้วยตัวเอง ไม่อยากบีบคั้น
การรอของคนทั้งคู่..กลายเป็นความใส่ใจ ความอบอุ่นใจที่มกรไม่เคยได้รับมาก่อน..
พ่อแม่ของเขา..นั่งอยู่ตรงนี้.. รอให้เขาเล่า.. ให้เขาบอกทุกอย่างที่อัดอั้นอยู่ในใจ
มือของบิดาวางอยู่ที่หน้าขา สายตาของมารดาจับจ้องมายังเขาไม่เมินไปทางอื่น..
--- อดีตมันเปลี่ยนไม่ได้หรอกนะครับ
คำพูดของณัฐวีร์ดังก้องอยู่ในความทรงจำ..
ใช่ เขาเปลี่ยนอดีตไม่ได้.. แต่ตอนนี้ พรุ่งนี้ และอีกต่อๆไปนี้.. เขาเปลี่ยนได้..
เรื่องในอดีตที่เกิดขึ้น เขาจะพยายามปล่อยวางมันลง ความเจ็บปวดทั้งหลายที่เขาเคยได้รับ ถึงเวลาต้องทิ้งมัน และไม่ใช้มันมาเป็นเหตุผล..ไม่ใช่สิ.. เขาต้องไม่ใช้อดีตที่แก้ไขไม่ได้มาเป็นข้ออ้างในการทำชั่วทำเลวอีกต่อไป
เขาต้องยอมรับสิ่งที่ตัวเองกระทำ และรอผลของการกระทำนั้น ..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บทลงโทษที่สาสมจะเป็นอย่างไร เขาต้องยอมรับมันให้ได้..
--- สัญญานะครับว่าจะไม่โกหกอีก
ณัฐวีร์เอ่ยขอสัญญานั้นกับเขา.. และเขาก็ควรจะยึดมั่นกับคำสัญญาที่เคยให้ไว้
"ผม..." มกรหลุดเสียงแผ่วเบาออกมา..
ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อยจนเจ้าตัวต้องเม้มไว้เป็นเส้นตรง ทำให้คุณมนธิชายื่นมือมากุมมือลูกชายเอาไว้เพื่อให้กำลังใจเขา
มกรเงยหน้าขึ้นมองมารดา ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าไหล่ของตัวเองก็ได้รับการโอบกอดจากมืออุ่นของบิดาด้วย เขาหันไปมองหน้าบิดา แล้วพบว่าท่านส่งยิ้มให้บางๆ
"เป็นลูกผู้ชาย..ต้องเข้มแข็งสิ"
พ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง
ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่มกรรู้สึกได้ถึงคำว่าครอบครัว..
ชายหนุ่มยิ้มด้วยริมฝีปากสั่นๆ อารมณ์ว่าเขากำลังขำตัวเอง.. โตจนป่านนี้เพิ่งจะมารู้ว่าครอบครัวตัวเองนั้นอบอุ่นอย่างไร..
"ผม.." เขาเอ่ยออกมาในที่สุด สายตาหันกลับมามองไปยังเบื้องหน้าจรดนิ่ง
ไม่ได้กลัวจนต้องหลบสายตา
เขาแค่มองไปยังอดีตที่ผ่านมาของตนเอง
"ผมมีเรื่องจะบอกครับ.."
ทั้งคุณลักษณ์และคุณมนธิชาเหลือบมองหน้ากันเล็กน้อยแล้วตั้งใจฟังในสิ่งที่ลูกชายจะพูด
"เรื่องนี้ผมเล่าให้ป๊ากับแม่ไก่ฟังแล้ว.. และเพื่อไม่ให้เป็นการโกหกกันต่อไปผมจึงขอเล่าให้พ่อกับแม่ฟังด้วย.."
ทั้งสองคนพยักหน้ารับ
"เรื่องของผมกับนัท...มันเกิดขึ้นจากความคึกคะนองของผมเอง.. เมื่อสองปีก่อน คืนแรกที่คอนโด.." มกรเสียงแหบพร่า "ผมทำร้ายเขา ผมขาดสติ ผมโกรธที่เขาหลอกผม ผมเลยทำร้ายจนแขนเขาหัก และดูเหมือน.." ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับหลับตาลง "ดูเหมือน..ผมเกือบจะข่มขืนเขาได้สำเร็จ"
"วะ..ว่ายังไงนะ?" คุณมนธิชายกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ
เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน..รู้เพียงว่าลูกชายรักน้องมากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อเข้ารับการบำบัดและกลับมาอยู่กับน้องให้ได้
มกรพยักหน้าน้อยๆก่อนจะลืมตาขึ้นมองคนทั้งคู่ "ผมโกหกตั้งแต่แรก.. เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมพนันกับเพื่อน แต่เพราะมันผิดแผนไปหน่อยผมเลยทำร้ายนัท และเหตุการณ์คืนนั้นก็เกิดขึ้น"
"แมน..."
มกรมองหน้าบิดา "ยังไม่หมด.. ผมขู่น้อง ขู่จะทำร้ายครอบครัวเขา นัทถึงต้องยอมคบกับผม วันนั้นที่โรงพยาบาล ผมโกหกทุกคนว่านัทรักผม เรารักกัน"
มกรหลับตาลงอีกหน จะพูดอีกกี่ครั้งมันก็คือความผิดของเขาเอง ความผิดที่ไม่น่าให้อภัยได้
"พอมาอยู่ด้วยกัน ผมก็ยังข่มเหงเขาสารพัด แต่เพราะนัทเป็นคนฉลาด เขาทำให้ผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้ จนเข้าขั้นหวงทุกครั้งที่มีใครพยายามมาพูดคุยหรือตีสนิท ผมหวงแต่ก็ไม่รู้จะดึงเขาให้กลับมาสนใจตัวเองได้ยังไงนอกจากทำร้ายเขา ยื้อให้เขาอยู่กับผมคนเดียว กดดันไม่ให้เขามีทางออกได้ เขาจะได้มีแต่ผมเท่านั้น.. ผมพยายามให้เขากลัว กลัวจนไม่กล้าทำอะไร เขาจะได้มองมาที่ผมคนเดียว ผมจะมีสิทธิ์ขาดเหนือหัวใจเขา.."
ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขานิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ "ที่เชียงใหม่.. ผมหึงเขาจนไม่ลืมหูลืมตา.. แต่ตอนนั้นผมแทบไม่รู้ใจตัวเองเลย ผมคิดแต่ว่าเขาเป็นสมบัติของผม เป็นของชิ้นหนึ่งของผม ต้องเชื่อฟัง ต้องอยู่ในอำนาจ จนลืมนึกไปว่าเขาเองก็มีหัวใจ อุบัติเหตุครั้งที่สอง มันก็เกิดขึ้นเพราะผมเป็นคนกดดันเขาเอง ถ้าผมไม่ไล่ตามเขา.. เขาคงไม่ต้องหนีจนถูกรถชน"
คุณมนธิชาเอื้อมมือมาบีบมือลูกชายอย่างให้กำลังใจ สีหน้าของคนพูดแสดงออกถึงความเจ็บปวดกับอดีตที่ผ่านมา และรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ
"เรื่องนี้ผมเล่าให้ป๊ากับแม่ไก่ฟังแล้ว"
คนพูดนึกถึงตอนที่เขาเล่าเหตุการณ์นี้ให้ครอบครัวณัฐวีร์ฟัง
ใบหน้าของผู้ใหญ่ทั้งคู่ซีดเผือดสลับแดงก่ำ เหมือนตกใจและกำลังอดกลั้นความโมโหอย่างเต็มที่ สิ่งที่มกรทำเมื่อเล่าจบ ก็คือการยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับคำพูดที่ว่า
"ผมสำนึกผิดแล้ว.. และผมพร้อมจะได้รับการลงโทษตามที่ป๊า แม่ไก่ และนัทเห็นสมควร จะไม่ร้องขอให้ยกโทษให้ จะยอมให้ลงโทษจนพอใจ"
มกรพูดประโยคนั้นซ้ำอีกครั้งต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง
"ผม..พูดจบแล้วก็ก้มกราบเท้าป๊ากับแม่ไก่ ถ้าตอนนั้นป๊ากระทืบผม.. ผมก็ยอมรับ" มกรเล่าเรื่อยๆ ให้ครอบครัวตัวเองฟัง "แต่ป๊าไม่ทำอะไรเลย ป๊าก้มลงตบไหล่แล้วก็บอกว่าให้นัทเป็นคนตัดสินใจ..."
เสียงตอนท้ายประโยคเครือสั่น..
"มันยิ่งกว่าที่ป๊า.. ยิ่งกว่าที่ป๊า..กระทืบผมเสียอีก" มกรเอ่ยด้วยเสียงขาดหาย ก้อนสะอื้นจุกขึ้นมาที่คอ ดวงตาแดงก่ำเพราะเจ้าตัวพยายามจะสะกดน้ำตาเอาไว้ โพรงจมูกแสบร้อน "ผมทำเลวไว้มาก.. แต่ป๊าไม่ลงโทษผมสักนิด ป๊าให้น้องเป็นคนตัดสินใจ ป๊าบอกว่า.. ถ้าน้องจำได้..แต่เลือกจะกลับมาหาผม แสดงว่าน้องต้องไตร่ตรองมาดีแล้ว.. ป๊าถึงอยากให้น้องเป็นคนตัดสินใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตทั้งหมด นัทจะลงโทษผมยังไง จะตัดสินใจแบบไหน ป๊าบอกว่านัทคงมีเหตุผลอะไรสักอย่าง และคงกำลังรออะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ"
มนธิชาฟังแล้วก็ถอนหายใจหนักๆเช่นกัน เธอสงสารลูก..แต่ไม่เท่ากับที่สงสารณัฐวีร์.. เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามกรทำร้ายณัฐวีร์ไว้มากเพียงนี้ เธอคิดว่าเด็กสองคนนี้รักกัน แต่เพราะอุบัติเหตุทำให้ณัฐวีร์ลืมลูกชายของเธอไป เธอจึงพยายามให้สองคนได้ใกล้ชิดกันเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้กันอีกครั้ง
แต่..เธอไม่รู้อดีตที่เลวร้ายนี่ ถ้ารู้เธอคงไม่มีหน้าไปขอให้ณฐกายกลูกชายคนเดียวให้มกรแน่ๆ
เธอมองสบตาสามี เขาเองก็ดูเหมือนจะผิดคาดกับเรื่องนี้เช่นกัน ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้ทั้งคู่ต้องกำหนดท่าทีเสียใหม่ เพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ให้บอบช้ำกันน้อยที่สุด
"เอาล่ะ.. ในเมื่อรู้ว่าตัวเองผิด จากนี้ก็ต้องขอโทษอย่างจริงใจ และรอฟังว่านัทจะว่าอย่างไรก็แล้วกัน.." คุณลักษณ์สรุปในที่สุด "ส่วนเรื่องของผู้ใหญ่ พ่อจะไปจัดการคุยให้ ถ้าเขาจะเรียกร้องค่าชดเชยที่ทำให้ลูกเขาเสียใจ และเรื่องทำร้ายร่างกายนั่น ก็ต้องยอมฟังการเรียกร้องนั้น สิ่งที่เราทำไว้อาจตีเป็นมูลค่าความเสียหายทางเงินไม่ได้ แต่ยังไงก็น่าจะต้องมีการชดใช้ทางด้านจิตใจบ้าง เรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่คุยกันก็พอ"
มกรพยักหน้ารับก่อนจะยกมือไหว้ "ขอบคุณที่ช่วยเหลือผมครับ.."
คุณลักษณ์คว้ามือลูกชายไว้ทันที "พ่อเป็นพ่อ.. ต้องช่วยเหลือลูกอยู่แล้ว.. เมื่อก่อนพ่ออาจจะไม่ค่อยได้คุยกับเรา แต่อยากให้รู้ไว้ว่าพ่อก็รักและห่วงเราไม่แพ้ใคร ..แมน.. เราโตแล้ว ถ้ามีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงนักก็โทรหาพ่อได้เสมอ หรือถ้าอยากไปอยู่กับพ่อ.."
"เราค่อยคุยกันเรื่องนี้ดีไหมคะคุณ" มนธิชาเอ่ยแทรกขึ้นมา
ถ้าเธอปล่อยให้คุณลักษณ์พามกรไป.. ความเข้าใจผิดก็จะยังเคลือบคลุมจิตใจของทุกคนอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่เธออยากจะแก้ความเข้าใจผิดนั้นใจจะขาด.. แต่มันยังไม่ใช่เวลานี้
คุณลักษณ์ก็นิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินประโยคขัดความตั้งใจของเขา.. เอาอีกแล้วสินะมนธิชา ลูกโตจนป่านนี้เธอก็ยังกีดกันฉันจากลูกอีกหรือ?
"ให้ลูกได้พักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะโทรหาน้องไก่แล้วเราค่อยมาปรึกษากันในเรื่องทางด้านผู้ใหญ่อีกที.. แมน..ไปพักเถอะลูก" มนธิชาจับแขนลูกชายบีบเบาๆ
คุณลักษณ์มองหน้าลูกชาย ถึงเขาจะโกรธ แต่ก็จำต้องปล่อยเรื่องขัดใจนี้ไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของมกรต่างหาก..
มกรเองก็เพลียมาทั้งวันแล้ว สมองตึงเครียดจากเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาทั้งล้าและเหนื่อย บวกกับยาที่รับเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ การได้พักจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับเขา
ชายหนุ่มขอตัวลุกขึ้นจากโซฟา เดินตรงขึ้นด้านบนซึ่งเป็นห้องนอนตนเอง ตอนที่จะก้าวพ้นเหลี่ยมบันได เขาเห็นมารดาย้ายที่นั่งไปนั่งใกล้กับบิดาแล้ว
-----------


ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 49อัพอัพ 22.02.2015
«ตอบ #465 เมื่อ22-02-2015 23:38:56 »

Can I..? 49

ณฐกาวางสายโทรศัพท์ลงก่อนจะมองหน้าสามีอย่างยุ่งยากใจ
"เขาโทรมาขอโทษ?"
คนถูกถามพยักหน้ารับ "ค่ะ ดูเหมือนแมนจะเล่าให้ที่บ้านฟังเหมือนกัน"
"แสดงว่าทางนั้นก็เพิ่งรู้"
ณฐกาพยักหน้า "ใช่ค่ะ พี่มนขอโทษไก่ใหญ่เลย บอกว่าแมนเพิ่งเล่าให้ฟังเมื่อครู่นี้เอง เห็นพี่มนเขาว่าอยากจะรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างด้วยค่ะ"
"ก็ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรหรอก ตอนนัทป่วยเขาก็ดูแลอย่างดี ค่ารักษาพยาบาล ไหนจะหมอที่พาไปจากกรุงเทพฯอีก เขาก็ดูแลดีมากทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องอยู่แล้วนะ ถือว่าอโหสิกรรมกันไปแล้วกัน เด็กก็สำนึกผิดแล้ว และยังมีอาการป่วยด้วย พี่ว่าก็ไม่ต้องไปอะไรกับเขาหรอก เรื่องรับผิดชอบอะไรก็ไม่ต้อง นัทเองก็ดีขึ้นแล้วไม่ได้ป่วยเป็นอะไร" แล้วคนพูดก็หัวเราะออกมาเบาๆ "แถมต้มทั้งเราทั้งฝ่ายนั้นเสียเปื่อยเลย..เรื่องความจำเสื่อมน่ะ"
"ไก่ฟังแล้วแทบเป็นลมเลยค่ะ ไม่นึกว่านัทจะโกหกพวกเรามาได้เป็นปีๆ" ณฐกาค่อยๆเอื้อมมือเอาโทรศัพท์มือถือไปวางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งของเธอ "เดี๋ยวต้องอบรมกันหน่อยแล้วค่ะ ให้พวกเราเป็นห่วงแทบแย่"
"ค่อยๆหน่อยแล้วกัน รู้สึกจะยังนอยด์ไม่หาย.." คุณวีรชาติยิ้มบางๆ "อันที่จริงพี่ก็สงสัยอยู่นะ มันมีหลายอย่างที่พี่ว่าความจำของนัทดูแปลกๆ อย่างเมื่อปีที่แล้วไก่จำได้ไหม ตอนงานวันเกิดคุณชมน่ะ"
ณฐกาทำท่านึกแล้วก็ส่ายหน้า "จำไม่ได้ค่ะ งานที่บ้านพี่ชมใช่ไหมคะ"
"งานนั้นแหละ.. น้องแพรวเขาเซอร์ไพรส์คุณแม่เขาทุกปี ปีนี้ก็มีเค้กที่ทำจากรูปคุณชม"
"อ๋อ ใช่ค่ะ..แล้วเรื่องนัทนี่ยังไงหรือคะ"
"ก็นัทพูดขึ้นว่าเสียดายที่เมื่อปีก่อนไม่ได้มา.. เลยอดเห็นเซอร์ไพรส์ปีก่อน ถ้านับเวลากันแล้วสองปีก่อนก็คือช่วงที่นัทไปอยู่กับแมนที่คอนโด ซึ่งเขาน่าจะลืมเวลาช่วงนั้นไป ไม่น่าจะบอกว่าเสียดายที่ไม่ได้มา แต่น่าจะบอกว่าเสียดายที่จำไม่ได้ว่ามีเซอร์ไพรส์อะไรมากกว่า"
ณฐกาพยักหน้าทันที "ตอนนั้นเห็นน้องแพรวทำหัวเราะแล้วพาเปลี่ยนเรื่องไป ไก่เองก็ไม่ได้คิดอะไร"
"พี่ฟังแล้วก็มีสงสัยนะ แต่เห็นนัททำเฉยๆ แล้วบรรยากาศตอนนั้นก็สนุกสนานกัน เลยไม่ได้สนใจ นี่ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้.. แล้วก็ไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่นึกออกด้วยสิ" วีรชาติขำตัวเอง "เจ้านัทนี่มันน่านัก"
"เดี๋ยวไก่จะต้องทำโทษเสียหน่อย ปล่อยให้ใครต่อใครห่วงกันทั่วบ้านทั่วเมือง" เธอพูดแล้วเดินออกจากห้องนอน มีคุณวีรชาติเดินตามไปด้วย
"ก็อย่าไปอะไรเลย แค่ดุก็กลัวจะแย่แล้วมั้ง อีกอย่าง คงโดนอะไรมาไม่น้อย ถึงได้แกล้งทำเป็นลืมแมนไปแบบนั้น"
"พ่อแม่ไม่มีให้พึ่งแล้วหรือไง ถึงเลือกที่จะโกหกกันอย่างนี้น่ะ" ณฐกายังบ่น เธอก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยมีสามีคอยประคอง
ห้องพักเธออยู่ชั้นสอง ส่วนห้องณัฐวีร์อยู่ชั้นสาม เวลาจะขึ้นไปหาก็เดินขึ้นไปไม่ลำบาก บางทีลูกก็ลงมานั่งเล่นที่ลานตรงหน้าห้องชั้นสองบ่อยๆก่อนจะขึ้นไปห้องตัวเอง
"พี่ว่านัทไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ คงไม่อยากเล่าให้เราเป็นห่วงน่ะ ถ้าเป็นไก่ ไก่ก็คงไม่อยากทำให้คุณแม่ไม่สบายใจใช่ไหมล่ะ"
"ใช่ค่ะ.. คงไม่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจ แล้วก็ไม่อยากทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในภาวะลำบากด้วย" ณฐกามองหน้าสามี "นี่ไก่ไม่เข้าใจนัทเลยนะคะ ในเมื่อตัดสินใจว่าจะลืมกัน ทำไมถึงเลือกที่จะกลับไปวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาอีกครั้งล่ะคะ แบบนี้มันให้โอกาสกันชัดๆเลย"
วีรชาติเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาพยุงภรรยาก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้ายแล้วบอก "เดี๋ยวก็ลองคุยกับนัทดู พี่ว่านัทเป็นเด็กที่มีเหตุผลนะ พี่เลี้ยงมากับมือ ถ้าอยากบอกเขาคงบอกเองนั่นแหละ ไก่ก็ระวังตัวหน่อยอย่าไปเครียดจนเจ้าตัวเล็กนี่รู้สึกไม่ดีไปด้วยแล้วกัน" ป๊าวีลูบท้องนูนของแม่ไก่เบาๆ "มีเจ้าตัวน้อยนี่อีกคนให้ต้องห่วงนา"
"ค่า.." เธอตอบแล้วเดินอย่างระมัดระวัง
ทั้งคู่ตรงไปที่ห้องของลูกชาย แพรวกลับบ้านไปแล้วคงเหลือแต่คุณชายณัฐวีร์ที่วันนี้รับประทานอาหารเย็นในห้องส่วนตัว ไม่ยอมลงไปชั้นล่างร่วมโต๊ะกับพ่อแม่.. ไม่รู้ว่ายังเสียใจ หรือเป็นเพราะไม่กล้าสู้หน้าบิดามารดากันแน่.. เพราะแพรวคงบอกเรื่องความแตกให้รับรู้ไปแล้ว
"นัท..เปิดประตูให้ป๊าหน่อย"
คุณวีรชาติเคาะประตูเรียก ยืนรอแค่ชั่วอึดใจลูกชายก็เปิดประตูออก
ดวงตาบวมแดงไม่มีหยาดน้ำตาแล้ว แต่มีความกังวลฉายอยู่เต็มเปี่ยม
"ป๊า.. แม่.." เสียงแหบๆทำให้รู้ว่าเจ้าตัวผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักแค่ไหน
"เข้าไปได้ไหม?" คุณวีรชาติเอ่ยถามลูกชาย เจ้าของห้องจึงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูกว้างแล้วช่วยพยุงมารดาเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้คอมที่เคยนั่งอยู่เป็นประจำ วีรชาติหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงลูกชาย ขณะที่ณัฐวีร์ยืนละล้าละลังจะนั่งพื้นใกล้ๆก็ตะขิดตะขวง เพราะตัวเองมีชนักติดหลัง จะยืนบิดอยู่แบบนี้ก็ดูจะยังไงอยู่
"นั่งๆ อย่ามายืนให้เมื่อย เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว.." ณฐกาทำเสียงเข้มเข้าใส่ทำให้หน้าลูกชายถอดสีลงไปอีก
ณัฐวีร์หย่อนตัวนั่งขัดสมาธิค่อนเขยิบมาทางบิดา เพราะแม่ไก่ตาเขียวปั้ดแล้ว
"ไหน เล่ามาสิว่าทำไมความจำดีขึ้นมาแล้ว.."
เด็กหนุ่มยกมือไหว้ทันที "ขอโทษครับ..ขอโทษป๊า ขอโทษแม่.. ขอโทษครับ"
ณัฐวีร์ไม่เพียงแต่ไหว้ เขายังคลานเข้าไปกราบตักมารดา แล้วก็กราบเท้าบิดาอีกด้วย
"ขอโทษที่ทำให้ห่วงครับ เพราะไม่อยากให้ห่วงมากกว่านี้เลยจำเป็นต้องโกหกครับ"
"ไม่อยากให้ห่วง หรือไม่อยากตอบคำถามกันแน่.." คุณวีรชาติดักทางก่อนจะก้มลงพยุงลูกชายให้ลุกขึ้นมานั่งที่เตียง ประจันหน้ากันกับทั้งพ่อและแม่
"มัน..ไม่มีอะไรนี่ครับ.." ณัฐวีร์อ้อมแอ้ม "แค่ตอนนั้นยังไม่อยากกลับไปอยู่คอนโดพี่แมน แล้วก็เบื่อๆพี่แมนแล้วด้วยเลยไม่อยากกลับไปคบกันอีก"
"เราน่ะ ..ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ..ทางโน้นเขาเล่ามาหมดแล้ว" ณฐกาเอ่ยพร้อมกับชี้นิ้วคาดโทษ
ครั้งแรกที่ฟังประโยคนั้น สมองของณัฐวีร์ยังประมวลผลได้ไม่ดีนัก สีหน้างุนงงจึงฉาบอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่ม แต่ครั้นพอหันมองหน้ามารดาและบิดาสลับกันแล้ว เขาก็ค่อยๆหน้าแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ตาที่แห้งเหือด มีน้ำตาเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง
"เขา.. เขาเล่าอะไร"
ณฐกามองหน้าสามี ก่อนจะให้สามีเป็นคนบอก
"เล่าทุกเรื่อง ตั้งแต่ทำนัทแขนหักยังไง ทำร้ายนัทยังไง ข่มขู่ แล้วก็เรื่องอุบัติเหตุที่เชียงใหม่นั่นด้วย เขาบอกว่าเขาบังคับนัทเองทุกอย่าง นัทไม่ได้เต็มใจ"
ณัฐวีร์กำมือแน่นเมื่อได้รับฟังอย่างนั้น
"ขอโทษ.. นัทขอโทษที่ปิดป๊ากับแม่ไก่.." เด็กหนุ่มสะอื้น แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาช้าๆอย่างไม่สามารถสะกดกลั้นไว้ได้
"ไม่ต้องร้อง.." วีรชาติลูบบ่าที่สั่นสะท้านของลูกชาย "ร้องจนตาบวมไปหมดแล้ว"
เด็กหนุ่มส่ายหน้า "นัทน่าจะเป็นคนเล่าเรื่องนี้เอง นัทไม่น่าให้ป๊ากับแม่ต้องมาได้ยินเรื่องนี้จากปากคนอื่น"
"เอาเถอะจ้ะ.." ณฐกาโบกมือเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร "จะรู้จากปากใคร ขอแค่ให้ได้รู้ความจริงก็พอแล้ว.. ขอแค่ให้รู้ว่านัทยังโอเคป๊ากับแม่ก็จะเบาใจขึ้น"
ณัฐวีร์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา "นัทโอเค โอเคแล้ว.. นัทยอมรับมันได้แล้ว ทบทวนมาสองปี นัทยอมรับได้" เด็กหนุ่มพูดด้วยปากที่สั่นระริก
"แต่วันนี้รับไม่ได้?" คุณวีรชาติลองเอ่ยถามขึ้น ทำให้น้ำตาที่ปาดเช็ดจนแห้งเอ่อขึ้นมาอีก
ณัฐวีร์ส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ไหว.. นัทไม่รู้ว่าเรื่องไหนเขาพูดจริง เรื่องไหนเขากำลังหลอกนัท เรื่องในอดีตระหว่างกัน นัทพอจะทำใจยอมรับได้ เพราะอดีตมันก็คืออดีต แต่ปัจจุบันเขาดีกับนัท ดีมากจริงๆ แต่วันนี้ พอมาได้ยินเรื่องคุณเกด เรื่องมะม่วง.. นัทไม่ไหว ป๊ารู้ไหมครับ เขาบอกนัทว่าคุณเกดกระโดดลงมาจนแท้งลูก แต่อีกทางเขาก็ยอมรับกับพี่ชายคุณเกดว่าเขาตั้งใจผลักคุณเกดให้ตกบันได จะได้แท้งลูก นัทคิดไม่ออกว่าเขาทำจริงหรือเปล่า ถ้าเขาโกหกนัท แล้วเป็นคนผลักคุณเกดลงมาเพราะไม่อยากให้มะม่วงเกิดมาล่ะ เขาก็คือฆาตกรนะป๊า"
วีรชาติลูบหัวลูกชายอย่างปลอบโยน เรื่องนี้มกรก็เล่าให้พวกเขาฟังแล้วเช่นกัน แถมยังเล่าด้วยว่าทำไมณัฐวีร์ถึงเข้าใจผิด "นัทคงทำใจไม่ได้ที่จะอยู่กับฆาตกร ใช่ไหม?"
"ใช่ป๊า ทำใจไม่ได้ ถ้าเขารู้เรื่องมะม่วง แล้วไม่อยากให้เด็กเกิดมา ผลักคุณเกดตกลงมาจนแท้ง เขาก็โหดร้ายเกินไป ต่อให้บอกว่าป่วยอยู่ก็ให้อภัยไม่ได้หรอกป๊า"
ณัฐวีร์ปลายตามองท้องมารดาที่นูนออกมา "เด็กทั้งคน .. นั่นคือชีวิตเลยนะ"
"งั้นเอาแบบนี้.. นัทลองคิดดีๆ" วีรชาติพูดเตือนสติลูกชาย "ถ้านัทเป็นคนฆ่าลูก ตั้งใจให้ลูกตาย นัทจะทำยังไง"
"นัท.. นัทคงไม่อยากจะพูดถึงเด็กคนนั้นอีก" ณัฐวีร์บอกเบาๆ
"ป๊าถามอีกนิด.. นัทคิดว่าแมนเขาจะทำยังไง ถ้าฆ่าลูกโดยเจตนา"
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว "ก็คงเหมือนกัน..ถ้าตั้งใจทำ คงจะโล่งใจแล้วก็เก็บเรื่องนี้ไว้เงียบๆคนเดียว"
"แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไง นัทอยู่ใกล้เขาคงพอจะตอบคำถามป๊าได้"
ณัฐวีร์คิดไปถึงเรื่องราวต่างๆตลอดสองสามเดือนที่โคจรมาพบกันอีกหน ทั้งเรื่องที่เป็นปมด้อยในวัยเด็กของมกร ทั้งเรื่องไดอารี่.. เขาสามารถบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการลูก ต้องการมะม่วงมาก.. ไม่มีทางที่เขาจะทำร้ายเด็ก เหมือนที่ตัวเขาเองเคยถูกกระทำ
ใช่.. เรื่องนั้นเป็นอีกเรื่องที่เขามั่นใจ
เด็กตัวเล็กๆไร้เดียงสา ..มกรจะไม่ทำอันตรายเด็กเหล่านั้นแน่นอน
ดวงตาเบิกโพลงของณัฐวีร์ทำให้วีรชาติกับณฐกามองหน้ากัน ก่อนที่ณฐกาจะเอ่ยออกมาว่า "นัทมีคำตอบของนัทแล้วสินะ"
เด็กหนุ่มกะพริบตาแล้วมอง .. ใช่ เขามีคำตอบแล้ว..
คุณวีรชาติเองก็พยักหน้า "เรื่องของเกด แมนก็คงจะเล่าความจริงเหมือนกัน"
"เขาเล่าด้วยหรือครับ?" ณัฐวีร์เบิกตาโต
"ดูเหมือนจะเล่าทุกอย่างเลย.. เรื่องในบริษัทเมื่อวานก็เล่า" ณฐกาเสริมขึ้น "แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องภายในบริษัทเขา.. ก็คงต้องปล่อยให้เขาจัดการกันเอง"
"ป๊าสอนอะไรเขาไปนิดหน่อย.. ดูจะรับฟังดีหรอกนะ อีกหน่อยป๊าอาจจะได้เพื่อนไปปฏิบัติธรรมด้วยกันก็ได้ นัทไม่ไปกับป๊าเสียที" คุณวีรชาติหัวเราะร่วน
"โธ่ป๊า.." ณัฐวีร์ร้อง.. รู้สึกว่านี่จะเป็นยิ้มแรกตั้งแต่เกิดเรื่องเลยทีเดียว
"เอาล่ะๆ พักได้แล้วไหม ในเมื่อเข้าใจตรงกันแบบนี้ เราเองก็โตแล้ว ตัดสินใจทำอะไรก็คิดให้ดีๆแล้วกัน.. ป๊ารู้ว่านัทเก่ง ถ้าคิดตกแล้วก็บอกแมนไปแล้วกัน อย่าให้เขารอนาน เดี๋ยวขาดใจไปเสียก่อน"
"ครับป๊า.." ณัฐวีร์รับปาก
"อ้าว..เดี๋ยวสิคะ พ่อลูก สรุปกันเองเสียแล้ว ทางนี้ยังคาใจอยู่เลย.." ณฐการ้อง
"ยังคาใจอะไรล่ะไก่?" ป๊าวีหันมาหัวเราะเบาๆ พยักหน้ากับลูกชายคนโตเป็นเชิง ..ดูแม่แกนะ..
"นี่ยังไม่รู้เลยว่าในเมื่อทำเป็นลืมเขาไปแล้ว ทำไมถึงยอมกลับไปหาเขาน่ะหื้อ?"
ณัฐวีร์เหมือนโดนหินก้อนใหญ่ๆอัดใส่ตัว เล่นเอาชาวาบกระดุกกระดิกไม่ได้เลย ณฐกาเป็นคุณแม่ที่ใจดี แต่ในทางกลับกัน อย่าให้ไก่ได้จิกเชียว จิกไม่ปล่อยแน่ๆล่ะ
"คือ.." ณัฐวีร์อ้ำๆอึ้งๆ
"มีเหตุผลอะไรเล่ามาเลย คนอื่นเขาเล่าให้แม่ฟังแล้วว่าทำไมถึงปักใจกับเรานัก แต่เราน่ะ แม่ยังเดาไม่ออกว่าทำไมถึงกลับไปหาคนที่ร้ายกับเราอย่างนั้น"
เด็กหนุ่มมองหน้าบิดาหาตัวช่วย แต่ดูเหมือนบิดาเองก็อยากจะรู้เช่นกัน สายตาคาดคั้นทำให้ณัฐวีร์ถอนหายใจอย่างยอมจำนน เขานิ่ง กรอกตาไปมาอยู่ชั่วครู่ก็ถอนใจอีกเฮือกแล้วบอก
"แม่จ๋า.. นัทจะเล่ายังไงดีเนี่ย"
ลองแม่จ๊ะแม่จ๋าอย่างนี้..เดี๋ยวณัฐวีร์ก็หาทางรอดไปจนได้
คุณณฐการู้แกวลูกชายดีอยู่ ยิ่งเห็นว่าลูกขยับจากเตียงมานั่งที่พื้นแทบเท้าเธอ.. ลงแบบนี้มีหวังยังไม่ได้ข้อมูลอะไรแน่ๆ
"เอาแบบนี้ได้ไหมแม่ ไว้นัทเล่าให้ฟัง.." เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิบีบๆนวดๆมารดา
"เราน่ะขี้โกง.." คุณณฐกาว่าแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชาย คราวนี้ณฐกาไม่ยอมวางมือง่ายๆแน่ เธอยกเอาเหตุผลขึ้นมาทันที "ชอบทำให้พ่อแม่เป็นห่วง.. เรื่องความจำเสื่อมก็อย่าง เรื่องแมนบังคับก็อีกอย่าง.. นี่ยังจะอมพะนำ ไม่ยอมเล่าเหตุผลอีกหรือไง"
"หูย.." เด็กหนุ่มหลับตาปี๋ เอนเอาแก้มแนบต้นขาแม่แล้วกอดเบาๆ "ขอคิดแป้บ..จะเล่ายังไงดี"
"อย่าคิดนานจ้ะป๊ากับแม่รออยู่.." ณฐกาลูบศีรษะลูก นิ่ง และรอให้เขาพร้อมจะเล่า เธอเชื่อว่าลูกของเธอมีเหตุผล.. แต่จากการที่เก็บเรื่องร้ายๆไว้เงียบคนเดียวไม่ยอมบอกกัน มันทำให้เธอกังวล..
ยังมีอะไรที่เธอต้องรู้อีกหรือเปล่า เธอจะได้ช่วยลูกได้บ้าง ลูกจะได้ไม่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวอีกต่อไป..
อย่างน้อย ช่วยรับฟัง ช่วยอยู่เป็นเพื่อนกัน ทำอะไรไม่ได้ก็รับฟังลูก และอาจจะช่วยแนะนำสักนิดให้ลูกตัดสินใจได้
พ่อแม่ที่ดี.. คือพ่อแม่ที่สนับสนุนลูกให้เดินในทางที่ถูกควรและเหมาะสม.. ไม่ใช่หรือ?
วีรชาติและณฐกาเป็นพ่อแม่ที่ดี ทั้งคู่ไม่ปิดกั้นความคิดของลูก พร้อมที่จะให้คำแนะนำเพื่อว่าสมองลูกจะได้เลือกด้วยเหตุผล ใจลูกจะได้เลือกอยู่ในที่ๆอยากอยู่
เพราะความรัก.. ไม่ได้ใช้สมองอย่างเดียว แต่ใช้หัวใจด้วย
ณัฐวีร์ขยับเอาคางเกยต้นขามารดาแล้วยิ้ม..
แบบนี้คุณณฐการู้.. เขาพร้อม.. พร้อมจะให้เหตุผลแล้ว
เจ้าคนโตนี่ฉลาดเป็นกรด ดีว่าฉลาดอย่างเดียว ไม่ได้ฉลาดแกมโกง.. ไม่งั้นเธอคงปวดหัวแย่ นี่ก็หวังว่าเจ้าตัวเล็กในท้องนี้ จะไม่ทิ้งลายพี่ชาย.. ฉลาดน่ะดี แต่ฉลาดด้วยโกงด้วยนี่ไม่เอานะ..
ณัฐวีร์เอื้อมมือมาลูบท้องของแม่ไก่ "นัทมีนิทานจะเล่าให้น้องฟัง"
แล้วนิทานสำหรับน้องก็ดังขึ้นในห้องนั้น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสิงโตจ้าวป่าตัวหนึ่ง มันสง่างามแต่ก็เกะกะเกเร เที่ยวกลั่นแกล้งสัตว์น้อยใหญ่ไปทั่ว ทำให้สัตว์น้อยใหญ่ในป่าต่างเกรงกลัวและรังเกียจมัน.. สัตว์ส่วนใหญ่มักบอกว่ามันเป็นตัวร้ายของป่าแห่งนี้
อยู่มาวันหนึ่ง หนูนาพลัดถิ่นหลงเข้าไปในถ้ำของสิงโตและถูกสิงโตจับได้ สิงโตตัวนั้นมักจับสัตว์ที่มันไม่ชอบหน้ามากลั่นแกล้งเป็นประจำ ทำให้มันขังเจ้าหนูนาไว้ในกรงเล็กๆบนหลังของมัน โดยบอกเจ้าหนูนาว่า "ถ้าทำตัวดีๆ ยอมไปเที่ยวกับเรา เราจะปล่อยเร็วขึ้น"
หนูนาพยักหน้ายอมนั่งอยู่ในกรงอย่างเรียบร้อย และเฝ้ามองสิงโตเที่ยวออกไปเดินเล่นในป่าใหญ่ แต่ยิ่งนานวันมันยิ่งไม่เข้าใจสิงโตตัวนั้น เจ้าสิงโตจอมเกเรมักจะทำตัวแย่ๆให้สัตว์น้อยใหญ่เกลียดมันเสมอ แต่ไม่ใช่กับลูกสัตว์ตัวเล็กๆที่ต้องการอาหาร
"มาเอานี่ไปกินเสียสิ นี่เหลือแล้ว" เจ้าสิงโตพูดแล้วดันผลแอปเปิลที่กัดได้เพียงคำเดียวไปให้ลูกกวาง พอลูกกวางรับไปกินเจ้าสิงโตก็เดินจากมา
แต่หนูนาเห็น.. เจ้าสิงโตจอมเกเรไม่ได้อิ่มหรอก มันแวะหาผลไม้ข้างทางกินต่อไปเรื่อยๆ พอเจอลูกสัตว์ตัวน้อยที่ไร้เดียงสา มันก็จะแบ่งผลไม้ให้ลูกสัตว์เหล่านั้นเสมอ
เจ้าหนูนาที่อยู่บนหลังสิงโตเฝ้ามองพฤติกรรมนั้นอย่างสงสัย มันเกเรกับผู้ใหญ่แต่กลับใจดีกับเด็กน้อย ..เพราะอะไรกันนะ
เจ้าหนูนาสงสัยจึงได้เฝ้าสังเกตจนได้รู้ว่า.. ที่จริงแล้ว เจ้าสิงโตพูดไม่เก่ง มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี จึงมักจะแสดงออกในทางตรงกันข้ามกับความรู้สึกตัวเองเสมอ ในทางกลับกัน..มันเป็นสิงโตที่ดีต่างหาก เพียงแต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรเท่านั้นเอง
เจ้าหนูนาจึงตกลงใจว่าต่อให้สิงโตปล่อยมันออกจากกรง มันก็จะอยู่เป็นเพื่อนสิงโตตลอดไป เพื่อให้สิงโตตัวนั้นได้เรียนรู้คำว่าเพื่อน ไว้ใจ และรัก
"นิทาน..ก็จบลงแค่นี้" ณัฐวีร์สรุป
"อ้าว..ทำไมไม่จบที่ว่า แล้วหนูนากับสิงโตก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข" ณฐกาถามลูกชาย
ส่วนเจ้าตัวก็แค่เอียงแก้มซบต้นขาแม่ ละมือจากน้องในท้องแล้วมากอดขาแม่เหมือนเดิม "เพราะนิทานเรื่องนี้จะไม่มีวันจบ.. หนูนายังไม่รู้เลยว่ามันจะอยู่กับเจ้าสิงโตไปได้ไกลแค่ไหน.. เพราะสิงโตเองก็ยังไม่พร้อมจะมีเพื่อนเหมือนกัน"
ณฐกาเงยหน้ามองสามีทันที.. ดูเหมือนเรื่องนี้จะต้องให้คุณวีรชาติจัดการเสียแล้ว
"ก็ไม่เห็นยากนี่นา.." วีรชาติรับไม้ต่อทันที "เราก็แค่อยู่กับปัจจุบัน.. วันนี้เราอาจจะยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร เราแค่ต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ไว้ หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็แก้ไขกันไป หากไม่เกิดอะไรก็ถือว่าดี เราแค่อยู่กับตัวเราในตอนนี้"
ณัฐวีร์พยักหน้ารับเบาๆ โดยไร้ถ้อยคำใด
เรื่องในอนาคต..ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต
เรื่องในอดีต ..ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป
เราอยู่ในปัจจุบัน.. พิจารณาเพียงปัจจุบัน..
จะเป็นอะไรไหม ถ้าไม่เป็นไร .. ถ้าเป็นอะไรแล้ว ไม่เป็นไรได้ไหม
ป๊าวีสอนประจำ.. แต่ด้วยความที่ยังเด็กทำให้เขายัง ‘ช่างเถอะ’ ได้ไม่ดีเท่านั้นเอง
------

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอน 50 อัพอัพ 22.02.2015
«ตอบ #466 เมื่อ22-02-2015 23:41:20 »

Can I..? 50


มกรเดินลงมาจากชั้นบน เขาพาดสูทไว้ที่แขนข้างขวาและมีเนกไทอยู่ในมือข้างซ้าย เสื้อสูทและกางเกงแสลคเข้ารูปขับเน้นให้ผู้สวมใส่มีบุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ใบหน้าคมสันนิ่งเฉย ผมสั้นถูกจัดทรงมาอย่างเรียบร้อย ติดแค่ว่ามุมปากมีรอยช้ำจนม่วง.. ไม่งั้นชายหนุ่มคนนี้จะดูเป็นผู้บริหารที่ภูมิฐานคนหนึ่งเลยทีเดียว
มนธิชาเงยหน้าขึ้นจากการอ่านข่าวธุรกิจจากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ เธอมองลูกชายเดินเข้ามานั่งที่ประจำก่อนจะเอ่ยถาม "อ้าว..แม่นึกว่าแมนจะไม่ไปทำงานวันนี้"
มกรส่ายหน้า "ผมไปไหว วันก่อนก็โดดงานไปติดๆกันแล้ว วันนี้ไม่อยากเสียงานอีก"
คุณมนธิชามองอย่างทึ่งๆ "ไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้.."
มกรยกกาแฟขึ้นดื่มก่อนจะเริ่มจัดการกับอาหารของตัวเอง "ผมก็ไม่นึกว่าจะได้มานั่งทานข้าวเช้ากับแม่แบบนี้เหมือนกัน .. พ่อไปแล้วหรือครับ"
"เห็นว่ามีงานเช้านะ"
มกรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาจัดการอาหารเช้าขณะที่มารดาเริ่มเล่าเรื่องที่ทำงานเป็นเชิงชวนคุย
"แม่เห็นจากคลิปในกล้องวงจรปิดแล้วนะ ..คนที่เอาแฟ้มไปไม่ใช่คุณประคอง"
มกรขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมาทันที
“แล้วเป็นใคร?”
“ตอนนี้ยังจับไม่ได้ แต่ที่พวกผู้บริหารสงสัยกันก็คงเป็นหนึ่งในรองกรรมการผู้จัดการนั่นแหละ วันนี้พ่อเขาคงให้ตำรวจเข้ามาเก็บหลักฐานกับสอบปากคำอีก”
มกรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ทำให้คุณมนธิชาพูดต่อ
"แล้วก็คนที่เอาแฟ้มให้กลอยไปก็ไม่ใช่แมนเหมือนกัน" เธอมองหน้าลูกชายตรงๆ "แมนออกรับแทนน้องเพราะกลัวว่าแม่จะตำหนิน้องใช่ไหม"
มกรมีสีหน้าประหม่าขึ้นมาทันที โหนกแก้มเป็นปื้นแดงด้วยความอายที่ถูกมารดาจับได้ แต่เขาก็ไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธคำถามนั้น
"เอาเถอะ จะยังไงก็แล้วแต่ เรื่องนี้คลี่คลายแล้ว เหลือแต่ตามตัวคนร้ายมาเท่านั้นล่ะ"
ชายหนุ่มกระแอมเบาๆก่อนจะเอ่ยถามขึ้น "แล้วอีกนานไหมครับ"
"ไม่นานหรอก.. ยังไงวันนี้เข้าบริษัทแล้วไปขอโทษคุณประคองด้วยแล้วกันนะแมน คุณประคองเขาก็เหมือนผู้มีบุญคุณกับแม่.. เหมือนเป็นพ่ออีกคนเลยก็ว่าได้"
มกรพยักหน้ารับ "ครับ.."
ชายหนุ่มทานอาหารเช้าต่อไป ในขณะที่มารดาก้มอ่านข่าวเศรษฐกิจโลก..
ความเงียบที่ปกคลุมระหว่างกันมีบรรยากาศไม่เหมือนทุกวัน.. มันคือความเงียบที่ไม่มีแรงกดดันใดๆ ให้รู้สึกอยากหนีออกไปให้พ้นๆ มันก็แค่เงียบเพื่อฟังลมหายใจของกันและกัน เพื่อให้รับรู้ว่ายังมีครอบครัวที่นั่งข้างกันอยู่ตรงนี้
พอมกรทานอาหารเช้าหมด เขาจึงเอ่ยขอตัวออกจากห้องทานอาหารก่อน อย่างไรเสียเขากับแม่ก็ยังแยกรถกันไปทำงานอยู่ดี เพื่อความสะดวกในการออกไปติดต่องานข้างนอก แม่มีคนขับรถ ส่วนเขาขับไปเอง
ชายหนุ่มกำลังหยิบเสื้อสูทตอนที่คุณมนธิชาเอ่ยขึ้นเบาๆ "จริงๆก็ไม่ใช่แค่เรื่องของคุณประคองหรอกนะที่แมนต้องขอโทษน่ะ.."
"..ครับ?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อจู่ๆมารดาวางไอแพดในมือลง
"แมน..ต้องขอโทษแม่ด้วย" มนธิชาเอ่ยแล้วลุกขึ้นยืน เธอเดินเข้ามาหาลูกชายที่จ้องเธอเขม็ง
"แมน..ใส่ร้ายว่าแม่ไม่รัก ..ทั้งๆที่แม่มีลูกอยู่คนเดียว แม่อาจจะแสดงความรักไม่เก่ง แต่แม่กล้าบอกได้เต็มปากว่าแม่รักแมน ..รักมากด้วย" เธอเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง จ้องตรงไปที่ลูกชาย "แม่ไม่เคยคิดจะทำแท้งลูก ไม่เคยกินยา ไปได้ยินอะไรมาไม่รู้ แต่อยากให้เชื่อมั่นว่าแม่ไม่เคยคิดแบบนั้น"
มกรกลั้นหายใจอยู่ชั่วครู่ ในอกเต็มตื้นแล้วค่อยๆรู้สึกเหมือนมีบางอย่างพองฟูขึ้นมาเรื่อยๆจนล้นและแน่นจุกไปหมด เขาเผลอกะพริบตาช้าๆแล้วเบือนสายตาหลบ
"ผม..ก็อยากจะบอกแม่เหมือนกัน.. เมื่อก่อนผมอาจจะคิดมากกับอะไรหลายๆอย่างที่ได้ยินมา แต่วันนี้ผมจะค่อยๆปล่อยมันแล้ว.. แม่ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่เอาเรื่องพวกนั้นมาทำให้ชีวิตผมเดินไปผิดทางอีก จากนี้ไปผมจะเข้มแข็ง ผมจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จะไม่ยอมให้เรื่องพวกนั้นมาสั่นคลอนผมได้" มกรยิ้มออกมาแล้วคว้าเสื้อสูทขึ้นพาดแขน "ผมขอโทษที่มองความรักของแม่ผิดไป จากนี้คิดว่าเราสองคนคงมีอะไรให้ปรับตัวเข้าหากันอีกเยอะเลยนะครับ"
คุณมนธิชายิ้มแล้วสวมกอดลูกชายก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินออกไปทำงาน
คำพูดของมกรทำให้มนธิชารู้สึกว่า..ความจริงจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญอีกต่อไป ลูกชายของเธอพร้อมจะปล่อยให้อดีตเป็นเพียงอดีต โดยทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว
 
--------
เข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบจะสิบโมง..
แต่ณัฐวีร์ก็ยังไม่มาทำงาน จะมีก็แต่มกรที่นั่งตรวจแฟ้มเอกสาร และใช้คอมพิวเตอร์ไปอย่างไม่มีสมาธิ
เขาหยุดงานไปสองวัน มีงานวางกองอยู่บนโต๊ะรอให้เขาดูพอสมควร ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้มีอำนาจลงนามในเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่งานที่ต้องดูแลและเซ็นกำกับเพื่อรับทราบความคืบหน้าของงานก็ยังมีให้อ่านอยู่เนืองๆ
มกรมองมือถือตัวเอง ก่อนจะมองโต๊ะทำงานของน้องที่มือถือและกระเป๋าเงินของณัฐวีร์ที่ยังคงอยู่ในลิ้นชัก
ถ้าโทรเข้าบ้านจะรับไหมนะ
ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์มาไวเท่าความคิด ทำท่าจะกดหาหมายเลขบ้าน..แต่แล้วก็ชะงักมือไป
โทรไปตอนนี้น้องจะอยู่หรือ? บางทีณัฐวีร์อาจออกจากบ้านมาทำงานแล้วอยู่ระหว่างทางก็ได้? หรือถ้าอยู่แล้วจะรับโทรศัพท์ไหม? แล้วถ้ารับจะพูดอะไรกันดี? ขอโทษก่อนดีไหม? หรือควรอธิบายอะไร?
แล้วถ้าตอนนี้.. นัทอยู่กับแฟนนัทล่ะ? เขาจะพูดอะไรต่อไป?
ความลังเลทำให้มกรค่อยๆลดมือลง ปล่อยโทรศัพท์วางลงบนโต๊ะแล้วหันไปหยิบแฟ้มเอกสารมาแทน
ถ้าวันนี้น้องไม่มาทำงานจริงๆ ยังไงเสียเย็นนี้เขาก็ต้องแวะไปหาอยู่แล้ว.. ค่อยเข้าไปพูดคุยกันตอนนั้นน่าจะดีกว่าโทรไปไม่เห็นหน้า
มกรตัดสินใจตั้งสมาธิทำงาน
----
ปริมาณงานค่อยๆลดลง เมื่อชายหนุ่มเคลียร์เอกสารไปได้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์สายในบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
มกรขยับตัวไปรับ "ครับ.."
"คุณมกรคะ มีแขกมาขอพบค่ะ" เสียงหญิงสาวซึ่งเป็นโอเปอเรเตอร์ที่อยู่ชั้นล่างของตึกเอ่ยขึ้น
"ใครครับ?"
"เธอบอกว่าชื่อคุณแพรวค่ะ"
ชื่อนั้นทำให้มกรขมวดคิ้ว.. แพรวงั้นหรือ?
"มีธุระอะไร? ให้ผมคุยสายหน่อย" ชายหนุ่มเสียงเย็นขึ้นมาทันที ก็ไม่อยากจะขุ่นเคืองหรอกนะ..แต่พอได้ยินชื่อแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆเลย
โอเปอเรเตอร์รับคำแล้วส่งสายให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอกรอกเสียงลงไป
"สวัสดีค่ะ"
"ครับ..มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ"
คนฟังยิ้ม พูดมาแบบนี้เธอล่ะอยากจะยั่วโมโหเลยทีเดียว "ไม่มีอะไรค่ะ แฟนให้มาเอาของให้"
"..." ปลายสายเงียบเสียงไปชั่วครู่ก่อนจะบอกว่า "..ครับ เดี๋ยวจะให้เลขาเอาลงไปให้ รอที่ล็อบบี้นะครับ"
"อย่าพูดห่างเหินกันอย่างนั้นสิคะ.. แพรวว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ"
"เรื่องอะไรครับ?"
"ไม่ใช่เรื่องของแพรวหรอกค่ะ.. แต่เป็นเรื่องของนัท.." แพรวลดรอยยิ้มลง "คุณจะให้แพรวขึ้นไปหา หรือจะลงมาทานอาหารเที่ยงกับแพรวคะ"
มกรยังไม่ตอบรับ เขากำลังชั่งใจอยู่ว่าควรทำอย่างไรดี
ตอนนี้ก็เหมือนมีข้าศึกมาประชิดตัว เธอยื่นข้อเสนอที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ทั้งสองทางเลือก อย่างไรก็คือต้องเจอกับเธออยู่ดี
"เดี๋ยวผมลงไป.."
"ค่ะ.. งั้นแพรวจะไปนั่งรอที่ร้านข้างบริษัทนะคะ..” เธอพูดจบแล้วก็ส่งสายให้กับโอเปอเรเตอร์ไป
ยังไงวันนี้เธอต้องคุยกับแม้นศรีให้รู้เรื่อง!
---
ตอนที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องอาหารติดแอร์ข้างๆออฟฟิศ มกรก็เขม่นมองหน้าคนที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้วอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
"มองอะไรของมึง"
มกรพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด "ทำไมไม่โทรเข้ามือถือกู"
"ก็น้องแพรวเขาอยากคุยเอง" คนพูดหัวเราะเบาๆ ยิ่งเห็นมกรโวยแบบนี้แชร์ก็ยิ่งยิ้มกว้าง
"ทานอะไรดีคะ.. ของเราสองคนสั่งไปเรียบร้อยแล้ว"
"ไม่เป็นไร ผมยังไม่หิว" มกรบอกแล้วหันไปสั่งแค่น้ำดื่มเท่านั้น "นี่กระเป๋ากับโทรศัพท์ที่นัทลืมไว้ ดูเหมือนแบตจะหมดแล้ว"
ชายหนุ่มยื่นของมาให้ แต่แทนที่แพรวจะรับไปกลับกลายเป็นแชร์ยื่นมือมารับให้แทน
"ขอบคุณค่ะ" เธอบอกเรียบๆแล้วเริ่มเข้าเรื่อง "คุณพาแฟนแพรวไปไหนมา เมื่อวานเขาร้องไห้เยอะมาก คงไม่ได้ทำร้ายอะไรเขาใช่ไหมคะ"
มกรกระแทกตัวพิงพนักเก้าอี้ ในเมื่อเธอเปิดฉากเข้าเรื่องมาก่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีหรอกมั้ง "เป็นแฟนกันก็ถามกันเอาได้นี่นา เขาตอบว่ายังไงล่ะ"
"เพราะเขาไม่ตอบน่ะสิ แพรวถึงต้องมาหาคุณเอง"
มกรเมินมองไปทางอื่น "ผมก็ไม่มีอะไรจะบอกเหมือนกัน.."
"อย่านึกว่าแพรวไม่รู้นะคะ"
คนฟังหันขวับมาหรี่ตามองทันที "รู้อะไร..?"
"แพรวไม่ใช่เด็กๆที่จะมองไม่ออกว่านัทหายไปไหนมาทั้งคืน" หญิงสาวเองก็ไม่ยอมถอยเหมือนกัน เธอยกมือขึ้นกอดอกเอนตัวพิงเก้าอี้จ้องหน้ามกรเขม็ง
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ "รู้ก็ดี" เขาว่าแล้วยกแขนขึ้นมากอดอกเช่นกัน
"คุณต้องการอะไรจากนัท.."
"ผมต้องการอะไรมันก็เรื่องของผม"
"จะเรื่องของคุณคนเดียวไม่ได้ เพราะตอนนี้คุณลากเอาแฟนแพรวไปเอี่ยวด้วย หายไปด้วยกันทั้งคืนจะมาบอกว่าเป็นเรื่องของคุณคนเดียวได้ที่ไหน.. แพรวต้องการจะรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากนัท ถึงได้มาตามราวีเขาไม่เลิกแบบนี้"
มกรเมินไปทางอื่นอีกหน "มันเป็นเรื่องของผมกับนัท ยังไงคุณก็ไม่เกี่ยว"
"เกี่ยว ฉันเป็นแฟนเขา ต้องรู้ทุกเรื่อง!"
"งั้นก็รู้ไว้ว่าเขาเป็นเมียผม!! เป็นเมีย ไม่ใช่แค่แฟน!" มกรกระแทกเสียงบอก เล่นเอาคนในร้านหันมาเมียงมองกันยกใหญ่
"แล้วไง.." แพรวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มยียวน "ไม่เห็นจะแคร์ เขาเต็มใจเป็นเมียคุณหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"เต็มใจ! เมื่อคืนก่อนเขาอนุญาตเอง"
"แล้วทำไมวันต่อมาถึงเป็นแบบนั้น ทำไมเขาร้องไห้หนักแบบนั้น เพราะคุณไม่ได้ต้องการเขาจริงๆน่ะสิ" แพรวถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว
"คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้ต้องการเขา ถ้าไม่รักผมจะยอมทำทุกอย่างให้ได้อยู่กับเขาหรือไง ถ้าไม่รักผมจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ทำไม ผมจะต้องไปรักษาตัวทำไม เมื่อวานคุณก็เห็นว่าผมพยายามแค่ไหน แต่เขาไม่คุยด้วย.." มกรหันกลับมามองแพรว "ทั้งๆที่ผมบอกว่ารัก.. แต่เขาคงไม่รับฟัง..เพราะเขามีคุณอยู่แล้ว"
แพรวยักไหล่และยิ้มยียวน "ใช่ค่ะ เขามีเพื่อนดีๆอย่างแพรวอยู่ทั้งคน.."
หญิงสาวยิ้มกริ่ม
"ก็นั่นสิ..เขามี.." มกรทวนประโยคนั้น ก่อนหัวคิ้วจะขมวดและดวงตาจะฉายความงุนงงออกมาอย่างชัดเจน "คุณว่าอะไรนะ.."
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ "มีเพื่อนดีๆอย่างแพรวไงคะ"
"เพื่อน..." มกรย้ำเสียงเบาด้วยท่าทางยังประมวลผลไม่เสร็จ ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาจึงต้องการการยืนยัน ชายหนุ่มปลายตามองไปทางแชร์ก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีหัวเราะเบาๆเหมือนกัน..ไอ้ห่า..แม่งรู้นี่หว่า
"เพื่อนค่ะ.. นัทเป็นเพื่อนแพรว..วันนี้แค่อยากมาขอคำยืนยันจากพี่แมนว่ารักนัทจริงๆ จะมาฝากให้ดูแลนัทให้ดี"
"เอ่อ..." มกรรับมุกไม่ทัน ได้แต่อ้ำอึ้ง
"แมลงวันบินเข้าปากแล้วมึง" แชร์หัวเราะร่วน "ตามนั้น.. นี่เพื่อนนัท..” แชร์ชี้ไปที่แพรว ก่อนจะย้ายนิ้วมาชี้ตัวเอง “ส่วนกูนี่ แฟนเพื่อนนัท.."
"ห๊า!!" คราวนี้มกรถึงกับลุกขึ้นยืนเลยทีเดียว
"เฮ้ย ใจเย็นๆ นั่งลงๆ คนอื่นตกใจหมด"
มกรถึงกับมึนไปเลย “กูงงไปหมดแล้ว”
แชร์หัวเราะแล้วกวักมือให้เพื่อนนั่งลง พอเห็นว่ายอมนั่งลงมาแล้วเขาถึงได้บอก “ตอนแรกที่รู้ว่าเขาเพื่อนกันก็เหมือนมึงเนี่ย.. อึ้ง.. แต่พอรู้แล้วนี่นิ่งไม่ได้เลย ผมนี่ก็จีบซะ..”
แชร์หันไปยักคิ้วหลิ่วตากับแพรว หญิงสาวเองก็หัวเราะให้กับท่าทางตลกๆนั่น ดูเป็นคู่รักที่เข้าขากันดีจริงๆ
“มาเข้าเรื่องนัทกันดีกว่าค่ะ พี่แมนน่ะจริงจังกับเพื่อนแพรวมากแค่ไหนคะ”
มกรหันมามีสมาธิกับเรื่องตัวเองอีกครั้ง
“มากขนาดที่ว่าตัวพี่เองยังคิดไม่ถึง”
แพรวหรี่ตาลงอย่างจ้องจะจับผิด “งั้น.. พี่แมนจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้นัทสบายใจไหมล่ะคะ”
“ยอมสิ.. พี่ยอมทำทุกอย่างที่นัทต้องการ” ชายหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น
“แล้วถ้านัทให้ไปตายล่ะคะ?”
คำถามนั้นเล่นเอาแชร์หันขวับมามองแพรวอย่างตกใจ มกรเองก็เช่นกัน.. เขานิ่งขึงมองคนถามราวกับจะอ่านไปให้ลึกถึงใจเธอ
สุดท้าย ชายหนุ่มก็ส่ายหน้า.. พาให้แพรวเขม่นตามองทันที
“นัทไม่มีทางบอกให้พี่ทำแบบนั้น ..นัทไม่ใช่คนแบบนั้น นัทไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใคร ไม่มีทางบอกให้ใครไปตายหรอก”
แพรวกับมกรต่างมองตากัน แล้วสุดท้ายก็เหมือนจะเป็นฝ่ายหญิงเสียเองที่หัวเราะออกมาเบาๆอย่างยอมรับคำพูดของฝ่ายชายโดยดุษณี
“โอเคค่ะ..แพรวเชื่อว่าพี่แมนจริงจังกับนัท ถ้ายังไงก็ขอให้พี่แมนอดทนหน่อยแล้วกันนะคะ ณัฐวีร์น่ะบทจะหนีขึ้นมา แม้แต่หน้าเขาก็ไม่ยอมให้เห็นค่ะ” แพรวบอกด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวแพรวขอตัวไปห้องน้ำแป้บนึงนะคะ”
เธอเอ่ยแล้วลุกออกมาจากโต๊ะ ปล่อยให้เพื่อนสองคนนั่งรอไป พอเลี้ยวเข้ามาในห้องน้ำได้เธอก็เปิดกระเป๋าถือตัวเองออก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
ที่หน้าจอมือถือมีแสงไฟสว่างอยู่ ทำให้เห็นว่าโทรศัพท์กำลังถูกใช้สื่อสารกับใครบางคนอยู่
แพรวยกโทรศัพท์แนบแก้ม “ว่าไงล่ะคุณชายณัฐวีร์... ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหมคะ”
เธอพูดด้วยเสียงหัวเราะรื่นเริง
---------
หุ หุ หุ หมดแล้วๆ อัพ 3 ตอนพอนะคะ หมดสต๊อกแล้ว 5555
 :katai4:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
นัทร้ายกาจ แบบนี้ละเอาพี่แมนอยู่

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ง่าาาา. เอาอีกๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ 045262638

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นัทเจ้าเล่ห์จริงงงๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แพรวนี่สุดยอด เจ้าแผนการจริง ๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 ให้บ้านนัท

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
แพรวอย่างเจ๋ง o13

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
แพรวเธอร้ายกาจจริงๆ แชร์เลยจีบซะเลย หวังว่าตอนหน้าคงดีกันได้แล้วน้า :กอด1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ชอบที่นัทฉลาดแบบนี้แหละ  เลยทำให้ชวนอ่านชวนติดตามไปได้เรื่อย ๆ
ภาคสองนี่ พี่แม้นเปลี่ยนไปจนแทบลืมคนเดิมที่เชี่ยมาก ๆ นั่นไปเลย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พี่แม้นนี่คลั่งรักมากจริงๆ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
 :กอด1: แมน รอหน่อยนะ

รอให้นัทมั่นใจอีกนิด  :mew1:

ชอบคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองบ้านเลย เข้าใจลูกๆดีจัง

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :pig4:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
นัทเจ้าเล่ห์น่าดู สงสารแมน

ออฟไลน์ moneza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ผิดบอร์ดไปนิด แต่ลุ้นคู่คุณพ่อคุณแม่แมนด้วยอ่ะ สงสารมากกกกก รู้สึกแบบเรื่องแมนกะร้องคนให้กำลังใจเยอะ แต่คุณพ่อคุณแม่นี่น่าสงสารมาก ให้เค้าดีกันเร็วๆนะ5555

น้องกะพี่แม้นน่าจะเข้าใจกันแระชิมิ หวานกันเถอะ เก๊าขอร้องงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด