❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ  (อ่าน 11298 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................               
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2021 18:25:45 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤
«ตอบ #1 เมื่อ13-04-2020 13:15:19 »

❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤



รักษ์ต้องเดินทางไกลมาใต้เพื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็กแฝดที่ใครๆ ก็ว่าทั้งแสบ ทั้งซน แถมยังต้องเจอนายจ้างที่แสบไม่น้อยหน้าลูกๆ ทำให้เกิดเรื่องราวที่ทั้งแสบ มัน ฮา และอบอุ่นหัวใจ



☆ รักษ์ ☆

เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่ต้องเดินทางไกลมาใต้เพื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็กแฝดที่ใครๆ ก็ว่าทั้งแสบ ทั้งซน

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

☆ ลมเล ☆

คุณพ่อลูกสองที่เป็นถึงนายหัวแห่งสวนสายลมเรื่องอื่นยอมได้แต่เถียงลูกยอมไม่ได้

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

☆ ขุนอินทร์ ☆ ขุนจันทร ์

☆ เด็กแฝดที่มีทั้งความแสบ ซ่า ซน และความน่ารักในแบบฉบับของหนุ่มน้อยลูกคู่

#อนาคตอยากเป็นแฟนอารักษ์

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

"อารักษ์ดูๆ ลิงพ่อตัวใหญ๊ใหญ่"

"น้องจันทร์! "

"อารักษ์ทำไมหน้าแด๊งแดง"

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

"ทั้งแสบทั้งดื้อถามจริงอนาคตพวกเอ็งจะทำอะไรได้"

"เป็นแฟนอารักษ์! "

"ไม่ให้โวยยยยยย ไอ้ลูกพวกนี้"

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

เรื่องนี้บอกเลยค่ะแต่งสนองตัวเองล้วนๆ เพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรเลยเรื่อยๆ เฉื่อยๆ อิอิ เรื่องนี้ก็จะมาแบบแบ๊วๆ ที่ไร้อะไรเลย อิอิ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ให้ในดวงใจคนอ่านด้วยนะคะ อาจจะไม่สนุกนั้นก็ต้องขอ อภัย ด้วยจริงๆ ค่ะแต่เรื่องนี้ตั้งใจมากค่ะเพราะเป็นแนวที่ชอบ

สุดท้ายนี้ รักนะคะคนอ่าน

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 1



        “ฉันตัดสินใจแล้ว”

        “รักษ์ แกไม่คิดดูอีกทีเหรอ” น้ำฟ้าถามย้ำการตัดสินใจของเพื่อนชาย​อีกครั้ง

        “ไม่ละฉันคิดดีแล้ว แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันเป็นไง” รักษ์ตอบยืนยันไปหนักแน่น คิดไม่ตกมาตลอดจนสุดท้ายก็ตัดสินใจได้เพื่อครอบครัวรักษ์จำเป็นต้องเลือก

        “แกไม่เสียดายเวลาที่เรียนมาเหรอ” น้ำฟ้ายังคงเกลี้ยกล่อมเพื่อนชายตรงหน้า

        “ถึงเสียดายก็ทำอะไรไม่ได้ น้ำฟ้า แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันกำลังลำบากจะให้ทำไง แก่อย่าห้ามฉันเลย” ใช่ว่ารักษ์อยากออกจากเรียนทั้งที่อุตส่าห์อยู่ปีสองแล้วแท้ๆ แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่ที่มีอาชีพขายพวงมาลัยในตลาดเงินที่ได้มามันไม่ได้มากมายพอที่จะส่งรักษ์เรียนต่อได้ถึงรักษ์จะทำงานพิเศษด้วยก็ตามมันก็ไม่พออยู่ดีไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารการกินของสามชีวิตในครอบครัว และที่สำคัญคือค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่ต้องจ่ายทุกเดือนซึ่งเป็นเงินไม่ใช่น้อยๆ เพราะอย่างนี้รักษ์ถึงตัดสินใจออกจากเรียนและจะไปหางานทำคงช่วยจุนเจือค่าใช่จ่ายในครอบครัวได้บ้าง

        “แต่…ก็ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน” ถึงอยากจะขัดแต่สุดท้ายน้ำฟ้าก็ต้องยอมเพราะสายตาละห้อยของรักษ์ รู้ดีว่าที่บ้านของรักษ์ค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่คิดว่าถึงกับต้องออกจากเรียน ในเมื่อห้ามไม่ได้น้ำฟ้าก็ได้แต่คอยช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้

        “ขอบคุณนะที่เข้าใจ งั้นช่วยไรอย่างดิ” รักษ์ตอบรับน้ำฟ้าอย่างดีใจพร้อมกับสายตาแพรวพราว

        “อะไรแกรักษ์ บอกปุบเรื่องมาปับ”

        “อิอิ ก็บอกเองว่ามีเรื่องไรให้ช่วยก็บอก”

        “เออ! ให้ช่วยไรบอกมา”

        “ช่วยหางานให้หน่อยสิ”

        “แกมีงานพิเศษที่ซุปเปอร์แล้วนี่” น้ำฟ้าบอกเพราะเป็นคนพารักษ์ไปสมัครเมื่อสามเดือนก่อน

        “ก็ใช่ แต่อยากได้งานประจำ ลำพังแค่งานพิเศษมันไม่พอ” งานพิเศษที่ทำอยู่ก็ดีแต่มันไม่พอเลยอยากหางานประจำทำมันเงินดีกว่า

        “ก็จริง เดี๋ยวจะช่วยหาให้ก็แล้วกัน แต่นี้แกตัดสินใจดีแล้วนะ” น้ำฟ้าตอบรับแต่ก็ไม่วายถามรักษ์เรื่องจะออกจากเรียนอีกครั้ง

        “ดีแล้ว ยังไงก็ขอบใจแกมาก” รักษ์ตอบ ทั้งสองต่างหยุดพูดถึงเรื่องนั้นหันมาคุยเรื่องอื่นแทน ตอนนี้รักษ์และน้ำฟ้าอยู่ในร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มานี้เพราะรักษ์ต้องการบอกเรื่องที่จะออกจากเรียนให้น้ำฟ้ารู้ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดรักษ์เคยเกริ่นกับน้ำฟ้ามาแล้วหลายครั้งเพื่อนก็โวยใส่ตลอดก่อนมารักษ์ก็กังวลมาก ถึงแม้ทั้งสองจะพึ่งรู้จักกันได้แค่ปีกว่าๆแต่ทั้งสองก็สนิทกันมากเนื่องจากน้ำฟ้าเป็นเพื่อนคนแรกในมหาวิยาลัยใหญ่ในเมืองหลวงของประเทศ น้ำฟ้าเป็นคนสวย ตัวเล็ก ตาคมโต ขนตายาวและงอนมาก และมีผิวสีน้ำผึ่งที่บอกภูมิลำเนาที่อยู่ได้เป็นอย่างดี ใช่น้ำฟ้าเป็นเด็กใต้แต่ก็อยู่ตอนบนสุดที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูภาคใต้อย่างจังหวัดชุมพร ต่างจากรักษ์ที่เป็นคนกรุงเทพรักษ์เลยเป็นหนุ่มที่ค่อนข้างขาว ติดจะขาวมากเลยทีเดียวละใบหน้าเล็กได้รูป จมูกที่ไม่โด่งมากเกินไป ปากสีแดงตามธรรมชาติแม้จะไม่เป็นกระจับแต่ก็ได้รูปสวยงาม ร่างบางที่สูงโปร่งตามมาตรฐานชายไทย นับว่าเป็นคนน่าตาดีคนหนึ่ง

        “จริงสิ” ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่เพลินๆอยู่ดีๆ น้ำฟ้าก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังเรียกสายตาคนในร้านให้หันมามองจนต้องรีบเอ่ยขอโทษ

        “พูดซะเสียดัง มีอะไรน้ำฟ้า” รักษ์ถามเพื่อนสาวตรงหน้าเพราะเสียงดังจนรักษ์ตกใจ

        “ก็หางานให้แกไง” น้ำฟ้าพูดขึ้นทั้งยกยิ้มดีใจ เธอพึ่งนึกออกว่ามีอยู่งานหนึ่งแต่ก็ไกลพอสมควร และอีกอย่างไม่รู้ว่าได้คนไปหรือยัง

        “แกพูดจริงเหรอ งานไรๆ” รักษ์ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เพื่อนสาวคนนี้ช่วยเขาได้เสมอ

        “งานไม่ยากแต่ว่าไกลหน่อยหนึ่ง” น้ำฟ้าบอก

        “ไกลไม่เป็นไรขอให้ได้งานพอ” รักษ์บอก ไม่สนใจว่าจะไกลแค่ไหนแค่ให้เป็นงานที่ทำแล้วได้เงินก็พอ แต่ก็เชื่อว่าน้ำฟ้าคงไม่หาไกลมากนักหรอก

        “แต่ฉันไม่แน่ใจว่าได้คนไปยัง” หญิงสาวบอกไม่เต็มเสียงนัก

        “อ้าว”

        “แต่เดียวฉันโทรถามก่อนแปบหนึ่ง” ว่าจบก็หันไปจับโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆมากดโทรหาใครคนหนึ่งรอสายครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็รับ

        “ว่าไงตัวแสบ” เสียงทุ่มตอบรับมาเมื่อรับสาย

        “ไม่แสบสักหน่อย พี่ลมพี่ได้คนเลี้ยงแฝดยัง” น้ำฟ้าเถียงคนในสายก่อนจะถามเรื่องที่ตนอยากรู้ เหลือบมองเพื่อนชายตรงหน้าที่ดูสงสัยไม่น้อย

        “ยังเลย ถามทำไม” เสียงนิ่งตอบกลับมา

        “เหรอ งั้นพี่ห้ามรับใครนะ”

        “ทำไม” เสียงนิ่งถามขึ้นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร

        “บอกห้ามรับก็ห้ามรับ ยกไว้ให้เพื่อนฟ้า” น้ำฟ้าโวยวายใส่คนในสาย รู้สึกเบื่อกับน้ำเสียงนิ่งๆของพี่ชายเหลือเกิน

        “ไว้ใจได้เหรอ” เสียงในสายถามขึ้น อยู่ๆมาบอกแบบนี้ก็อดกังวลไม่ได้

        “ได้สิเพื่อนฟ้านะ ยังไงก็เถอะห้ามรับใครนอกจากเพื่อนฟ้า แค่นี้นะพี่ลม” น้ำฟ้าว่าก่อนจะตัดสายโดยไม่ได้สนใจเสียงท้วงติงจากคนในสาย

        “งานอะไรนะฟ้า” รักษ์ถามขึ้นทันทีที่น้ำฟ้าวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

        “เลี้ยงเด็ก” หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม

        “ฮะ! ไม่…ไม่รับงานนี้” รักษ์ตกใจกับคำตอบ ก่อนจะปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด จะให้ไปเลี้ยงเด็กรักษ์คงทำไม่ได้เพราะไม่เคยเลี้ยงมาก่อน

        “แกทำได้อยู่แล้ว” น้ำฟ้าว่า เธอเชื่อตามที่พูดคนอยากรักษ์นะทำได้สบายออกจะนิสัยดีขนาดนี้ เรื่องในครัวก็เยี่ยม แค่ดูแลเด็กสองคนรักษ์ทำได้สบายน้ำฟ้าคิดอย่างนั้น

        “แกจะบ้าเหรอ ฉันไม่เคยเลี้ยงเด็ก” รักษ์ยังคงเถียง อะไรก็ทำได้ทั้งนั้นยกเว้นเรื่องนี้เลี้ยงเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่าย

        “ก็จะได้เคยไง ไม่ต้องกังวลแฝดเลี้ยงง่าย” เธอว่า แล้วนึกถึงสองแฝดลูกของพี่ชายที่ถึงแม้จะซนแต่ก็ไม่ดื้อค่อนข้างเลี้ยงง่าย

        “อะไรคือแฝด แกอย่าบอกว่า…”

        “ใช่ เลี้ยงเด็กแฝดไง สองคนนะสองคน” น้ำฟ้าว่าพร้อมชูนิ้วสองมือ นึกหมั่นไส้เพื่อนชายที่ทำหน้าตกใจสะโอเวอร์

        “จะบ้าตายแค่คนเดียวก็ไม่รู้จะเลี้ยงยังไงนี้เล่นมาสองเลย” รักษ์ว่าทั้งยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง

        “จะกังวลทำไมแกทำได้อยู่แล้ว อีกอย่างเงินดีนะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนชายกังวลไม่เลิกก็เลยเอาเงินมาล่อ

        “เงินเยอะแต่ต้องเลี้ยงเด็กนะ ถ้าฉันไปทำลูกเขาเป็นไรไปจะทำไง” เงินถึงอยากได้แต่ก็กังวลอยู่ดีเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายแถมมีถึงสองคนอีกยิ่งยากเข้าไปใหญ่

        “แกไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าทำไม่ได้” น้ำฟ้ายังคงพูดกล่อม

        “แต่…”

        “เงินเดือนสองหมื่นนะ” หญิงสาวรีบพูดขัดเพื่อนชายทันที เชื่อสิว่าพอได้ยินเรื่องจำนวนเงินต้องเขวแน่

        “สะ…สองหมื่นเลยเหรอ” รักษ์ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจเพราะเงินค่อนข้างเยอะสำหรับงานเลี้ยงเด็ก

        “ก็จริงนะสิฉันจะโกหกแกทำไม ว่าไงสนไหม” น้ำฟ้าว่า ความจริงเงินมันไม่ถึงสองหมื่นหรอกแค่หมื่นห้าเท่านั้นแต่อยากช่วยรักษ์อีกอย่างถ้ารักษ์รับงานนี้น้ำฟ้าก็ไว้ใจได้ว่าคนดูแลหลานชายนั้นเป็นดีแน่นอน และอีกอย่างเรื่องเงินพี่ชายคงไม่อะไรมากรวยขนาดนั้นถึงจะบ่นบ้างก็ตามเถอะ แต่ไม่เป็นไรเพื่อเพื่อนน้ำฟ้ายอม

        “เอ่อ…” รักษ์ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงเงินเยอะน่าสนใจมากแต่ต้องไปดูแลเด็กรักษ์เลยคิดไม่ตก

        “แกลองคิดดูดีๆ นะรักษ์ เงินไม่ใช่น้อยๆ” น้ำฟ้าพยายามหว่านล้อม นึกหงุดหงิดกับเพื่อนคนนี้จะกังวลอะไรหนักหนากับแค่เลี้ยงเด็กทั้งที่มันเป็นงานที่สบายดีกว่าไปทำงานผับแล้วถูกลวนลามอีก พูดแล้วหญิงสาวก็นึกโมโหเพื่อนชายที่ห้ามไม่ฟังรั้นจะไปทำงานพิเศษในผับโดนไปสองวันถูกพวกลูกค้าลวนลามน้ำฟ้าต้องบังคับให้ไปลาออก

        “แต่มันต้องเลี้ยงเด็กนะ ฉัน…ฉันไม่รู้จะเข้าหาหรือว่าดูแลเขายังไง อีกอย่างถ้าเด็กไม่ชอบฉันล่ะจะทำไง” รักษ์พูดขึ้นอย่างกังวล น้ำฟ้าได้แต่ยกมือกุมขมับกับเพื่อนชายที่กังวลเกินไป

        “แกก็ไม่ต้องทำไง แค่เดินเข้าไปแล้วยิ้มให้แฝด แฝดก็แทบพุ่งหาแกแล้ว” น้ำฟ้าว่า และนั้นทำให้รักษ์นึกสงสัยขึ้นมา

        “ทำไมล่ะ”

        “แกไม่รู้เหรอว่าแกนะยิ้มแล้วสวยมาก ยิ้มที่หนึ่งทำคนอื่นยิ้มตามไปตั้งเท่าไรโลกนี้สดใสขึ้นมาทันที”

        “แกก็เวอร์” รักษ์ว่าที่เพื่อนสาวพูดเสียโอเวอร์ แต่ก็แปลกถ้าเป็นอย่างน้ำฟ้าพูดทำไมรักษ์ถึงไม่เคยรู้สึกเลย

        “ไม่เวอร์ทั้งนั้นแหละค่ะ ตกลงเอาไง”

        “ก็…”

        “แกจะคิดไรเยอะ รับๆไปเถอะ คิดไว้ว่าเงินๆๆๆ” ยุกับเรื่องอื่นไม่ขึ้นก็ใช่เรื่องเงินนี้แหละ

        “ก็…ก็ได้จะลองดู” ในที่สุดรักษ์ก็รับมันเพราะเงินล่อตาแท้ๆให้ตายเถอะ

        “ดีมากค่ะ” น้ำฟ้ายิ้มยกใหญ่ รักษ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น

        “แล้วงานต้องไปทำที่ไหนละ ต้องค้างไหม” เมื่อตัดสินใจรับงานนี้รักษ์ก็ถามถึงลายละเอียดงานทันที

        “ต้องไปอยู่เลย” น้ำฟ้าบอก ซึ่งก็ไม่ผิดกับที่รักษ์คิดไว้มากนักก็เลี้ยงเด็กนี้ต้องอยู่กับเด็กตลอดอยู่แล้ว

        “แล้วงานที่ว่าอยู่ไหนล่ะ” รักษ์ถามขึ้นอีกเมื่อน้ำฟ้าไม่ได้ตอบในตอนแรก

        “ก็ไกลหน่อยหนึ่งนะ”

        “ไกลเหรอแล้วที่ไหนละคงไม่ไกลมากใช่ไหม”

        “ก็ไม่มากมั้ง ที่บ้านฉันนะ” น้ำฟ้าว่าอย่างไม่แน่ใจเพราะตนเองรู้สึกว่าจากกรุงเทพไปบ้านก็ไม่ไกลมากนักหรือเพราะนั่งไปกลับจนชินอันนี้ก็ไม่แน่

        “ฮะ! ไม่มากเลยแต่มันโคตรไกลมากๆ” รักษ์ว่าอย่างตกใจอดจะประชดไม่ได้พูดมาได้ไงว่าไม่ไกล ชุมพรเลยนะนั่งรถเป็นวันกว่าจะถึง

        “แกก็เวอร์” น้ำฟ้าแขวะ

        “เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม” นึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาทันทีถึงจะได้เงินดีแต่มันไกลบ้านมากรักษ์เป็นห่วงพ่อกับแม่

        “ไม่ทันแล้วค่ะ”

        “แต่ฉันเป็นห่วงพ่อกับแม่” รักษ์บอกไปตามใจคิด

        “แกไม่ต้องห่วงคุณลุงกับคุณป้าฉันดูให้เอง” ไม่ใช่แค่พูดให้เพื่อนชายรู้สึกดีแต่น้ำฟ้าตั้งใจจะทำจริงๆ

        “แต่…”

        “แกนี่ยังไงต้องมีเรื่องให้ขัดตลอด แกคิดดูนะไปอยู่โน้นบ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ แถมได้เงินอีกแกคิดดูไม่มีอะไรจะดีขนาดนี้แล้ว” น้ำฟ้าว่ามายึดยาวถ้าพูดถึงขนาดนี้รักษ์ยังลังเลอีกก็ไม่รู้จะว่าไง

        “เอ่อ…” รักษ์ยังคงรู้สึกลังเลไม่น้อย สายตาจ้องมองอย่างต้องการคำตอบของน้ำฟ้ายิ่งกดดัน “ก็ได้” และแล้วก็ตัดสินใจรับอีกตามเคยถึงแม้รักษ์จะยังรู้สึกกังวลแต่ถ้าไม่ลองดูก็ไม่รู้ อีกอย่างรักษ์จำเป็นต้องใช้เงิน

        “โอเค เดี๋ยวฉันบอกพี่อีกทีหนึ่งแล้วจะบอกแกนะว่าต้องไปเมื่อไร” น้ำฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อเพื่อนชายตอบรับอุตสาห์ยุไปเสียตั้งเยอะไม่ยอมรับนี้แย่ นึกถึงแฝดแล้วอดดีใจแทนสองแสบไม่ได้

        “แล้วพ่อกับแม่แกไม่ว่าใช่ไหมถ้าฉันจะไปอยู่บ้านท่านด้วย” รักษ์ถามเมื่อนึกถึงเรื่องต้องไปอยู่ใต้ รักษ์เคยเจอพ่อกับแม่ของน้ำฟ้ามาแล้วสองครั้งตอนที่ท่านขึ้นมาเยี่ยมน้ำฟ้า ท่านทั้งสองเป็นคนใจดีมากในความรู้สึกของรักษ์ อายุท่านก็พอๆกับพ่อและแม่ของรักษ์

        “ใครบอกแกจะไปอยู่บ้านพ่อกับแม่ฉัน” น้ำฟ้าถามขึ้นงงๆ

        “อ้าว ไม่ใช่เหรอก็แกบอกไปอยู่บ้านแก” รักษ์งงยิ่งกว่าน้ำฟ้าทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าให้ไปอยู่บ้านตัวเอง

        “ก็ใช่บ้านฉันชุมพรไง แต่แกนะต้องไปอยู่บ้านพี่ฉันต่างหาก”

        “ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรอกเหรอ”

        “ก็ใช่ไง”

        “อืม”

        “ตอนนี้ห้ามเปลี่ยนใจแล้วนะเพราะฉันไลน์ไปบอกพี่เรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกแล้วพวกท่านดีใจมากที่แกจะไป” รักษ์มองอย่างข้องใจเอาเวลาตอนไหนไปคุยไลน์กันแต่รักษ์ก็ได้เพียงตอบรับกลับไป

        หลังจากพูดคุยกันเรื่องนี้จบรักษ์และน้ำฟ้าก็แยกย้ายกันกลับ รักษ์กลับมาบ้านเพื่อคุยเรื่องจะไปทำงานกับพ่อและแม่ซึ่งพวกท่านไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายก็ยอมให้รักษ์ไป รักษ์รู้ดีว่าพวกท่านเป็นห่วงแต่เพื่อครอบครัวรักษ์ต้องทำไม่อยากที่จะเห็นพ่อกับแม่ต้องเหนื่อยยิ่งแม่ไม่สบายแบบนี้

ผ่านมาหลายวันน้ำฟ้าก็โทรมาบอกว่าให้ลงไปวันอาทิตย์ที่จะถึงได้เลยซึ่งรักษ์ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่ต้องไปอยู่ไกลบ้านแบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่รักษ์จะต้องไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง

        รักษ์จัดการเก็บข้าวที่จำไปเป็นไม่ได้เอาไปมากนักเพราะลำบากตอนเดินทาง พรุ่งนี้แล้วที่รักษ์ต้องไปก็อดใจหายไม่ได้แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากสู้กับมัน “ถึงแล้วแกโทรบอกฉันด้วยนะ” รักษ์ฟังน้ำฟ้าพูดย้ำคำนี้ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร

        วันนี้เป็นวันที่รักต้องเดินทางไปชุมพรโดยมีน้ำฟ้าส่งขึ้นรถที่ขนส่ง แต่เพื่อนสาวก็บอกเรื่องให้โทรหาตลอดระหว่างทางและตอนถึงก็ไม่เข้าใจว่าจะอะไรหนักหนาแต่เพราะรู้ว่าเป็นห่วงเลยไม่อยากจะขัดเพื่อนสาว

        “รู้แล้วแกบอกฉันรอบที่เท่าไรแล้วฮะ”

        “ก็ฉันเป็นห่วงแก” น้ำฟ้าว่าเสียงหง่อย รักษ์ทำเพียงยิ้มให้กับเพื่อนสาว

        “โอเคๆ ฉันจะโทรหาแกตลอดทางเลยตกลงไหม” ให้ตายเถอะยายเพื่อนคนนี้ยิ่งกว่าแม่เสียอีก

        “อย่าลืมนะ อ่อเดี๋ยวพี่ลมจะมารับที่ทางเข้าสวนนะเพราะรถจอดตรงนั้นพอดี” รักษ์พยักหน้ารับก็รู้มาบ้างว่าสวนของพี่น้ำฟ้าอยู่ติดกับถนนใหญ่เลยแต่ต้องนั่งรถเข้าไปอีกกว่าจะถึงบ้านเพราะบ้านอยู่กลางสวนพอดีและที่สำคัญน้ำฟ้าบอกว่าสวนพี่ชายกว้างมากถ้าเดินเข้าไปคงเป็นลมก่อน

        “งั้นฉันไปนะ” รักษ์บอกลาเพราะใกล้ถึงเวลารถออกแล้ว

        “อืมโชคดีนะ คุณลุงคุณป้าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันดูให้ แล้วจะลงไปหาบ่อยๆ” รักษ์พยักหน้ารับนึกหมั่นไส้ทำเป็นบอกจะลงไปหาบ่อยๆ หาเรื่องลงบ้านตัวเองมากกว่าเถอะ

        “ไปละแล้วจะโทรหา”รักษ์บอกก่อนจะก้าวขึ้นรถทัวร์ไป

หลังจากนั้นไม่นานตัวรถก็เคลื่อนออกไปพร้อมกับใจองรักษ์ที่เต้นรัว รักษ์นั่งรถมาหลายชั่วโมงมากกว่าจะเข้าจังหวัดชุมพรระหว่างทางน้ำฟ้าก็โทรมาตลอดทั้งที่เป็นคนบอกให้รักษ์โทรไป พูดถึงก็โทรมาอีกแล้วน้ำฟ้าถามทันทีว่าถึงไหนแล้วรักษ์เองก็บอกไม่ถูกพอมองป้ายข้างทางก็บอกว่าเขตอำเภอสวี น้ำฟ้าเลยบอกว่าใกล้ถึงแล้วและมันก็เป็นเช่นนั้นเมื่อรถที่รักษ์นั่งมาจอดนิ่งหน้าสวน สายลม

        “ถึงแล้ว” รักษ์เอ่ยบอกกับคนในสาย

        “ถึงแล้วเหรอ รอเดี๋ยวนะพี่ลมกำลังออกมา” ก่อนจะโทรหารักษ์น้ำฟ้าโทรหาพี่ชายก่อนแล้วเพราะคาดการไว้แล้วว่ารักคงใกล้จะถึง

        “อืม”

        “เป็นไงสวนพี่ฉัน”

        “มีแต่ต้นปาล์ม” รักษ์บอกเพราะมองไปก็เจอต้นปาล์มน้ำมันเต็มไปหมด

        “ฮาๆ ก็ทำสวนปาล์มนิ แต่เดี๋ยวเข้าไปข้างในก็เจอพวกผลไม้มีเยอะมากๆ” น้ำฟ้าบอกติดตลก ไม่แปลกหรอกที่รักษ์จะเจอต้นปาล์มเพราะครอบครัวเขาทำสวนกันไม่ใช่แค่ปาล์ม แต่ยังมียางพารา และผลไม้อีกเยอะมากทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ซึ่งส่งออกทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมๆแล้วมีสวนเป็นพันไร่ ทำกำไรปีๆหนึ่งก็มหาศาลมาก

        “อืม บรรยากาศดูน่าอยู่ดีมองไปเจอแต่ต้นไม้ทั้งนั้นผิดกับกรุงเทพเลย” รักษ์บอกไปตามที่รู้สึก สีเขียวของต้นไม้นานาชนิดถึงแม้จะเป็นพืชเศรษฐกิจแต่ก็ให้ความรู้สึกดี

        “ก็แน่ละ บ้านฉันมันชนบทนะ” น้ำฟ้าบอกอย่างขำๆ ก็บ้านเธออยู่ในจังหวัดที่ห่างไกลเมืองหลวงแถมห่างจากตัวจังหวัดอีกถึงมันจะดูชนบทแต่ก็น่าอยู่มากอากาศสดชื่นต่างจากเมืองหลวงลิบลับ “แล้วนี้พี่มารับยัง” น้ำฟ้าถามขึ้น

        “ยังไม่เห็นใครเลย” บอกไปตามจริงเพราะยังไม่เห็นใครมาเลย “ อะ! มีคนขับรถออกมาสงสัยเป็นพี่แก” รักษ์บอกเมื่อเห็นรถเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะจอดรถตรงหน้ารักษ์ซึ้งรักษ์มองอย่างอึ้งๆ

        “ใช่เพื่อนของฟ้าไหม” ชายหนุ่มถามนิ่งๆ ทั้งยังนั่งอยู่บนรถ รักษ์ตอบอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้ารับกลับไปเพราะใบหน้าของคนตรงหน้าช่างสะกดสายตาของรักษ์มากเหลือเกิน ร่างสูงหนาผิวเข้มตามแบบฉบับหนุ่มใต้ จมูกโด่ง ตาคมที่เหมือนน้ำฟ้า ยิ่งไรหนวดบางนั้นยิ่งขับให้คนตรงหน้าดูเท่มาก

        “รักษ์ รักษ์ ไอ้รักษ์” เสียงเรียกจากในสายทำให้รักษ์หลุดจากภวังค์

        “วะ…ว่าไง”

        “เรียกตั้งนาน เป็นไงอึ้งกับหน้าตาพี่ฉันละสิ” น้ำฟ้าเอ่ยแซ่ว รักษ์ยอมรับว่าอึ้งจริงๆ กับคนตรงหน้า “แล้วพี่มารับไง” น้ำฟ้าถามอีกทำให้รักษ์ต้องละสายตาจากคนที่นั่งคิ้วขมวดบนรถคงเพราะรักษ์จ้องนานเกินไปแน่ๆ รักษ์มองมายังพาหนะที่ชายหนุ่มนั่งมารักษ์ก็ต้องอึ้งอีกครั้งเพราะมันคือ

        “พะ…พ่วงข้าง”

        “ฮะ! พ่วงข้าง กรรมพี่ฉัน” น้ำฟ้าว่าอย่างตกใจอดโมโหพี่ชายไม่ได้ชอบทำตัวแบบนี้ไงถึงถูกทิ้ง

………………………….

        ดู่ดู๊ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับรักษ์ได้ แรกเจอก็จัดพ่วงข้างมาเลยยยย

เรื่องนี้บอกเลยค่ะแต่งสนองตัวเองล้วนเพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรเลยเรื่อยๆเฉื่อยๆ อิอิ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้ในดวงใจคนอ่านด้วยนะคะ อาจจะไม่สนุกก็ต้องขอ อภัย ด้วยจริงๆค่ะแต่เรื่องนี้ตั้งใจมากค่ะเพราะเป็นแนวที่ชอบ ผิดพลาดตรงไหนก็อย่ากลัวเคืองกันนะคะ สามารถแนะนำได้เต็มที่ค่ะจะเอาไปพัฒนา สุดท้ายนี้ รักนะคะคนอ่าน

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ลูกคู่สื่อรัก 02



        ลมเลจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เอาแต่คุยโทรศัพท์ตั้งแต่เขามาถึง รักษ์ หรือพุฒิรักษ์ เพื่อนของน้องสาวและกำลังจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกชายฝาแฝดของเขาด้วย วันนี้เป็นวันที่รักษ์ลงมาเป็นพี่เลี้ยงให้แฝด ลมเลถึงต้องมารับที่ปากทางเข้าสวนแต่เมื่อมาถึงเจ้าตัวก็เอาแต่คุยโทรศัพท์และมองเขาไม่วางตา ลมเลก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมองขนาดนั้น

        “พะ...พวงข้าง” ลมเลเลิกคิ้วขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงคนตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองมอเตอร์ไซค์ที่ตนกำลังคร่อมอยู่แล้วมองหน้ารักษ์ที่ยืนปั้นหน้ายากอยู่ ‘อย่าบอกว่านั่งไม่ได้’ ลมเลนึกในใจ

        “น้ำฟ้าแค่นี้ก่อนนะ คุณลมรออยู่” รักษ์บอกกับคนในสายเมื่อนึกเกรงใจลมเลที่รออยู่

        “ช่างพี่ลมสิ กล้าดียังไงเอาพ่วงข้างมารับแก” น้ำฟ้านึกโมโหพี่ชายขึ้นมาอีกรอบ

        “ไม่เป็นไร งั้นแค่นี้นะ” รักษ์บอกลาอีกนิดหน่อยก็วางสายจากเพื่อนสาวหันมาสนใจชายร่างใหญ่ตรงหน้าก็พบว่าอีกคนไม่ได้สนใจอะไรรักษ์นั่งใช่มือแคะจมูกอยู่บนรถอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ทางลมเลก็รู้ว่ารักษ์คุยอยู่กับน้ำฟ้าเลยไม่ได้ขัดอะไรเลยนั่งรออีกคนเงียบๆ ถึงในใจจะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ก็ตาม

        “เอ่อ...สวัสดีครับ ผมรักษ์ครับ” รักษ์แนะนำตัวเอง

        “ฉันลมเล” พยักหน้ารับพร้อมกับบอกชื่อตัวเองออกไป รักษ์เองก็รู้มาบ้างว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือพี่ชายของน้ำฟ้าที่ชื่อลมแต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันไม่ใช่ลมเฉยๆ แต่มันคือ ลมเล เป็นชื่อที่ค่อนข้างแปลกสำหรับรักษ์แต่มันก็เพราะดีเหมือนกันให้ความรู้สึกถึงถิ่นบ้านเกิดของเจ้าของชื่อได้เป็นอย่างดี

        “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณลม...คุณลมเล” เพราะเผลอเรียกชื่ออีกคนตามน้ำฟ้าพอนึกได้ว่าคนตรงหน้าคงจะไม่ชอบเลยต้องเรียกชื่อเต็มแต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรรักษ์เท่ากับการแคะจมูก ลมเลดูเป็นคนแปลกๆ ในสายตารักษ์มีที่ไหนมานั่งแคะจมูกต่อหน้าคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรก

        “อ๊ะ อืม ไปกันยัง” ใช้มือที่แคะจมูกเช็ดกับเสื้อยืดสีซีดก่อนจะถามรักษ์ รักษ์ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มให้กับการกระทำของลมเล

        “ครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเดินมาหมายจะขึ้นบนพ่วงข้างแต่ก็ได้แต่ยืนมองเพราะไม่รู้จะขึ้นทางไหนดีมันมีแต่กรงเหล็กรอบไปหมด

        “ข้ามขึ้นมาเลย” ลมเลบอกทั้งสตาร์ทรถไปด้วย รักษ์ทำเพียงพยักหน้ารับแล้วทำตามที่อีกคนบอกใช้เวลาพอสมควรกับการขึ้นมาบนพ่วงข้าง มันก็ปกติสำหรับรักษ์เพราะเขาไม่เคยนั่งพ่วงข้างมาก่อนแต่ก็ไม่ใช่เพราะนึกรังเกียจอะไรแต่มันไม่มีให้ได้ลองนั่งก็เท่านั้น

        “ไปได้เลยครับ” ขึ้นมานั่งบนแผ่นเหล็กยาวที่ทำไว้สำหรับนั่งได้ก็บอกอีกคนให้ออกรถทันที

        “จับดีๆ” ว่าจบก็ออกรถทันทีไม่ได้ดูเลยว่าอีกคนจับเรียบร้อยแล้วหรือยัง

        “เฮ้ย!” ตกใจมากเมื่อรถออกตัว รักษ์ที่หาที่จับยังไม่ได้แทบพุ่งตกลงจากรถ

        “โทษทีๆ” บอกขอโทษรักษ์ไป ลมเลเองก็ลืมว่าอีกคนเป็นเด็กเมืองกรุงรถแบบนี้คงไม่เคยนั่ง

        “ไม่เป็นไรครับ” ว่าทั้งส่งยิ้มไปให้ รักษ์ก็แค่ตกใจที่อยู่ๆ รถก็ออกตัวทำให้ตัวเองที่หาที่จับไม่ได้เลื่อนไปตามแรกกระชากของรถ ก็นึกตลกตัวเองดีเหมือนกัน

        “ลงมานั่งข้างล่างก็ได้” เพราะกลัวเด็กหนุ่มจะตกไปจริงๆ เลยบอกให้รักษ์เปลี่ยนมานั่งพื้นของพ่วงข้างแทน

        “ได้เหรอครับ” รักษ์ถามอย่างไม่แน่ใจนักเพราะบนพื้นนั้นเต็มไปด้วยเศษใบไม้และดินนิดหน่อย ลมเลทำเพียงพยักหน้ารับรักษ์เลยเลื่อนตัวเองลงมานั่งอยู่บนพื้นพ่วงข้างแทนและไม่ลืมยกกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่มากนักมานั่งกอดไว้

        ลมเลเห็นว่ารักษ์นั่งเรียบร้อยก็กระชากรถออกไปทันที ตลอดทางลมเลคอยหันมองรักษ์ตลอดไม่ใช่ว่าอยากมองแต่อาการที่หันมองซ้ายทีขวาทีพร้อมกับหน้าตายิ้มแย้มนี้มันทำให้ลมเลรู้สึกแปลกๆ จากที่เคยนั่งอยู่ตรงกลางตอนนี้รักษ์ขยับมานั่งติดกับราวเหล็กแล้วเรียบร้อยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกต้นไม้นี้มันน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรือยังไง

        “นั้นต้นอะไรครับ” มือขาวยกขึ้นชี้ไปยังต้นไม้ที่มีใบสีเขียวออกน้ำตาล

        “ทุเรียน” ลมเลมองตามมือขาวก่อนจะตอบ แม้ลมเลจะพูดห้วนๆ แต่ไม่ได้ดูไม่พอใจอะไรเพียงแต่เขาเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว รักษ์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรถึงลมเลจะพูดจาดูไม่ค่อยน่าฟังแต่ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกไม่ดี

        ลมเลขับรถไม่เร็วมากนักทำให้รักษ์ได้ชื่นชมกับบรรยากาศสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ระหว่างทางที่ผ่านมานั้นมีทั้งปาล์ม เงาะ มังคุด และที่เห็นอยู่สองข้างทางตอนนี้ก็คือต้นทุเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่รักษ์ชอบกิน ปกติเคยเห็นแต่ลูกมันที่มีหนามแหลมๆไม่เคยเห็นต้นมันจริงๆ สักครั้ง พอได้มาเห็นเลยอดตื่นเต้นไม่ได้ ก็เพราะมันคือของที่ชอบ ยิ่งทุเรียนทอดรักษ์ชอบมากเป็นพิเศษจำได้ว่าเคยกินครั้งแรกตอนที่น้ำฟ้าเอามาฝาก ถึงจะชอบมากแต่ก็ไม่ได้กินบ่อยนานๆครั้งทีหนึ่งเพราะราคามันค่อนข้างแพงมาก

        “ผมชอบทุเรียน” หันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง รักษ์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะบอกทำไมแต่ปากมันไปเอง ลมเลก็ไม่ได้ตอบแค่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะพูดอะไรและอีกอย่างรอยยิ้มของคนข้างๆมันทำให้พูดออกมาได้ยากเขารู้สึกคันหน้ายิบๆขึ้นมาแปลกๆ

พ่วงข้างขับเคลื่อนมาได้สักพักใหญ่ก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านสองชั้นที่ถูกสร้างจากไม้ทั้งหลังที่ดูก็รู้ว่าราคาคงแพงมากเลยทีเดียว บริเวณลานรอบบ้านถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวแต่มันไม่ใช่หญ้าญี่ปุ่นอย่างที่เห็นตามบ้านคนรวยในเมือง มันคือหญ้าอะไรรักษ์เองก็ไม่รู้จักแต่มันดูสวยดี ตามแนวกำแพงบ้านก็ปลูกต้นไม้เต็มไปหมด และพอมองไปข้างตัวบ้านก็จะเห็นซุ่มกล้วยไม้ที่อัดแน่นไปด้วยกล้วยไม้หลายชิดมันบอกได้เลยว่าเจ้าของบ้านคงชอบกล้วยไม้มาก รักษ์นึกยิ้มในใจก็เขานะชอบกล้วยไม้มากเหมือนกัน

        รักษ์จ้องมองรอบตัวบ้านอย่างถูกอกถูกใจมันคงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับรักษ์ที่มองไปรอบตัวก็มักพบกับตึกราบ้านช่องเต็มไปหมดแต่ที่นี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้มันดูสบายตาดีเหลือเกินและที่สำคัญอากาศสดชื่นมากไม่ได้เต็มไปด้วยฝุ่นควันอย่างในเมือง

        “ถึงแล้ว” เพราะเห็นว่าอีกคนยังไม่ลงมาสักทีทั้งที่มาถึงได้สักครู่แล้ว และนั้นก็ทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ได้สติ

        “คะ...ครับ” รักษ์ตอบรับอย่างเงอะงะก่อนจะรีบก้าวลงจากพ่วงข้างแล้วรีบเดินตามอีกคน “ที่นี้น่าอยู่จังเลยนะครับ” ตามทันได้ก็บอกสิ่งที่คิดให้คนข้างๆ ฟังทันทีลมเลก็ทำเพียงพยักหน้าไม่แสดงท่าทีอะไรเช่นเคยเล่นเอารักษ์ต้องค่อยๆ หุบยิ้มลงเพราะคิดว่าคงกวนอีกคน ทางลมเลพอเห็นก็รู้สึกผิดขึ้นมาก็ไม่ได้ต้องการให้อีกคนรู้สึกไม่ดีแต่เพราะเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วเลยไม่ระวังว่าจะทำให้รักษ์รู้สึกไม่ดี

        “อารักษ์!” ทันทีที่เดินเข้ามาในตัวบ้านก็ได้ยินเสียงเรียกตนเองดังลั่นพร้อมกับแรงกอดรัดที่เอวจากเด็กตัวน้อยสองคน รักษ์ทั้งงงทั้งตกใจ เขาจำได้ว่าไม่เคยพบเด็กสองคนที่หน้าตาไม่แตกต่างกันมาก่อนแต่ทั้งสองทำราวกับรู้จักรักษ์เป็นอย่างดี รักษ์เองก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเขาไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนและดูเหมือนเด็กหน้าเหมือนนี้คงจะเป็นเด็กที่เขาต้องมาดูแลเป็นแน่

        “เอ่อ...”

        “มาแล้วเหรอจ๊ะลูก” พยายามรับมือกับเด็กสองคนที่กอดเอวเขาแน่น ก็ได้ยินเสียงจากหญิงสาวที่พึ่งเดินเข้ามา รักษ์รู้ได้ทันทีว่าคือใครถึงแม้จะเคยเจอกันไม่กี่ครั้งก็ตามใช่ เธอคือแม่ของน้ำฟ้า รักษ์ยิ้มให้พร้อมกับรีบยกมือไว้ทั้งที่ยังมีเด็กแฝดกอดเอวเขาอยู่

        “ครับแม่” ลมเลตอบรับคนเป็นแม่ “ไอ้แสบมานี้เลยไปวุ่นไรเขารู้จักหรือไง” ลมเลหันมาว่าลูกทั้งสอง อดสงสัยไม่ได้ว่าไปรู้จักกันตอนไหน

        “อารักษ์แฟนพี่อินทร์นะ” เสียงเด็กชายคนหนึ่งตอบขึ้นมาทันที

        “อารักษ์แฟนของน้องจันทร์ต่างหาก” และเด็กชายอีกคนก็เถียงตามมาและมหากรรมการถกเถียงของสองแฝดก็เกิดขึ้น รักษ์นี้ถึงกับงงเขามีแฟนเป็นเด็กห้าขวบหรือ รักษ์นี้ไปต่อไม่ถูกอย่าว่าแต่รักษ์ลมเลเองก็ตกใจไม่น้อยไม่คิดว่าลูกตัวเองจะแก่แดดริอาจจะมีแฟนตั้งแต่ห้าขวบมันเหมือนใครกันสองแฝดนี้

        “หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้สองแสบ ใครสั่งใครสอนให้พวกเอ็งสองคนมีแฟนตั้งแต่ตัวเท่ากะเปี๊ยกวะ” ลมเลว่าลูกชายทั้งสอง ซึ่งคำพูดของลมเลทำให้รักษ์ตกใจนิดหน่อยนี้มันคือคำพูดของคนเป็นพ่อเวลาคุยกับลูกหรือ

        “ไม่เปี๊ยกสักหน่อย พี่อินทร์โตแล้ว” ขุนอินทร์ว่าค้านคนเป็นพ่อ

        “น้องจันทร์ก็โตแล้ว” เห็นแฝดพี่ว่าแฝดน้องก็ไม่ยอมเช่นกัน

        “โตมาก สูงยังไม่ถึงเอวพ่อเลยวะ” คนเป็นพ่อว่าลูก จากที่เคยเป็นศึกระหว่างสองแฝดตอนนี้กลายเป็นศึกสามพ่อลูก รักษ์ที่ยืนอยู่กลางระหว่างสามคนพ่อลูกได้แต่มองไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง มองหาตัวช่วยก็ได้รับแต่การส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ คงเพราะเป็นแบบนี้กันบ่อยสินะ

        “เอ่อ...ผมว่าหยุดกันเถอะครับ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไม่เถียงคุณพ่อสิครับมันไม่ดีนะ” รักษ์พยายามพูดกับเด็กตัวเล็กทั้งสอง และเหมือนเสียงของรักษ์จะช่วยได้เพราะเด็กน้อยทั้งสองหยุดแล้วเดินเข้ามาจับมือรักษ์คนละข้างทันที

ลมเลมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตารักษ์พูดนิดเดียวสองแสบก็เชื่อฟังอย่างว่าง่ายทั้งที่ผ่านมาใครห้ามยอมฟังกันที่ไหนจนเขานี้ปวดหัวไม่รู้ไปเอานิสัยชอบดื้อมาจากที่ไหน

        “ลูกคู่พาอารักษ์ไปนั่งพักไปลูก มาเหนื่อยๆ สามคนพ่อลูกนี้ก็เหลือเกินจริงๆ” แม่ของลมเลเอ่ยบอกกับเด็กแฝดทั้งสองแต่ก็ไม่วายบ่นทั้งสามคน แต่ที่ติดใจรักษ์คงเป็นสรรพนามที่ท่านใช้เรียกเด็กแฝด ลูกคู่ แปลกแต่ก็เพราะดี

        “ก็ดูหลานแม่เถียงผมทุกคำ” ลมเลว่า

        “แล้วลูกจะไปต่อลูกมันทำไม ทำเป็นเด็กไปได้ อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” หญิงสาวว่าลูกชายที่ชอบทำตัวไม่รู้จักโตเวลาอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าลองได้ออกไปทำงานทุกคนจะไม่มีทางได้เห็นด้านนี้ของนายหัวลมเลอย่างแน่นอน

รักษ์ยิ้มให้กับคำพูดของแม่น้ำฟ้า มันจริงอย่างที่ว่า รักษ์รู้มาจากน้ำฟ้าว่าลมเลอายุใกล้เลขสามแล้วอีกแค่ปีเดียวเท่านั้น ทางลมเลเห็นรักษ์ยกยิ้มกับคำพูดของแม่ก็หันมองทันทีเล่นเอารักษ์หุบยิ้มแทบไม่ทันก็สายตาที่ส่งมามันน่ากลัว

        “พ่อห้ามมองอารักษ์นะ” เสียงขุนจันทร์ร้องห้ามพ่อตัวเองเพราะกลัวพ่อจะแย่งอารักษ์ไป ลมเลทำเพียงชักสีหน้าใส่ลูกชายก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป

        “อารักษ์ไปกินขนมกันดีกว่า” ขุนอินทร์เอ่ยชวน ขุนจันทร์ก็พยักหน้าเสริมทันที และทั้งสามก็พากันมานั่งที่โซฟาหลังใหญ่กลางบ้านซึ่งมีแม่ของน้ำฟ้าหรือก็คือแม่ลมเลนั้นแหละนั่งอยู่ก่อนแล้ว

        “กินน้ำก่อนสิรักษ์มาเหนื่อยๆ” ว่าทั้งส่งแก้วน้ำส้มสีสวยมาให้ รักษ์รีบรับทันที

        “ขอบคุณครับ” และไม่ลืมกล่าวขอบคุณคนให้

        “อารักษ์ลองนี้ ย่าทำอร่อย” เสียงของขุนอินทร์ที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของรักษ์ว่าทั้งส่งชิ้นทุเรียนทอดมาให้ รักษ์ยิ้มก่อนจะรับทุเรียนทอดนั้นมาแต่เด็กชายกลับไม่ยอมให้แล้วยื่นมาที่ปากของรักษ์แทน รักษ์ก็รู้หน้าที่ปากสีสวยค่อยๆ งับทุเรียนทอดในมือเล็ก ขุนอินทร์ยิ้มกว้างทันที

        “ของน้องจันทร์” เสียงของขุนจันทร์ที่นั่งอยู่อีกข้างเรียก พร้อมกับทุเรียนทอดในมือรักษ์ยิ้มทันทีไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยทีเดียวสองคนนี้

        “เข้ากันได้ดีแบบนี้ป้าก็ดีใจ ยังไงป้าฝากรักษ์ดูลูกคู่ด้วยนะ” เธอเชื่อว่ารักษ์ต้องดูแลหลานชายทั้งสองได้เป็นอย่างดีแน่นอน ขนาดพึ่งเจอกันครั้งแรกยังเชื่อฟังกันขนาดนี้ เธอเป็นย่าแท้ๆ แฝดยังไม่ค่อยจะฟังสักเท่าไรเลย แต่คงไม่แปลกเพราะแฝดชอบรักษ์มากคงต้องขอบคุณน้ำฟ้าที่คอยเล่าเรื่องของรักษ์ให้แฝดฟังบ่อยๆ พอรู้ว่าอารักษ์จะมาค่อยดูแลก็นั่งนับวันรอกันเลยทีเดียว

        “ครับคุณป้า” รักษ์ตอบรับก่อนจะจ้องมองเด็กแฝดที่นั่งอยู่ข้าง รักษ์แยกเด็กทั้งสองออกเพราะขุนจันทร์จะมีไฝเม็ดเล็กๆอยู่ที่ห่างตาล่างทางซ้าย ส่วนขุนอินทร์นั้นไม่มีทำให้รักษ์มองออกได้ทันทีว่าคนไหนขุนอินทร์คนไหนขุนจันทร์

รักษ์บอกไม่ได้ว่าจะสามารถดูแลเด็กทั้งสองได้ดีแค่ไหนแต่รักษ์จะพยายามเต็มที่ให้สมกับที่ทุกคนฝากให้เขาดูแล ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกกังวลไม่น้อยแต่พอมาเจอขุนอินทร์กับขุนจันทร์รักษ์รู้สึกว่าความกังวลนั้นมันค่อยๆ หายไป ตอนนี้รักษ์รู้สึกอยากดูแลเด็กทั้งสองแล้วละก็ขุนอินทร์และขุนจันทร์นะน่ารักรู้สึกโชคดีที่รับงานนี้หลังจากนี้คงต้องพยายามกันต่อไปรักษ์บอกกับตัวเอง

 ...

มาแล้วตอนที่ 2 ค่ะ ฝากลูกคู่ไว้ในดวงใจของทุกคนด้วยนะคะ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ มาแว้ววว ต่อจากนี้มาดูกันว่าลูกคู่เขาจะมีเรื่องป่วนอะไรมาให้กับรักษ์บ้าง และคุณพ่ออย่างนายหัวลมจะเป็นอย่างไรไว้มาติดตามกันนะคะ

 

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ลูกคู่สื่อรัก 3

        หลังจากหยุดถกเถียงกับเจ้าแฝดลมเลก็ปลีกตัวขึ้นมาชั้นสองยังนึกหมั่นไส้ลูกตัวเองไม่หายแต่ก็ไม่ได้นึกโกรธหรือโมโหอะไรเจ้าแฝด มันเป็นปกติที่เขาชอบถกเถียงกับลูกทั้งมีสาระไม่มีสาระซึ่งเขาเองก็แค่แกล้งขัดใจลูกชายไปแค่นั้นไม่ได้จริงจังอะไร นอกเสียว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดและไม่ดีจริงๆลมเลถึงจะดุแบบจริงจัง

        ลมเลกวาดสายตามองรอบห้องนอนขนาดกลางเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนที่จะให้พี่เลี้ยงของลูกชายมาอาศัย ห้องนี้อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขาซึ่งถัดจากห้องนี้ไปก็จะเป็นห้องของแฝด เนื่องจากว่าบ้านมีสามห้องนอนและห้องนี้ก็จัดให้เป็นห้องนอนแขกซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคนในครัวครอบเขาเองที่บ่อยสุดก็คือน้ำฟ้า

        ลมเลมองรอบห้องอีกครั้งก่อนจะปิดประตูแล้วเดินลงไปชั้นล่างหมายจะไปที่โซนรับแขกที่ตอนนี้มีเสียงสองแฝดคุยกันเสียงดังไปหมดพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักซึ่งก็ไม่ใช่ใครมันคือเสียงของรักษ์ที่กำลังหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของเจ้าแฝดที่แย่งกันเล่า มองไปแล้วก็รู้สึกอุ่นใจที่แฝดเข้ากับพี่เลี้ยงได้เพราะก่อนหน้านี้เปลี่ยนพี่เลี้ยงมาแล้วถึงห้าคนบ้างก็ทนกับแฝดไม่ได้ บ้างก็ไม่สนใจดูแลแฝด บางคนก็เข้าหาเขาจนเกินงามทำให้ต้องหาพี่เลี้ยงใหม่บ่อยๆ

        ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ นั้นห้าขวบแล้วตอนนี้ก็กำลังอยู่ชั้นอนุบาลแต่ความคิด ความอ่านดูเกินวัย ยิ่งความแสบนี้ไม่ต้องพูดถึงมีเรื่องให้คนเป็นพ่อปวดหัวได้ทุกวัน ที่ต้องจ้างพี่เลี้ยงก็เพราะแบบนี้ และอีกอย่างลมเลต้องทำงานค่อยดูแลสวนเลยไม่มีเวลาดูแลแฝดเต็มที่ถ้าวันเปิดเรียนก็ไม่เท่าไรเพราะกว่าแฝดจะเลิกเรียนก็เย็นและเป็นเวลาที่เขากลับจากสวนแต่ช่วงนี้แฝดปิดเทอมตอนกลางวันเลยไม่มีใครดูแลถึงจะมีป้าแม่บ้านแต่ก็ต้องคอยทำงานบ้านไม่ว่างมาดูแลแฝดได้ตลอดซึ่งตกเย็นแกก็กลับบ้าน ครั้นจะให้แม่เขามาดูแลก็กลัวแกจะเหนื่อยเพราะไล่จับเจ้าแฝด

        “อ้าว! ลมเรียบร้อยดีไหมได้ให้น้องขึ้นไปพักผ่อน” แม่เอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นลมเลเดินเข้ามา ลมเลทำเพียงพยักหน้าตอบแล้วมาพูดกับอีกคน

        “นายเอาของขึ้นไปเก็บก่อน” รักษ์หันมองคนบอกก่อนพยักหน้ารับ “ไอ้แสบพวกเองก็หยุดกวนอาเขาก่อนให้อาไปพักก่อนไป” ลมเลบอกกับลูกชายที่ยังชวนพี่เลี้ยงคุยไม่หยุด ขุนอินทร์ ขุนจันทร์นึกเคืองคนเป็นพ่อที่มาขัดทั้งที่ยังคุยกับอารักษ์ของพวกเขาอย่างสนุก

        “ลูกคู่พาอารักษ์ขึ้นไปพักบนห้องไปลูก” หญิงสาวบอกกับหลานชายทั้งสอง แฝดพยักหน้ารับ

        “อารักษ์ เดี๋ยวพี่อินทร์พาไปห้องนะ” ขุนอินทร์บอกกับอารักษ์คนสวยของเขา ก่อนจะรั้งมือรักษ์ให้ลุกขึ้น ทางขุนจันทร์เดินไปคว้ากระเป๋าเป้ข้างๆ แต่ด้วยความที่มันหนักบวกกับแรงเด็กกระเป๋าเลยแทบไม่ขยับ ลมเลมองลูกตัวเองอดแปลกใจไม่ได้ไอ้แฝดของเขาคงถูกใจพี่เลี้ยงคนนี้จริงๆ และนั้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับลมเล

        “พ่อน้องจันทร์ยกไม่ได้หนัก” ขุนจันทร์บอกพ่ออย่างต้องการให้ช่วยแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ

        “ก็เรื่องของเอ็ง” ลมเลว่าแกล้งลูกชายยิ้มๆ ขุนจันทร์แบะปากใส่พ่อตัวเองทันทีก่อนจะแลบลิ้นให้แล้วหันไปบอกให้ขุนอินทร์ช่วย แฝดพี่ก็ไม่รอช้ารีบไปช่วยแฝดน้องแต่ทั้งสองก็ยกขึ้นได้เพียงไม่นานก็ต้องวางเพราะหนัก

        “เดี๋ยวอายกเองนะครับ” รักษ์ยิ้มให้กับเด็กชายทั้งสองนึกชอบใจที่เห็นทั้งขุนอินทร์และขุนจัทร์ตั้งอกตั้งใจช่วยแม้ตัวจะเล็กรักษ์ยิ่งรู้สึกรักเด็กทั้งสองเพิ่มขึ้นไปอีก

        “ไม่เอาอารักษ์เหนื่อย เดี๋ยวน้องจันทร์กับอินทร์ยกให้” ขุนจันทร์บอก เด็กน้อยพูดตามที่คิด ก็อารักษ์เดินทางมาตั้งไกลคงจะเหนื่อยมากๆ จงไม่อยากให้ออกแรงเพราะกลัวอารักษ์จะยิ่งเหนื่อย

        รักษ์มองผู้ใหญ่สองคนอย่างต้องการความช่วยเหลือแต่ทั้งลมเล และญาดาแม่กลับส่งสายตามาว่าปล่อยไป รักษ์เลยคอยมองสองแฝดที่พยายามยกกระเป๋าเขาไปทีละนิดๆ จนถึงตีนบันได ก่อนจะนั่งลงพักเอาแรงที่ขั้นบันได ทั้งสองหอบน้อยๆ มีเหงื่อเม็ดเล็กพุดขึ้นตามใบหน้า แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายอะไร

        “หมดแรงกันแล้วหรือไงไอ้เปี๊ยก” ลมเลที่เดินตามมาเอ่ยแซ่วแกล้งลูกชาย สองแฝดพอได้ยินรีบหันหน้ามามองทันที

        “พี่อินทร์ยังไหว”

        “น้องจันทร์ก็ยังไหว”

        เสียงเล็กตอบกลับพ่อตัวเองทันทีทั้งยังหอบอยู่ ลมเลนึกชอบใจที่ได้แหย่ลูกชายทั้งสอง

        “เหรอวะ ก็เห็นนั่งหมดสภาพเลย” ยังคงแซ่วลูกชายต่ออย่างนึกสนุก

        “ใครบอกพี่อินทร์กับจันทร์กำลังนั่งปรึกษากันเฉยๆ” แฝดพี่บอกทั้งที่จริงแล้วเหนื่อย แต่ใครจะยอมรับเดี๋ยวพ่อก็ล้อพอดี รักษ์ยิ้มให้กับความไม่ยอมใครของทั้งสอง

        “ไม่ไหวก็บอก” ลมเลยังแกล้งยี่ยวนลูก สองแฝดพอได้ยินพ่อพูดก็รีบลุกขึ้นจับหูกระเป๋าคนละข้างพากันขึ้นบันไดกันอย่างทุลักทุเล ลมเลกับรักษ์คอยมองอย่างระวัง ลมเลอยากให้ลูกรู้จักทำอะไรบ้างถึงไม่ได้ห้าม ขนาดให้จับจอมขุดดินในสวนยังใช้มาแล้ว และยังมีงานอื่นๆอีก เขาอยากให้เด็กๆ รู้ว่าการทำอะไรมันไม่ได้ง่ายและการให้ทั้งสองเรียนรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยตั้งแต่เด็กมันจะได้เป็นภูมิคุ้มกันในวัยโตเจอกับเรื่องอะไรจะได้ผ่านมันไปได้

        ขุนอินทร์และขุนจันทร์เป็นเด็กสอนง่ายถึงจะดื้อจะซนชอบเถียงก็เถอะแต่ก็ทำตามที่บอกแต่ขอให้ได้ขัดใจพ่อมันก่อน และที่สำคัญเด็กสองคนนี้นิสัยเหมือนลมเลมากฆ่าได้แต่หยามไม่ได้

        “ไอ้แสบเลยห้อง” ร้องบอกสองแสบที่เดินผ่านห้องที่เตรียมไว้ แต่มีหรือที่ลูกชายตัวดีทั้งสองจะสนใจเดินไปเปิดห้องตัวเองเฉย “มาทำไมห้องพวกเอ็งวะ”

        “อารักษ์ไปนอนกัน” ขุนจันทร์เดินมาจับมือรักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ส่วนขุนอินทร์เอาหมอนจัดวางบนเตียงนอนแล้วตบเตียงแปะๆ อย่างบอกว่ามานอนตรงนี้ ลมเลมองการกระทำของลูกชายแล้วยกมือกุมขมับ ‘ไอ้แสบ'

        “อะไรของพวกเอ็ง จะให้อยู่ห้องนี้ได้ไง” ลมเเลบอก

        “น้องจันทร์จะให้อารักษ์อยู่นี้” ขุนจันทร์เถียงทั้งยังไม่ปล่อยมือรักษ์ซึ่งข้างๆมีลมเลยืนอยู่

        “จะอยู่ได้ไงแค่พวกเอ็งสองคนก็เต็มแล้ว”

        “พี่อินทร์กับจันทร์ตัวเล็กนิดเดียวไม่เต็มหรอก” ขุนอินทร์บอกพ่อแต่คำพูดของเด็กน้อยทำให้คนเป็นพ่อยกยิ้มทันที

        “ไหนโตแล้ว” ยืนกอดอกมองลูกสองคนอย่างเหนือกว่า

        “…” เด็กน้อยทั้งสองเงียบไม่รู้จะเถียงพ่อยังไงเพราะบอกไปเองว่าตัวเองโตแล้วแต่ตอนนี้บอกตัวเล็ก ขุนอินทร์วิ่งมาเกาะขาลมเลที่ยืนกอดอกทันทีก่อนจะยิ้มกว้าง ขุนจันทร์ก็ไม่รอช้าวิ่งไปเกาะขาพ่ออีกข้าง

        “พ่อครับให้อารักษ์นอนกับพี่อินทร์นะครับ”

        “กับน้องจันทร์ด้วยนะครับ”

        เด็กชายทั้งสองเอ่ยขอพ่อทำตาปริบๆ ลมเลรู้ทันว่าลูกนะกำลังทำดีอ้อนเขาแบบนี้ทุกทีพอเถียงไม่ได้ใช้ไม้นี้ตลอดแต่มีหรือที่ลมเลจะหลงกลเขาไม่ใช่พ่อกับแม่ที่หลานอ้อนทีแถบถวายทุกอย่างให้

        “ให้นอนแล้วพ่อได้ไร” ลมเลถามลูกอย่างเจ้าเล่ห์ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์มองหน้ากันก่อนจะตอบ

        “แล้วแต่พ่อครับ” เสียงเล็กบอกพร้อมกัน ลมเลยิ้มร่าทันที เสร็จแน่ไอ้สองแสบ

        “ไปขุดแปลงผักคนสองแปลงดิ” ลมเลว่าทั้งยิ้มชอบใจ

        “ง่า” เด็กชายทั้งสองโอดครวญทันที แต่รักษ์นี้ตกใจมากที่ลมเลบอกแบบนั้นขุนอินทร์ขุนจันทร์ยังเด็กมากให้ขุดแปลงผักเนี้ยนะ

        “ว่าไง ไม่ตกลงก็อด” ลมเลเร่งลูกชาย

        “แปลงเดียวไม่ได้เหรอ” ขุนจันทร์ต่อรอง ก็ขุดแปลกผักเหนื่อยจะตายเจ็บมือด้วยตั้งหลายวันกว่าจะเสร็จ

        เด็กน้อยนึกถึงวันที่เขาทำผิดเพราะทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนทั้งสองเลยถูกทำโทษให้ขุดแปลงผักข้างบ้านแปลงหนึ่งซึ่งจำได้ดีว่ามันเหนื่อยมากแค่ไหนแต่คราวนี้คนหนึ่งตั้งสองแปลงตายก่อนพอดี

        “ไม่ได้ พวกเอ็งไม่ยอมก็ให้อาเขาไปอยู่อีกห้อง” ลมเลว่าเชื่อเถอะไอ้สองแสบไม่ตกลงแน่

        “เก็บปาล์มร่วงแทนได้ไหมครับ” เห็นแฝดน้องต่อรองไม่ได้ผลแฝดพี่เลยเสนอวิธีอื่นแทน

        “พวกเอ็งก็ให้คนอื่นเก็บอยู่ดี พ่อไม่หลงกลพวกเอ็งหรอกนะ” ลมเลว่าอย่างรู้ทันก็พาไปทีไรเคยเก็บที่ไหน

        “งืออออ” สองแฝดทำหน้าสิ้นหวังอยากให้อารักษ์อยู่ห้องนี้ด้วยแต่ทั้งสองไม่อยากขุดแปลงผักในหัวน้อยคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี

        “อาว่าไม่เป็นไรหรอกห้องเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง อีกอย่างอาก็อยู่กับเราทุกวันอยู่แล้ว” รักษ์นั่งลงตรงหน้าเด็กทั้งสองที่กอดขาพ่อตัวเอง

        “แต่…” ขุนจันทร์จะขัดแต่พอเห็นหน้ารักษ์ก็พูดไม่ออก หันขอความช่วยเหลือจากแฝดพี่ก็เห็นอีกคนยิ้มร่าขุนจันทร์งงทันทีไหนอยากให้อารักษ์อยู่ห้องนี้ แต่พอเห็นขุนอินทร์พยักหน้าให้ตกลงขุนจันทร์ก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ยอมแพ้ไป

        “ก็ได้” ขุนจันทร์ว่าก่อนจะแหงนหน้ามองพ่อตัวเองที่ยิ้มอย่างผู้ชนะ

        “อ่อน” เสียงลมเลพูดขึ้นลอยๆ อีกสามคนรีบมองหน้าคนพูดทันทีรักษ์มองอีกคนอย่างงงอะไรคืออ่อน แต่สำหรับขุนอินทร์ ขุนจันทร์นี้เข้าใจดีและนั้นก็ทำให้นึกเคืองคนเป็นพ่อมาว่าพวกเขาอ่อน

        “อาว่าเราไปอีกห้องกันดีกว่า” รักษ์บอกก่อนจะก้าวไปหยิบกระเป้าเป๋ของตนที่วางอยู่ข้างเตียง

        ลมเลพารักษ์มายังอีกห้องที่อยู่ข้างกันโดยสองแฝดไม่ได้ตามมาก็นึกแปลกใจไม่ใช่ว่านอนร้องไห้อยู่ในห้องนะไอ้แสบ

        “อยู่ได้ไหม” ลมเลเอ่ยถามรักษ์เมื่อเดินเข้ามาในห้อง

        “เกินกว่าได้อีกครับ” รักษ์ตอบทั้งสำรวจรอบบริเวณห้องที่ถูกสร้างจากไม้อุปกรณ์ทุกอย่างในห้องก็ทำจากไม้ทั้งตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง เตียงนอนที่ปูด้วยผ้าพื้นสีเขียวขาวอ่อนๆ หน้าต่างที่ปกปิดไปด้วยม่านสีเขียวอ่อนเช่นกันทำในห้องดูสบายตา

        “ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ”

        “ขอบคุณมากเลยนะครับ” รักษ์นึกขอบคุณจากใจจริงก็ไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่ในที่สบายแบบนี้นึกว่าจะมีห้องคนงานแยกไปต่างหาก

        “ฉันขอตัวก่อน”

        “ครับ”

        เมื่อบอกลาเรียบร้อยลมเลก็เดินออกจากห้องแต่เมื่อถึงประตูก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเด็กชายทั้งสองเดินมาพอดีและที่ทำให้ตกใจคือไอ้แสบทั้งสองสะพายกระเป๋าคนละใบและถือข้าวของพะรุงพะรังไปหมด

        “อะไรของพวกเอ็ง” ลมเลถามลูกเสียงดังแต่ก็ไม่ได้มากอะไรแต่มันดังพอที่รักษ์ได้ยินแล้วเดินมาดูตรงประตูที่สามพ่อลูกยืนอยู่ เด็กทั้งสองพอเห็นรักษ์ก็ยิ้มแป้นแต่รักษ์นี้งงกับข้าวของที่แฝดถือมากันเต็มไปหมด

        “มาอยู่กับอารักษ์ครับ” ขุนจันทร์ตอบเสียงเพราะพร้อมร้อยยิ้ม แต่ลมเลนี้ยกมือกุมขมับ

        “เล่นไรของพวกเอ็ง” ลมเลถามลูกเสียงเครียด

        “ก็พ่อไม่ให้อารักษ์อยู่กับพวกเรา เราเลยมาอยู่กับอารักษ์แทน” แฝดพี่บอก เล่นเอาลมเลไปไม่เป็น ‘ไอ้ลูกแสบ ใครสอนให้พวกเอ็งเป็นคนแบบนี้วะ’

..................................................................................

        มาแล้วตอนที่ 3 ค่ะ ใครทีมลูกคู่ ยกมือขึ้นแสดงตัวด่วนเลยค่ะ เด็กอะไรน่ารักไปหมดดดดดดดดดดดดดดด

      ลงกันแบบต่อเนื่องกันไปเลยยยยยยยย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Ninjokris

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
    • แทงบอลออนไลน์
สนุกดีชอบเนื่อเรื่องมากเลย

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
       
ลูกคู่สื่อรัก 4

        รักษ์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันดูนาฬิกาก็บอกเวลาตีห้าถึงลมเลและญาดาบอกว่าไม่ต้องตื่นเช้ามากแต่ด้วยความเคยชินที่ตื่นเช้าเป็นประจำเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ไปวางร้านขายพวงมาลัยและดอกไม้ ลมเลบอกว่าให้ปลุกแฝดตอนเจ็ดโมงลุกขึ้นมาอาบน้ำ ถึงจะเป็นช่วงปิดเทอมแต่ลมเลก็ยังให้ลูกตื่นเช้ามันจะได้ติดเป็นนิสัย

        เมื่อวานสรุปแล้วขุนอินทร์กับขุนจันทร์ก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับรักษ์เพราะลมเลยื่นคำขาดว่าหากไม่ยอมจะให้รักษ์กลับสองแฝดงอแงไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะกลัวรักษ์กลับไปจริงๆ แต่ก่อนนอนรักษ์ก็อยู่อ่านนิทานให้ฟังจนสองแฝดหลับแล้วค่อยออกจากห้องเพราะสัญญาไว้

        หลังจากได้ดูแลสองแฝดไปเมื่อวานนิดหน่อยก็ทำให้รู้ว่าทั้งสองนั้นซนไม่น้อยแต่ยังดีที่ยังเชื่อฟังเขา รักษ์เลยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ออกจะสนุกเสียด้วยซ้ำไป รักษ์อาบน้ำอะไรเรียบร้อยแล้วก็ยังพึ่งจะตีห้าครึ่งไม่รู้จะทำอะไรดีเลยลงมาดูด้านล่างว่ามีอะไรพอที่จะช่วยได้บ้างเพราะเช้าๆ แบบนี้ป้าอุ่นที่เป็นแม่บ้านแกจะมาทำอาหารเช้า รักษ์รู้เพราะญาดาเป็นคนบอก ป้าอุ่นจะมาตอนตีห้าและกลับตอนหกโมงเย็น

        “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” รักษ์เอ่ยถามป้าอุ่นที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร

        “อ้าวคุณรักษ์ ทำไมรีบตื่นละจ๊ะ” น้ำเสียงลำเนียงใต้ถามกลับมา รักษ์ฟังออกว่าแกถามอะไรเพราะคนชุมพรพูดฟังง่ายแต่ก็มีบางคำที่ฟังแล้วไม่เข้าใจเหมือนกัน

        “มันชินนะครับ ป้าอุ่นมีอะไรให้ผมช่วยไหม”

        “ไม่เป็นไรๆ คุณรักษ์ไปพักเถอะจ๊ะ” ป้าอุ่นบอกทั้งรอยยิ้ม

        “ผมอยากช่วย"

        “งั้นก็ตามบายเลยจ๊ะ” เมื่อแกอนุญาตรักษ์ก็ยิ้มกว้างทันที

        “ป้าจะทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถาม เห็นหญิงสาวกำลังแกะกุ้งตัวโตอยู่

        “ข้าวต้มกุ้งจ๊ะ” รักษ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบกุ้งตัวโตขึ้นมา

        “ทำเป็นหรือจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามทันทีที่เห็นรักษ์หยิบกุ้งขึ้นมา เพราะเห็นว่ารักษ์เป็นชายเลยไม่แน่ใจว่าจะทำได้

        “ผมทำอาหารให้พ่อกับแม่ทานบ่อยครับ” รักษ์ตอบทั้งรอยยิ้ม ถึงจะบอกว่าบ่อยก็เถอะแต่จริงๆแล้วเรื่องกับข้าวที่บ้านรักษ์เป็นคนทำเกือบทุกมื้อเพราะพ่อกับแม่ต้องทำงาน ตอนเช้าต้องรีบไปตั้งร้านกว่าจะเก็บร้านก็มืดแม่เลยไม่มีเวลาทำอาหาร เลยเป็นรักษ์ที่จะต้องทำ ตอนเช้าไปช่วยพวกท่านเปิดร้านก็กลับมาทำอาหารแล้วค่อยไปเรียนซึ่งก่อนไปเรียนก็ไม่ลืมคดข้าวใส่ปิ่นโตไปให้พวกท่านไว้กินทั้งตอนเช้าและเที่ยง พอตกเย็นรักษ์ก็จะทำอาหารรอพ่อกับแม่กลับมา วันไหนมีทำงานพิเศษก็ทำไว้ก่อนแล้วค่อยไปทำงาน อาจจะมีบางวันที่แม่หยุดงานหรือรักษ์กลับดึกแม่ก็จะเป็นคนทำแต่มันก็ได้กินดึกเพราะกว่าจะมาถึงบ้านกว่าจะทำอาหารอีก เพราะอย่างนี้เรื่องทำอาหารเลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรักษ์

        “งั้นป้าฝากทำต่อทีนะ ขอไปดูข้าวก่อนจ๊ะ” แกว่าก่อนจะเดินไปยังหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดการกับกุ้งตัวโตต่อ

        รักษ์อยู่ช่วยป้าอุ่นจนใกล้จะเจ็ดโมงก็ขอตัวไปปลูกเด็กแฝดขุนอินทร์ขุนจันทร์ที่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องตกใจกับการนอนของเด็กทั้งสอง รักษ์จำได้ดีว่าเมื่อคืนก่อนออกจากห้องนอนสองแฝดก็นอนปกติดีผิดกับตอนนี้เพราะขุนจันทร์หัวตกลงมานอนบนที่นอนขาก็ก่ายอยู่บนท้องของขุนอินทร์ที่เปิดโชว์พุงขาวอยู่ ทางขุนอินทร์ก็ไม่ต่างจากขุนจันทร์หมอนที่เคยใช้หนุนกลับให้เท้าหนุนแทน รักษ์รู้สึกนึกโล่งใจที่ไม่ได้นอนร่วมเตียงกับสองแฝด เด็กอะไรตอนนอนยังซนเลย รักษ์มองแล้วอดยิ้มไม่ได้แฝดถึงจะซนแต่ก็น่ารัก

        “ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ตื่นได้แล้วนะครับ” รักษ์นั่งลงข้างเตียงก่อนจะเอ่ยเรียกสองแสบ แต่ได้รับกลับมาเพียงเสียงเคี้ยวปากจับๆ และการเกาพุงขาวๆของขุนอินทร์

        “ตื่นได้แล้วครับสุดหล่อ” รักษ์เอ่ยเรียกทั้งเขย่าเด็กทั้งสองอยู่หลายครั้งจนในที่สุดสองแสบก็ตื่นขึ้นมา ทำให้รักษ์รู้อีกเรื่องหนึ่งของสองแฝดคือตื่นยากมากๆ

        “อารักษ์” ขุนจันทร์ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนเอ่ยเรียกรักษ์ทั้งยังขยี้ตาอย่างงัวเงีย

        “น้องจันทร์ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวอารักษ์ปลุกเด็กขี้เซาอีกคนหนึ่งก่อน” รักษ์บอกขุนจันทร์ก่อนจะเหล่ตามองเด็กแสบอีกคนที่ไม่ยอมลุกขึ้นอย่างรู้ทันเพราะเห็นว่าขุนอินทร์นะตื่นแล้วแต่ยังทำแกล้งหลับต่อ ขุนจันทร์พยักหน้าก่อนจะเดินลงจากเตียงไปทั้งตายังไม่เปิดดีรักษ์อดยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กน้อยไม่ได้ เหลือเด็กแสบอีกหนึ่งคนที่ไม่ยอมตื่นไม่รู้จะแกล้งหลับไปถึงไหน รักษ์มองพุงขาวๆ แล้วยิ้มเพราะนึกวิธีปลุกเด็กแสบได้

        “พี่อินทร์ไม่ตื่นเหรอครับ” รักษ์ถามคนนอนหลับ นิ่งไม่มีอะไรตอบกลับมาแต่รักษ์เห็นนะว่าแอบยิ้มอยู่นะ

        “แย่จังพี่อินทร์ไม่ยอมตื่นแบบนี้น้องพุงคงน่าสงสาร” รักษ์พูดอีก มองหน้าเล็กๆ แล้วยิ้มขำเพราะคิ้วน้อยๆ กำลังพันกันยุ้ง แต่ก็ไม่ยอมตื่น

        “ไม่ตื่นจริงๆเหรอ งั้นอารักษ์ทานน้องพุงแล้วนะ” ว่าจบปากเล็กๆ ก็งับลงบนพุงขาวที่เปิดโชว์ทันที รักษ์บดขยี้หน้าลงบนท้องไปมาจนเจ้าของดิ้นพล่านหัวเราะเสียงดัง

        “ฮาๆๆ อารักษ์ ฮาๆๆ พี่อินทร์ ฮาๆๆ ตื่นแล้วครับ อิอิ” เสียงเล็กร้องบอกอาคนสวยเพราะรู้สึกจั๊กจี้ อุตส่าห์จะแกล้งอารักษ์กลับโดนแกล้งกลับซะอย่างนั้น

        “ตื่นแล้วเหรอครับ ถ้าไม่ตื่นอารักษ์จะกินพุงขาวๆ นี้ให้หมดเลยชอบโชว์ดีนัก” ว่าแล้วก็ฝังใบหน้าลงบนท้องขาวอีกรอบเรียกเสียงหัวเราะของเด็กแสบอีกครั้ง รักษ์หยอกกับขุนอินทร์จนขุนจันทร์อาบน้ำเสร็จก็ปล่อยให้เจ้าตัวไปอาบน้ำบ้างหันมาหาเสื้อผ้าให้แฝดน้องที่ห่มผ้าเช็ดตัวปิดหมดทั้งตัวเหมือนดักแด้ปากน้อยๆนั้นสั่นนิดๆบ่งบอกว่าหนาว

        รักษ์จัดการแต่งตัวให้สองแสบจนเสร็จก็พากันลงมาทานข้าวเช้า ลงถึงชั้นล่างได้สองแสบก็วิ่งตามกลิ่มหอมๆของข้าวต้มกุ้งไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารทันที รักษ์ทำเพียงเอ่ยเตือนเด็กทั้งสองไม่ให้วิ่งเพราะกลัวหกล้ม ส่วนตัวเองเดินแยกเข้ามาในครัวเพื่อช่วยป้าอุ่นยกข้าวต้มไปให้สามพ่อลูกที่นั่งรอกันอยู่ที่โต๊ะ

        “ข้าวต้มกุ้งตัวโตๆ มาแล้วครับ” รักษ์ที่เดินถือถาดข้าวต้มร้องบอกเด็กทั้งสอง

        “เย้ๆๆ กุ้งตัวใหญ่ๆ” เด็กแสบร้องดีใจกันใหญ่ที่รู้ว่าจะได้กินกุ้งตัวโต

        “นั่งดีๆ ครับเดี๋ยวอารักษ์เอาให้” บอกเด็กๆ ที่ยืนชูไม้ชูมืออยู่ข้างโต๊ะ “ของคุณลมครับ” ว่าพร้อมกับวางข้าวต้มชามโตให้คนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์นิ่ง ลมเลทำเพียงพยักหน้ารับแล้วพับหนังสือพิมพ์เก็บ “ส่วนนี้ของพี่อินทร์และน้องจันทร์นะครับ” ข้าวต้มชามโตถูกวางลงตรงหน้าสองแฝดได้ก็รีบยกช้อนตักขึ้นทันที

        “ค่อยๆ ครับระวังมันร้อน” รักษ์เอ่ยเตือนขุนอินทร์

        “ร้อนๆๆๆ” เอ่ยเตือนคนพี่ไปแปบๆ คนน้องก็โดนเสียแล้ว

        “อาบอกแล้วว่าให้ระวัง” รักษ์บอกทั้งดูปากเล็กที่ขึ้นสีแดงระเรืองเพราะความร้อน

        ลมเลที่กินข้าวต้มอยู่ก็เหลือบมองลูกและพี่เลี้ยงอยู่ตลอดตอนแรกกะจะดุลูกที่ไม่ระวังแต่ก็พูดไม่ทันพี่เลี้ยงเลยนั่งเงียบมองทั้งสามคนเท่านั้น

        “พี่อินทร์อย่ากินเร็วไปสิครับ ค่อยๆ กิน น้องจันทร์อย่าตักข้าวหก ปากเลอะครับกินดีๆ…” เสียงรักษ์เอ่ยบอกเด็กแสบทั้งสองไม่ขาดปาก ลมเลนั่งมองอยู่นานมากรักษ์แทบจะไม่ตักข้าวกินเลยเอาแต่ดูแลสองแฝด มันก็ดีที่เห็นรักษ์ดูแลสองแฝดดีขนาดนี้ คอยสอนคอยบอกคอยเตือนแต่ตัวเองเล่นไม่สนใจกินข้าวเลยทำให้ลมเลรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไร รักษ์ตัวก็ผอมข้าวยังไม่ค่อยจะกิน สองแสบนี้ก็จริงๆรู้หรอกว่าแกล้งทำให้อารักษ์เขาดูแลนะ ทำไมลูกเขาถึงเหลี่ยมเยอะจริงๆ ไปเอานิสัยนี้มาจากไหน

        “ใครตักข้าวหก ใครกินเลอะอีก ได้ไปขุดแปลงผักแน่” ลมเลเอ่ยบอกลูกตัวเอง ดูสิยังจะแกล้งออเซาะต่ออีกไหม “ส่วนนายกินข้าวเถอะอย่าไปสนใจไอ้แสบมันมาก พวกเอ็งก็นะอาเขาสอนหลายรอบไม่จำ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอกรักษ์ก่อนจะต่อว่าลูกอย่างรู้ทัน ขุนอินทร์ ขุนจันทร์หน้ายู่ทันทีที่คนเป็นพ่อรู้ทัน ก็พวกเขาชอบให้อารักษ์เช็ดปากให้

        ลมเลสายหน้าให้ลูกตัวเองอย่างระอาก่อนจะตักข้าวต้มขึ้นกินอีกครั้งแต่สายตาดันไปสบเข้ากับรักษ์พอดีและรักษ์ก็ส่งยิ้มกลับมาให้ข้าวต้มที่ควรจะเข้าปากเลยหกลงบนพื้นโต๊ะเพราะตกใจกับรอยยิ้มของอีกคนพาลให้ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา

        “พ่อไปขุดแปลงผักเลยยยยย” ขุนอินทร์ร้องบอกเสียงดัง

        “พ่อกินหกๆๆๆ ไปเลยๆๆ” ขุนจันทร์เสริมทัพเข้าอีกที

        ลมเลมองลูกตัวเองทันที ไม่คิดว่าลูกจะเล่นงานตนด้วยคำพูดที่ใช้ขู่ลูก ไอ้แฝดนี้มันแสบจริงๆ หันมองรักษ์อีกคนก็เอาแต่อมยิ้มรู้หรอกว่าจะหัวเราะเขา

        หลังมื้อเช้าที่แสนวุ่นวายลมเลก็แยกเข้าไปดูคนงานในสวนเห็นว่าวันนี้มีตัดปาล์มน้ำมัน รักษ์เองก็อยากไปดูเพราะไม่เคยเห็นแต่ไม่ได้เขาต้องดูแลสองแฝด ลมเลบอกให้ช่วยสอนแฝดทบทวนเนื้อหาวิชาเรียนหน่อยเพราะกลัวว่าทั้งสองจะลืม ถ้าสองแฝดไม่ยอมก็ให้ขู่ไปซึ่งลมเลบอกมาเรียบร้อยว่าให้ขู่ว่าอะไร

        “เด็กๆ หยุดเล่นแล้วเอาภาษาอังกฤษมาอ่านกันดีกว่านะครับ” รักษ์ร้องบอกเด็กๆ ที่กำลังเล่นหุ่นยนตร์กันอยู่

        “พี่อินทร์ไม่อ่านได้ไหมครับ”

        “ไม่ได้ครับ”

        “น้องจันทร์ไม่ชอบเลย”

        “ไม่ชอบก็ต้องอ่านนะครับ จะได้เก่งๆ ไง” สองแสบไม่ยอมจริงๆ ด้วย

        “แต่น้องจันทร์ไม่ชอบภาษาปะกิด”

        “ภาษาอังกฤษครับ ดูสิขนาดพูดชื่อยังผิดเลย” รู้ว่าเด็กแสบนะแกล้งพูด

        “งืออออออ” ขุนจันทร์หน้ายู่ทันที ขุนอินทร์ก็เช่นกัน รักษ์เข้าใจดีเด็กๆ ก็แบบนี้พอพูดถึงเรื่องเรียนก็หน่ายทันทีแต่มันก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้

        “เอาแบบนี้ดีไหมเราเรียนกันสองชั่วโมงแล้วก็มาทำบัวลอยไข่หวานกินกันตอนเที่ยงดีไหมครับ” สองแสบทำหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตกลง แบบนี้คำขู่ของลมเลก็ไม่ต้องใช้สินะ

        ตลอดเช้ารักษ์สอนให้สองแสบท่องศัพท์ และเล่นเกมส์ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากที่บอกว่าสองชั่วโมงเอาจริงๆ แล้วก็ปาไปสามชั่วโมงกว่าเพราะสองแสบสนุกกับเกมส์ทายคำศัพท์ยิ่งมีขนมกินไปด้วยยิ่งชอบกันใหญ่เลย และที่สนุกกว่านั้นคงจะเป็นศึกระหว่างพี่น้องที่แข่งกันทายคำศัพท์ใครแพ้ก็อดกินขนมงานนี้สองแฝดเลยสู้กันเต็มที่

        “เอาละอารักษ์ว่าพวกเราหยุดเล่นแล้วไปทำบัวลอยไข่หวานกันดีกว่า” รักบอกกับเด็กทั้งสอง เวลานี้ก็ใกล้สิบเอ็ดโมงแล้วถ้าไม่รีบก็กลัวว่าจะไม่ทันมื้อเที่ยง

        “เย้ๆๆ บัวลอย บัวลอย” เสียงเด็กๆ ร้องดีใจและพากันรีบลุกขึ้น

        “เก็บหนังสือให้เรียบร้อยก่อนนะครับ แล้วค่อยไปกัน” เห็นเด็กๆ เตรียมจะออกไปทั้งที่หนังสือยังวางอยู่เกลื่อนโต๊ะรักษ์เลยบอกให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บให้เรียบร้อยเสียก่อนได้เป็นการฝึกระเบียบให้กับเด็กๆ ไปด้วย

        สองแสบพอได้ยินอารักษ์บอกก็ช่วยกันเก็บหนังสือไปจัดวางบนขั้น รักษ์เองก็ขอตัวเข้ามาเตรียมของในครัวแต่ไม่ลืมบอกสองแฝดให้ตามเข้ามาหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว

        เข้ามาในครัวก็เห็นป้าอุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร

        “ป้าอุ่นครับพอดีว่าผมจะทำบัวลอยไข่หวานพอจะมีของให้ทำไหมครับ” เอ่ยถามทั้งเดินดูข้าวของในครัวอย่างถือวิสาสะไม่ต้องกลัวป้าอุ่นว่าเพราะเมื่อเช้าแกอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ในครัวนี้

        “ในตู้ชั้นบนเลยจ๊ะหนูรักษ์” ป้าอุ่นบอกกลับมาทั้งไม่ได้หันมองยังคงง่วนกับหม้อแกงบนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดเตรียมของสำหรับทำขนมต่อ

        “อารักษ์...” เสียงเรียกของเด็กทั้งสองทำให้รักษ์ต้องหยุดจากการนวดแป้งมามองเด็กแสบสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา

        “อย่าวิ่งครับ” รักษ์บอกสองแสบก็ลดฝีเท้าลงทันที “ไปล้างมือเลยครับเดี๋ยวได้มาปั้นแป้งกัน” ร้องบอกอีกครั้งสองแสบก็เดินไปอ่างล้างจานทันที แต่ด้วยความที่เป็นเด็กตัวไม่ได้สูงมากเลยเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำไม่ถึงสองแสบหันยิ้มหวานให้อารักษ์ทันที รักษ์เองก็รู้ว่าสองแสบขอให้ช่วยเลยละจากการนวดแป้งหวังจะไปเปิดน้ำให้สองแสบแต่ป้าอุ่นอาสาเปิดให้เสียก่อน

        “คุณหนูเชื่อฟังหนูรักษ์ดีจังเลยนะจ๊ะ” ป้าอุ่นพูดขึ้นเมื่อเปิดน้ำให้สองแฝดเรียบร้อยแล้ว

        “ไม่หรอกครับ ก็มีดื้อบ้างตามประสาเด็กละครับ” สองแฝดเชื่อฟังเขาที่ไหนกันบทจะดื้อก็ดื้อแต่ถ้าพูดให้เข้าใจสองแสบก็เชื่อฟังแค่เลือกวิธีให้ถูกก็เท่านั้น

        “โชคดีจังที่ได้หนูรักษ์มาเป็นพี่เลี้ยงให้คุณหนู” ป้าอุ่นพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วหันไปสนใจกับหม้อแกงบนเตาต่อ รักษ์เองก็อยากถามว่าทำไมถึงบอกว่าโชคดีทั้งที่ตัวรักษ์เองยังไม่รู้วิธีเลี้ยงเด็กเลยก็แค่ทำถามที่ตัวเองคิดว่าดีคิดว่าควรก็เท่านั้น แต่เพราะเกรงใจเลยหันมาสนใจนวดแป้งต่อ

        “น้องจันทร์จะปั้นน้องต่ายให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับขยำแป้งในมือให้เป็นก้อนกลมๆ

        “พี่อินทร์จะทำพี่ทุเรียน พ่อชอบทุเรียน” คำบอกของขุนอินทร์ทำให้รักษ์ต้องหยุดปั้นทันทีก็ไอ้กระต่ายของแฝดน้องเขายังพ่อนึกภาพออกแต่ทุเรียนของแฝดพี่นี้สิจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงกัน ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราบอะไรเพราะไม่อยากขัดความตั้งใจของเด็กๆ แต่ก็ปวดหัวไม่น้อยที่ก้อนบัวลอยรูปกระต่ายและทุเรียนลูกเกือบเท่ากับปั้น

        “ลูกใหญ่ขนาดนี้มันจะสุกไหมค่ะคุณหนู” ป้าอุ่นที่เดินมาดูเอ่ยแซวคุณหนูทั้งสองของเขาทันทีที่เห็น

        “อารักษ์” ขุนอินทร์ร้องเรียกทัน คงอยากจะถามสินะว่ามันจะสุกไหม

        “มันก็สุกนะถ้าเราต้มนานหน่อย” บอกเอาใจเด็กๆ ไป อุตส่าห์ตั้งใจทำ “แต่ต่อไปทำให้เล็กๆ แบบนี้ดีกว่า มันจะอร่อยมากกว่านะครับ” รักษ์บอกทั้งส่งแป้งก้อนกลมเล็กๆให้เด็กๆ ดู

        “อันนี้พี่อินทร์ทำพิเศษให้พ่อ” ขุนอินทร์บอกพร้อมทั้งโชว์ก้อนแป้งให้รักษ์ดูทำให้รักษ์ยิ้มทันทีกับรูปร่างของมัน ทุเรียนจริงๆนั้นแหละ

        “พ่อตัวใหญ่ต้องกินลูกใหญ่ๆ” ขุนจันทร์บอกทั้งหยิบแป้งปั้นเป็นลูกยาวๆ เล็กๆ แล้วแปะลงบนแป้งก้อนกลมลูกใหญ่อีกที คงเป็นหูกระต่ายสินะ

        ทั้งสามง่วนกับการปั้นแป้งอยู่นานดูเวลาก็พบว่าเกือบเที่ยงแล้วเลยรีบพาขนมไปต้มดีว่าป้าอุ่นทำบ้างส่วนไว้ให้แล้วรอแค่นำแป้งไปต้มให้สุกแล้วเอาไปต้มกับกะทิอีกทีก็เป็นอันเสร็จ

        “อารักษ์เมื่อไหร่มันจะสุกละครับ” ขุนจันทร์มองก้อนแป้งสองลูกที่อยู่ในหม้อ เด็กน้อยรอนานแล้วทั้งที่ลูกอื่นก็สุกไปหมดแล้วแท้ๆ เหลือแต่น้องต่ายกับพี่ทุเรียนเท่านั้น

        ”เดี๋ยวก็สุกครับมันลอยขึ้นมาก็สุกแล้ว พี่อินทร์ยืนดีๆ เดี๋ยวตก” รักษ์บอกกับขุนจันทร์ ก่อนจะเอ่ยเตือนขุนอินทร์ที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ให้ระวังเพราะเจ้าตัวอยู่ไม่นิ่ง รักษ์รู้ว่ายืนบนเก้าอี้มันอันตรายแต่เด็กทั้งสองอยากดูผลงานของตัวเองแต่ร่างกายไม่อำนวยรักษ์เลยอนุญาตให้ยืนบนเก้าอี้ได้และค่อยระวังให้ทั้งสองแทน

        “ลอยแล้วๆๆๆๆ อารักษ์ ลอยแล้วๆๆๆ” เสียงของสองแสบดังไปทั่วครัวเมื่อเห็นแป้งของตนเองลอยขึ้น

        “ครับๆๆ หลบให้อารักษ์ยกขึ้นนะครับ” เด็กๆ ทำตามอย่างเชื่อฟังและเดินประกบอารักษ์ไม่ห่าง “ออกไปรอด้านนอกนะครับได้ทานข้าวเที่ยง พ่อก็คงมาแล้ว” รักษ์บอกกับเด็กทั้งสองเมื่อยกแป้งบัวลอยลงจากเตาเรียบร้อยแล้ว

        “หนูรักษ์ก็ไปกับคุณหนูเถอะจ๊ะที่เหลือป้าทำต่อให้ คุณลมแกก็มารออยู่ที่โต๊ะแล้ว” ป้าอุ่นที่พึ่งเดินเข้ามาจากจัดโต๊ะเอ่ยบอกกับรักษ์ รักษ์ก็กลัวว่าลมเลจะรอนานเลยไม่ได้ปฏิเสธคำป้าอุ่น

        “งั้นผมฝากด้วยนะครับ ไปเด็กๆ คุณพ่อรอทานข้าวอยู่”

        ทั้งสามพากันเดินออกมาจากครัวซึ่งก่อนมาก็ไม่ลืมให้สองแฝดล้างมือให้เรียบร้อยก่อนมาทานอาหาร มาที่โต๊ะก็เห็นลมเลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว รักษ์รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทีเพราะหน้าลมเลดูนิ่งมาก กลัวว่าจะไม่พอใจที่พาแฝดมาทานข้าวช้า

        “มัวทำอะไรกันอยู่ไอ้แสบ” ลมเลเอ่ยถามลูก นึกไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่รักษ์พาเด็กทั้งสองมาทานข้าวช้า

        “น้องจันทร์ทำบัวลอยไข่หวานให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ที่รักษ์ขยับให้

        “พี่อินทร์ก็ทำด้วย”

        “หืม” ลมเลทำเสียงอย่างสงสัย แฝดเนี้ยนะทำขนมให้เขา

        “พอดีวันนี้ทำบัวลอยไข่หวานกันนะครับ” รักษ์บอกลมเลอย่างหวั่นๆ

        “เลยช้า” ลมเลว่านิ่งๆ รักษ์ยิ่งรู้สึกหวั่นมากกว่าเดิม เพราะลมเลดูหน้ากลัว

        “เอ่อ..ครับ ขอโทษครับ” รักษ์บอกอย่างรู้สึกผิด

        “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร กินข้าวเถอะ” ปากบอกไม่ได้ว่าอะไรแต่สีหน้ามันไม่เข้ากันเลยรักษ์คิดแบบนั้น

        “วันนี้ได้ทบทวนหนังสือหรือเปล่าไอ้แสบ” อยู่ๆ ลมเลก็เอ่ยถามขึ้นมาขนาดทานข้าว

        “พี่อินทร์ท่องคำศัพท์ตั้งเยอะ”

        “น้องจันทร์ก็ท่องภาษาปะกิดนะ สนุกๆๆ ” สองแสบตอบพ่อทั้งรอยยิ้มเพราะสนุกจริงๆ ลมเลนี้ถึงกับตกใจกับคำพูดของลูกชายก็สองแสบชอบภาษาอังกฤษที่ไหนกันให้อ่านให้ท่องทีหนึ่งจะเป็นจะตายแต่นี้มาบอกว่าสนุกกันหน้าระรื่น

        “พวกเอ็งเนี้ยนะท่องศัพท์” ลมเลว่าลูกชายอย่างไม่ยอมเชื่อ

        “ไม่เชื่อพ่อถามอารักษ์ ภาษาปะกิดสนุกๆๆ” ขุนจันทร์บอกอย่างอารมณ์

        “อารักษ์บอกว่ายังไงครับน้องจันทร์” รักษ์เอ่ยทวงแฝดน้องทันทีที่ได้ยินคำที่เด็กน้อยพูดเป็นครั้งที่สอง

        “ไม่ให้พูดภาษาปะกิดครับ” ขุนจันทร์บอกทั้งยิ้มให้อย่างอ้อนๆ เผื่ออารักษ์จะไม่ทำโทษ

        “ไม่ต้องมายิ้มเลยครับ ขนมตอนบ่ายงดนะครับ” รักษ์บอกเด็กน้อย ลมเลได้แต่มองพี่เลี้ยงกับลูกตัวเองสลับกันอย่างงงๆ ว่าไปตกลงอะไรกันไว้

        “อารักษ์...น้องจันทร์จะไม่พูดแล้วให้กินขนมนะครับ” ขุนจันทร์ร้องอ้อน ขุนอินทร์เห็นขุนจันทร์โดนทำโทษก็ทำปากขมุบขมิบว่าสมน้ำน่าแฝดน้องทันที

        “ไม่ได้ครับสัญญาเป็นสัญญา ส่วนขุนอินทร์ลดขนมครึ่งหนึ่งนะครับ” บอกกับแฝดน้องแล้วค่อยบอกแฝดพี่ รักษ์เห็นนะว่าแฝดพี่ทำอะไร

        “งือออออ พี่อินทร์ไม่เกี่ยวสักหน่อย” ขุนอินทร์บอกหน้ายู่

        “เห็นนะครับว่าเมื่อกี้ทำอะไร” รักษ์ว่าก่อนจะหันมาทานข้าวต่อไม่สนใจเด็กทั้งสองที่เถียงกันเบาๆ อยู่ข้างๆ

        “สัญญาอะไรกัน” อยู่ๆ ลมเลก็ถามขึ้นมา นึกเคืองที่ทั้งสามทำอย่างกับว่าอยู่กันสามคน

        “เปล่าครับไม่มีอะไร” รักษ์ตอบ ลมเลก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะดูแล้วไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรและค่อนข้างจะโอเคเพราะแฝดดูไม่กล้าเถียงเลยลองเป็นเขาสิเถียงหัวชนฝา

        เมื่อไม่มีอะไรแล้วต่างคนก็ต่างจัดการกับอาหารตรงหน้าลมเลก็คอยเหลือบมองรักษ์ที่คอยตักอาหารให้สองแฝดตลอดดูแล้วรักษ์ดูแลสองแฝดได้ดีที่เดียว วันนี้ทานข้าวก็เงียบหูดีเพราะไม่มีเสียงแฝดเถียงกันเพราะแย่งอาหารเพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มทะเลาะกันรักษ์ก็จะเข้ามาขัดทันทีและจัดการแบ่งอาหารให้เสร็จสรรพ

        “เดี๋ยวผมไปยกขนมมาให้นะครับ” รักษ์เอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าลมเลทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วตัวรักษ์นั้นทานเสร็จก่อนหน้านี้แล้ว แต่สองแฝดยังคงไม่อิ่มเลย

        รักษ์เดินเข้ามาตักขนมที่ป้าอุ่นทำไว้ในหม้อใส่ลงในถ้วยไม่ลืมตักน้องต่ายและพี่ทุเรียนของสองแฝดที่ตั้งใจทำให้คุณพ่อเขามาด้วย

        “ขนมๆๆๆ” เสียงของแฝดดังมาแต่ไกลทั้งที่รักษ์ยังยกไปไม่ถึงแท้ๆ

        “ขนมครับคุณลม” รักษ์บอกพร้อมกับยกถ้วยบัวลอยไข่หวานร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมให้ “นี้ของพี่อินทร์ และนี้ของน้องจันทร์ครับ" บอกพร้อมกับวางถ้วยขนมลงตรงหน้าเด็กน้อยก่อนจะมานั่งที่ตัวเอง

        “พ่อกินสิพี่อินทร์ทำเอง”

        “น้องจันทร์ก็ทำ”

        ลมเลมองลูกทั้งสองก่อนจะมองบัวลอยในชาม นึกแปลกใจไอ้ก้อนประหลาดว่ามันคืออะไรกัน ถ้าเขากินเข้าไปจะไม่ติดคอตายใช่ไหม

        “นี้บัวลอยอะไรของพวกเอ็ง” ลมเลว่าทั้งยกก้อนบัวลอยในช้อนขึ้นให้ลูกดู

        “น้องต่ายๆๆๆ ของน้องจันทร์” ขุนจันทร์ร้องบอกอย่างภาคภูมิ แต่คนเป็นพ่อกลับคิ้วขมวดพยายามมองก้อนเบี้ยวๆ ที่มีหน่อแหลมๆ สองหน่อยื่นออกมานิดหนึ่ง พยายามมองเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นกระต่ายสักทีนี้เขาต้องให้ลูกไปหัดปั้นดินน้ำมันใหม่ไหม

        “กระต่ายอะไรของเอ็งมีหน่อแหลมแบบนี้ เขาควายเปล่าเนี้ย” ลมเลว่า

        “งืออออ นั้นมันหูน้องต่ายนะพ่อ” ขุนจันทร์บอกกลับคนเป็นพ่อ มาว่าหูน้องต่ายเขาเป็นเขาควายได้ยังไง

        “แล้วนี้อะไร ใจคอพวกเอ็งจะให้พ่อกินติดคอตายหรือไงลูกใหญ่เท่าบ้าน” ลมเลว่าก่อนจะเปลี่ยนมาตักบัวลอยลูกเบี้ยวๆที่เป็นปุ่มๆทั้งลูก ดูแล้วมันไม่มีความน่ากินอยู่เลย

        “นั้นของพี่อินทร์ พี่อินทร์ทำพี่ทุเรียนให้พ่อ” แฝดพี่บอกทั้งรอยยิ้มภูมิใจเช่นกัน แต่คนเป็นพ่อหน้ายุ้งไปหมด ทั้งน้องต่ายทั้งพี่ทุเรียนมันอะไรของลูกเขากัน หันมองพี่เลี้ยงของลูกก็เห็นว่านั่งอมยิ้มอยู่

        “ทานสิครับเด็กๆ อุตส่าห์ตั้งใจทำให้” รักษ์เอ่ยบอกลมเลทั้งรอยยิ้ม ที่ยิ้มเพราะอดตลกกับสีหน้าของลมเลไม่ได้ อยากจะหัวเราะออกมาก็กลัวลมเล

        “ใช่ๆๆ พ่อชิมๆๆ อร่อยๆๆ” ขุนจันทร์ช่วยเสริม

        “เอาว่ะ” ลมเลว่าพร้อมกับตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา เด็กๆ มองอย่างลุ้นๆ ทันที รักษ์เองก็เช่นกัน แต่ “นายเอาไปลูกหนึ่งเด็กๆ อุตส่าห์ทำคงอยากให้นายกินด้วย ใช่ไหมไอ้แสบ” ลมเลว่าแล้วก็หย่อนพี่ทุเรียนลงในชามของรักษ์แล้วยิ้มหน้าบานที่ได้แกล้งพี่เลี้ยง รู้นะว่าแอบขำเขาอยู่

        “อารักษ์กินด้วยๆๆ” ขุนอินทร์บอกเสียงดังจ้องมองอย่างมีความหวัง รักษ์ทำอะไรได้นอกจากตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาคาดโทษไปให้คนส่งมาที่นั่งกินบัวลอยหน้าระรื่น ทำให้วันนี้รักษ์รู้อีกหนึ่งเรื่องของลมเลคือ

        คนชอบแกล้ง

        ​

        ********************************************

        ตอนที่ 4 มาแล้ววว  วันนี้ความแสบน้อยๆๆๆแต่น่ารักกกกกกก อ๊ายยยยยยยย อ่านกันให้สนุกน่าาา

        รักคนอ่านนนนนน จุ๊ฟล้านครั้ง ลงวันละตอนน่าาาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:
เด็กๆน่ารัก เราชอบ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 5



        หลังจากจัดการกับข้าวเที่ยงและบัวลอยไข่หวานลูกโตของสองแสบไปบอกได้คำเดียวว่า…เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะบัวลอยพี่ทุเรียนและน้องต่าย แม้ภายนอกมันดูสุกก็จริงแต่พอลองกินเข้าไปรู้เลยว่ามันหลอกลวงเพราะด้านในมันยังเป็นแป้งแข็งอยู่เลยแต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งสุดท้ายแล้วทั้งพี่ทุเรียนและน้องต่ายก็ไม่ได้ถูกกินเข้าไปจนหมดสองแฝดดูซึมไปทันทีแต่นั้นก็แค่พักเดียวเด็กทั้งสองก็ร่าเริงขึ้นมาแถมจะมีการแก้มือใหม่ในครั้งหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวอะไรจะออกมาอีก

        “พี่อินทร์ น้องจันทร์ ใส่หมวกให้เรียบร้อยครับจะได้ไปกัน” รักษ์ร้องบอกเด็กทั้งสองที่กำลังร่าเริงเพราะลมเลยอมให้ไปเล่นในสวนปาส์มน้ำมันทีี่กำลังเก็บผลวันนี้

        “ถ้าช้าไม่ต้องไป” เสียงคนเป็นพ่อพูดขึ้นตามมาขู่ทำให้เด็กทั้งสองต่างรีบวิ่งไปให้อารักษ์ใส่หมวกให้ก่อนจะหยอกล้อกันไปขึ้นพ่วงข้างที่จอดอยู่หน้าบ้าน รักษ์อดยิ้มให้กับความน่ารักของสองแฝดไม่ได้

        “นายช่วยเตรียมของว่างไปให้พวกไอ้แสบด้วยนะ” ลมเลร้องบอกรักษ์ที่กำลังเดินเข้าไปในครัวซึ่งก็กำลังไปเอาของว่างพอดี

        “ผมเตรียมไว้แล้วละครับ” รักษ์บอกไปทั้งรอยยิ้มลมเลทำเพียงพยักก่อนจะหยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาใส่

        “ฉันออกไปรอข้างนอกนะ” บอกเสร็จก็เดินออกไปไม่ได้รอคำตอบรับจากรักษ์ หลังจากจัดของว่างเสร็จเรียบร้อยก็ลองเช็คดูอีกครั้งว่าลืมอะไรอีกหรือเปล่าดูจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไรรักษ์ก็รีบเดินออกไปหาสามหนุ่มที่รออยู่หน้าบ้าน รักษ์ยืนมองพ่วงข้างคันเดิมที่เคยนั่งเข้ามาวันแรกอย่างหวั่นๆเพราะยังไม่ชิน

        “อารักษ์มาแล้ว พ่อไปกันเลย” ขุนอินทร์เมื่อเห็นรักษ์เดินเข้ามาก็ร้องบอกทันที เพราะอยากไปเล่นเร็วๆ

        “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ลมเลเอ่ยถาม รักษ์แค่พยักหน้าก่อนจะก้าวขึ้นพ่วงข้าง “งั้นไปละนะ” คนประจำคนขับว่าทั้งสตาร์ทรถ

        “ไปเลยครับ” หาที่ยึดได้ก็บอกให้อีกคนออกรถไป แต่ลมเลกลับปล่อยมือจากแฮนรถหันมามองหน้ารักษ์นิ่ง คนถูกมองก็อดตกใจไม่ได้ว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

        “ทำไมนายไม่ใส่หมวก” เสียงเอ่ยถามนิ่งๆแต่ดูดุถามขึ้น รักษ์ก็งงๆ อย่าบอกว่าที่จ้องเขานิ่งนี้เพราะเขาไม่ใส่หมวก

        “เอ่อ…ผมไม่มีนะครับ แต่ไม่เป็นอะไรหรอกมันไม่ค่อยร้อนเท่าไร” บอกไปทั้งที่ความจริงแล้วมันร้อนจนรู้สึกปวดหัว ลมเลมองคนตรงหน้านิ่งปากบอกไม่ค่อยร้อนแต่หน้านี้เหงื่อเต็มแถมแดงมาก นึกหงุดหงิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูกดูแลคนอื่นได้แต่ทำไมถึงไม่ค่อยดูแลตัวเอง

        “ใส่ไป” เสียงบอกพร้อมกับหมวกปีกกว้างที่ถูกใส่ลงบนศีรษะของรักษ์ รักษ์มองขึ้นอย่างงงๆ

        “เอ่อ…ไม่เป็นอะไรครับ คุณลมใส่ไปเถอะ” รักษ์ว่าขึ้นอย่างเกรงใจคนตัวสูงที่อุส่าห์สละหมวกให้แต่ด้วยสายตานิ่งที่มองมาทำให้มือที่เลื่อนหมายจะไปถอดหมวกคืนอีกคนกลับต้องจับหมวกนั้นไว้เฉยๆแทน

เมื่อเห็นว่ารักษ์ยอมใส่ดีๆลมเลก็จัดการขับพ่วงข้างไปตามแนวถนนที่ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ต่างๆ ที่เจ้าของสวนปลูกไว้ทำมาหากิน ตลอดทางนั้นไม่ได้ร้อนอะไรมากเพราะมีร่มไม้ค่อยให้ร่มเงา บรรยากาศธรรมดาๆที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

พ่วงข้างเล่นเข้ามาในสวนปาล์มน้ำมันที่สูงท่วมหัวใบของมันแผ่ปกคลุมให้ร่มเงาทำให้ไม่รู้สึกร้อนแต่กลับเย็นสบายเพราะมีสายลมพัดผ่านมาเป็นระรอกๆ พื้นที่ในสวนก็ไม่มีหญ้าขึ้นรกอย่างที่รักษ์เห็นระหว่างทางที่นั่งรถทัวร์มาที่สวนสายลม มันโล่งเตียนน่าอยู่มากเลยทีเดียวในความคิดของรักษ์

หลังจากดื่มด่ำอยู่กับบรรยกาศที่แปลกใหม่อยู่นานรถพ่วงข้างก็ได้หยุดลงสองแฝดก็ไม่รอช้ารีบกระโดนลงจากรถจนคนเป็นพ่อต้องดุ รักษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเด็กถูกดุ

        “นายหัวมาแล้วๆ ไปๆทำงาน” เสียงสำเนียงที่แปลกหูเอ่ยขึ้นทันทีที่รถมาถึง

        “ไอ้ทั่ว ไม่เห็นกูมึงไม่ทำซินะงาน” ลมเลว่า คนตัวผอมผิวคล้ำรีบเข้ามาประจบนายทันที

        “ไม่ใช่พันนั้นนะนายหัว ไอ้ทั่วนี้หยันสุดแล้วในสวน อิอิ” นายทั่วรีบแก้ตัวทันทีแค่พักหน่อยเดียวเอง ทางลมเลก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะชินกับลูกน้องคนนี้ถึงมันจะชอบกวนแต่มันก็ขยัน

        “ขยันกวนตีนกูนะซิ ไปๆทำงานๆ” ลมเลว่าอย่างไม่จริงจังนัก

        “อุ้ย” ทั่วตกใจเมื่อพึ่งสังเกตเห็นคนที่มากับนายตัวเอง รักษ์ทำเพียงส่งยิ้มให้

        “นายหัวใครนั้น” ก่อนจะไปก็ไม่วายอยากรู้ ลมเลทำเพียงมองหน้าทั่วอย่างต้องการบอกว่ามึงเสือกอะไร ไอ้ทั่วเลยได้แต่เกาหัวยิ้มแห้งแล้วเดินจากไปดูนายหัวจะหวงจังเลยคนนี้ รักษ์ได้แต่นึกตลกลูกน้องของลมเลในใจ ก่อนจะมองตามทั่วไปอย่างสนใจเพราะกำลังถือท่อนเหล็กยาวๆ และแทงบนทลายปาล์มที่อยู่สูงมาก บางต้นก็ใช้ตะขอเกี่ยว

        “คุณลมเขาทำอะไรกันนะครับ” รักษ์เอ่ยถามลมเลอย่างสงสัย

        “เก็บปาล์มไง” ลมเลบอกนิ่งแล้วมองดูคนงานตัดปาล์มกันต่อไป สองแสบก็วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ รักษ์ก็อยากถามต่อแต่ก็เกรงใจอีกคน

        “ไอ้แสบมานี้ๆ” ลมเลเอ่ยเรียกสองแสบทั้งกระดิกนิ้วอย่างกวนๆ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ หันมองแต่กลับไม่เข้าไปหาเพราะรู้ดีว่าพ่อเรียกทำไม เลยวิ่งเข้ามาเกาะรักษ์แทน รักษ์เองก็ออกจะงงๆ

        “พวกเอ็งคิดว่ารอด” ลมเลว่าติดตลก ที่เห็นลูกทั้งสองวิ่งไปเกาะรักษ์

        “พี่อินทร์ไม่เก็บนะ”

        “น้องจันทร์ก็ไม่เก็บ” เด็กทั้งสองว่าขึ้นพร้อมทั้งสายหน้าระรัวไม่น่าหลงเชื่อคำชวนพ่อเลย

        “อะไรกันหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัย

        “พ่อจะให้พี่อินทร์เก็บปาล์มร่วง” ขุนอินทร์รีบฟ้องทันที ลมเลทำเพียงยืนแคะจมูกมองลูกชายทั้งสองนิ่งๆ

        “ปาล์มร่วง?”

        “ใช่ครับ อารักษ์บอกพ่อให้หน่อยน้องจันทร์ไม่เก็บ” ขุนจันทร์รีบอ้อนทันทีเพราะเด็กน้อยอยากวิ่งเล่นมากกว่า

        “มันฟังดูน่าสนุกดีนะอารักษ์ว่า” พูดไปตามประสาคนไม่เคยทำพอมีโอกาสก็อยากลอง ทางลมเลแสะยิ้มร้ายทันทีที่ได้ยินรักษ์พูด

        “งั้นลองเก็บดูไหมละ” ลมเลเช็ดมือที่แคะจมูกกับกางเกงแล้วเอ่ยถามขึ้น

        “แต่ผมทำไม่เป็น” รักษ์ว่า

        “ไม่ยากหรอกใช่ไหมไอ้แสบ” ลมเลถามความเห็นลูกชาย สองแสบก็สายหน้ารัวทันที “งั้นเอาไปคนละใบ” ว่าทั้งยื่นกระสอบใบเล็กๆให้ทั้งสาม รักษ์ถึงกับงงว่าลมเลไปหยิบมาตอนไหน

        “พี่อินทร์ น้องจันทร์ เอาไหมครับ” รักษ์ถามเด็กทั้งสองอย่างต้องการความเห็น

        “อารักษ์ทำพี่อินทร์ก็ทำ”

        “น้องจันทร์ทำด้วย” แล้วสองแฝดก็จับมือกันพาอารักษ์ไป ลมเลมองอย่างผู้ชนะทันที ชนะไอ้แฝดถือเป็นเรื่องใหญ่ ฮาๆๆ

รักษ์มองเด็กทั้งสองที่ค่อยแย่งกันเก็บปาล์มน้ำมันลูกสีส้มมันวาวกันอย่างสนุก นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่รักษ์ได้เห็นและสัมผัสกับปาล์มน้ำมันตัวเป็นๆแบบนี้ รักษ์พึ่งรู้ปาล์มร่วงก็คือผลปาล์มที่หลุดออกจากทลายใหญ่ๆที่มองดูแล้วคงหนักเป็นสิบกิโล แต่ละต้นก็ไม่ได้มีมากอะไรซึ่งสองแฝดบอกว่าเพราะมันยังไม่สุกมาก

แม้สองแฝดจะยังเด็กแต่ก็รอบรู้เรื่องในสวนคงเพราะคนเป็นพ่อคอยสอนตลอดถึงแม้การสอนของลมเลติดดูจะแปลกๆ แต่นั้นก็ทำไปเพื่อฝึกสองแฝด

        “โอ๊ย!” เพราะมองสองแสบจนเพลินเลยไม่ได้สนใจมือตัวเองที่กำลังเก็บผลปาล์มทำให้ถูกหนามที่อยู่ตรงทางปาล์มน้ำมันตำเอา

        “เป็นอะไร” เสียงลมเลถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องของอีกคน “เปล่าครับแค่หนามตำนิดหน่อย” รักษ์บอกก่อนจะหันมาเก็บผลปาล์มต่อแต่ก็ต้องร้องซีดเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่ถูกหนามตำ ลมเลถอดหายใจเสียงดังทันที

        “เอามือมาดูหน่อย” ว่าทั้งนั่งลงใกล้ๆ กับรักษ์

        “เอ่อ…ไม่เป็นอะไรจริงๆครับ” รักษ์ยังคงยืนกราน ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำให้ลมเลถอนหายขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมถึงดื้อจังว่ะ

        “นายรู้ไหมหนามของปาล์มถ้าไม่เอามันออกมันจะเคลื่อนเข้าไปเรื่อยๆ จนทะลุนิ้วเลย นายไม่กลัว?” แม้คำพูดดูเหมือนขู่ให้กลัวแต่ความจริงมันคือเรื่องจริง ซึ่งคนทำสวนรู้กันดีก็มีแต่คนตรงหน้าที่ดื้อไม่รู้เรื่อง

รักษ์มองคนพูดแล้วอดนึกกลัวไม่ได้ไม่รู้หรอกว่าที่ลมเลบอกมันจริงหรือเปล่าแต่เขาก็กลัว มือเล็กที่เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินเลยค่อยๆส่งไปตรงหน้าของอีกคน ลมเลยิ้มทันทีเพราะสีหน้าของอีกคนมันตลก ก็กลัวสินะ ลมเลคิด

        “มันมีหนามฝังอยู่คงจะต้องบ่งออก” ว่าทั้งใช้ปลายนิ้วโป้งของตนค่อยๆ เน้นและเค้นตรงบริเวณที่หนามฝังอยู่

        “โอ๊ย!” รักษ์รู้สึกเจ็บเลยชักมือกลับแต่มือใหญ่ของคนตรงหน้ารั้งไว้เสียก่อน

        “ทนหน่อยมันอยู่ไม่ลึกมากเดี๋ยวก็ออก” ถึงปากจะเอ่ยบอกอีกคนแต่มือก็ไม่ได้หยุดกระทำ รักษ์ทำได้เพียงมองอีกคนอยู่เงียบๆถึงจะรู้สึกเจ็บเวลามือใหญ่กดลงมาก็ตาม

        “อืม ออกแล้ว” ลมเลว่าขึ้นทั้งยิ้มให้คนตรงหน้า รักษ์ถึงกับรู้สึกใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมา

        “ขะ…ขอบคุณครับ” มือเล็กค่อยๆ เลื่อนออกจากมือใหญ่ก่อนจะหลบสายตาลมเลเพราะรู้สึกแปลกๆ ทางลมเลก็อดแปลกใจไม่ได้ที่รักกษ์มีท่าทีแปลกไปแต่ท่าทางนั้นของรักษ์มันดูน่ามองมากเหลือเกินในสายตาของลมเล ยิ่งแก้มขาวๆนั้นขึ้นสีแดงระเรืองก็ยิ่งน่ามอง

        “พ่อ!” เสียงร้องพร้อมกับแรงกระแทกจากสองแฝดทำให้ลมเลที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเสียการทรงตัว สองขาที่นั่งยงยองเกิดล้มลงทำให้เอนไปทับอีกคนที่อยู่ตรงหน้า

        “เฮ้ย!” เพราะตกใจทั้งรักษ์และลมเลเผลออุทานออกมาเสียงดัง ทำให้คนงานบริเวณนั้นหันมองอย่างสงสัยทันทีและต้องตกใจกับภาพตรงหน้า

หัวใจสองดวงเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้ มันดังและแรงราวกับว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้มันหยุดเคลื่อนไหวมีเพียงหัวใจสองดวงที่กำลังทำงานอยู่เพียงเท่านั้น

        “พ่อกอดอารักษ์”

*****************************************

ตอนที่ 5 มาแล้วค่ะ ในวันฝนตกๆ ว่างๆ ก็มาลงนิยายกันนน เรื่องนี้แต่งใกล้จบแล้วฉะนั้นไม่มีดองนานแน่นอนจ้าาาาาาา

ใครรักใครหลงลูกคู่ขอเสียงหน่อยค่ะ รายงานตัวด่วนนนนน

เรื่องนี้้เนื้อเรื่องจะเรื่อยๆๆ ความแสบของลูกคู่จะมีมาให้เห็นเรื่อยๆๆนะคะ ความรักของนายหัวลมกะพี่เลี้ยงรักษ์ก็จะค่อยๆไปเรื่อยๆๆ อิอิ ฝากติดตาม ลูกคู่สื่อรัก ด้วยนะคะ

บันทึกและจดจำไว้ว่าฉันเริ่มลงนิยายในปีที่ไม่มีสงกรานต์ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคนนนนนน

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 6

 

        “จะลงมาจริงๆ เหรอ” เสียงใสถามคนในสายอย่างดีใจ

        “ก็จริงฉันจะโกหกแกทำไมละรักษ์” คนในสายบอกมาทั้งเสียงขบขัน

        “น้ำฟ้าอย่าโกหกฉันนะ” ถามย้ำอีกครั้งเพราะกลัวจะถูกหลอกให้รอ น้ำฟ้าที่อยู่ในสายทำเพียงหัวเราะก่อนจะบอกลารักษ์

รักษ์มองโทรศัพท์ในมืออย่างปลงตกกับเพื่อนแสนซนคนนี้ ก็ดีใจอยู่หรอกที่น้ำฟ้าจะลงมาชุมพรแต่น้ำฟ้ามีเรียนซัมเมอร์จะมาได้ไงมันเลยทำให้รักษ์อดกังวลไม่ได้เพราะกลัวว่าเพื่อนตัวดีจะหลอกเอา แต่ก็นะเจ้าตัวบอกจะมาก็คงจะมาจริงๆถ้าอยากให้แน่ใจก็คงต้องให้ถึงสิ้นเดือนนี้ละนะเพราะเจ้าตัวบอกจะมาวันนั้น ถึงจะคิดอย่างนั้นก็อดกังวลไม่ได้เพราะเสียงหัวเราะของเพื่อนสาวทำให้รักษ์ไม่แน่ใจไม่รู้จะเล่นอะไรพิเรนอีกหรือเปล่าพอมาคิดก็กังวลไปเสียเปล่าเลยกลับเข้าไปช่วยป้าอุ่นเตรียมอาหารเช้าต่อพอได้เวลาเจ็ดโมงก็ขึ้นไปปลุกสองแฝดอย่างทุกวัน

        “น้องจันทร์หล่อกว่าพ่อยังครับอารรักษ์” ขุนจันทร์ที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมปะแป้งจนหน้าขาว ยืนเก๊กหล่อบนเตียงถามขึ้น รักษ์ยิ้มขึ้นทันทีก่อนจะนึกถึงคำถามของเด็กน้อย อยู่ๆ ภาพของลมเลที่ใส่เสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่พร้อมกับเคาะจมูกลอยเข้ามาทำให้รักษ์ต้องสายหน้าระรัวเพื่อสลัดความคิดออกไป ‘คนแบบนี้หรือหล่อ’ แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่จริงๆแล้วก็แค่ไม่อยากยอมรับก็เท่านั้นความคิดมันเลยชอบขัดแย้งกับความรู้สึกทุกครั้ง รักษ์ก็แค่นึกอิจฉาอีกคนก็เท่านั้นที่ดูดีได้แม้จะยืนเคาะจมูกนิ่งๆแต่แล้ว…อยู่ๆภาพเมื่อสองวันก่อนก็ฉายขึ้นมาเรียกให้หัวใจดวงน้อยๆต้องเต้นแรง ใบหน้าของลมเลที่ห่างไม่ถึงคืบนั้นสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกคนที่รดลงบนใบหน้าเขา อุบัติเหตุแสนน่าอายที่สวนปาล์มน้ำมันวันนั้นมันทำให้ต้องใจเต้นทุกครั้งที่พบหน้าลมเล

        “อารักษ์เป็นไรเหรอ ตกลงน้องจันทร์หล่อกว่าพ่อไหม” เสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กแสบเรียกให้รักษ์ต้องหลุดจากความคิด

        “หล่อครับน้องจันทร์หล่อที่สุดเลยยยย” รักษ์บอกพร้อมกับจี้พุงกะทิอย่างเมามันจนเด็กนอนหอบตัวโยน แต่ยังคงหัวเราะเสียงดังไปทั่ว

        “อารักษ์” ขุนอินทร์ที่พึ่งออกจากห้องน้ำเรียกรักษ์เสียงดังพร้อมกับกระโดดกอดคอรักษ์แน่น

        “แล้วพี่อินทร์ล่ะหล่อกว่าพ่อกับจันทร์เปล่าาาา” จบคำรักษ์ยิ้มทันทีสองแฝดนี้ไม่ยอมน้อยหน้ากันจริงๆ

        “หล่อครับ พี่อินทร์ก็หล่อที่สุดเลย” ร้องบอกเด็กที่กำลังกอดคอก่อนจะยกตัวแสบคนพี่ให้มานั่งข้างๆตัวแสบคนน้องที่นอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

        “เป็นอะไรกันครับน้องจันทร์” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัย

        “อารักษ์ไหนบอกน้องจันทร์หล่อสุดไง” เสียงเล็กๆ ของแฝดคนน้องถามขึ้น คนฟังอย่างรักษ์นี้ถึงบางอ้อเลย

        “ก็หล่อที่สุดทั้งสองคนเลยไงครับ” รักษ์บอกแก้ทั้งรอยยิ้ม

        “พี่อินทร์ต้องหล่อกว่า”

        “น้องจันทร์ต่างหาก อินทร์นะอย่ามามั่ว”

        “จันทร์นั้นแหละมั่วเกิดหลังเค้า เค้าก็ต้องหล่อกว่าสิ”

        “คนเกิดก่อนไม่หล่อ”

        “หล่อ”

        “ไม่หล่อ อารักษ์อินทร์กับจันทร์ใครหล่อกว่ากันนนน” พอเถียงกันไม่ได้ข้อสรุปต้องเป็นรักษ์ทุกครั้งที่ต้องค่อยตัดสิน รักษ์มองสองแสบสลับไปมาอย่างครุนคิดทั้งที่ไม่ต้องคิดอะไรมากแต่เพราะอยากแกล้งสองแฝดก็เท่านั้น ใครใช้ให้หน้าตอนรอคำตอบน่ารักขนาดนี้

        “อืมมมมม” ผ่านไปสักพักรักษ์ยังเงียบ สองแสบสีหน้าเริ่มคิดหนัก รักษ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำมันต้องจริงจังขนาดนั้น แต่ก็อย่างที่บอกหน้าสองแฝดตอนนี้ทั้งตลกทั้งน่ารักจนรักษ์เก็บรอยยิ้มไม่อยู่

        “อารักษ์” สองเสียงเล็กร้องขึ้นทันที อารักษ์ชอบแกล้ง แฝดคิด

        “โอเคๆ ไม่แกล้งล่ะ อืม” บอกทั้งรอยยิ้มก่อนจะกลับมาครุนคิดอีกครั้ง สองแฝดเห็นก็หน้ายู้ทันทีเพราะคิดว่าอารักษ์จะแกล้งอีก

        “ตกลงน้องจันทร์หล่อที่สุดใช่ไหม” ขุนจันทร์บอกอย่างภูมิใจ

        “อย่ามามั่วนะจันทร์ ต้องพี่อินทร์สิ ก็บอกแล้วว่าเค้าเกิดก่อน” พอไม่ได้คำตอบสักที่ศึกฝีปากระหว่างพี่น้องก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง รักษ์คิดว่าคงต้องหยุดการแกล้งเพียงเท่านี้ เดี๋ยวประเด็ดเกิดก่อนเกิดหลังมันจะพุดขึ้นมาอีก ก็ไม่เข้าใจขุนอินทร์เหมือนกันว่ามันเกี่ยวอะไรกับเกิดก่อน

        “เอาล่ะๆๆ ไม่เถียงกันนะสรุปแล้วหล่อที่สุดทั้งสองคนเลย” รักษ์ห้ามศึกก่อนที่มันจะลากยาว

        “ไม่ได้ ๆ ต้องมีคนที่หล่อที่สุดคนเดียวน่าาาา” ขุนจันทร์ร้องทวงขึ้นมา

        “ใช่ๆๆๆๆๆ” ขุนอิทร์เสริมอีกแรง ถ้าสองแฝดจะไม่ยอมกันขนาดนี้เป็นรักษ์ก็หนักใจนะ เอาไงดีล่ะมองสองแสบไปก็นึกหาคำตอบเพื่อยุติคำถามนี้ แต่แล้วภาพของใครคนหนึ่งก็ฉายเข้ามาในความคิดรักษ์ยิ้มขึ้นมาทันทีหวังว่าจะเป็นคำตอบที่หยุดสองแฝดได้นะ

        “อารักษ์รู้แล้วว่าใครหล่อสุด” รักษ์บอกทั้งยิ้มกว้างสองแสบก็ตั้งตารอคำตอบอย่างจดจ่อ อยากรู้จริงเรื่องอื่นสนใจเท่านี้หรือเปล่า

        “คนที่หล่อที่สุดก็…พ่อของพี่อินทร์กับน้องจันทร์ไง”

        “ขอบคุณที่ชมผม จะลงไปกินข้าวกันได้หรือยัง”

        “พ่อ” ขุนอินทร์ขุนจันทร์เอ่ยเรียกอย่างตกใจ ผิดกับรักษ์ที่นั่งตัวนิ่งไม่กล้าขยับ ไม่รู้ว่าลมเลมาตอนไหนเพราะไม่ได้ยินเสียงประตู แล้วแบบนี้จะกล้ามองหน้าอีกคนได้ไงเรื่องเก่าไม่จบเรื่องใหม่ก็ดันมาให้ตายเถอะรักษ์

ทางลมเลก็ไม่คิดหรอกว่าจะมาได้ยินใครอีกคนกำลังชมเขาอยู่ก็แค่จะมาตามให้ไปกินข้าวเพราะถึงเวลามานานแล้วทั้งสามก็ยังไม่ยอมลงกันมาเสียที

        “เอ่อ…คือ…ขอโทษครับ” รักษ์เอ่ยบอกทั้งไม่ยอมมองหน้าอีกคน

        “เรียบร้อยแล้วก็ลงไป” ลมเลบอกสองแสบก็รีบลงจากเตียงลงไปด้านล่างทันที ยังเหลือก็แต่รักษ์ที่นั่งนิ่งๆ ไม่ยอมขยับ ก็หัวใจมันเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา ใบหน้านั้นก็รับรู้ได้ถึงแรงสูบฉีดของเลือดได้เป็นอย่างดีตอนนี้หน้าคงแดงไปหมด

        “ไม่ลงไปหรือไง” เพราะเห็นว่ารักษ์ยังนั่งนิ่งเลยร้องถามขึ้น

        “ปะ…ไปครับ คุณลงไปก่อนเลย” ถ้าไปตอนนี้มีหวังลมเลต้องเห็นหน้าแดงๆนี้แน่

        “ก็ไปพร้อมกันสิ” รักษ์อยากจะบอกเหลือเกินถ้าไม่มีอาการแปลกๆแบบนี้ก็อยากลงไปพร้อมกันอยู่หรอก แต่นี้ไม่ใช่

        “เอ่อ…”

        “ลีลาอยู่ได้เร็วๆ ฉันหิว” จะไปก่อนอีกคนก็ได้แต่เพราะเห็นท่าทางแปลกๆของรักษ์เลยไม่อยากทิ้งอีกคนไว้ ไม่รู้ว่าไม่สบายหรือเปล่าเพราะสังเกตเห็นใบหน้าของรักษ์แดงผิดปกติ

        “ครับ…งั้นไปกัน” รักษ์บอกพร้อมกับรีบลุกจากเตียงเดินมุ่งไปที่ประตูทันทีแต่พอจะก้าวเดินออกไปกลับมีท่อนแขนใหญ่ของลมเลมากั้นเอาไว้

        “ไม่สบายหรือเปล่า” ลมเลถาม รักษ์รีบสายหน้าทันที

        “แล้วทำไมต้องก้มหน้าขนาดนั้น”ถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่เข้ามารักษ์เอาแต่ก้มหน้าตลอด คำตอบของอีกคนก็คือการสายหน้าอีกครั้ง ลมเลถอนหายใจเฮือกใหญ่มือหนาละจากขอบประตูมากอดอกจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง

        “ผมขอตัวนะครับ” บอกจบก็รีบก้าวเดินทันทีแต่ก็ต้องหยุดเพราะถูกรังมือไว้จากคนตัวใหญ่ข้างๆ ตอนนี้หัวใจของรักษ์ยิ่งเต้นเร็วมากนึกสงสัยตัวเองว่าเป็นอะไร คงจะต้องหาเวลาไปหาหมอแล้วล่ะทำไมพออยู่ใกล้ลมเลทีไรหัวใจถึงทำงานผิดปกติแบบนี้

        “ตัวก็ไม่ร้อน” ลมเลว่าพร้อมกับมือหนาที่เลื่อนออกห่างจากหน้าผากมนตอนไหนกันลมเลไปแตะตอนไหนกันพอมาคิดตอนนี้ใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงระเรืองอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหัวใจก็เต้นรัว เป็นอะไร คำถามนี้ได้แต่วนไปวนมาในหัวของรักษ์

        “ทำไมหน้าแดงขนาดนั้นเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ถามด้วยความห่วงใยเห็นว่ารักษ์หน้าแดงมากขึ้น

        “ผมไม่เป็นอะไร ไปกันเถอะครับ” กว่าจะรวบรวมสติเพื่อตอบอีกคนไปก็นานพอดู ทางลมเลก็ไม่อยากเซ้าซี้อีกคนมากเลยปล่อยไป

รักษ์พอถูกปล่อยก็รีบลงมาด้านล่างทันทีแต่ที่หมายไม่ใช่โต๊ะทานข้าวแต่เป็นแปลงดอกไม้ข้างบ้านแทน

ระหว่างทางก็เจอป้าอุ่นแกเรียกให้ทานข้าวก็บอกปัดไปจะให้ไปทานพร้อมกับลมเลตอนนี้คงไม่ดีแน่ๆเลยหันมารดน้ำดอกไม้ที่ปลูกไว้ข้างบ้าน ทางลมเลลงมาก็ไม่พบอีกคนก็อดสงสัยไม่ได้

        “หนูรักษ์แกไปรดน้ำดอกไม้จ๊ะ เห็นบอกว่ายังไม่หิว” ป้าอุ่นไขข้อสงสัยให้เมื่อเห็นว่านายหัวลมของแกเที่ยวมองหาใครอีกคน ลมเลเพียงพยักหน้าแล้วหันมาจัดการข้าวเช้าที่อยู่ตรงหน้า

        “เล่นอะไรกันทำไมไม่ยอมลงกันมาไอ้แสบ” ลมเลเอ่ยถามลูกชายทั้งสองที่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่ยอมพูดจา

        “แข่งกันว่าใครหล่อกว่ากัน พ่อว่าพี่อินทร์กับจันทร์ใครหล่อที่สุด” ขุนอินทร์บอกพร้อมคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่พอใจสักที

        “ก็พ่อไงหล่อสุด” ลมเลว่าพร้อมกับท่าเก๊กหล่อข่มลูกชาย

        “พ่อมั่ว อารักษ์ก็มั่ว น้องจันทร์สิหล่อสุด”ขุนจันทร์เถียงขึ้นอย่างไม่ยอม

        “ใครมั่วอะไร พวกเอ็งสิมั่ว เป็นเด็กเป็นเล็กจะรีบหล่อไปไหน” ลมเลว่า

        “ที่พ่อยังหล่อได้เลย” ขุนอินทร์

        “ใช่ๆๆๆ อารักษ์ยังบอกพ่อหล่อ” ขุนจันทร์เสริม

        “หึหึ” ลมเลทำเพียงยกยิ้มมุมปาก ที่บอกว่าเขาหล่อเพราะสองแสบสินะ ถึงไม่รู้ว่าทำไมรักษ์บอกสองแสบแบบนั้นแต่เรื่องนี้มันทำให้ลมเลหยุดยิ้มไม่ได้จริงๆ

ทั้งโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งคงมีก็แต่เสียงช้อนที่กระทบกับจานดังมาเป็นระยะๆ แต่แล้วการกินอาหารเช้านี้ก็ต้องจบลงเพราะเสียงร้องดังของคนที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะในวันนี้

ว๊ากกกกกกกกก

ลมเลรีบวางช้อนแล้วลุกไปตามเสียงร้องทันที ขุนอินทร์ขุนจันจันทร์ก็เช่นกันวิ่งตามหลังคนเป็นพ่อไปติดๆ

        “รักษ์ !” ลมเลเรียกเสียงดังอย่างตกใจก่อนจะรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่คอแน่น หัวเล็กๆซุกที่ซอกคอจนลมเลรู้สึกจั๊กจี้

        “ว๊ากก คุณๆ มะ…มันมาๆๆๆ” เสียงเล็กบอกอย่างตื่นกลัวมือขาวก็ชี้ไปตรงข้างกระถางต้นไม้ ลมเลมองตามมือไปก็ต้องตกใจไม่ใช่ตกใจกับสิ่งที่เห็นแต่ตกใจกับอาการของคนที่กอดคอเขาแน่นกลัวตัวนี้หรือ

        “กิ้งกือ?” เสียงขุนอินทร์พูดขึ้นมาอย่างงงๆ มองสัตว์ตัวยาวสีดำที่มีขาเยอะเกินสัตว์ปกติกำลังเคลื่อนมาทางพวกเขา แต่แล้วสัตว์ตัวน้อยก็ต้องมวนกลมเพราะถูกไม้ในมือขุนจันทร์แหย่เอาก่อนจะเขี่ยก้อนกลมๆนั้นมาทางลมเลและรักษ์

        “ว๊ากกกกกกก” รักษ์ร้องเสียงดังเมื่อเห็นสัตว์ก้อนกลมนั้นกำลังมาทางนี้ เท้าน้อยๆเคลื่อนตัวอัตโนมัติขึ้นเกี่ยวตัวของลมเลแน่นราวกับลูกลิงเกาะแม่ลิง

        “ฮาๆๆๆ อารักษ์กลัวกิ้งกือ” ขุนจันทร์ร้องขึ้นอย่างขบขัน ขุนอินทร์ก็สมโรงด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ลมเลที่ยังขำอีกคน กลัวจนเกาะเขาแน่นเลย ทางรักษ์เพราะกลัวมากๆเลยไม่ได้สนใจว่าตัวเองอยู่สภาพไหนขอแค่ให้พ้นจากตัวน่าขนลุกนั้นได้ก็พอ

        “อะ…เอามันออกไปไกลๆ น้องจันทร์” รักษ์ร้องบอกทั้งยังไม่ยอมมองเอาแต่ซุกหน้ากับคอของลมเลแน่น ขาที่กำลังจะร่วงหล่นก็ยกไปขึ้นเกี่ยวอีกจนลมเลต้องช่วยจับไว้เพราะกลัวอีกคนตกถึงจะรู้สึกว่ามันจะแปลกๆก็เถอะ เหมือนมีลูกตัวโตๆเลยลมเลคิด

        “หึหึ ขุนจันทร์เอามันออกไป” เพราะเห็นใจเลยบอกให้ขุนจันทร์ช่วยเขี่ยไปไกลๆ ขุนจันทร์ก็ไม่รอช้ารีบเอาไม้เขี่ยไปจนก้อนสัตว์กลมๆนั้นออกไปไกลและมีขุนอินทร์วิ่งไปเขี่ยอีกทีจนมองไม่เห็นตัวนั้นอีก

        “อารักษ์มันไปแล้ว” ขุนอินทร์บอกทั้งรอยยิ้ม คนที่ซุกหน้าอยู่ขยับนิดหน่อยเพราะยังกลัวอยู่

        “ไม่มีแล้วจริงๆอารักษ์ ฮาๆๆ” ขุนจันทร์ช่วยเสริมอีกแรงแต่ก็อดขำอารักษ์ไม่ได้ กลัวสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว

        “จะ…จริงเหรอ” เสียงเล็กที่ยังสั่นอยู่ถามออกมาเพื่อความแน่ใจก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่มีแล้วจริงๆ “เฮ้อออออ” ถอดหายใจเอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นสัตว์น่าขนลุกนั้นแล้ว ไม่อยากจะบอกสิ่งที่กลัวที่สุดก็มันนี้แหละ

        “นายจะลงได้ยังฉันหนัก” อยู่ๆ เสียงนิ่งๆของลมเลก็เอ่ยดังอยู่ข้างหู รักษ์หันมองทันทีก่อนจะตกใจรีบปล่อยมือออกจากคอของลมเล ขาเล็กสองข้างก็เช่นกันทุกกอย่างถูกปล่อยออกอย่างไม่ระวังทำให้รักษ์เสียหลักลงไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นอะไรมันจะน่าอายซ้ำซ้อนขนาดนี้พอคิดได้ใบหน้าขาวก็แดงขึ้นมาทันที

        “เอ่อ…ผะ…ผมขอโทษ” พูดไปทั้งไม่ยอมมองหน้าอีกคน

        “ก็ไม่ได้ว่าอะไร หึหึ” ลมเลว่า รักเหลือบมองทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกคน สองแฝดก็เช่นกันหัวเราะอยู่ได้ก็คนมันกลัวจะให้ทำไงได้ รักษ์รู้สึกอายจนแถบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ตกใจกลัวไม่พอยังไปกระโดดเกาะเขาอีกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันทีนี้

        “หึหึ ไม่ยักจะรู้ว่านายจะกลัวสัตว์ตัวนิดเดียวขนาดนี้ ตัวมันยาวๆออกจะน่ารัก หึหึ” ลมเลเอ่ยแซวอีกคนก็เข้าใจว่าคนเรามันต้องมีสิ่งที่กลัวแต่ไม่คิดว่ารักษ์จะกลัวจนสติหลุดขนาดนี้ ก็ตลกดี

        “ผมไม่ใช่แม่นาคนะที่จะพิษวาสมัน” ตัวอะไรน่าขนลุกชะมัดตัวก็ยาวขาก็เยอะยิ่งกว่าล้อรถไฟ

**********************************

ลูกคู่มาแล้ววววว

รักคนอ่านน่าาาาาาาา

 

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 7



​“คุณย่าาาาาาา” เสียงสองแฝดร้องเสียงดังเมื่อรักษ์จอดรถอยู่หน้าบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ ก่อนจะรีบลงจากรถวิ่งเข้าไปหาคนเป็นย่าที่นั่งอยู่โต๊ะไม้หน้าบ้าน

“ว่าไงลูกคู่ มาให้ย่าหอมคนละที” ว่าจบก็รั้งเด็กทั้งสองที่เกาะอยู่ที่เอาไปหอมคนละที

“พี่อินทร์คิดถึงคุณย่า”

“น้องจันทร์ก็คิดถึงมาก”

สองพี่น้องพูดเสียงหวานเอาอกเอาใจคุณย่าทันที ซึ่งก็รู้ดีที่ว่าคิดถึงจริงๆนะไม่ใช่คนแก่อย่างเขาหรอกเป็นขนมซะมากกว่า

“คิดถึงย่าหรือขนมของย่ากันแน่ลูกคู่” เธออดที่จะเอ่ยแซวหลานชายตัวน้อยไม่ได้

“ก็คิดถึงทั้งสองอย่างครับ อิอิ” เป็นคนพี่ที่ตอบขึ้นมาแฝดคนน้องก็พยักหน้าช่วยเสริมอีกที

“สวัสดีครับคุณป้า” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักทาย

“สวัสดีจ๊ะลูก นั่งก่อนๆ” ญาดาทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม มองหน้าเพื่อนสนิทของลูกสาวที่ตอนนี้มาเป็นพี่เลี้ยงของหลานเธอแล้วต้องยิ้มในใจทุกทีเด็กอะไรช่างน่ารัก เธอนึกถูกชะตากับรักษ์ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกยิ่งได้รู้นิสัยใจคอของอีกคน ญาดาแทบอยากจะได้มาเป็นลูกอีกคน

“ผมเอาขนมโคมาฝากครับ” ว่าทั้งวางถุงขนมให้ญาดาบนโต๊ะ

“น้องจันทร์ทำเองเลยน่าาาา”

“พี่อินทร์ก็ทำ อร่อย คุณย่าลองกินๆ"

“ลูกคู่ทำเองเลยเหรอแล้วย่าจะกินได้ไหม หึหึ” เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวหลานแฝด

“คุณย่าอ่าาาาาา” สองแสบหน้ายู่ทันที จนคนเป็นย่าหัวเราะเสียงดังเพราะได้แกล้งหลานชาย

“รักษ์ทำเหรอลูก” ละจากสองแฝดก็หันมาถามพี่เลี้ยงที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะนึกขันสองแสบ

“ครับ ไม่รู้ว่าจะพอได้ไหมคุณป้าลองชิมดูนะครับ” รักษ์บอกอย่างไม่มั่นใจเพราะพึ่งเคยทำครั้งแรกโดยมีป้าอุ่นคอยสอนเลยกลัวเรื่องรสชาติ

“พี่อินทร์แกะให้คุณย่าน่าาา” ว่าจบมือเล็กๆก็รั้งถุงขนมไปก่อนจะหยิบกล่องพลาสติกขนาดกลางมาเปิดออก เผยให้เห็นขนมก้อนกลมๆที่คลุกเคล้าไปด้วยมะพร้าวขูดที่ส่งกลิ่นหอม และเป็นขุนจันทร์ที่ตักขนมขึ้นมาป้อนให้ญาดา เธอยิ้มรับก่อนจะรับขนมสีขาวนั้นเข้าปาก

“อร่อยไหมครับคุณย่า” ขุนจันทร์ถามทันทีที่ญาดากินเข้าไป เด็กทำทั้งสองจhองมองญาดาอย่างลุ้นๆ รวมทั้งรักษ์เองด้วย

“อร่อยมากครับ” เธอบอกทั้งดึงแก้มสองแฝดคนละที

“เย้ๆๆๆๆ อารักษ์อร่อย” เด็กทั้งสองร้องเฮขึ้นทันทีที่ญาดาตอบ และไม่ลืมหันไปบอกอารักษ์ของเขาพร้อมกับยิ้มโชว์ฟันขาวสองแฝดภูมิใจมากที่ขนมออกมาอร่อยเพราะทั้งสองทั้งใจคลุกมะพร้าวขูดสุดฝีมือ รักษ์เองก็รู้สึกโล่งอกที่ขนมออกมาอร่อย

“ทำเก่งจังเลยรักษ์” ญาดาหันมาชมทั้งตักขนมเข้าปากอีก รสเค็ม ๆ มัน ๆ ของมะพร้าวขูดที่คลุกอยู่รอบนอกตัดกับความหวานของมะพร้าวที่ผัดกับน้ำตาลและความหนึบของแป้งได้เป็นอย่างดีพอกินไปแล้วก็รู้สึกอยากจะกินอีก ต้องยอมรับเลยว่ารักษ์ทำอร่อยมากจริงๆ

“ไม่เท่าไรหรอกครับผมพึ่งเคยทำครั้งแรกเอง แล้วคุณลุงไปไหนละครับ” รักษ์บอกอย่างถ่อมตัว ก่อนจะถามหา พายุ ซึ่งเป็นสามีของญาดาและนั้นก็หมายความว่าเป็นพ่อของยายน้ำฟ้ากับคุณลมนั้นเอง

“อยู่ที่ห้วยหลังบ้านนะลูก” เธอว่าทั้งกินขนมไปด้วย

“ห้วย?” รักษ์รู้สึกงงๆกับคำว่าห้วย มันคืออะไร

“ดูทำหน้าเข้าสิ” เธอนึกตลกสีหน้าของรักษ์

“พี่อินทร์ไปหาปู่ได้ไหมครับ” ขุนอินทร์ที่นั่งกินขนมอยู่ร้องถาม ทางขุนจันทร์ละจากขนมหันมาส่งสายตาขอด้วยอีกคน

“กินเยอะไปแล้วนะครับ ถ้าปวดท้องขึ้นมาไม่ต้องมาขอให้อารักษ์ช่วยเลย” ว่าทั้งมองขนมในกล่องใหญ่แล้วต้องกุมขมับก็สองแฝดกินไปตั้งเกือบครึ่งหนึ่งแล้วจะไม่อะไรเลยถ้าก่อนหน้านี้สองแฝดไม่ได้กินมาก่อน กินเยอะไปแล้วถ้าปวดท้องจะตีซ้ำเข้าให้ รักษ์คิด ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ยิ้มออดอ้อนทันทีเพราะรู้ว่าตัวเองผิดก็อารักษ์บอกไว้แล้ว แต่ขนมมันอร่อยจะให้อดใจไหวได้ไงละเด็กน้อยคิด

“เหนื่อยแย่เลยสิลูก” ถามรักษ์นึกกังวลก็หลานชายเขาเรียบร้อยซะที่ไหนกันถ้าคนเดียวว่าไปอย่าง พี่เลี้ยงคนก่อนๆ เลยอยู่ไม่ยึดสักคน

“ไม่หรอกครับขุนอินทร์ กับขุนจันทร์ไม่ได้ซนอะไรมากครับ” รักษ์บอกไปตามตรง ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ซนก็จริงแต่ก็ตามประสาเด็กเราก็แค่คอยดูคอยตักเตือนซึ่งรักษ์โชคดีที่สองแฝดค่อนข้างเชื่อฟังรักษ์ ก็อดสงสัยไม่ได้ที่ใครๆ ว่าสองแฝดแสบนักแสบหนามันใช่จริงหรือเปล่า

“น้อยไปสิลูกเมื่อก่อนใช่แบบนี้ที่ไหนกัน ก่อนรักษ์มาป้าปวดหัววันละสิบรอบ” เธอว่าทั้งยกมือกุมขมับเมื่อนึกถึงวีรกรรมของหลานวันหนึ่งมีเรื่องให้พี่เลี้ยงต้องฟ้องเป็นสิบเรื่อง

“ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“ใช่นะสิลูก ไม่เชื่อถามเจ้าตัวเขาสิ ใช่ไหมลูกคู่” เธอบอกทั้งเอ่ยถามหลานรักทั้งสอง

“พี่อินทร์ไม่ได้ซน”

“พี่จันทร์ก็ด้วย”

สองแสบร้องบอกทันทีก็พวกเขาแค่เล่นเฉยๆ เอง ใครใช้ให้พี่เลี้ยงมาตีพวกเขากันซึ่งเรื่องนี้สองแฝดไม่ได้บอกกับใคร และอีกอย่างสองแฝดไม่ชอบเลยที่พี่เลี้ยงชอบมายุ่งกับพ่อลมของเขาเลยแกล้งพี่เลี้ยงไปเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ร้ายแรงจริงๆ นะสองแฝดยืนยัน

“ครับๆๆ ไม่เลยแค่ทำพี่เลี้ยงอยู่ไม่ได้แค่นั้นเอง เนอะลูกคู่” ญาดาตอบรับแต่ก็ไม่วายเหน็บแนมหลายชายทั้งสอง

“อารักษ์น้องจันทร์ไม่ซนจริงๆ น่า” มาแล้วลูกหมาตัวที่หนึ่งเสียงอ้อนมาเลยแบบนี้จะเชื่อได้จริงๆหรือรักษ์คิด

“ใช่ๆๆๆ อินทร์กับจันทร์เป็นเด็กดี” ขุนอินทร์พูดเสริมขึ้นมาอีก สายตาไม่ต้องถามวิ้งๆ มาเชียว

“ครับๆๆ ไม่ซนก็ไม่ซน” รักษ์บอกไปสองแสบก็ร้องเย้เสียงดังดีใจที่อารักษ์เชื่อ กับอารักษ์ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไม่ดื้ออยู่แล้วก็ในเมื่อพวกเขาชอบอารักษ์มากๆๆๆ

“จริงๆ เลยนะลูกคู่” ญาดาว่าอย่างหน่ายๆ แพ้ลูกอ้อนสองแสบกันไปซะหมดทุกคน “ดีจริงๆเลยที่รักษ์มาดูแลลูกคู่” ญาดาพูดตามที่รู้สึกจริงๆ เธอสัมผัสได้ว่ารักษ์ตั้งใจและเอาใจใส่สองแฝดมาก ลูกคู่ของเธอก็ดูจะเชื่อฟังรักษ์เป็นพิเศษและดูเหมือนเด็กทั้งสองรู้จักทำอะไรด้วยตัวเองได้ในหลายๆ เรื่อง ก็สองแสบตามติดอารักษ์แจอารักษ์ทำอะไรสองแฝดก็ทำด้วยเลยได้ฝึกอะไรหลายๆ อย่างไปในตัวซึ่งข้อนี้ญาดาก็พอรู้มาบ้าง “ย่าว่าไปหาปู่กันดีกว่า”

ญาดาพารักษ์และสองแฝดเดินมาตามทางเดินเล็กๆ หลังบ้าน บ้านหลังนี้ก็ไม่ต่างจากบ้านของลมเลเลยรอบๆ บ้านต้นไม้เต็มไปหมดและส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผลไม้ทั้งนั่น มีทั้งมังคุด ทุเรียน ขนุน กล้วย เงาะ มะม่วง และต้นอื่นๆ ที่รักษ์ไม่รู้จักก็มี ทุกอย่างปลูกผสมกันไปอย่างละไม่กี่ต้นเท่านั้น ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าทุกอย่างออกพร้อมกันมันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนเป็นรักษ์คงจะเลือกกินไม่ถูกเป็นแน่

ทางเดินเล็กๆ ที่ตัดในสวนนั้นร่มรื่นมากคงเพราะมีต้นไม้คอยเป็นร่มกันแดดให้เลยไม่รู้สึกร้อนยิ่งเวลาที่สายลมพัดมาก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย รักษ์สูดลมเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะปล่อยมันออกมาช้าๆ อากาศที่ไร้ซึ่งฝุ่นควันนั้นมันสดชื่น รู้สึกโปร่งสบาย การอยู่ท่ามกลางต้นไม้นี้มันดีจริงๆ จนรักษ์อดนึกอิจฉาคนที่นี้ไม่ได้ที่มีอากาศบริสุทธิ์แบบให้สูดดม

“ถึงแล้วละลูก” เสียงของญาดาทำให้รักษ์ตกใจเพราะเอาแต่ชื่นชมอยู่กับบรรยากาศรอบๆ เลยไม่ได้สังเกตเลยว่ามาถึงแล้วพอมองไปก็เห็นสองแฝดวิ่งไปกระโดดเกาะคุณปู่ของเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว

“บรรยากาศดีจังเลยครับคุณป้า” รักษ์บอกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ อีกครั้ง “คุณลุงสวัสดีครับ” รักษ์ร้องทักทายพ่อของน้ำฟ้าอย่างเป็นกันเองเพราะเคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว

“หวัดดีๆ ลูก” พายุบอกทั้งยังวุ่นวายกับสองแฝดที่แย่งกันเกาะหลัง “พวกเอ็งปล่อยปู่ก่อน” บอกกับลูกลิงสองตัวที่เที่ยวเกาะหน้าเกาะหลัง

“คิดถึงปู่” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ว่าอย่างจริงจังทำเอาคนเป็นปู่ยิ้มหน้าบาน ทั้งที่พึ่งเจอกันเมื่อวันก่อน

“รู้แล้วๆ แต่ปล่อยปู่ก่อนเกาะแบบนี้ปู่ทำงานไม่ได้” พายุบอกหลานทั้งสอง

“ทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อมองไปก็เห็นสะพานไม้เล็กๆ ที่ทอดไปอีกฝั่งของลำน้ำเล็กๆ ที่เป็นสายยาว ญาดาเคยบอกว่าน้ำพวกนี้มาจากบนเขาสูงที่มองไปจากตรงนี้ก็เห็นภูเขาขนาดใหญ่สีเขียวขจี สายน้ำใสสะอาดค่อยๆ ไหลอย่างเชื่องช้ามีฝูงปลาตัวน้อยๆ วายไปมา

“ซ่อมสะพานนะลูก”

“พี่อินทร์ช่วย” ขุนอินทร์เสนอตัวช่วยขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าปู่กำลังทำงาน

“น้องจันทร์ก็ช่วยด้วย” ขุนจันทร์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน ทำเอาคนเป็นปู่แปลกใจร้อยวันพันปีไม่เคยขอช่วยอะไรเล่นอย่างเดียวแท้ๆ

“จะช่วยหรือจะมาป่วนกันแน่ไอ้แสบ”พายุว่าแอบหลานชาย

“ช่วยจริงๆ ครับ” ขุนจันทร์ตอบ ขุนอินทร์พยักหน้าสมทบ รับส่งกันดีจริงๆแฝดคู่นี้

“ลูกคู่มานั่งกับย่าตรงนี้ดีกว่า” ญาดาเอ่ยเรียกเมื่อจัดการปูเสื่อผืนเล็กที่ถือติดมือมาด้วย

“แต่พี่อินทร์จะช่วย” แนะยังไม่ยอม ทำเอาปู่กับย่าต้องสายหน้า

“ไม่ได้ครับ พี่อินทร์กับน้องจันทร์ไปนั่งกับคุณย่านะครับ” รักษ์ช่วยพูดอีกแรง

“แต่…”

“เชื่ออารักษ์นะครับ” รักษ์พูดขัดสองแสบเด็กทั้งสองมีสีหน้าลังเลขึ้นมาทันที แต่พอรักษ์ยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ เป็นแกมขอร้องสองแสบก็ยอมเดินไปหาญาดาแต่โดยดีรักษ์ยิ้มให้สองแสบอีกครั้งอย่างชื่นชม จะมีก็แต่ญาดาและพายุที่ได้แต่แปลกใจก็เคยมีที่ไหนที่สองแสบจะยอมดีๆนะ

“ผมช่วยนะครับคุณลุง” ส่งยิ้มหวานให้สองแสบเรียบร้อยก็หันมาหาคนสูงวัย

“ไม่ต้องๆ ลูก อีกแค่นิดเดียวเอง” พายุบอกห้าม เขาทำตั้งแต่หลังกินข้าวเที่ยงตอนนี้ก็บ่ายสามแล้วงานที่ทำเลยเหลือแค่ตอกไม้ตรงหัวสะพานอีกฝั่งนิดเดียวเท่านั้น

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยยกไม้ไปให้” รักษ์บอกก่อนจะเดินไปยกแผ่นไม้ที่เหมือนกับพายุถืออยู่

“ตามใจๆ งั้นถือไปให้ลุงฝั่งนู้นทีนะ” เมื่อเห็นว่าอีกคนอยากช่วยก็ไม่ขัด แต่เอาจริงๆแล้วขัดไม่ได้เพราะรักษ์ยกไม้ไว้ในมือแล้วเรียบร้อย

“ได้ครับ” ตอบรับเสร็จก็เดินตามพายุไปบนสะพานไม้ทันที พอมาเดินบนสะพานที่ไร้ซึ่งรั้วกั้นก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ระยะทางไม่ได้ไกลมากนักเพราะลำน้ำกว้างแค่ประมาณสี่เมตรเท่านั้น

“อารักษ์ อารักษ์” เสียงขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ร้องเรียกมาจากอีกฝั่งมือเล็กๆของเด็กทั้งสองโบกไปมาให้รักษ์ คนถูกเรียกยิ้มให้ก่อนจะโบกมือตอบ

“ไปเล่นกับลูกคู่เถอะ ตรงนี้เดี๋ยวลุงทำเอง” พายุบอกทั้งยิ้ม

“ก็ได้ครับ” ถึงอยากอยู่ช่วยแต่พอพายุบอกแบบนั้นก็ไม่อยากขัดรักษ์เลยเดินกลับมาหาสองแฝดและญาดาที่นั่งคุยกันอยู่บนเสื่อ

“คุยอะไรกันอยู่ครับ” นั่งลงข้างๆ ญาดา ก่อนจะเอ่ยถามสองแฝด

“น้องจันทร์อยากเล่นน้ำ คุณย่าให้เล่นได้ไหมครับ” เสียงเล็กตอบรักษ์แล้วให้ไปร้องขอคนเป็นย่า สายตาของเด็กทั้งสองนั้นดูออดอ้อนจนผู้ใหญ่ต้องยอมอนุญาต และไม่วายร้องเฮเสียงดัง

“อารักษ์ไปเล่นน้ำกับพี่อินทร์” ขุนอินทร์หันมาชวนรักษ์ทั้งที่มือกำลังถอดเสื้อผ้า ทางขุนจันทร์ก็เช่นกัน เพียงครู่เดียวบนร่างกายเด็กแฝดก็เหลือแต่กางเกงในสีขาวที่ติดอยู่

“เรื่องเล่นนี้เร็วเลยนะลูกคู่” ญาดาว่าแอบหลานโดยมือก็พับเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองไปด้วย

“อารักษ์ไปกัน” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ เข้ามารั้งมือรักษ์ให้ลุกขึ้น รักษ์เองก็นึกลังเลอยากจะเล่นแต่ก็ไม่อยากเปียกสักเท่าไหร่

“ไปเถอะลูก น้ำเย็นสบายมาเลยนะ” ญาดาเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของรักษ์ก็ช่วยพูดอีกแรง

“ใช่ๆๆ ไปเถอะนะอารักษ์” ขุนจันทร์ช่วยเสริม รักษ์มองสายน้ำใสสะอาดสลับกับสองแฝดสุดท้ายก็ต้องยอมเพราะทนสายตาอ้อนวอนของเด็กแสบทั้งสองไม่ได้

“เล่นก็เล่นครับ”

“เย้ๆๆๆๆๆ” พอได้ยินอารักษ์บอกจะเล่นด้วยก็ร้องเฮเสียงดัง

“ถอดเสื้อไว้ตรงนี้ก็ได้ลูกเดี๋ยวตอนกลับจะได้ไม่หนาว” ญาดาร้องบอกรักษ์ที่กำลังจะเดินตามสองแฝด รักษ์ทำเพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะถอดเสื้อยืดสีอ่อนออกส่งให้ญาดาอย่างไรเสียรักษ์เองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเลยไม่ได้นึกรู้สึกอายเวลาถอดเสื้ออยู่แล้ว “รักษ์ขาวมากเลยนะลูก ด้วยซิผิวเนียนมาก” เมื่อเห็นผิวได้สาปเสื้อนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมรักษ์ทำเพียงยิ้มเขินส่งไปให้ก่อนจะขอตัวไปหาสองแฝดที่ยืนเล่นสายก้นไปมาอยู่ข้างลำน้ำ

“ไม่รออารักษ์เลยนะ” มาถึงก็แกล้งสองแฝดทันที เด็กทั้งสองพอได้ยินเสียงก็หันมอง ปากเล็กเล็กๆ ทั้งสองที่เปิดกว้างทันทีที่เห็นผิวขาวๆ ของรักษ์

“อารักษ์ข๊าวขาว”

“นุ๊มนุ่มด้วย”

ขุนอินทร์ ขุนจันทร์พูดทั้งมาเกาะเอวบางเอาหน้าถูไถไปมา จนรักษ์ตกใจทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้

“ปล่อยอารักษ์ก่อนเร็วมันจั๊กจี้นะครับ” รักษ์ว่าทั้งหัวเราะเบาๆ

“มันนุ่มๆ พี่อินทร์ชอบ” ว่าแล้วก็ถูแก้มไปมาบนหน้าท้องรักษ์ อารักษ์ทั้งนุ่ม ทั้งหอมเลย น่ากินเหมือนขนมเลยแฝดคิด แต่สำหรับรักษ์ต้องคิดหนักนี้เขาอ้วนจนท้องนุ่มนิ่มเลยหรา แต่พอก้มมองดูท้องตัวเองมันก็แบนราบไม่ได้มีไขมันยื่นออกมาเลยแล้วมันจะนิ่มได้ไงกัน

“ปล่อยก่อนครับไม่เล่นน้ำแล้วหรือ” รักษ์พยายามแกะมือเล็กออกจากการเอวแต่เหมือนสองแฝดจะเกาะเขาแน่นเหลือเกิน

“ไอ้แสบไปเกาะอะไรอาเขาหนักหนา” เสียงของพายุที่อยู่อีกฝั่งตะโกนมาเพราะมองอยู่พักหนึ่งแล้ว

“อารักษ์นิ่ม” ขุนจันทร์หันไปตอบแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย

“นิ่มอะไรของพวกเอ็ง” ว่าทั้งยืนเท้าสะเอวมองหลานอย่างสงสัย

“ปล่อยอารักษ์ก่อนครับ” รักษ์บอก สองแสบก็สายหน้ารัว ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาดอารักษ์ตัวห๊อมหอม ผิวก็นิ่มเอาแก้มถูแล้วสบายยังไงก็ไม่ปล่อยสองแสบคิด

“ถ้าพวกเอ็งยังไม่ปล่อยก็ไม่ต้องเล่นน้ำนะ” พายุว่าขึ้นอีกครั้ง ดื้อกันจริงๆ ไอ้สองแสบ

“ก็ได้!” เสียงเล็กตอบมาพร้อมกัน ทำเอาคนเป็นปู่รู้สึกตากระตุก ไอ้แสบยอมง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ เล่นนะเล่นเรื่องเล่นเรื่องใหญ่ที่สุดของทั้งสองแท้ๆ

“อะไรของพวกเอ็ง” อยู่ๆ เสียงของอีกคนก็ดังขึ้นมา

“พ่อ!” ได้ยินเสียงเด็กชายเรียกพ่อของตัวเองรักษ์รู้สึกตัวเกร็งขึ้นมาทันที หัวใจที่เคยนิ่งกลับสั่นไหวเต้นแรงขึ้นมา ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าหันกลับไปทางอีกคน

“มาก็ดีจัดการลูกเอ็งสิไอ้ลม” พายุบอกเพราะตัวเองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วกับเด็กแสบสองคน

“ทำอะไรกัน” ลมเลมองคนเป็นพ่อก่อนจะหันมาถามทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าที่สภาพดูไม่ค่อยได้เลย ไอ้แฝดทั้งตัวเหลือแต่กางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียวส่วนคนได้ชื่อว่าพี่เลี้ยงก็ยืนโชว์แผ่นหลังขาวสว่างทีเห็นแล้วชวนให้หัวใจคนมองกระตุกนี้ซินะเขาว่าขาวเหมือนหยวกกล้วย

“พ่ออารักษ์นิ่มๆ” ขุนจันทร์บอกทั้งฝังหน้าลงบนหน้าท้องขาวเนียนของรักษ์

“ห๊อม หอมด้วย” ขุนอินทร์ก็ไม่ต่าง

ลมเลมองการกระทำของลูกตัวเองแล้วรู้สึกคิ้วกระตุกนึกหงุดหงิดที่เอาแต่เกาะรักษ์แน่น รักษ์เองก็เหมือนกันไม่เข้าใจว่าจะยืนให้ไอ้สองแฝดมันกอดมันถูอยู่ทำไมคิดแล้วก็หงุดหงิด

“พอเลยพวกเอ็ง นายมานี้” ว่าแล้วแกะมือเล็กออกแล้วดึงรักษ์เข้ามาหาตัวแต่ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้รักษ์เสียหลักใส่อกแกร่งของลมเลอย่างจัง

เวลาที่กายกระทบกันราวกับเวลานั้นหยุดนิ่งมีเพียงหัวใจสองดวงที่สั่นไหวรุนแรง รักษ์แทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจที่มันเต้นแรง ทางลมเลเองก็ไม่ต่างกันนานเท่าไหร่แล้วที่หัวใจไม่เคยรู้สึกสั่นไหวแบบนี้ ตั้งแต่รักษ์มาที่นี้บอกไม่ได้เลยว่าคนตัวเล็กทำให้เขาหวั่นไหวไปกี่ครั้งแล้ว

กลิ่นหอมอ่อนที่ลอยมาจากอีกคนนั้นยิ่งทำให้ลมเลจิตใจหลุดลอยอยากจะลองสูดดมกลิ่นนี้ใกล้ๆแต่แล้วความคิดก็ต้องหลุดไปเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงผลักดันจากอีกคนและมันทำให้รู้ว่าใบหน้าของตัวเองนั้นแทบฝังลงบนซอกคอขาวๆ นั้นอย่างไม่รู้ตัว

“เอ่อ...” รักษ์ตกใจมากที่อยู่ๆใบหน้าคมนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามามือเข้ากรรมเลยยกขึ้นดันอกอีกคนอัตโนมัติ

“โทษที เป็นอะไรหรือเปล่า” รีบปล่อยคนในอ้อมกอดก่อนจะถามทั้งมองสายตาไปทางอื่นแต่ก็ต้องไปพบกับสายตาของคนเป็นพ่อที่ส่งมาราวต้องการสื่อว่า 'ทำอะไรของมึง’ เลยเบนสายตาหลบ แต่ก็หันมาพบกับคนโชว์ตัวขาวสว่างที่เอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งแขนสองข้างมีแฝดเกาะอยู่ไม่ปล่อย ลมเลคิ้วขมวดยุ่งอีกครั้งมองลูกตัวเองอย่างดุๆ แต่สองแสบก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรยังยิ้มโชว์ฟันขาวมาให้ ลมเลได้แต่ถอนหายใจ

“แก้ผ้ากันทำไม” ลมเลกอดอกถามนิ่ง

“เอ่อ...พอดีขุนอินทร์กับขุนจันทร์จะเล่นน้ำกันนะครับ” รักษ์พยายามรวบรวมสติตอบกลับอีกคน ใบหน้าที่เคยก้มอยู่ก็ยกขึ้นมาทำให้เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรืองเพราะตื่นเต้น ยิ่งลมเลมองมาตลอดก็รู้สึกอายขึ้นมาที่ตัวเองเปลือยท่อนบนทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันจะถอดเสื้อมันก็ไม่แปลกแต่รักษ์กลับมารู้สึกอายสายตาของอีกคน

ทางลมเลก็ได้ทีสำตรวจคนตัวขาวตรงหน้า ผิวขาวสว่างนั้นดูเนียนจนน่าสัมผัส ยอดอกที่เป็นสีชมพูนั้นก็ดูน่าหลงใหลมันเป็นเหมือนดอกไม้สีสวยที่ค่อยเชิญชวนให้อยากลิ้มลอง ซึ่งมันทำให้ลมเลรู้ว่าหัวนมสีชมพูมันเป็นยังไง

“เอ่อ...คือ...คุณลมจะมองนานไม่แล้วนะครับ” เพราะรู้สึกว่าคนตรงหน้ามองนานเกินไปเลยรวบรวมความกล้าบอกอีกคนทั้งที่ในใจมันเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย

“ฮะ! อะไร ฉันไปมองนายตอนไหน” รีบแก้ตัวทันที่ทั้งที่มันไม่ใช่ รักษ์รู้สึกว่าอีกคนมองอยู่จริงๆ จะบอกว่าไม่ได้มองได้ไงตาบ้า

“ก็มองอยู่เห็นๆ” รักษ์พรึมพรำเบาๆ

“นายว่าอะไรนะ”

“เปล่าครับ ผมชวนขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไปเล่นน้ำนะครับ เด็กๆ ไปกันเถอะ” ว่าจบก็จูงมือกันลงน้ำไป

ลมเลมองตามร่างเล็กของพี่เลี้ยงไปไม่วางตาทั้งที่พยายามจะไม่มองแล้วแท้ๆ



...................................

มาแล้ววววว ลูกคู่มาแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเลยยยยย แต่หัวใจมันสั่น แฝดแก้ผ้าาาาา รักษ์ก็ด้วยยยย

รักคนอ่านเท่าออกซิเจน  จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
        ​

        ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 8

        ​

        “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะลูกกลับบ้านจะได้ไม่หนาว” ญาดาบอกกับพี่เลี้ยงของหลานชายที่ยืนตัวเปียกอย่างห่วงใย

        “รบกวนด้วยนะครับ” รักษ์บอกไปอย่างเกรงใจ

        “ไปเถอะลูกเดี๋ยวป้าให้พี่ลมเอาผ้าไปให้ นี้ไม่รู้พาลูกคู่อาบน้ำกันยังไงเสียงดังไปหมด” เธอว่าแล้วรีบเดินจากไปทำให้คนที่คิดจะพูดค้านได้แต่อ่าปากค้าง รักษ์ไม่อยากรบกวนลมเลถึงจะคิดแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วรักษ์ไม่อยากเจอลมเลก็เท่านั้นวันนี้หัวใจเขาทำงานหนักมากพอแล้วหากต้องเจออะไรอีกคงได้ระเบิดออกมาเป็นแน่

        รักษ์พยายามเลิกคิดแล้วหันมาสนใจกับเรื่องอาบน้ำแทนเพราะรู้สึกหนาวมาก จัดการชำระร่างกายอยู่นานเพราะสายน้ำอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสบายจนไม่อยากหยุดแต่ถ้าหากเขายังไม่หยุดมีหวังได้เป็นหวัดกันแน่ๆ ล้างตัวอีกนิดหน่อยก็ปิดฝักบัวมือเรียวเลื่อนไปหวังหยิบผ้าเช็ดตัวที่มักเอาผาดไว้ตรงราวแต่แล้วต้องตกใจ ซวยแล้วไหมละเขาไม่ได้เอาผ้าเช็คตัวมาก็ญาดาบอกจะให้ลมเลเอามาให้ด้วยความที่ยังไม่อยากเจอเลยรีบเข้าห้องน้ำมาก่อนโดยลืมเรื่องผ้าเช็ดตัวเสียสนิท ชุดที่เคยใส่มันก็เปียกจนมีน้ำหยดออกมาจะให้ใส่คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาจะทำไงดี

        รักษ์ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงยืนเปลือยนานๆ มันชักจะหวิวๆ ครั้นจะร้องเรียกคนด้านนอกก็เกรงใจเลยได้แต่ยืนกอดตัวเปล่าของตัวเอง ก็มันหนาวแถมยังโล่งๆ อีก ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ

        ทางลมเลเห็นว่าพี่เลี้ยงของลูกอาบน้ำนานผิดปกติก็อดเป็นห่วงไม่ได้เขาเดินมาห้องน้ำเป็นรอบที่สองแล้วแต่กองเสื้อผ้าก็ยังวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม ครั้นจะเดินกลับไปอีกรอบก็เป็นห่วงเพราะเกือบชั่วโมงแล้วที่อีกคนไม่ออกจากห้องน้ำ ใจของนายหัวแห่งสวนสายลมเริ่มไม่สู้ดีเมื่อในห้องน้ำนั้นเงียบสนิท

        ก๊อกๆๆๆๆ

        “นายอยู่ในนั้นหรือเปล่า” เร็วการความคิดก็การกระทำเขานี้แหละไม่รู้ว่ามือเจ้ากรรมยกขึ้นไปเคาะประตูตอนไหนในเมื่อเคาะไปแล้วก็ร้องเรียกไปด้วยเลยแล้วกัน แต่สิ่งที่ตอบกลับมาต้องทำให้ลมเลขมวดคิ้วแน่นก็มันเล่นเงียบสนิท ใจเขาเริ่มจะไม่ดีจริงๆ แล้วนะ มือใหญ่ยกขึ้นเคาะประตูรัวๆ ปากก็ร้องเรียกคนด้านในเสียงดัง จนคนด้านในสะดุ้ง

        “คะ คุณลม” เสียงสั่นตอบกลับไปด้วยความหนาวเพราะเนื้อตัวไร้ซึ่งอาภรณ์อยู่นานอาการปวดหัวก็เริ่มรุมเร้า อีกใจก็นึกดีใจที่ลมเลมาเรียกหา

        “อยู่ในนั้นใช่ไหม ทำไมยังไม่ออกมา หรือยังอาบน้ำไม่เสร็จ” เสียงถามอย่างสงสัยแถมมีดุตอนปลาย

        “สะ เสร็จแล้วครับ” รักษ์ตะโกนตอบกลับมา

        “เสร็จแล้วก็ออกมา เสื้อผ้าวางอยู่ด้านนอก ฉันไปรอหน้าบ้านนะ” ว่าจบก็รีบหันเดินออกไปแต่

        “เดี๋ยวครับคุณลม” เสียงเรียกจากรักษ์ดังจนลมเลตกใจ

        “อะไรของนายอีก” เสียงหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร

        “เอ่อ เอ่อ คือ”

        “ถ้าไม่พูดฉันไป”

        “เดี๋ยวครับๆๆๆ คือช่วยเอาผ้าเช็คตัวให้ผมหน่อย” บอกไปเสียงเบาแต่ก็ดังพอให้คนด้านนอกได้ยินก็เขาอายจะให้ทำไงได้

        “ผ้าเช็คตัว นายบ้าหรือไงเข้าไปอาบน้ำแต่ไม่เอาผ้าเช็ดตัวเข้าไป” มือใหญ่ยกขึ้นตบหน้าผากอย่างหน่ายใจเป็นเด็กหรือยังไงกัน อย่าบอกว่าที่หายอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมงเพราะไม่มีผ้าเช็คตัว ให้ตายเถอะเด็กบ้าไม่หนาวตายก็ดีเท่าไร

        “ผะ ผมรีบหนี...เอ่อ รีบมาอาบน้ำเลยลืมครับ ขอโทษที่รบกวนแต่ช่วยหยิบให้ผมหน่อยมันทั้งหนาวทั้งหวิว” เกือบจะหลุดว่าหนีแล้วเชียว ลมเลก็ลีลาอยู่ได้เขาหนาวจริงๆ นะ

        “เออๆ เปิดประตูมาเอาสิ” นึกเคืองคนด้านในแต่ก็อดตลกไม่ได้คงจะหวิวไม่น้อยหึหึ

        “คุณไหนผ้าเช็คตัวผมละ” เสียงร้องขอมาพร้อมกับมือขาวที่ยื่นออกมาจากบานประตูที่แง่มออกนิดหน่อย

        “เอาไปสิ” ว่าทั้งยื่นให้มือเล็กแต่มันไกลเกินกว่าจะหยิบถึง

        “คุณจะแกล้งอีกนานไหมผมหนาวนะครับ” ดวงตาคู่สวยที่โผล่จากบานประตูนั้นมองอย่างขุ่นเขือง นี้เขาหนาวจริงๆ นะยังจะแกล้งกันอยู่อีก

        “หึหึ” หัวเราะทั้งยื่นผ้าเช็ดตัวให้คนด้านในก่อนจะได้สายตาดุมาเป็นการตอบแทน อยากจะบอกเหลือเกินว่ามันไม่ได้น่ากลัวสักนิดอย่างกับแมวกำลังขู่อย่างนั้น

        ทางรักษ์ได้ผ้าเช็ดตัวก็รีบเอามาห่อหุ้มร่างกายทันที และทำให้เขาคิดได้ ‘แล้วเสื้อผ้าละ’ อยากจะด่าตัวเองสักล้านรอบในความซื่อบื้อ อีกคนก็เหมือนกันบอกให้หยิบผ้าเช็ดตัวก็แค่ผ้าเช็ดตัวจริงๆ ให้ตายเถอะ แล้วจะทำไงได้ละก็ต้องออกไปทั้งแบบนี้จะวานอีกคนก็คงไปแล้วเป็นแน่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเปิดประตูมาเอาเสื้อผ้าด้านนอกอย่างเซ็งๆ นึกโทษอีกคนเพราะลมเลแท้ๆ ที่ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้

        “อ๊ะ!” เสียงร้องตกใจเพราะพอเปิดประตูสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าทั้งๆ ที่คิดว่าไปแล้วเสียอีก เป็นแบบนี้ก็ทำหัวใจเจ้ากรรมขยันทำงานขึ้นมาทันที

        “อืม ขาวจริงๆ แหะ”

        “ฮะ! คุณว่าอะไรนะครับ” ถามไปเพราะเสียงอีกคนค่อนข้างเบา ใจก็นึกหวั่นกับสายตาของลมเลที่มองมาถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันเขาก็อายเป็น มองแทบจะทะลุร่างอยู่แล้ว

        “เอะ! เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ว่าทั้งรีบเบนสายตาไปทางอื่นแต่ไอ้อกขาวๆ นั้นก็เรียกให้ต้องหันมอง ลมเลนึกแปลกใจตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่เอาแต่จะจ้องมองอกขาวๆ และยอดอกสีชมพูนั้นราวกับมันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง

        “เอ่อ เสื้อผ้าผมละครับ” รักษ์ถามทั้งพยายามหลบซ่อนใบหน้าที่แดงเพราะเขินอาย ก็รู้สึกมาได้สักระยะแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อลมเลต่างไปจากเดิม

        “อยู่บนโต๊ะ” บกทั้งเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ใกล้ รักษ์เมื่อเห็นก็รีบหยิบแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันทีทิ้งให้คนตัวใหญ่ยืนหัวเราะอย่างนึกสนุก “หึหึ ก็น่ารักดี” พูดขึ้นเองก็ตกใจเองมองว่าผู้ชายน่ารักได้ยังไงกันแต่รักษ์ก็น่ารักจริงๆ เออเอาเข้าไปเขาว่าเขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดแต่ปากหนากลับยกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไร เหลือบมองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทแล้วต้องถอดหายใหญ่เฮือกใหญ่ให้กับตัวเองก่อนจะเดินเกาหัวออกมาอย่างเซ็งๆ เพราะคิดไม่ตก

        “เป็นอะไรลมคันหัวหรือไงเกาใหญ่เลย แม่บอกกี่ครั้งว่าให้สระผมบ่อยๆ โตจนมีลูกแล้วยังซกมกไม่เลิก” ญาดาบ่นลูกชายที่พึ่งเดินออกมาขณะที่มือเล็กยังคงใช่ผ้าขนหนูเช็ดผมให้ขุนจันทร์อยู่ตรงข้ามกันก็มีพายุกำลังหวีผมให้ขุนอินทร์

        “อะไรละแม่ผมสระแล้วเถอะ” เถียงคนเป็นแม่กลับไปคิดว่าเขายังเด็กหรือยังไงกัน มาดุต่อหน้าไอ้แสบอีก

        “พ่อซกมกๆ” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์รีบล้อพ่อตนเองทันที

        “เงียบไปเลยไอ้แสบ” ดุทั้งยังชี้หน้าเป็นการคาดโทษ แต่สองแสบก็ไม่ได้นึกกลัวกลับยิ้มหัวเราะเสียงดังก็พ่อนะดุไปงั้นแหละปากยังยิ้มอยู่เลย

        “รักษ์มาแล้วหรือลูก อยู่กินข้าวเย็นกันที่นี้เลยนะเดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวแปบหนึ่ง” ญาดาร้องบอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินมา ทั้งมองอย่างสำรวจเพราะกังวลว่ารักษ์จะใส่ชุดได้หรือไม่ก็ตัวของลูกชายเธอค่อนข้างใหญ่แต่จากที่ดูๆ ก็พอได้สินะถึงจะดูใหญ่เกินตัวไปหน่อยก็เถอะ

        “ครับ เดี๋ยวผมไปช่วยด้วยคนนะครับ” เสนอตัวช่วยไปยังไงเรื่องทำอาหารก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรักษ์

        “ไม่เป็นไรลูกพักเถอะ”

        “ให้ผมช่วยเถอะครับคุณป้าจะได้เสร็จเร็วๆ ไงครับ”

        “อย่างนั้นก็ตามใจเรา” เธอบอกไปก่อนจะเดินเข้ามาในครัวโดยมีรักษ์เดินตามมาติดๆ

        “คุณป้าจะทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นเมื่อเห็นญาดาหยิบข้าวของออกจากตู้เย็นมาหลายอย่าง ญาดายิ้มรับก่อนจะตอบออกไป

        “ต้มจืดเต้าหู้ไข่ ผัดผักรวมมิตร คั่วกลิ้ง แล้วก็น้ำพริกนะลูก”

        “มีแต่เมนูน่าอร่อยทั้งนั้นเลย คุณป้าจะให้ช่วยอะไรบอกมาได้เลยครับ”

        “อย่างนั้นเอาผักพวกนี้ไปล้างแล้วหั่นให้ป้าทีนะ เดี๋ยวป้าขอสับหมูก่อน” ว่าทั้งยื่นตะกร้าที่มีผักอยู่หลายชนิดให้ รักษ์รับมาไปจัดการทันไม่นานผักทุกอย่างก็ถูกทำความสะอาดละหั่นเป็นชิ้นใส่จานไว้อย่างเรียบร้อย

        “เรียบร้อยแล้วครับ” บอกทั้งเบี่ยงตัวหลบให้ญาดาดูผลงาน

        “เร็วดีจังเลย” เธอเอ่ยชมทั้งรอยยิ้ม “รักษ์ผัดให้ป้าหน่อยได้ไหมป้ายังสับหมูไม่เสร็จเลย หมึกกับกุ้งป้าทำไว้แล้วรักษ์เอาไปทำได้เลยจ๊ะ” รักษ์ทำเพียงยิ้มและพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปเอากระทะตั้งเตาเพื่อทำอาหาร

        ทั้งสองวุ่นกับการทำอาหารอยู่นานและแล้วเมนูสุดท้ายก็ถูกยกลงจากเตา ญาดายอมรับเลยว่ารักษ์ทำอาหารเก่งมากจริงๆ จากที่พาอีกคนมาเป็นลูกมือเธอกลับมาเป็นลูกมือให้รักษ์เสียเอง ทางรักษ์ด้วยความเกรงใจก็อาสาทำเองทุกอย่างและที่ทำให้รักษ์ไม่มั่นใจที่สุดก็คือคั่วกลิ้งเพราะไม่เคยทำมาก่อนถ้าไม่ได้ญาดาช่วยบอกก็คงทำออกมาไม่ได้วันนี้รักษ์เลยได้เรียนรู้เมนูใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง

        “รักษ์ทำอาหารเก่งจังเลยลูก” เธอว่าชมตามที่เธอเห็น

        “ก็ไม่เท่าไรหรอกครับแค่ทำบ่อยเลยชินนะครับ คุณป้าต่างหากที่เก่งวันหลังผมขอมาเป็นลูกมืออีกนะครับ” รักษ์บอกไปตามใจคิด อยากให้ญาดาสอนทำอาหารที่เขาไม่เคยทำยิ่งอาหารใต้เขาทำแทบไม่เป็นถ้าได้ลองทำก็คงจะดีเพราะลมเลชอบทานอาหารใต้ โดยเฉพาะคั่วกลิ้ง กับน้ำพริก แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับความคิดของตัวเอง นี้เขาเป็นเอามากขนาดนี้เลยหรือ

        “ได้จ๊ะมาได้ตลอดเลยลูกมีคนช่วยก็ดีเหมือนกัน” เสียงของญาดาเรียกให้รักษ์ดึงตัวเองออกจากความคิดหลังต้องตบตีกับมันอย่างวุ่นวายใจ

        “ผมว่าเรายกออกไปเลยดีกว่าครับคงหิวกันแล้ว”

        อาหารถูกนำมาวางที่โต๊ะกินข้าวกลิ่นหอมๆ เรียกให้สองแสบที่กำลังเล่นมานั่งที่โต๊ะอยากไม่ต้องเอ่ยเรียกคงเพราะความหิวก็วันนี้เล่นกันน้อยเสียที่ไหน

        “ว้าววววววว เต้าหู้ๆๆๆ” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ร้องขึ้นอย่างแข่งขันเมื่อเห็นเต้าหู้สีเหลืองอ่อนนุ่มในถ้วย จนอยากจะกินเสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ไม่ได้เพราะต้องรอคนอื่นๆ  ก่อน

        “หิวกันแล้วละสิสองแสบ” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้ามาจากไปยกหม้อข้าวเอ่ยแซ่วสองแฝด

        “พี่อินทร์หิ๊วหิว กินอารักษ์ได้ทั้งตัวเลยน่า” รักษ์ถึงกับสะดุดเมื่อได้ยินขุนอินทร์ ดูพูดเข้า

        “อะไรไอ้แสบพูดมาก” ลมเลที่พึ่งเดินเข้ามาว่าขึ้น

        “ก็พี่อินทร์หิวจริงๆ หรือพ่อไม่หิว” ขุนอินทร์เถียง ผิดกับขุนจันทร์ที่นั่งมองมือรักษ์ที่ตักข้าวอย่างไม่ลดละน้ำลายแถบจะไหลออกมารอรับจานข้าวอย่างเต็มที่ แต่แล้วจานข้าวที่หมายปองกลับถูกยื่นส่งไปให้คนเป็นพ่อแทนราวกับฝันสลายแตกลงต่อหน้าพ่อคงหิวเหมือนขุนอินทร์สินะเมื่อคิดได้อย่างนั้นปากเล็กก็เอ่ยขึ้นทันที

        “พ่อก็หิ๊วหิวจนกินอารักษ์ได้ทั้งตัวเลยหรือ” มือที่กำลังรับจานข้าวหยุดชะงักลงอย่างทันที รักษ์เองก็ตาโตเพราะตกใจ พูดอะไรออกมานะน้องจันทร์

        “พูดมากไอ้แสบ” ว่าอย่างปัดๆ ตาคมช้อนขึ้นมองคู่กรณีอย่างดูท่าที ทางรักษ์ก็รีบก้มสบสายตาด้วยความอาย ลมเลยกยิ้มเมื่อเห็นแก้มใสนั้นขึ้นสีแดง

        “ทำไรกันลูกคู่” ญาดาที่เดินมาพร้อมกับพายุเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสองแสบนั่งมองพ่อและพี่เลี้ยงตาแป๋ว

        “พ่อจะกินอารักษ์” ขุนอินทร์รีบตอบขึ้นทันทีและคำตอบนั้นทำเอาทุกคนหยุดนิ่ง ญาดาหันมองลูกชายอย่างต้องการคำตอบมันหมายความว่ายังไง

        “ไม่มีอะไรแม่ไอ้แสบมันพูดเรื่อยเปื่อย” ลมเลตอบทั้งหลบสายตาคนเป็นแม่ ญาดายกยิ้มเมื่อเห็นอาการลูกชาย

        “เอ่อ ใช่ครับเข้าใจผิดนิดหน่อยนะครับ” รักษ์รีบตอบขึ้นมาเพราะกลัวญาดากับพายุจะเข้าใจผิด

        “จ๊ะ ป้าก็ไม่ได้ว่าอะไร” เธอพูดทั้งรอยยิ้มแต่สายตามองลูกชายอย่างจับผิด กับรักษ์นี้ไม่ต้องสงสัยดูออกง่ายเหลือเกินเจ้าตัวรู้ตัวบ้างหรือเปล่า

        “ปู่ว่าเรามากินข้าวกันดีกว่าสองแสบ” เสียงของพายุเรียกให้ทุกคนต้องมองก่อนจะละทิ้งประเด็นเมื่อกี้แล้วหันมามุ่งกับการกินข้าวแทน

        เสียงช้อนที่กระทบจานเบาๆ กับเสียงสองแสบที่โม้เรื่องต่างๆ ชวนให้บรรยากาศที่โต๊ะอาหารดูครึกครื้น และอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความรักที่มีให้กันภายในครอบครัว

        ...

        มาแล้วววววว

        รักนะงับ ^___^

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 9

        เช้านี้ก็เป็นอย่างเช่นทุกวันรักษ์มักตื่นแต่เช้ามืดมาช่วยป้าอุ่นทำอาหารและงานอื่นๆ ที่พอช่วยได้

        “ทำอะไรทานหรือครับป้าอุ่น” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้าครัวมาเอ่ยถามขึ้นทั้งที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วจากหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา

        “ป้าจะทำโจ๊กหมูนะจ๊ะ” เธอบอกทั้งที่ง่วนอยู่กับหม้อบนเตา

        “ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ” ร้องถามทั้งมองบนโต๊ะว่ามีอะไรพอจะช่วยได้บ้าง สายตาเรียวก็เหลือบไปเห็นจานหมูสับที่ยังไม่ได้ปั้นก็เลยเอ่ยขอทำ “ผมปั้นหมูให้นะครับป้า”

        “จ๊ะ เอาเลย ขอบใจมากนะจ๊ะคุณรักษ์” เธอบอกไปเพราะป่วยการที่จะห้ามยังไงรักษ์ก็ต้องดื้อดึงทำอยู่ดี ตั้งแต่มาอยู่จนถึงวันนี้รักษ์คอยช่วยเหลืองานเธอตลอดทำให้เธอเบาแรงไปเยอะมาก เกรงใจไม่ใช่ไม่เกรงใจ ไอ้ห้ามก็ห้ามแต่คุณรักษ์ของเธอไม่ยอมฟังเลยหลังๆ มาเลยปล่อยตามใจคุณเขาไป

        “คุณรักษ์ค่ะวันนี้ป้าจะซักผ้าเดี๋ยวคุณรักษ์ช่วยเตรียมผ้าที่จะซักไว้ให้ป้าทีนะจ๊ะ” บอกไปทั้งที่รู้ว่าอีกคนคงจะตอบแบบเดิมอย่างทุกครั้ง แต่ก็ถามเผื่อว่าคุณเขาจะเปลี่ยนใจบ้าง

        “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมซักเอง” นั้นไงผิดจากที่เธอคิดที่ไหนกัน

        “อีกแล้วนะจ๊ะ ให้ป้าทำหน้าที่ของป้าบ้างเถอะ”

        “ป้าก็ซักของคุณลม แล้วก็ของน้องอินทร์น้องจันทร์อยู่แล้วนะครับ ของผมไม่เป็นไรเดี๋ยวผมซักเอง”

        “ก็พูดกับป้าแบบนี้ทุกที่สุดท้ายคุณก็ช่วยป้าทำเกือบทั้งนั้น” เธอว่าอย่างหน่ายๆ ทำไมถึงเป็นเด็กดีได้ถึงขนาดนี้ เธออยากรู้จริงๆ ว่ารักษ์ถูกเลี้ยงมาแบบไหนจะได้เอาไปสอนลูกสอนหลานเธอบ้าง

        “หึหึ ก็ผมว่างนี้ครับ”

        “ว่างอะไรกันค่ะต้องดูแลคุณหนูทั้งสองแท้ๆ”

        “เอาเถอะครับป้าให้ผมทำเถอะ อีกอย่างผมอยากสอนให้น้องอินทร์น้องจันทร์ทำด้วย เขาจะได้ช่วยเหลือตัวเองเป็น” รักษ์บอกทั้งรอยยิ้ม ยามที่นึกถึงสองแสบรักษ์รู้สึกมีความสุข และสนุกที่ได้ดูแลเด็กทั้งสอง อยากสอนอะไรหลายๆ อย่างให้น้องอินทร์กับน้องจันทร์จะได้ไม่ลำบาก จากที่คอยกังวลมาตลอดว่าจะดูแลสองแสบไม่ได้ในวันนี้กลับเปลี่ยนไปมันเป็นเหมือนเรื่องท้าทายอย่างหนึ่ง พอนึกว่าจะให้สองแสบทำอะไร จะสอนอะไรสองแสบดีมันทำให้ตื่นเต้น ยิ่งเห็นสองแสบยิ้มอย่างมีความสุขรักษ์เองก็มีความสุขด้วยเช่นกัน

        “ขอบคุณนะจ๊ะคุณรักษ์ที่รักคุณหนูทั้งสอง” เธอเอ่ยขอบคุณจากใจจริงๆ แค่มองตาก็รู้ว่ารักษ์ให้ความสำคัญกับคุณหนูของเธอแค่ไหนมันไม่เหมือนกับพี่เลี้ยงคนอื่นๆที่ผ่านมา ที่คอยแต่จะทำดีคุณหนูเพราะหวังจะเอาหน้ากับคุณลม นับว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้รักษ์มาเป็นพี้เลี้ยงให้คุณหนูที่เธอรักเหมือนลูกเหมือนหลาน

        “หึหึ ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็สองแสบออกจะน่ารัก หึหึ”

        “คุณรักษ์ก็พูดไป แสบอย่าบอกใครแบบนั้น” เธอเอ่ยแซ่วทั้งหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู ก็คุณหนูของเธอแสบจริงๆ นั้นแหละแต่ว่าเป็นเมื่อก่อนตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยความดีความชอบก็คงต้องยกให้คุณพี่เลี้ยงเขา

        เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะที่ดังจากทางครัวทำให้ลมเลที่พึ่งเดินลงมาจากชั้นสองต้องเดินไปดูแต่เมื่อได้ยินทั้งสองพูดถึงสองแสบก็ต้องหยุดเท้าลงเพราะอยากรู้ว่าทั้งสองจะพูดถึงลูกตนเองไปในทางไหน ไม่ใช่ไม่พอใจแต่แค่อย่างรู้ว่าพี่เลี้ยงรู้สึกยังไงกับลูกของเขาถึงจะรู้อยู่แล้วจากการสังเกตการกระทำของอีกคนแต่ก็ยังอยากฟังและคำพูดนั้นมันทำให้ลมเลต้องยกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปเอ่ยทักคนทั้งสอง

        “ทำอะไรกันครับ” เสียงทักที่ดังขึ้นเรียกให้รักษ์และป้าอุ่นต้องหันมอง

        “อ้าวคุณลมตื่นแล้วหรือค่ะ” เป็นป้าอุ่นที่ทักไปรักษ์ทำเพียงยิ้มทักทายเท่านั้นก่อนจะหันมาสนใจปั้นหมูก้อนสุดท้าย

        “ครับ ผมขอกาแฟสักแก้วนะครับ” ลมเลว่าเสร็จก็เดินออกไปทันทีแต่ไม่ลืมที่จะเหลือบมองพี่เลี้ยงที่ตั้งใจปั้นหมูอย่างไม่สนใจเขาเลย

        “เดี๋ยวผมชงกาแฟไปให้คุณลมเองครับป้าจะได้อยู่ดูโจ๊ก” พออีกคนเดินไปรักษ์ก็ร้องบอกขึ้นทัน

        “ป้าฝากด้วยนะจ๊ะคุณรักษ์” เธอว่าก่อนจะหันไปสนใจหม้อที่ตั้งอยู่บนเตารักษ์ทำเพียงยกยิ้มแล้วจัดการชงกาแฟให้กับนายหัวแห่งไร่สายลม

        “กาแฟครับคุณลม” รักษ์ยกกาแฟมาให้ลมเลที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็เหลือบมองดูนาฬิกาตรงผนังห้องพบว่าได้เวลาปลุกสองแสบแล้วเลยตั้งใจจะเดินขึ้นไปปลุกเด็กทั้งสองเสียงเรียกของลมเลดังขึ้นเสียก่อน

        “รักษ์” เสียงชื่อที่หลุดจากปากอีกคนไม่บ่อยนักที่รักษ์จะได้ยินเลยอดใจเต้นไม่ได้

        “คะ ครับ” รักษ์ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะเสียงสั่นทำไมแค่อีกคนเรียกชื่อแค่นั้นเอง

        “จะไปปลุกสองแสบเหรอ” ลมเลถามนิ่งๆ ทั้งยังอ่านหนังสือพิมพ์

        “ครับ” รักษ์ตอบไป ลมเลทำเพียงแค่พยักหน้ารักษ์เลยหมุนตัวจะเดินต่อแต่ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของอีกคน

        “อาทิตย์หน้ายายน้ำฟ้าจะลงมา” เห็นว่าเป็นเพื่อนกันก็เลยตั้งใจจะบอก แต่สีหน้าของรักษ์ที่ได้ยินทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ หรือ จำเป็นต้องยิ้มหน้าบานขนาดนั้นไหมคิดแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมารู้นี้ไม่บอกเสียก็ดี ลมเลพับหนังสือพิมพ์เก็บอย่างหงุดหงิด รักษ์เองก็งงกับการกระทำของอีกคน เป็นอะไรของเขา รักษ์ได้แต่สงสัย และต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของคนที่นั่งอยู่ ให้ตายเถอะกาแฟร้อนนะไม่ใช่เย็นทำไมไม่ระวังเลย

        “คุณเป็นอะไรมากไหม” รักษ์รีบเข้าไปถามไถ่ ลมเลทำเพียงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าไม่เป็นอะไรก่อนบอกให้รักษ์ไปปลุกสองแสบถ้าขืนให้อยู่ต่อมีหวังรักษ์ได้เห็นอะไรที่เขาไม่อยากให้เห็นแน่ๆ พอเห็นว่าอีกคนเดินไปแล้วลมเลก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังนึกด่าทอตัวเองในใจที่ไม่รู้เป็นอะไรนับวันยิ่งอยู่ใกล้พี่เลี้ยงลูกยิ่งทำให้เขาไม่เป็นปกติไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่มันคืออะไรก็เขาไม่ได้ใสซื่อขนาดไม่รู้อะไรสักหน่อยแต่มันจะจริงแท้แค่ไหนก็ต้องรอดูกันไปก่อนเพราะเขาอาจแค่เข้าใจผิดไปเอง

        “แสบวันนี้พ่อจะเข้าไปสวนทุเรียนจะไปไหม” ลมเลเอ่ยถามลูกทั้งสองหลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จแล้วคำตอบที่ได้รับทำเอาคนเป็นพ่อตกใจ

        “ไม่ไป...ครับ” พูดจบก็หันยิ้มโชว์ฟันขาวให้อารักษ์อย่างออดอ้อนเพราะเกือบลืมสิ่งที่อารักษ์สอน

        “ครับ?” ลมเลพูดขึ้นอย่างงงๆ แต่ก็ไม่เท่ากับสีหน้าประหลาดใจที่แสดงออกมา สองแสบพูดมีหางเสียงเป็นครั้งแรกคนเป็นพ่อก็อดประหลาดใจไม่ได้

        “เอ่อ มีอะไรหรือครับคุณลม” รักษ์ถามเพราะรู้สึกไม่สู่ดีกับสีหน้าของเจ้านายนี้เขาสอนอะไรน้องอินทร์ น้องจันทร์ผิดไปหรือเปล่า

        “ไม่มีอะไรแค่แปลกใจนิดหน่อย ไงแสบพูดเพราะก็เป็นนิ” ลมเลตอบก่อนจะหันไปคุยกับเด็กทั้งสอง

        “อารักษ์บอกเป็นเด็กต้องพูดเพราะๆ ครับ” ขุนอินทร์ตอบ

        “ต้องมีครับด้วย งั้นไม่น่ารักครับ” ขุนจันทร์ว่าต่อ

        พอได้ยินลูกทั้งสองลมเลหันมองรักษ์ทันที ไม่ได้จะตำหนิอะไรแค่ขอบคุณทางสายตารักษ์เองก็รับรู้ เรื่องการพูดจาของลูกความผิดก็เป็นเขาที่ไม่ใส่ใจลูกเองต้องขอบคุณรักษ์จริงๆ ที่ใส่ใจลูกเขามากขนาดนี้ไม่เคยมีพี่เลี้ยงคนไหนที่ดูแลลูกเขาได้ดีแบบนี้มาก่อนคงต้องขอบคุณน้ำฟ้าซินะที่ส่งรักษ์มาให้ พอคิดแบบนี้ความรู้สึกที่คลุมเครือมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชายสองคนจะรักกันได้ยิ่งเขาที่มีลูกอยู่แล้วไหนจะรักษ์ที่ไม่รู้ว่าคิดยังไงกับเขาอีก

        “เอาละพ่อไปทำงานดีกว่า ตกลงพวกเอ็งไม่ไปแน่นะ” ว่าทั้งยืนขึ้นเตรียมจะไป สองแสบรีบสายหน้าตอบกลับทันที “มีน้ำตกให้เล่นนะพวกเอ็ง” ลองล่อลวงอีกสักที สองแสบก็ยังสายหัว “อะไรของพวกเอ็งปกติมีแต่ตื้อจะไปด้วยไหนลองว่ามาสิทำไมพวกเอ็งถึงไม่ไป” เมื่อหมดความอดทนก็อดที่จะถามไม่ได้

        “น้องจันทร์จะช่วยอารักษ์ซักผ้าครับ” ขุนจันทร์ตอบทันทีทั้งยังยิ้มร่า

        “พี่อินทร์ก็ด้วยครับ” ก็วันนี้สัญญากับอารักษ์แล้วนี้น่าเด็กทั้งสองคิด

        “อย่างพวกเอ็งจะไปช่วยไรได้ มีแต่สร้างเรื่องสิไม่ว่า” ลมเลว่าทั้งยิ้มเย้ยลูกชาย รักษ์ถึงกับหลุดหัวเราะออกเสียงดังกับท่าทางของคุณพ่อลูกแฝดเล่นเอาลมเลต้องตวัดสายตามองรักษ์เลยต้องทำเป็นนิ่งทั้งที่ในใจอยากหัวเราะออกมาดังๆ ก็ผู้ชายตัวโตๆ มายืนเก๊กท่าแบบนี้มันเข้ากันที่ไหน

        ​

        ...

     

   

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
        ​

ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 10​​

        “อารักษ์ครับกางเกงๆๆๆ” เสียงร้องบอกพร้อมกับมือเล็กๆ ที่พยายามยกกางเกงขายาวตัวใหญ่สายไปมาเรียกรอยยิ้มให้คนมองอย่างเอ็นดู

        “เอาใส่ตะกร้านี้เลยครับน้องจันทร์” ว่าแล้วก็หยิบตะกร้าให้เด็กชายใส่แต่ด้วยความที่ตัวเล็กและกางเกงตัวใหญ่เลยยกชายกางเกงให้สูงลงตะกร้าไม่ได้ทั้งที่เขย่งแล้วเขย่งอีกเป็นเรื่องให้แฝดผู้พี่ต้องมาจับขากางเกงใส่ลงตะกร้าให้ก่อนจะปล่อยกางเกงทั้งตัวลงตะกร้า มองดูแล้วคงจะเหนื่อยไม่น้อยเพราะหน้าขาวๆ ของเด็กชายขึ้นสีแดงระเรือง คนมองเลยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับแก้มแดงๆ นั้น เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กชายอย่างชอบใจเพราะรู้สึกจั๊กจี้

        “อารักษ์เสื้อตัวนี้ละครับ” คำถามของขุนอินทร์เรียกให้รักษ์ละจากแก้มแดงๆ หันมาสนใจสิ่งที่เด็กชายอีกคนถาม

        “เสื้อสีเอาใส่ตะกร้านี้นะครับ” บอกทั้งตบมือลงบนตะกร้าที่อยู่ข้างตัว ทำให้ขุนอินทร์ยกเสื้อลงมาใส่ทั้งยังหยิบตัวอื่นๆ ที่เป็นเสื้อสีใส่ลงไปด้วย แฝดน้องเมื่อเห็นแฝดพี่ทำก็อยากทำบ้างเลยตั้งใจมาช่วยแต่สายตาดวงน้อยก็เหลือบไปเห็นกางเกงชิ้นน้อยๆ สีขาวเลยหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่า

        “อารักษ์ดูๆ ลิงพ่อตัวใหญ๊ใหญ่” ว่าทั้งยกกางออกให้ดูทำเอาคนเป็นพี่เลี้ยงตกใจ

        “น้องจันทร์!” มือขาวรีบไปแย่งจากมือของเด็กแสบทันที ให้ตายเถอะแค่เห็นสติของรักษ์ก็แถบจะหลุดลอยไปไกล หัวใจเต้นเร็วยิ่งกว่าไปวิ่งมาเสียอีกก็แค่ชั้นในของอีกคนทำไมเขาต้องใจเต้นขนาดนี้กันรู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ

        “อารักษ์ทำไมหน้าแด๊งแดงงงงงงง” ขุนอินทร์ว่าเสียงยาวเล่นเอาอารักษ์ของเขาสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้งมือขาวยกขึ้นจับหน้าตัวเองอย่างลืมตัว สองพี่น้องฝาแฝดมองอารักษ์อย่างงงๆ อารักษ์ของเขาเป็นอะไรแล้วทำไมต้องเอาลิงพ่อไปแปะหน้าด้วยพี่อินทร์น้องจันทร์ไม่เข้าใจ

        “เฮ้ย!” เสียงร้องดังลั่นออกจากปากของรักษ์ทำเอาสองแสบที่มองอยู่สะดุ้งโหย่งแต่สายตาจับจ้องไปที่สิ่งของในมืออารักษ์ที่ถูกเจ้าตัวโยนออกไปไกลก่อนจะหันกลับมามองอารักษ์อีกครั้งมือเล็กๆ ยกขึ้นเกาหัวแกรกๆ ดวงตาเล็กสองดวงหันมาสบตากันเป็นอันรู้กัน

        อารักษ์คงเหม็นลิงพ่อ

        “เอ่อ เอ่อ...” กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็เล่นไปเสียหลายนาทีมองสองแสบแล้วต้องยกมือกุมขมับขุนอินทร์ขุนจันทร์จะคิดไงกัน

        “อารักษ์เป็นอะไรคร๊าบบบ” ขุนจันทร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย

        “เอ่อ อารักษ์ไม่ได้เป็นอะไรเรามาแยกผ้ากันต่อดีกว่าครับ” ตอบปัดไปแล้วหันมาช่วยเด็กทั้งสองแยกผ้ากันต่อ เขาไม่ได้บ้าพอที่จะบอกว่าสติหลุดเพราะเห็นชั้นในของพ่อเด็กทั้งสอง แถมยังเอามาแนบหน้าอีกถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะพอนึกแล้วอยากจะมุดดินหนีใครรู้นี้อายยันชาติหน้า ไอ้รักษ์นะไอ้รักษ์ทำไมแกมันประสาทขนาดนี้ ว่าแล้วก็อดยกมือมาทึ่งหัวตัวเองไม่ได้แต่เหมือนมันจะเป็นการกระทำที่ไม่ควรเพราะสองแสบยิ่งมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เข้าไปอีก พอๆๆ หลังจากพยายามสู้รบปรบมือกับความคิดตัวเองไปพักใหญ่ก็ดึงตัวเองกลับมาให้เป็นปกติถึงแม้ในใจจะยังปั่นป่วนอยู่ก็ตาม

        “ต่อไปก็เสื้อผ้าของพี่อินทร์กับน้องจันทร์เอามาแยกเลยครับ”

        ทั้งสามใช่เวลากับการแยกผ้าอยู่พักใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่ก็เสียเวลากับการเล่นของสองแสบรักษ์ไม่ได้ว่าอะไรทำไปเล่นไปดีแล้วสองแสบได้รู้สึกสนุกกับการทำงาน

        “เสร็จเรียบร้อยเราเอาผ้าไปซักกันดีกว่าครับปานี้ป้าอุ่นคงเตรียมน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว” บอกทั้งหยิบตะกร้าผ้าขาวขึ้นมาถือไว้แล้วส่งตะกร้าชั้นในให้สองแสบถือเพราะตะกร้าเล็กกว่าเพื่อน รักษ์มองดูเด็กทั้งสองที่ช่วยถือตะกร้าคนละข้างแล้วอดยิ้มไม่ได้ช่วยประคองกันใหญ่เลยทั้งที่ตะกร้าใบเล็กนิดเดียว ก่อนลงบันไดรักษ์ไม่ลืมทีจะแย่งตะกร้าจากสองแสบมาเพราะกลัวว่าจะเดินลำบากดีไม่ดีพลาดท่าตกบันไดแล้วคงจะแย่

        “โอ๊ย!” เสียงร้องดังลั่นมาจากหลังบ้านทำให้รักษ์หยุดชะงักก่อนจะนึกได้ว่าเป็นป้าอุ่นเลยรีบวิ่งไปหลังบ้านทันทีสองแสบก็วิ่งตามอารักษ์เขามาติดๆ พอมาถึงได้ตะกร้าในมือรักษ์แทบหลุดลอยรีบวิ่งไปดูร่างของหญิงสาวที่นอนโอดครวญอยู่บนพื้นอย่างตกใจ

        “ป้าอุ่น!” รักษ์เรียกหญิงสาวอย่างตกก่อนจะรีบประคองร่างท่วมขึ้นแต่ทันทีที่จับเสียงร้องเจ็บปวดก็ดังขึ้นจนทำให้รักษ์ไม่กล้าจับกลัวว่าจะไปโดนจุดที่ป้าอุ่นบาดเจ็บ

        “ยายอุ่น!” สองแสบที่พึ่งเดินมาถึงก็รีบถลาเข้ามาดูอย่างตกใจ

        “ป้าอุ่นๆ เป็นยังไงบ้างครับเจ็บตรงไหน” รักษ์ถามขึ้นมาอย่างร้อนรนรู้สึกทำอะไรไม่ค่อยถูก

        “โอ๊ย ที่แขนกับขาค่ะคุณรักษ์ โอ๊ย” หญิงสาวบอกทั้งร้องโอดโอย

        “ปะ ป้า ลุกไหวไหมครับมารักษ์ช่วย” ว่าแล้วก็เข้าไปช่วยพยุงแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะป้าอุ่นเจ็บข้อเท้าแรงมากไหนจะที่แขนอีกแค่ขยับนิดก็เจ็บจนร้องเสียงดัง รักษ์รู้สึกวุ่นวายใจมากเป็นห่วงก็เป็นห่วงแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เขาจะทำยังไงดีคิดไม่ตกจริงหันไปมองสองแสบก็เห็นนั่งดูยายอุ่นทั้งร้องไห้ไปด้วย

        “จริงสิ พี่อินทร์น้องจันทร์ดูป้าอุ่นไว้นะอารักษ์โทรบอกคุณพ่อก่อน” ว่าจบก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านหาโทรศัพท์ทันทีรนจนกดผิดกดถูกกว่าจะโทรออกได้ก็เสียเวลาเป็นนาที เสียงรอสายยิ่งทำให้รักษ์อยู่ไม่ติดทำไมไม่รับสักทีนะความกังวลทำให้น้ำตามันตีตื้นขึ้นมา รออยู่ครู่ใหญ่ปลายสายก็รับ

        “คุณลมๆ” รักษ์รีบกรอกเสียงเรียกทันทีทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันขานรับ

        “ว่าไง” เสียงตอบรับจากปลายสายแทรกขึ้นมา

        “ป้าอุ่นๆ ช่วยป้าอุ่นด้วย ฮึก” รักษ์ร้องบอกทั้งสะอื้นแค่อีกคนรับน้ำตาเขาก็ไหลจิตใจร้อนรนไปหมด

        “รักษ์ใจเย็นๆ มีเรื่องอะไร” ปลายสายบอกเมื่ออีกคนพูดไม่รู้เรื่อง

        “ป้าอุ่น ฮึก หกล่ม คุณรีบมาบ้านเร็ว กะ แกขยับไม่ค่อยได้เลย ฮึก” เสียงสั่นๆ ร้องบอกด้วยแรงสะอื้นแรงขึ้น

        “ห่ะ! ใจเย็นๆ เดี๋ยวฉันรีบไป”

        “คุณรีบมานะ ฮึก” ปลายสายตอบรับมานิดหน่อยก็วางไปรักษ์เลยรีบเดินกลับไปหลังบ้านอีกครั้งเพื่อดูป้าอุ่น

        “อารักษ์ยายอุ่นเจ็บ ฮึก” ขุนจันทร์บอกทั้งชี้ไปทางป้าอุ่นที่นอนอยู่บนพื้นทั้งน้ำตาข้างๆ มีขุนอินทร์ยืนร้องอยู่ด้วย

        “ครับๆ ยายอุ่นเจ็บ ไม่ร้องนะมาดูยายอุ่นดีกว่าเดี๋ยวคุณพ่อมานะครับ ป้าอุ่นเป็นยังไงบ้างครับอดทนอีกนิดนะครับคุณลมกำลังมา” ทั้งสามนั่งมองดูคนเจ็บอย่างสงสารรักษ์คอยพัดลมและส่งยาหอมให้ไม่ขาด ทำไมลมเลถึงไม่มาสักที

        “ป้าไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่เจ็บแขนกับขานิดหน่อยเอง” หญิงสาวร้องบอกเพราะไม่อยากให้ทั้งสามคนเป็นกังวลไปมากกว่านี้ถึงตนเองจะเจ็บมากก็ตามแค่เห็นทั้งสามพร้อมใจกันร้องไห้คนแก่อย่างเธออดเสียใจไม่ได้

        “ไม่ต้องมาหลอกผมเลย” รักษ์บอกเสียงงอนจนคนเจ็บถึงกับยิ้มออกมาทั้งยังเจ็บ

        “รักษ์” เสียงเรียกดังจนรักษ์ต้องมองก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ

        “คุณลม”

        “ป้าเป็นยังไงบ้างครับ ไปโรงบาลกันครับ” ว่าจบก็รีบช้อนตัวคนเจ็บขึ้นแต่ต้องชักเมื่อคนเจ็บร้องเสียเสียงดังทำให้รู้ว่าตรงไหนไม่ควรจับ ลมเลค่อยๆ อุ้มร่างท้วมอย่างระวังก่อนจะพาไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน รักษ์เองก็รู้งานเปิดประตูรถรอเรียบร้อยลมเลค่อยๆ วางร่างคนเจ็บลงบนเบาะหลังอย่างระวัง

        “อยู่นี้นะ” ลมเลบอกกับรักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โดยมีสองแสบเกาะเอวอยู่คนละข้าง “ไม่ต้องเป็นห่วง” บอกทั้งยกมือลูบผมนิ่มรักษ์พยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกคนโอเคลมเลก็รีบตรงไปโรงพยาบาลทันที

        ลมเลอยู่โรงพยาบาลนานหลายชั่วโมงกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก็ปาไปเกือบเย็นก่อนจะขับรถกลับบ้านเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว พอเสร็จเรื่องก็ทำให้นึกถึงคนที่บ้านปานี้คงนั่งไม่ติดเลยรีบขับรถกลับ

        “คุณลม” เมื่อเดินเข้าบ้านมารักษ์ก็เรียกขึ้นรีบวิ่งมาทางเขาทันที “ป้าอุ่นเป็นยังไงบ้างครับ”

        “ปลอดภัยแล้ว” บอกทั้งเดินมานั่งที่โซฟาเพราะรู้สึกเพลีย รักษ์เมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบไปหาน้ำเย็นมาหาอีกคนได้รู้สึกดีขึ้น

        “แกเป็นอะไรมากไหมครับ” วางแก้วน้ำลงก็ถามไถ่ถึงอาการของหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

        “แขนหัก ข้อเท้าแพลงนอกนั้นไม่เป็นอะไร” จิบน้ำไปอึกใหญ่ก่อนจะบอกความ

        “ขะ แขนหักเลยหรือครับ คงเจ็บหน้าดูเลย” รักษ์ว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง ป้าอุ่นอายุมากแล้วแขนหักแบบนี้กว่าจะหายคงต้องใช้เวลานานกว่าปกติคิดแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้

        “ก็นะ แต่ตอนนี้แกดีขึ้นแล้วเลิกทำหน้าแบบนั้นสักที” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ได้ ให้ตายเถอะเขาไม่ชอบจริงๆที่รักษ์ทำหน้าแบบนี้มันทำให้รู้สึกเป็นห่วง

        “ครับ พรุ่งนี้ผมไปเยี่ยมแกได้ไหม”

        “ได้สิเดี๋ยวไปพร้อมกัน แล้วนี้สองแสบไปไหน” ถามหาลูกชายที่ตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นหน้า

        “อาบน้ำอยู่ข้างบนนะครับเดี๋ยวคงลงมา”

        “อืม” เกิดความเงียบขึ้นเมื่อไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรอีกทั้งที่ทั้งสองต่างอยากคุยด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไรดีทำให้รู้สึกอึดอัดแปลกๆ

        “เอ่อ อย่างนั้นผมขอตัวไปทำอาหารเย็นก่อนนะครับ” ว่าจบก็รีบลุกขึ้นเดินทันทีและด้วยความรีบร้อนรักษ์สะดุดเท้าตัวเองจนเสียหลัก ตกใจจนต้องหลับตาสนิทยอมรับความเจ็บที่จะได้รับแต่ก่อนที่ร่างกายจะตกถึงพื้นก็มีมือหนารั้งไว้แล้วกระชากเข้าหาตัวแต่เหมือนจะออกแรงมากไปหน่อยทำให้รักษ์กระแทกเข้ากับอกอีกคนอย่างจังจนร่างสูงเสียหลักลงไปนั่งบนโซฟาโดยมีร่างของรักษ์ตามติดมาด้วย ยามที่สายตาทั้งสองสบกันราวกับทั้งโลกหยุดนิ่ง สัมผัสได้เพียงลมหายใจที่รดหน้าอยู่ในระยะประชิด ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ทั้งสองต้องเลื่อนใบหน้าเข้าหาอย่างลืมตัว ความมัวเมาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทั้งสองตกอยู่ในห้วงของความรู้สึกและปล่อยให้มันนำพาไป ปากหนาค่อยๆ แตะลงบนปากอิ่มอย่างแผ่วเบาค่อยๆซึมซับความรู้สึก รสชาติที่ได้ลิ่มลองมันหอมหวานจนอดไม่ได้ที่อยากลิ่มลองมากว่านี้ ปากหนาค่อยๆ กดหนักขึ้นก่อนจะดูดรั้งกลีบปากอิ่มอย่างต้องการ ลิ้นร้อนไล่วนกลีบปากไปทั่วก่อนจะค่อยๆ แทรกผ่านกลีบปากอิ่มเข้ามา

        “พ่อ!” เสียงร้องเรียกปลุกให้ทั้งคู่ต้องหลุดจากภวังค์ลิ้นร้อนที่แทรกค้างไว้ถอยออกอย่างเสียดายพร้อมกับร่างของคนด้านบนดีดออกรวดเร็วราวกับโดนของร้อนสติที่หลุดลอยกับมาอีกครั้ง

        “อะไรของพวกเอ็ง เสียงดัง” ลมเลเอ็ดขึ้นเมื่อตั้งสติได้พยายามทำท่านิ่งทั้งที่ใจเต้นแรงไม่หยุด ต่างกับอีกคนที่ยืนตัวแข็งหน้าแดงแถมยังหลบหน้าเขาอีก

        “พ่อกัดปากอารักษ์ทำไม” ขุนอินทร์ว่าทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเหมือนยิ่งทำงานหนักขึ้นไปอีกอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่มันหาคำพูดไม่เจอ

        “พ่อนิสัยไม่ดีทำอารักษ์ ดูๆปากบวมเลย” ขุนจันทร์บ่นคนเป็นพ่อก่อนจะเดินเข้ามากอดอารักษ์ของเขา

        “เอ่อ เอ่อ” รักษ์พยายามจะพูดแต่ไม่รู้จะพูดอะไรมันตื้อไปหมด สติกลับมาสติ

        “หึหึ ใครว่าพ่อกัด” ลมเลพูดทั้งเหล่มองรักษ์อย่างเจ้าเล่ห์ “พ่อชิมต่างหาก หวานดี หึหึ” ว่าจบก็รีบลุกขึ้นเดินหนีมาทันทีเรื่องไรจะอยู่ให้อีกคนรู้ว่าเขาก็เขินเหมือนกันแค่นี้ก็เก๊กจะแย่อยู่แล้ว แต่มันก็หวานจริงๆนั้นแหละหอมมากด้วย หึหึ

        “คุณลม!”

        .........................................................................

          อ่านให้สนุกนะคะ รักทุกคนนนนนนนนนนนนนนนนน

        ตอนนี้ก็เรื่อยๆๆๆๆ หรือเปล่า ใครชอบโปรดบอกมาาาาาาา

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:



แทะเล็มๆ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 11

        ​

        “คุณลมเสร็จยังครับ สายแล้วนะครับ” รักษ์ร้องเรียกลมเลที่กำลังแต่งตัวอยู่ชั้นบนอย่างเร่งรีบเพราะเช้านี้พวกเขาตั้งใจจะไปเยี่ยมป้าอุ่น

        “นายจะรีบไปไหนนี้ยังไม่เก้าโมงเลย” ลมเลที่กำลังเดินลงบันไดตอบกลับมา

        “ก็ผมเป็นห่วงป้าอุ่นนี้ครับ รีบไปเถอะครับเดี๋ยวซุปเย็นหมด” ว่าจบก็จัดการพาสองแฝดขึ้นรถ “คุณลมเร็วๆ ครับ” ร้องเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลมเลไม่ยอมเดินตามมา ลมเลสายหน้าอย่างระอาให้มันได้อย่างนี้สิตกลงใครเป็นนายจ้างกันแน่บางที่เขาก็ชักสงสัย

        “อารักษ์ยายอุ่นเป็นอะไรมากไหมครับ” ขุนจันทร์ที่อยู่เบาะหลังถามขึ้น สองแฝดเองก็เป็นห่วงยายอุ่น

        “ยายอุ่นต้องไม่เป็นอะไรมากอยู่แล้วครับเชื่ออารักษ์นะ” ถึงจะบอกเด็กๆ ไปแบบนั้นแต่ใจจริงรักษ์ก็เป็นห่วงป้าอุ่นไม่ต่างจากสองแสบเลย

        “เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองเลิกหงอยสักทีให้ตายเถอะทั้งลูกทั้งพี่เลี้ยงพอกันเลย” ลมเลพูดตัดบทแต่ไม่วายบ่นลูกชายและพี่เลี้ยงที่ดูจะกังวลมากเกินเหตุ

        ใช้เวลาไม่นานทั้งสี่ก็มาถึงโรงพยาบาลและรีบมุ่งตรงไปหาป้าอุ่นเลยเพราะลมเลรู้อยู่แล้วว่าอยู่ห้องไหน

        “ยายอุ่นนนนนน” ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเสียงสองแสบร้องเรียกคนที่อยู่บนเตียงดังพร้อมกับวิ่งโร่เข้าไปหาจนรักษ์ต้องร้องห้ามเพราะกลัวจะเสียงดังกวนห้องข้างๆ

        “ป้าอุ่นสวัสดีครับเป็นยังไงบ้างครับ เจ็บมากไหม” รักษ์ยืนมองหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างห่วงใย ยิ่งเห็นแขนที่ปกคลุมไปด้วยเผือกนั้นแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงป้าอุ่นคงเจ็บมาก

        “อย่างที่เห็นแหละจ๊ะ ป้าไม่เป็นอะไรมาก” เธอบอกกับรักษ์ ก่อนจะรับไหว้ลมเลที่เดินตามเข้ามาทีหลัง

        “ไม่มากที่ไหนกันละครับ รักษ์ทำซุปมาฝากครับกำลังอุ่นๆ เลย ป้าอุ่นทานเลยไหมครับ”

        “เอาไว้ก่อนก็ได้จ๊ะ ป้าพึ่งทานข้าวไปเอง ขอบคุณมากเลยนะจ้ะ” เธอตอบรับทั้งดีใจที่รักษ์อุส่าห์ทำซุปมาให้ รักษ์พูดคุยถามไถ่อาการอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนจะขอตัวกลับเพราะจะได้ให้ป้าอุ่นพักผ่อน เพราะถ้าอยู่นานกว่านี้รักษ์ว่าป้าอุ่นคงอาการแย่กว่าเดิมก็สองแสบเล่นคุยจ้อไม่หยุดแถมยังกระโดดเล่นไปมากวนคนป่วยทั้งที่ตอนแรกยังกลัวป้าอุ่นเจ็บกันอยู่เลย

        “’งั้นรักษ์ขอตัวกลับก่อนนะครับป้าอุ่นได้พักผ่อน พี่อินทร์ น้องจันทร์ มาลายายอุ่นก่อนเร็วครับ เราจะกลับกันแล้ว” สองแสบพอได้ยินก็มายืนกันเรียบร้อยหน้าเตียงก่อนจะสวัสดียายอุ่นเสียสวยงามจนคนแก่อดชมไม่ได้

        “เดี๋ยววันหลังผมพามาเยี่ยมไหมนะครับ เรื่องค่ารักษาผมจัดการให้เองป้าไม่ต้องเป็นห่วง” ลมเลที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้นก่อนจะไหว้ลาหญิงสาว

        “ขอบคุณมากนะจ้ะคุณลม” เธอกล่าวขอบคุณจากใจจริงรู้สึกทราบซึ่งในน้ำใจของลมเลทั้งที่ลมเลไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้เพราะเหตุครั้งนี้เกิดจากการที่เธอไม่ระวังตัวเอง

        หลังจากกล่าวลากันเรียบร้อยก็ขอตัวกลับก่อนกลับบ้านลมเลแวะพาสองแสบกินไอศครีมก่อนเพราะแฝดเรียกร้อง ซึ่งตอนแรกก็กะจะไม่แวะแต่พอเห็นพี่เลี้ยงหน้าหงอยก็เลยต้องแวะจนได้

        “พี่อินทร์เอารสช็อคโกแลตครับ”

        “น้องจันทร์เอาสตอเบอรี่ครับ”

        นั่งปุบก็สั่งปับไม่ต้องรอเมนูกันเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ต่างจากรักษ์ที่ไม่ต้องดูเมนูก็สั่งได้เลยเพราะมีไอศครีมรสโปรดอยู่แล้ว

        “ของผมขอเป็นเรนโบว์ถ้วยใหญ่พิเศษครับ” รักษ์สั่งทั้งรอยยิ้มนึกถึงไอศกรีมแล้วน้ำลายจะไหล แต่คนฟังอย่างลมเลนี้หันมองแทบจะทันทีเพราะไม่คิดว่ารักษ์จะชอบมากถึงขนาดสั่งถ้วยใหญ่พิเศษ “คุณลมมีอะไรหรือครับ หรือจะเอาแบบผม” รักษ์ถามอย่างสื่อๆ ไม่ได้นึกแปลกใจเลยที่ลมเลมองนะคืออะไร

        “ไม่ละฉันไม่ชอบพวกหวานๆ เย็นๆ เท่าไหร่”ลมเลบอกไปตามจริง

        ระหว่างรอไอศกรีมสองแฝดก็ช่วยรักษ์คุยไม่หยุดรักษ์เองก็คุยสนุกกับเด็กๆ ไปด้วยก็มีแต่ลมเลที่นั่งฟังทั้งสามคนคุยกันอยู่เงียบแอบมีแซวสองแสบบ้างตอนโม้เสียเวอร์วัง ลูกใครก็ไม่รู้ช่างโม้เหลือ นี้ก็อีกคนเออออห่อหมกตามเด็กไปด้วยตกลงเขอยู่กับเด็กสองคนหรือสาคนกันแน่

        “ไอศกรีมช็อคโกแลต และสตอเบอรี่ค่ะ” สิ้นเสียงทั้งสามที่คุยกันออกรสก็พร้อมใจกันเงียบจ้องมองไอศกรีมตาโต

        “ว้าว มาแล้วๆๆๆ” เสียงขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ร้องย่างตื่นเต้นยามที่ไอศกรีมถูกวางลงตรงหน้า

        “กินระวังๆ อย่าให้เลอะนะครับพี่อินทร์ น้องจันทร์” รักษ์บอกเตือนเด็กๆ ทั้งสอง

        “ไอศกรีมเรนโบว์ถ้วยใหญ่พิเศษมาแล้วค่ะ” ว่าจบไอศกรีมหลากสีถ้วยใหญ่ก็ถูกวางลงตรงหน้าของรักษ์ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ยิ้มหน้าบานทันรีบหยิบช้อนขึ้นตักเข้าจนลืมใครอีกคนที่อยู่ร่วมโต๊ะเสียสนิทถ้าไม่ได้ยินเสียงไอเบาๆ ดังขึ้นมา “เอ่อ คุณลมทานด้วยกันไหมครับ” รักษ์เอ่ยถามอย่างเนียมอายเพราะดันเผลอทำตัวเป็นเด็กๆ ให้อีกคนเห็น

        “มันอร่อยมากขนาดนั้นเลยหรือไง” ลมเลไม่ตอบแต่ถามรักษ์กลับแทน

        “ชอบมากเลยละครับ มันอร่อย” บอกทั้งรอยยิ้มกว้าง

        “ก็คงจะจริงงั้นไม่สั่งถ้วยเบ้อเร้อ” ลมเลอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ารักษ์จะกินหมดจริงๆ หรือเปล่าเพราะไอศครีมถ้วยนั้นมันเทียบเท่าสามคนกินได้เลย

        “ก็ผมชอบ คุณลมไม่ต้องห่วงหรอกครับผมกินหมดแน่นอน” พูดจบก็ตักไอศกรีมคำโตเข้าปากก่อนส่งยิ้มให้ลมเล

        “ถ้าไม่หมดแหละน่าดูแน่” ว่าจบก็หยิบชาร้อนขึ้นจิบกลบความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นยามรักษ์ส่งรอยยิ้มมา

        “พี่อินทร์ปากเลอะหมดแล้วนะครับ ติดช็อคโกแลตดำเลย” รักษ์บอกขุนอินทร์ที่ตั้งหน้าตั้งตากินจนเลอะปากเต็มไปหมดก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดให้

        “ก็มันอร่อยยยยยย” บอกทั้งยิ้มโชว์ฟันที่ติดช็อคโกแลตจนดำทำเอารักษ์ยิ้ม ไม่เลอะแค่ปากฟันก็เต็มเลย

        “ครับรู้แล้วว่ามันอร่อย ทานกันต่อดีกว่าเนอะ” ว่าจบก็ตั้งไอศกรีมที่กินไปแล้วเกือบครึ่งถ้วยกินต่อแต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงของอีกคน

        “กินเป็นเด็กๆ” ลมเลว่าขึ้นทำเอารักษ์งงว่าใครกินเหมือนเด็กหันมองพี่อินทร์น้องจันทร์ก็ไม่เลอะนี่น่า “นายนั้นแหละไม่ต้องมองคนอื่นเขา”

        “ผมไม่ได้กินเหมือนเด็กสักหน่อย” รักษ์ค้าน อยู่ๆ มาว่าเขกินเหมือนเด็กได้ไง

        “จะไม่เด็กได้ไงก็เล่นกินเลอะขนาด อร่อยมากเลยหรือยังไง” ว่าแล้วมือใหญ่ก็เลื่อนไปตรงหน้าของรักษ์ก่อนจะให้ปลายนิ้วโป้งเช็ดลงตรงมุมปากของรักษ์ รักษ์จะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าลมเลไม่เอามันไปกินต่อ “อืม ก็หวานดี หอมด้วย อร่อยดี หึหึ” จบคำรักษ์แทบไปไม่ถูกไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรกมาก หน้าก็ร้อนวูบวาบไปหมด ‘คุณลมคนบ้าทำอะไรของคุณบ้าที่สุด’ นึกต่อว่าอีกคนในใจเพราะทำอะไรไม่ได้ แต่แล้วเสียงสองแสบก็ช่วยให้รักษ์หลุดจากความรู้สึกนี้

        “ไหนๆ พี่อินทร์ขอชิมด้วยยยยย”

        “น้องจันทร์ด้วยยยยยย”

        สองแสบพอได้ยินคนเป็นพ่อบอกว่าอะไรก็นึกอย่างชิมไอศกรีมหลายๆ สีของอารักษ์บ้าง

        “เสียใจพ่อชิมอารักษ์ได้คนเดียว หึหึ”

        “คุณลม! ” รักษ์ร้องเรียกอย่างตกใจเพราะคำพูดของลมเลมันแปลกๆ ยังไงชอบกล ชิมเชิมอะไรกันเล่าเล่นเอาอาการที่ว่าหายไปก็ดันกลับมาอีกครั้ง

        “ทำไมหน้าแดงร้อนหรือไง หึหึ” ลมเลแกล้งถามรักษ์ทั้งที่รู้ดีว่าเพราะอะไร

        “คนบ้า” รักษ์ว่ากลับมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอให้ลมเลได้ยิน ก็เลยได้รับเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์กลับมาอีกครั้ง รักษ์เงยหน้าไปจ้องมองอย่างคาดโทษก่อนจะหันมาสนใจกับไอศครีมตรงหน้าที่เริ่มสลายต่อ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ทางลมเลก็นั่งมองท่าทางของรักษ์อย่างชอบใจก็มันน่ารักดีเวลารักษ์เขินอาย แบบนี้คงต้องแกล้งบ่อยๆ เสียแล้ว

        ...

        มาแล้วจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา ลูกคู่มาแล้วจ้าาาาาาาาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ลูกคู่สื่อรัก 12



   วันนี้ก็ผ่านมาสี่วันแล้วหลังจากไปเยี่ยมป้าอุ่นที่โรงพยาบาล และวันนี้ก็เป็นวัที่ป้าอุ่นได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ลมเลเลยต้องไปรับ รักษ์เองก็อยากไปด้วยเช่นกันแต่กลัวจะไปวุ่นวายเลยเลือกรออยู่บ้านกับสองแฝด

   "อารักษ์ พี่อินทร์หิวววว"

   "น้องจันทร์ก็หิวววว"

สองแสบร้องบอกขณะกำลังระบายสีภาพ รักษ์เลยมองดูนาฬิกาที่ผนังก็พบว่าใกล้เที่ยงพอดี

   "ถ้าหิวก็เก็บของให้เรียบร้อยนะครับ ไปล้างมือแล้วนั่งรออารักษ์ที่โต๊ะนะพี่อินทร์ น้องจันทร์" บอกสองแสบเรียบร้อบก็มุ่งหน้าเข้าครัวไปเตรียมอาหารทันที วันนี้รักทำหมูชุบแป้งทอดกับต้มจืดสาหร่าย และมีนำ้พริกกะปิของลมเลด้วย พอนึกถึงลมเลก็นึกขึ้นได้ว่าอีกคนไปรับป้าอุ่นและไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลับมาตอนไหนเลยโทรถามลมเลทัน

   "ฮัลโหล คุณลม" กรอกเสียงลงไปทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

   "ว่าไง"

   "เอ่อ...ผมจะโทรมาถามว่ากลับกี่โมงครับ" ปลายสายเงียบไปครู่นึกจนรักแปลกใจจนต้องเสียงอีกคซำ้

   "มีอะไรหรือปลาย"ลมเลถามกลับเพราะอยากรอฟังก่อนว่าอีกคนมีธุระอะไรได้บอกถูก

   "คือผมเตรียมข้าวเที่ยงไว้ให้ เลยจะถามว่าจะกลับเข้ามากินข้าวบ้านไหมครับ" สิ้นคำถามคนปลายสายรีบตอบรับทันที ทั้งที่ลมเลเองยังจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลไม่เรียบร้อยแต่ก็จะเคลียร์ให้เร็วที่สุดเลยบอกให้รักรอกินพร้อมกันถึงจะรู้สึกไม่ดีที่ต้องให้รักษ์หิ้วท้องรอแต่เพราะอยากกินข้าวพร้อมกันกับรักษ์จะให้ทำไงได้ รักษ์เมื่อคุยกับลมเลเสร็จก็จัดการเตรียมสำรับให้สองแฝดที่คุยดังร่าเริ่งมาแต่ไกล

   "วันนี้มีอะไรให้น้องจันทร์กินบ้างครับบบบ"ขุนจันทร์ทึ่เดินมาถึงโต๊ะอาหารก่อนร้องถาม แต่พอเห็นอาหารบนโต๊ะก็ตาโตทั้น

   "ต้มจืดสาหร่ายยยย น้องจันทร์ชอบๆ"

   "พี่ิอินทร์ก็ชอบบบบบ" เสียงดังร่าเริ่งมาเลยทั้งสองคนเจอของชอบไม่ได้เลย

   "ถ้าชอบก็กินเยอะๆนะครับรู้ไหม" รักษ์บอกอย่างเอ็นดู

   "พี่อินทร์จะกินให้หมดเลยยยยยย"

   "อิอิ ครับๆๆๆ"

รักษ์นั่งมองสองแฝดที่ตั้งอกตั้งใจกินแล้วอดดีใจไม่ได้ที่สองแสบชอบอาหารที่เขาทำ ทั้งแต่ป้าอุ่นเข้าโรงพยาบาลรักษ์ก็เป็นคนจัดการเรื่องอาหารในบ้าน ปกติกับข้าวป้าอุ่นจะเป็นคนซื้อเมื่อแกปวดก็กลายเป็นว่ารักษ์ต้องไปซื้อเองโดยมีลมเลคนพาไปตลาดตอนเย็น ไปครั้งหนึ่งก็ซื้อกับข้าวมาตุ้นไว้ใช้สักสองสามวัน เพราะจะให้ไปทุกวันคงไม่ไหว เพราะรักษ์และลมเลพาสองแสบไปด้วยถ้าไปบ่อยมีหวังตลาดแตกแน่ นึกแล้วก็อดหัวเราะในความซนของทั้งสองไม่ได้

   "อารักษ์หัวเราะอะไรครับ"ขุนอินทร์ละจากการกินข้าวถามขึ้นก็อยู่ๆ อารักษ์ก็หัวเราะขึ้นมา

   "ไม่มีอะไรครับ กินข้าวต่อเถอะครับ"

   "แล้วอารักษ์ไม่กินด้วยกันหรืออออออ" ขุนจันทร์ถามทั้งยังเคี้ยวข้าวเต็มปากเลยถูกสายตาดุจากรักษ์ไปหนึ่งทีเด็กยิ้มเป็นการกล่าวขอโทษ

   "เดี๋ยวอารักษ์รอกินพร้อมพ่อครับ" เพราะลมเลบอกให้รอรักษ์จะรอแต่ถึงไม่บอกรักษ์ก็ตั้งใจจะรออยู่ถ้ารู้ว่าจะมาตอนไหน

ตอนนี้สองแสบกินข้าวเสร็จแล้ว เรียนพิเศษเสร็จ จนตอนนี้ก็เข้านอนกลางวันกันแล้ว บ่ายสองแล้วลมเลยังไม่กลับมาเลย นึกเคืองอีกคนขึ้นมาทันทีไหนบอกอีกไม่นาน นี้ปาไปสองสามชั่วโมงแล้ว ปล่อยให้รอกินข้าวอยู่ได้ไม่ยอมมาเสียที แต่มาคิดดูรักษ์มีสิทธิ์อะไรเคืองลมเลกันนะ เขาอาจจะหงุดหงิดเพราะโมโหหิวก็ได้รักษ์คิด ทั้งที่ตอนนี้รักไม่ได้รู้สึกหิวเลย

รักษ์ไม่อยากวุ่นวายใจไปมากกว่านี้เลยหัดไปจัดการเก็บกวาด ทำความสะอาดบ้านแทน ครู่หนึ่งก็มีเสียงรถที่คุ้นเคยดังขึ้นรักษ์ยิ้มขึ้นมาทันทีรีบละมือจากงานบ้านมุ่งไปรับอีกคนที่หน้าบ้านทัน เห็นลมเลหิ้วข้าวของเต็มไม้เต็มมือก็รีบเข้าไปช่วย

               “มาครับผมช่วย ซ้ออะไรมาเยอะแยะครับ” ยื่นมือไปรับทั้งเอ่ยปากถาม

               “ก็พวกกับข้าวเย็นที่จะได้ไม่ต้องออกไป” ลมเลตอบทั้งพากันเดินเอาข้าวของไปจัดเก็บในครัว

               “ทานข้าวเลยไหมครับเลยเที่ยงมานานแล้ว” รักษ์ที่จัดของเข้าตู้เรียบร้อยหันมาถามลมเลที่ยืนอยู่ข้างๆ

               “กินเลย หิวมาก” ว่าทั้งเดินไปเปิดดูกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะในครัว “นายกินข้าวหรือยัง”

               “ยังเลยครับ” รักษ์ตอบทั้งยกหม้อต้มจืดสาหร่ายมาอุ่น

               “รอฉันหรือ?” ลมเลถามอย่างสงสัยถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม

               “ก็ใครบอกให้ผมรอละครับ” รักษ์บอกทั้งมองค้อนอีกคน เพราะตอนนี้รักษ์รู้สึกหิวขึ้นมาอย่างมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้หิวแท้

               “ฮึฮึ ขอโทษที่มาช้าพอดีธุระมันช้ากว่าที่คิดนะ” ลมเลตอบทั้งรับจานข้าวจากรักษ์ นึกชอบใจสีหน้าของอีกคนน้อยครั้งที่จะได้เห็นรักษ์แสดงสีหน้าแบบนี้ ทั้งนี้รักษ์ทำหน้าดุใส่แต่ลมเลกลับยิ้มอย่างชอบใจ

               “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เอ่ยแก้ตัวอย่างเบาๆ รู้สึกอายขึ้นมาแปลกๆ ที่ทำกิริยาแบบในใส่ลมเล แต่ยิ่งเห็นลมเลยิ้มระรื่นรักษ์ก็นึกเคืองอีกคนหน่อยๆ

               “หืม หอมมาก” ลมเลว่าขึ้นเมื่อต้มจืดสาหร่ายร้อนๆ ถูกนำมาวางตรงหน้า มันหอมและน่ากินมากๆ เหมือนคนยกมาเลย ลมเลคิด เขานึกตลกกับความคิดของตัวเอง นับวันยิ่งจะถลำลึกไปเรื่อยเป็นถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังพิสูจน์หาคำตอบอีกทำไมกันก็รู้อยู่แล้วว่าใจมันต้องการอะไร คงเพราะรักษ์เป็นชายทำให้ลมเลต้องคิดทบทวนหลายๆ อย่างว่าสิ่งที่ตนเองรู้สึกมันจริงแท้แค่ไหน แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมากนี้มันทำให้เขารู้คำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า ลมเลชอบรักษ์จริง ต่อจากนี้คงต้องเดินหน้าให้สุดละนะ อันดับแรกคงต้องเอาสองแสบมาเป็นพวกให้ได้ยิ่งอย่างได้อารักษ์ไปเป็นแฟน เขาต้องสกัดลูกชายทั้งสองของเขาเสีย คิดแล้วก็นึกตลก

               รักษ์มองลมเลอย่างงงๆ กินข้าวอยู่ก็ยิ้มก็หัวเราะขึ้นมาเฉยๆ ลมเลเป็นอะไรไปหรือเปล่ารักษ์ทำได้แค่สงสัยแต่ไม่กล้าถามอะไรอีกคน

...

ตอนที่ 12 มาแล้วจ้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด