มีแต่คนรุมด่าบ้านจอมไตรแหะๆๆ
------------------------------------------------Title : จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
Chapter : 10“กลอนไปไหนมาน่ะ”
ปามแทบจะวิ่งมาหาผมทันทีที่เปิดประตู ผมได้แต่ยิ้มบางๆให้ ยื่นถุงยาที่แวะซื้อระหว่างทางให้แล้วเดินไปข้างใน ผมทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่ไปโวยวาย ทำได้แค่นี้เท่านั้น ตาหวานตื่นแล้วและกำลังเล่นของเล่นที่ผมซื้อให้อยู่ ผมดูแล้วปามไม่ได้เอาข้าวของที่บ้านนั้นซื้อให้ติดตัวมาเลย โทรศัพท์ที่ปิดเสียงปิดสั่นกระพริบตลอดเวลาแสดงว่ามีคนโทรเข้ามาแต่ปามไม่รับ ผมหยิบขึ้นมาดูหน้าจอและกดรับ
“ปาม”
ก่อนที่ทางนั้นจะได้พูดอะไรผมก็กรอกเสียงลงไปซะก่อน
“อย่ามายุ่งกับปาม เลิกโทรมาได้แล้ว รำคาญ”
ต้องบอกว่าตะโกนอาจจะถูกกว่า ปามลงนั่งข้างผมแล้วยิ้มเศร้าๆ
“ฉันอยากไปอยู่ที่อื่นสักพักจัง”
ผมเองก็อยากทำแบบนั้น แต่ด้วยยอดเงินในบัญชีของพวกเรา ไม่ไปไหนจะดีที่สุด
“ไปทำไม เราต้องไม่หนี อย่าให้พวกนั้นได้ใจว่ารังแกกันได้”
ผมกัดฟันพูดอย่างโกรธแค้น เจ็บใจเรื่องวันนี้ยังไม่หาย พูดประโยคนี้แล้วเหมือนปลอบใจตัวเองยังไงไม่รู้
“แต่ เขา เอ่อ อาจจะตามมา”
ปามพูดด้วยความไม่แน่ใจ ผมสะดุดใจกับเรื่องนี้พอดู ปามทำท่าเหมือนสับสนในตัวเอง ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่เขาของปามไม่ตามมา
ผมเคยสงสัยมาแล้วหลายครั้งว่าปามอาจจะคิดอะไรมากกว่าการเป็นลูกจ้างกับท่านประธาน แต่ไม่เคยถามเพราะไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
“ลองมาสิ กลอนจะตั้นหน้าให้ยับเลย”
ปามหัวเราะคิกกับท่าทางอวดกล้ามน้อยๆของผม ผมเองก็ยิ้ม ดีใจที่ปามยังยิ้มได้ ตาหวานคลานต้วมเตี้ยมไปทั่วห้อง ดีที่ห้องผมของน้อยและค่อนข้างเป็นระเบียบเลยไม่ต้องห่วงมากนัก
มือถือปามยังกระพริบไม่หยุด แต่ผมและปามไม่สนใจมันอีก
................................................
ตอนเย็นวันนั้นท่านประธานมาที่ห้องของผมจริงๆ ผมเปิดประตูแล้วปิดใส่หน้าทันที ดูเหมือนเขาจะยังไม่ยอมแพ้เพราะยังเคาะไม่เลิก
“ขอฉันคุยกับปามหน่อยเถอะ”
เสียงเหมือนเว้าวอน แต่ขอโทษไม่ได้ผลกับคนอย่างผมหรอก ผมตะโกนดังๆว่า ไปให้พ้นแล้วถอยห่างจากประตูทันที ปามนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนโซฟา เสียงเคาะประตูยังไม่หยุด เสียงคนข้างนอกก็ยังไม่เงียบไป ผมเดินไปหน้าประตูอีกครั้งและตะโกนไล่เพราะรำคาญเสียงเต็มทน และมันทำให้ตาหวานกลัวด้วย
“ถ้าไม่เลิกเคาะ จะแจ้งตำรวจ”
ผมขู่ทิ้งท้าย ดูเหมือนจะได้ผลพอดูเพราะเสียงเงียบไป
“ไว้จะมาใหม่”
แล้วเสียงฝีเท้าก็จากไปพร้อมความเงียบสงบที่มาเยือน ปามนั่งอยู่ที่เก่า ตัวสั่นเทาและเริ่มสะอื้นร้องไห้
ผมยังไม่ได้เข้าไปหาปาม เสียงเคาะห้องก็ดังอีก แต่คราวนี้เป็นคนดูแลหอ
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
ผมยิ้มให้และบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว
“แต่ช่วยห้ามอย่าให้เขาเข้ามาที่นี้อีกจะได้ไหม”
ผู้ดูแลรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วจากไป
ผมสบายใจขึ้นเป็นกอง
แต่ผมน่าจะรู้.....เงินกับอำนาจ ...ทำได้ทุกอย่าง…
………………………………….
ผมออกมาซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ห้องพัก กำลังจะกลับแล้วก็มาเจอกำแพงมนุษย์ขวางทางไว้ซะก่อน ผมเงยหน้ามองคนขวางทางอย่างเอาเรื่อง จะไม่จบเลยใช่ไหมบ้านนี้ นอกจากพวกผมทำอะไรไม่ได้แล้ว ยังต้องทนรับการระรานนี้ตลอดไปหรือไง
“มาด้วยกันหน่อย”
คุณไม้พูดด้วยเสียงเย็นเยือกไม่ต่างจากใบหน้า
“ไม่”
ผมพูดสั้นๆง่ายๆ แต่ดูคนฟังจะเข้าใจยาก เพราถึงผมจะเลี่ยงเดินออกมาอีกทางแต่คุณไม้ก็เดินมาดักหน้าอีก
“มา”
พูดไม่พูดเปล่า คว้าแขนได้ก็ลากผมเดินทันที คราวนี้ผมไม่เอ๋อให้ฉุดกระชากลากถูง่ายๆอีกแล้ว ผมขืนตัวไว้สุดฤทธิ์ ปากก็ตะโกนเรียกให้ช่วยไปด้วย คนรอบข้างดูตระหนกขึ้นมา แต่เพียงคำเดียวของคุณไม้ที่ว่า
“แฟนผมกำลังโกรธน่ะครับ”
จากตื่นตระหนกก็กลายเป็นยิ้มแย้ม หัวเราะคิกคัก ผมจ้องหน้าคนพูดที่ยิ้มส่งให้ชาวบ้านจนดู ไม่ร้ายกาจ ต่างกับสิ่งที่ทำกับผมอยู่ในขณะนี้โดยสิ้นเชิง คนบ้านนี้น่ากลัวแบบนี้เอง เล่นละครได้เก่งนักนะ ลากจนมาอยู่ในมุมเงียบๆกันสองคน คุณไม้จึงปล่อยแขนผม ผมจับข้อมือที่แดงตามรอยที่ถูกกำและจ้องหน้าคนทำอย่างไม่พอใจ คุณไม้ไม่สนใจสายตาคุกคามของผมสักนิด
“นายบอกว่าไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องตัวเอง เพราะตัวเองไม่ทำใช่ไหม”
“.......”
ผมไม่เสวนาด้วยหรอก
“แต่ที่นายทำอยู่นี่ไม่เรียกว่ายุ่งเรื่องคนอื่นหรือ”
ผมระงับอารมณ์ไว้ ปล่อยให้เขาพูดไป ท่องนะโมๆในใจ คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไว้
“เรื่องของคุณปาม นายเข้ามายุ่งทำไม ทีเขามายุ่งเรื่องนายนายยังไม่พอใจเลย”
“............”
ฮึ่ม....................ที่ท่องไว้หายไปจากสมองจนหมด มันจะมากไปแล้ว
“เรื่องของเขาก็ปล่อยให้เขาจัดการเอาเอง นายไม่ต้องยุ่งได้ไหม”
พอมาถึงตรงนี้ผมสติแตกแล้ว ก่อนจะทันได้คิดอะไร แขนก็เหวี่ยงหมัดไปแล้ว แต่เอ๊ะ ไหงไม่กระทบหน้าละ คุณไม้กันแขนผมไว้ได้อย่างสวยงาม(ชมทำไม) เจ้าตัวยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ
“เคยเห็นตอนชกพี่ดินแล้ว”
ผมกัดริมฝีปากแน่นที่ถูกเยาะเย้ย เลยยกเท้ากระทืบเท้าคนตรงหน้า คุณไม้ไม่ทันไหวตัวเลยโดนเข้าเต็มๆ
“สม”
ผมยิ้มสะใจให้คุณไม้แล้วหันหลังเดินกลับมา
.........................................
ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าตอนที่เดินเข้ามาผู้ดูแลหลบตาผมที่ยิ้มให้ตามปกติยังไงไม่รู้ ผมเร่งฝีเท้าด้วยความไม่สบายใจ พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอปามที่นั่งหมดสภาพอยู่ที่กลางห้อง
“ปาม เกิดอะไรขึ้น”
ปามผวาเข้ากอดผมและร้องไห้
“เขามากลอน เขามา เมื่อไหร่เขาจะหยุดสักที”
ผมดันเพื่อนออกด้วยความตกใจ สำรวจตามตัวเพื่อนแต่ไม่มีสิ่งผิดปกติใด แปลว่าท่านประธานไม่ได้ทำอะไรเพื่อนผม
“แล้วเปิดประตูทำไม”
“ไม่นะ เขามีกุญแจ”
ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ให้ตายสิ ไปเอามาจากที่ไหนกัน หรือผู้ดูแล เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวต้องจัดการ ผมคิดอย่างมาดมั่น
“เขามาทำไม”
“ไม่รู้ ไม่ได้ฟัง”
ปามพูดสิ่งที่ทำให้ผมต้องแอบหัวเราะ ปามเก่งเรื่องปิดใจจากคนอื่น ในระหว่างที่คนอื่นพูด ปามก็คิดเรื่องอื่นๆทำสมาธิกับเรื่องอื่น ก็เลยฟังไม่รู้เรื่อง
“พอเขาพูดจบ ก็กลับไป ฉันไม่รู้เรื่อง แต่ได้ยินเขาพูดทิ้งท้ายแค่ว่า ไว้จะมาเอาคำตอบ แค่นั้น”
คำตอบ? เรื่องอะไร?
ปามไม่รู้
ผมไม่รู้
จะให้ไปถามอีกทีก็ไม่เอาหรอก
ผมเริ่มนึกถึงคนที่มาระรานผมก่อนกลับบ้าน เป็นแผนดึงตัวผมไว้สินะ
ผมคิดอย่างเจ็บใจที่เสียรู้ ถึงจะได้แก้แค้นไปบ้างนิดหน่อยก็เถอะ
เมื่อไหร่พวกผมจะหมดเวรหมดกรรมกับตระกูลนี้สักที
.
.
.
.
“กลอน กลอน กลอน นี่กลอน!”
ผมหันไปมองปามแล้วเอามืออุดหู ก็พี่แกเล่นตะโกนข้างหูขนาดนี้ กลัวหูผมไม่แตกรึไงนะ
“เรียกนานแล้วนะ เป็นอะไร”
ปามทำแก้มป่อง ผมมองเพื่อนแล้วถอนหายใจ โล่งอกนิดๆที่ปามกลับมาสดใสได้บ้างแล้ว เมื่อสองวันก่อนตอนท่านประธานมาปามเอาแต่นิ่งไม่พูดไม่จาจนผมกลัว
“อีกแล้วนะ ถามว่าเป็นอะไร”
ผมเหม่อเอาอีกรอบปามเลยแหวใส่ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดไม่ตกสักที วันนั้นที่คุณไม้มาขวางผมไว้ คุณไม้พูดอะไรกับผมบ้างผมก็ยังจำได้ เรื่องที่ว่าผมก้าวก่ายเรื่องของปามมากไป
ผมกำลังคิดทบทวนเรื่องอยู่ และก็ดูเหมือนว่าทางโน้นจะพูดถูก ผมยุ่งเรื่องของปามมากไปรึเปล่านะ ทั้งๆที่ปามไม่ได้เล่า ผมกลับเค้นเอาจนปามบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่ปามไม่ได้ขอร้อง แต่ผมกลับไปต่อยท่านประธานแถมอาละวาดที่บริษัทซะยกใหญ่ ผมชักรู้สึกไม่ดีแล้วสิ
“ปาม”
ผมเรียกเพื่อนที่นั่งทำหน้ามุ่ยอุ้มตาหวานอยู่ใกล้ๆ ปามหันมามองแต่ก็ยังทำท่าไม่พอใจอยู่ ดูตาหวานจะชอบใจที่ปามทำหน้าทำตาแบบนี้ เพราะแกหัวเราะใหญ่
“ปามว่ากลอนยุ่งเรื่องปามมากไปรึเปล่า”
อ้า...........ในที่สุดผมก็อดไม่ได้ต้องถาม
“ไม่รู้สิ”
ปามลังเลก่อนตอบออกมา
“แต่ว่านะ ปามดีใจที่กลอนยังห่วงปามอยู่นะ ปามดีใจที่มีกลอนเป็นเพื่อน เป็นพวก โกรธคนๆนั้นทันทีโดยที่ปามไม่ต้องพูดเรื่องแย่ๆให้ฟัง กลอนเข้าข้างปามทันทีโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ปามไม่ได้คิดว่ากลอนมายุ่งเรื่องของปาม แต่คิดว่ามีกลอนอยู่ข้างๆต่างหากล่ะ”
ผมฟังแล้วรู้สึกว่าปามช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีอะไรแบบนี้ ผมเองซะอีกที่ก่อนหน้านี้ทำเรื่องแย่ๆไว้กับปามมากมาย
ผมอยากรู้ว่าวันนั้นท่านประธานมาทำอะไร มาพูดอะไร อย่างน้อยๆมันอาจจะช่วยอะไรปามได้บ้าง การที่ปามมานั่งทำหน้าเป็นตุ๊กตาอย่างทุกวันนี้ผมไม่ชอบใจเลย แต่จะทำไงได้ล่ะ
....................................
........................TBC...........................