25
#Secretlove
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... มีคนเคยบอกว่า…
แก้วที่ทำแตกไปแล้ว มันไม่สามารถประกอบกลับคืนให้เหมือนเดิมได้
แล้ว…
แก้วที่ ‘ตั้งใจ’ ทำแตกล่ะ จงลืมความคิดที่จะประกอบมันคืนมาได้เลย
เนตรศิตรินเองก็เหมือนแก้ว หมอเป็นคนเขวี้ยงแก้วใบนั้นลงพื้นด้วยตัวเอง มันคงยากที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เนตรหายไปตั้งแต่วันนั้นที่ร้านเหล้า สองวันต่อมาหมอและมิวเจอกับเอที่ตึกวิศวะสอบถามเรื่องเนตรได้ความว่า เนตรตัดสินใจดรอปเรียนสักพัก ตอนนี้เนตรเองก็อยู่ในช่วงสับสนวุ่นวาย เขาเข้าใจ ไหนจะเรื่องคลิปที่ถูกปล่อย และไหนจะเรื่องการถูกปฏิเสธจากคนที่รัก มิวก็ได้แต่หวังว่าเนตรจะเข้มแข็งขึ้น แม้ลึกๆแล้วมิวเองถ้าอยู่ในสถานะเดียวกันกับเนตร เขาก็คงไม่สามารถเข้มแข็งเพียงข้ามวัน ข้ามสัปดาห์ ข้ามเดือนหรอก อาจจะเป็นหนึ่งปี สองปี หรือไม่สามารถทำได้จริงๆก็ได้ แต่มิวเชื่อว่าเนตรจะต้องทำได้ เขาภาวนา…
เรื่องคลิปที่เป็นประเด็นซึ่งถูกใครบางคนปล่อยลงในโซเชียล ดังกระฉ่อนเพียงชั่วข้ามคืน เพราะหลังจากนั้นหมอก็นำเรื่องขึ้นฟ้องกระแสเลยเงียบหายไป แต่ในใจทุกคนตอนนี้มองว่าเนตรเป็นตัวร้ายไปโดยปริยาย แม้เนตรจะเคยทำท่าหยิ่งจองหอง ปีนเกลียวใส่เขามากแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อมารับรู้ว่าคนๆนี้ต้องเจอกับอะไร และสูญเสียอะไรไปบ้าง เป็นเขาก็ทำเฉยไม่ลง เขายอมรับว่าสงสารเนตรมากจริงๆ
วันเวลาผ่านไปย่างเข้าปลายเดือนตุลาคมอย่างรวดเร็ว มันก็เท่ากับว่าวันงานวิชาการใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของหมอ เมื่อเนตรดรอปเรียน นักแสดงที่จะมารับบทไดอาน่าแฟนสาวของซูเปอร์แมนต้องหาใหม่ ซึ่งตอนนี้พวกวิศวะดูวุ่นวายในการคัดตัวมากโข พวกเขาจึงเปลี่ยนธีมในการเอาใจสาววายหันเหไปเอาใจคนดูทั้งมอ
พวกเขาเลือกผู้หญิงมาเป็นไดอาน่าแทน
อย่างที่บอก…
เมื่อแก้วใบเก่าแตกร้าว และถูกทิ้งไป
แล้วแก้วใบใหม่ที่ได้รับมาจะมีชะตากรรมอย่างไร
“อือ”
มิวครางในลำคอเบาๆ ดวงตาค่อยๆปรือขึ้น เขานอนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดม่าน แดดยามเช้าต้อนรับวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา มิวหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เช้าแล้วเหรอ”
หมอเองก็ตื่นแล้วเหมือนกัน มันนอนตะแคงหันมาทางเขา
พวกเขาทั้งสองส่งยิ้มทักทายกัน…เป็นยิ้มแรกยามเช้า ยิ้มแรก…ของคนแรก ของกันและกัน
นานแค่ไหนแล้ว ที่พวกเขามาอยู่ด้วยกัน ตื่นเช้ามาเอื้อนเอ่ยคำหวาน เป็นคนแรกของกันและกัน มันเลือนรางในความทรงจำ
เขาลงไปนอนใกล้หมอ แล้วยกมือทั้งสองขึ้นจับคางร่างสูง หมอครางเบาๆ
“เหมือนฝันเลย”
“เหมือนกัน”
พวกเขาจ้องตาอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
“เราเป็นของกันและกัน”
“อืม”
หมอขยับร่างเข้ามาใกล้ แล้วมอบจุมพิตต้อนรับวันใหม่ให้เขา เร่าร้อน แต่นุ่มนวล จูบจากคนที่ใช่ อะไรๆมันก็ลงตัวไปหมด
แต่…ยกเว้นมือที่เลื้อยแถวๆเอวเขาเนี่ยแหละ
เพียะ
เพียะ เพียะ เพียะ
“โอ๊ย ยอมๆ เจ็บครับเจ็บ”
มือปลาหมึกยอมล่าถอยไป มิวส่ายหัวเอือมระอา ให้มันได้อย่างนี้สิ หื่นที่หนึ่งต้องยกให้ผู้ชายชื่อหมอ อ้อ ไม่นับช่วงอ่อยนะ นั่นมันหมดโปรแล้ว
พออยู่ด้วยกันนานเข้า อะไรๆมันก็เปลี่ยนไป วันเวลายาวนานกัดกร่อนจิตใจเผยให้เห็นด้านที่ไม่เคยเห็นของกันและกัน อย่างเช่นตอนนี้
