ตอนที่20
ปึง!
เสียงปิดประตูรถดังสนั่น ผมที่เดินอ้อมไปยังที่นั่งฝั่งคนขับสะดุ้งโหยง แอบมองสีหน้าหงุดหงิดของคนข้างตัวอย่างหวาดๆ ครอสยอมลงเพราะผมวิ่งเข้าไปห้ามก็จริงแต่มันยังไม่หายโมโห
การแข่งยังดำเนินต่อไปแต่ผมต้องพาครอสไปหาหมอก่อน ด้วยรถของมันนี่แหละ
ผมไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวทำให้มันอารมณ์ไม่ดีหนักกว่าเก่า พวกเรานั่งเงียบๆจนมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่มันเป็นคนบอกทางให้ผมพามา
ผมนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจมองคนที่เดินหน้าบึ้งออกมา มือของมันต้องเข้าเฝือกด้วย
“หักเหรอ”
“เปล่า...แต่ก็เกือบๆน่ะ อีกเดือนนึงถึงถอดเฝือกออกได้”ครอสกล่าวพลางนั่งลงข้างผม ที่เหลือก็แค่รอบรับยากับจ่ายเงินเท่านั้น
“...”
“ขอโทษนะ กลัวรึป่าว”
“เหอ? หมายถึงกลัวมึงอ่ะเหรอ เออ โคตรน่ากลัวเลย ทำหน้าเหมือนหมีแม่ลูกอ่อน”
“หึหึหึ เวลาแบบนี้เขาต้องตอบว่าไม่กลัวสิ ไม่เป็นเลยนะเรา”
“หง่า...ก็นะ...ว่าแต่มึงเหอะเสียใจรึป่าว?”
“เรื่อง?”
“ก็เมื่อกี้เกือบยิงเข้าแล้วแท้ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพวกนั้นมันก็เอาคืนให้เอง”
“ตอนนั้น...”ผมอึกอักชั่งใจไม่รู้ว่าควรพูดออกไปไหม”เจอร์พูดอะไรกับมึงเหรอ”
“...”
มันเงียบไปนานจนผมนึกว่ามันไม่อยากตอบเล้วซะอีก แต่มันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะระบายออกมาเสียงเรียบ”มันบอกว่า
มันแค่สนใจเพลิน เพลินไม่ได้มีค่าพอจะกระตุ้นให้มันเดือดจนถึงขั้นมาเล่นงานกูแบบนี้ ขอโทษ เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจ...จุดประสงค์ของมันก็คือขอโทษกูและพูดไม่ให้กูเข้าใจผิดนั่นแหละ แต่ก็นะ...คนมันโกรธนี่หว่า...”
ครอสมันเชื่อคำพูดของเจอร์ผมก็จะยอมเชื่อตาม
“เดี๋ยวนะ...แล้วมึงปรี๊ดแตกอะไรวะ”
“มันหาว่าสุดที่รักกูไม่มีค่า กูก็โกรธดิ”
“จะ...จะบ้าเหรอ!? คนอื่นเขาก็แตกตื่นนึกว่ามึงผูกใจเจ็บเรื่องข้อมือหักกับเรื่องแข่ง ไอ้บ้า!! มันขึ้นเพราะเรื่องกูเนี่ยนะ! ตอแหล
ป่ะเนี่ย กูไม่เชื่อหรอก หาเรื่องหยอดกูอ่ะดิ”ผมแหวเสียงหลงแอบเขินจนทำตัวไม่ถูก
“มึงก็น่าจะเห็นว่าตอนกูเตะไม่เข้าหรือตอนกูเจ็บกูไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่ หึหึหึ...”
จะว่าไปก็จริงอย่างที่มันว่า
ฉ่า~~~ (เสียงหน้าร้อนจนไหม้”
“เขินเหรอ? เริ่มหวั่นไหวแล้วล่ะสิ”
“เปล่าสักหน่อย”
“งั้นทำไมหน้าแดง?”
“มะ...มันร้อน”ร้อนบ้าอะไรแอร์ในโรงบาลเอกชนตอนค่ำๆไม่ค่อยมีคนอย่างหนาวเลย พยาบาลแทบเอาฮู้ดมาใส่กันละ โกหกอะไรไม่เนียนเลยกูโดนไอ้ครอสต้อนจนมุมแหง ทำไงดี ต้องหาทางแถ...
