ตอนที่ 16 : คำตอบที่แท้จริง
ไทยคิดว่าเขาจะทำหน้าไม่ถูกตอนตื่นขึ้นมาแต่กลายเป็นว่าทุกอย่างปกติ ปราบไม่ได้ทำตัวแปลกไป “จะกลับเลยหรืออยากไปไหนก่อน”
“ไม่รู้สิ ธุระที่จะมาทำก็ทำเสร็จแล้ว”
“หึๆ” ไทยมองค้อน ต่างคนต่างรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
“มึงล่ะ” ไทยนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขามองใบหน้าของปราบ “มึงเอาแต่ถามกูทุกครั้งแล้วมึงอยากทำอะไร อยากไปไหน อยากกินอะไร ไม่เห็นเคยบอกกูบ้างเลย”
“เรื่องกินกูไม่เรื่องมากอะไรก็ได้ ดังนั้นมึงสบายใจเถอะว่ากูไม่ได้ทำโปรโมชั่น”
“กูไม่ได้คิด” ไทยส่ายหน้าปฏิเสธ “ถึงกูจะรู้จักมึงทีหลังแต่กูก็พอรู้ว่านิสัยมึงเป็นยังไง”
“ได้คะแนนเพิ่มขึ้นไหม”
“มะเหงกสิ อาบน้ำได้แล้วออกไปเดินเล่นชมวิวบ้างก็ดี กูอยากลองกระแดะกินข้าวเช้าริมทะเล”
“อยากอาบด้วยกันไหม”
“...”
“ฮ่าๆ”
ไทยย่นจมูกใส่แผ่นหลังกว้าง มาเพื่อให้ไอ้ปราบอ่อยเขาแท้ๆ หัวใจก็ช่างอ่อนแอ นิดๆ หน่อยๆ ทำสะดิ้ง มึงจะมีความสุขทุกเม็ดไม่ได้ หัดใจแข็งไว้บ้าง
“ไม่กินเหรอ” ไทยใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกที่อีกฝ่ายเหลือในจานเข้าปาก “กูยังไม่ได้ตอบ”
“อ้าว” คนทำหน้าตกใจเคี้ยวไม่หยุด ช้าเองนี่หว่า
“นั่นของอร่อยของกู”
“เหรอ” ไทยทำตาเจ้าเล่ห์ “อร่อยกว่ากูเหรอ” เขาอยากร้องไชโยเมื่อเห็นสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าของปราบ กินข้าวกลางแดดมันดีแบบนี้นี่เอง เห็นชัดมาก ไอ้ปราบเขิน!
“เอาไว้กูได้กินแล้วจะตอบ”
“กูสาบานว่าวันหลังจะไม่เล่นมุกควายแบบนี้อีกแล้ว” ไทยยอมแพ้พูดอะไรออกไปมีแต่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเล่นงานกลับ
“เล่นเถอะ กูอยากให้เล่น” สายตาคนพูดวาววับ
“เล่นให้มึงได้ใจสิ เมื่อกี้กูแค่พูดไม่ทันคิดเดี๋ยวนี้สติไม่ค่อยมี”
“มัวแต่หลงกูอยู่”
“กล้าพูดนะมึง” ไทยค้อนขวับ พักนี้เขาชักแสดงกิริยาประหลาดขึ้นทุกวัน จริตจะก้านมาเต็ม
“หึๆ เล่นเถอะกูไม่ได้คิดมาก รู้ว่ามึงพูดห่ามไปอย่างนั้นเอง”
“รู้ดีทุกอย่างไม่เปลี่ยนชื่อเป็นกูเลยล่ะ”
“ไม่ดีกว่า” ปราบส่ายหน้า ดวงตาเจ้าเล่ห์ “รอมึงเปลี่ยนนามสกุลอย่างเดียวก็พอ”
อย่าถามไทยว่าตอนนี้ใครหน้าแดง ที่แน่ๆ ไม่ใช่ปราบแน่นอน
ไทยมองทะเล การได้นอนเล่นบนเก้าอี้ชายหาดโดยไม่ต้องทำอะไรเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ร่างสูงนอนอยู่เก้าอี้ข้างๆ ไม่กวนใจเขา ต่างคนต่างเงียบคุยกันบ้างเป็นระยะ
“เออ” ไทยหันไปมองปราบ “กูคิดอะไรออกอย่างหนึ่ง ตอนนั้นที่มึงบอกเหตุผลที่ชอบกู เหมือนมึงบอกว่ามีอีกอย่างหนึ่งแล้วมึงก็ไม่ยอมบอก จะบอกได้หรือยังวะว่าอะไร”
“อยากรู้เหรอ”
“ไม่อยากรู้ใครจะถาม”
“เอาอะไรมาแลก”
“มึงไม่ต้องย้อนกูทุกคำก็ได้ เร็ว!เล่ามากูอยากรู้” สายตาของไทยเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อมองหน้าของปราบ
“กูกับมึงเคยแข่งฟุตบอลระหว่างคณะ”
“อ้าวเหรอ” ไทยพยายามคิด เขาเป็นตัวแทนคณะเตะกับหลายทีม ใครจะจำหน้าได้หมดวะ
“ใช่ วันนั้นเพื่อนมึงเตะอัดขากู”
“...” ไทยปิดปากเงียบ ชักไม่แน่ใจว่าควรรู้เรื่องนี้หรือไม่ ตกลงมันเป็นเรื่องราวดีๆ หรือกำลังจะถูกด่าย้อนหลังวะ
“มึงจำไม่ได้ใช่ไหมว่ามึงมาดักรอกูเพื่อขอโทษ”
ดวงตาของไทยค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น “นั่นมึงเหรอ!”
