10 คิดไม่ซื่อ
ความยากแรกของการเลิกเหล้าคือการยอมรับว่าตัวเองติดเหล้า ความยากที่สองคือการเริ่มบำบัดอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และจริงจัง ความยากอย่างที่สุดคือการเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปดื่มใหม่ ผมใช้เวลาหลายสัปดาห์ เสี่ยงตายหวุดหวิดกว่าจะพาพี่ทิมาถึงขั้นที่สอง เหลือแค่ด่านบอสเท่านั้นที่ยังเดินทางมาไม่ถึง
“เหนื่อยแล้ว”
เช้าตรู่ของวันที่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ผมขุดตัวเองและคนที่อยู่ข้างหน้าออกมาวิ่งที่สวนสาธารณะข้างคอนโด อันที่จริงที่อยู่ของพี่ทิก็มีฟิตเนส เครื่องเล่นครบครัน เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้าที่มองเห็นวิวเมืองและรถไฟฟ้าวิ่งพาดผ่านเมือง แต่ผมคิดว่ามันจำเจเหลือเกินกับการออกกำลังกายอยู่กับที่ มองโทรทัศน์ที่แขวนอยู่บนเสาเล่นหนังที่ไม่มีเสียง ทว่าข้อตกลงที่ให้ไว้กับหมอข้อหนึ่งคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
และแม้ผมจะเป็นคนตั้งใจลากพี่ทิออกมาวิ่ง สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่หอบแฮกตั้งแต่สามกิโลแรกเกือบทุกวัน
“ทำหน้าเหมือนจะตาย” ทิวากรพูดข่มทั้งที่ตัวเองก็หายใจถี่ไม่ต่างกัน ใบหน้าขาวแดงก่ำ เหงื่อไหลซึมจนชุ่มเสื้อกีฬาแขนกุดที่สวม
“สภาพพี่ดีตาย”
“ก็ดีกว่า”
“ผมไม่เคยออกกำลังกายเลย ทำไมมันเหนื่อยเหมือนจะขาดใจอย่างนี้”
พูดจบก็ทิ้งตัวลงนั่งริมทาง บนพื้นหญ้าที่ยังชื้นน้ำค้างจากเมื่อคืน ท้องฟ้าจากสีทึมค่อยๆ สว่างทีละน้อย นวลด้วยแสงสีละมุนอุ่นจากแสงแรกของวัน
“น้ำ”
“ขอบคุณครับ”
พี่ทิเข้าบำบัดครั้งที่สาม แม้จะโยเยในช่วงก่อนไปแต่เขาก็ไปตามนัดทุกครั้งเหมือนเด็กอนุบาลไม่อยากไปโรเรียน แต่ผมไปส่งแล้วก็แล้วกัน ครั้งที่สองผมไม่ได้เข้าไปนั่งฟังด้วยเหมือนคราวแรกเพราะมีเรียน แต่ขากลับก็แวะรับเขาที่โรงพยาบาลเหมือนคุณแม่วัยใส
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อากาศตอนเช้านี่ช่างสดชื่นไม่เหมือนแดดเที่ยงที่จ้องจะแผดเผาผู้คนให้มอดไหม้เป็นจุณ ได้ยินเสียงนกร้องไกลๆ เงยหน้าขึ้นมองยอดไม้ก็เห็นมันบินโผจากิ่งหนึ่งมาอีกกิ่ง กลางเมืองใหญ่ฟุ้งไปด้วยมลภาวะ สัตว์พวกนี้ก็ยังอาศัยอยู่ได้แฮะ
“คนมาวิ่งตอนเช้าเยอะเหมือนกันเนอะ”
“นั่นสิครับ แต่บางคนก็มาวิ่งตอนเย็นนะ”
“ไม่อยากมาตอนเย็นบ้างเหรอ จะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้า” เขาถาม รับน้ำขวดเดิมไปดื่มต่อ ผมเองก็ไม่ได้อยากตื่นเช้าเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าปล่อยให้ถึงตอนเย็นก็จะอืดอาดขี้เกียจออกมาข้างนอกกันทั้งคู่ งานของผมนอกจากการพาพี่ทิมาวิ่ง สิ่ที่ยากไม่แพ้กันคือปรับพฤติกรรมตัวเอง
“ตอนเช้าก็ดีแล้ว พอวิ่งเสร็จ พี่กลับไปอาบน้ำก็เขียนเพลงต่อได้เลยไง ถ้ามาวิ่งตอนเย็นคงนอนตื่นเที่ยง เวลาหายไปแล้วครึ่งวัน”
เขาพยักหน้าเห็นด้วย พี่ทิหาเรื่องทะเลาะกับผมน้อยลง แต่ก็ยังกวนประสาทอยู่บ้าง ราวกับเป็นทูดูลิสท์ที่วันไหนไม่ได้ยั่วโมโหกันจะนอนไม่หลับไปทั้งคืน
“เขียนเสร็จสองเพลงครึ่งแล้วนะ”
“จริงดิ โคตรไวเลย”
“เมื่อก่อนเขียนสองสามชั่วโมงก็ได้ละ เพลงนึง กลับมาเขียนใหม่แล้วสปีดตก”
“โหย แต่ก็คืบหน้ากว่าช่วงแรกๆ นี่ครับ” ผมกำหมัดชนไหล่เขา ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ ไม่สบตา “เลิกเหล้าแล้วดีเนอะพี่”
“ก็บอกว่าไม่ได้ติด”
“ยังจะเถียงอีก”
อันที่จริงแล้วพี่ทิยังมีท่าทางหงุดหงิดให้เห็นบ้าง พอผมบอกว่าถ้าไม่ได้ติดเหล้าแล้วจะหงุดหงิดทำไมที่ไม่ได้ดื่ม เขาก็รีบกลบเกลื่อนว่าหิวบ้าง ร้อนบ้าง ผมเลยแกล้งลดแอร์จนตัวเองต้องใส่เสื้อขนเป็ดของเขาอยู่ในห้องให้สะใจไปเลย
“ที่ไปหาหมอสองครั้งที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่าเลย”
“ครั้งที่สองไม่ค่อยอิน” เขาพูดเสียงเรียบ เหยียดขาข้างหนึ่งยาวแล้วโน้มตัวยืดกล้ามเนื้อ ผมเห็นก็ทำบ้าง เป็นขั้นสุดท้ายสำหรับการออกกำลังกายในแต่ละวัน “พูดเรื่องศีลห้า”
“ทำไมล่ะ พี่ไม่ได้นับถือพุทธเหรอ”
“ไม่เชิง จริงๆ ไม่ได้นับถืออะไรเป็นพิเศษ บางทีศาสนาก็มอมเมาคน”
“เหรอ ผมนับถือพุทธมากๆ เลยนะ ผมว่าศาสนาน่ะ เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนได้ดีมากๆ แล้วพุทธก็มีความเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย”
“เกิดมาเดินได้เจ็ดเก้า วิทยาศาสตร์ฉิบเป๋ง “
“นั่นมันเรื่องเล่า” ผมมองค้อนให้กับคำค่อนแคะของอีกฝ่าย “เอาแค่แก่นคำสอนสิ”
“พูดยากนะ แต่ใช้หลักไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ต้องมีศาสนาก็ได้”
“ก็จริงนะ พี่เชื่อเรื่องผีไหม”
“ไม่”
“ผมโคตรเชื่อ” ทิวากรหลุดหัวเราะในท่าทางจริงจังของผม ดวงตาหยีเป็นเส้นโค้งคว่ำ แต่ริมฝีปากบนและล่างโค้งหงาย แดดส่องกระทบเส้นผมที่เปียกเหงื่อทำให้ดวงหน้าเขาทั้งสดใสและอ่อนโยนจนผมแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“เคยเจอผีเหรอ”
“ไม่เคย”
“แล้วทำไมถึงเชื่อ”
“แหม ผมก็ไม่เคยมีความรักยังเชื่อว่ามีรักแท้ได้เลย”
ไม่ว่าจะจากเพลงของเขา หรือว่าคู่เคียงคนอื่นที่โชคดีตามหากันเจอ พี่ทิลดมุมปากลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหมือนยังมีความขุ่นมัวบางอย่างในใจที่สลัดไม่ออก
“พี่เคยคบกับคุณเจนคนเดียวเหรอ ผมหมายถึง ทำไมพี่เสียใจขนาดนั้น”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เด็ดหญ้าที่ออกดอกโดดเด่นขึ้นมาหนึ่งอัน “เคยรักใครมากๆ ไหม”
“เคยสิ”
“เคยวางแผนอนาคตตัวเองกับคนๆ นั้นไหม” เขาพูดเสียงเรียบ แววตาหม่นลง ไม่ใช่คนที่ยิ้มสดใสและอุ่นละมุนเมื่อครู่อีกต่อไป “พยายามทะนุถนอมดูแลทุกอย่าง ระมัดระวังอดทน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาดตอนไหน”
“บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่พลาดหรอกครับ ก็แค่ยังไม่ใช่คู่กัน”
“พูดง่ายแหละ แต่ทำได้ยากมากเลยนะ ทำความเข้าใจ ยอมรับกับความกลวงโบ๋ของตัวเองทั้งที่ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ทำให้รักดีๆ หายไปคืออะไร”
“ถ้าเป็นรักที่ดีคงไม่หายไปหรอกครับ”
ถึงผมจะไม่เคยเห็นผี แต่ผมก็เชื่อว่าผีมีจริง เช่นกันกับแม้ว่าผมไม่เคยคบใครแต่ผมก็เชื่อว่ารักที่ดีมันมีแน่ๆ อาจมาในรูปแบบของเพื่อน คนรัก สัตว์เลี้ยง หรืออะไรก็ตามที่เราเต็มใจจะมอบให้มัน และสิ่งเหล่านั้นจะกลับมาเยียวยาเราในวันที่หมดสิ้นเรี่ยวแรง
“ผมไม่อยากให้พี่หมดหวังกับความรักแค่เพราะผิดหวังมาครั้งเดียวนะ”
เขาหลุบตาลงต่ำ อมยิ้มอยู่ในที “พูดเก่งจริงๆ เราน่ะ”
“จะบอกว่าผมพูดมากอีกแล้วเหรอ รำคาญเหรอ”
“เปล่า ก็ดี เหมือนเลี้ยงชิวาว่าขี้เห่าไว้ตัวนึง ไม่เหงาหู”
“ชิวาว่าบ้านพี่ดิ อย่างผมต้องเป็นโดเบอร์แมน มาดดีปราดเปรียวต่างหาก”
พี่ทิหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้ยื่นมือมายีหัวผมเบาๆ ประกอบคำพูด
“หมอให้ทำอะไรอีก”
“ให้พูดถึงข้อเสียของเหล้า”
“พี่ตอบว่าไง”
“ก็อย่างที่เรียนมา ใครก็ท่องได้ ทำให้ขาดสติ อวัยวะในร่างกายพัง บลาๆ”
“บลาๆ นี่คืออะไรครับ”
พี่ทิมองผมด้วยหางตาโทษฐานที่กวนตีน ผมหลบสายตาคาดโทษนั้นด้วยการทิ้งตัวลงนอนหงายบนผืนหญ้า คันยุบยิบแต่ก็สบายตัวชะมัด
“ครั้งที่ 3 ล่ะ”
“ยกตัวอย่างเคสคนเมาให้มาวิเคราะห์ สอนเข้าหลักโยนิโสมนสิการ”
“หา?!? โยนีแปลว่าจิ๋มไม่ใช่เหรอ?” ผมเด้งตัวลุกขึ้นทันที พี่ทิทำหน้าเหมือนเอือมระอาเต็มทน
“โยนิโสมนสิการเป็นคำสอน สอนวิธีคิดเป็นระบบ”
ใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าหมอจะพาพี่ทิเข้าลัทธิอะไรแปลกๆ ซะแล้ว ขืนเป็นผีบ้าหนักกว่าเดิมพี่ลมฆ่าผมแน่
“ครั้งหน้าผมต้องไปด้วยใช่ไหม”
“อืม คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง”
“ก็ดีนะ พี่ก็กลับมาเขียนเพลงได้ นี่ เล่นให้ผมฟังก่อนได้ป่าว”
“แลกกับอะไร”
“โห ผมทำให้พี่ขนาดนี้แล้วยังจะขออะไรแลกเปลี่ยนอีกเหรอ หัวจิตหัวใจพี่นี่มันช่างเย็นชาจริงๆ”
เขาเหยียดยิ้มบาง หันมาผลักหัวผมเบาๆ
“ใช้คำซะเวอร์”
“ต้องเล่นใหญ่หน่อยดิ ว่าแต่ ผมจะได้ฟังก่อนคนอื่นไหมอะ”
“อือ เดี๋ยวกลับไปเล่นให้ฟัง”
“เย้! สุดยอดเลย” นาทีนั้นผมแทบกระโดดลุกขึ้นยืน เรี่ยวแรงกำลังวังชาเพิ่มขึ้นเหมือนได้ชาร์จไฟเบอร์แรง “กลับกัน ผมอยากฟังแล้ว”
พี่ทิยื่นมือให้เหมือนหมา ผมคว้าข้อมือขวาของเขาไว้ด้วยมือตัวเองทั้งสองข้างก่อนดึงฉุดให้คนขี้เกียจลุกตามมา เมื่ออีกฝ่ายยืดตัวเต็มความสูงก็เกิดเงาทาบทับบนตัวผมจนมิด ก้มลงมองปลายนิ้วซึ่งเป็นอวัยวะแรกที่ผมรู้จัก มันเรียวสวยแต่ด้านกระด้างเพราะการจับคอร์ดเครื่องดนตรีนับครั้งไม่ถ้วน
“ทำไมพี่ถึงมาเป็นนักแต่งเพลงได้อะ ผมถามได้ไหม”