“ก็งี้แหละ นั่งใกล้คนฮ็อต”
ถรุยยยยย ไอ้คนหลงตัวเอง กูก็ดิ้นหาทางแถไปสิ!
“รู้แล้วก็ไปนั่งไกลๆเลย โน่น หน้าเคาเตอร์ว่าง”ผมไล่มันไปนั่งติดกับเคาเตอร์จ่ายยาซึ่งคุณเภสัชผู้เข้าเวรดึกคนเดียวกำลังแกะโค้ดลับอักษาสั่งยาของคุณหมออยู่อย่างขะมักเขม้น
ที่จ่ายยาช้านี่ไม่ใช่อะไร ถอดลายมือหมออยู่ โถๆ เกิดเป็นเภสัชช่างน่าสงสาร
เอ๊ะ แต่กูก็เรียนเภสัชอยู่นี่หว่า กรรม -_-
“ยิ้มไร”ไอ้คนเจ็บมันก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่น หน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนมีแผนการบางอย่างเล่นเอาผมที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
“เจ็บมือจัง”ครอสกล่าวพลางก้มหัวลงมาซุกๆกับไหล่ของผมอย่างอ้อนๆ
“เพิ่งรู้สึกหรือไง”ผมจึงตอบอย่างเย็นชา
“มือขวาด้วย”
“เออ เห็นน่า”
“อย่างงี้จะกินข้าวยังไงล่ะเนี่ย”ผมรู้ละว่ามันต้องการอะไร อยากให้เค้าป้อนข้าวอ่ะดิ เสียใจด้วยนะ เค้าเล่นตัว อิอิ
“มือซ้ายไง”
“อย่างงี้จะแต่งตัวยังไงล่ะเนี่ย”มึงแค่เจ็บข้อมือไม่ได้แขนขาด อย่ามาอ้อนให้มากนะ รู้ไหมว่ามันหวั่นไหว(?)
“มือซ้ายไง”
“อย่างงี้จะเขียนหนังสือยังไงล่ะเนี่ย”อันนี้หลอกใช้กูทำงานละครับ
“มึงก็ให้เพื่นช่วยปั่นการบ้านเฉพาะหน้าไปก่อน”
“อย่างงี้จะอยู่คนเดียวได้ยังไงหยิบจับอะไรคงไม่ถนัด”อันนี้ชวนไปอยู่ด้วยล่ะสิ ไม่หลงกลหรอก อ่อนหัดๆ
“มึงก็ให้เคสช่วยสิอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“อย่างงี้จะชักว่าวยังไงล่ะเนี่ย มือเดียวมันไม่ฟิน”
“มึงก็...เห้ย!! ไอ้ทุเรศ! อย่างอื่นพอทำให้ได้นะแต่อย่างหลังนี่ไม่ยอมเด็ดขาด! ไม่ๆๆๆ”ผมสะบัดหน้าไปมายกมือทำเป็นรูปกากบาทป้องกันตัว ส่วนไอ้คนโรคจิตยังส่งเสียงหัวเราะหึๆในลำคอไม่เลิก หน้าโคตรร้ายกาจเลย ตาเป็นประกายวิบวับเหมือนจับเหยื่อสำเร็จ
เอ๋...เมื่อกี้ผมพลาดอะไรไปรึป่าว?
อย่างอื่นพอทำให้ได้นะแต่อย่างหลังนี่ไม่ยอมเด็ดขาด
“ตกลงนะ”ครอสเอ่ย มันยื่นนิ้วก้อยของมือซ้ายมาให้
“ตะ...ตกลงอะไร”
“ก็เพลินบอกเองนี่ว่าจะทำให้ทุกอย่างยกเว้นชัก...”
“พ๊อออออออ เออออ ยอมแล้วจ้า ยอมแพ้จ้า เชิญไปรับยาที่ช่องสามด้วยจ้า คุณเภสัชเขาขานชื่อแล้วจ้า”มันหัวเราะอารมณ์ดีผิดกับเมื่อชั่วโมงก่อนลิบลับ ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเดินสบายใจไปรับยา คุณเภสัชกับคุณพยาบาลมองตามกันเป็นทิวแถว มันก็รู้ตัวนะมีการแจกยิ้มไปทั่วด้วย หมั่นไส้วุ้ย!
“ไปกินบะหมี่หน้าโรงบาลกัน อย่าทำหน้างอแงสิ เดี๋ยวเลี้ยง!”ผมไม่ได้หน้างอที่มันชวนไปกินข้าวเย็นทั้งๆที่ผมกินไปแล้วสักหน่อย -3-
“ก็กินเองได้นี่หว่า”ผมมองผู้ชายหน้าระรื่นซึ่งนั่งโซ้ยบะหมี่หมูแดงชามที่สองด้วยมือข้างซ้ายอย่างสบายอารมณ์ ไอ้ผมที่กินข้าวเย็นมาก่อนเลยสั่งมาแค่ถ้วยเดียวแต่ยังกินช้ากว่ามันอ่ะคิดดู
“หืม อ๋อ นี่น่ะเหรอ ใช้ตะเกียบมือซ้ายได้ด้วยเก่งปะล่ะ”
“มึงควรแกล้งทำเป็นคีบไม่ขึ้นเพื่อให้กูป้อนไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าทำงั้นแล้วจะได้เห็นเพลินเสนอตัวเองแบบนี้เหรอ อ่ะ อ้าม...”
อ้าวกรรม กูโดนหลอก ทำไมผมไม่เคยตามแผนมันทันเลยวะ มันก็ไม่พูดเปล่านะวางตะเกียบแล้วเลื่อนชามมาตรงหน้าผม อ้าปากนิดๆรอรับ คิดว่าน่ารักนักเรอะ เหอะ!
“เกรียนมากมึง แล้วงี้กูต้องคอยปรนนิบัติมึงเช้าสายบ่ายเย็นเลยไหมเนี่ย”ผมถามแบบเซ็งๆ โกยเส้นยัดปากมันไปคำโต มันเคี้ยวตุ้ยๆพร้อมตอบว่า
“ไอ่อ้องๆ”
“เคี้ยวเสร็จแล้วค่อยพูด น่าเกลียด”
“ก็ยัดมาเองนี่หว่า เออๆ อย่ามองแรง เมื่อกี้บอกว่าไม่ต้องน่ะ มาวันที่ไอ้เคสมันไม่อยู่ก็พอ”
“แล้วเคสมันไม่อยู่ห้องบ่อยเหรอ?”
“ไม่เชิง...”ตอบได้ไม่มีความเคียร์สักนิด ไอ้ครอสทำท่านึกพักนึงก่อนยกมือถือขึ้นมาต่อสาย
“เคสเหรอ เออ ไม่เป็นไรมาก ไม่ถึงกับหักหรอก อืมๆ อยู่ไหน? อยู่กับไอ้แวนเหรอ ดีมากน้องรัก คืนนี้ไม่กลับห้องใช่ไหม ดีๆ แค่นี้แหละ ฝันดีผีผ้าห่มนะครับ”
โอเค ชัดเจนแจ่มแจ้ง แม้จะไม่รู้ว่าเคสไปค้างห้องแวนทำไมก็ตามแต่ผมก็ไม่มีเวลาไปติดใจสงสัยหรอกเพราะไอ้บ้าตรงหน้าตอนนี้มันฉีกยิ้มแก้มปริงับเส้นบะหมี่ที่ผมคอยป้อนให้อย่างชื่นอุรา
หมั่นไส้!
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาคอนโดไอ้ครอส มันคอยบอกทางให้ส่วนผมก็รับหน้าที่ขับ เมื่อมาถึงคอนโดของมันผมก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พูดว่าหรูคงไม่ได้ อย่างงี้เขาเรียกโคตรหรู แค่ลานจอดรถก็กินขาดแล้วมีลิฟต์เลื่อนรถไปยังชั้นที่ต้องการด้วย ไอ้ครอสอยู่ชั้นสูงพอสมควร ผมดับเครื่องและเดินตามมันไปยังห้อง
ที่ซุกหัวนอนสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งคนเดียวมันจะใหญ่และสวยขนาดนี้เพื่ออะไร
ห้องของมันตกแต่งแนวลอฟท์ ผนังบางส่วนใช้อิฐแดงตกแต่ง ส่วนผนังที่เหลือกับเครื่องเรือนส่วนใหญ่เน้นโทนสีดำ
ถึงจะชอบแต่ไม่มีทางชมเด็ดขาด เดี๋ยวแม่งเกิดตะล่อมให้อยู่ด้วยกันเลยแล้วเกิดหลวมตัวขึ้นมาคงแย่
ไอ้ครอสยิ่งชอบเนียนอยู่
“ครอบครัวมึงลงทุนซื้อห้องขนาดนี้ให้ลูกชายเรียนมหาลัยเลยเหรอวะ?”
“ไม่หรอก ห้องนี้พ่อซื้อให้ตั้งแต่ตอนไอ้คริสมันเรียนละ คงกะให้กูใช้ต่อแหละ ก็นับว่าคุ้มดีนะ”แล้วไอ้พี่คริสของมึงไม่นับเป็นลูกชายเรอะ!?
“ห้องน้ำมีสองห้องนะ อยู่ข้างๆครัวที่นึงกับนห้องนอนใหญ่ที่นึง อันนั้นห้องคนใช้แต่ไม่มีคนใช้อยู่หรอก เพลินอยากมาอยู่ด้วยก้ได้นะ มีห้องว่าง ฮ่าๆๆๆ”ดูมันพูด ชิส์ มันพาผมเดินชมห้องซึ่งกว้างกว่าทาวน์โฮมของผมซะอีก”นี่ห้องไอ้เคส ส่วนนี่ห้องกู”
“อืม”ฟังจบผมก็ยืนมองหน้ามันตาปริบๆ
“มองไรครับเพลิน? เลือกมาสิว่าจะนอนห้องไหน”
“!!”
.
.
.
“แล้วมึงก็ตอบครอสไปว่า นอนห้องมึงก็ได้?”ผมนั่งตัวลีบจิ้มลูกชิ้นเข้าปากหน้าเจื่อน เหลือบมองพ่อซังที่นั่งกอดอกมองผมหน้าเข้มอยู่อีกฟากของโต๊ะ พวกเราเลิกเรียนกันแล้วและผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการแข่งฟุตซอลให้มันฟังอยู่ข้างร้านลูกชิ้นทอดหน้ามอเป็นการรอไอ้ครอสไปในตัว
“แฮ่ๆ ใช่คับ”
“ใจง่าย”
“ก็มัน!!...ถ้าเป็นมึงมึงจะตอบว่ายังไงเล่า!”ไม่เจอกับตัวก็พูดได้ดิ มาหาว่าเค้าง่าย ไม่รู้อะไร เค้ายืนบิดไปบิดมาอยู่ตั้งครึ่งนาทีก่อนตอบนะ!
“เพลิน กูขอร้องเหอะ มึงช่วยเล่นตัวหน่อย มารยาน่ะหัดใช้ซะบ้าง โดนล่อลวงไปถึงห้องแล้วนะเว้ย! สองต่อสองอ่ะมึง! มึงจะโดนล่อเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องมาต่งมาแต่ ครอสมานู่นแล้ว”ซังชี้ไปยังด้านหลังของผมขณะเจ้าตัวเริ่มเก็บของลงกระเป๋า”โชคดีนะมึง พรุ่งนี้มารายงานกูด้วย กูรอเสือก”พูดจบมันก็ลุกออกไปเฉย ไม่แนะนำกันเล้ยยยว่าไอ้มารยาที่ว่าเขาใช้กันยังไง พอเพื่อนตัวดีจากไปก็มีหนุ่มหล่อเข้ามานั่งแทนที่
“วันนี้แลปเสร็จเร็วเหรอ”ครอสทักขึ้นเมื่อผมเอาแต่นั่งก้มหน้าเขี่ยลูกชิ้นล่อกแล่ก
“อ่า...อืม”เขินว่ะ ทำไมอยู่ดีๆถึงเขินขึ้นมาล่ะ
ทั้งๆที่เมื่อคืนมันไม่แม้แต่แตะตัวผมด้วยซ้ำแต่พอไอ้ซังเตือนแบบนั้นจินตนาการของผมก็เตลิดไปไกล...โพ้นนนนนนนนน
สบตาไม่ได้เลย...มันระยิบระยับแฝงนัยยะบางอย่างมากเกินไป เด๋อๆอย่างผมยังมองออกเลย ไอ้ครอสมึงช่วยเก็บอาการหน่อยเถอะ
“เสร็จยัง? ไปกันเลยไหม”
“ปะ..ไปๆ ไปได้เลย เอากุญแจรถมาดิ”
ผมแพ้สายตามันว่ะ มองนานเกินสามวิไม่ได้เลย วันนี้ผมตั้งใจขับรถเป็นพิเศษ จ้องถนนจ้องกระจกมองข้างจ้องทุกอย่างที่ไม่ใช่คนข้างๆ ผิดกับไอ้บ้าครอส มันก็น่าจะมองออกนะว่าอาการแบบนี้คือกูเขินมึง แต่แม่งเล่นเท้าคางกับหน้าต่างรถแล้วก็จ้องผมไม่วางตา
“อย่าแกล้งดิ”
“หืม? หมายถึงอะไรเหรอ”
อย่ามาทำไก๋นะเว้ย เดี๋ยวปั๊ดขี่รถมึงเสยเสาไฟซะเลย
แม่งงงงงงง ละทำไมถึงมีแค่ผมคนเดียวที่เขินวะ มันไม่เขินหน่อยเหรอ ฝ่ายที่ชอบคือมันนะ เมื่อเข้ามาถึงห้องมันก็บอกให้ผมทำตัวตามสบายส่วนมันก็เดินไปเปิดทีวีดูซีรี่ยส์แนวสอบสวนของฝรั่งสบายใจเฉิบ ไอ้ผมนี่สินั่งไม่ติด ลุกเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น บ้าจัดจนหยิบไม้กวาดมากวาดห้องให้มันอ่ะคิดดู กวาดเสร็จก็ถูพื้น แถมซักผ้าด้วยเลยพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ผมยัดผ้าของมันลงเครื่องทั้งตะกร้าเรียบร้อยก็เดินกลับมานั่งแปะ
โดยทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตาของเจ้าของห้อง
“มองไรนักหนา ดูหนังของมึงไปเดะ”
พอผมทักครอสก็สะดุ้งนิดๆเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ถ้าตาไม่ฝาดผมว่าผมเห็นแก้มมันเปลี่ยนสีนะ “โทษที” มันตอบเสียงแผ่วก่อนเบนสายตากลับไปยังโทรทัศน์ ผมก็นั่งดูกับมันจนกระทั่งผ้าที่ซักไว้เสร็จก็เดินไปตาก ตึกสูงลมแรงมากตากตอนนี้คงได้เก็บก่อนนอนพอดี ผมคำนวณเวลาคร่าวๆขณะมองนาฬิกาแขวน
ห้าโมงเศษๆ
“กินข้าวเย็นเลยป่ะ เอาไรเดี๋ยวทำให้ กว่าจะเสร็จก็คงหกโมงพอดี”ผมพูดพลางเปิดตู้เย็นเช็คของไปด้วย ด้านในมีของสดอยู่พอสมควร”มึงทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ”
“ไอ้เคสมันทำน่ะ ไม่ได้เรื่องหรอกแต่กระแดะทำ”
“ฮ่ะๆๆ น้องมึงน่ารักดีนะ สนิทกันรึยัง”พอนึกถึงวันที่มันหงอยเหงาเล่าเรื่องชู้ของพ่อให้ฟังเทียบกับวันนี้แล้วต่างกันลิบลับ แสดงว่าไอ้เคสมันต้องนิสัยดีแน่ๆ
“สนิทกันพอจะเล่าเรื่องคนที่ชอบให้ฟังได้”เข้าตัวกูตล๊อด ว่าแต่ไอ้เคสมันแอบชอบใครอยู่วะ
“ตกลงจะกินไร ห้ามตอบว่าอะไรก็ได้นะ”ผมรีบดักทางอย่างรู้ทัน
“งั้นเอาไข่เจียบกับแกงจืดง่ายๆ”ผมพยักหน้ารับคำ ไอ้คนว่างงานอย่างครอสตอนแรกก็อาสาว่าจะช่วยแต่ผมก็ไล่มันกลับไปเพราะเกะกะ ฮ่าๆๆ
ไม่รู้นะว่าผมง่วนอยู่กับการทำอาหารนานเกินไปหรือว่ามันว่างจนอดใจไม่ไหวจริงๆ ขณะที่ผมกำลังหั่นเต้าหู้เทใส่หม้อก็มีคนสวมกอดจากข้างหลัง ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอรู้สึกหวิวๆลามลงมาถึงท้องน้อย
“หอมจัง”เสียงทุ้มกระซิบแผ่วแถวข้างหู
“จะ...ชิมป่าว”ครอสไม่ตอบแต่อ้าปากรอ ลำบากมืออันแสนสั่นเทาของผมต้องยื่นช้อนป้อนให้มันอีก
“อร่อย”
ยังดีที่ชม ว่าแต่เมื่อไหร่จะถอยออกไปวะ มายืนหายใจรดต้นคอแบบนี้มันสยิวนะ
“เพลิน...”
“อ...อะไร”
“เรียนจบแล้วแต่งงานกันนะ” คิดว่าหลังได้ยินประโยคนั้นผมจะเป็นยังไง?
ก็สติแตกน่ะสิ!
ครอสบ้าไปแล้วยังจีบไม่ติดด้วยซ้ำมาขอแต่งงงแต่งงานอะร๊ายยยย!! พอพูดจบก็เดินหัวเราะกลับไปนั่งดูทีวีต่อเหมือนเดิม บ้าไปแล้วๆๆๆๆ พรุ่งนี้ผมจะไปเล่าให้เพื่อนฟังว่าไงดีล่ะ กูโดนขอแต่งงานด้วยแหละ...เรอะ ไอ้ซังได้ขำกลิ้ง!
ผมสงบสติอารมณ์และเลิกให้ความสนใจไอ้บ้าที่เอาแต่นั่งอมยิ้ม รีบๆยัดข้าวเข้าปากทำทีไม่สนใจคนเจ็บมือที่ร้องขอให้ป้อน พอกินเสร็จก็รีบเก็บจานแล้วแจ้นเข้าห้องน้ำไป อันที่จริงผมกะว่าจะเอาเสื้อผ้ามาเองแต่ไอ้ครอสบอกว่าลำบากเปล่าๆใช้ของเคสก็ได้ส่วนบ็อกเซอร์ก็ซักตากเอา
ผมก็โง่เชื่อมันนะ ผลคือตอนนี้ผมอยู่ในชุดนอนของเคสซึ่งฟรุ้งฟริ้งมาก สีฟ้าลายจุดมีระบาย รู้สึกหวิวๆเพราะต้องนอนไม่ใส่กางเกงในข้างๆครอส แต่ไอ้คนที่ทำให้ผมคิดมากขนาดนี้กลับนอนเล่นไอแพดอย่างสบายใจอยู่ข้างๆ
ส่วนผมก็นั่งกอดเข่าตัวแข็งทื่อแบบคนไม่มีมาด
“เพลิน”
“อะ...ไร”
“หึหึ ตกใจอะไร แค่เรียกเฉยๆเอง”เออ นั่นดิ ผมจะสะดุ้งอะไรทุกครั้งที่มันเรียกนะ เจ้าของห้องเลิกให้ความสนใจไอแพดในมือ มันเอนหลังพิงหัวเตียงและจ้องผม สายตามันร้ายกาจกว่าเมื่อเย็นเยอะจนผมอดถามออกไปอย่างร้อนๆหนาวๆไม่ได้ว่า
“มีอะไรรึป่าว? วันนี้ทำตัวแปลกๆนะ”
“โทษที หลงมากไปหน่อย”
“เหอ!?”หลงอะไร หลงทางหรือหลงกู
“เพลินจูบเป็นไหม”
“ห๊ะ!”เมากาวป่ะครอส วันนี้มึงมาแปลกมาก แม้พวกเราจะเคยจูบกันครั้งหนึ่งแต่คราวนั้นมันเป็นคนทำอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนผม
น่ะ...”จะเป็นได้ยังไงเล่า!! เอ๊ย! เดี๋ยว เรื่องแบบนี้เขาถามกันดื้อๆงี้เลยอ่อ เห้ยๆๆ เข้ามาใกล้ทำไม!?”
ถึงกูจะจูบไม่เป็นแต่กูก็รู้นะครับว่ากำลังจะโดนจูบ!!
“มานี่สิ...เดี๋ยวสอนให้”
" " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " "
ต่อให้แขนจะหัก แต่สกิลอ้อยของพระเอกจะไม่หายไปไหน เป็นความคงกระพันที่ฆ่าไม่ตาย 55555555