“แต่ไอ้นี่มันไม่ยอมลงอ่ะ”
ไอ้ที่ว่าเขินมันก็เขินอยู่ แต่ถ้าคุณเห็นมันจนชินล่ะ
ร่างสูงของหมอยกตัวขึ้นจากผ้าห่ม เผยให้เห็นกางเกงนอนลายสก๊อตสีเทา
หมอน้อย…กำลังเคารพธงชาติ
มิวปาหมอนใส่ร่างสูง หมอหัวเราะร่วน
“เก็บด่วน”
“อยากโชว์แฟนอ่ะ อยากเห็นข้างในมั้ย”
ถามแบบนี้ทุกครั้ง และคำตอบที่ได้ก็แบบเดิมทุกครั้งไป
“ไม่”
อย่ามาทำหน้าหมาหงอย ไปจัดการกับของตัวเองให้เรียบร้อย ไอ้หมอหื่น
“งั้นทำแบบนั้นให้หน่อยดิ”
วันนี้มีคำถามแปลกใหม่ หรือจะเป็นคำเชิญชวน
“แบบไหน?”
“แบบนี้ไง”
หมอมันสาธิตให้ดู เป็นวิธีการสาธิตที่อุบาทว์มากมาย
มันกำนิ้วทั้งห้ารอบหมอน้อยของมันที่อยู่ภายใต้กางเกง ทำให้ยิ่งเห็นสัดส่วนของหมอน้อยชัดเจนเข้าไปอีก
“ไปไกลๆ”
“ไม่กล้ามอง ใหญ่อะดิ”
“ไอ้หมอ”
เขาปาหมอนใส่มันรัวๆ
“กูยังรออยู่นะ”
มันส่งสายตาน้ำเชื่อมมาให้เขา แล้วลุกจากเตียงไป ให้ทายมันจะไปทำอะไร ก็คงไม่พ้นแม่นางทั้งห้าที่พอบรรเทาให้มันไป
เขาคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ไอ้เรื่องการอ้างขอดูพฤติกงพฤติกรรมมันคงใช้ไม่ได้แล้ว หมอเป็นคนรักใครแล้วรักจริง ไม่นอกใจและนอกกาย ตัวอย่างก็คงจะเป็นความอยากตามแบบผู้ชายที่เพิ่มขึ้นไม่ลดละ มันไม่เคยไปหาเศษหาเลยกับใคร เพราะอย่างนี้ผลกรรมจึงมาตกอยู่ที่เขา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา ของเขาคนเดียว
แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายอะไรจะแสนดีปานพระเอกหนังคงไม่มีจริงในโลก หมอสร้างความกดดันพร้อมๆกับแรงกระตุ้นให้เขาต้องตัดสินใจทุกวัน อย่างไอ้การบอกว่ามีอารมณ์ตอนเช้านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเพื่อพิชิตประตูหลัง
ถามว่ากลัวหมอเบื่อมั้ย ตอบเลยว่ามาก คุณเคยขออะไรไปซ้ำๆแล้วเขาก็ปฏิเสธกลับมาซ้ำๆแล้วเริ่มเบื่อที่จะขอมั้ย คุณเลยหันไปหาของสิ่งใหม่ที่ให้ได้ง่ายโดยไม่ต้องร้องขอ ในใจลึกๆเขาก็ยังไม่แน่ใจในการกระทำของผู้ชายที่ชื่อหมอ แต่ไอ้เรื่องฟันแล้วทิ้งเขาไม่ห่วง เขามั่นใจว่าหมอรักเขาจริง และจะไม่มีวันทำแบบนั้น
แต่ไอ้ที่กังวลคือเรื่องผู้หญิง
หลายคนอาจจะคิดว่าเขาบ้า เขาก็บ้าจริงๆ
มีเสียงน้ำไหลดังมาจากห้องน้ำ หมอคงเสร็จสิ้นภารกิจเช้านี้แล้ว เขาถอนหายใจโล่งอก
มันเดินออกมาด้วยบ๊อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนอย่างเคย บอกเลยภาพแบบนี้ ชินไปแล้ว
“วันนี้กูมีซ้อมละคร”
“หือ วันหยุดนี่นะ”
เขาถามหมอ ลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง
“อืม พี่เขากลัวไม่ทันว่ะ” เข้าใจ
วันงานใกล้เข้ามาแล้ว แถมยังต้องเปลี่ยนนักแสดง บทอะไรๆมันก็ต้องเปลี่ยนตาม แต่ก็แอบถอนหายใจโล่งอกที่บทจะเปลี่ยนให้เหมาะสมมากกว่านี้ เพราะแต่เดิมเนตรเป็นคนแสดง น้องเขาเป็นผู้ชายหมอก็เป็นผู้ชาย อย่างฉากแนบชิดกายมากมายก็ต้องปรับเปลี่ยนบ้างล่ะทีนี้
“แล้วจะกลับเมื่อไหร่”
“จนถึงเย็นนู่นแหละ”
“อ้าว งั้นข้าวเที่ยงก็ไม่ต้องออกมากินกับกูนะ เสียเวลา”
เขาบอกหมอ
ปกติเขากับหมอ เราทั้งคู่จะออกไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ไอ้การอยากมีอะไรมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกับคุณแฟนนี่ต้องยกความดีความชอบให้คนเจ้าคิดอย่างหมอไป แต่บางวันที่เวลาของเราสองไม่ตรงกันก็ต้องมาดูกันต่อไป อย่างเช่นวันนี้
“อึ๊ ไปด้วยกันเลยดิ”
“หา?”
“ก็ อยู่ดูกูซ้อมละครไง”
“เขาไม่ว่าเหรอวะ”
“น่า แฟนหมอซะอย่าง”
“ตามใจมากมาย”
“ครับ คุณแฟน”
มันทำหน้าล้อเลียน เขาจึงฟาดแขนไปฉาดใหญ่
โทษฐาน…ปีนเกลียวแฟน โอ๊ย เขิน
“งั้นกูก็ต้องลุกอะดิ”
“รออะไร ไปอาบน้ำเลย”
“…”
“หรืออยากให้กูถูหลังให้ จุ๊ๆ หรืออยากให้กูอาบเป็นเพื่อนอีกรอบครับ”
“ไปตายเลยแม่ง”
ปาหมอนรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ใส่มันก็ลุกขึ้นเดินปลิวเข้าห้องน้ำไป
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะขบขัน
เขาอมยิ้ม
เรามาเหยียบตึกวิศวะในเวลาสิบโมงกว่า หมอบอกว่าพี่เขานัดเก้าโมง เขาทำหน้าเอือมหมอ และซีดเผือดในเวลาต่อมา ทุกคนจะกล่าวโทษหมอมั้ยที่มาช้า ถ้าเป็นงั้นจริงความผิดทั้งหมดมันเป็นของเขา เพราะเขาใช้เวลาอาบน้ำ แต่งตัวนานไปหน่อย
ไม่ล่ะ…ไม่นานไปหน่อย แต่นานมากจริงๆ
“ที่เขานัดเก้าโมงคือนักแสดงคนใหม่”
“อ้าว?”
“กูหลอกมึง อยากเห็นแฟนทำหน้าสำนึกผิด”
“พ่อง”
“เดี๋ยวนี้กล้าใช้คำหยาบกับกูเหรอฮะ”
หมอลงมือจั๊กจี้เขา โอ้ย ขำน้ำตาเล็ด
“พอ ฮ่าๆ เดี๋ยว สายนะมึง”
เขาจับมือกันเดินเข้าตึกไป
สรุปกำหนดการคร่าวๆที่เขาได้ฟังจากปากหมอขณะเดินเท้าเข้าไปในตัวตึก หมอบอกว่าพี่เขานัดนักแสดงใหม่มาเวลาเก้าโมงเพราะต้องการเตรียมพร้อมพวกเขา ซึ่งมีด้วยกันประมาณหกคน แสดงเป็นไดอาน่าหนึ่ง และต้องเพิ่มเข้ามาอีกห้าตามบทที่เปลี่ยนแปลงไป
“อิหมอ อิตายยาก กูนินทาแป๊บๆเสือกเข้ามาละ”
ผู้หญิงห้าวคนหนึ่งเอ่ยทักหมอ ตอนพวกเขามาถึงในห้องซ้อมแล้ว
“ครับๆ เจ๊สอง หมอมาแล้วครับ”
“เออ ดีงาม นอบน้อมซะบ้าง 555”
แล้วนางก็หัวเราะเฉย
“กรี๊ด น้องมิวใช่มั้ยคะ”
“คะ…ครับ”
“อีบอยมันเล่าให้ฟังบ่อยๆค่ะ ตัวจริงนี่คือน่ารักมาก แหม ให้น้องมาเฝ้าหรือเอาน้องมากกคะ ติดสุด”
พี่สองหันไปจิกกัดหมอแทน
สังเกตว่านักแสดงคนเก่ายังทยอยมากันไม่ครบ ดูจากห้องซ้อมที่โล่งมากมาย มีกระจุกตรงนั้นตรงนี้ เขาได้รู้มาจากปากหมออีกนั่นล่ะว่าตัวละครในเรื่องมีมากเกือบสามสิบกว่าคนแน่ะ
แอบสังเกตเห็นกลุ่มผู้หญิงปีหนึ่งกำลังมองมาทางพวกเขา
“พี่หมอ สวัสดีค่ะ”
มีคนหนึ่งในกลุ่มเดินเข้ามาทักทายหมอ
-มีต่อนะ-