เขาดึงมือกลับไปล้วงในกระเป๋ากางเกง แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ผมเห็นด้วยกับพี่ลมขึ้นมาแล้วว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่นอกจากความสามารถล้นเหลือแล้วยังหน้าตาดีใช่เล่น อาจจะไม่หล่อจนสาวเหลียวแต่ก็ดูมีอะไรบางอย่างที่น่าค้นหา ท่าทางหลบตา เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่ยังอมยิ้มนั่นเพราะกำลังเขินอีกแหงๆ
“เขินอะไรเล่า แค่ถามเอง”
“เออ มันก็น่าอายหน่อยๆ”
“งั้นผมเปลี่ยนคำถาม ถ้าไม่เป็นนักแต่งเพลง ตอนนี้พี่จะทำอะไร”
เขาเป็นศิลปินที่แทบไม่ค่อยมีข่าวเลย ไม่มีบทสัมภาษณ์หรือออกรายการอะไรทั้งนั้น แต่แฟนคลับที่ติดตามก็เหนียวแน่น นั่นเพราะผลงานที่อีกฝ่ายตั้งใจทำมันส่งมาถึงผู้รับสารได้ชัดเจน
“คงเป็นสถาปนิกมั้ง”
“พี่จบถาปัตย์เหรอ โคตรเท่เลย”
“มีไอดอล เคยฟังเพลงของ Art Garfunkel ไหม”
“ไม่ครับ”
พี่ทิเงยหน้าขึ้นฟ้า ทำท่าคิดเล็กน้อย “นักร้องวงSimon & Garfunkel ชนะรางวัลแกรมมี่ถึง 6 ครั้งเลยนะ จบสถาปัตย์ โคลัมเบีย อืม...นี่”
เขายื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้ ผมทักตั้งแต่ก่อนออกมาแล้วว่าออกมาวิ่งทำไมไม่ใช้หูฟังบลูทูธ แต่พี่ทิว่าทำหายบ่อยเลยตัดปัญหา อีกอย่างเจ้าหูฟังเสียบแจ๊กตัวนี้ก็อยู่กับเขามานาน ทั้งเสียงดีทั้งอดทนจนต้องยกให้เป็นลูกรักอันดับหนึ่ง เมื่อผมยัดมันเข้าไปในหูข้างหนึ่ง โดยที่อีกข้างพี่ทิเสียบไว้ก็เลยกลายเป็นเราสองคนถูกผูกโยงกันด้วยสายสีขาวๆ เล็กๆ ของหูฟัง
สวนสาธารณะช่วงเช้าไม่มีคนพลุกพล่าน การจราจรยังไม่แออัด แสงแดดอุ่นๆ เพิ่งทำงานเมื่อเพลง So long, Frank Lloyd Wright ขึ้นเลยดูโรแมนติกจนใจสั่น
ใจสั่นกับพี่ทิน่ะนะ...
อันที่จริงผมก็รู้สึกว่ามันแปลกนิดๆ กับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะของตัวเอง แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าและดวงตาสกาวของอีกฝ่ายที่เต็มใจนำเสนอนักร้องที่เป็นดั่งแสงนำทางให้ผมฟังมันก็สมเหตุสมผลอย่างหาข้อปฏิเสธไม่ได้
พี่ทิที่ตั้งใจทำอะไร มีเสน่ห์เหมือนวันที่เห็นเขาเล่นกีตาร์เพลงที่เขียนเองในยูทูปคลิปแรก และทำให้ผมกด Subscribe เขาทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ถูกโปรโมตจากสปอนเซอร์ไหนๆ
วันนี้เมื่อเขาอยู่ตรงหน้าผมแล้วจะผิดอะไรถ้าความรู้สึกมันจะเข้มข้นกว่าปกติ
“เพลงนี้ศิลปินได้แรงบันดาลใจมาจากตอนเรียนถาปัตย์”
“อะ...อะไรนะครับ”
“เพราะไหม”
เวรละ...ลืมฟังเลย ผมเอามือข้างหนึ่งจับหูฟังไว้ ไม่ก้าวเดินต่อ ก้มลงมองปลายเท้าที่หันหน้าเข้าหากัน นี่มันฉากโรแมนติกในหนังชัดๆ บ้าเอ๊ย ไม่มีสมาธิฟังเพลงเลย หัวคิดแต่ว่าตอนนี้ผมอยู่ใกล้เขาจนถ้ายืดแขนออกไปคงโอบรอบเอวอีกฝ่ายได้พอดี
“น้ำมนต์”
“อะไรนะครับ”
“ถามว่าเพลงเพราะไหม ชอบหรือเปล่า”
“ชะ...ครับ”
ผมหลบตา พูดอ้อแอ้เหมือนหาลิ้นตัวเองไม่เจอ ทำไมคำว่าชอบมันพูดยากขนาดนี้ สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบถอดหูฟังคืนเขา
“จะเป็นลมหรือเปล่า”
“ครับ?”
“ทำท่าแปลกๆ”
“อ้อ...อืม หน้ามืดหน่อยๆ แต่โอเค ผมโอเคแหละ”
“เรียกแท็กซี่ดีกว่า”
พี่ทิไม่รอฟังคำทัดทาน เขาโบกแท็กซี่ที่เปิดสัญญาณไฟว่าง เมื่อรถมาถึงก็บอกที่หมายโดยดันไหล่ผมให้เข้าไปนั่งก่อน แล้วเปลี่ยนมาเป็นจับข้อศอกไว้ นั่นทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกแล้ว
“ถ้าไม่ไหวก็นอนตักได้นะ”
ผมย่นจมูกแต่ไม่หันหน้าไปมอง แสร้งมองคำว่ากรุณาปิดเบาๆ ข้างประตูรถฝั่งตัวเอง ราวกับจะทำให้หัวใจเต้นเบาลงสักหน่อย ไอ้บ้าเอ๊ย มารู้สึกอะไรตอนนี้วะ
“ง่วงไหม”
“ไม่ครับ”
“อยากฟังเรื่องเมื่อกี๊ต่อหรือเปล่า”
“อะไรนะฮะ” ความจำผมผิดเพี้ยนไปกันใหญ่ เลิ่กลั่กจนจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันไว้ก่อนหน้า เพียงแค่เพราะการได้ใกล้ชิดพี่ทิในเวลาปกติดี พี่ทิในภาพจำของผมที่เป็นเหมือนเทพบุตรจุติลงตรงหน้า
“ที่อยากเป็นนักเขียนเพลงไง”
“อ๋อ ครับ เพราะนักร้องคนเมื่อกี๊ใช่ไหม”
เขาพยักหน้าลงแล้วหัวเราะเบาๆ “ตอนสอบสัมภาษณ์อาจารย์ถามด้วยว่าทำไมอยากเรียนสถาปัตย์ ตอนนั้นตอบว่าอยากเป็นนักเขียนเพลงแทบโดนไล่ออกมาจากห้อง”
“ก็สมควร คำตอบโคตรน่าโดนปรับตก”
แต่ผมเข้าใจนะ การมีไอดอลเป็นดั่งธงชัย เป็นเสาหลัก เหมือนทีผมอยากเล่นดนตรีเป็นเพราะพี่ทินั่นแหละ
“พอขึ้นปีสามที่คณะจะทำละครเวที หาคนเขียนเพลงก็เลยได้โอกาสพอดี”
“แต่ก่อนหน้านั้นพี่ก็มีช่องยูทูปของตัวเองแล้วนี่ ผมย้อนกลับไปดูคลิปแรกของพี่ด้วยนะ ตอนนั้นยังเป็นเด็กหัวเกรียนอยู่เลย”
“อือ ก็เขียนแบบผิดๆ ถูกๆ เพิ่งมารู้หลักของมันตอนปีสาม เขียนไปด้วยสัญชาตญาณเพราะฟังมาจากแม่เยอะ ดีที่แม่เคยเป็นนักร้องนั่นแหละเวลาที่ส่งเพลงให้ค่ายพิจารณาก็ได้แต้มต่อหน่อยนึงตรงที่เขาจะหยิบไปคัดก่อนคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากเขียนเพราะอยากเขียน อยากให้คนได้ฟัง ไม่เคยคิดว่าจะต้องดัง เลยไม่ได้ใช้เส้นสายของแม่มาก”
เมื่อพูดถึงอดีตตาพี่ทิก็เป็นประกายหวาน ผมรู้สึกได้ว่าเขารักตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมาจริงๆ
“แล้วงี้พี่เป็นนักเขียนเพลงประจำค่ายตั้งแต่เมื่อไหร่”
ช่างเป็นช่วงเวลาที่เรือนลางเหลือเกิน ระหว่างที่เขาหายจากโลกอินเตอร์เน็ตและไปโผล่บนแพลตฟอร์มอื่น ขณะเดียวกันช่วงคลิปก่อนๆ หน้านั้นก็มีหลายต่อหลายเพลงที่เขาเล่นแล้วค่อยนำมาดัดแปลงให้นักร้องคนอื่นเอาไปเป็นผลงานเพลงของตัวเองภายหลัง
“ก็หลังจากเจนเซ็นสัญญาได้สักพัก”
ผมเริ่มเข้าใจ แปลว่าผู้หญิงคนนั้นที่อยู่กับพี่ทิตั้งแต่ยังเป็นดาบในฝัก ไม่คมกริบ วับวาวพร้อมประหัตถ์ประหารคนทั่วไป แต่จู่ๆ ผมก็เกิดข้อสงสัย
“พี่จีบคุณเจนยังไงอะ”
ขี้อายขนาดนี้
“อืม...พูดยาก ก็ทำงานด้วยกัน…” พี่ทิเว้นจังหวะเพื่อระบายยิ้มเศร้า รถเลี้ยวเข้าคอนโดปลายทาง อาการร้อนผ่าวยุบยิบบนใบหน้าดีขึ้น เขาลงจากรถก่อนแล้วยื่นมือมาให้จับ ผมแสร้งหาเหรียญให้แท็กซี่แล้วขยับตัวออกมาจากอีกฝั่งของประตูที่ยังปิดอยู่
ถึงผู้หญิงคนนั้นจะอยู่กับพี่ทิมาตั้งแต่ก่อนดังก็เถอะ แต่ก็เป็นคนทำลายเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง
พูดด้วยรอยยิ้มเศร้าแบบนั้น ผมเห็นแล้วก็อดเจ็บใจไม่ได้
ผมน่ะ...เป็นแฟนคลับที่ภักดีกับเขามาตลอด แต่เขายอมให้คนที่นอกใจทำลายตัวเอง แล้วยังจะกล้ายิ้มเศร้าจนถึงตอนนี้
“ที่หน้ามืดเมื่อกี๊ดีขึ้นแล้วเหรอ”
ผมพรูลมหายใจยาว ตอบเขากระชับ
“ครับ”
จากนั้นก็เม้มปากเข้าหากัน รอจนรถแล่นออกจากลาน เผยให้เห็นพื้นที่คนละฟากของประตูซ้ายและขวาขนาดกว้าง แต่ที่กว้างและว่างเปล่ากว่านั้นคือหลุมดำที่ปรากฏในใจ
ผมยังคงไม่ก้าวเท้าเข้าหาเขา รู้สึกหงุดหงิดจนไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสบตา ไม่อยากเห็นร่องรอยของเศษซากความโศกที่คงค้างบนใบหน้า หรือแม้กระทั่งในความทรงจำ
ที่ไม่พอใจกว่านั้นคือผมจะไปหงุดหงิดเขาทำไม
“น้ำมนต์” ชายหนุ่มเรียกเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในท้ายที่สุดก็เงียบเสียงลง ผมเร่งก้าวเท้าผ่านหน้าเขาไปยังลิฟต์ แสกนบัตรให้ตัวเลขชั้นปรากฏขึ้นบนจอแสดงผล เจ้าของห้องเป็นฝ่ายก้าวตามมา วางมือลงบนหัวผมแล้วจับโยก
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
พี่อย่ารู้เลย มันเรื่องงี่เง่า แต่พอนึกถึงวันแรกที่เจอกันมันก็สมเหตุสมผลที่จะโกรธเขาที่เอาตัวเองไปผูกกับผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่หรือไง
ผมไม่รู้จักคนที่ชื่อเจน ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน แต่สำหรับผมผู้หญิงคนนั้นคือปฏิปักษ์ และผมก็ไม่ชอบมากๆ ที่พี่ทิยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ให้เห็น
แต่นั่นมันก็พื้นที่ของตัวเองไม่ได้มีก้าวล่วงไปส่วนนั้น ผมไม่มีสิทธิ์ห้ามเขาไม่ให้เสียดายวันเวลาที่เสียไปหรือหยุดแสดงท่าทางว่าเสียใจสักที
เพราะแบบนั้น... เพราะผมรู้ขอบเขตของตัวเองเลยเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ
ลิฟต์โดยสารพาเรามาพร้อมมวลความกดดันบางอย่างที่อัดแน่นตั้งแต่ลงรถมาจนถึงหน้าประตู ผมยังคงเป็นฝ่ายเดินนำมาโดยเจ้าของสถานที่เดินอาดๆ ตามหลัง ปกติแล้วหลังออกกำลังกายพี่ทิจะอาบน้ำก่อน ส่วนผมเตรียมอาหารเช้า พอเขาออกมาทุกอย่างก็วางพร้อมบนโต๊ะ พี่ทิเดินไปเปิดเพลงจากแผ่นเสียงและแนะนำที่มาของเพลงแต่ละแผ่นราวเด็กที่อยากอวดของเล่นใหม่ หลังมื้ออาหารผมไปอาบน้ำและพี่ทิจัดการล้างจานชามให้ เป็นอย่างนั้นมาหลายวัน และผมคิดว่าแฟร์ดีสำหรับคนอยู่ร่วมกัน อย่างน้อยก็แฟร์มากกว่าอยู่กับไอ้นิวที่เอาแต่นอนอืดไม่ทำอะไร
แต่วันนี้พี่ทิไม่ตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ไม่ทำตัวเหมือนในทุกวัน เขาเดินตามผมเข้ามาในครัว หยิบแก้วมากดน้ำดื่มจากตู้เย็นแล้วกอดอก จ้องมองผมทุกจังหวะการขยับไหว ผมหยิบไข่ไก่สดมาทำไข่ดาวน้ำ เปิดน้ำใส่หม้อเตรียมลวกแฮมและผัก แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงสายตาที่ประกบติดเหมือนแมวจับหนู
แต่ทนได้ไม่นาน ผมก็หันมาถามคนที่เอาแต่ยืนจ้องอยู
“ไม่ไปอาบน้ำเหรอครับ”
ถูกต้องครับ พี่ทิเป็นนักกดดันมือวางอันดับหนึ่ง สามารถสร้างบรรยากาศให้ผมทนไม่ไหวได้โดยไม่ต้องพูดอะไร เล่นงานผมง่ายกว่าความคิดเด็กๆ สารพันที่ยกมาจัดการก่อนหน้านี้เพราะตอนนี้ผมรู้สึก...
รู้สึกอ่อนไหวไปกับความเป็นเขาทีละนิดอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชายหนุ่มวางแก้วน้ำลงในซิงค์แทนคำตอบ เขาเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ผมต้องก้าวถอยอัตโนมัติ เราจ้องกันเหมือนเล่นเกมว่าใครกะพริบตาก่อนแพ้ และเมื่อเขาจับที่หัวไหล่ผมก็สะดุ้งโหยง
“ทำไม”
“อะ...อะไรทำไม?”
“โดนตัวไม่ได้รึไง”
“จู่ๆ พี่มาจับผมทำไมเล่า”
ไม่จับเปล่า ยังโน้มตัวลงมาอีกด้วย ทำอย่างกับจะจูบกันอย่างนั้นแหละ
อะ...อะไรนะ...จูบ จูบ!! จูบงั้นเหรอ!!!!
ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง อีกข้างที่ถือมีดหั่นขนมปังอยู่ก็ยกมาขู่คั่นกลางระหว่างพื้นที่ว่างของเราสองคน
“อย่าเล่นมีด”
เขาจับมือผม แล้วดึงาวุธออกไปง่ายดาย ผมได้โอกาสเอามืออีกข้างมาปิดตาตัวเอง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าร้อนๆ ของผมอีกแล้ว ไม่มีทาง จะยอมให้เห็นว่าพ่ายแพ้ยับเยินอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด นี่มันจะประหลาดเกินไปแล้ว
“เพี้ยน”
เขาสบถในลำคอ ผมรู้สึกถึงอุณหภูมิของอีกฝ่ายที่อุ่นร้อนกว่าอากาศทั่วไปในระยะใกล้ จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งมีเสียงขูดครากของเก้าอี้ก็เลยค่อยๆ เปิดตามองลอดผ่านนิ้วมือ พี่ทินั่งเรียบร้อยพร้อมกับจานไข่ดาวน้ำที่วางอยู่ด้านหลังผมเมื่อครู่
“ตกใจหมดเลย”
“อะไร”
“ถ้าหิวก็บอกกันดีๆ ก็ได้ เดินเข้ามาแบบนั้นนึกว่าจะโดนจูบซะแล้ว”
พี่ทิไอโขลกเหมือนไข่แดงติดคอ ก่อนดื่มน้ำเปล่าตามไปอึกใหญ่ “ไอ้เด็กบ้า!”
