✿ c h a p t e r 9
โดยปกติแล้วหากเป็นวันเสาร์ที่ไม่มีเรียนอันดาจะตื่นอย่างน้อยสิบโมงหรือไม่ก็สิบเอ็ดโมงเพราะอยากนอนให้เต็มอิ่ม จาริญเองก็ชอบที่จะนอนกลิ้งไปมาเล่นสมาร์ทโฟนอยู่บนเตียงในวันหยุดที่ไม่ต้องเร่งรีบออกไปไหนเช่นกัน แต่วันนี้เสียงคุยโทรศัพท์ปลุกให้อันดาตื่นขึ้นมาในเวลาแปดโมงเช้า
จาริญกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียง แต่เพราะไม่ได้ปิดประตูเลยทำให้คนบนเตียงได้ยินบทสนทนาที่ร่างบางพูดคุยกับปลายสายไปด้วย
“แม่โทรมาปลุกจูนแต่เช้าด้วยเรื่องแค่นี้เองเหรอ คิดว่ามีอะไรสำคัญเสียอีก”
อันดาได้ยินร่างบางทำปากยื่นบ่นใส่ปลายสาย และพอจาริญหันมาเจอเห็นว่าเขาตื่นแล้วขาเรียวเลยเดินกลับเข้ามาในห้อง นั่งลงบนเตียงให้มอร์นิ่งคิสอย่างเช่นทุกเช้า โดยที่มือยังคงถือโทรศัพท์ค้างอยู่ อันดาไม่ได้กวนนอกจากกอดคนน่ารักไว้หลวมๆจากด้านหลัง เกยคางกับไหล่บางฟังแมวน้อยคุยโทรศัพท์กับคุณแม่
“ฮื่อ จูนบ่นไปงั้นแหละ ยังไงก็จะลับไปกินฝีมือของแม่อยู่แล้ว คร้าบ ไว้เจอกันนะ” จาริญทำเสียงจุ๊บๆใส่ผู้เป็นแม่อย่างน่ารักก่อนจะกดวางสาย พอโยนโทรศัพท์ออกห่างจากตัวได้ก็พลิกตัวกลับมากอดคนที่ยังหน้ามึนเพราะตื่นไม่เต็มตาไว้ เลยกลายเป็นว่านั่งกอดกันกลมอยู่บนเตียง
“คุณแม่โทรมาเหรอ”
“ช่าย ~ แม่จะทำแตงโมกับปลาแห้งเลยโทรมาชวนเราไปกินล่ะ”
เห็นเบอร์ของมารดาโทรมาแต่เช้าตอนแรกจาริญตกอกตกใจคิดไปว่าจะมีใครที่บ้านเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พอรับสายปรากฏว่าแม่โทรมาเพื่อจะเรียกเขาให้กลับบ้านเพราะเรื่องของกินเท่านั้นเอง
“แตงโมกับปลาแห้งคืออะไร ?”
“ก็แตงโมกินกับปลาแห้ง ร้อนๆแบบนี้กินแล้วสดชื่น”
อันดาฟังและพยักหน้าตามถึงจะนึกภาพไม่ออกก็ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบปีเขาไม่เคยได้ยินชื่อของกินที่ว่านั่นมาก่อนด้วยซ้ำ
“อันไปด้วยกันนะ เราบอกแม่แล้วว่าจะมีเพื่อนไปด้วย”
“เราไปด้วยจะไม่เป็นอะไรเหรอ ที่บ้านจูนมีใครบ้างอ่ะ”
ใบหน้าสวยฉายแววกังวลเล็กน้อย อันหาเป็นคนเข้าหาผู้ใหญ่ไม่ค่อยเก่งมาแต่ไหนแต่ไร กลัวว่าจะไปเผลอทำตัวไม่น่ารักให้พ่อกับแม่ของจาริญไม่พอใจเข้าน่ะสิ
“มีพ่อแม่เรา แล้วก็มีน้องชาย แต่ไม่รู้ว่าน้องจะกลับบ้านหรือเปล่านะ เพราะปกติมันอยู่หอ”
“พ่อจูนดุไหม”
จาริญหลุดขำออกมากับคำถามนั้น นิ้วเล็กเกี่ยวเอาเส้นผมยุ่งๆของอันดาขึ้นไปทัดหูให้ก่อนจะตอบ
“ไม่ดุหรอก รับรองว่าไม่โดนเอาปืนไล่ยิงแน่นอน ถึงพ่อจะมีลูกซองก็เถอะ”
“ขอบคุณนะ สบายใจขึ้นม๊ากมากเลย ไม่กลัวแล้วเนี่ย”
อันดาแกล้งพูดประชด เล่นกันอยู่บนเตียงอีกพักหนึ่งก่อนจะสลัดความขี้เกียจออกเพื่อลุกจากเตียงไปทำธุระส่วนตัว ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมาก็อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยกันทั้งคู่ จาริญตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนจะออกจากห้อง ไม่ลืมที่จะกระเตงเจ้าลูน่าไปด้วยเพราะไม่อยากทิ้งแมวอ้วนจอมวุ่นวายให้อยู่ตัวเดียว
“เจ้าอ้วนนั่งเบาะหลังเลยนะ ห้ามนั่งตักจูน” อันดาเปิดประตูเบาะหลังสำหรับเปอร์เซียตัวขาว ในตอนแรกจาริญอิดออดเพราะอยากจะอุ้มลูกรักให้นั่งด้วยกันที่เบาะข้างหน้ามากกว่า
“ให้ลูน่านั่งกับเราไม่ได้เหรอ นั่งข้างหลังลูกจะเมารถ”
“แต่เราแพ้ขนลูน่า จูนห่วงแต่ลูกไม่ห่วงอันบ้างเหรอคะ”
จาริญพ่ายแพ้ทุกทีเวลาที่อันดาแทนตนเองด้วยชื่อ ร่างบางพยักหน้าและยอมวางเจ้าลูน่าลงที่เบาะหลัง ไม่ลืมที่จะวางตุ๊กตาตัวโปรดของมันไว้ด้วย
อยู่ด้วยกันมาสามเดือนกว่าแล้ว แทบจะรู้จักกันดีทุกเรื่อง ตั้งแต่ทะเลาะกันคราวก่อนเขาและอันดาก็ไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันอีกเลย เราพูดคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้น ต่างคนต่างใจเย็นมากขึ้นเช่นกัน ปรับตัวเข้าหากันได้ดีจนระหว่างเราแทบไม่มีช่องว่างใดๆ
ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันทุกวันแทบจะตลอดเวลาแต่จาริญไม่เคยเบื่อเลย กลับกันหากไร้เงาอันดาอยู่ข้างกายมันทำให้เหงาจนอยากจะร้องไห้ออกมา ช่วงสัปดาห์ก่อนที่อันดามีงานของมหาวิทยาลัยต้องนอนค้างที่คณะสองคืน เขาจำได้ว่าตนเองโทรไปร้องไห้บ่นว่าคิดถึงกับอันดาทุกคืน
ส่วนรายนั้นก็ติดเขาหนึบเป็นตังเมเหมือนกัน ถ้าวันไหนจาริญมีเรียนแต่อันดาไม่มี บางครั้งอีกฝ่ายถึงกับไปนั่งรอด้วยซ้ำ จนเพื่อนของเขาแต่ละคนสนิทกับอันดากันไปหมดแล้ว
บางคนก็ถามแล้วถามอีกว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน จาริญไม่เคยตอบได้แต่ยิ้มๆเพราะมันไม่สำคัญเท่ากับเขาและอันดารู้ดีที่สุดว่าเราอยู่ในสถานะใด
อันดาบอกว่าตอนนี้เราเป็นความสุขของกันและกัน และจาริญก็เห็นด้วย “จูน ~ เหม่ออะไรอยู่ เราเรียกตั้งหลายครั้งแล้ว”
คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆสะดุ้งเมื่อมือเรียวสะกิดแขนเรียก จาริญส่ายหน้าจนเส้นผมปลิว
“เราก็คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย”
“ขอแซนวิชหน่อย หิว”
อันดาบุ้ยปากไปยังตะกร้าที่ใส่กล่องอาหารบนตักของจาริญ เพราะออกจากห้องมาแต่เช้าเลยไม่ทันได้ทานข้าวจาริญเลยทำแซนวิชง่ายๆกับน้ำส้มคั้นใส่ขวดมาไว้ทานระหว่างทาง เพราะกว่าจะถึงบ้านที่อยู่แถบชานเมืองก็คงใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง
ร่างบางหยิบแซนวิชทูน่าออกมาอย่างระมัดระวัง ยื่นส่งให้อีกฝ่ายแต่อันดากลับขมวดคิ้วใส่
“ป้อนหน่อย ขับรถอยู่กินเองไม่ได้”
“เยอะสิ่ง”
จาริญบ่นแต่ก็ยอมป้อนให้ คอยชะเง้อมองเบาะหลังไปด้วย พอเห็นว่าลูน่าหลับอยู่ก็เบาใจ ไม่อย่างนั้นคงร้องแง้วๆอยากจะมานั่งข้างหน้า วุ่นวายพอๆกันทั้งอันดาทั้งลูน่าเลย
“พอเลี้ยวแยกข้างหน้าแล้วก็ตรงไปเลยใช่ไหม” เพราะจำทางไปบ้านของจาริญที่อีกฝ่ายบอกก่อนออกมาจากคอนโดไม่ได้แล้วเลยถามเพื่อความแน่ใจ ร่างบางอือรับและจ่อหลอดน้ำส้มมาที่ปากของอันดา
“ขับไปเรื่อยๆแล้วจะมีทางแยกอีกให้เลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเข้าหมู่บ้าน”
คนฟังพยักหน้ารับรู้ นิ้วเรียวดันแว่นตากันแดดให้เข้าที่เล็กน้อย สีหน้าจริงจังเวลาขับรถของอันดาทำให้จาริญละสายตาไม่ได้ทุกที
อันดาเป็นคนหน้าตาดี ทั้งสวยและมีเสน่ห์ มีแรงดึงดูดทั้งต่อเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ใช่แค่ผู้ชายที่มองอันดาจนเหลียวหลัง ผู้หญิงก็มองแบบไม่วางตาเหมือนกัน บางทีอยากควงแขนไว้แน่นๆและตะโกนบอกว่าอันดาเป็นของเขา แต่ก็แค่คิดเพราะเขาขี้อายเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้นได้
“มองอะไร”
“มองคนสวย”
จาริญตอบหน้าตาเฉย คำตอบของเขาคงจะทำให้อันดาเขิน แก้มขาวๆถึงได้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ปากก็บ่นมุบมิบไปเรื่อย เห็นแล้วอยากจะแกล้งจาริญเลยวางมือลงบนหน้าขาภายใต้กางเกงยีนส์ของอีกฝ่ายพลางลูบเบาๆ
“วันนี้เราขอทำนะ”
“ไม่เอา ครั้งก่อนเธอก็ทำ”
อันดาปัดมือบางออก ปฏิเสธจะให้จาริญเป็นฝ่ายทำเพราะครั้งล่าสุดที่มีอะไรกันเจ้าคนน่ารักนิสัยไม่ดีรังแกเขาจนลุกจากเตียงไม่ขึ้นไปตั้งครึ่งวัน เดี๋ยวนี้ดื้อใหญ่แล้วแถมยังเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก พยายามจะหลอกล่อให้เขาอยู่ข้างล่างตลอด
เป็นแมวดีๆไม่ชอบริอยากจะเป็นเสือ มันน่าจับตีก้นเสียให้เข็ด
“ล้อเล่นเฉยๆหรอก อย่าทำหน้าดุสิ น่ากลัวอ่ะ”
จาริญเห็นหน้าดุๆแล้วทั้งขำทั้งเอ็นดู มือบางเอื้อมไปบีบแก้มนิ่มเบาๆแต่อันดาร้องโอดโอยเหมือนเจ็บมากมายอย่างน่าหมั่นไส้
“โอ๊ยๆ เจ็บค่ะเธอ ปล่อยก่อนๆ จะเสยรถคันข้างหน้าแล้วเนี่ย”
“เว่อร์ตลอด นั่นๆซอยเข้าหมู่บ้าน จะเลยแล้ว”
มัวแต่เล่นกันจนเกือบขับรถผ่านทางเข้าหมู่บ้านเสียแล้ว อันดาชะลอรถแทบไม่ทัน เผลอเบรกเอี๊ยดจนลูน่าสะดุ้งตื่นร้องเมี๊ยวเสียงดังเพราะตกใจ
“โอ๋ๆ ลูน่าไม่ตกใจนะลูก มาๆจูนอุ้มนะ” จาริญปลดเข็มขัดนิรภัยออกและย้ายตนเองข้ามไปยังเบาะหลังทั้งที่รถยังเคลื่อนอยู่ อันดาเลยฟาดก้นกลมเข้าให้เสียหนึ่งทีตามด้วยน้ำเสียงดุๆ
“ทำแบบนี้มันอันตรายนะจูน!”
“มีอันดาอยู่ด้วยทั้งคนเราไม่กลัวหรอก”
จาริญพูดเสียงใส ยิ้มตาหยีให้อีกต่างหาก อันดาได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้าน้อยๆ ดื้อจริงๆเลยสิน่าเจ้าแมวตัวแสบ
*****
รถสีขาวคันสวยจอดเทียบหน้าบ้านจัดสรรที่มีต้นไม้ร่มรื่นและสนามหญ้าสีเขียวมองแล้วสบายตา จาริญอุ้มลูน่าลงมาจากรถเดินนำเข้าไปในบ้านก่อน อันดาจัดการล็อครถและหอบผลไม้ที่แวะซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตเดินตามไปติดๆ ร่างเพรียวบางถอดแว่นตากันแดดเหน็บไว้ที่เสื้อขณะก้าวเข้ามาในบ้าน
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ~” ส่วนเจ้าของบ้านปล่อยเจ้าแมวอ้วนลงก่อนจะเรียกหาคุณพ่อคุณแม่แล้วเดินหายไปทางหลังบ้าน อันดาวางตะกร้าผลไม้ลงบนโต๊ะและถือวิสาสะนั่งรอที่โซฟา ครู่ต่อมาจาริญก็เดินกลับออกมาพร้อมควงแขนหญิงวัยกลางคนที่ใบหน้ายังมีเค้าความสวยมาด้วยกัน
“นี่อันดาครับแม่”
อันดาลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะยกมือไหว้เธออย่างมีมารยาทเมื่อจาริญแนะนำเขาให้มารดารู้จัก ผู้อาวุโสรับไหว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“สวัสดีจ้ะ ได้ยินน้องจูนพูดถึงหนูบ่อยๆ หน้าตาสวยน่ารักเชียว” คุณรวีวรรณเอ่ยชมเพื่อนของลูกชาย จาริญเคยพูดถึงเพื่อนคนนี้ให้เธอฟังบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นผ่านทางโทรศัพท์หรือมาที่บ้านครั้งก่อนๆ เพิ่งเคยได้เห็นตัวจริงก็คราวนี้ ช่างเป็นเด็กผู้ชายที่สวยเหมือนผู้หญิงในสายตาของคนแก่อายุย่างเข้าเลขห้าอย่างเธอ
“ขอบคุณครับ คุณแม่เองก็ยังสวยมากๆอยู่เลย” อันดายิ้ม ชมเปาะให้คุณรวีวรรณหัวเราะชอบใจ
“ปากหวานชมคนแก่ แล้วนี่เจอพ่อเราหรือยัง” ประโยคหลังเธอหันไปถามลูกชาย จาริญส่ายหน้า
“ยังเลย จูนคิดว่าพ่ออยู่กับแม่ในครัว”
“รายนั้นอยู่ในสวนตั้งแต่เช้าแล้ว วุ่นวายกับกุหลาบของเค้านั่นแหละ”
คุณแม่ของจาริญพูดไปยิ้มไป อันดารู้แล้วว่าจูนได้ความสดใสกับรอยยิ้มสวยๆมาจากใคร ถอดแบบจากคุณแม่มาทุกกระเบียดนิ้วเลย
“งั้นจูนไปหาพ่อนะ ป่ะ อันดา” จาริญคว้ามือเรียวให้เดินตามมาทางหลังบ้าน สวนเล็กๆของคุณพ่อเต็มไปด้วยดอกกุหลาบดอกเล็กบ้างใหญ่บ้างหลากหลายสีคละกัน อันดามองอย่างตื่นเต้นเพราะชอบดอกกุหลาบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
“กุหลาบเต็มไปหมดเลย สวยจัง”
“พ่อชอบดอกกุหลาบน่ะ ปลูกแล้วก็ตัดแจกเพื่อนบ้าน ความสุขเค้าล่ะ” จาริญบอกให้ฟัง ก่อนจะเดินเข้าไปหาบิดาที่ก้มๆเงยๆตัดดอกกุหลาบใส่ตะกร้าอยู่
“จ๊ะเอ๋! พ่อจ๋า”
ชายวัยกลางคนในชุดลำลอง เส้นผมที่มีสีขาวแซมเล็กน้อยจัดเซ็ตทรงอย่างดีตกใจจนแทบหงายหลัง พอยืนขึ้นได้ก็ทำเสียงดุใส่ลูกชาย
“กรรไกรเกือบตัดนิ้วพ่อแล้วไหมล่ะ เจ้าลูกคนนี้”
“ฮื่อ จูนขอโทษ เนี่ยๆ แต่จูนพาเพื่อนมาด้วยน๊า”
จาริญดึงแขนอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ อันดายิ้มให้คุณพ่อพร้อมทั้งยกมือไหว้ ผู้เป็นพ่อรับไหว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นกัน ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของจาริญใจดีมากในความรู้สึกของอันดา
“แล้วเราพาเพื่อนออกมาข้างนอกทำไม แดดมันร้อนเข้าบ้านเถอะลูก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่ดอกกุหลาบพวกนี้คุณพ่อปลูกเองเหรอครับ สวยจังเลย” อันดาก้าวลงมาในแปลงกุหลาบของคุณพ่อ สะดุดตากับดอกกุหลาบสีแดงดอกโตที่กำลังเบ่งบานอยู่บนต้นของมัน
“ใช่แล้ว งานอดิเรกของพ่อน่ะ ชอบดอกกุหลาบหรือเปล่าเรา”
“ชอบครับ ให้อันช่วยตัดนะครับคุณพ่อ”
จาริญถูกลืมเสียแล้วเพราะคุณพ่อเขากำลังสอนอันดาตัดดอกกุหลาบจากต้นอย่างจริงจัง เห็นแบบนั้นเลยปล่อยให้คนชอบดอกไม้คุยกันไปส่วนตนเองกลับเข้ามาช่วยคุณแม่ในครัว พอเห็นว่าลูกชายกลับเข้ามาคนเดียวคุณรวีวรรณเลยถาม
“หนูอันดาไปไหนแล้ว ?”
“อยู่ในสวนกับพ่อแน่ะ ช่วยพ่อตัดกุหลาบอยู่ คุยกันถูกคอ”
ผู้เป็นแม่พยักหน้า มองลูกชายตัวดีกำลังล้างมืออยู่ที่อ่างล้างจานเพื่อจะช่วยเธอยกอาหารกลางวันออกไปตั้งโต๊ะ พร้อมกับแตงโมปลาแห้งของโปรดของเจ้าตัว
“เพื่อนของน้องจูนคนนี้น่ารักดีนะ”
“ครับ ?”
จาริญเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะอยู่ๆแม่ก็พูดขึ้น สายตาที่มองตรงมายังเขาฉายแววล้อเลียนอะไรบางอย่าง และจาริญก็รู้เสียด้วยว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่
“คบกันมานานหรือยังกับหนูอันดาน่ะ”
“จะบ้าเหรอแม่ ไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกัน”
ร่างบางรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธยกใหญ่ มารดาหรี่ตามองอย่างจับผิด เธอหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างรู้ทัน
“แม่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ที่ถามว่าคบกันมานานหรือยังก็หมายถึงคบแบบเพื่อน ร้อนตัวจริงๆลูกฉัน”
“แม่แกล้งจูนอ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว!”
จาริญมองค้อนใส่ ยกจานอาหารเดินฉับๆออกไปข้างนอก คุณรวีวรรณมองตามด้วยรอยยิ้ม เธอผ่านโลกมาตั้งเท่าไหร่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่าเด็กทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อน ทั้งสายตาของจาริญที่มองเด็กหนุ่มคนนั้นและสายตาของอีกฝ่ายที่มองลูกชายของเธอก็เช่นกัน
มันเต็มไปด้วยความรักและความสุขจนคนนอกอย่างเธอยังมองออกได้ง่ายๆ*****
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลางวันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ตามประสาพ่อแม่ที่จะดีใจเมื่อลูกกลับมาหา อาหารมื้อนี้เลยอร่อยมากกว่าทุกมื้อที่ผ่านมา อันดาหัวเราะเมื่อคุณพ่อคอยยิงมุกตลกๆเป็นระยะ ครอบครัวของจาริญอบอุ่นจนทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวไปด้วย
หลังจากทานอาหารเสร็จและช่วยคุณแม่ล้างจานเรียบร้อยจาริญก็พาเขาขึ้นมาบนห้อง ห้องนอนของคนน่ารักน่ารักเหมือนเจ้าของไม่มีผิด บนเตียงมีตุ๊กตาวางอยู่เต็มไปหมด หรือแม้กระทั่งในตู้ก็ยังมีตุ๊กตาทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ตั้งโชว์หลายสิบตัว
“ตัวนี้เหมือนจูนเลย” อันดาหัวเราะนั่งลงบนเตียงพร้อมทั้งหยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมา จาริญมองตามแล้วแยกเขี้ยวใส่ คว้าตุ๊กตาสัตว์ตัวใหญ่สีน้ำตาลอมเทามีนอแหลมออกมาจากมือของันดาแล้วฟาดใส่เต็มแรง
“นิสัยไม่ดี เหมือนเธอน่ะสิ!”
“โอ๋ๆ เค้าล้อเล่น ไม่ทำหน้างอสิคะ”
อันดาฉุดมือบางให้นั่งลงบนตัก จมูกโด่งสวยแตะลงบนหลังคอขาวเบาๆ จาริญเอียงคอหลบเพราะจั๊กจี้ พอดิ้นไปดิ้นมาเลยกลายเป็นว่าพากันล้มลงบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ จาริญที่นอนทับอยู่บนตัวของอีกฝ่ายตีไหล่บางเต็มแรงเมื่ออันดาจับมือให้ลงไปจับขอบกางเกง
“อันดา คนลามก!”
“เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่จะเอาของให้”
มือเรียวจับมือของจาริญไว้เพื่อไม่ให้ชักมือหนี คนน่ารักขมวดคิ้วเมื่อลองคลำๆขอบกางเกงผ่านชายเสื้อยืดสีดำที่อันดาใส่อยู่และพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมบางอย่าง
“ใส่อะไรไว้ในกางเกง ?”
“เธอลองเปิดดูสิ”
จาริญมองอย่างไม่ค่อยไว้ใจนักแต่ก็ยอมขยับตัวลงต่ำเพื่อเลิกเสื้อยืดของอีกฝ่ายขึ้นมาถึงหน้าท้อง ผิวขาวๆของอันดาตัดกับสีแดงสดของดอกกุหลาบที่ก้านบางส่วนโผล่ออกมาจากขอบกางเกง จาริญหน้าแดงเพราะภาพตรงหน้าเซ็กซี่ยิ่งกว่าปกหนังผู้ใหญ่เสียอีก
“เล่นอะไรเนี่ย เอาไปใส่ไว้ตอนไหน”
“ตอนเดินขึ้นบันได กลัวเธอเห็น”
อันดาซ่อนดอกกุหลาบที่ขอคุณพ่อมาตอนช่วยตัดกุหลาบใส่ตะกร้าเก็บไว้ในกระเป๋า พอขึ้นมาบนห้องเลยแอบเสียบไว้ในขอบกางเกง คิดว่าจะให้จาริญเอาดอกกุหลาบดอกนี้ออกไปจากตัวเขาด้วยตนเอง
“เธออ่ะชอบเล่นอะไรก็ไม่รู้”
“ดอกนี้ดอกที่เท่าไหร่แล้ว ตอบแล้วเอามันออกไปสิ”
จาริญทำท่าครุ่นคิด มือบางลูบไปตามขอบกางเกงยีนส์อย่างเชื่องช้า นิ้วขาวลูบแผ่วเบาบริเวณใต้สะดือแกล้งให้หน้าท้องแบนราบหดเกร็ง
“จูน อย่าแกล้ง”
“อืม…ดอกกุหลาบดอกที่เก้าสิบห้า”
คนน่ารักตอบ ทำท่าจะหยิบดอกกุหลาบออกมาจากขอบกางเกงของคนที่นอนอยู่บนเตียง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ ใบหน้าหวานก้มลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆเป่ารินรดผิวเนื้อขาวจัด มือเรียวของอันดายกขึ้นมาจิกไหล่บางไว้ทันที
“อ๊ะ…จูน ฮื่อ…อย่าซน” เอวบางแอ่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากของจาริญจูบที่หน้าท้องและยังแกล้งขบเม้มเบาๆ อันดาหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลยตอนที่ปากนุ่มลากผ่านไปทั่วผิวเนื้อเหมือนอยากจะแกล้ง กว่าที่คนตัวเล็กกว่าจะคาบดอกกุหลาบออกไปจากขอบกางเกงของเขาได้ก็ทำเอาเหงื่อซึมเต็มหน้าผากไปหมด
จาริญหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าแดงๆของคนสวย มือบางแกว่งดอกกุหลาบไปมาก่อนจะเขี่ยมันเบาๆที่แก้มของคนที่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นมานั่ง
“ชอบวิธีการให้ดอกกุหลาบของอันดาวันนี้จัง”
ไม่รู้ว่านั่นคือคำชมหรือเปล่าแต่อันดาถึงกับตีหน้ายุ่ง คิดจะแกล้งจาริญเล่นเพราะคิดว่าคนน่ารักต้องหน้าแดงแน่ๆกับวิธีการให้ดอกกุหลาบที่เขาคิดเอาเองว่าชวนเขินเป็นที่สุด แต่กลับกลายเป็นตนเองเสียเองที่ต้องมานั่งหน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหู
จาริญน่ะชักจะร้ายกาจขึ้นทุกวันจริงๆ
ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูเรียกให้ทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินไปเปิดประตู ส่วนอันดาที่นั่งอยู่บนเตียงจัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยพลางชะเง้อมองว่าจาริญคุยกับใครอยู่
“แม่บอกว่าพี่จูนพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วย”
“อ๋อ ใช่ อันมานี่แป๊บนึง” จาริญหันกลับมาเรียก ร่างเพรียวบางเลยก้าวลงจากเตียงเดินเข้ามาหา ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ที่ยืนค้ำประตูห้องอยู่ เด็กหนุ่มร่างสูงที่อันดาคุ้นหน้าเป็นอย่างดี
“จะแนะนำให้รู้จักนะ…”
เสียงของจาริญไม่เข้าหูอีกต่อไปแล้วเมื่อภาพตรงหน้าที่อันดาเห็นมีเพียงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของร่างบางเท่านั้น สีหน้าของจิณณ์ฉายชัดว่าตกใจไม่น้อย เสียงทุ้มเรียกชื่อเขาออกมาโดยที่จาริญยังไม่ทันได้บอกด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร
“พี่อันดา…”
tbc.
เปิดตัวน้องจิณณ์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้5555
เอามากระตุ้นพี่จูนกับสร้างความวุ่นวายเล็กๆ
#กุหลาบแดงกับแมวขาว