“ใช่”
“อย่าบอกนะว่าแค่นั้นมึงหลงรักกูเลย ใจง่ายฉิบเป๋ง”
“ฮ่าๆ” ปราบหัวเราะเสียงดัง “เปล่า มันทำให้กูจำมึงได้เท่านั้นเอง ตอนหลังพี่เหน่งชวนกูมาเตะบอลด้วย กูถึงเจอมึงอีกครั้งเห็นหน้าก็จำได้ทันที”
“อ๋อ” ไทยพนักหน้าเข้าใจ
“ที่เหลือก็อย่างที่กูบอกมึงไป กูชอบมองเวลามึงอยู่กับเพื่อน นานๆ เข้าก็อยากเจอมึงทุกวัน ไม่อยากให้มีเสาร์อาทิตย์ ตอนนั้นกูถึงรู้ตัวว่ากูชอบมึงเข้าให้แล้ว”
ไทยก้มหน้าลง เขาอมยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก “กูรู้แล้ว”
“รู้อะไร”
“รู้ว่าทำไมผู้หญิงถึงเขินเวลาโดนป้อคำหวานสิวะ”
“หึๆ มีความสุขไหม”
“เออจั๊กจี้ดีวะ เลี่ยนนิดหน่อยแต่กูชอบ”
“ฮ่าๆ” ไทยยิ้มเมื่อเห็นปราบเงยหน้าขึ้นหัวเราะ ความเป็นธรรมชาติระหว่างพวกเขาคือสิ่งที่ไทยชอบ ไม่จำเป็นต้องเสริมแต่งใดๆ
“ถ้าอย่างนั้นขอกูถามมึงบ้าง”
“ได้สิ ว่ามา” ไทยพยักหน้าอนุญาต มองจ้องตาปราบอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร
“ทำไมคนโปรดถึงเรียกกูว่าต้นมะพร้าว”
!!!
ไทยตาตั้ง เข้าเรื่องนี้ได้ยังไงวะเนี่ย “ก็มันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามึงสูงเหมือนต้นมะพร้าว”
“ปกติเราเลือกเปรียบเทียบกับคำอื่นมากกว่าไม่ใช่เหรอ อย่างสูงเหมือนเปรต สูงเหมือนยีราฟ หรือไม่ก็สูงเหมือนเสาไฟฟ้า”
“มึงก็รู้ว่าไอ้คนโปรดมันคิดไม่เหมือนใคร” ไทยเสียงอ่อย สายตาลอกแลกจนมีพิรุธ
“มึงจะบอกหรือจะให้กูโทรไปถามคนโปรด”
“เฮ้ยกูบอกเอง!” ถ้าให้เลือกระหว่างฟังจากปากคนโปรดกับเขาสารภาพเอง ไทยยอมสารภาพเองดีกว่า
“กูรอฟังอยู่”
“คือ..มันก็ไม่ได้มีอะไร..”
“ไทยครับ”
ไทยหน้าจ๋อย “มึงอย่าเรียกกูเพราะๆ สิวะ กูเหมือนทำความผิดมาเลย”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าเรียกแล้วมึงเขินเหรอ”
“จังหวะนี้กูเขินไม่ลงหรอก เอาวะบอกก็บอก คืองี้ตอนนั้นกูบอกสเปกผู้หญิงที่กูชอบให้น้องจันทร์ฟัง ว่ากูชอบผู้หญิงหน้าอกโตๆ” ไทยทำมือประกอบไปด้วย “คนโปรดถามกูว่านั่นนมหรือลูกมะพร้าว พอกูบอกว่ากูชอบหุ่นดีๆ ต้องสูงๆ หน่อย คนโปรดมันก็ร้องอ๋อ บอกว่ากูอยากได้แฟนเป็นต้มมะพร้าวนี่เอง”
“หึๆ” สายตาวาววับของปราบทำให้ไทยรู้ตัวว่าเขาคิดผิด ไม่น่าเล่าความจริงให้อีกฝ่ายฟัง
“แปลว่ามึงชอบกูมานานแล้ว”
“เปล่าๆ” ไทยรีบปฏิเสธ “คนโปรดดูออกว่ามึงชอบกู มันเลยเอามาแซวเล่นเฉยๆ”
“อืมก็เข้าท่าดีนะ กูชอบคำนี้”
“ทำไมถึงชอบวะ” ไทยมองด้วยสายตาแปลกใจ ฟังยังไงก็ไม่เห็นจะเข้าท่า
“เพราะกูอยากเป็นต้นมะพร้าวของมึง”
ไทยอึ้งไปครู่หนึ่ง พักนี้เขาคิดอะไรไม่ค่อยทันปราบ ใจมันเอาแต่เต้นแรงและพองโต “ได้เดี๋ยวกูบอกคนโปรด จะให้มันเรียกแทนชื่อมึงไปเลย”
“กูไม่มีปัญหา แต่ช่วยเติมท้ายประโยคด้วยนะว่าต้นมะพร้าวของไทย เพราะกูเป็นของมึง”
ไทยสบตากับปราบนิ่ง ก่อนถอนใจออกมาดังๆ “นอกจากมึงจะชอบบอกรักกูกลางสี่แยกไฟแดงแล้ว มึงยังชอบพูดเรื่องพวกนี้ตอนแม่ค้าเดินหาบปลาหมึกปิ้งผ่านด้วยเหรอวะ”
“ฮ่าๆ” ในที่สุดปราบก็เข้าใจว่าเสียงถอนใจเซ็งๆ ของไทยมาจากอะไร “เอาไว้กูจะแก้ตัว”
“ได้” ไทยพยักหน้า สายตาล้อเล่นเปลี่ยนเป็นจริงจัง “แต่มึงไม่ต้องรีบนะ รอวันที่กูมั่นใจในตัวมึงก่อนค่อยบอกก็ยังทัน”
“ตกลง” ดวงตาสองคู่ประสานกันด้วยความเข้าใจ ไทยไม่รีบร้อนเพราะเขาได้บอกความรู้สึกของตัวเองออกไปแล้วตามที่ตั้งใจ หลังจากนี้การกระทำจะพิสูจน์เอง
“แดดร้อน” มือที่เอื้อมมาดึงที่บังแดดในรถลงให้ทำให้ไทยอมยิ้ม ความใส่ใจของปราบทำให้เขามีความสุข ระยะห่างระหว่างพวกเขากำลังดี ไม่มากหรือน้อยไป ไม่เคยทำให้อึดอัด มีแต่ความสบายใจที่ได้อยู่ด้วยกัน
มันง่ายมากที่จะตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่าย เพราะสิ่งที่ไทยตามหามาตลอดดูเหมือนจะอยู่ในคนคนนี้ทั้งหมด หากแต่เวลาที่คนสองคนอยู่ด้วยกันกับอยู่ในสังคมภายนอกมันต่างกัน ขอเพียงปราบทำให้เขามั่นใจได้ว่าพร้อมจะเดินเคียงข้างไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ไทยก็พร้อมจะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับอีกฝ่ายเช่นกัน
ที่ผ่านมาพวกเขาต่างไม่เคยแสดงออกให้ใครรู้ นับจากนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ความรู้สึก ไม่ใช่แค่ปราบแต่กับตัวเขาเองด้วยว่าจะผ่านไปได้หรือไม่ ไทยลอบมองใบหน้าด้านข้างของปราบ สู้ๆ นะมึง เพราะกูอยากอยู่กับมึงตลอดไป
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin