ตอนที่11
ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา #9ดุริยางค์ ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องแต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงการหวีดผู้ ไม่มีใครแสดงตัวออกมาว่าฉันรู้จักพ่อหนุ่มคนนี้มาก่อน ทุกคนกำลังสืบเสาะกันว่าเจ้าตัวมีแฟนรึยังในขณะที่ผมเดินหน้าจีบเรียบร้อยแล้ว แปลว่าผมกำลังก้าวนำทุกคนอยู่หนึ่งก้าวใหญ่ๆ
“หึหึหึ”
“หัวเราะโรคจิตมาเชียว เมื่อวันศุกร์เป็นไงบ้างล่ะ”เจอหน้ากันคำแรกที่ไอ้เต้ยทักแฝงมาด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน ผมส่งยิ้มนางงามให้ก่อนเดินมานั่งตรงข้ามมัน ตอนนี้พวกเราอยู่ในร้านกาแฟซึ่งเป็นร้านที่ตั้งอยู่ใต้ถุนตึกคณะอักษรของผมเอง ช่วงเช้าแบบนี้คนเยอะมากทั้งอาจารย์ทั้งนักศึกษา
“ทำหน้ามีลับลมคมในอะไรย๊ะ ถามแล้วไม่ตอบ?”
“ก็ปกตินี่ แค่ไปกินข้าวแล้วก็แยกย้าย ขอตัวไปสั่งน้ำแป๊ป”
ผมลุกออกจากโต๊ะไปสั่งเครื่องดื่มตรงเคาเตอร์ ใช้เวลาหลายนาทีเพราะคิวยาวก็กลับมาพร้อมแก้วน้ำสองใบ
หนึ่งคือ Mix berry yoghurt ซึ่งเป็นเมนูโปรดของผมเอง เข้าร้านกาแฟตามเพื่อนแต่ตัวเองไม่ชอบกินอะไรหวานๆแถมกินกาแฟไม่เป็นมีแค่เบอรี่ปั่นนี่แหละที่รสเปรี้ยวๆ ถึงจะโดนเต้ยแซะว่ากระแดะเสมอแต่ผมก็หาได้แคร์ไม่ ส่วนอีกแก้ว...
“นมสดปั่นเนี่ยนะ”เต้ยขมวดคิ้วมองแก้วปริศนาที่งอกเพิ่มมาจากเมนูประจำของผม
“น่ากินป่ะ”
“ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ชอบกินนมสด ถ้าคิดจะซื้อมาให้เพื่อติดสินบนกันล่ะก็ขอบายนะ”
ประเมิณตัวเองสูงเกินไปแล้วเต้ยเอ๋ย เป็นผู้ชายรึก็ไม่ใช่คิดว่าตัวเองมีอะไรให้ผมพิศวาสถึงขั้นซื้อน้ำแก้วละเกือบร้อยให้หืม? ผมแค่คิดในใจไม่ได้พูดออกไปเพราะแก้วนี้ตั้งใจซื้อให้ฟรานที่นัดเอาคุณกบมาคืนผมก่อนเข้าเรียน
ผมโปรยยิ้มหวานให้เต้ย คิดว่ามันเป็นรอยยิ้มธรรมชาติกะเนียนๆเปลี่ยนเรื่องก่อนขอแยกตัวออกไปรอหนุ่มแต่เพื่อนดันทำท่าขนลุก“เราไปก่อนนะ พอดีนัดนิทานไว้”มีลางสังหรณ์ว่าถ้านั่งต่อเซนต์กระเทยของเพื่อนรักต้องเริ่มทำงานแน่ๆผมจึงเก็บข้าวของและเดินถือแก้วออกมา
“ให้มันจริง เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนงั้นเหรอเสียแรงที่ช่วยขจัดของจีบให้เป็นปีๆ ปั๊ดแช่งให้เด็กที่ตามจีบอยู่เปิดตัวลูกและเมียกลาง #9ดุริยางค์ ซะเลย”
“บ้า!!”ผมแลบลิ้นใส่มันไปทีนึงข้อหาพูดจาไม่เป็นมงคล
เมื่อเดินออกมาพ้นรัศมีร้านแล้วผมก็เหลียวซ้ายแลขวา ไม่อยากให้เพื่อนในสาขามาเห็นตอนผมนัดเจอฟรานเพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยสุงสิงกับผู้ชายนอกกลุ่ม กลัวจะเป็นข่าวใหญ่แล้วเหยื่อจะหนีไปซะก่อน
เมื่อมั่นใจแล้วว่ามุมที่ตัวเองอยู่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมาผมก็กดแชทบอกฟรานให้มาหาได้
รอสักพักเขาก็ขี่มอ’ไซค์มาจอดเทียบท่า ฟรานเดินมาหาผมพร้อมยื่นถุงใส่เหรียญให้ผม ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม”ขอบคุณมาก! กินอะไรมารึยัง นี่พี่ซื้อน้ำมาฝาก”
“นมเย็น?”
เขาพูดแค่คำว่านมเย็นแต่ผมได้ยินคำว่าเนี่ยนะ?แว่วเข้ามาในโสตประสาท สงสัยจะเป็นเสียงคร่ำครวญจากก้นบึ้งหัวใจของฟราน ดูหน้าเขาตอนรับแก้วไปสิ ยังกับเด็กถูกบังคับให้กินยาขม
“อ่า...ก็ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรเลยซื้อของที่เป็นกลางมาให้...”
“ไม่เป็นไร”เขาตอบแบบนั้นโดยที่ไม่ยกมันขึ้นมาดูดสักหยด ไม่ชอบก็บอกมาตรงๆก็ได้เด้อ
“รออยู่ตรงนี้อีกสักนิดได้ป่ะ! เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ใหม่ อยากได้อะไรบอกมาได้เลย!!”ผมจิกปลายนิ้วเท้ากับพื้นรองเท้าด้วยความเกร็ง รู้สึกประหม่าจนสติลดฮวบ
“แล้วนมนี่แหละ”เขาชูแก้วในมือขึ้นมาแกว่งไปมา
“ก็...เอาไปทิ้ง”
“เปลือง”
“แต่ฟรานไม่ชอบ”
“พอกินได้”
“งั้นฟรานชอบอะไร คราวหน้าเราจะได้ซื้อไว้ให้”
“ยังมีคราวหน้าอีกเหรอ”อยากจะทิ้งตัวลงคุกเข่าอ้อนวอนเธออย่าไป ได้โปรดอย่าเย็นชากันเบอร์นี้
“ไม่มีแล้วเหรอ”คราวหน้าอ่ะ ผมช้อนตามองคนตัวสูงกว่าด้วยใบหน้าคาดหวัง พยามส่งกระแสจิตให้เขารับรู้ว่ากูอยากเจอมึงนะเหวยยยยย
พวกเราประสานสายตากันเสี้ยววินาทีก่อนฝ่ายที่ละสายตาไปก่อนจะเป็นฟราน เขาหันไปล้วงมือถือขึ้นมากดๆก่อนพูดคำว่า“แป๊ปนะ”ออกมาในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ
ผมอ้าปากค้างแบบเงิบๆ รู้สึกเหมือนถูกเมินแบบไม่ใยดี เขาก้มหน้าพิมพ์แชทกับใครสักคนที่ผมไม่รู้ ไม่กล้าเสนอหน้าไปส่อง กลัวว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงแล้วผมจะเสียเซล์ฟด้วยแหละ สุดท้ายก็ได้แต่ยืนจ๋องเงียบๆรอจนเขาแชทคุยกับคู่สนทนาเสร็จเขาถึงหันกลับมาบอกกับผมว่า
“ผมชอบโคล่า”
“หือ?”
“งานแสดงสดที่คณะวันศุกร์มีนี้มีเครื่องดื่มขายด้วย”
“หือ?”
“ไปละ บาย”
“หือ?”
เดี๋ยวววว ยังงงอยู่ กลับมาคุยกันก่อนเซ่ ในขณะที่ผมกำลังยืนอึนอยู่นั้นคนที่อึนกว่าผมก็โดดคร่อมมอเตอร์ไซค์และขี่ฟิ้วววออกไปแล้ว ผมถูกทิ้งให้ยืนลำดับความคิดอยู่ลำพังกระทั่งถึงบางอ้อ”อ้อออ ที่แท้คืออยากให้เราเอาน้ำไปให้ใหม่ที่งานดนตรี อื้มๆ แล้วก็ไม่บอกตรงๆเนอะคนเรา”
ผมเดินตัวลอยกลับคณะด้วยจิตใจเบิกบาน รุ่นน้องเข้ามาทักก็โปรยยิ้มให้ รุ่นพี่เข้ามาหาก็สวัสดีเรียบร้อยปลายนิ้วชี้จดหว่างคิ้ว จะไม่ให้อารมณ์ได้ไงเนอะ เมื่อคืนยังนอนคิดอยู่เลยว่าจะเสนอหน้าไปที่งานดนตรีแล้วทำเนียนเข้าไปทักหรือถามเขาอ้อมๆว่าขอไปดูด้วยคนได้มั้ยดี
แต่นี่เจ้าตัวเป็นคนออกปากชวนเองผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว! เยี่ยม!
โฮ่ๆ วันนี้ก็เป็นวันดีของผมอีกแล้ว
นี่งานแสดงดนตรีสดหรือมหกรรมลดราคาเสื้อผ้า ทำไมผู้หญิงถึงได้แห่มากันเยอะขนาดนี้! ผมมั่นใจว่าวันนี้ตัวเองเลิกเร็วและมาก่อนเวลาแสดงหลายนาทีแล้วแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงหลายคนที่จับจองพื้นที่นั่งรอบเวที จนตอนนี้แม้แต่ที่ยืนรอบๆยังไม่มีเลย...
ผมยืนอ้ำอึ้งอยู่สักพัก ตัดสินใจแชทไปหาฟรานถามว่าเขาอยู่ตรงไหนผมจะได้เอาแก้วน้ำไปให้และออกมายืนดูอยู่ข้างนอก
“เสียใจอะ”ผมอยากดูฟรานแสดงสดชิดติดขอบเวทีแท้ๆแต่ดันมาช้าเกินไปซะนี่ จากจุดที่ผมยืนอยู่มันไม่ไกลจากเวทีมากก็จริงแต่มันไม่ใช่หน้าสุดแบบที่หวังไว้ แถมผู้หญิงคนข้างหน้าผมยังพกเก้าอี้ซักผ้ามายืนเหยียบเพื่อถ่ายรูปอีกต่างหาก ผมที่ตัวสูงกว่าผู้หญิงไม่เท่าไหร่โดนบังจนเกือบมิด...
คนบนเวทีอยู่ในดูดี จัดเต็มเพราะเป็นเวทีแรกของปี1กำลังเตรียมเครื่องดนตรีกันอยู่ แต่ผมยังไม่เห็นฟรานไม่รู้ว่าเขาแสดงรอบกี่โมงใน #9ดุริยางค์ ก็ไม่มีใครรู้ทุกคนเลยมาปูเสื่อรอตั้งแต่วงแรก
“สีคราม”ในขณะที่ผมกำลังเดินวนไปวนมาเพื่อหามุมที่โดนบังน้อยที่สุดคนที่ผมตั้งใจมาหาก็เดินตรงเข้ามา
“น้ำแข็งละลายจนจืดหมดแล้ว”ผมยื่นแก้วน้ำให้อีกฝ่ายพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ขอโทษที่ผมมาช้า”
“เย้ย พี่หมายถึงพี่รีบซื้อไปหน่อยมันคงไม่อร่อยแล้ว”
“ไม่เป็นไร ผมชอบ เราไปดูของกินอย่างอื่นกันเถอะ”ฟรานรับแก้วน้ำไปจากผมและเดินนำไปที่ร้านเครป ในงานนี้ปี1เป็นคนจัดร้องเล่นบนเวทีส่วนรุ่นพี่แต่ละสาขาและชั้นปีก็เปิดบูทเล็กๆขายของ”สีครามเอาไส้อะไร”
ผมสั่งไส้ฝอยทองกล้วยหอมในขณะที่ฟรานกินไส้หมูหยองแฮม เจ้าตัวเจอผมมองเหยียดข้อหากินของหวานแต่ดันเลือกไส้คาว เรื่องนี้เถียงกันค่อนวันก็คงไม่จบเมื่อได้ของแล้วฟรานเลยเดินแหวกฝูงชนนำผมไปนั่งที่ม้านั่งหน้าเวที โฮ่! ทำดีมากอิหนู มีการจองที่ไว้ให้ด้วย
“เริ่มพอดีเลย”ฟรานตอบทั้งๆที่ยังเคี้ยวเครปแก้มตุ่ย
ทันทีที่ฟรานปรากฏตัวในลานดนตรีเหล่าสาวกรอบๆก็ส่งเสียงฮือฮาเบาๆแต่การแสดงบนเวทีมันเริ่มพอดีเลยไม่มีใครใจกล้าเดินเข้ามาทักทาย ผมเสตามองไปรอบๆอย่างขัดใจ เจ๊ตากล้องที่ตั้งแผงอยู่ด้านหลังเล็งกล้องมาทางนี้นิ้วงี้กดลั่นชัตเตอร์รัวๆ
ไม่รู้เหรอว่าแอบถ่ายรูปคนอื่นแบบนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคล!
หวง!!
“ฟรานขึ้นแสดงรอบกี่โมงเหรอ”ผมถามเพราะอยากให้ฟรานแสดงจบและกลับบ้านไปเร็วๆ ทางที่ดีอย่าโผล่หน้ามาให้ใครเห็นอีก ผมไม่ใช่เจ้าของแต่ผมหวงมาก!
“ผมไม่ได้แสดง...”
“อ้าว! ก็ตอนเฟรชชี่เกมฟรานชวนทุกคนให้มาดูนี่”
“เพื่อนมันฝากประชาสัมพันธ์ ผมไม่ได้พูดสักคำว่าผมขึ้นด้วย”สีหน้าของฟรานตอนนี้แอบหงุดหงิดเล็กๆ ผมไม่รู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไรเลยเลือกนั่งฟังไปเงียบๆ”วันนั้นผมบอกว่าให้มาดูสาขาดนตรีป็อป ผมไม่ได้เรียนป็อป”
“...”
“พี่ไม่รู้ว่าผมเรียนสาขาอะไรเหรอ”
“ก็แบบว่า...”งานนี้จะแก้ตัวว่าอะไรดี! ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคณะดุริยางค์มันมีแยกสาขาแยกเอกด้วยซ้ำ! คิดแค่ว่าเด็กคณะนี้เป็นนักดนตรี... แล้วดูฟรานทำหน้าเข้าดิ ตัวโตซะเปล่าแต่เบะปากเป็นเด็กขี้น้อยใจถ้าผมตอบไม่เข้าหูจะโดนงอนมั้ย
“ผมยังรู้เลยว่าสีครามเรียนเอกญี่ปุ่น”
“ขอโต๊ด...”ผมก้มหน้างุด ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี”แล้วฟรานเรียนสาขาอะไรเหรอ มีแสดงแบบนี้วันไหนพี่จะตามไปดูทุกงานเลย!”ผมกำมือข้างที่ว่างระดับอก แสดงความหนักแน่นให้อีกฝ่ายเชื่อว่าผมพร้อมตามไปดูทุกงานจริงๆ
“ผมเรียนสาขาการประพันธ์ดนตรี”
“...”แดกจุดเลยกู
“เรียนแต่งเพลงเหรอ ฮะๆ...แบบนั้นคงไม่ได้แสดงที่ไหนใช่ปะ”
“อืม”งานนี้มีคนน้อยใจครับ ร่างสูงข้างๆผมรับซองใส่เครปที่กินหมดแล้วของผมก่อนเดินไปทิ้งขยะให้ ระหว่างไปทิ้งขยะมันต้องผ่านสาวๆเอฟซีทั้งหลายด้วย ทั้งโดนดึงมือ ดึงชายเสื้อ โบกมือทักยังกับดาราเดินผ่าน ผมมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่กัดฟันอย่างอดทน
กระทั่งมีแม่นางกระโปรงสั้นเสมอหูนางนึงเดินแหวกออกมาจากกลุ่มเอฟซี ส่งรอยยิ้มหวานให้ฟรานก่อนจะชวนคุยอะไรบางอย่าง
สีครามจะไม่ทน!
เกือบลุกขึ้นไปดึงมือฟรานกลับมานั่งที่ละดีที่เจ้าตัวสลัดกองกำลังเอฟซีหลุดและเดินกลับมาก่อน
“ดังใหญ่เลยนะ”ผมเปรยอย่างตัดพ้อ
“เดี๋ยวก็เลิกเห่อกันไปเอง”ฟรานตอบโดยที่ไม่มองหน้าผม นัยน์ตาสีดำขลับของเขาจับจ้องไปบนเวทีและนักร้องนำที่อยู่บนเวทีนั่นก็คือ...ยัยเด็กแนนปากแดง
เห็นดังนั้นผมก็ไม่ทนอีกต่อไป
งัดไม้เด็ด...อุ๊ย โลกเอียงออกมาใช้
“วงนี้เล่นเพลงน่าเบื่อจัง”ผมพูดพลางเอนตัวลงไปซบกับไหล่กว้างของคนข้างๆ ตบท้ายด้วยการปิดปากหาวเพื่อแอ๊บว่าง่วงมากขอยืมไหล่หน่อย แม้ความจริงตื่นจะตื่น ในใจจะเต้นแรงจนแทบระเบิดก็ตาม
ท่ามกลางเสียงดนตรีของยัยแนนและคณะเกิดเสียงฮือฮาขึ้นเบาๆตอนที่ผมตัดสินใจซบไหล่คนข้างๆ
ทีแรกผมไม่อยากออกตัวแรงเพราะกลัวฟรานรู้แล้วจะหนีไปก่อนแต่ตอนนี้อารมณ์หวงมันอยู่เหนือทุกสิ่ง ผมต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ!
“ง่วงเหรอ”ฟรานถาม
“อื้ม เมื่อคืนปั่นงานดึกด้วยแหละ”งานเงินอะไรไม่มีหรอกจ้า
“กลับมั้ย”
“ไม่เป็นไร ฟรานดูเพื่อนต่อไปเถอะพี่ขออยู่อย่างนี้สักพัก...ได้มั้ย”อยากจะกรี๊ดดังๆในใจ ไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหนท้ายประโยคถึงเลื่อนหน้าไปกระซิบอีกฝ่ายข้างหูด้วยน้ำเสียงที่แบบ แม้แต่คนพูดยังรู้สึกสยิว
ฟรานไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่ผมสังเกตเห็นว่าใบหูของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อ ซึ่งมันเป็นนิมิตรหมายอันดีงาม นอกจากเขาจะไม่สะบัดไหล่ไล่ผมแล้วยังเขินเพราะสกิลอ้อล้อของผมอีก
โว้ว! มีความสุขจัง!
--------------------------
ใครไม่รู้ว่าคำว่า'ไม่แคร์สื่อ'มีความหมายว่าอะไรให้ไปถามเอาจากสองคนนี้
#หนูคะโลกนี้ไม่ได้มีพวกหนูแค่สองคนนะรูกก 555555555