คาถาที่ 6 :: A deviltress. นางมารละคร [50%] “ฉันว่านายได้ยินชัดแล้ว แต่ถามเพราะไม่แน่ใจใช่มั้ยล่ะ…” เรียวจันทร์ยิ้มกรีดกราย กะพริบตาจนแพขนตากระพือโต้ลม คมเขี้ยวยังคงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด มองไอ้หน้าสวยตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งไม่ไว้ใจ ทั้งแปลกใจ และตกตะลึง
“…เอาน่ะ ไม่เป็นไรนะ ก็คือฉันชอบนาย ฉันเลยอยากมาทำงานที่นี่ อยากมาอยู่ใกล้ชิดนาย จะได้ใช้เวลากับนายให้มากขึ้น” เรียวจันทร์ยิ้มแฉ่ง ไหวไหล่ทั้งสองข้างขึ้น คมเขี้ยวหรี่ตามอง ยังคงไม่ไว้ใจแม้จะทึ่งจนเบลออยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้คล้อยตามกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก
“ชอบผม? ทั้งที่เราไม่เคยเจอกัน ไม่รู้จักกันมาก่อน เพิ่งเคยเจอกันครั้งเดียวน่ะเหรอ” เรียวจันทร์พยักหน้าตอบรับแบบทันที
“เยส! คือแบบว่า…” หนุ่มนายแบบอ้าปากค้างเล็กน้อย พอต้องแถแบบเร่งด่วนก็ทำชะงักไปเหมือนกัน ยิ่งเห็นสายตาของไอ้เครามาดโหดที่มองอย่างกดดันก็เกือบจะทำเอาไปไม่เป็น แต่คลาสการแสดงที่เรียนมาก็พอจะช่วยเหลือนางได้อยู่บ้าง
“…ถึงเราจะเพิ่งเคยเจอกันครั้งเดียว และการเจอกันครั้งแรกของเราอาจจะไม่ดีเท่าหน้าฉัน แต่ก็ต้องยอมรับนะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของนายดึงดูดใจฉัน แล้วก็ต้องยอมรับเลยนะว่านายน่ะหล่อ” เรียวจันทร์พยักหน้าว่า
ใช่ๆ แบบนั้นละ อย่างนั้นเลย ท่อนท้ายของประโยคนางไม่ได้โกหกสักหน่อย ก็หมอนี่มันหล่อจริงๆ
คมเขี้ยวขยับเปลือกตาที่หรี่มองอีกฝ่ายอยู่ให้เบิกกว้างขึ้นตามเดิม ริมฝีปากสีแดงบิดเล็กน้อยคล้ายกระตุกเบาๆ ดวงตาคมปลาบมองหน้าสวยหวานเกินชายของเรียวจันทร์อย่างประเมิน
“มองแค่เปลือกนอกก็เลยชอบว่างั้น” คิ้วเข้มของหนุ่มบ้านไร่เลิกขึ้นเป็นเชิงสงสัย เรียวจันทร์กะพริบตาปริบสองสามที เม้มปากนิดหนึ่งแล้วรีบตอบ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่นายนึกออกมั้ยว่ามันเป็นสิ่งแรกที่ฉันเห็น ชูโนว์? เฟิรส์อิมเปรสชึ่น (You know? First impression) แล้วฉันก็ชอบ ฉันก็เลยอยากมาสัมผัสเนื้อในของนายที่เปลือกนอกของนายห่อหุ้มอยู่ไง” เรียวจันทร์คิดว่ามันสมเหตุสมผลอยู่นะที่พูดไปน่ะ
“หึ นี่คือการแถสดใช่มั้ย” คมเขี้ยวยกมุมปากซ้ายขึ้นอย่างถากถาง แวบหนึ่งเรียวจันทร์เกือบถลึงตามองเพราะความหมั่นไส้กับอาการเหนือกว่าของไอ้เครา แต่ก็ทำเนียนบ้องแบ๊วต่อไป
“เปล่าสักหน่อย ที่พูดไปน่ะออกมาจากใจล้วนๆ นะ!” เรียวจันทร์ทำหน้าว่า
ฉันจริงจังนะ! แต่คมเขี้ยวกลับทำหน้าว่า
เหรอ? กลับมาให้
“ออกมาจากใจหรือไตคิดให้ดีๆ ไตมันยังกรองปัสสาวะได้ แต่ใจคุณกรองอะไรได้บ้าง”
“นี่ๆ น้อยๆ หน่อย ฉันกำลังบอกชอบนายอยู่นะ ให้เกียรติความรู้สึกฉันบ้าง กล้ามาดูถูกฟีลลิ่งฉันได้ยังไง” คมเขี้ยวหัวเราะเสียงทุ้มแหบออกมาจากลำคอ หันหน้าไปมองทางอื่นครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองหน้าเรียวจันทร์ต่อ
“เนี่ยเหรอ อาการของคนที่กำลังบอกชอบคนอื่นอยู่ หน้าคุณโคตรจริงใจเลยเนอะ” คมเขี้ยวน่ะว่าประชด แต่แม่นางเรียวจันทร์น่ะ นางเข้าใจไปอีกอย่าง
“ก็ใช่น่ะซี๊! นายก็เห็นใช่มั้ยล่ะว่าฉันจริงใจกับความรู้สึกฉันขนาดไหน เห็นป้ะ นายยังเห็นได้จากสีหน้าฉันเลย” รอยยิ้มภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวผ่อง นึกชมตัวเองว่าทำได้ดีตีบทแตกใช้ได้
คมเขี้ยวขมวดคิ้วฉับ มองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าไอ้จันทร์ไรกำลังคิดเข้าข้างตัวเองไปขนาดนั้นได้ยังไง สัมผัสไม่ถึงอาการจริงๆ ของเขาเลยงั้นเหรอ
“ยิ่งแบบนี้ ผมยิ่งให้คุณมาอยู่ในฟาร์มกับผมไม่ได้หรอก” คนตัวสูงกว่ายืดตัวตรงขึ้น เลื่อนศอกออกจากขอบกระบะหลังแล้วใช้สองมือจับขอบกระบะแทน เรียวจันทร์เบิกตากว้าง หน้าตาตื่น นางลุกขึ้นยืนอย่างเร็วแล้วก้าวกระโดดลงไปยืนตรงหน้าพ่อหนุ่มคาวบอย
“แบบนี้คือแบบไหน ที่ฉันพูดไปคือเรื่องจริง…” ยังไม่ทันพูดจบ คมเขี้ยวก็แทรกเสียงเข้มขึ้นมาพร้อมหน้าตาเข้มงวดกวดขัน
“…ไม่จริง! บอกมาดีกว่าว่าทำไมคุณถึงอยากมาอยู่ที่นี่ คุณมีอะไรแอบแฝงใช่มั้ย?!”
“แอบแฝงอะไรล่ะ?! ก็บอกอยู่นี่ไงว่าฉันชอบนาย ถ้าจะหาว่าฉันแอบแฝงอะไร ก็คงเป็นการที่ฉันอยากเป็นเมียนายมั้ง?!” คมเขี้ยวอ้าปากหวอเล็กน้อย แอบมึนไปเหมือนกันที่ได้ยินไอ้ตัวพินาศพูดแบบนั้น
“ยอมรับซะบ้างสิว่านายอะหน้าตาดี ถ้าฉันจะชอบนายก็ไม่เห็นแปลกอะไร เนี่ย ดูสิ…” เรียวจันทร์ผายมือซ้ายไปทางร่างสูงใหญ่ กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ลดมือขึ้นลงตามสายตาตัวเองก่อนจะไปหยุดที่ใบหน้าหล่อๆ ของพ่อคาวบอยที่กำลังย่นคิ้วมองนางอย่างระแวดระวัง
“…รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาก็ดี หุ่นก็ล่ำแน่น มีร้อยให้เก้าสิบเลยที่อยากเป็นเมียนาย แล้วถ้าฉันจะเป็นหนึ่งในเก้าสิบที่อยากเป็นเมียของเจ้าของฟาร์มอรุณพยัคฆ์บ้าง มันจะเป็นอะไรล่ะเฮาะ?!” เรียวจันทร์จีบปากจีบคอ ทำหน้าจริตจิกชายสุดพลัง คมเขี้ยวมองด้วยความทึ่ง พอเห็นว่าเขาเงียบไม่ตอบโต้อะไร มันเลยจัดชุดใหญ่ให้เขาเต็มที่ ใส่อารมณ์และแอคติ้งมาเต็ม คมเขี้ยวแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างที่แห้งผาก ยกมือขวาขึ้นเบรกเรียวจันทร์ รีบตั้งสติแล้วรีบโต้กลับ
“เดี๋ยวก่อน ถ้าผมจะมีเมีย ผมจะมีเมียเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย” เรียวจันทร์จึ๊ปากหนึ่งทีแล้วยิ้มเป็นกันเอง
“เอาน่า…” มีการยกมือแตะต้นแขนเขาเบาๆ ด้วยท่าทีสนิทสนมอีกต่างหากด้วย
“…สมัยเนี้ยมีเมียเป็นผู้ชายก็ได้ ไม่จำกัดแล้วว่าคำว่าเมียต้องเป็นผู้หญิง” คมเขี้ยวสะบัดมือขวาไปมารัวๆ เป็นการปฏิเสธ เริ่มทำหน้าตาจริงจังมากขึ้น
“ไม่! เอาชัดๆ นะ ผมชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“อ๊ะ! ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังไม่ชอบ เดี๋ยวอยู่ใกล้กันทุกวันนายก็ต้องชอบฉันบ้างแหละ” คมเขี้ยวทั้งอึ้งทั้งขำกับความมั่นใจในตัวเองของไอ้หน้าหวาน แล้วคือไม่ได้มั่นใจเล่นๆ ด้วยนะ ท่าทีกับน้ำเสียงที่พูดคือมั่นใจจริงจัง
“ถามจริง ความมั่นใจที่มีในตัวอะ สร้างขึ้นเองหรือไปขอใครมา” เรียวจันทร์ยืดตัวเชิดคอขึ้นอีกนิด เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งทำท่าคิดก่อนตอบ
“บอกเลยว่ามาจากตัวเองล้วนๆ!” เรียวจันทร์ทำหน้าว่า
อื้อ! ฉันนี่แหละ! มีการชูกำปั้นขวาขึ้นมาด้วยท่าทางอย่างกับนักสู้ประกาศศักดาให้กับตัวเอง คมเขี้ยวเหวอจนหน้าบิดเบี้ยว คิดว่ามันจะปฏิเสธบ้าง มันกลับทำท่าทางภูมิอกภูมิใจนักหนา
“ผมไม่เถียงหรอกนะว่าคุณอะหน้าสวย แต่…” ยังไม่ทันพูดจบคนโดนชมก็ทำหน้าดีใจประหนึ่งถูกประกาศว่าคือนางงามจักรวาลประจำปี สองมือยกขึ้นจับแก้มอย่างเขินอาย
“…เห็นมั้ยยย แค่นี้นายยังชมว่าฉันสวยเลย แล้วคิดดูสิ ถ้าเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เราต้องรักกันแน่ๆ” เรียวจันทร์ฉีกยิ้มกว้าง หัวเราะอารมณ์ดีอย่างมีจริต สองมือจับอกตัวเองก่อนแบไปทางคมเขี้ยวที่ขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกอยากทุบกบาลตัวเองที่พลาดไปชมมัน คือไม่ได้ตั้งใจจะชม คือจะเตือนอะไรสักหน่อยไง แต่ยังพูดไม่จบเลย
“เฮ้ยๆ ไปกันใหญ่แล้ว ไม่ได้จะชมว่าสวย คือฟังให้จบก่อนได้ป้ะ” พ่อหน้าเคราเริ่มจะงึดๆ ในอกกับอาการหลงตัวเองแบบไม่แคร์โลกของแม่นางตรงหน้า
“ฮือ?! จะมาบอกว่าไม่ชมได้ไง ก็พูดอยู่เมื่อกี้ว่าฉันหน้าสวย…” เออ! กูพลาดละจริงๆ ที่เกริ่นประโยคนั้นออกมา คมเขี้ยวกัดฟันแน่น ทำหน้าทำตาไม่ถูกเลยว่ากูจะอารมณ์ไหนดี
“…จะบอกอะไรให้นะ ความรักมันไม่จำเป็นต้องแค่ชายหญิงแล้ว แค่นายลองเปิดใจให้ฉันเข้าไปข้างใน ให้เราได้เรียนรู้กัน มันก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้ ขอแค่อย่าปิดกั้นตัวเองจากฉันแค่นั้นแหละ”
“ไม่ได้ปิดกั้น! แต่ไม่ชอบผู้ชาย ชอบผู้หญิงเว่ย!”
“เออ! รู้แล้วว่าชอบผู้หญิง ก็ถึงได้บอกนี่ไงว่าให้ลองเปิดใจให้กันก่อน ยังไม่ได้ลองคุยกันเลยอะ ทำไมรีบปฏิเสธจัง” ใบหน้าสวยมุ่ยอย่างไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้ว่าจะต้องเป็นแฟนกันวันนี้ตอนนี้เลยสักหน่อย พยายามต่อรองเรื่องเวลาศึกษาดูใจกันอยู่นี่ไง
“เฮ้ย ทำไมมึนจังวะคุณ คือไม่เข้าใจเหรอว่าผมไม่ได้เป็นเกย์!” คมเขี้ยวก็แสนจะเหลืออดเหลือทนกับความหน้ามึนของไอ้คนตรงหน้า
“โอ๋ยยย! ไม่จำเป็นต้องเป็นเกย์ก็รักกันได้ แบบชายชายอะ เข้าใจป้ะ?!” คมเขี้ยวมองหน้าเรียวจันทร์อย่างอ่อนใจ แล้วทำหน้าว่า
มึงนี่เนาะ?! เขายกมือขยี้หัวรัวๆ หนึ่งที
“เอาง่ายๆ ไม่เอาตูด จบป้ะ?!” เรียวจันทร์ถลึงตามอง เห็นหน้าเข้มๆ เพราะหนวดดกดำทำยักคิ้วกวนตีนกลับมาให้ก็นึกหมั่นไส้ หน็อย! แค่บอกว่าชอบหน่อยต้องมาทำท่าทำทางจิ๊กโก๋รึไง
เร็วกว่าความคิด เร็วเกินจะห้ามตัวเองทัน เรียวจันทร์พุ่งตัวเอาแขนโอบรอบคอคมเขี้ยวไว้แน่น แล้วกดคออีกฝ่ายให้ลงมารับจูบจากตัวเอง คมเขี้ยวเบิกตากว้าง ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่งปล่อยให้เรียวจันทร์เอาริมฝีปากบดบี้ริมฝีปากตัวเอง มาได้สติตอนได้ยินเสียงลูกน้องที่อยู่แถวๆ คอกม้าโห่แซวนั่นแหละ
“โห!! เฮ้ย พี่เขี้ยวเปรี้ยวว่ะ จูบกันตรงนี้เลยเหรอพี่!!” คมเขี้ยวยกสองมือจับเอวบางของเรียวจันทร์แน่นแล้วผลักออกจากตัวอย่างแรงจนเรียวจันทร์ร้องโอ๊ย
“แม่งเอ๊ย!!!!” เจ้าของฟาร์มหนุ่มสบถหัวเสีย หน้าตาโกรธจัด แล้วสิ่งสุดท้ายที่เรียวจันทร์จำได้คือแรงเหวี่ยงอันรุนแรงและแรงกระแทกเข้าที่บุโรทั่งสีฟ้า
ปัง!!!
“เฮ้ย!!!” แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป ได้ยินเสียงโวยวายแว่วๆ แต่ความรู้สึกมึนในหัวทำให้สติค่อยๆ หายไปในที่สุด
“แกทำได้ไงไอ้เขี้ยว เกิดหนูเรียวเขาหัวแตกขึ้นมาจะทำยังไง?!”
“โห่ป๋า! ผมไม่ได้ตั้งใจ ก็ผมตกใจอะ จู่ๆ แม่งเข้ามาจูบผมนะเว้ย!” คมเขี้ยวเถียงหน้าเครียด ไม่แพ้ใบหน้าของบิดาที่กำลังจ้องเขาอย่างไม่พอใจ
“ไอ้ไก่ก่อน โดนจูบแค่นี้ถึงกับสติแตก!” คมเขี้ยวหน้าตื่นกับคำปรามาสของบิดาทันที
“เฮ้ยๆ ป๋า เดี๋ยวก่อนๆ ผมโดนผู้ชายจูบนะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง!” ใครมันจะทำท่ายินดีปรีดาวะโดนผู้ชายจู่โจมจูบปากขนาดนั้น แถมจูบต่อหน้าลูกน้องเป็นสิบ ป่านนี้แม่งคิดกันไปไหนต่อไหนแล้วว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน
“เออ! ป๋ารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่แกไม่จำเป็นต้องทำรุนแรงกับเขาขนาดนี้”
“คือผมตกใจ โอเคป้ะป๋า ไม่ต้องออกนอกหน้าแทนไอ้เรียวขนาดนี้ก็ได้ ลูกชายป๋าเสียหายนะเว้ย โดนผู้ชายจูบใช่เรื่องเรอะ!”
“เสียหายใช่มั้ย?! งั้นเดี๋ยวป๋าจัดงานแต่งให้แกกับหนูเรียวเลยดีมั้ยล่ะ ฮะ?!” ไอ้เจ้าลูกชายทำท่าขนพองสยองเกล้ายกใหญ่ คนเป็นพ่อเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ผมเอาไอ้หงายเป็นเมียยังดีกว่าอีก”
“เออ! ปากดีไปเหอะไอ้เขี้ยว!” เมฆาชี้หน้าลูกชาย สายตาคาดโทษเอาไว้ก่อน คมเขี้ยวขมวดคิ้วหน้าตาไม่พอใจสักเท่าไหร่เช่นกัน
สองพ่อลูกหันไปมองคนตัวบางผิวผ่องนอนสลบอยู่บนตักของคุณบัวที่ใช้ยาดมแกว่งไปมาใต้จมูก แต่เรียวจันทร์ก็ยังไม่มีวี่แววจะตื่นจากอาการสลบเพราะหัวกระแทกกับตัวรถกระบะอย่างแรง
“แม่ก็ไม่ได้เห็นชอบเรื่องที่เขาทำกับเขี้ยวหรอกนะ แต่เราทำเกินไปจริงๆ เนี่ย หัวน้องโนเลย” คมเขี้ยวเบิกตากว้างมองตรงจุดที่มารดาชี้ให้ดู บริเวณขอบหน้าผากฝั่งซ้ายของเรียวจันทร์ปูดขึ้นมานิดหนึ่ง คนทำสลดลงไปนิดแต่ก็ยังไม่อยากยอมรับความผิดนี้ไว้คนเดียว
“ก็ถ้ามันไม่เข้ามาลวนลามผมก็ไม่โดนแบบนี้หรอก”
“ยังอีก เดี๋ยวเถอะไอ้เขี้ยว ทำให้ป๋ากับแม่เสียเวลาไปงานเลี้ยงเลยเนี่ย” เมฆากับภรรยากำลังจะออกไปงานแต่งงานของลูกเพื่อนคุณบัว แต่ก็มาเจอกับเหตุการณ์วุ่นวายนี่เสียก่อน เลยทำให้ต้องหยุดชะงักการเดินทางไป
“ไม่ต้องไปก็ได้คุณเมฆ อยู่ดูแลหนูเรียวก่อนก็ได้” เมฆามีสีหน้าลำบากใจ จะไม่ไปงานนั้นก็ได้แต่ก็รับปากเขาไว้แล้ว ก็เคยทำธุรกิจด้วยกันเล็กๆ น้อยๆ เขาเองก็อยากไปร่วมแสดงความยินดีกับงานมงคลสมรสนี้ แต่จะให้ทิ้งลูกเพื่อนสนิทที่เจ็บตัวเพราะลูกตัวเองไปก็กระไรอยู่
“โอยยย…” ในขณะที่ทุกคนกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด คนตัวบางที่นอนสลบอยู่ก็ส่งเสียงครางขึ้นมาเบาๆ สองพ่อลูกขยับตัวเข้ามาดูทันที เห็นแบบนี้แต่คมเขี้ยวก็แอบกลัวว่าไอ้หน้าหวานจะเป็นอะไรรุนแรงหรือเปล่า
เปลือกตาเรียวจันทร์ค่อยๆ ขยับขึ้นอย่างช้าๆ จนกระทั่งลืมเต็มตา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปรอบๆ อย่างงงๆ เห็นใบหน้าของหญิงสาวหน้าตาใจดีคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มให้ พอเลื่อนไปมองข้างๆ อีกรอบก็เจอใบหน้าหนวดเข้มของผู้ชายสองคน
“เป็นไงมั่งหนูเรียว เจ็บตรงไหนบ้าง” เมฆาเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล เรียวจันทร์ย่นคิ้วแล้วก็ซี๊ดปากเบาๆ เพราะสะเทือนถึงตรงเนื้อที่ปูดออกมา นางยกมือซ้ายขึ้นแตะตรงที่มันโน สีหน้าตกอกตกใจ
“หัวโน… หัวโนอะ… เจ็บ…” ริมฝีปากสีชมพูสดแบะน้อยๆ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้ เมฆาหันไปมองลูกชายตัวเองด้วยสายตาเอาเรื่อง คมเขี้ยวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ในใจก็แอบเป็นกังวลเล็กๆ ว่าไอ้เรียวจะเป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่า
“ป๋าขอโทษแทนไอ้เขี้ยวมันด้วยนะ” เรียวจันทร์ไม่ตอบอะไรแต่สีหน้าหม่นมากทีเดียว นางค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นโดยมีแม่ของคมเขี้ยวช่วยประคองไว้อีกที พอลุกขึ้นนั่งได้เรียวจันทร์ก็มองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างรู้สึกผิด เลื่อนสายตาไปมองคมเขี้ยวที่มองกลับมาอย่างเฉยชาก็ยิ่งรู้สึกสลด
“เรียวขอโทษนะครับที่ทำกิริยาไม่ดีใส่ลูกคุณป๋ากับ…” เรียวจันทร์หันไปมองคุณบัว เธอยิ้มอ่อนโยนแล้วตอบเสียงสุภาพ
“…แม่จ้ะ” คนหน้าหวานพยักหน้ารับรู้เพียงนิด ยกมือไหว้ทั้งสองคน
“ขอโทษนะครับที่เรียวลวนลามลูกชายคุณป๋ากับคุณแม่ เรียวทำตัวแย่มาก” นางว่าเสียงอ่อย หน้าตาหมองเศร้า ท่าทางหงอยเหงาจับใจ
“ยังไม่ได้เสียตัวให้กันสักหน่อย ไม่ต้องคิดมากหนูเรียว”
“อ้าวเฮ้ยป๋า ทำไมพูดงี้อะ ต้องรอให้เขาเอาผมจนท้องก่อนใช่ป้ะ” คนเป็นลูกชายว่าหน้าตาขมุกขมัว มองบิดาตัวเองอย่างนึกเคืองใจว่าทำไมไม่เข้าข้างลูกตัวเองเลยสักนิด ก็เข้าใจได้ว่านั่นน่ะลูกผู้มีพระคุณ แต่ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ โห่ นี่ถ้ายกขันหมากไปขอไอ้จันทร์ไรให้เขาได้คงยกไปแล้วมั้ง
“ไอ้เขี้ยว แกแค่โดนจูบ แต่หัวหนูเรียวปูดขนาดนั้น?!” เมฆาชี้ไปที่เรียวจันทร์ซึ่งนั่งก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตากับใคร
“อ้าว ก็…”
“…ไม่เป็นไรหรอกครับป๋า” หลังจากก้มหน้ามาสักพัก เรียวจันทร์ก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคนแต่ที่ทำเอาเมฆาและคุณบัวตกใจคือน้ำตาที่ปริ่มตรงขอบตา แล้วพอสบตากับคมเขี้ยวน้ำตาก็หยดลงบนแก้มนวลทั้งสองข้างทันที หนุ่มหน้าเข้มเองก็อ้าปากหวอน้อยๆ มองอีกฝ่ายด้วยความอึ้งเหมือนกัน
“เรียวไม่ดีเอง ฮึก… คุณเขี้ยวเขาคงรังเกียจเพศแบบเรียว เขาคงขยะแขยงที่เรียวทำแบบนั้น…” เรียวจันทร์เว้นช่วงเพราะสะอื้นหนักจนเสียงถูกกลืนลงคอไป สามพ่อแม่ลูกเห็นแบบนั้นก็มองหน้ากันอย่างลนลานเล็กๆ
“…เรียวขาดสติเอง ผู้ชายคนไหนโดนแบบนั้นก็คงต้องทำแบบนี้ นี่ก็ดีมากแล้วครับที่คุณเขี้ยวเขาไม่ต่อยหน้า อึก…” มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มอย่างน่าสงสาร แววตาเหมือนกวางน้อยเศร้าหมอง เมฆาหันไปมองคมเขี้ยวที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาเลยเลือกจะหลบสายตาบิดาตัวเองไปทางอื่น
“แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงล่ะหนูเรียวถึงได้เข้าไปจูบพี่เขา” คุณบัวถามอย่างใจเย็น ไม่ได้โกรธเคืองหรือมองอีกฝ่ายอย่างรังเกียจ เพียงแต่อยากรู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เพราะลูกชายตนเองเอาแต่โวยวายกับผู้เป็นบิดาจนไม่ได้ความจริงจังสักที
เรียวจันทร์หันไปมองหน้ามารดาคมเขี้ยวด้วยสายตาน่าสงสาร อ้าปากตอบเสียงอ่อย “…ก็ พอดีเรียวบอกชอบคุณเขี้ยว แต่เขารับไม่ได้ เราเลยยืนเถียงกัน เรียวก็แค่… ก็แค่อยากให้เขารู้ว่าชอบเขาจริงๆ”
คุณบัวอ้าปากค้างไปนิดกับสิ่งที่ได้ยิน พอหันไปมองหน้าสามีตนเองก็เห็นฝ่ายนั้นยืนหน้ามึนเหมือนสมองตื้อคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ จริงๆ จากเหตุการณ์ที่ลูกชายโดนจู่โจมจูบแบบนั้นก็พอจะนึกออกบ้างว่าน่าจะมีต้นเหตุจากอะไร แต่พอได้ยินสาเหตุจากปากจำเลยจริงๆ ก็ทำเอาก่งก๊งไปเหมือนกัน
“เรียวไม่มาทำงานที่นี่ก็ได้แล้วนะครับคุณป๋า เดี๋ยวจะอึดอัดกันเปล่าๆ เรียวขอโทษ…” แล้วน้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาคู่สวยใสทั้งสองข้างพร้อมกับอาการสะอึกสะอื้นเสียงแผ่ว เมฆามองอย่างทำอะไรไม่ถูก คุณบัวพอจะได้สติอยู่บ้าง เธอเลยยกมือลูบหลังเรียวจันทร์เบาๆ
“ใจเย็นๆ นะหนูเรียว พ่อกับแม่ไม่โกรธ ไม่ว่า ไม่เคืองอะไรทั้งนั้นลูก” เธอไม่ได้แอนตี้เพศที่สามมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเพื่อนฝูงก็มีแบบนี้เยอะแยะ แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ว่าถ้าลูกเธอจะมีแฟนเป็นผู้ชาย เธอก็คงคิดหนักอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดกีดกันเป็นแม่ผัวใจร้าย
“ไม่จริงหรอกครับ เรียวรู้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้ง่ายๆ…” เรียวจันทร์สะอื้นอีกรอบ หน้าตายับย่นเพราะร้องไห้เต็มที่ไม่มีกั๊ก คมเขี้ยวมองอย่างประหลาดใจ คิดในใจคนเดียวว่าอะไรจะร้องไห้เยอะแยะปานนั้น แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาเพราะทำเขาไว้ซะแรง
“ป๋าไม่รังเกียจหนูเลยหนูเรียว ป๋าแค่กำลังอึ้งที่จู่ๆ มีผู้ชายมาบอกชอบลูกชายป๋า คือป๋าเพิ่งเคยเจอน่ะ” คมเขี้ยวตบมือดังป้าบ สีหน้าครึ้มอกครึ้มใจที่มีคนเข้าใจความรู้สึกเขาสักที
“ใช่ป้ะล่ะป๋า แม่งจู่ๆ โดนผู้ชายด้วยกันบอกชอบอ ผมก็ช็อคดิ แถมยังจูบผมอีก!” พอมีโอกาสคมเขี้ยวก็ขยี้อารมณ์ตัวเองยกใหญ่ คุณบัวมองด้วยสายตาปรามเลยทำให้เขาชะงักไปบ้าง
“ป๋าก็เข้าใจแกนะไอเขี้ยว…” คมเขี้ยวเลิกคิ้วขึ้นแล้วกำลังจะอ้าปากยิ้ม แต่ก็หุบฉับเพราะประโยคถัดไป
“…แต่แกไม่ต้องเหวี่ยงเขาแรงขนาดนี้ก็ได้ ผลักออกแบบมีมารยาท แกทำเป็นมั้ย”
“โห่ อะไรวะ นี่ใครเป็นลูกบ้านนี้กันแน่เนี่ย กูโดนด่าซะงั้น” เขาว่าอย่างหัวเสีย หน้าตาเซ็งจัด สายตามองเรียวจันทร์ที่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างขุ่นเคือง
แม่ง! ตั้งแต่มันเข้ามาในชีวิตเนี่ย กูเหมือนหมาหัวเน่าไปเลย ทำอะไรก็ผิด!
“อย่าไปว่าเขาเลยครับ ผมผิดเอง ผมขอโทษนะครับคุณเขี้ยว” ฮึ่ย! มายกมือไหว้ทำหน้าจ๋อยใส่อีก
“น้องขอโทษแล้ว แล้วเราล่ะเขี้ยว เหวี่ยงจนเขาเจ็บตัวน่ะจะว่ายังไง” แม่เขาไม่ได้ว่าเสียงดุ เสียงข่มหรือมีท่าทีบังคับอะไรเลย แค่ถามให้คิดเท่านั้น แล้วคือเขาก็ต้องคิดเป็นไง รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร แต่ยิ่งมองตาใสๆ แสนเศร้าสลดกับน้ำตาอาบแก้มนั่น มันกลับทำให้รู้สึกอยากต่อต้านมากขึ้นไปอีก
คือก่อนหน้านี้ยังปากเก่ง เถียงฉอดๆ หลงตัวเองอยู่ได้ตั้งนานสองนาน พอมาตอนนี้แม่งอ่อนแออ่อนแรงไปซะงั้น แล้วจะให้เชื่ออารมณ์ไหนกัน หรือว่าพอหัวโขกเลยเพี้ยนเป็นแม่พระขึ้นมา?!
“ไอ้เขี้ยว” ชายหนุ่มหันไปมองหน้าบิดาตัวเองที่มองอย่างกดดัน เขากลอกตาเซ็ง พ่นลมหายใจออกทางจมูกแรงๆ
“เออๆ ขอโทษที่เหวี่ยงแรงอย่างนั้น” เรียวจันทร์ยิ้มดีใจ สองมือเช็ดน้ำตาป้อยเหมือนเด็กน้อย เมฆามองหน้าลูกเพื่อนสนิทแล้วก็นึกสงสาร สมัยเด็กๆ น่ะไอ้อาทิตย์เพื่อนเขาประคมประหงมตาหนูเรียวอย่างกับอะไรดี แล้วตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว เด็กคนนี้ก็ต้องอยู่ด้วยตัวเอง ถึงจะมีแม่แต่ก็เหมือนไม่มี
“พักที่นี่สักแปบก็ได้หนูเรียวแล้วเดี๋ยวค่อยกลับ หรือจะนอนค้างไปเลยก็ได้” คมเขี้ยวทำท่าว่าจะขัด แต่พอเห็นสายตาปรามของมารดาอีกรอบเลยหุบปากฉับด้วยท่าทีขัดใจ
“ขอบคุณครับคุณป๋า แต่เรียวคงกลับกรุงเทพฯ พอดีมีงานต้องกลับไปทำ ขอแค่นั่งพักสักแปบก็โอเคแล้ว” เรียวจันทร์พูดด้วยท่าทีนอบน้อมอ้อมแอ้ม คมเขี้ยวขมวดคิ้วมองอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจนัก
“ถ้างั้นเขี้ยวดูแลน้องด้วย แม่กับพ่อจะได้ออกไปงานเลี้ยง” คมเขี้ยวหน้าตื่นส่ายหัวหน้าตั้ง สองมือโบกปฏิเสธรัวๆ จนเมฆาอดใจไม่ไหว ต้องยกมือตบกะโหลกไปสักที
“ทำท่าทำทางมันน่านักไอ้นี่!”
“เอ้า อะไรวะ ก็ดูแลตัวเองดิ” พูดจบก็ต้องเอี้ยวหัวหลบมือตบของป๋าตัวเองอย่างฉับไว
“เอ๊! ไอ้นี่หนิ เป็นคนยังไง ทำร้ายเขาแล้วก็ต้องรับผิดชอบสิวะ”
“แล้วที่ผมโดนจูบล่ะป๋า”
“ยังไม่เลิกกับเรื่องจูบใช่มั้ย งั้นแกก็จูบหนูเรียวกลับไปสิ ไม่งั้นก็แต่งงานกันเลย ทำอย่างกับเสียบริสุทธิ์!” คุณป๋ามองไอ้ลูกชายด้วยสายตาหมั่นไส้ มาทำหวงเนื้อหวงตัว ใช่ว่ามันไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามา อาจจะแปลกไปหน่อยกับผู้ชายด้วยกัน แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจอะไรมันถึงขั้นซึมเศร้าจนต้องมาทำท่าทีสะดีดสะดิ้งหวงเนื้อหวงตัวใหญ่โตอย่างที่เป็นอยู่ คมเขี้ยวขมวดคิ้วและแยกเขี้ยวอย่างหงุดหงิด ชกกำปั้นไปในอากาศรัวๆ เหมือนมีกระสอบทรายอยู่ตรงหน้า แต่จริงๆ เขากำลังจินตนาการว่าเป็นหน้าหวานๆ ของไอ้จันทร์ไรมากกว่า
“ตามสบายนะหนูเรียว ถ้าไอ้เขี้ยวแกล้งอะไรอีก บอกป๋าได้เลย” เรียวจันทร์ยิ้มอ่อน พยักหน้ารับน้อยๆ สองสามทียกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสอง ฝ่ายภรรยาเอ่ยกำชับลูกชายให้ดูแลเรียวจันทร์ให้ดีก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้องรับแขกของบ้าน โดยมีลูกชายขออาสาออกไปส่งหน้าบ้านเพราะมีเรื่องจะคุยกับบิดามารดาเพิ่มเติม
คล้อยหลังครอบครัวพยัคฆ์เกรียงไกรทั้งสามคนไป เรียวจันทร์ก็หยุดสะอื้นฉับพลันราวกับมีคนกดปุ่ม STOP ยกสองมือปาดน้ำตาทิ้งเร็วๆ ชะโงกหน้าไปมองตรงประตูกระจกที่ทั้งสามเพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้นี้ด้วยท่าทีระมัดระวัง พอเห็นว่าทั้งสามหายลับไปแล้ว นางก็ผ่อนลมหายใจยาวๆ ขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า แววตาที่เคยเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายวิบวับ รอยยิ้มที่เคยอ่อนหวานนอบน้อมถ่อมตนเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าอันหมองหม่นเปลี่ยนเป็นสดใสเริงร่าตามปกติ ท่าทีหงอยเหงาเหมือนเหงาหอยเศร้าสร้อยเมื่อกี้กระเด็นหายวับไปกับตา
อื้ม… ถือว่าแอคติ้งใช้ได้ เปิดกล้องภายนตร์เมื่อไหร่ เทคเดียวคงผ่านฉลุย หุๆ
นางร้ายนะคะหัวหน้าาา นางแอคติ้งค่าาา 55555 ถือว่าเป็นการซ้อมแอคติ้งก่อนเปิดกล้องหนัง คริๆ ใช้ได้ๆ
พี่เขี้ยวบอก กูโดนเต็มๆ เสียหายเต็มๆ แต่ไม่มีคนเข้าข้างกูเลยยย โธ่ พี่เขี้ยว มาหาหนูมา รักพี่นะ
น่าจะพอเห็นลางๆ เนอะว่าเรื่องนี้ไม่มีดราม่าครอบครัวรับไม่ได้ ไม่ใช่พ้อยท์หลักค่ะ พ้อยท์หลักคือความจี๊ดของแม่เรียวจันทร์กับความซึนและความน่ารักของพี่เขี้ยว เราเลิฟพี่เขี้ยวมั่กจริงง แอร๊ยยย > <
คำว่า Deviltress ตอมผสมคำเองนะคะ มาจาก Devil+actress ค่ะ เจอคำไหนผิดๆ แปลกๆ บอกได้เน้อออ แล้วมีใครคิดถึงเสี่ยทัพมั้ยย ฮิ้ววว เดี๋ยวเสี่ยจิมาแล้นนน