เป็นตอนที่ใช้เวลาเขียนนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)
ไม่ได้เขียนนาน สปีดตกฮวบฮาบเลย 5555
ส่วนหนึ่งเพราะต้องกลับไปย้อนอ่านของเก่าๆด้วยนี่แหละ เลยกินเวลาเสียเยอะเชียว
----------
หัวใจหลังเลนส์ # 34
แสงแดดอ่อนๆที่ส่องลอดบานหน้าต่างห้องนั่งเล่นในคอนโดหรูแห่งนี้ตกกระทบอาบร่างชายหนุ่มเจ้าของห้องบนโซฟา เปลือกตาบนทั้งสองข้างค่อยๆเผยอขึ้นน้อยๆเนื่องจากเสียงกุกกักที่ดังเข้าหู อาการปวดจี๊ดๆแล่นริ้วขึ้นมาตามสันคอจนถึงศีรษะดังเช่นทุกครั้งที่เขาเมาค้าง
สติค่อยๆไหลกลับคืนเข้าสมองทีละน้อย ดวงตาคู่คมดุยังคงเปิดไม่เต็มที่ขณะชายหนุ่มหันมองไปรอบๆ รู้สึกงุนงงกับสภาพของตัวเองไม่น้อยที่ยังคงอยู่ในชุดเดียวกันกับตอนที่ออกไปทำงานเมื่อวาน จะมีที่เปลี่ยนไปก็เห็นจะเป็นความยับยู่ยี่บนเสื้อผ้าและกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วตัวนี่แหละ ที่สำคัญคือ แทนที่จะตื่นมาบนเตียงนอน แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นโซฟากลางห้องนั่งเล่นไปได้
และทันทีที่ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง...ไม่เพียงแต่ศีรษะที่ปวดจี๊ด หากแต่ก้อนเนื้อภายในอกเองก็เช่นกัน
ความทรงจำสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานค่อยๆเรียงตัวเข้ามาให้เขาระลึกได้ ตั้งแต่ตอนที่เขาไปขอคำยืนยันที่คณะของเจ้าตัว ซึ่งสุดท้ายคำตอบที่ได้รับก็มีเพียงอาการนิ่งเฉยของผู้ถูกถาม ความรู้สึกในตอนนั้นยังคงสดใหม่อยู่ในใจ การโดนปฏิเสธด้วยท่าทีก็ทำให้เจ็บปวดได้ไม่น้อยไปกว่าคำพูด จำได้ว่าหลังจากนั้นเขาแทบจะหาทางกลับบ้านไม่ถูก แต่สุดท้ายหลังจากที่ขับรถออกมาในสภาพร่อแร่ ในที่สุดเขาก็พาตัวเองมาจนถึงห้องพักจนได้ เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าถูกเปิดออกและลำเลียงตัวสู่กระเพาะของเขาแบบไม่มีที่สิ้นสุด และก็คงเป็นเพราะสาเหตุนี้นี่แหละที่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวตุบๆ
แต่...หลังจากนั้นล่ะ...
เรื่องมันเป็นยังไงต่อแล้วนะ...
จำไม่ได้...
เสียงกุกกักที่ดังมาจากบริเวณห้องครัวเรียกให้เขาต้องลุกขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนจะไปสะดุดตาเข้ากับถุงนอนเข้าค่ายที่เขาซื้อเก็บไว้ใช้ในยามที่ต้องไปถ่ายภาพในที่สมบุกสมบันซึ่งตอนนี้มันวางแผ่อยู่บริเวณริมผนังห้องในจุดที่อยู่ห่างจากโซฟาไปเป็นกิโล
หืม?...
และไม่ทันที่ชายหนุ่มจะหาคำตอบเจอด้วยตัวเอง ร่างๆหนึ่งที่เขาคอยเฝ้าคิดถึงและตามหามาอยู่หลายวันก่อนหน้านี้ก็กำลังเดินออกมาจากห้องครัวด้วยหน้าตาเหรอหรา
“อ่ะ...เอ่อ...อรุณสวัสดิ์ครับพี่วิน...” จักรวาลกล่าวทักทายคำแรกขึ้นเสียงเบา ไม่ทันตั้งตัวว่าจะเดินออกมาเจอคนที่เมาคอพับคออ่อนอยู่เมื่อคืนตื่นจากนิทราเร็วขนาดนี้
“...ปอม....”
กวินกระพริบตาปริบๆด้วยความมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนที่เพิ่งจะทำร้ายจิตใจเขาไปเมื่อวานมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร
รังเกียจกันไม่ใช่หรือไงนะ...
จักรวาลเอง เมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้าก็ต้องเจื่อนลงสนิท ท่าทางกวินจะไม่หายโกรธเขาง่ายๆแน่
ต่างฝ่ายต่างยืนเงียบด้วยไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรกันอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ จะพูดอะไรออกมาก็ดูจะอึกๆอักๆไม่เป็นธรรมชาติกันทั้งคู่ ฝ่ายหนึ่งก็กลัวจะโดนโกรธ ส่วนอีกฝ่ายก็ยังงงๆกับสถานการณ์ที่ตัวเองดันจำอะไรไม่ได้สักกะผีก
หากแต่ก็เป็นคนความจำเสื่อมที่ดันตาดีผิดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน...
“ปอม!” เสียงทุ้มต่ำที่ตะโกนขึ้นด้วยความตกใจอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาเด็กหนุ่มต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัว และยิ่งเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงแล้วก็ยิ่งต้องแทบหดหัวเข้ากระดองเข้าไปใหญ่ เมื่อตอนนี้ดวงตาคมดุคู่นั้นฉายแววโกรธขึงถมึงทึงขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว
“...อ...อะไรครับ...”
“ใครทำ?...” กวินเอ่ยถามเสียงห้วนในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังจุดสนใจของตัวเองด้วยแรงเต้นรัวเร็วในอก ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหนูของเขาบ้าง...ไปโดนใครหน้าไหนทำอะไรมา...
ไม่เพียงแค่คิด หากแต่ชายหนุ่มยังตรงเข้าไปจับตัวคนตรงหน้าพลิกซ้ายพลิกขวาดูอย่างลืมตัว
จักรวาลได้แต่ยืนงง ปล่อยให้กวินหมุนตนไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ปอม...ตอบพี่มา ใครทำ?” ชายหนุ่มระล่ำระลักถามออกมาเสียงเข้มอีกครั้ง มือสั่นปากสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกอื่นๆในใจกระเจิดกระเจิงไปหมด "ปอม!...บอกมาสิ พี่จะไปกระทืบมันเดี๋ยวนี้"
“หา?...ใครทำอะไร?...พี่วินพูดถึงอะไรน่ะ?" เด็กหนุ่มจ้องไปยังอากัปกิริยาของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก จะว่ายังไงดีล่ะ...มันทั้งงง ทั้งกลัว แต่ก็ขำด้วย...ก็ไม่รู้ว่าพี่วินของเขากำลังพูดถึงอะไรหรอก แต่ตอนนี้...หน้าหล่อๆนั่นดูตลกชะมัดเลย...
หากแต่ ภายในชั่วเวลาไม่กี่วินาทีต่อมาเด็กหนุ่มก็ต้องหลุบสายตาลงทันทีเมื่อคำตอบที่ถามไปถูกเฉลยออกมา
“จะอะไรล่ะ ก็รอยพวกนี้ไง...มันมาจากไหน? ปอมไปโดนใครรังแกมา?...ที่หลบหน้าพี่ไปเป็นเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?...บอกพี่มาว่าใครเป็นคนทำ พี่จะไปจัดการมันให้...” นิ้วมือลูบไปตามจ้ำแดงๆบริเวณคอและแผ่นอกที่โผล่พ้นคอเสื้อนอนย้วยๆออกมา "..หรือว่า...ไอ้เมษใช่ไหม? ไอ้เมษเป็นคนทำหรือเปล่า?”
“เห้ย ไม่ใช่นะ...พี่เมษเขาจะมาทำอะไรแบบนี้กับปอมได้ยังไงล่ะ...โธ่...” เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะค่อยๆดึงฝ่ามือใหญ่หนานั่นออกไปด้วยใบหน้าขึ้นสี...จะตอบยังไงดีล่ะหว่า...
ประดักประเดิดชิบเป๋ง...
“อุบัติเหตุนิดหน่อย...ไม่มีอะไรหรอกครับ...” จักรวาลอ้อมแอ้มตอบออกมาทั้งที่ก็พอจะรู้ว่ามันฟังดูงี่เง่าไม่น้อย...
อุบัติเหตุเครื่องดูดฝุ่นจู่โจมหรือไงวะ...ไอ้เบื๊อกปอมเอ๊ย!...
“พี่ไม่ได้โง่นะปอม นี่มันรอยจูบชัดๆ...เกิดอะไรขึ้น...เล่ามาสิ" กวินจ้องมองเด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าหลบตาตนด้วยหัวใจสั่นระรัว กลัวจริงๆ...
คนถูกถามอ้าปากพะงาบๆ คิดหาคำตอบที่ฟังดูฉลาดกว่านี้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจคนตรงหน้าเมื่อคำถามเร่งเร้าถูกส่งมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำเขาเองยังสัมผัสได้ว่ากวินกำลังมือสั่น
ใบหน้าเรียวได้รูปก้มต่ำลงอย่างจนใจ ก่อนจะตัดสินใจหลับตาปี๋แล้วยกนิ้วขึ้นชี้ไปตรงหน้า
“หือ?...” กวินมองตามนิ้วของเด็กหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ "หมายความว่าอะไรปอม?”
คราวนี้ไม่เพียงแค่หลับตาหนีความกระดากเท่านั้น แต่มือทั้งสองข้างกลับถูกยกขึ้นปิดไปทั้งหน้า มีเพียงเสียงอู้อี้ฟังไม่ถนัดที่เล็ดลอดออกมาให้คนถามต้องตั้งใจเงี่ยหูฟัง
“พี่วินทำ...”
“เห้ย! พี่วินไหน!” คนถูกพาดพิงร้องออกมาเสียงหลง ตกใจแทบกระโดด...พี่วิน...กวิน จารุกิตติ์...เขาน่ะเหรอ...
“อ้าว!...” จักรวาลลดมือที่ปิดหน้าลงอย่างลืมตัว หัวคิ้วขมวดมุ่น "...ก็พี่วินนี้นี่แหละ จะมีสักกี่พี่วินล่ะที่จะมาทำอะไรแบบนี้กับปอมได้...”
ฝ่ามือแข็งแรงที่จับบ่าเด็กหนุ่มอยู่ค่อยๆลดลงไปอยู่ข้างลำตัว ก่อนที่เจ้าของมันจะถามออกมาเสียงเบา
"พี่ทำเหรอ...?”
“อืม...”
กวินยืนนิ่งไป จากที่หัวใจเต้นแรงอยู่แล้วเมื่อครู่ บัดนี้มันกลับยิ่งแรงเข้าไปอีก ภายในหัวสมองพยายามนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อวานอีกครั้ง...
เขาเมา...มากๆ
แล้วไงต่อวะ...
"...อื้อ...พี่วิน...พอเถอะครับ..."
"...พี่วิน...ขอร้องล่ะ..."
"...พี่วิน...อื้อ...ฮึก...."
ภาพที่แวบเข้าหัวแบบมาๆหายๆทำเอาชายหนุ่มหัวใจกระตุกวูบ สิ่งที่จำได้มีไม่มากพอให้ประติดประต่อเป็นเรื่อง แต่เสียงร้องห้ามและใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่อยู่ใต้ร่างก็เพียงพอสำหรับการทำให้เขาหน้าชาได้แล้ว
กวินกวาดสายตามองไปตามเนื้อตัวคนที่ยืนก้มหน้าแสดงความลำบากใจอยู่อีกครั้ง
ความรู้สึกผิดแล่นริ้วขึ้นมาที่หัวใจ เขาทำอะไรลงไป...
หวังว่าเขาคงจะยังไม่ได้....
สองแขนแกร่งค่อยๆรวบดึงร่างตรงหน้าเข้ามาหาตัว พยายามควบคุมให้สัมผัสแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ราวกับกลัวว่าจะทำให้ช้ำ ใบหน้าหล่อเหลาก้มซบลงกับกลุ่มผมหอมกลิ่นแชมพูของเด็กหนุ่ม ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดขึ้นด้วยเสียงที่คนฟังฟังแล้วต้องยกมือขึ้นกอดตอบ
“ขอโทษ....ขอโทษจริงๆ....” กวินขยับมือลูบหลังปลอบประโลมคนในอ้อมกอดเบาๆ หากแต่...แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่...การกระทำนั้นกลับเหมือนเป็นการปลอบตัวเองเสียมากกว่า "...ขอโทษ...”
จักรวาลส่ายศีรษะน้อยๆกับไหล่กว้างของคนตรงหน้า "ไม่เป็นไรครับ"
“ไม่เป็นไรได้ยังไง" ชายหนุ่มผละตัวออกมามองหน้าคู่สนทนาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่สีหน้าเท่านั้นที่ฉายแววเคร่งเครียดและรู้สึกผิด...น้ำเสียงเองก็เช่นกัน ซึ่งจักรวาลรับรู้มันได้เป็นอย่างดี "พี่ทำอะไรบ้าง...เมื่อคืนพี่ทำอะไรปอมบ้าง...”
“เอ่อ...”
เด็กหนุ่มไม่ได้เงยหน้ามองคนที่มองเขาอยู่ คำถามที่ถูกถามเช้านี้ทำไมมันตอบยากเสียจริง
“ว่าไง...?...พี่ทำอะไรที่...แย่มากๆกับปอมใช่ไหม?”
“อย่ากังวลเลยครับ" เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา "ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก มีแค่รอยพวกนี้แหละ...” แล้วก็รอยพวกนี้แหละที่ทำให้เขาต้องแอบไปนอนหลบมุมห่างๆจากโซฟาที่กวินนอนอยู่เมื่อคืน จะเข้าไปนอนในห้องนอนแล้วปล่อยเจ้าของบ้านนอนโซฟาก็ใช่ที่
“จริงนะ...?”
เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบรับให้ความมั่นใจกับคนถาม
ได้ยินดังนั้นกวินก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ...
“เกือบไปแล้ว...” ใช่...เขาเกือบทำร้ายเด็กหนุ่มไปแล้ว... “ขอโทษ...พี่ขอโทษ..."
“อืม...ช่างมันเถอะครับ ยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย" จักรวาลยกมือขึ้นตบบ่าชายหนุ่ม ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างจงใจเปลี่ยนเรื่อง "ตอนนี้พี่วินไปอาบน้ำก่อนเถอะ กลิ่นละมุดหึ่งเลยเนี่ย เสร็จแล้วจะได้ออกมากินข้าว ปอมทำข้าวต้มกุ้งไว้ ไม่รู้จะกินได้หรือเปล่า"
กวินมองคนพูดด้วยอารมณ์หลากหลาย "แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเหรอปอม?...หลายวันที่ปอมหลบหน้าพี่ไปน่ะ...?”
เด็กหนุ่มก้มมองพื้น "...ไว้อาบน้ำเสร็จค่อยคุยกันนะครับ...ผมจะเล่าให้ฟังทั้งหมดเลย...”
“โอเค...”
.
.
.
.
น่าแปลกที่เมื่อศีรษะได้สัมผัสน้ำอุ่นๆจากฝักบัวแล้วก็ดูเหมือนว่าความจำจะเริ่มดีขึ้นมาไม่น้อย แม้จะยังรู้สึกเหมือนเหตุการณ์บางช่วงที่สำคัญมากมันขาดตอนไป แต่ภาพที่ค่อยๆผุดขึ้นมาตามลำดับและประกอบกับคำบอกเล่าจากจักรวาลแล้วก็ทำเอาเขาต้องยืนตบหน้าผากตัวเองอยู่ในห้องน้ำด้วยความหงุดหงิด มันเป็นอะไรถึงต้องมาเมาแล้วกลายเป็นหมาเอาเมื่อคืนด้วย ปกติเมาให้ตายยังไงเขาก็ไม่เคยทำอะไรบัดซบขนาดนี้มาก่อน...
แต่ถ้าจะให้แก้ตัว...ก็คงเป็นเพราะเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจที่ได้รับมาก่อนหน้านั้นนั่นแหละ
คิดแล้วก็อดรู้สึกเสียใจขึ้นมาอีกไม่ได้...
.
.
.
.
“แล้วปอมเชื่อว่าพี่ทำอย่างนั้นจริงๆเหรอ?” ช่างภาพหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทั้งที่ช้อนยังคาอยู่ในมือทันทีที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากคนตรงหน้า ใบหน้าถือไพ่เหนือกว่าของลูกชายนายแบงค์ที่พาตัวเองมาพูดจาไม่น่าฟังกับเขาถึงห้องทำงานเมื่อวันก่อนลอยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ รู้สึกเหมือนเส้นเลือดแถวๆขมับมันเต้นตุบๆด้วยความคับแค้น ฟันกรามล่างและบนขบกันกรอดๆ
คนถูกถามคนข้าวต้มในชามตรงหน้าไปมา สีหน้าเจื่อนสนิท "เปล่าครับ...ไม่ได้เชื่อ...” และเมื่อเหลือบตาขึ้นมองแล้วพบกับแววตาผิดหวังของกวิน เด็กหนุ่มก็ต้องรู้สึกโหวงๆในใจ ความจริงก็พอจะเดาไว้อยู่แล้วว่าต้องโดนโกรธแน่ๆ ก็จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อเขามันโง่ซะขนาดนี้
“ไม่เชื่อ...แล้วทำไมไม่มาคุยกับพี่ดีๆ"
“ก็...กลัว...”
"กลัวอะไร?" กวินจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่เรียวที่กำลังทอดมองลายไม้บนโต๊ะ ไม่รู้ว่าจักรวาลคิดอะไรอยู่ รู้อย่างเดียวว่าพอได้ฟังเรื่องบ้าบอทั้งหมดที่เกิดขึ้น แทนที่จะโกรธเกลียดเมษาเพียงคนเดียว แต่เขากลับรู้สึกน้อยใจคนเล่าขึ้นมาเสียดื้อๆด้วย
ไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากปาก มีเพียงการส่ายศีรษะเบาๆส่งกลับมาเท่านั้น
เห็นอย่างนั้นกวินก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ขอโทษครับ...” จักรวาลกล่าวเสียงอ่อย
“แล้วตอนแรก...ปอมตั้งใจจะทำยังไง จะปล่อยให้เราเลิกกันไปทั้งอย่างนั้นจริงๆเหรอ?” ถามออกมาทั้งที่แปลบๆอยู่ในใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...” เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำหน้ายังไงในสถานการณ์อย่างนี้ จึงได้แต่เสตามองนู่นมองนี่ไปเรื่อย ยกเว้นอยู่อย่างเดียวที่ไม่ยอมมองคือใบหน้าคู่สนทนา "...ก็ไม่รู้จะทำยังไง"
"อืม..." กวินหลุบตาลงต่ำ "...ช่างเถอะ"
“...พี่วินโกรธหรือเปล่า?...”
ใบหน้าหล่อเหลาส่ายเบาๆ หัวคิ้วคมเข้มยังคงขมวดมุ่นแทบติดกัน
ไม่ได้โกรธ...ก็ตอบตามตรง
แต่ที่ไม่ได้พูดออกไปคือ...เขาน้อยใจน่ะสิ
จะว่าเขาเป็นตาแก่หัวล้านก็ได้...แต่เจอแบบนี้ เป็นใครก็ต้องรู้สึกเหมือนกันนั่นแหละ
“พี่วิน...”
“หือ?”
“โกรธใช่ไหมเนี่ย?"
“ก็เปล่าไง...พี่ไม่โกรธหรอก...”
“แล้วทำไมเงียบไป...”
คนถูกถามส่ายศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นคว้าทั้งชามของตนและของอีกฝ่ายที่ทานหมดกันแล้วทั้งคู่ลุกจากโต๊ะไปล้างในห้องครัว มีเพียงคำพูดน้ำเสียงเรียบส่งมาก่อนจะเดินพ้นบริเวณไป "พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าคิดมาก"
ทันทีที่ร่างสูงใหญ่นั่นเดินลับประตูห้องครัวไป เด็กหนุ่มที่โต๊ะก็ได้แต่ยกมือขึ้นจิกทึ้งหัวสองสามที เสร็จแล้วยังไม่วายก้มหัวลงโขกพื้นโต๊ะเบาๆเป็นการลงโทษตัวเองที่ดันตัดสินใจช้าจนทำให้กวินโกรธจนได้
.
.
.
.
รอยยิ้มจางๆแต้มอยู่บนริมฝีปาก อาการประทุษร้ายตัวเองของเจ้าหนูที่โต๊ะอาหารนั่นมองจากตรงนี้ก็น่ารักไม่หยอก...
เอาน่า...อย่างน้อยๆจักรวาลก็คงไม่ได้มีเจตนาจะปล่อยให้เรื่องเลยเถิดจนออกมาเป็นแบบนี้
ช่วงอายุและประสบการณ์ชีวิตของพวกเขาอาจจะต่างกัน เขาเองในฐานะคนเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ไม่ควรที่จะเอาอารมณ์มาตัดสิน ต่อให้น้อยใจ...แต่ท่าทีของจักรวาลในตอนนี้ก็ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลยเขาเสียเมื่อไหร่
แต่ว่า...
ไหนๆก็ไหนๆ...
ขอลงโทษเจ้าเด็กคนนี้เสียหน่อยเถอะ...โทษฐานมาทำให้เขาหัวหมุนไปเป็นสัปดาห์...อย่างน้อยๆเหตุการณ์นี้จะได้พอมีประโยชน์อยู่บ้าง...ตรงที่มันจะกลายเป็นบทเรียนให้คนอ่อนประสบการณ์อย่างจักรวาลได้เรียนรู้...
แล้วอีกอย่างก็...ให้มันรู้กันซะบ้าง ว่าไอ้กวินตัวใหญ่นิสัยห่ามคนนี้มันก็ขี้งอนเป็นเหมือนกัน...
คิดถึงยังไม่ทันจบ เจ้าตัวก็เดินคอตกเข้ามาหาในเขาที่หน้าซิงค์ล้างจานเสียแล้ว
“ปอมล้างให้ครับ...พี่วินไปนั่งดูทีวีเถอะ...”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ทำเองได้" ชายหนุ่มจงใจกล่าวเสียงเรียบ "ไปนั่งรอเถอะ ล้างเสร็จเดี๋ยวพี่พากลับไปส่งที่หอ"
ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็ทำหูลู่หางตก "...ครับ...”
อ้าว...เห้ย!
ครับเสร็จแล้วเดินออกไปเฉยเลย...นึกว่าจะแบบ 'ปอมยังไม่อยากกลับ' หรือ 'ไม่เอาครับ ถ้าพี่วินยังไม่หายโกรธ ปอมก็ไม่ไป' อะไรอย่างนี้เสียอีก
โธ่! ไม่ง้อกันเลย...
.
.
.
.