บทที่ 41
โรงเตี๊ยมที่พักของหยางเย่ถิงมิได้ไกลจากหอการแสดงมากนัก ข้าออกปากสั่งสุราอาหารกับเสี่ยวเอ้อร์ให้ไปส่งยังห้องพักตามความตั้งใจที่จะเลี้ยงขอบคุณ ห้องพักหยางเยวี่ยนอยู่ติดริมฝั่งน้ำชั้นสอง มองเห็นวิวทิวทัศน์นครฉางอันยามค่ำคืนได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ห่างออกไปไม่ไกลทางทิศตะวันออกปรากฏเห็นหออวี้หงหยวนยืนสูงตระหง่านท่ามกลางหมู่อาคารบ้านเรือนตกต้องแสงโคมไฟอันตระการตา
ข้าดำเนินออกมายังระเบียงห้องแล้วเรียกหาสุราเทียนจื่อซาน หยางเย่ถิงทำทีส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า
“แท้จริงแล้วข้ามิได้นำติดตัวมาจากเฉินชิงหลุน”
ข้าหัวเราะในอุบายเชิญชวนให้ดื่มด่ำสุราแล้วเย้าว่า “คุณชายรองผู้นี้มีอุปนิสัยออกอุบายลวงผู้อื่นมาดื่มสุรา ทว่าหามีสุราไม่ เช่นนั้นเห็นทีข้าคงต้องขอตัวลา”
หยางเย่ถิงออกปาก “ช้าก่อน”
ข้ามิได้คิดจะกลับจริงดังคำพูดก็หมุนตัวคืนสู่ระเบียงแล้วทำหน้าไม่ชอบใจเล็กน้อย กายนี้เหมาะสมกับการแสดงอาการไม่พึงใจตามประสาสตรีได้ หากข้ากระทำตอนอยู่ในร่างบุรุษเห็นควรที่จะต้องคิดหน้าคิดหลังให้ถี่ถ้วนกว่านี้มาก
“ดีที่ข้าสั่งสุราไว้กับเสี่ยวเอ้อร์ มิเช่นนั้นเห็นควรที่จะต้องกลับหออวี้หงหยวนเป็นแน่” ข้ากลบเกลื่อนให้หยางเย่ถิงแต่โดยดี เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอับจนหนทางแก้ต่าง
“ข้ามิได้มีเจตนาหลอกลวงเจ้า” หยางเย่ถิงกล่าวขอโทษ
“นับแต่จำความได้ เจ้าเคยโกหกสักครั้งบ้างหรือไม่ หยางเยวี่ยน” ข้าถามตามประสาอยากรู้
หยางเย่ถิงสั่นหน้าซ้ำ ข้าไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ในใต้หล้านี้ยังมีบุรุษหนุ่มที่พูดแต่ความจริงหลงเหลืออยู่อีกหรือ นี่ข้าพบสิ่งของล้ำค่าเข้าแล้วหรืออย่างไรกัน ข้าจึงหัวเราะปกปิดใบหน้าสำนึกผิดแล้วว่า
“ข้ามิได้ถือโทษโกรธเจ้า เอาเป็นว่าหากมิได้ดื่มสุราเทียนจื่อซานในวันนี้ วันหน้าหากข้าแวะไปเยี่ยมเยือนสำนักคมเบญจมาศ เจ้าอย่าลืมนำออกมาแต่งโต๊ะต้อนรับข้าก็แล้วกัน”
หยางเย่ถิงมิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ อีกฝ่ายได้แต่ยืนมองข้าอยู่เนิ่นนาน กระทั่งเสี่ยวเอ้อร์นำสุราอาหารเข้ามาส่ง เมื่อแต่งโต๊ะเป็นอันดีแล้วจึงขอลาจากไป ข้ารินสุราให้ตนเองและหยางเยวี่ยน ยกดื่มชมทิวทัศน์นอกระเบียง สายลมพัดเย็นสบายปลอดโปร่ง ทว่าจิตใจภายในของข้าว้าวุ่นหลายประการ
“ครั้งแรกข้าปะแม่นางเตียวหง ก็นึกรู้ได้ทันทีว่านางมีทีท่าชอบพอเจ้าอยู่ ไม่แปลกใจที่เจ้ากับนางจะได้แต่งงานครองชีวิตร่วมกัน ข้าขอยกสุราจอกนี้เพื่อร่วมยินดีกับบ่าวสาว เหตุเพราะข้าเองคงมิได้ไปร่วมแสดงความยินดี อย่างไรเสียสำนักคมเบญจมาศแห่งเทียนซานคงคิดจัดงานเป็นการภายใน จึงมิได้เชื้อเชิญชาวยุทธ์ผู้ใดเป็นการเอิกเกริก”
“...”
ดูเหมือนหยางเย่ถิงมิได้นำปากมา จึงได้แต่ใช้ดวงตามองสบข้าเท่านั้น
เจ้าของห้องประเภทไหนกัน ยามเมื่อเชื้อเชิญแขกมาร่วมเสพสุรา กลับปล่อยให้แขกพูดพร่ำอยู่เพียงผู้เดียวไม่คิดตอบโต้ ข้าเพิ่งเคยเจอกับตนเอง แต่คิดอีกทีคุณชายรองตระกูลหยางผู้นี้พูดน้อยเป็นทุนเดิม ข้าเองต่างหากที่ใช้ลมปากมากเกินพอดี
ข้าไม่เสียใจที่เข้าพบฉีป้ายหวังตีสนิทสืบข่าวคราว ถึงแม้นไม่สำเร็จดังหวังแต่ก็พอล่วงรู้ว่า ในงานแข่งขันโปโลต้อนรับราชทูตจากต่างแดนนั้นจะต้องมีการส่งทหารตรวจหาผงราคะไฟทั่วทั้งนครฉางอันเป็นการใหญ่ นั่นคือสิ่งเดียวที่ข้าพอจะเดาออก หากข้าตกลงใจเข้าร่วมแข่งขันโปโลก็หมายความว่าหออวี้หงหยวนจะถูกละเว้นไม่ถูกตรวจค้น ข้าควรจะตอบตกลงแล้วใช้เส้นสายสืบหาแผนการอื่นให้ทันก่อนวันงาน เมื่อวางแผนการรัดกุมดีแล้วจึงรู้สึกเบาใจลงส่วนหนึ่ง
“เจ้ากังวลเรื่องงานแข่งขันโปโลหรือ” หยางเย่ถิงตั้งคำถาม
“ข้าคิดดีแล้วว่าจะตอบตกลง” ข้าตอบ
หยางเย่ถิงไม่กล่าวสิ่งใด แต่พูดมาคำหนึ่งว่า “ฉีป้ายพูดเป็นนัยระหว่างเจ้าซักซ้อมการแสดงว่า อีกสามวันนับจากนี้
เมื่อเงาเมฆบดบังจันทรา กลีบดอกเบญจมาศร่วงโรยเหี่ยวเฉา แสงโคมแดงย่อมเจิดจ้าสว่างไสว”
ข้าวางจอกสุราลงกระแทกโต๊ะด้วยอารมณ์โกรธ “ฟังผิวเผินดูเหมือนกลอนบทหนึ่ง แต่ฉีป้ายคงต้องการสื่อสารถ้อยคำนี้ต่อเหล่าชาวยุทธ์ทั้งปวงถึงเหตุการณ์อีกสามวันเบื้องหน้าว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น”
“ข้าควรยกเลิกพิธีแต่งงานเพื่อเตรียมพร้อมรับมือพรรคมาร” หยางเย่ถิงพูดตามความรู้สึกตนเอง
ข้าสั่นหน้า “ไม่จำเป็น ฤกษ์พิธีมงคลไม่ได้หากันง่าย ๆ เรื่องรับมือพรรคมารเจ้าอย่าได้เป็นกังวล ข้าจะซ้อนกลพวกมันให้ย่อยยับไปกับตา”
“เจ้า...”
“วางใจข้าเถิด คุณชายรอง” ข้าใช้มือตบบ่าอีกฝ่ายให้คลายกังวล “ว่าแต่ในอีกสามวันข้างหน้า เสียนหย่งเฉิงนัดหมายดวลสุรากับเจ้า เรื่องนี้ต่างหากที่น่าสนุกกว่า คืนนี้ข้าจะเป็นคู่ซ้อมให้เจ้าเอง”
“หากเจ้ายินยอมร่วมแข่งขันโปโล จิ้งจอกเงินก็คงไม่มีเหตุต้องบุกเข้ามาตรวจค้นอวี้หงหยวนอีก” หยางเย่ถิงคัดค้าน แต่ก็รับจอกสุราที่ข้ารินให้มาถือไว้ในมือก่อนจะยกดื่ม
“ข้าไม่อาจวางใจฉีป้ายได้ ขันทีเจ้าเล่ห์นั่นอาจลักลอบส่งกองกำลังเข้าตรวจค้นอวี้หงหยวนระหว่างที่ข้าแข่งขันโปโลอยู่ก็ย่อมจะเป็นได้ใครจะรู้ ด้านหออวี้หงหยวนจึงจำเป็นต้องฝากฝังเจ้าคอยรับมือเสียนหย่งเฉิงอีกชั้นหนึ่ง เช่นนั้นเรามาลองซ้อมร่ำสุรากันเถิด ยินว่าจิ้งจอกเงินหวังแก้มือดวลสุราคราวก่อนมากนัก เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก หยางเยวี่ยน”
หยางเย่ถิงมองต่ำแล้วยิ้มเล็กน้อย พลางว่า
“คออ่อน”“เจ้าหมายถึงเสียนหย่งเฉิงหรือ” ข้าถามกลับ
“เจ้าต่างหาก หยวนฟง” หยางเย่ถิงโต้กลับทันที
นับว่าคำพูดนี้หลู่ชื่อเสียงกิตติศัพท์ข้าอย่างใหญ่หลวง ข้าหยวนหลงซานไม่เคยถูกกล่าวหาว่าคออ่อน ด้วยเหตุว่าข้าประกอบกิจการหอนางโลมบังหน้าส่วนหนึ่ง ย่อมจำเป็นต้องร่ำสุราต่อแขกคนสำคัญมากหน้าหลายตา หรือยามพบปะยอดฝีมือในฐานะประมุขพรรคเสี้ยวจันทราก็จำเป็นต้องเสพสุราอยู่บ่อยครั้ง มีหรือที่ข้าจะยินยอมมึนเมาด้วยการดื่มเพียงไม่กี่จอก ข้าฝึกฝนการเหล่านี้เป็นอย่างนี้ หากนำสุรากว่าสิบไหมาวางอยู่เบื้องหน้า ก็มิอาจทำสติข้าเลอะเลือนได้
“คุณชายรองดูถูกข้าเกินไปแล้ว รู้หรือไม่ ประมุขพรรคเสี้ยวจันทรามิเคยดวลสุราแพ้ผู้ใด” ข้าบรรยายสรรพคุณตนเองโดยไม่หมกเม็ด
หยางเย่ถิงยกคิ้วขวาท้าทายคำพูดข้าแล้วยกจอกสุราขึ้นดื่ม กล่าวว่า
“เพียงสุราไม่กี่จอกใบหน้าของเจ้าก็ปรากฏเลือดฝาดเช่นนี้ ยังนับว่าปกติดีอยู่หรือ”
ครั้นหยางเย่ถิงท้วงติงเช่นนั้น ข้าก็เร่งหันไปทางกระจกเงาซึ่งตั้งอยู่มุมห้อง ใบหน้าสตรีของหยวนอวี้ฟ่านมิได้ปรากฏสีสันด้วยเครื่องประทินโฉมเพียงอย่างเดียว ซ้ำยังขึ้นสีแดงระเรื่อทั้งสองข้างแก้มสำแดงอาการของฤทธิ์สุราอย่างเห็นเด่นชัด ไยจึงเป็นเช่นนี้
ข้าไม่เคยส่องกระจกขณะร่ำสุราในร่างหยวนอวี้ฟ่านมาก่อน แม้นสติประจำตัวยังมิได้ถูกฤทธิ์สุราครอบครอง แต่ใบหน้าข้าสำแดงว่าริเริ่มมึนเมาสมคำพูดหยางเย่ถิงทุกประการ
ด้วยเหตุนี้กระมังยามข้าร่ำสุราต้อนรับแขก เหล่าบุรุษเหล่านั้นจึงรินสุราให้ข้าดื่มบ่อยครั้ง ด้วยหวังว่าข้าคงคออ่อน ทว่าสุดท้ายคนที่ถูกฤทธิ์สุราครอบงำจนไม่ได้สติก็คือพวกเขาทั้งปวง ในเมื่อหยางเย่ถิงคะเนว่าข้าคออ่อนเช่นเดียวกับทุกคนที่พบเห็น ไยข้าจะมิลองเล่นสนุกดูสักคราว
ข้าทำทีเอนกายกับขอบระเบียงแล้วใช้สองแขนเท้าใบหน้าแสร้งจดจ้องผู้คนใช้ชีวิตในยามค่ำคืน หยางเย่ถิงพอเห็นข้าเงียบเสียงลงไปเช่นนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้ กล่าวว่า
“เจ้าเมาแล้วหรือ”
ข้าใช้ผ้าคล้องแขนซับใบหน้า หันมาพูดตอบว่า “เห็นจะเป็นเช่นนั้น ข้าเริ่มร้อนและมีเหงื่อออก ข้าคิดมาตลอดว่าตนเองร่ำสุราไม่เคยแพ้ใคร พอดื่มสู้กับเจ้าไม่ทันไรกลับมีอาการเป็นไปดังนี้ได้ นับว่าข้าเป็นคนคออ่อนจริงดังว่า”
หยางเย่ถิงพูดเป็นห่วงเป็นใย “เช่นนั้นเจ้าควรมานั่งพักภายใน เกิดพลาดพลั้งล้มลงจะอันตราย”
ไม่เพียงออกคำสั่งด้วยคำพูด หนำซ้ำยังคว้ามือข้าหวังจะพยุงไปนั่งลงยังที่อันสมควร ข้าขืนตัวแล้วตอบว่า
“ขอบใจเจ้ามาก อาเยวี่ยน” พอข้าเรียกเขาด้วยคำนี้ อีกฝ่ายก็ยืนเฉยทันที “ข้าอดที่จะกลับมาคิดไม่ได้ว่า ไฉนยุทธภพจึงไม่สมานฉันท์ รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อสยบมารร้ายให้สิ้นปฐพี หากกระบี่แห่งพรรคคมเบญจมาศยินยอมรับข้าในฐานะผู้นำฝ่ายธรรมะ ไม่คอยทิ่มแทงหรือหันหลังให้พรรคเสี้ยวจันทรา เจ้าคิดว่าพวกเราจะปราบปรามพรรคมารได้ง่ายดายกว่านี้หรือไม่”
“บิดาข้ามิได้มีเจตนาเช่นนั้น” หยางเย่ถิงแก้ต่างเสียงเบา
“บิดาเจ้าต้องการเป็นพรรคอันดับหนึ่งในยุทธภพ ไม่เช่นนั้นพรรคคมเบญจมาศคงส่งยอดฝีมือมาร่วมต่อสู้พรรคมารโคมแดงมากกว่านี้” ข้าพูดเสียงแผ่วเบาแต่แทงใจคุณชายรองตระกูลหยางเข้าอย่างจัง
หยางเย่ถิงนิ่งเงียบ
“เจ้าเมาแล้วจริง ๆ” หยางเย่ถิงกล่าว
“ข้าควรจะเมา” ข้ายอมรับ แต่สติปัญญาข้ายังคงปกติดี
“เจ้าพักผ่อนเถิด” คุณชายรองตระกูลหยางพูดต่อ
“หยางอันฉือยอมรับในประโยชน์ของสายเลือดตระกูลหยวนเพียงประการเดียวคืออำนาจพิทักษ์เฉินชิงหลุน เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกหรือ หยางเย่ถิง” ข้าคงเมาและโกรธอยู่ในที เมื่อหยางเย่ถิงไม่ตอบ ข้าจึงกลับไปรินสุราที่โต๊ะแล้วดื่มติดต่อกันสามสี่จอก เช็ดคราบสุรามุมปากด้วยผ้าคล้องแขน
หยางเย่ถิงพูดว่า “ข้าขอโทษ”
จู่ ๆ น้ำตาที่ข้าไม่ควรหลั่งลงต่อหน้าบุรุษคนไหนในใต้หล้ากลับหยดลงอาบแก้มต่อหน้าต่อตาหยางเย่ถิง
“เจ้า...” พอหยางเย่ถิงเห็นข้าร้องไห้ อีกฝ่ายก็ประสงค์ขยับเข้ามาปลอบ
“อย่าเข้ามา คุณชายรอง” ข้าปฏิเสธ “ข้าเหนื่อย...”
“ประมุขพรรคเสี้ยวจันทราคือผู้นำยุทธภพฝ่ายธรรมะ ไม่ว่าผู้ใดจะปฏิบัติกับเจ้าเป็นอื่น แต่จงรู้ไว้ว่ายอดฝีมืออีกจำนวนมากชื่นชมและเชื่อใจเจ้า”
“ภาระหน้าที่ข้าคือผดุงความยุติธรรมในใต้หล้า และนั่นมิใช่กิจธุระที่ง่ายเลย” ข้ายิ้มให้กับตนเอง ครั้นรู้สึกว่าบรรยากาศการสนทนาเปิดเผยความในใจมากเกินควร ก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน
“ข้าไม่อยากกลับเทียนซาน”หยางเย่ถิงกล่าวขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัด
ข้าเงยหน้าเพื่อจดจ้องมองอีกฝ่าย
“เจ้าเมาแล้วใช่หรือไม่” ข้าถามกลับพร้อมกลั้วเสียงหัวเราะ
หยางเย่ถิงพยักหน้าลง แล้วตอบว่า
“ข้าคงแพ้เจ้า”
“วันหน้าเราต้องมาดวลสุรากันอีกครั้ง เจ้าคิดเห็นเป็นประการใด” ข้าซักกลับ
“ข้ายินดี” หยางเย่ถิงนั่งลงบนขอบเตียง พร้อมปลดกระบี่ลมพัดพันสายวางไว้ข้างตัว
*****************************
พูดคุยเจ็บจี้ดๆกันอยู่น้าาา ทั้งคู่อะ
เศร้า T-T
เดาต่อไม่ถูกเลย สนุกมากและลุ้นมาก ขอบคุณครับ
ดีใจที่คุณชอบครับ ^^