My Taken
บรรยากาศในโรงพยาบาลยามเย็นยังคงมีคนไข้เทียวทยอยเข้าออก รวมถึงญาติที่เดินขวักไขว่เต็มที่พื้นโรงพยาบาลเช่นทุกวัน แต่ทว่าวันนี้มีชายวัยรุ่นหน้าตาดีมานั่งรอผมที่ริมระเบียงทางเดิน พร้อมกับอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่ขอยืมจากห้องสมุดผมมาด้วย เขาปิดเทอมและอาสาจะมารับเพราะวันนี้เรามีนัดดินเนอร์กันที่เยาวราช ใช่ครับ เยาวราช เป็นการทานอาหารเย็นทางข้างง่าย ๆ
ผมกำลังเขียนรายงานเคสต์ของวันนี้เข้าระบบ แอบมองลอดบานเกล็ดบ่อยครั้ง เพื่อดูว่าเขาจะโดนยุงกัดมั้ย ให้เขามานั่งรอในห้องก็บอกว่าไม่อยากเป็นจุดเด่นให้คนอื่นเอาไปพูดต่อ ทว่าพอมืดแล้วระเบียงทางเดินจะเต็มไปด้วยยุงนี่แหละ จึงรีบทำงานตรงหน้าให้เสร็จ
ครืด ครืด
[POOL]
เห็นชื่อที่โชว์หราบนหน้าจอ ก็แอบแปลกใจเล็กน้อยเพราะเจ้าเด็กคนนี้ไม่เคยโทรหาเขามาก่อน ส่วนมาจะส่งข้อความมากกว่า
(ฮัลโหลพี่ดิม!)
“ค่อย ๆ พูดก็ได้พูลล์ มีอะไรหื้ม”
(พรุ่งนี้วันเกิดศิ! พี่ดิมเตรียมเซอร์ไพรส์หรือยัง พูลล์กับเพื่อน ๆ เตรีมแล้วนะ จะชวนพี่ดิมให้เข้าขบวนการด้วยกันน่ะฮะ)
“อ่า พรุ่งนี้วันเกิดศิหรอ”
(พี่ดิม!! ไม่รู้ได้ไง วันเกิดแฟนทั้งที!)
นั่นสินะ ขนาดวันสำคัญของเขาผมยังไม่ใส่ใจพอที่จะจดจำเลย ถ้าน้องรู้ว่าผมจำวันเกิดเขาไม่ได้คงจะน้อยใจมากแน่ ๆ เลย แม้ศิจะดูเป็นเด็กไม่ตื่นเต้นในวันเทศกาลต่าง ๆ แต่นี่วันเกิดตัวเอง คงคาดหวังที่จะได้รับอะไรพิเศษไม่ใช่หรือไง
“แล้วแพลนกันไว้ว่ายังไงบ้าง...อื้ม...ที่นั่นหรอ รู้จักครับ โอเค”
(ยังไงฝากพี่ดิมด้วยนะ ศิต้องดีใจมากแน่ ๆ)
เสียงตื่นเต้นจนจินตนาการถึงสีหน้าอันสดใสของเจ้าเด็กพูลล์ได้ดี แผนการที่พูลล์และเพื่อน ๆ วางแผนขึ้นเพื่อเซอร์ไพรส์คนของผม ทำเอาผมเองละอายใจ ไม่ใช่แค่ตัวเองลืมวันเกิดคนที่นั่งรออยู่ข้างนอก แต่ยังรู้ว่าตัวเองไม่มีเวลากระทั่งตระเตรียมสิ่งเหล่านั้นได้เลย
นิ้วเล็ก ๆ เกาแขนที่กำลังขึ้นสีแดงของตัวเอง แน่นอนว่าโดนยุงกัด เขามันน่าตีบอกว่าให้เข้ามานั่งข้างในก็ไม่ยอม โดนยุงกัดในโรงพยาบาลอันตรายน้อยที่ไหน
“เด็กดื้อนี่มันน่าตีจริงๆ”
“อ้าว พี่ดิมงานเสร็จแล้วหรอ” ละสายตาจากหนังสือขึ้นมาตอบผม แต่นิ้วก็ยังขยับเกาที่เดิม
“พี่บอกให้เข้าไปนั่งข้างในถ้ายุงกัด”
“ก็นิยายมันกำลังสนุกนี่นา โดนกัดนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
“ยังจะเถียง” นั่งลงข้างเขาเพื่อทายาหม่องที่ยัดใส่กระเป๋าเสื้อก่อนออกจากห้องทำงาน “โห มันไม่ใช่แค่ที่แขนนี่นา ข้อเท้าโดนกัดเต็มไปหมดเลย ถ้าหนูเป็นไข้เลือดออกพี่จะทำโทษซ้ำเลยนะ”
“ง่ะ ก็ถึงว่าเริ่มคัน ๆ แหะ ๆ” เด็กตัวดียังรื่นเริงไม่ได้รู้สึกเกงกลัวกับคำขู่ของผมสักนิด “ศิครับ ปกติแล้ววันพิเศษ ศิทำอะไรบ้าง” ลองแย๊ปถามเผื่อจะได้ไอเดียทำอะไรให้เขา เอาจริง ๆ เลยนะ เป็นคนง่อยเรื่องการทำอะไรแบบนี้มาก เข้าขั้นวิกฤติเลยแหละ
“วันพิเศษหรอ แบบยังไงอะ วันหยุดงี้ป่ะ ศิก็นอนตื่นมาเล่นเกมแล้วก็กินแล้วก็นอนอะ ฮ่า ๆ ๆ เนี่ยโครตพิเศษเลย”
“นั่นมันศิเมื่อก่อนเถอะ เดี๋ยวนี้พี่ไม่เห็นวันหยุดศิจะนั่ง ๆ นอน ๆ เลย ห้องพี่สะอาดยิ่งกว่าแม่บ้านมาทำให้ซะอีก ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องทำ ๆ”
“ก็ศิว่างนี่ ปิดเทอมทั้งที รอตั้งอาทิตย์กว่าจะถึงวันฝึกงาน พอศิจะกลับบ้านไปอยู่เล่นหมาบ้าง ลุงบางคนแถวนี้ก็ไม่ให้ไปนี่” ปิดฝายาหม่องแล้วจับมือเด็กที่มีรอยยุงกัดเต็มตัวให้เดินตามไปที่ลานจอดรถ
ผมยกยิ้มกับคำพูดคำจาของคนตรงหน้าที่ชักจะแก่กล้าขึ้นทุกวัน อีกหน่อยต้องเป็นคนต่อล้อต่อเถียงเก่งคนหนึ่งแน่ ๆ “งั้นวันนี้หลังจากกินข้าวเย็นแล้วพี่ไปส่งที่บ้านนะ หม่าม๊าศิไลน์มาบอกว่าช่วยกล่อมให้ศิกลับบ้านที ป๊าไม่มีคนดวลปิงปองด้วย”
“คิดถึงลูกก็น่าจะบอกกันตรง ๆ สิป๊าม๊าเนี่ย”
จู่ ๆ แผนการบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว คงต้องหาจังหวะโทรไปเตี๊ยมกับบ้านน้องก่อนจะไปส่งลูกเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
บางคนเขาน่าจะลืมวันเกิดตัวเองด้วยซ้ำ“พูลล์มันทำแบบนี้แน่หรอ ทำไมมันถึงดูไม่สุก”
“นั่นน่ะสิพี่ดิม เฌอมาดูให้หน่อยสิ”
ครัวในคอนโดของผมดูเล็กไปขนัดตาเมื่อมีผู้ชายถึงสี่คนและผู้หญิงอีกหนึ่ง กำลังขมักเขม้นเตรียมวัตถุดิบสำหรับเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับเด็กที่นอนเล่นกับน้องหมาอยู่ที่บ้าน โดยที่ไม่รู้ตัวว่าเย็นนี้จะมีเซอร์ไพร์สเป็นปาร์ตี้วันเกิดเล็ก ๆ สำหรับเขา
ตอนแรกพูลล์และเฌอโต้โผจัดงานวันเกิด เลือกร้านอาหารของญาติพูลล์เป็นโลเคชั่นจัดงาน แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว อยากจะให้เขาใช้เวลาพิเศษแบบนี้ได้อยู่กับเพื่อน ๆ แบบเป็นกันเอง อีกอย่างผมก็อยากรู้จักเพื่อนเขาให้มากขึ้น ทั้งเฌอ ทั้งเมฆ ส่วนน้องนักแสดงคนอื่น ๆ ก็จะทยอยตามมาทีหลัง ตอนนี้คอนโดผมเลยถูกจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ามุมเพื่อเพิ่มพื้นที่ เมื่อคืนผมเลยได้นอนไปแค่ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ วันนี้ก็แลกเวรกับเพื่อนอีกคนเพื่อการณ์นี้
ผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มชิมเค้กที่ผมพยายามทำจากสูตรในอินเทอร์เน็ต แต่เหมือนมันจะผิดขั้นตอนอะไรสักอย่าง ทำให้เนื้อเค้กร่วนไม่จับตัวเป็นก้อน “พี่หมอหนูว่า....เราซื้อเอาดีมั้ยอ่า แป้งมันไม่สุกอะค่ะ” เธอทำหน้าตาเหยเกหลังจากบริโภคเนื้อแป้งดิบ ๆ เข้าไป
“เฮ้อ แค่นี้มึงก็ยังทำไม่ได้” ผมสบถกับตัวเอง เพราะนี่เป็นเค้กก้อนที่ 3 แล้ว
“เอาน่าพี่หมอ ถ้าศิมันรู้ว่าพี่ตั้งใจทำขนาดนี้มันก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ เอางี้มั้ยเปลี่ยนมาเป็นบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก ทำง่ายค่ะไม่ยาก อร่อยด้วย” สาวสวยสุดเฉี่ยวในสายตาผม ภายนอกที่ดูมั่นใจ แต่ภายในอ่อนโยนมาก ศิมาเล่าให้ฟังถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนคนนี้ยุ ศิก็คงตัดใจจากผมไปนานแล้ว
“ลองดูก็ได้ครับ พี่ต้องทำยังไงบ้าง”
เฌอสอนผมทำขนมเค้กที่ว่าอย่างคล่องแคล่ว เธอดูช่ำช่องขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ขัดกับลุควันนี้เสียจริง
เรามีธีมคือสีน้ำเงินและสีเหลือง เพราะเป็นสีที่เจ้าของวันเกิดชอบ อาหารที่เราเตรียมก็เป็นอะไรง่าย ๆ อย่างสุกี้ และสั่งอาหารจากห้องอาหารข้างล่างมาด้วย มีแต่คนทำกับข้าวเก่งกันทั้งนั้นที่อยู่ตรงนี้
ผม เมฆ ศิ คุณภีม และเฌอ จัดการทุกอย่างเสร็จราวห้าโมงกว่า ทั้งที่ไม่ได้นอนแต่กลับไม่มีความง่วงเลย นี่จะเป็นแผนเซอร์ไพร์สครั้งแรกในชีวิตและหวังว่าจะไม่ปล่อยโป๊ะตอนที่โทรไปบอกน้องว่าให้เขานั่งแท็กซี่มาเองเพราะติดเคสต์กะทันหัน ทั้งที่บอกว่ายังไงก็จะไปรับแท้ ๆ และการโกหกคำโตเกือบไม่รอดเพราะน้ำเสียงอ้อมแอ้มเกือบจะงอแงของเขาเพราะผมผิดคำพูด ได้แต่เพียรขอโทษและทำเสียงออดอ้อนจนคนที่ได้ยินอย่างเพื่อนเขากลั้นขำกันลำบาก สุดท้ายหกโมงกว่าเด็กเมืองนนท์ก็มาถึงแล้ว
“ทำไมเย็นจัง พี่ดิมลืมปิดแอร์หรอ แต่มันเป็นระบบออโต้นี่” เสียงพูดราวกระซิบ ก่อนที่จะได้เห็นสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องเพลงตกคีย์ของผม
“happy birthday to you
happy birthday to you
happy birthday to my love
happy birthday to you”เดินอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ถือบลูเบอรี่ชีสเค้กพร้อมปักเทียนสุดน่ารักที่เฌอซื้อมา เข้าไปหาคนที่กำลังอึ้งอิมกี่กับการเซอร์ไพร์สจากผม
“วันนี้วันเกิดศินี่!! พี่ดิม! จำได้ด้วยหรอ!!” เขาตื่นเต้นยิ้มและดีใจจนทำตัวไม่ถูก ลืมตัววางกระเป๋าสะพายลายหมีสามตัวที่พื้นอย่างไม่ใยดี
“อธิษฐานเร็ว” เด็กตรงหน้าหลับตาอธิษฐานไม่นานก็ลืมตาขึ้นก่อนจะยิ้มให้ผม ก่อนจะเป่าเทียนให้ดับพร้อมไฟในห้องก็เปิดขึ้นอย่างรู้งาน ไม่รีรอวางเค้กที่ไม่ควรใช้เป็นเค้กวันเกิดไว้ที่เคาเตอร์บาร์ เจ้าของวันเกิดโถมตัวกอดผมอย่างไม่ได้ตั้งหลัก
“ฮื้อ ศิดีใจมาก ๆ เลยนะ!” กอดตอบคนตัวเล็กที่ทำเอาผมโงนเงนจากการโถมตัวเข้ามาแบบไม่ตั้งหลัก
“กอดแน่นจังหนู” ศิกอดแน่นจนผมหายใจเกือบไม่ออก พอแกะมือที่กอดผมแน่นออกก็ต้องรีบสารภาพขณะที่น้องยังดีใจอยู่ “ก่อนที่จะให้ของสิ่งนี้ พี่มีเรื่องจะสภาพ...จริง ๆ พี่จำวันเกิดศิไม่ได้แต่มีคนบอกพี่ล่วงหน้า พี่เลยสั่งทำอะไรไม่ทัน แต่หวังว่าศิจะชอบนะ” เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่ยู่หน้าแบบโคตรจะทำลายล้างหัวใจให้หนึ่งดอก
ผมเปิดกล่องกัมมะยี่สีน้ำเงินออก ภายในบรรจุแหวนสีเงินสองวง เลือกหยิบวงเล็กสุดออกมาแล้วจับมือเล็กข้างขวาที่เย็นเฉียบก่อนจะค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนลงที่นิ้วนางอย่างช้า ๆ คนตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงยิ้มบาง ๆ นัยย์ตาคลอไปด้วยน้ำใส และเขาทำเช่นนั้นให้ผมด้วยแหวนวงใหญ่กว่าอีกวงในกล่อง
“บนแหวนมีรูปพระอาทิตย์และพระจันทร์คนละเสี้ยว มันเหลือแค่สองวงในร้าน พี่ไม่อยากบอกว่ามันบังเอิญเดี๋ยวไม่โรแมนติก พี่จะคิดว่ามันรอเราไปครอบครองแล้วกัน แบบนี้ดีกว่าเนอะ” คนตรงหน้าพนักหน้ารับ เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาก่อนที่จะควักของขวัญอีกชิ้นที่แสนพิเศษและไม่คิดว่าจะมีโอกาสมอบให้ใครอีก “คุณแม่พี่ให้ศิเป็นของขวัญวันเกิดครับ”
ล้วงของขวัญอีกชิ้นออกจากกระเป๋าเสื้อ สร้อยทองคำขาวสั่งทำพิเศษก่อนที่คุณยายจะเสียชีวิต เพื่อมอบให้หลานสะใภ้ทั้งสามคน โดยมีจี้ทรงกลมเป็นงานแกะสลักลวดลายจีนโบราณอย่างงดงาม ผมสวมให้คนตรงหน้า เขามีสีหน้าตื้นตันและดูเหมือนจะดีใจจนจะร้องไห้อีกแล้ว
“ไว้ไปถามแม่พี่เองนะว่ามันหมายความว่ายังไง”
ศิยกมือไหว้แนบอก ก่อนที่จะเข้ามากอดผมแน่น เสียงอู้อี้ในลำคอผมฟังไม่ออกว่าเด็กคนนี้พูดอะไร “พูดอะไร หื้อ ไหนบอกพี่ชัดๆ ซิ” ดึงผู้ชายที่ตัวไม่เล็กแต่คิดว่าตัวเองตัวเล็กกว่าผมเสมอออกจากอ้อมกอด ก็เลยเห็นสีหน้าที่แดงเพราะทั้งร้องไห้และเขินปนเปกันไปหมด
“ขอบคุณนะครับ ศิไม่คิดเลยว่าจะมีงานวันเกิดแบบนี้” ยังคงก้มหน้างุดกับอกแล้วพูดงึมงำ ๆ
“แฮปปี้ เบิร์ธเดย์!!!” กลุ่มเพื่อนรักของเขาและคนที่มาสมทบ คือ อาโป และแฟนของเขา นอกจากนี้ยังมีไม้เบื่อไม้เมาของผมอย่างภัทร ปาล์ม น้องปลา และเด็กเงิน ซึ่งในนี้มีเพียงน้องปลาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ปีหน้าน้องก็เข้ามหาลัยแล้วเจ้าปาล์มบอกว่าอยากสอนให้น้องเข้าสังคม สุดท้ายทั้งแอลกอฮอล์และอาหารเย็นที่เตรียมไว้ก็ถูกยกออกมาวางเรียงรายเต็มโต๊ะอาหารสำหรับสิบกว่าคน
เจ้าของวันเกิดเซอร์ไพร์สหนักไปใหญ่เมื่อเดินเข้ามาถึงโซนห้องรับแขก เพราะทุกอย่างถูกจัดแต่งไว้อย่างดี พอดีกับที่เขาใส่เสื้อสีเหลืองมาด้วย เข้าธีมแบบไม่ตั้งใจ แต่ผมคิดว่าถ้าน้องใส่สีอื่นเขาคงวิ่งเข้าไปเปลี่ยน
ทุกคนอิ่มหนำกับสุกี้และอาหารสารพัดที่วางบนโต๊ะ “เรามาร้องเพลงให้ศิอีกทีดีป่ะ”
“แต่เทียนถูกเป่าไปแล้วนะ” เจ้าของวันเกิดเอ่ยขึ้น
“กูมีมาอีกชุดจ้า แถมมีเค้กอีกก้อนด้วย กูไม่ให้มึงเป่าทับไลน์เค้กที่พี่หมอทำหรอก” ศิดูตกใจเล็กน้อย เพราะผมยังไม่ได้บอกว่าบลูเบอรี่ชีสเค้กที่เขาหม่ำคนเดียวไปตั้งครึ่งน่ะเป็นฝีมือของผมเอง
“พี่ดิมทำเองหรอ อร่อยมากเลยอะ ขอบคุณน้าาา” จู่ ๆ ผมก็โดนหอมแก้มฟอดใหญ่ ไม่คาดคิดว่าศิจะกล้าแสดงความรักต่อหน้าเพื่อน ๆ คิดว่าตอนนี้หูตัวเองคงแดงก่ำแน่ ๆ “งั้นศิขอกินคนเดียวเลยนะ ไม่แบ่งใคร” สงสัยเจ้าเด็กคนนี้เมาน้ำพั๊นซ์ที่ปาล์มทำแหง่ ๆ
“แหมมมม่” เสียงดังจากรอบวง แน่สิถ้าเห็นเพื่อนมาแสดงความรักต่อหน้าแบบนี้ก็แอบหมันไส้เหมือนกันนะ
น้องปลาขอกลับก่อนเพราะคุณพ่อมารอรับด้านล่าง ผมลงไปส่งน้องเพราะเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียว เธอไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เหมือนอย่างที่พวกทะโมนจะแกล้ง พอกลับขึ้นมาบนห้องอีกทีแฟนผมก็ถูกเจ้าเงิน ปาล์ม และภัทรแกล้งมอมจนถูกให้ไปเต้นมะละกอกล้วยส้ม เสียงหัวเราะดังอย่างสนุกสนานรอบวง หยิบแก้วของตัวเองไปนั่งข้างผู้ชายที่เคยมานั่งปรับทุกข์ที่นี่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
“ไงเรา”
“ไงอะไรพี่หมอ” เมฆอมยิ้มและรู้ดีว่าผมถามถึงเรื่องอะไร
“ดีขึ้นมั้ย” คนถูกถามพยักหน้า การยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ผมแน่ใจกับคำตอบ เพราะสายตาที่ทอดมองไปยังอาโปและเพทายมันแทบไม่หลงเหลือความเจ็บปวด “ดีแล้ว หาความสุขให้ตัวเองบ้าง ศิบอกว่าเมฆเข้าไปทำงานในบริษัทของที่บ้านหรอ”
“ครับ ฝึกงานไปในตัว อีกอย่างถ้าได้ทำอะไรยุ่ง ๆ ก็จะได้ไม่คิดเท่าไหร่” พูดถึงเรื่องฝึกงานสรุปศิฝึกงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากคอนโดผม ในตำแหน่งนักจิตวิทยาตามที่เขาเรียนมา น้องยื่นสมัครไปโดยไม่บอกผมด้วยซ้ำมารู้อีกทีก็คือวันที่เขาสอบเสร็จนั่นแหละ ก็คงอยากจะพยายามด้วยตัวเอง เพราะถ้าบอกป๊าหรือบอกผมก็คงเสนอให้ไปฝึกที่บริษัทแน่นอน
“ไม่ใช่เพราะจะได้มีข้ออ้างไปบาร์ใกล้ออฟฟิศหรือไง” เมฆยิ้มกว้างกว่าเดิม ศิเด็กขี้เมาธ์เล่าให้ผมฟังแทบจะทุกเรื่องไม่เว้นแม้เรื่องเมฆไปนั่งฟังเพลงที่บาร์นั่นบ่อย ๆ
“พี่ดิมมมมม ทำไมโคมไฟมันหนุนอ่าาา” เด็กที่เดินแทบไม่ตรงล้มตัวแหมะที่โซฟาว่างข้างผม และตอนนี้ร่างกายเหมือนไม่กระดูกปวกเปียกไปหมด
ภัทรหัวเราะดังเพราะผมเห็นเขาเป็นคนมัดจุกสามจุกให้แฟนผม ตอนแรกก็หึงบอกตัวเองในใจให้ใจเย็น ๆ คงไม่มีอะไร “พี่หมอพาเด็กไปนอนเหอะ อ่อนว่ะ” ผู้ชายหน้าหล่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติทั้งที่ดวลแอลกอฮอล์กับเจ้าปาล์มไปเยอะ
“งั้นพี่พาศิไปนอนก่อน ทุกคนตามสบายนะ ไม่ไหวก็นอนในห้องนี้ได้เลย มีที่นอนแล้วก็ผ้าห่มในตู้” ผมชี้ไปที่ห้องนอนแขก ก่อนจะอุ้มผู้ชายที่พูดอ้อแอ้ไม่ต่างจากเด็กขึ้นไปห้องนอน
ผู้ชายวัย 22 ปีบริบูรณ์ในวันนี้นอนเกลือกลิ้งบนเตียง ตอนแรกคิดว่าเขาจะเมามายจนไร้สติ แต่เปล่าเลยเขาเพียงตาลายมากไปหน่อยก็เท่านั้น
“พี่ดิมมม มานอนด้วยกันซี่~” ผมเท้าสะเอวมองเด็กที่อ้อนเก่งตอนเมาอย่างน่าฟัดที่สุด
ทิ้งตัวบนเตียงแต่ไม่ได้กะจะนินตามคำเชื้อเชิญ เพราะผมยังไม่ได้อาบน้ำ “สรุปเมาหรือไม่เมา หื้ม” ได้ทีก็ย้ายตัวเองมานอนตักเฉย บอกแล้วว่าอ้อนเก่งกว่าปกติ
“ไม่รู้~ รู้แค่วันนี้พี่ดิมน่ารักจังเลย ใจดีมากกกก”
“ชอบมั้ยครับ” ลูบหัวคนที่พยายามมุดเอาหน้ามาถูกกับแผ่นท้องของผม
“อื้อ ชอบมาก ศิไม่เคยถูกเซอร์ไพร์สวันเกิดเลย ป๊ากับม๊าชอบจัดงานให้แต่มันก็ไม่เซอร์ไพร์สอะ แบบนี้ก็น่าตื่นเต้นดี”
“ถ้าพี่จำได้ งานก็คงดีกว่านี้ โกรธพี่มั้ยที่พี่ลืมวันเกิด” หัวเล็ก ๆ ส่ายไปมากับหน้าท้อง
“พี่ดิมไม่ต้องจำอะไรแบบนี้ก็ได้นะ ถึงศิจะชอบ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรอะ ไม่มีพวกนั้นได้แต่ไม่มีพี่ดิมไม่ได้นะ โอเคมะ”
“ตัวน่ารักเอ้ยย” หมันเขี้ยวเขาเลยเอาหน้ามุดท้องเขากลับบ้าง คนถูกมุดหัวเราะเสียงดัง เราพากันเกลือกกลิ้งผลัดกันแกล้งจั๊กจี๋เหมือนเด็ก ๆ แต่เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องจดบันทึกกับการหัวเราะสุดเสียงของผมตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่มา ศิปลดล็อกและปลดแอกผมจากหลาย ๆ อย่าง
อาชีพแพทย์หลายคนบอกเป็นอาชีพที่เสียสละ โดยเฉพาะสละเวลา หลายคนอาจจะบอกว่าอาชีพอื่นก็ต้องสละเวลาเช่นกัน ใช่ครับ ไม่ผิดเลย แต่เวลาของบุคลากรทางการแพทย์ของรัฐอย่างผม ใช้เวลาอยู่โรงพยาบาลมากกว่าบ้านด้วยซ้ำ แม้จะมีตารางเวรที่แน่นอน แต่บางวันที่คนไข้มาจำนวนมาก เมื่อหมดเวลาใช่ว่าจะกลับบ้านแล้วให้คนไข้ที่มารอความช่วยเหลือมาใหม่วันพรุ่งนี้ นี่แหละครับสละเวลาเพื่อให้ลดระยะเวลาลดรอคอย
น้องเข้ามาเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายให้ผมอยากทำอะไรเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ในรูปแบบของคนไข้ แต่คือคนรัก คุณค่าของการทำเพื่อคนอื่นมันสร้างความภูมิใจให้เราได้ประมาณหนึ่ง แต่คุณค่าของการทำเพื่อคนรักมันทำให้หัวใจพองโตเพียงแต่เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเขา
เราตะกองกอดกันทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำทั้งสองคน หลังจากที่เด็กตาลายเริ่มมึนหัวมากกว่าเดิม กลิ่นกายของเขายังคงเป็นกลิ่นที่ผมเสพติดมันยิ่งกว่าน้ำหอมราคาแพง อาจจะเพราะฟีโรโมนแห่งความรักที่แผ่ออกมาแบบไม่รู้ตัว
“วันนี้ศิมีความสุขมากเลยนะ ได้กลับไปหาป๊ากับม๊า ได้อยู่กับพี่ดิม ได้อยู่กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ มีความสุขมาก ๆ กอไก่แสนล้านตัวเลย”
“มากขนาดนั้นเลย?”
“อื้อ ก็ใครจะคิดจะฝันว่าจะได้เจอกับพี่ดิมอีกหลังจากเจอในห้องน้ำวันนั้น” เกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงออกจากหน้าผากมน ดวงตากลมหวานฉ่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ “แถมได้ทำงานด้วยกันอีกต่างหาก มันเหนือจินตนาการมากเลยนะครับวันนี้ได้นอนกอดพี่ดิมแบบนี้ ได้สัมผัสพี่ดิมแบบนี้ และถูกพี่ดิมรักตอบด้วยนะ” คำพูดยาวที่ชัดเจนของเขาทำเอาคนฟังอย่างผมตัวลอยจะติดเพดาน เขามองผมเป็นเทวดาขนาดนี้ได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนธรรมดาแท้ ๆ
“ใช่ศิคนเดียวที่ไหนที่มองว่ามันเหนือจินตนาการ พี่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรักใครได้ขนาดนี้ พอได้รู้จักกับศิจริง ๆ แล้วการที่ทุกคนมองว่าพี่เลิศเลอเพอร์เฟ็คต์ เทียบไม่ได้กับจิตใจของศิด้วยซ้ำ”
“ช่วง!..คนอวดแฟน!” เขาทำเป็นขำกลบเกลื่อนความเขิน ซึ่งจริง ๆ ผมก็คิดว่ามันดีเหมือนกัน การพูดอะไรแบบนี้ใครไม่เขินบ้าง การบอกรักมันธรรมดาไปเลยเทียบกับการบอกความดีของกันและกันเนี่ย
“พี่ดิมเชื่อมั้ยว่าศิแอบคิดว่าชีวิตของเราเหมือนในนิยายเลยอะ แบบพระอาทิตย์กับพระจันทร์อะไรแบบนี้ นิย๊ายนิยายเนอะ ฮ่า ๆ แต่ศิชอบจัง”
“ถ้างั้นพระจันทร์จะอยู่กับพระอาทิตย์นาน ๆ เลยได้มั้ย” ว่าจะไม่พูดเลี่ยน ๆ แต่ในเมื่อคนฟังก็มึน ๆ ผมก็มีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดนิดหน่อยมันเลยสร้างความกล้าที่จะพูดอะไรแบบนี้ เอาหน่อยนาน ๆ ที
“นานนนนนนนนนนน จนกว่าพระอาทิตย์จะแก่เลย ดีมั้ย”
“พี่มีความสุข หนูเป็นความสุขของพี่”
“มีทูมีทูนะ”
เป็นอีกค่ำคืนที่กอดเจ้าเด็กคนนี้หลับคาอก และมันจะเป็นเช่นนี้ทุกค่ำคืน อย่างที่น้องบอกว่าไม่ได้อยากมีอะไรพิเศษในวันสำคัญ หรือไม่ต้องไปเที่ยวบ่อย ๆ แค่เป็นสิ่งประจำวัน เป็นความธรรมดาที่มีเราสองคนอยู่ในเรื่องราวทุก ๆ วัน มันก็โคตรจะวิเศษแล้วสำหรับผม
ผมสัญญากับตัวเอง ไม่ว่าวันเกิดปีไหน ๆ ผมจะทำให้น้องรู้ว่าเขาสำคัญกับผม และเพื่อขอบคุณที่เกิดมาเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตทีเหลือ
ถ้าผมเป็นพระอาทิตย์อย่างที่เขาบอก เขาก็เป็นพระจันทร์ในทุกค่ำคืนของผม ค่ำคืนที่ไม่มีใครรู้ว่าดวงดาวที่แข็งแกร่งที่สุดในกาแล็กซี่จะโด่ดเดี่ยว การมีอยู่ของพระจันทร์มันทำให้ผมรู้ว่าพลังของการรอคอยมันมีค่ามากแค่ไหน เพราะไม่ว่าอย่างไรธรรมชาติจะพาเรามาบรรจบกันได้เสมอ และจะเป็นเช่นนี้ตราบเท่านาน
นานจนกลายเป็นกาลครั้งที่รักคุณ
กาลครั้งที่มีแต่ความทรงจำ
กาลครั้งที่เมื่อใดที่เล่าขานจะมีเพียงรอยยิ้ม
กาลครั้งที่เราจะก้าวเดินนับจากนี้ไปด้วยกัน
Once upon a time, I told you how much I love you
Now, always be certain------------The Beginning-----------