“โทษผมไม่ได้นะ พี่เล่นเดินมาดุ่มๆ แบบนั้นน่ะ ใครจะไปรู้ว่าคิดอะไร ขนาดพี่ลมยังแอ๊วผมลงเลย”
“ใครใช้ให้ทำหน้าบูดใส่ก่อนล่ะ แล้วอย่าเอาพี่ลมไปเทียบกับใครได้ไหม ไอ้นั่นมันปีศาจ”
ผมเห็นด้วยหรอกนะ แต่ว่าสมัยนี้แล้วอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่หรือไง
“นี่ ถ้าพี่คิดอะไรกับผมพี่ต้องรีบบอกผมเลยนะ ผมจะได้ช่วยพี่ตัดใจ ผมน่ะ ดีเกินไปสำหรับคนแบบพี่ รู้ใช่ไหม”
พี่ทิสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มใหม่ หูจมูกแดงไปหมด
“คนที่คิดเรื่องจูบมันนายไม่ใช่หรือไง” เรื่องนั้นมันก็ใช่ “ถ้าจะมีคนคิดไม่ซื่อก่อนน่ะ ถามตัวเองเถอะ”
“โห มั่นหน้า”
“ทำไม? ฉันไม่ดีตรงไหน รวย เล่นดนตรีเป็น มีชื่อเสียง หน้าตาก็ใช้ได้”
“กระจอก โดนสาวทิ้งละอกหักเหมียนหมา”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย แค่เครียดที่เขียนงานไม่ได้”
“นั่นแหละ เสียศูนย์ ไปไม่เป็นเลยค้าบ” ผมหยิบแฮมกับไส้กรอกลงลวกน้ำที่เดือดพอดี จากนั้นก็ตักใส่จานรวมกันมาให้เขาบนโต๊ะ บรรยากาศค่อยดีขึ้นมาหน่อย
“นี่ แต่ว่าผมจะเริ่มมีสอบกลางภาคแล้วนะ เดี๋ยวต้องกลับไปอ่านหนังสือที่หอ แต่จะเข้ามาหาบ่อยๆ พี่ต้องออกกำลังกายทุกวันอย่างที่หมอบอกนะ บวมเบียร์จนพุงย้อยแล้วรู้ปะ”
“อ่านที่นี่ก็ได้”
“ต้องติวกับเพื่อนอะ”
“โตเป็นควายยังอ่านคนเดียวไม่เป็นอีก”
“แล้วทำไมต้องอ่านที่นี่ล่ะ ชีทก็อยู่หอ แบกไปแบกมาอีก สิ้นเปลืองพลังงาน”
พี่ทิคอสเพลย์เป็นปลาทูแม่กลองทันที หน้างอคอหัก แหม ขาดเบ๊รับใช้ไปไม่กี่วัน ทำอย่างกับเมื่อก่อนเจนดูแลเขาดีอย่างนั้นแหละ
“แล้วอย่ากินเหล้าล่ะ”
“สั่งเป็นแม่”
“แม่พี่ตายแล้ว”
ทิวากรวางช้อน ชูนิ้วกลางให้ผมทั้งสองข้าง ขอบคุณสำหรับฟีดแบคครับ
“ผมพูดจริงนะ รู้ใช่ป่าว”
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขากินมื้อเช้าเงียบๆ ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเรื่องคุย มีเพียงการขูดครากกระทบกันของส้อมมีดและจานเซรามิคดังเป็นพักๆ ผมอนุมานเอาว่านั่นคือประโยคตอบรับในแบบของเขาก็แล้วกัน
tbc
งานนี้มีคนคิดไม่ซื่อแล้วค้าบ พี่น้องค้าบ โหยย เป็น10ตอนที่พระเอกกับนายเอกของเรายังไมไ่ด้โดนตัวกันเลยอะ ถือศีลกินเจสุดๆ นิยายคุณธรรมอวอร์ดต้องมา
ขอโทษที่มาลงช้าไปหน่อยค่ะ เมื่อวานปวดหลัง เป็นเดี้ยง สงสัยสันหลังจะยืดงอกยาวกว่าเดิม
ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นต์เด้อ ปีใหม่นี้ใครจะแลกส.ค.ส.กับเราอย่าลืมไปกรอกข้อมูลลิงก์ในเพจนะครัช
เมอรี่คริสต์มาสนะก๊ะ <3