ขอโทษนะครับ พอดีอาทิตย์ที่แล้วติดภารกิจเลยไม่ได้เอามาลง
ต่อเลยนะครับ
KOUSOKU # 6
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้ร่างเล็ก ๆ ที่ยังขดตัวซุกอยู่บนที่นอนโงหัวขึ้นมาแล้วเหลือบมองนาฬิกา เพิ่งจะ 11 โมงเช้าเท่านั้น ยังเช้ามากทีเดียวสำหรับคนที่นอนตอน 6 โมงอย่างเขา
“หนวกหูจริง...ใครฟะ?” ฮิโรกิโผเผไปที่ประตูอย่างเสียมิได้ และคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ทำให้เขางงหนักขึ้นไปอีก
“อรุณสวัสดิ์ ฮิโรกิ” ร่างสูงยิ้มกว้างแบบยียวนเหมือนที่เคยได้เห็นอยู่เสมอ
“เซย์ริว!!!?” ฮิโรกิร้องลั่นยังกับโดนผีหลอก “นี่แกไปตายโหงตายห่าที่ไหนมาเป็นเดือนเนี่ย?”
“โห...ให้พรฉันแต่เช้าเลยนะแก แกทักเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน ๆ แบบนี้ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย?” เซย์ริวทำหน้าเซ็ง ๆ แล้วถือวิสาสะเดินเข้าห้องไป
“แกคนเดียวเท่านั้นแหละ” ฮิโรกิว่าแล้วก็เดินตามเข้ามาในห้อง “ว่าแต่ แกหายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงแทบแย่”
“โอ้...เป็นคำที่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะออกมาจากปากแก” ร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นอนพลางเหลียวไปรอบ ๆ “จิอากิล่ะ?”
“ดูสภาพห้องก็น่าจะรู้นี่ ไม่อยู่หรอก ออกไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาให้เพื่อน
เซย์ริวมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง...ก็น่าจะไม่อยู่หรอก สภาพห้องของฮิโรกิตอนนี้ราวกับเพิ่งโดนระเบิดลงเมื่อไม่นานมานี้เอง ข้าวของแทบทุกชิ้นโดนกวาดลงจากชั้นกระจายไปทั่วห้อง ยังไม่นับรวมจานชามบางส่วนที่แตกอยู่บนพื้นด้วย ทั้งห้องตอนนี้ที่ดูจะเหลือรอดปลอดภัยมาก็มีเพียงแต่ตู้เย็นกับบริเวณที่นอนเท่านั้น...แต่ก็หมายความว่า ฮิโรกิแค่ปัด ๆ ชิ้นส่วนที่อยู่บนที่นอนออกเพื่อให้นอนได้เท่านั้น
“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะเนี่ย?”
“ก็เรื่องงี่เง่าตามเคยนั่นแหละ หล่อนอยากได้กระเป๋าใบใหม่ที่ราคา 3 หมื่นกว่าเยน ฉันก็เลยทำเป็นไม่สนใจ บอกให้หล่อนหาเงินมาซื้อเอาเอง...ก็แค่นั้น” ฮิโรกิบอกแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วซุกเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง
“อยากได้กระเป๋า? ปกติจิอากิไม่ค่อยอยากได้อะไรพวกนี้เท่าไรนี่” ร่างสูงยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม
“เห็นบอกว่าวันเกิด”
กระป๋องที่ยังมีเบียร์อยู่ร่วมครึ่งลอยมาโดนหัวฮิโรกิอย่างจัง
“เจ็บน้า...” เจ้าตัวเล็กโวยวาย “มันเรื่องอะไรเอากระป๋องปาหัวฉันเนี่ย ไอ้เพื่อนทรพี!”
“ก็แกมันงี่เง่านี่หว่า ของแค่นี้ซื้อให้หล่อนวันเกิดไม่ได้รึไง?” เซย์ริวเทศน์เข้าให้
“ก็ฉันไม่มีเงินนี่หว่า ไว้มีแล้วค่อยซื้อให้ไม่ได้รึไง ถ้าจะมาเทศน์ฉันแต่เช้าแบบนี้นะ แกไปซื้อให้หล่อนเองเลยเด่ะ” ฮิโรกิเถียงฉอด ๆ พร้อมกับยกมือคลำหัวป้อย
“แกนี่น้า...นั่นมันเมียแกนะ แล้วนี่หายไปทั้งคืนเนี่ยไม่เป็นห่วงมั่งเลยเรอะ?”
“ต้องห่วงอะไรล่ะ หล่อนก็ไปอย่างนี้บ่อย ๆ บางทีอาจจะได้แขกสักคนก็ได้มั้ง” หางเสียงตวัดอย่างเคือง ๆ “ว่าแต่แกเถอะ ดูจะเป็นห่วงเป็นใยเมียฉันเหลือเกินนะ”
“คิดมาก! ถึงฉันจะคิดเคลมเมียแกบ้างก็เถอะนะ แต่ฉันไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้นหรอก เพียงแต่เห็นพวกแกทะเลาะกันบ่อย ๆ แล้วมันเบื่อก็เท่านั้นแหละ”
“ประโยคแรกมันแปลก ๆ นะ เซย์...” คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ แล้วก็คลายออก “ช่างเถอะ...ชีวิตของพวกฉันก็เป็นแบบนี้แหละ”
“อืม...ฉันรู้”
“ว่าแต่แกหายไปไหนมาเป็นเดือน?”
“ไปกบดานน่ะสิ”
“ที่ไหน?”
“บ้านเหยื่อรายล่าสุด” เซย์ริวบอกพร้อมกับยิ้มเย็น
ฮิโรกิขมวดคิ้ว “เหยื่อ...อีกแล้วเหรอ? นี่แกมีเหยื่อกี่รายกันแน่เนี่ย?”
“ไม่รู้สิ ไม่เคยนับ...บางคนก็ดูเหมือนจะฆ่าตัวตายไปบ้างแล้วด้วย ก็เลยไม่รู้ว่ามีเท่าไรกันแน่” เซย์ริวตอบราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา
“เดี๋ยวคนนี้ก็ฆ่าตัวตายอีก” ฮิโรกิส่ายหน้าอย่างหน่าย ๆ
“ไม่หรอก...หมอนี่ยังทำให้ฉันสนุกได้อีกเยอะ” ประกายบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาคมพร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัวที่แม้แต่ฮิโรกิยังเสียวสันหลัง
“สะ...สนุกเรื่องอะไร?”
“ทุกเรื่อง...โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง”
ร่างเล็กเบิกตากว้าง ดึงตัวขึ้นจากที่นอนทันที “ผู้หญิงคนใหม่เหรอ?”
“เปล่า...ผู้ชายน่ะ” ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ “พอพูดเรื่องบนเตียงขึ้นมานี่หูตาสว่างเลยนะแก กะจะแจมอีกหละสิ”
“ก็คนก่อนของแกมันสนุกมาก ๆ เลยนี่หว่า...ก็เลยติดใจ...ฮะ ๆ ” ฮิโรกิหัวเราะเบา ๆ พลางเกาหัวแก้เขิน
“คนนั้นมันผู้หญิง แต่คนนี้น่ะ ผู้ชายนะ”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่เกี่ยง ขอให้สนุกเป็นใช้ได้น่า...ว่าแต่ คนก่อนนั่นเป็นไงบ้างแล้ว พูดขึ้นมาแล้วฉันก็ชักอยากแล้วสิ” เจ้าตัวเล็กตาวาวทันที
“ไม่รู้สิแฮะ ฉันก็ไม่ได้แวะไปอีกเลยตั้งแต่คราวนั้นนั่นแหละ”
“งั้นวันนี้เราไปกันมั้ย?”
“แกนี่น้า...” เซย์ริวส่ายหน้านิด ๆ แล้วถอนใจ แต่ท่าทางดูสนุกไปด้วย “ก็ดี...ฉันเองก็กำลังว่าจะหาเงินไปให้หมอมาสะพอดีเลย ยัยนั่นคงมีเงินอยู่บ้างหรอก”
“อา...ฉันก็มีของเล่นที่อยากเอามาทดลองเหมือนกัน” ฮิโรกิรีบกระวีกระวาดไปค้นของในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า
“ของเล่น?”
“ช่าย...” ว่าแล้วก็ดึงซองสีขาวขุ่น ๆ มาให้ดู “ได้มาจากเพื่อนน่ะ แต่ยังไม่เคยลองเลย อยากรู้ว่ามันจะสนุกแค่ไหน”
“ยา...ปลุกงั้นเหรอ?”
ฮิโรกิไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ
//////////
เซย์ริวหยิบกางเกงยีนส์ที่ถอดกองไว้กับพื้นมาสวมแล้วเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งควานหาเงินออกมานับ ในขณะที่ฮิโรกิยังนั่งจุดบุหรี่สูบอยู่บนเตียงโดยมีร่างของหญิงเคราะห์ร้ายนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ข้าง ๆ
“7 หมื่นเยน...ยังไม่พอหรอก ต้องได้ซักแสนเยนถึงจะพอ” เซย์ริวบ่นแล้วก็ยัดเงินทั้งหมดใส่กระเป๋ากางเกง
“ก็เจ็บหนักมาขนาดนั้น แถมยังหนีออกจากโรงบาลก่อนเวลาอันควรอีก หมอแกชาร์จเพิ่มแหง ๆ ” ฮิโรกิพูดแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมา “ว่าแต่...ไอ้คนที่แกไปอยู่ด้วยนี่ก็ดีเหมือนกันนะ รักษาแผลแกซะเนี้ยบเลย เกือบหายดีแล้วสิเนี่ย”
“ใช่...นั่นแกจะทำอะไรน่ะ?” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนกำลังเล็งมือถือไปตามส่วนต่าง ๆ ของหญิงสาว
“ถ่ายรูปไว้ไง หล่อนจะได้ไม่กล้าไปบอกใคร”
“อืม...รอบคอบดีนะ”
“ฉันไม่อยากเดือดร้อนเพราะความสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอกนะเฟ้ย” ว่าพลางฮิโรกิก็จับหญิงสาวโพสต์ท่าน่าอายต่าง ๆ แล้วถ่ายรูปเก็บเอาไว้โดยที่เธอไม่มีโอกาสขัดขืนได้
“ยาเม็ดเดียว เล่นซะเสร็จไป 6 ครั้ง...ยามันไม่แรงไปหน่อยเหรอ?” ชายหนุ่มทอดสายตามองหญิงสาวที่นอนระทดระทวยอย่างเฉยเมย
“ฉันว่าหล่อนไม่คุ้นมากกว่า ไว้ว่าง ๆ ฉันว่าจะลองกะจิอากิดู บางทีคนที่คุ้นกับเรื่องพวกนี้น่าจะอึดมากกว่านี้นะ” ฮิโรกิเก็บโทรศัพท์แล้วแต่งตัวบ้าง
“ถ้ากับผู้ชายจะเป็นยังไงนะ?”
“แกจะเอาไปเล่นกับคนใหม่ของแกเหรอ?”
“น่าลองเหมือนกันนะ ปฏิกิริยาตอนที่ยาออกฤทธิ์น่ะสนุกเป็นบ้าเลย ขนาดยัยนี่ดูหงิม ๆ อย่างนี้ พอถึงตอนนั้นอะไรก็ยอมทำทั้งนั้น...ถ้าเป็นหมอนั่นคงสนุกดีพิลึก”
“ดูท่าทางแกจะติดใจเหยื่อรายใหม่นี่น่าดูเลยนะ เมื่อไรจะให้ฉันไปแจมได้บ้างล่ะ?” ฮิโรกิถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“ยังหรอก ฮิโรกิ ยังไม่ถึงเวลา” เซย์ริวยิ้มน้อย ๆ แต่แววตาแฝงความพึงพอใจบางอย่างเมื่อนึกถึงใครบางคนที่กำลังหลงวนเวียนอยู่ในกับดักของเขา
“งั้น...แบ่งยาไปสักเม็ดมั้ย? เอาไปลองเล่นดู ได้ผลยังไงก็มาบอกฉันด้วย ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ากับผู้ชายจะเป็นยังไง” เจ้าตัวเล็กเริ่มมีสีหน้าสนุกตามไปด้วย
ร่างสูงรับยาเม็ดนั้นมาใส่กระเป๋าเอาไว้
“เอาหละ...พี่สาว ขอบคุณมากนะที่ช่วยให้สนุกขนาดนี้ แล้วก็...อย่าเสือกไปแจ้งตำรวจเชียวล่ะ ไม่งั้นรูปนี่ไม่อยู่แค่ในมือถือนี่แน่” ฮิโรกิทิ้งคำขู่สุดท้ายเอาไว้ก่อนที่จะพากันจากมาโดยทิ้งเจ้าของห้องเอาไว้อย่างนั้นอย่างไม่ใส่ใจ
//////////
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ร่างเพรียวที่เพิ่งกลับเข้าห้องยังไม่ได้แขวนเสื้อโค้ทดีรีบหมุนตัวกลับไปที่ประตูทิ้งเสื้อโค้ทให้พาดอยู่กับเก้าอี้อย่างนั้น
“ใครครับ?”
“ฉันเอง” เสียงทุ้มห้วนสั้นที่ฟังคุ้นหูตอบกลับมา
คัตซึฮิโกะเปิดประตูห้องให้ ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูสวมเสื้อโค้ทสีดำตัวเดิมที่เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่พบกันครั้งแรก ทั้งที่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมากแล้ว แต่ดูเหมือนเซย์ริวจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับใครเขาเลย
“กลับมาแล้วเหรอ?” คัตซึฮิโกะถามขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ หากแววตาเฉยเมย เซย์ริวไม่เคยมีคำตอบใด ๆ สำหรับการทักทายประจำวันอยู่แล้ว
“กลับมาแล้ว”
คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง รอยยิ้มจาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่โหดร้ายอยู่เสมอดูอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นิ้วมือเรียวยาวค่อย ๆ เกลี่ยเข้าที่ข้างแก้มแผ่วเบา
“ทำไม? ทำหน้ายังกับเห็นผีอย่างนั้นแหละ”
“เปล่า...คือ...” คัตซึฮิโกะก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ รู้สึกร้อนวาบขึ้นมาที่ใบหน้า เผลอใจคิดไปว่าบางทีเซย์ริวอาจจะเป็นคนใจดี ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่ความจริง
เซย์ริวก้าวตามเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดล็อกประตู “หอมจังนะ ทำมื้อเย็นอยู่เหรอ?”
“อะ...อื้อ” เจอสิ่งเกินคาดเข้าแบบนี้ก็เล่นเอาคัตซึฮิโกะพูดไม่ออกเหมือนกัน ชายหนุ่มรีบผละเข้าไปที่ครัวแล้วแกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับของที่ทอดอยู่ในกะทะที่ตั้งเตาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่กลับเข้ามาทันที
“หือ? หมูทอดงั้นเหรอ?” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ข้างแก้ม
คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปมองคนที่เข้ามาประชิดด้านหลังแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว...และเพราะอย่างนั้น ร่างสูงจึงฉวยโอกาสประกบริมฝีปากอุ่นแนบลงบนริมฝีปากที่กำลังเผยอจะพูดอะไรบางอย่าง แขนแกร่งโอบรัดรอบเอวคอดรั้งเข้าหาตัวแน่น ในขณะที่อีกมือเชยคางขึ้นเพื่อจะได้จุมพิตได้ถนัด เรียวลิ้นแทรกสอดเข้าไปเกี่ยวกวัดกับลิ้นนุ่มที่ยังไม่ยอมตอบสนองเพราะความตกใจ โลมเร้าพัวพันอยู่เป็นครู่คนตัวเล็กกว่าถึงได้เริ่มตอบสนองจูบนั้นทีละน้อย ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มลงปล่อยให้ปลายลิ้นหยอกเอินกันอย่างดื่มด่ำ หากไม่ใช่เพราะคิดไปเอง คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าจุมพิตของวันนี้หวานละมุนกว่าทุกวัน
น้ำมันในกะทะแตกตัวเสียงดัง เรียกสติที่กำลังล่องลอยไปในบรรยากาศอ่อนหวานให้กลับคืนมา คัตซึฮิโกะถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับผลักร่างสูงออกห่าง ชั่ววินาทีที่สบตากันนั้น ร่างเพรียวเห็นแววเสียดายฉาบแฝงอยู่ในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม คัตซึฮิโกะยกหลังมือขึ้นแตะริมฝีปากแล้วก้มหน้าหลบตา แสร้งหันไปใช้ตะเกียบคู่ยาวคีบเขี่ยชิ้นหมูทอดในกะทะ
“ออก...ออกไปก่อนเถอะ ผมจะทำกับข้าวต่อ” คัตซึฮิโกะบอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่ยอมสบตา
รอยยิ้มระบายขึ้นบนใบหน้าของร่างสูง เขาทำท่าจะผละออกไป แต่แล้วก็หันกลับมาดึงร่างเพรียวให้หันกลับมาหาแล้วประกบจูบเร่าร้อนอีกครั้ง คัตซึฮิโกะดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน แล้วก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งหลุดลงคอไป แล้วคนเจ้าเล่ห์ก็ถอนปากออก
“อะ...อะไรน่ะ...เมื่อกี้?” คัตซึฮิโกะระล่ำระลักถาม ใบหน้าแดงไปจนถึงคอเพราะโดนขโมยจูบแบบไม่ทันรู้ตัวถึงสองครั้งติดกัน
เซย์ริวยิ้มนิด ๆ ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์พราวระยับ “ขนมน่ะ”
พูดเพียงเท่านั้นแล้วร่างสูงก็เดินออกจากครัวไป ทิ้งให้คัตซึฮิโกะยืนเอามือลูบหน้าตัวเองหมายจะให้อารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิงกลับเข้าที่เข้าทาง...แต่ดูท่าจะยากเสียแล้ว...
ชิ้นหมูชุบแป้งทอดที่เพิ่งสุกได้ที่ถูกจัดวางลงในจานพร้อมกับถ้วยน้ำจิ้มเล็ก ๆ ตั้งแต่เซย์ริวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขาก็ดูเหมือนข้าวของบางอย่างในห้องจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็จานชาม แก้วน้ำและแปรงสีฟัน คัตซึฮิโกะถอนใจแล้วก็ยิ้มนิด ๆ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใส่ใจคนอื่น ดูเหมือนเซย์ริวจะเป็นคนแรกที่ได้กินข้าวรสมือเขานอกจากนัตสึ บางทีคัตซึฮิโกะก็รู้สึกว่ามันมีความสุขดีเหมือนกันที่ได้ดูแลคนอื่นอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะเขาต้องดูแลน้อง ๆ ในบ้านมาตั้งแต่เด็กก็ได้เลยติดเป็นนิสัย
การอยู่ร่วมกันเซย์ริวก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร พวกเขาแค่เจอหน้ากันตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือบางทีก็ไม่ได้เจอ เพราะเซย์ริวออกไปข้างนอก ส่วนตอนเช้านั้น ถึงแม้เซย์ริวจะอยู่ในห้องแต่ก็เหมือนไม่ได้เจอกัน เพราะตอนที่เขาออกไปทำงานนั้น เซย์ริวยังไม่ตื่น
คัตซึฮิโกะปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปขณะที่จัดอาหารให้เรียบร้อย แต่แล้วหัวใจก็กระตุกวูบขึ้นมากะทันหัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหน้าอก...เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? หัวใจเต้นแรงไม่หยุดจนแทบไม่เป็นจังหวะ คัตซึฮิโกะวางมือจากอาหารตรงหน้าแล้วขยุ้มอกเสื้อแน่น ความรุ่มร้อนแปลก ๆ แล่นวูบวาบไปทั้งร่าง ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สายหนังเส้นหนาก็ตวัดพันเข้าที่รอบคอขาว คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัวและพยายามดิ้น หากเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงสวมปลอกคอหนังให้เขาสำเร็จ
“ทะ...ทำอะไรของคุณน่ะ?” มือเรียวพยายามแกะปลอกคอที่รัดรอบคอแน่นออก
เซย์ริวไม่ตอบ แต่คว้ามือคัตซึฮิโกะจับยึดเอาไว้แน่น พยายามจะขโมยจูบอีกครั้งหากอีกฝ่ายใช้มือข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ปัดป้อง วงแขนแกร่งจึงโอบรั้งร่างเพรียวให้เข้ามาแนบชิดแล้วกอดตรึงเอาไว้อย่างนั้น ไม่สนใจกับอาการทุบตีผลักไสของคนในอ้อมกอด รอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งคนที่ดิ้นรนหมดเรี่ยวแรงไปเอง คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับอกกว้าง มือเรียวจับยึดไหล่หนาเอาไว้เป็นหลัก กายสั่นสะท้าน ในขณะที่อุณหภูมิในร่างกายดูเหมือนจะพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด
“คุณ...คุณทำอะไร...ผม...?”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่” จมูกโด่งได้รูปซุกไซ้ลงไปที่ซอกคอ สูดกลิ่นกายที่เจือกลิ่นเหงื่อกรุ่นจาง...เป็นความจริงทีเดียวที่เขาว่ากันว่า กลิ่นเหงื่อสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
“ไม่...คุณ...” คัตซึฮิโกะพยายามหนีให้พ้นจากอ้อมแขนที่พันธนาการเขาเอาไว้ แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
“ปล่อย...ปล่อยผมนะ”
“แกกำลังต้องการให้ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” นิ้วเรียวช้อนเชยปลายคางมนขึ้นแล้วประทับริมฝีปากพรมจูบไปตามใบหน้าที่ตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงเรื่อ
“ต้องการอะไร...ผมไม่...” คัตซึฮิโกะหาคำพูดไม่ถูก รู้สึกว่าตอนนี้ในหัวกำลังถูกสีขาวโพลนกลืนกินเข้าไปทีละน้อย
“แกกำลังอยากให้ฉันกอด คาซึโกะ...” ริมฝีปากอุ่นคลอเคล้าอยู่ไม่ห่างแก้มเนียน บดคลึงแนบลงบนริมฝีปากร้อนที่แดงจัดจนเป็นสีเชอร์รี่